ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 4 :: ร่วมหมอน
รักละมุนอุ่นหัวใจ
บทที่ 4 ร่วมหมอน
หลังจากที่พิธีกรคนดังแนะนำสมาชิกใหม่เสร็จก็ปล่อยให้ผีเสื้อราตรีได้โบยบินกันเต็มที่ บรรยากาศในงานครึกครื้น เต็มไปด้วยบรรดาลูกผู้ดีมีเงินเป็นลูกค้ากระเป๋าหนักของที่นี่ที่ต่างตบเท้ามาประชันเสื้อผ้าหน้าผมกันอย่างไม่น้อยหน้าใคร และนักข่าวกระหายข่าว ดังนั้นเสียงเพลงสากลเพราะๆ จึงแข่งกับเสียงรัวชัตเตอร์ของบรรดานักข่าวหัวเห็ด
บุคคลที่ได้รับการจับตามอง และเป็นที่น่าสนใจมากที่สุดคือนางแบบสาวของ Glamour คนล่าสุดกับข่าวที่เจ้าตัวเพิ่งปฏิเสธงานพรีเซ็นเตอร์ที่ค่าตัวสูงลิ่วไปเรียกความสนใจจากชายหนุ่มมากหน้าหลายตาให้เข้ามาแวะเวียนทำความรู้จัก รดามีวาทศิลป์ในการพูดจึงสามารถรักษาความสัมพันธ์กับทุกคนไม่ให้ห่างเกินไปจนเรียกว่าถือตัวแต่ก็ไม่สนิทจนน่าเกลียด
“คนนั้นที่ขึ้นปก Glamour นี่คะ” มิรันตีบอกอย่างสนใจ หญิงสาวคิดว่าอีกสักครู่จะไปขอถ่ายรูปกับนางแบบสาวให้ได้ เผื่อจะอัพลงทวิตเตอร์
“อือ” อัษฎางค์ตอบสั้นๆ ขณะปรายตามองมองหญิงสาวที่หน้าแดงก่ำด้วยแอลกอฮอล์ ในมือของรดาถือแก้วเครื่องดื่มสีหวานเหมาะกับตัวสาวเจ้าเป็นอย่างยิ่ง
ไม่รู้ว่าดื่มไปกี่แก้วแล้ว ยัยบ้าเอ๊ย เดี๋ยวก็เมาหรอก
“เจ้านายไม่ไปทำความรู้จักหน่อยเหรอคะ” มิรันตีว่าทีเล่นทีจริงรอดูปฏิกิริยาผู้ชายมาดเยอะแต่อัษฎางค์ไม่ว่าอะไร ใช้แต่สายตาจับจ้องทุกกิริยาของสาวร่างอวบ
“ราตรีนี้อีกยาวไกล” อัษฎางค์หันมาขยิบตาให้มิรันตีแล้วลากหญิงสาวให้ลงไปร่วมสนุกข้างล่างด้วยกัน
ล่วงเข้าวันใหม่มาหนึ่งชั่วโมง บรรดานักเต้นเท้าไฟทั้งหลายยังออกลวดลายแดนซ์กระจายกันอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย รวมทั้งรดาที่เนื้อหอมเป็นพิเศษ
หญิงสาวรับไมตรีจากทุกคนที่เข้ามาทักทายพร้อมกับเครื่องดื่มสีสวย แต่นั่นไม่สำคัญเท่าการปฏิเสธผู้ชายที่เข้ามาเกี้ยวพาราสีเธออย่างสุภาพด้วยคำพูดที่ว่า ‘ขอโทษนะคะ ฉันพึ่งเลิกกับแฟนมา ยังไม่ว่างมีใครตอนนี้จริงๆ’ ซึ่งทำให้หนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ เพ้อถึงรดากันเป็นแถว
ไม่ว่ารดาจะเคลื่อนกายไปทางใด อัษฎางค์ก็สามารถมองเห็นแต่หญิงสาวในชุดสีม่วงเพียงคนเดียวราวกับมีสปอทไลท์ส่องเธอโดยเฉพาะ
“น้ำส้มสักแก้วไหม” เสียงทุ้มดังขึ้นข้างหูทำเอาสาวมั่นอย่างรดาขนลุกซู่ เมื่อเงยหน้ามองก็พบกับใบหน้าของอัษฎางค์ที่กระหยิ่มยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ “นาย”
“ครับ ผมเอง” ชายหนุ่มยื่นแก้วน้ำส้มให้รดา แต่หญิงสาวปฏิเสธทันที
“ไม่จำเป็น ฉันไม่รับเครื่องดื่มจากคนแปลกหน้า ยิ่งจากผู้ชายไม่น่าไว้ใจอย่างนายอีกล่ะก็ ไม่มีทาง” รดาพูดเสียงห้วนแม้ว่าตอนนี้สติสัมปชัญญะของเธอจะละลายไปกับแอลกอฮอล์หลายสิบแก้วก็เถอะ
“โธ่ ผมช่างน่าสงสารอะไรอย่างนี้ เรารึอุตส่าห์หวังดี ถูกมองอย่างนี้ ผมเสียใจนะ”
“หึ ผู้ชายอย่างนายน่ะคงเสียใจได้ไม่ถึงนาทีหรอก ดูสิมีผู้หญิงคอยปลอบใจนายตั้งเยอะ” รดาพยักพเยิดไปยังผู้หญิงที่มองอัษฎางค์อย่างสนใจ พวกเธอค่อนข้างจะไม่พอใจที่เขาเสียเวลาคุยกับเธอตั้งนานสองนาน
