ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sweetheart รักละมุนอุ่นหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่ 3 :: อกหักเพียงครั้งยังไม่ตาย

    • อัปเดตล่าสุด 21 มิ.ย. 54


    รักละมุนอุ่นหัวใจ

    บทที่ 3 อกหักเพียงครั้งยังไม่ตาย





            มิรันตีไม่ทราบเลยว่าการที่เธอทิ้งเรวัตไว้โดยไม่ล่ำลาทำให้เขารู้สึกว่าตนเองด้อยค่าเหมือนหมาแก่ที่น่าสงสาร เรวัตยังมีแก่ใจเก็บกระดาษโน้ตไว้ในกระเป๋าสตางค์


    ทันทีที่เท้าเหยียบดินแดนมาตุภูมิ มิรันตีก็พบร่างสูงคุ้นตา หัวใจของหญิงสาวเต้นแรงเมื่ออัษฎางค์ส่งยิ้มให้เธอมาแต่ไกล มิรันตีฉีกยิ้มให้เขาอย่างเจื่อนเต็มทน หญิงสาวไม่ทราบว่าเพราะคิดถึงคนที่เพิ่งนอนด้วยหรือรู้สึกละอายที่คิดอกุศลกับอัษฎางค์ หลากหลายความรู้สึกประดังประเดเข้ามาเมื่อเห็นหน้าอัษฎางค์เต็มตาอีกครั้ง

    “มิมีของฝากให้พี่ธามด้วยค่ะ” มิรันตียื่นกล่องของขวัญกล่องเล็กให้

    อัษฎางค์รับมาแล้วแกะทันทีตามธรรมเนียม มันเป็นช็อคโกแลตรูปหอไอเฟล งานศิลปะชิ้นเอกที่ใครต่อใครต่างยกย่องว่าเป็นสัญลักษณ์ของปารีส

    “แล้วพี่จะกินลงไหมเนี่ย”

    “ไม่รู้สิคะ แต่มิว่าพี่ธามคงอดใจได้ไม่นานหรอก”

    “รู้ใจพี่จริงเชียว” อัษฎางค์บีบจมูกมิรันตีอย่างรักใคร่

    “ถ้ามิไม่รู้ใจพี่ธาม แล้วแมวที่ไหนจะรู้ใจพี่คะ...อืมว่าแต่ช่วงนี้งานยุ่งไหมคะ”

    “ก็เลขาตัวดีแอบหนีงานให้เจ้านายหัวปั่นอยู่คนเดียวจะไม่ยุ่งได้ไงล่ะ” อัษฎางค์บอกเสียงห้วนหากแต่รอยยิ้มขันในดวงตาทำให้มิรันตีค่อยเบาใจ

    “พี่ธามของมิเก่งจะตายไป ขาดมิไปสักคนพี่ธามก็เอาอยู่ค่ะ”

    “ชมกันอย่างนี้เห็นทีต้องให้รางวัล...พี่ให้เวลาพักผ่อนสองวันก่อนวันงาน” อัษฎางค์หมายถึงงานยักษ์ที่จะจัดขึ้นอีกสามวัน แน่ล่ะว่าตอนนั้นงานยุ่งให้หัวหมุนอย่างไม่ต้องถามถึง

    “ตั้งสองวัน พี่ธามใจดีที่สุดเลย” นี่ถ้าไม่ติดว่าอัษฎางค์ไม่หวงตัวกับคนใกล้ชิดล่ะก็มิรันตีคงกระโดดหอมแก้มเขาฟอดใหญ่ให้หายคิดถึง

    “น้องสาวคนสวยทั้งคนก็ต้องใจดีเป็นพิเศษ”

    มิรันตีร้องครางในใจว่าเขาจะยำ้ไปถึงไหนว่าเธอมีสิทธิ์เป็นแค่น้องสาว หญิงสาวกลัวจะมีอาการให้อัษฎางค์ทราบจึงคว้าแขนชายหนุ่มให้เดินตาม ทว่าร่างสูงยังตรึงอยู่กับที่อีกทั้งชะเง้อมองหาใครสักคน

    “มองหาใครคะ” 

    “อ้าว พี่ก็นึกว่ามิจะหิ้วหนุ่มปาริเซียงมาด้วยสักคนสองคน” อัษฎางค์ล้อ 

    หญิงสาวหัวเราะร่วนแล้วซบท่อนแขนเขาปกปิดความผิด

    “พี่ธามก็” คำพูดของอัษฎางค์ทำให้มิรันตีนึกถึงหนุ่มเคราะห์ร้ายคนนั้นที่ตนทิ้งไว้ที่โรงแรม...เหมือนสลัดเสื้อที่ใส่แล้วลงตะกร้า!

    ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นไงบ้าง

    “ไปเที่ยวไหนมาบ้าง” อัษฎางค์ขยี้หัวผู้มีศักดิ์เป็นน้องสาวอย่างเอ็นดู เขาเป็นลูกคนเดียวจึงไม่ได้แบ่งปันความรู้สึกกับคนอื่น ก็มีแต่มิรันตีนี่แหละที่สอนให้เขารู้จักการแบ่งปัน

    “ก็ไปทั่วฝรั่งเศสแหละค่ะ ชอบมากที่สุดก็ล่องเรือที่แม่น้ำแซนน่ะค่ะ เสียดายพี่ธามไม่ได้ไปด้วย ของกินอร่อยๆ เพียบเลยค่ะ นี่ถ้ามีเวลามิว่าจะไปเยอรมัน สวิส อิตาลี แล้วก็สเปน”

    “งั้นไว้ว่างๆ เราไปทัวร์ยุโรปกันไหม”

    “อืม แต่มิว่าเที่ยวที่ไหนก็ไม่สุขใจเท่าบ้านเรา ถ้าพี่ธามอยากไปเที่ยวจริงๆ เราไปเที่ยวต่างจังหวัดก็ได้” หญิงสาวรู้อยู่ว่างานที่คลับนั้นยุ่งแสนยุ่ง ไม่มีทางซะหรอกที่อัษฎางค์จะมีเวลาไปทัวร์ยุโรปอย่างที่ว่า

    “เดี๋ยวถ้าผ่านช่วงนี้ไป อะไรๆ คงจะลงตัว พี่ว่าเราน่าจะพักกันบ้าง” อัษฎางค์หมายถึงงานประจำปีของคลับ ตลอดทั้งปีชีวิตของอัษฎางค์มีแต่คำว่างาน ถึงเวลาที่เขาต้องพักผ่อนสมอง ชาร์ตแบตร่างกายเสียบ้าง 

    มิรันตีเองก็เห็นด้วยเพราะกว่าจะพาคลับที่เปิดใหม่ให้ประสบความสำเร็จได้ขนาดนี้ต้องใช้ทั้งแรงกายและแรงใจ

    อัษฎางค์ และมิรันตีเดินเคียงข้างกันไปยังรถวีออสสีดำของชายหนุ่มที่อยู่ไม่ไกลนัก 

    มิรันตีคิดว่าอัษฎางค์ไม่เหมาะกับรถญี่ปุ่นคันเล็กอย่างนี้ สำหรับเขาน่าจะเป็นรถยุโรปหรูเท่านั้น แต่ใครจะรู้ว่ามันปราดเปรียวเหมือนชายหนุ่ม




    เสียงโทรศัพท์มือถือดังเป็นเพลง If that’s Ok with you ของ Shayne Ward ศิลปินชื่อดังแห่งเกาะอังกฤษทำให้รดาอารมณ์ดีเป็นพิเศษ เพราะเพลงนี้เป็นเพลงที่เธอตั้งไว้สำหรับคนพิเศษของเธอ 

    รดาแปลกใจเล็กน้อยที่แฟนหนุ่มโทรมาเพราะปกติแล้วจะเป็นเธอเองที่โทรหาเขา หากครู่เดียวก็กังวลว่าชายหนุ่มมีปัญหาอะไรหรือเปล่า

    สมาร์ท เป็นนักดนตรีประจำสวนอาหารแห่งหนึ่ง เธอกับเขาคบกันมาแล้วหกเดือนท่ามกลางความโหดร้ายของคนรอบข้าง...ใช่แล้ว ‘ความโหดร้าย’ ด้วยความแตกต่างทางด้านชาติตระกูลและฐานะทางการเงินจึงไม่แปลกที่คุณแม่เกิดไม่ปลื้มว่าที่ลูกเขยคนนี้ พ่วงด้วยพี่ชายที่สุดแสนจะหวงน้องสาวมากถึงมากที่สุด ทั้งสองหาเหตุผลมาให้เธอปวดหัวไปสามวันเจ็ดวันกับคำพูดที่ว่า ‘เงินเดือนไม่พอสำหรับค่าเครื่องสำอางเธอด้วยซ้ำ’

    “คิดถึงจังเลย” ความคิดถึงถูกส่งมาตามสายทำให้หัวใจขอรดาพองโต ชายหนุ่มผู้เป็นความรักครั้งแรกของเธอหมั่นเติมความหวานจนผู้หญิงที่ขาดความรัก ความอบอุ่นรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า

    “คิดถึงเหมือนกัน เออ วันนี้ตัวว่างไหม มาหาเราหน่อยสิ” รดาหนีบโทรศัพท์กับไหล่ขณะตะไบเล็บมือ รอเวลาให้สีเล็บเท้าแห้ง

    “ตอนนี้เราไม่ว่าง”

    “ตัวอยู่ไหนล่ะ เราไปหาก็ได้” รดายังตื้อไม่เลิก ไม่แปลกนักที่ชายหนุ่มจะรู้สึกอึดอัด หญิงสาวเป็นคนติดแฟนจนเพื่อนๆ ค่อยๆ หายหน้าหายตาไปทีละคนสองคน แต่รดาก็ไม่สนใจ