“หึงผมรึไง” ชายหนุ่มยิ้มรับสาวๆ ที่มองเขาอย่างสนใจ
“ฉันนี่นะหึงนาย ฝันไปเถอะย่ะ” ว่าแล้วเธอก็กระดกเครื่องดื่มจนหมดแก้ว
“คุณหึงผมจริงๆ ด้วย”
“นี่เวลาพูดน่ะ ให้คิดก่อนพูดไม่ใช่พูดแล้วค่อยคิด” รดาวางแก้วเครื่องดื่มแก้วเก่าแล้วหยิบเครื่องดื่มแก้วใหม่จากบริกรที่เดินผ่านไป
“อย่าดื่มมากก็แล้วกัน แล้วจะเสียใจ” อัษฎางค์ยึดแก้วเครื่องดื่มนั้นมาเป็นของตน บอกแล้วเลียริมฝีปากตัวเอง
หญิงสาวหน้าแดงกับอาการหยาบคายของเขา รู้ถึงความหมายของเขาดี จะว่าอะไรก็ไม่ได้เมื่อเขาเดินไปไกลแล้ว
เสียงเพลงค่อยๆ ลดจังหวะลง เหลือเพียงเสียงบรรเลงเปียโนคลอเบาๆ เป็นสัญญาณว่างานใกล้จบ และแล้วเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง อัษฏางค์กล่าวขอบคุณบรรดาแขกเหรื่อตามด้วยการประกาศผลสาวป๊อบแห่งค่ำคืน ผลเป็นไปตามคาด
“รดา วงศ์เศวตกุล” สิ้นสุดเสียงพิธีกรประกาศก็ตามด้วยเสียงปรบมือ ผู้ชายบางคนถึงขนาดเป่าปากดีใจที่เธอได้รับรางวัล หญิงสาวในชุดสวยสติแทบไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อเจอโจทย์เก่ายืนยิ้มแป้นแล้นบนเวที
อย่าบอกนะว่าอีตานี่เป็นเจ้าของ Disco พาเพลิน
รดาเดินขึ้นไปบนเวทีช้าๆ ทุกย่างก้าวช่างหนักอึ้งราวกับนักโทษประหารกำลังขึ้นแท่นประหารยังไงยังงั้น...เออ จริงด้วยไม่อย่างนั้นเขาจะมีห้องนอนในคลับแห่งนี้ได้อย่างไร เธอหน้าผะผ่าวเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เจอกันครั้งแรกที่ไม่ประทับใจนัก
“ให้ตายเถอะ” รดาสบถเบาๆ
หญิงสาวรู้สึกพะอืดพะอมอย่างบอกไม่ถูก ที่สำคัญเธอเห็นเขามีสามหัว นี่เขากลายร่างเป็นหมาสามหัวในหนังเรื่อง Harry Potter ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย
“ใครตายเหรอสาวน้อย”
“ฉัน...ไม่ใช่สาวน้อย...ของคุณ”
“คุณเมาแล้ว” เขาเดาเอาจากคำพูดป้อแป้ของเธอ
“ฉันไม่...เมา แค่พอกรึ่มๆ เข้าใจไหมแค่พอกรึ่มๆ ฮะ” ไม่ทันที่ทั้งคู่จะได้เปิดฉากทะเลาะกันอย่างเป็นทางการก็มีกรรมการสั่นกระดิ่ง
“ทาง Disco พาเพลิน มีรางวัลพิเศษให้กับคุณรดา ขอเชิญคุณอัษฎางค์เจ้าของ Disco พาเพลิน มอบของรางวัล”
หญิงสาวพยายามเพ่งมองอัษฎางค์แม้ว่าตอนนี้คอนแท็คเลนส์ของเธอจะเคลื่อนก็ตาม หากแต่ตอนนี้เธอโงนเงนเกินกว่าจะยืนด้วยตัวเองได้
เสียงกรีดร้องของสาวๆ ตามด้วยเสียงฮือฮาของบรรดาหนุ่มๆ ดังขึ้นเมื่อรดาเซปะทะอกกว้างของอัษฎางค์ เขารวบตัวเธอไว้ในอ้อมแขนก่อนที่เธอจะหล่นไปกองกับพื้น แล้วตามด้วยเสียงแฟลชของนักข่าวหัวเห็ด พาดหัวข่าววันพรุ่งนี้คงไม่พ้น ‘ไฮโซสาวตระกูลวงศ์เศวตกุลกับหนุ่มเจ้าของ Disco พาเพลิน’
พิธีกรแก้ไขสถานการณ์หลังจากที่ตกใจปนอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้น เขาไม่ได้เตรียมพร้อมกับสถานการณ์นี้ซะด้วย เมื่ออัษฎางค์ช้อนตัวรดาไว้แนบอกพิธีกรก็ยกครึ่งชั่วโมงสุดท้ายให้แขกเหรื่อคืนนี้ได้สนุกกันเต็มที่ก่อนที่งานเลี้ยงจะเลิกรา
งานนี้คงได้เล่ากันสนุกปากกันไปสามวันเจ็ดวันว่า ‘รดาถูกผู้ชายหิ้วเข้าห้อง!!’
อัษฎางค์มองคนที่นอนหลับไม่ได้สติ ใบหน้าหวานกระจ่างในบรรยากาศสลัว ผมยาวนุ่นดุจไหมสยายเต็มหมอน ชายหนุ่มเลือกจะเปิดโคมไฟบนหัวเตียงเพื่อไม่ให้แสงไฟรบกวนเจ้าหญิงนิทราองค์นี้ หากเมื่ออัษฎางค์ก้มลงมอบจุมพิตรดา หญิงสาวกลับไม่ตื่นเหมือนในนิทานที่เล่นขานกันมานาน เจ้าหญิงกลับเบือนหน้าหนี งึมงำอะไรไม่รู้ในลำคอ ทำให้ชายหนุ่มหัวเราะหึในลำคอก่อนหายไปในห้องน้ำ
ภายในห้องที่เงียบสงัด ได้ยินเพียงเสียงฝักบัวที่ดังเล็ดลอดมาจากห้องน้ำ ไฟสลัวๆ กระทบร่างของหญิงสาวที่นอนนิ่งมีเพียงลมหายใจสม่ำเสมอเท่านั้นที่บอกว่าเธอหลับสนิท
ประตูห้องน้ำเปิดออก อัษฎางค์ใช้ผ้าขนหนูผืนเล็กเช็ดผมให้แห้ง ทั้งเนื้อทั้งตัวเขาก็มีผ้าเช็ดตัวพันท่อนล่างเหมือนครั้งแรกที่พบหล่อน บ่ากว้างพราวไปด้วยหยดน้ำ ในมือเขามีผ้าขนหนูผืนเล็กอีกผืนหนึ่งที่เขาบิดพอหมาด
มือหนาเช็ดตัวให้เธอ...เบาๆ
ไม่ว่าผ้าเช็ดตัวสีขาวจะไปส่วนไหน ตาคมก็พลอยมองตามไปทุกส่วน อัษฎางค์ได้ยินเพียงเสียงหัวใจเต้นแรงราวกับว่ามันจะทะลุจากอก
ก๊อก...ก๊อก
ชายหนุ่มสะดุ้งก่อนละสายตาจากเนื้อนวลแล้วเดินไปเปิดประตูอย่างเสียไม่ได้ เมื่อสักครู่เขาโทรศัพท์ตามตัวมิรันตีให้มาจัดการหญิงสาวที่คออ่อนคอพับในอ้อมแขนเขา
“พี่ธามนะพี่ธาม เรื่องแค่นี้ทำไมไม่จัดการเองให้สิ้นเรื่อง” มิรันตีบ่นกับความไม่ได้เรื่องของพี่ชาย แล้วบอกให้ชายหนุ่มคนเดียวในห้องหันหลังแล้วเธอก็จัดการลอกคราบรดา
อัษฎางค์มองผนังห้อง มองโน่นมองนี่ ไม่มีเลยที่หันไปมองว่ามิรันตีจะจัดการอย่างไรกับรดา ชายหนุ่มแค่ไม่อยากควบคุมตัวเองไม่ได้ กลัวว่าจะเลยเถิดกับหญิงสาวน่ะสิ
“ก็พี่ไม่อยากเอาเปรียบเธอ มิก็เห็นนี่ว่าเธอเมาแล้วก็หลับไปแล้วด้วย”
ถ้าตอนตื่นค่อยว่าไปอย่าง
“เหรอ ปกติไม่เห็นสนเลยว่าจะได้เปรียบหรือเสียเปรียบ”
“โธ่ มิครับ รดาเขาจะเสียหายนะ” เขาบอกเสียงอ่อน
“โหย พ่อสุภาพบุรุษ ทำตัวเนิบนาบเป็นหอยทากเดี๋ยวจะถูกมอคอปอดอ” มิรันตีประชดขณะที่ห่มผ้าให้ร่างเปลือยเปล่า “เสร็จแล้ว พี่หันมาได้”
อัษฎางค์หันมาตามคำบอกของมิรันตีแล้วก็ต้องตาโตเมื่อนิ้วเรียวของเธอเกี่ยวสายชุดชั้นในของรดาหมุนควงแล้วโยนให้เขา ชุดชั้นในลูกไม้หล่นปุมาตรงหน้าเขาพอดี
“รู้จักไหมมอคอปอดอ หมาคาบไปแดกน่ะ”
อัษฎางค์มองบราเซียสีหวานในมือแล้วข่มอารมณ์บางอย่างที่ปะทุขึ้น ผ่อนลมหายใจแล้วออกปากไล่ยัยตัวกวนให้ออกไปให้พ้นหูพ้นตา
“เสร็จแล้วก็ออกไปได้แล้ว ไปๆ” มิรันตีชักไม่สบอารมณ์เมื่อเห็นว่าพี่ชายของตนซื่อบื้อ มือของเธอที่จับลูกบิดชะงักแล้วหันมาสั่งเสียพี่ชายของตน
“เผด็จศึกเลยสิพี่ธาม คนเมาสู้แรงไม่ได้หรอก สวยๆ ขาวๆ อย่างนี้ ปล่อยไปน่ะเสียดายแย่” อัษฎางค์คิดตาม คำพูดของมิรันตีดังก้องในหู
จริงสิ ถ้ามันจะเป็นการผูกมัดเธอไว้กับเขาตลอดไป เขาก็จะทำ คิดได้แค่นี้เขาก็เอาเสื้อผ้าของเธอมาโรยไว้รอบเตียงก่อนปลดผ้าเช็ดตัวของ
เขาให้หล่นไปกองบนพื้นแล้วค่อยๆ สอดร่างเข้าไปเคียงข้างกับร่างเปลือยนั้น
เขาให้หล่นไปกองบนพื้นแล้วค่อยๆ สอดร่างเข้าไปเคียงข้างกับร่างเปลือยนั้น
พรุ่งนี้หล่อนคงจะแผลงฤทธิ์ แต่จะเป็นรูปแบบไหนก็คอยดู ไม่ว่าเธอจะทำอย่างไรก็คงหนีเขาไม่พ้น เพราะถ้าเขาต้องการอะไรเขาก็ต้องได้
ผู้หญิงปากร้ายอย่างหล่อนต้องเจอผู้ชายร้ายกาจอย่างเขา
รดาซุกตัวหาไออุ่นเมื่อความเย็นจากเครื่องปรับอากาศทำให้หญิงสาวรู้สึกเย็นจนหนาว เมื่อขยับตัวก็รับรู้ถึงลมหายใจอุ่นสะอาดที่เป่ารดใบหู เธอเบิกตาขึ้นอย่างตกใจพบใบหน้าหล่อคมอยู่ห่างจากเธอไม่กี่เซ็น นั่นไม่สำคัญเท่าทั้งเนื้อทั้งตัวของเขาและเธอมีแค่ผ้าห่มผืนบางปกคลุม ที่ไม่ลืมคือเธอจำได้ขึ้นใจว่าเขาคนนั้นเป็นใคร
“กรี๊ด” เสียงแหลมกรีดร้องแล้วพลิกกายออกจากอกอุ่นเขาที่เธอนอนกกนอนกอดมาทั้งคืน นึกถึงหน้าอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามนั้นทำให้เธออยากละลายไปกับมัน
“หืม ตื่นแล้วหรอ” อัษฎางค์สะดุ้งตื่นจากเสียงแหลมบาดหูเมื่อลืมตาก็พบแม่เสือสาวที่เขาอยากจะปราบพยศนั่งกอดผ้าห่มมองเขาราวกับฆาตกรบ้ากาม!