    “ไม่ได้ เรากำลังคุยงานที่ค่ายอยู่” เขายกชื่อค่ายเพลงดังมาอ้าง แน่ล่ะว่าสกัดดาวรุ่งได้ดีเชียว

    “กรี๊ด งั้นตัวเองก็จะได้ออกเทปแล้วล่ะสิ” ก่อนที่รดาจะกรี๊ดกร๊าดลั่นห้อง สมาร์ทก็สั่งให้ปิดปากเงียบก่อนเพราะเขาเชื่อว่าเป็นลางไม่ดี “โอเคค่ะ รดาจะไม่พูดมากให้เสียเรื่อง”

    “มาร์ทดีใจนะที่รดาเข้าใจ”

    “รดาก็ดีใจที่มาร์ทโทรมาบอกข่าวดี เอาเป็นว่าไว้ค่อยคุยกันตอนตัวว่างดีกว่า ตัวจะได้เตรียมตัว...เดี๋ยวไม่มีสมาธิ”

    รดาคิดว่าถ้าสมาร์ทออกเทปเป็นนักร้องดัง สร้างฐานะได้ คุณหญิงแม่ก็จะไม่กีดกันความรักของเธอกับเขาอีกต่อไป ดังนั้นหญิงสาวจึงออกไปฉลองข่าวดีด้วยการไปหาเสื้อผ้าสวยๆ สำหรับงานแถลงข่าวเปิดตัวศิลปินคนใหม่ที่จะมีขึ้นในไม่ช้านี้

    คงไม่นานเกินรอ

    รดาเดินเข้าร้านนั้นร้านนี้อย่างมีความสุข ใครจะโชคดีเท่าเธออีกเนี่ย ได้งานสบายเงินก็ดีแถมแฟนก็หน้าตาดี และที่สำคัญเขากำลังจะเป็นนักร้องดัง


    โอ๊ย มีความสุขจังเล้ย

    “เอ๊ะ! นั่นมัน” สายตาที่สั้นสองร้อยห้าสิบมองผ่านคอนแท็คเลนส์สีม่วงอย่างแปลกใจ

    นั่นแฟนเธอไม่ใช่หรือแต่เขามากับสาวที่ไหนล่ะนั่น แถมยังเดินควงกันด้วย ทำให้รดานึกถึงยามที่เธอแตะเนื้อต้องตัวเขา สมาร์ทออกจะหวงตัวเธอยังล้อเขาบ่อยๆ ว่าเป็น ‘พ่อเนื้อทอง’ 

    แต่นี่อะไรกัน!? หยามกันชัดๆ

    ไม่รอช้า สองเท้ารีบเดินไปหาทั้งคู่ที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าถูกมองอย่างเอาเป็นเอาตาย 

    รดาอยากวีนแตก กระแทกเท้าเหมือนนางร้ายในละครน้ำดำหลังข่าวที่เด็กรับใช้ชอบดูแทนที่จะใจเย็นเป็นคนใจกว้างเช่นนี้ แต่เพราะคิดได้ว่าตอนนี้เธอเป็นบุคคลสาธารณะแล้ว ที่สำคัญมันจะเสื่อมเสียถึงวงศ์ตระกูล

    “มาร์ท ไหนตัวบอกว่าไม่ว่างต้องคุยงานไง” รดาถามเสียงเย็น ชายหนุ่มมองหน้าเธอเรียบเฉย ไร้อารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น สัญชาตญาณของเธอบอกว่าเขาเปลี่ยนไป 

    แล้วแม่นี่ที่ควงมาน่ะ สวยสู้ฉันก็ไม่ได้ ชิ

    “เอ่อ ก็คุยเสร็จแล้ว” สมาร์หาทางเลี่ยง 

    รดามองชายหนุ่มตาวาวเมื่อเขาไม่มีทีท่าว่าจะปลดมือของหญิงสาวอีกคนที่เกาะแน่นราวกับตุ๊กแกผสมกาวตราช้าง 

    สายตาอาฆาตตามฉบับนางอิจฉาของรดามองแทนคำถามว่า ‘ใครน่ะ’ ทำให้หญิงสาวที่ยืนนิ่งอยู่นานต้องพูดอะไรบ้าง ไม่อย่างนั้นคงถูกสายตาวาววับนั่นบาดจนเลือดไหลซิบ

    “สวัสดีจ้ะ เราชื่อลูกแก้วเป็นแฟนพี่มาร์ท สาวน้อยชื่ออะไรเอ่ย เป็นเพื่อนกับพี่มาร์ทหรือจ๊ะ” 

    คำพูดของเธอคนนั้นทำให้รดาหน้าม้าน ก็เล่นเรียกเธอว่า ‘สาวน้อย’ เธอน่ะเรียนจบแล้วแม้ว่าจะรับปริญญาปีหน้าก็เถอะแต่คนพูดยังอยู่ในชุดนักศึกษาอยู่เลย รดามองเลยไปยังเข็มมหาวิทยาลัย และตุ้งติ้งรูปการ์ตูน

    ดีนะไม่ใช่ศิษย์ร่วมสำนัก

    “ฉันน่ะหรือ จะบอกให้นะว่าฉันชื่อรดา ไม่มีชื่อเล่น แล้วผู้ชายคนนี้ก็เป็นแฟนฉัน” ไม่ว่าเปล่า รดาจิ้มที่อกเขาแรงๆ หวังให้สมาร์ทสำนึกว่าไม่ควรจับปลาสองมืออย่างนี้

    “จริงหรือคะมาร์ท” ยัยลูกแก้วถามสมาร์ทอย่างงงๆ เพราะที่ผ่านมาเธอแทบไม่ระแคะระคายกับคำหวานของชายหนุ่มว่าเป็นคำลวงเลย ในเมื่อสมาร์ททั้งรูปหล่อ เอาอกเอาใจเก่ง ชื่นชม และป้อยอ

    “ตัวก็บอกผู้หญิงคนนี้ไปสิ ว่าเราเป็นอะไรกัน” เป็นรดาเองที่ทนไม่ได้เมื่อแฟนหนุ่มอำ้อึ้ง ได้แต่มองคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างลังเลใจ เมื่อดูจากรูปการแล้ว รดารู้สึกว่าเธอกำลังเสียเปรียบ และกำลังจะสูญเสียของรัก

    “ไม่รู้ล่ะ ฉันไม่สนว่าเธอกับมาร์ทจะเป็นอะไรกัน ผู้ชายน่ะผลัดกันชมได้ไม่ใช่หรือ” ลูกแก้วยักคิ้วกวนๆ พูดเข้าข้างตัวเอง ไม่สะทกสะท้านเลยสักนิดว่าสิ่งที่ทำควรคู่กับชุดนักศึกษาที่ทรงเกียรติ

    “ฮึ สมัยนี้เขาหน้าด้านแย่งแฟนกันอย่างนี้แล้วเหรอ หน้าด้าน ไร้ยางอาย” รดาวีนแตกทำให้ผู้คนที่เดินผ่านไปมาเริ่มสนใจ

    “กรี๊ด แกด่าฉัน” ลูกแก้วไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่ออยู่ต่อหน้าสมาร์ท เธอต้องดูดีที่สุด เธอจึงได้แต่ชี้หน้ารดา แล้วระงับอารมณ์โกรธานั้นไว้ในอก

    “เออ โง่หรือว่าแกล้งโง่ยะ แค่นี้ก็ฟังไม่ออกรึไงว่าฉันด่า หรือเธอเห็นว่าเป็นคำชม”

    “พี่มาร์ท ลูกแก้วไม่ยอมนะคะ” ลูกแก้วกระทืบเท้าเร่าเกาะแขนสมาร์ทขอตัวช่วย ไม่คิดว่ารดาจะปากจัดได้ถึงเพียงนี้ ส่วนมากเธอถนัดใช้กำลังมากกว่าใช้วาจาเชือดเฉือนแบบนี้

    “ฉันก็ไม่ยอมเหมือนใหเธอหน้าด้านมาวอแวแฟนฉันเหมือนกัน” รดาเท้าสะเอวนิ้วชี้หน้าด่าลูกแก้ว

    “เอ่อ พูดตามตรงนะ ที่จริงเราจะบอกตัวนานแล้วล่ะแต่ไม่มีโอกาส ถ้าจะบอกวันนี้ก็ยังไม่สายใช่ไหม...เราไปกันไม่ได้หรอกรดา” ชายหนุ่มคนเดียวในวงโพล่งออกมาในที่สุด 

    เพียงสี่คำทำให้หญิงสาวผู้มีความมั่นใจในตัวเองสูงเสียเซลฟ์ รดาถึงกับทำอะไรไม่ถูกนิ่งไปเกือบครึ่งนาที หญิงสาวพยายามรวบรวมสติ และความกล้าบังคับไม่ให้เสียงสั่น

    “ทำไมไม่พูดตรงๆ ว่าเราเลิกกัน ไม่สรรหาคำพูดที่สวยหรูก็ได้” 

    สมาร์ทมองหน้ารดาทำท่าเหมือนจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ไม่พูด

    จากที่คิดว่าถือไพ่เหนือเขา คิดว่าสักวันเธอจะเป็นคนบอกเลิกเขาก่อน แต่นี่ที่ไหนได้ เขาดันชิ่งบอกเธอซะก่อน รดาหายใจเข้าลึกๆ เธอบอกตัวเองว่าจะไม่แปลงร่างเป็นนางมารร้ายอีกแล้ว พอกันที เรื่องตบตีแย่งผู้ชายที่สำคัญผู้ชายเขาไม่สนใจเลยสักนิด สำหรับเธอต้อง
    นางเอกเท่านั้น