“คุณทำอะไรฉันน่ะ” หญิงสาวตวาดถามออกไป เธอพยายามปรับสายตา นึกด่าตัวเองที่ถามอะไรโง่เง่าได้ขนาดนี้
ให้ตายเถอะ เธอนอนหลับไปทั้งๆ ที่ไม่ได้ถอดคอนแท็คเลนส์เนี่ยนะ
“คุณคิดว่าผมทำอะไรล่ะ นอนด้วยกันมาทั้งคืน ผมเป็นผู้ชาย คุณเป็นผู้หญิง” ว่าแล้วเขาก็แสยะยิ้มโชว์ฟันเสน่ห์ให้เธอ แต่อย่าหวังว่ารดาจะสนใจ
หึ ไม่มีทาง
“ตอแหล!! ” อีกครั้งที่เธอตวาด
ใช่ว่าเธอจะไม่มีความรู้เรื่องเพศศึกษามาก่อน บ่อยครั้งนักสมาร์ทว่าเธอทะลึ่ง เธอมักจะได้รับ Forward mail เรื่องรักๆ ใคร่ๆ จากเพื่อนชาวต่างชาติตัวโต ผิวหมึกที่เธอรู้จักตอนไปเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ดังนั้นภาษาจึงไม่เป็นอุปสรรคสำหรับรดา หญิงสาวจึงทราบว่าการมีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกของผู้หญิงจะต้องมีความเจ็บปวดบ้างล่ะ แต่ตอนนี้เธอรู้สึกปกติดีทุกอย่าง
ร้อยละ 99.99 ความรู้สึกของร่างกายบอกได้ว่าเธอปลอดภัย ส่วนอีกร้อยละ0.01 นั่นก็คงอยู่กับรอยแดงที่มีทั่วลำคอ และหน้าอก
“ผมหมายถึง กอด จูบ แตะนู่นหน่อย จับนี่หน่อยก็แค่นี้เอง” อัษฎางค์บอกอย่างภาคภูมิใจกับการกระทำของตัวเอง รดากระชับผ้าห่มแน่น
นั่นไหมล่ะ ทำไมเธอไม่เดาข้อสอบถูกอย่างนี้บ้างนะ
“ไอ้บ้า...โอ๊ย” แล้วรดาก็ประเคนหมัดใส่พ่อตัวดีที่กึ่งนั่งกึ่งนอนสาธยายฉากรักของเขา และเธอเป็นฉากๆ มือหนารับหมัดนั้นได้ทันท่วงทีแล้วบิดให้เธอแนบแผ่นหลังกับเตียงนุ่มอีกครั้ง
“ชู่ว พูดไม่เพราะเลย” อัษฎางค์ลอยหน้าลอยตาบอกแล้วล้มลงมาทั้งตัว ทั้งเนื้อทั้งตัวมีแค่ผ้าห่มกั้นอยู่เท่านั้น
ประตูห้องเปิดผางอย่างไม่มีเสียงเคาะเป็นสัญญาณมาก่อน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้อัษฎางค์สนใจว่าเขาและเธออยู่ในท่วงท่าที่ล่อแหลมจะจัดการให้เรียบร้อยแต่อย่างใด
“แย่แล้วพี่ธาม เป็นข่าวใหญ่แล้ว” มิรันตีที่อยู่ในชุดนอนสุดเซ็กซี่โยนหนังสือพิมพ์ให้เขาดู
‘หิ้วปีกรดา นางแบบสาว Glamour’ พาดหัวขาวตัวโตที่มิรันตีหวังดีไฮไลท์เป็นสีส้มแปร๋น
ภาพข่าวเป็นภาพของเธอที่สภาพดูไม่ได้นั่นแหละ ไม่รู้ว่าชายหนุ่มคนนั้นเป็นใครเพราะกล้องปรับโฟกัสมาจับใบหน้าหวานหยดที่เมาแอลกอฮอล์ของเธอ
“ข่าวไวฉิบ” เขาสบถหยาบคายแล้วขอผ้าเช็ดตัวที่หล่นอยู่ใกล้เท้ามิรันตี
มิรันตีโยนให้ชายหนุ่มตามเคย กอดอกมองผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชาย คอยดูว่าเขาจะจัดการอย่างไรต่อ
“หลับตา” สองคำสั้นๆ ของอัษฎางค์ทำให้สองสาวหลับตาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย อัษฎางค์ยืนอวดสัดส่วนนักกีฬาที่เขาแสนจะภูมิใจแล้วพันกายด้วยผ้าเช็ดตัว