    “ก็ได้ เลิกก็เลิก แต่ขอเถอะ คราวหน้าจะหาคนเป็นแฟนทั้งทีก็หาที่สวยกว่าเราไม่ได้เหรอ ฉันอายคนอื่นเขา สำหรับเธอ...ถ้าอดอยากนักฉันก็จะยกให้เพราะเท่าที่ดูแล้วสารรูปอย่างเธอคงไม่มีปัญญาหาแฟนเองได้” พูดจบรดาก็สะบัดหน้าพรืดผมยาวมีน้ำหนักเป็นวงสวย เดินจากไปด้วยมาดนางพญาท่ามกลางเสียงโห่ของบรรดาไทยมุงที่ทำให้สมาร์ท และลูกแก้วก้มหน้าด้วยความอายเดินไปในทางตรงกันข้ามแทบไม่ทัน

    ฝีเท้าที่เดินเชิดตามฉบับของสาวมั่นเมื่อเดินมาได้ไกลพอสมควรก็เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เธอเดินชนใครต่อใครที่เดินสวนทางมา รดาได้แต่พร่ำบอกว่า ‘ขอโทษ’ มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาที่หลั่งรินมาเต็มแก้ม เมื่อเธอเปิดประตูรถ ก็ซบหน้ากับพวงมาลัยรถร้องไห้อย่างไม่อายใคร

    ผู้ชายเฮงซวย ทรยศ หลอกลวง ไปตายซะ ไป๊!!!



    เรวัตที่กำลังคร่ำเคร่งกับการทำวิทยานิพนธ์ก็ต้องชะงักเมื่อเสียงโทรศัพท์ทำลายภวังค์ความคิดของเขา ไม่มีใครที่โทรมาไม่เป็นเวล่ำเวลาอย่างนี้ถ้าไม่ใช่น้องสาวตัวแสบของเขา

    “ว่าไงคะ” เสียงตอบรับจากปลายสายทำเอาหัวใจของรดาอ่อนยวบ...พี่ชายที่แสนดีของเธอ รดายังจำได้เมื่อเขาค้านหัวชนฝาเมื่อเธอพาสมาร์ทมาแนะนำ

    พี่ชายเธอเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดในโลก

    “ป๋าขา...ช่วย...ช่วยหนูด้วย” รดาสะอื้นไห้ 

    แต่ไหนแต่ไรแล้วเธอจะเรียกเรวัตว่า ‘ป๋า’ เพราะเขาใจป้ำซื้อตุ๊กตา เสื้อผ้า กระเป๋า น้ำหอมมากำนัลเธอบ่อยๆ เขาทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิง

    “รดาเป็นอะไรไป ใครทำอะไรหนู” เรวัตตกใจกับน้ำเสียงของน้องสาวเพราะทราบดีว่ารดาไม่ใช่ผู้หญิงบ่อน้ำตาตื้น 

    “หนู...ถูกมาร์ททิ้ง” รดาพูดได้เพียงเท่านั้นก็ปล่อยโฮอย่างไม่อาย

    “โอ๋ ไม่เป็นไรนะ รดายังมีป๋าทั้งคน” เรวัตคล่อยคลายความกังวลลงเมื่อทราบว่าเรื่องอะไร

    เมื่อได้ยินว่าผู้ชายคนนั้นทิ้งเธอไป เรวัตอยากจะโทรแจ้งข่าวดีกับมารดาเสียให้ได้ แต่ได้ยินเสียงเศร้าของรดาก็ทำให้เขาไม่อาจทิ้งเธอให้อยู่คนเดียวได้ในตอนนี้ เรวัตไม่ทราบว่าอะไรดลใจให้น้องสาวของเขาไม่เห็นตัวตนที่แท้จริงของผู้ชายคนนั้น 

    “ก็แฟนกับพี่ชายมันแทนกันได้ซะที่ไหนล่ะ”

    “เอาเป็นว่าไม่มีวันที่พี่ชายสุดหล่อคนนี้จะทำให้น้องสาวสุดแสนจะขี้เหร่เสียน้ำตาได้ก็แล้วกัน”

    “โอ๊ย ป๋าจะล้อปมด้อยของรดาตอนนี้ทำไมนะ รดาอกหักอยู่นะคะ” จู่ๆ โหมดโศกาของเธอก็เป็นโกรธาเมื่อพี่ชายล้ออดีตที่ไม่น่าจดจำ มือบางปาดน้ำตาตะคอกเสียงใส่พี่ชาย

    “เห็นไหม ไม่ร้องไห้แล้ว เชื่อป๋าหรือยังว่าพี่ชายสุดหล่อคนนี้ไม่ทำให้น้องสาวสุดแสนจะขี้เหร่เสียน้ำตา”