เมื่อทั้งคู่ลืมตาเมื่อได้ยินเสียงปิดประตู รดาถอนหายใจเฮือกใหญ่โล่งใจเพราะไม่รู้จะปั้นหน้าอย่างไรกับสายตาคมกริบของเขา
ผู้ชายบ้า หน้าด้าน...คราวหน้าเธอจะลองเข้าไปดูในห้องน้ำว่ามันมีอะไรหนักหนา ทำไมเขาถึงชอบหายเข้าไปในห้องน้ำบ่อยๆ
“มิว่าคุณรดาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ห้องมิดีกว่า” แน่นอนล่ะว่าหญิงสาวไม่มีทางเลี่ยง
Disco พาเพลิน ไม่อนุญาตให้ใครเข้ามานอกจากแม่บ้านที่เข้ามาทำความสะอาดอาทิตย์ละหนึ่งครั้ง เธอจึงไม่ประดักประเดื่องที่เดินไปห้องมีรันตีด้วยผ้าห่มคลุมกายเพียงผืนเดียว ด้วยรูปร่างเจ้าเนื้อของรดาผิดกับร่างแบบบางของมิรันตี จึงไม่สามารถให้เธอยืมอะไรได้มากนอกจากเสื้อยืดที่เธอได้จากการทดลองขับรถและกางเกงกีฬาขาสั้นของมิรันตีสมัยยังเป็นนักกีฬามหาวิทยาลัย
รู้อย่างนี้ ลดความอ้วนอีกหน่อยก็ดี รดาบ่นขณะพาเจ้าเฟอร์รารี่ออกจากคลับ ป่านนี้ที่บ้านเธอจะว่าอย่างไรนะ ปกติเธอไม่เคยไม่นอนค้างอ้างแรมที่ไหน หรือถ้าจะไปก็ต้องโทรรายงานก่อนทุกครั้ง จะโทรได้ไงเล่าก็อัษฎางค์เล่นยึดกระเป๋าที่มีสมบัติบ้าของเธอไป ไม่รู้ว่ามาเปิดรถเธอตอนไหน คิดได้แค่นี้ก็หน้าแดงก็เมื่อคืนเธอเก็บกุญแจรถไว้ในบราเซีย!
“ไอ้บ้า” รดายังรู้สึกเสียดายกับใบหน้าหล่อๆ นั่นที่ไม่ได้ชิมรสหมัดของเธอ
คุณหญิงรดีสุดาถึงกับเป็นลมเมื่อเพื่อนๆ โทรมาบอกให้ลองเปิดเว็บไซต์ยอดนิยมของคนไทย ทำเอาคุณระรินทิพย์ต้องเรียกหายาดม ยาอม ยาหม่องเป็นการด่วน (ยาสองอันหลังไม่รู้ว่าเอามาทำไม)
เพื่อนสนิทของเธอถึงกับลมจับหลังจากอ่านข่าวที่มีคนเข้าชมเยอะมากที่สุดในเว็บนี้ ถ้าเป็นเธอก็คงไม่น้อยหน้าไปกว่านี้ หากเธอมีลูกสาวที่ถูกผู้ชายที่ไหนไม่รู้หิ้วปีกไปอย่างนี้ แม้ว่าเธอจะรู้ว่ารดาไม่ใช่หญิงสาวประเภทนั้น แต่เธอเป็นผู้หญิงย่อมเสียหายอยู่วันยังค่ำ
คุณระรินทิพย์เลื่อนสกรอลบาร์ลงมาอ่านข้อความที่พาดพิงถึงรดาอย่างห้ามใจตัวเองไม่ได้หลังจากสะดุดใจกับแผ่นหลังกว้างนั้น หุ่นแบบนี้ สูทตัวนี้...เอ คุ้นๆ
เธอตาโตเมื่อเห็นคำว่า Disco พาเพลิน ยกมือทาบอกอย่างตกใจ แย่งยาดมจากมารดาของรดามาดมแล้วนวดขมับตัวเอง
งานนี้ลูกชายตัวดีของเธอมีเอี่ยวด้วยแน่นอน
หลังจากที่เพื่อนรักฟื้นขึ้นมา เธอจึงเสนอทางเลือกให้ฝากรดาไว้กับอัษฎางค์ แรกทีเดียวคุณหญิงรดีสุดาปฏิเสธเนื่องจากความไม่เหมาะสมทั้งหลายทั้งปวงที่ยกมาเป็นข้ออ้าง
“เธอไม่อยากเที่ยวให้สบายใจก็ตามใจ” เมื่อเพื่อนรักทำท่าจะคล้อยตาม คุณระรินทิพย์จึงรีบใส่ไฟต่อ ไม่ปล่อยให้เพื่อนได้คิดนาน “หนูรดายังเด็ก จะไปทันคนอื่นเขาหรอ”
“...”