    “ขี้ตู่...ฮึก” รดาสั่งน้ำมูกแล้วอดคิดถึงความใจดีของพี่ชายไม่ได้ 

    นานแล้วสินะที่เขาไปใช้ชีวิตในต่างแดน จากนักเดินทางไปเป็นนักศึกษาปริญญาโท นึกถึงตัวเองที่ร้อยวันพันปีจะกดโทรศัพท์หาเขาเพราะมีเรื่องไม่สบายใจ

    “เปล่าสักหน่อย ใครๆ ก็ว่าป๋าหน้าตาดีแต่มีน้องขี้เหร่...ยัยหนอนแว่น”

    “เอ๊ะ นี่จะล้อกันไปถึงไหน ตอนนี้รดาไม่ใช่หนอนแว่นแล้วนะ” รดาอดนึกถึงเด็กหญิงที่ชอบจิ๊กแว่นตาพี่ชายมาใส่ให้เขามองไม่เห็น แถมยังทำตัวเป็นหนอนหนังสือให้พี่ชายหมั่นไส้

    “อารมณ์ดีแล้วใช่ไหม ไหนเล่าให้ป๋าฟังหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น”

    “มาร์ทโกหกรดาว่าอยู่ค่ายเพลง ไอ้เราก็ไม่อยากกวนธุระเดี๋ยวจะพลาดงาน แต่พอรดาออกมาช็อปให้หายเครียดก็ดันเจอเขากับผู้หญิงคนอื่น แล้วเขาก็เพิ่งบอกเลิกรดาแล้วเลือกผู้หญิงคนนั้นแทนเมื่อตะกี้นี้เอง...พอใจหรือยังคะ” รดาบอกรวดเดียวด้วยนำ้เสียงประชดประชันพี่ชายที่ไม่เสียใจ และเห็นใจความรู้สึกของเธอเลยสักนิด

    “เอ้า พูดอย่างนี้แสดงว่ายังอาลัยอาวรณ์มันอยู่หรือไง เห็นไหมว่ามันทำอะไรกับหนูบ้าง” 

    “ก็...” รดาหมดข้อโต้แย้ง เริ่มโอนอ่อนกับคำพูดของพี่ชาย

    “เขาโกหกหนูถึงขนาดนี้แล้ว คิดเหรอว่าถ้ามีครั้งที่หนึ่งแล้วจะไม่มีครั้งที่สอง ไม่ต้องเสียดายผู้ชายแบบนี้หรอก ตอนนี้ป๋าว่าหนูแค่เสียใจที่ถูกเขาหลอก มันก็น่าร้องไห้อยู่หรอกนะ ถ้าคนที่เรารัก เราไว้ใจเขากลับหักหลังเรา เดี๋ยวไว้พี่จะหาเพื่อนพี่ให้สักคนสองคน” เรวัตพูดไปเรื่อยๆ กลัวว่าน้องสาวจะจมปลักกับผู้ชายคนนั้น 

    โดยส่วนตัวแล้วเรวัตไม่เห็นความดีของสมาร์ทเลยสักนิด จริงอยู่ว่าอาจแตกต่างกันที่ฐานะ แต่นั่นก็เป็นแค่การทดสอบที่เขากับมารดาสร้างขึ้น ดีซะอีกที่เธอจะหลุดพ้นจากผู้ชายคนนั้น เขามั่นใจว่าหลังจากเหตุการณ์ครั้งนี้น้องสาวของเขาจะโตเป็นผู้ใหญ่สักที 




    ด้วยอานิสงส์ของการเป็นนางแบบของ Glamour ที่ทำให้รดาดังเป็นพลุแตกชั่วข้ามคืน นิตยสารหลายฉบับติดต่อสัมภาษณ์เธอ ห้องเสื้อหลายแห่งติดต่อให้เธอเป็นนางแบบ หญิงสาวเริ่มเห็นอนาคตสดใสในวงการบันเทิงเมื่อโฆษณาสองสามชิ้นติดต่อเธอให้เป็นพรีเซ็นเตอร์ 

    คนจะดังเอาอะไรมาฉุดก็ไม่อยู่  วู้ปี้ งานรุ่ง แต่รักร่วงฮึก...ฮือ

    “โอ๊ย!” ไม่ใช่เสียงหัวใจดวงน้อยๆ ร้องหรอก หากเป็นเสียงของรดาที่นั่งเปิดหลังให้ช่างร่างบึก ผมยาวบรรจงสักที่แผ่นหลัง

    อกหักว่าเจ็บพอแล้ว การสักนี่เจ็บกว่าอีก จ๊ากส์

    และแล้วแมงป่องตัวเล็กที่เจ้าตัววาดฝันไว้ก็แปลงร่างเป็นมดตัวน้อยเจ็ดตัวรวมกันเป็นกระจุกดาว??