“ผู้หญิงก็คือผู้หญิงวันยังค่ำ จะทันผู้ชายพายเรือได้อย่างไร”
นี่ถ้าลูกชายเธอไม่เจ้าชู้ชนิดจับตัวยาก และถ้าเธอไม่อยากอุ้มหลานไวๆ ใครจะเหมาะสมเท่ากับรดา เพียบพร้อมทุกอย่าง ไม่ว่าจะหน้าตา การศึกษา ชาติตระกูล ที่สำคัญคือหล่อนจะไม่จะไม่เอาตัวเองมาใส่พานประเคนลูกชายเธอถึงที่เหมือนที่ผู้หญิงหลายคนพยายามทำมัน แต่กลับล้มไม่เป็นท่าเป็นแน่
คุณระรินทิพย์ยิ้มกริ่มเมื่อเพื่อนรักยกหูต่อสายข้ามประเทศไปหาลูกสาว ส่วนเธอก็เหมือนกันต้องไปกำชับลูกชายว่าตัวนั้นอยากได้ลูกสะใภ้คนนี้ใจจะขาด
รดาที่กลับมานอนต่อที่บ้านก็ถูกฉุดกระชากลากถูให้ตื่นมาพูดโทรศัพท์จากป้าแม่บ้านที่ไม่รู้ไปกินอะไรมาถึงฮึกเป็นพิเศษ
“ไม่ได้นะคะคุณหนู คุณหญิงแม่บอกว่าสำคัญมาก”
นี่เธอคงปฏิเสธไม่ได้ รดาบอกกับตัวเองก่อนตัดสินใจเอาหมอนใบโตที่ใช้ปกปิดเสียงรบกวนออก แล้วเอื้อมมือไปรับโทรศัพท์อย่างเสียไม่ได้
“สวัสดีค่ะ”
“นี่รดา ลูกทำอะไรน่ะ แม่เห็นข่าวแล้วนะ”
“ข่าวไหนคะ” รดายังจับต้นชนปลายไม่ถูก ช่วงนี้เธอเป็นข่าวบ่อยเหลือเกิน ใครจะมีหูทิพย์ตาทิพย์หยั่งรู้ไปได้ซะทุกเรื่องล่ะ เธออยากเถียงซะเหลือเกินว่าใครจะไปเป็น เหมือนคุณหญิงรดีสุดาที่จะได้รู้ไปซะทุกเรื่องแม้ว่าอยู่ไกลคนละทวีปก็เถอะ
“งามหน้าไหมล่ะลูกสาวฉัน” หากรดาได้เห็นมารดาตนคงได้เห็นว่าเธอยกมือทาบอกอย่างตกใจเมื่อลูกสาวยังเป็นทองไม่รู้ร้อน
“ก็ข่าวที่แกโดนผู้ชายที่ไหนไม่รู้หิ้วปีกออกไปนะสิ” มารดากล่าวแถลงไข รดาก็ถึงบางอ้อทันที
“อ๋อ...อ เรื่องนี้นี่เอง ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เธอลากเสียงยาวก่อนอธิบายให้มารดาฟังอย่างเมามันว่าไม่มีอะไรในกอไผ่อย่างแน่นอน
“ถึงอย่างนั้นหนูก็ต้องไปอยู่กับลูกของน้าทิพย์หนึ่งสัปดาห์ จนกว่าแม่จะกลับ”
“โหยไม่เอานะ รดาโตแล้ว ดูแลตัวเองได้” หญิงสาวย่นจมูกอย่างขัดใจ
“ไม่ต้องมาโหย เราไปเก็บเสื้อผ้าเลย เดี๋ยวพี่เขาจะมารับหนูอีกสิบห้านาที”
“หึ หนูไม่ไปก็คือไม่ไปเข้าใจไหม” เป็นว่ารดาพูดกับตัวเองดังๆ เมื่อมารดาชิงวางสายแล้ว หญิงสาวยักไหล่ ไม่ใส่ใจกับคำสั่ง ล้มนอนต่ออย่างมีความสุข
“แล้วนั่นเก็บกระเป๋าไปไหน” เธอถามสาวใช้ที่พับเสื้อผ้าของเธอเป็นระเบียบเรียบร้อยใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่
“เก็บเสื้อผ้าให้คุณหนูค่ะ”
“เก็บไปไหน ฉันไม่ได้ไปไหนสักหน่อย” เด็กรับใช้เงยหน้ามองรดาแวบหนึ่งแล้วจัดการเก็บเสื้อผ้าต่อ รดาชักสีหน้าเมื่อไม่อาจสั่งสาวใช้ในบ้านได้ “เอ๊ะ ฟังที่ฉันบอกไม่รู้เรื่องหรือไง”
“คุณหญิงบอกหนูแล้วค่ะว่าคุณหนูต้องพูดแบบนี้ ท่านบอกว่าอย่าไปเชื่อคุณรดา” ไม่มีทีท่าว่าผู้ใต้บังคับบัญชาจะกลัวเสียงคุณหนูแปดหลอดแต่อย่างใด
ก็เพราะคุณแม่ถือหางอยู่อย่างนี้น่ะสิ หึ ไม่เห็นสนเลย เดี๋ยวรอพี่สาวคนนั้นมาแล้วเธอค่อยจัดการ ให้เธออ้อนหน่อยเดียว คร้านจะใจอ่อน
รถวีออสตีวงโค้งเข้ามาจอดหน้าบ้าน อัษฎางค์อารมณ์ดีหลังจากได้รับคำสั่งจากมารดาให้มารับเด็กเจ้าปัญหาไปเป็นเด็กในปกครองหนึ่งสัปดาห์ แรกทีเดียวเขานี่แหละที่มีปัญหา
‘ไม่เอานะครับแม่ คลับของผมไม่ใช่ที่ดัดสันดารใคร แล้วอีกอย่างผมกำลังจะพักร้อนด้วย’
‘พอดีเลย ธามจะได้ดูแลน้อง’
‘แม่ครับ ผมต้องการพักผ่อนนะครับ จะให้ดูแลเด็กได้ไงกัน’
‘น้องเขาไม่เด็กนะ ยี่สิบสองย่างยี่สิบสาม ที่สำคัญน่ารักซะด้วย’
‘ผมไม่เอาด้วยหรอกครับ ผมไม่ได้รักเด็กนะครับแม่ ปวดหัวตายเลย’
‘โธ่ ก็ช่วยแม่หน่อยไม่ได้หรือไง ก็นึกว่าได้น้องสาวอีกคนหนึ่ง’ คุณระรินทิพย์พยามหว่านล้อม
‘ไม่เอาล่ะครับแม่ แค่มิรันตีคนเดียวผมก็ปวดหัวพอแล้ว’ เขาพูดจริง แค่มิรันตีเขาก็ขยาดเกินพอ ไม่ใช่ว่าเธอจะทำตัวน่ารำคาญหรอก เพียงแค่เขาต้องสวมหน้ากากสุภาพบุรุษที่เขาไม่ค่อยจะมีสักเท่าไหร่
‘น่านะ แค่งานนี้งานเดียว แล้วแม่จะไม่กวนลูกอีก’ และเป็นอีกครั้งทีเขาไม่อาจปฏิเสธมารดาได้เลย
ให้ตายเถอะ จะมีสักครั้งไหมทีเขาจะชนะคารมคมคายของมารดาได้
‘เธอชื่ออะไรนะครับ’ เมื่อรู้ว่าเลี่ยงไม่ได้ เขาก็ต้องจำยอม
‘รดา’
‘หืม’ คิ้วหนาขมวดหากัน เขารู้สึกว่าพักนี้ชื่อนี้ดูเหมือนจะโหล ไม่ว่าจะไปทางไหนก็ได้ยินแต่ชื่อนี้
‘ไม่ต้องมางง แม่เปิดทางให้ขนาดนี้แล้ว ทำให้สำเร็จก็แล้วกันนะ’ คุณระรินทิพย์หัวเราะก่อนตัดสายไป
อัษฎางค์อยากกระโดดกอดมารดาที่รู้ใจเขา แน่ล่ะว่าเขาจะไม่ทำให้มารดาเสียใจ
ดวงตาคมมองท้ายรถเฟอร์รารี่เลขทะเบียนสวยที่นอนเล่นในโรงรถบอกได้ว่าเจ้าของบ้างไม่ได้ออกไปไหน
“สวัสดีค่ะ คุณธาม คุณหนูยังไม่ลงมาเลยคะ จะให้ไปตามหรือเปล่าคะ” เด็กรับใช้ลากกระเป๋าลงมาตามบันไดรีบบอกชายหนุ่มเมื่อเลยสิห้านาทีที่คุณผู้หญิงของบ้านโทรศัพท์ข้ามแดนไกลโทรมาสั่งธุระ
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจัดการเองครับ เออ แล้วกระเป๋ายกไปที่รถได้เลยนะครับ” อัษฎางค์บอกเป็นเชิงให้เด็กรับใช้ไปทำงานต่อ
เมื่อลับหลังเด็กรับใช้ ร่างสูงย่องขึ้นบันได ห้องนอนของรดาหาไม่ยากเพราะเจ้าหล่อนนำโปสเตอร์รูปรองเท้าส้นสูงปรี๊ดสีแดงในเรื่อง The Devils wear Prada
เข้าใจคิดแฮะ ว่าแต่เธอก็เหมือนนางเอกเรื่องนี้เหมือนกันแฮะ ผมยาวหน้าม้าสีดำ ผิวขาว จะต่างก็ที่เธออวบกว่า แล้วก็ผมเธอยาวไม่เท่าก็แค่นั้น
“ตื่น” รดาได้ยินเสียงทุ้มใกล้หูก็นึกว่าตัวเองเก็บผู้ชายคนนั้นมาฝันเป็นตุเป็นตะ หญิงสาวพึมพำอื้ออ้าในลำคอ อัษฎางค์นึกขำชุดนอนของเธอ ไม่อยากเชื่อว่าเธอยังจะใส่ชุดนอนลายหมีพูห์!
เขาอยากเห็นเธอใส่ชุดนอนซีทรูมากกว่า
“เฮ้อ ท่าจะเป็นเอามาก”
“ไม่มากหรอก” ครานี้ทำเอาเธอขนลุกซู่เมื่อเขาใช้ริมฝีปากงับใบหูเธอพอหวิว
“อ๊าก...ก” รดากระเด้งขึ้นผลักอกเขาออกห่าง อัษฎางค์ก็แกล้งทำเป็นเซไปตามแรงผลักนั้น
“มาได้ไงเนี่ย” เธอยังงงๆ เอ๋อๆ ที่ได้เห็นเขาที่นี่
“ผมมารับคุณ”
เอ๊ะ เขาว่าอะไรนะ มารับหรอ จะไปไหนล่ะ ก็เธอต้องรอเจรจาอย่าศึกกับลูกของเพื่อนของคุณหญิงแม่ที่จะมารับนี่นา หรือว่า...
“หนึ่งอาทิตย์หรือนานกว่านั้น จนกว่าคุณหม่ามี้คุณจะกลับ”
โอ้ว ไม่นะ รดาร่ำร้องในใจ เธอไม่มีทางอยู่กับผู้ชายปากว่ามือถึงอย่างเขาหรอก
“ไม่นะ ฉันไม่ไป” เธอบอกเสียงห้วน
อัษฎางค์ยิ้มยียวน แล้วทำปากพะงาบๆ ว่า ‘ไม่มีทาง’ แล้วดึงเธอลงจากเตียงไม่สนใจว่าเธอจะยอมไปด้วยหรือไม่ รดาสะบัดมือเขาที่จับแขน
เธออย่างถือวิสาสะ
“จะไปกับผมดีๆ หรือจะให้ใช้ความรุนแรง” อัษฎางค์ค่อนข้างจะไม่พอใจกับสายตาเหยียดๆ และการกระทำที่ไม่น่ารักของหญิงสาว
ไม่มีซะหรอกที่รดาจะกลัวคำขู่ของเขา หากแต่สายตานั่นบอกได้ว่าเขาเอาจริง แม้ว่าเธอจะรักษาระยะห่างจากเขา แต่ก็ใช่ว่าจะไว้ใจได้
ตานี่ไวกว่าปรอท
“หนึ่ง สอง สาม ...” อัษฎางค์คว้าหญิงสาวก็ได้แต่ลมเมื่อสาวเจ้าวิ่งขึ้นไปบนเตียงแถมแลบลิ้นปลิ้นตาล้อเลียนเขา
อย่างนี้มันน่า...นัก!!