    รดาเคยวาดฝันจะเป็นคนใช้บนเครื่องบินก็พับความฝันของตัวเองเมื่อเริ่มจับเส้นทางได้แล้วว่าจะหันมาเอาดีทางด้านวงการบันเทิง เธอเคยถามรุ่นพี่ที่ไปเป็นสจ๊วตว่าขอแอบมีรอยสักสักที่สองที่จะได้ไหม คำตอบที่ได้รับกลับมาทำเอาหัวใจคนฟังสลาย

    ‘ได้สิ ถ้าน้องจะสักที่ร่องตูดกับง่ามเท้า!’

    ทุกคนต่างชื่นชมความงดงามของเนื้อหนังมังสาของรดา แต่คงไม่ใช่ผู้เป็นมารดาที่เห็นรูปร่างเย้ายวนใจของลูกสาวทำเอาคุณหญิงรดีสุดาหาปี๊บมาคลุมหัวแทบไม่ทัน

    “รดา หนูทำอย่างนี้หมายความว่าอย่างไร” คุณหญิงรดีสุดาเกรี้ยวกราดมาตามสายจนลูกสาวเอาโทรศัพท์ออกจากหูแทบไม่ทัน

    อึ๋ย สงสัยพายุบุกถึงต้องต่อสายข้ามประเทศ

    “อะไรนะคะ” 

            มารดาคงไม่รู้ว่าบุตรียังเมาขี้หูขี้ตาเนื่องจากเมื่อคืนออกไปผับติ๊ดชึ่งมาเกือบค่อนคืนรักษาแผลใจด้วยเครื่องดื่มแก้วแล้วแก้วเล่ากว่าจะกลับมาก็เกือบสว่างพร้อมกับคิดได้ว่า ‘ผู้ชายคนไหนก็ตามที่ทิ้งเธอเป็นคนโง่ที่สุดในโลก’

    “แม่หมายถึงนิตยสาร Glamour”

            “อ๋อ ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ แค่รดาอยากลองอะไรใหม่ๆ บ้างนี่คะ” รดาพยายามเอานำ้เย็นเข้าลูบ

    “ไม่ใช่อะไรใหม่ๆ แบบนี้ ดูสิแต่งตัวชะเวิกชะวากแบบนี้ มันดูได้เสียที่ไหนเชียว” 

    “แค่งานเดียวค่ะคุณหญิงแม่” รดาบอกเสียงอ่อย น้ำเสียงไม่พอใจของมารดาทำให้หญิงสาวนึกเสียดายที่จะต้องปฏิเสธโฆษณาสบู่เหลวยี่ห้อดัง

    อดเลย ตัวเลขเจ็ดหลัก แง!!

    “งานเดียวอะไร กลับไปล่ะก็เรามีเรื่องคุยกันยาวแน่นอน” หญิงสาวขยาดกับน้ำเสียงเหี้ยมๆ ของปลายสายซึ่งบอกได้ว่าคุณหญิงแม่ของเธออยู่ในโหมดโกรธาสุดฤทธิ์

    “คุณหญิงแม่อ่ะ”

    คร่อก แคร่อก...

    “คุณหญิงแม่คะ สัญญาณไม่ค่อยดีเลยค่ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะคะ” รดาพูดกับมารดาก่อนจะวางสาย นึกขอบคุณขนมปาร์ตี้ถุงสีม่วงในใจ แค่เธอบีบให้มันเป็นเสียงรบกวนก็แค่นั้นเอง

    รู้จักคุณลูกน้อยไปล่ะคุณหญิงแม่ขา

    “เดี๋ยว ยังพูดกันไม่รู้เรื่องเลยรดา” ผู้เป็นมารดามองโทรศัพท์อย่างเจ็บใจเมื่อลูกสาวตัวดีชิงวางหูไปแล้ว

            “หนูรดาว่าอย่างไรบ้างล่ะ” คุณระรินทิพย์ถามด้วยความใคร่รู้

            “พูดกันยังไม่ทันรู้เรื่องเลย แต่ฉันคาดโทษไว้แล้วล่ะ” 

            ระรินทิพย์นึกขำกับอาการลมจับของเพื่อนสาวคนสนิทที่เห็นนิตยสาร Glamour ซึ่งลูกสาวตัวไปถ่ายแบบ รูปที่ออกมาไม่ได้น่าเกลียดอะไรนักหนา แต่สำหรับผู้ดีเก่าอย่างคุณหญิงรดีสุดาคงรับไม่ค่อยได้สักเท่าไหร่ ผิดกับเขาที่หัวสมัยใหม่ยอมรับว่าเป็นงานศิลปะ

            “ที่จริงรดาก็เธอโตแล้ว น่าจะปล่อยๆ ไปบ้าง”

            “ปล่อยไปให้ทำงามหน้าน่ะสิ ฉันจะบ้าตาย ใส่ไปได้นะไอ้เศษผ้าหลากสีพวกนี้” คุณหญิงรดีสุดาหมายถึงชุดว่ายน้ำทูพีซสีสันสดใสที่ลูกสาวใช้ถ่ายแบบ 

            “เธอนี่ไม่ทันสมัยเลย สมัยนี้ใครๆ ก็ใส่กันแบบนี้” คุณระรินทิพย์ยังอดนึกเสียดายที่สมัยเธอเป็นสาว ไม่มีชุดแบบนี้ เธอคงไม่พลาด!