“จ้างให้ก็จับไม่ได้” รดายักคิ้วยั่ว โดยไม่ทันได้ตั้งตัวก็ล้มตึงไปบนที่นอนเมื่ออัษฎางค์กระโจนคว้าข้อเท้าเธอไว้ ไม่นึกว่าเขาจะทำอย่างนี้
อัษฎางค์ลากรดาอย่างถูลู่ถูกังแล้วแบกหญิงสาวพาดบ่าก้าวดุ่มๆ ลงบันไดท่ามกลางความตกอกตกใจของบรรดาเด็กรับใช้และแม่บ้านที่คุณหนูของบ้านด่าชายหนุ่มเสียๆ หายๆ พร้อมกับส่งเสียงกรี๊ดๆ อย่างไม่พอใจ
“กรี๊ด ไอ้บ้าปล่อย ไม่ได้ยินหรือไง ปล่อยฉันลงนะ” มือบางทุบทั้งบ่าและหลังของเขา
ชายหนุ่มหันมายิ้มหวานโชว์ลักยิ้มบาดใจกับป้าแม่บ้าน ผงกหัวราวกับทำความเคารพ มือบางไม่หยุดทำร้ายเขา อัษฎางค์จึงฟาดไปที่สะโพกของเธอสองสามที รดาถึงหยุดการทำร้ายเขาได้แต่ก็ไม่วายดิ้นยุกยิก
เมื่อถึงวีออสคันงาม เขาก็ยัดเธอเข้าไปพร้อมปิดประตูให้เสร็จสรรพ แล้วกดล็อคด้วยรีโมท อัษฎางค์อ้อมมาอีกด้านแล้วค่อยปลดล็อคแล้วขึ้นไปบนรถแล้วออกรถไปด้วยความเร็ว
เด็กรับใช้และแม่บ้านยิ้มให้กันอย่างอารมณ์ดี ผู้หญิงหัวดื้ออย่างรดานี่สมควรถูกอัษฎางค์ปราบให้อยู่หมัด
“อย่างนี้จะรอดหรือคะ” เด็กรับใช้ถามป้าแม่บ้านผู้สูงวัย คนหนึ่งก็แรง ส่วนอีกคนไม่ต้องพูดถึงแรงกว่าเป็นสองเท่า
รดากรีดร้องเมื่อไม่ได้ดั่งใจ เมื่อเห็นว่าเล่นงานเขาไม่ได้จึงเปลี่ยนเป็นเปิดเพลงเสียงดังหวังว่าเขาจะโยนเธอออกจากรถ แน่ล่ะว่าเธอจะยินดีมากๆ ชายหนุ่มหันมามองเธอเพียงแวบเดียวแล้วหันไปสนใจการจราจรเบื้องหน้าต่อ
“นายอัษฎางค์ ฉันไม่ต้องการไปกับนายเข้าใจไหม” อาการนิ่งเฉยของเขาทำให้รดาตวาดสุดเสียง
“...”
“จอด ฉันบอกให้จอด” รดาตวาดอีกครั้ง ทำหน้ายักษ์ใส่เขา แต่ผลลัพธ์ก็ยังคงเดิม
เฮ้อ อยู่กับอีตานี่ทีไรเธอต้องโชว์พลังเสียงทุกทีเลย
“นายกำลังทำให้ฉันโกรธ นายไม่ได้ยินที่ฉันสั่งหรือไง” หญิงสาวประสาทเสีย น้ำเสียงของเธอยามไม่พอใจสามารถสั่งใครก็ได้ แต่นั้นไม่ใช่เขาคนหนึ่งล่ะ
ความอดทนของรดาสิ้นสุด หญิงสาวแย่งพวงมาลัยรถ ไม่สนใจว่าจะเกิดอันตรายใดๆ เสียงบีบแตรของรถคันหลังดังลั่นในขณะที่อัษฎษงค์เหยียบเบรกตัวโก่ง รถวีออสหยุดกึกชนกับขอบฟุตบาท
“เดี๋ยวก็ได้ตายกันหมดหรอก” เป็นครั้งแรกที่ชายหนุ่มตวาด ดวงตาประกายกร้าว มองหญิงสาวที่เสียสตินั่งหอบอยู่ข้างๆ
“ฉัน...” รดาอึ้งกับการกระทำของตัวเอง อัษฎางค์ส่ายหัวกับการกระทำเด็กๆ ของเธอ
“คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งผม เพราะคุณจะต้องอยู่ในความดูแลของผมตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงจนว่าคุณแม่คุณจะกลับมา” ชายหนุ่มหันหน้ามาบอก
“เพราะฉะนั้น อย่าดื้อ อย่าซน อย่าเถียง” จบประโยคเขาก็หันไปมองถนนอีกครั้ง
รดาที่เพิ่งก่อคดีไปหมาดๆ บอกกับตัวเองว่ายอมให้เขาไปก่อน แล้วค่อยหาทางออกทีหลัง มาวัดใจกันดูสักตั้งว่าเขาหรือหล่อนที่จะแน่กว่ากัน!!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น