    รดาหมายจะงีบต่อก็นึกแค้นเมื่อภาพของแฟนเก่ากับผู้หญิงที่ควงกันเย้ยฟ้าท้าดินปรากฏอย่างชัดเจนในสมอง หญิงสาวลุกไปเปิดตู้เสื้อผ้าเลือกชุดที่จะใส่ไปงานสำหรับคืนนี้

    Today is my day. เธอจะต้องแจ้งเกิดให้ได้ 

    ตำนานของคืนงานเปิดตัวห้าสมาชิกของ Disco พาเพลิน ว่ากันว่าสาวป๊อบแห่งค่ำคืนจะได้รางวัลที่พิเศษจากเจ้าของคลับ รดารอคอยการเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้แทบไม่ไหว มันเป็นเป้าหมายเพียงอย่างเดียวที่ทำให้เธอตัดสินใจสลัดเสื้อผ้าไปโพสต์ท่าหน้ากล้องด้วยค่าตัวที่แพงลิบ

            เมื่อได้ชุดสวย หญิงสาวก็เปลี่ยนชุดเป็นเสื้อคลุมอาบน้ำเพื่อทำสปาผิวต่อ หลังจากที่เมื่อคืนได้เปลี่ยนสีเล็บมือเล็บเท้าให้เป็นสีทอง 
    โอ้แม่เจ้า ดูดี มีสกุลซะไม่มี

            ตลอดทั้งบ่าย รดาขังตัวเองไว้ในห้องน้ำพร้อมกับอุปกรณ์ทำสวยเซ็ทใหญ่ที่เจ้าตัวเพิ่งไปกว้านซื้อมา สารพัดเครื่องประทินผิวที่ว่าดีในโลกนี้

            รดาหัวเสียที่ชุดสวยที่เตรียมไว้รัดติ้วจนเธอกลัวว่าไขมันน้อยๆ ของเธอจะปลิ้นอวดประชาชนร่วมงาน ถ้าเป็นอย่างนี้คงอับอายขายหน้าไปตลอดชีวิต

            “เพราะนายคนเดียวเลย นายอัษฎางค์” 

            เธอบ่นกับตัวเอง นึกแค้นเขาคนนั้นที่ทำให้เธอกลืนช็อคโกแลตไปถุงใหญ่ มันคงไม่ใช่ปัญหาหรอกถ้ามันไม่ทำให้เข็มบนตราชั่งน้ำหนักเพิ่มขึ้นไปเกือบแปดขีดจนเธอต้องไดเอท งดอาหารประเภท ABC ก็ Alcohol Bread และ Carbohydrate น่ะสิ แน่ล่ะว่าเธอทำสำเร็จ และคืนนี้จึงได้เวลาที่จะเพิ่มแอลกอฮอล์ในเลือด




            Disco พาเพลินได้รับการแปลงโฉมให้เป็นสีชมพูซึ่งเป็นสีโปรดของอัษฎางค์ ชายหนุ่มจัดการดูแลสถานที่ด้วยตัวเอง นึกถึงตรงนี้เขาอดขำกับอาการของมารดาที่กลัวว่าเขาเป็นพวกรักร่วมเพศหลังจากที่เขาลงมือทาสีห้องเป็นสีชมพูด้วยตัวเอง 

            รถเฟอร์รารี่สีแดงของรดาจอดคู่กับรถวีออสสีดำของอัษฎางค์ รดาชะงักเล็กน้อยเมื่อเจอคู่ปรับเก่า แต่เพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้นที่หญิงสาวมองชายหนุ่มด้วยหางตา 

            อัษฎางค์ผิวปากอย่างอารมณ์ดีผิดกับรดาที่หน้างอหงิก 

            รดาพูดก่อนเบะปากแล้วหมุนตัวหนีทันที

            “ไม่อยากจะเสวนา” ชายหนุ่มได้ยินอย่างนั้น

            “จะไม่ทักกันหน่อยหรือครับ” เสียงของเขาดังขึ้นทำให้รดาหันไปมองอย่างเซ็งๆ 
          
            นี่ฉันอุตส่าห์เลี่ยงแล้วนะเนี่ย

            “สวัสดีค่ะคุณอัษฎางค์” 

            “สวัสดีครับ” ชายหนุ่มตอบรับประโยคทักทายที่สุดแสนจะคลาสสิกด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร ทว่ารดาไม่มีทีท่าจะยิ้มตอบแถมหน้างอหงิกกว่าเดิม

            “ไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อนล่ะ เสียเวลา”

            “เดี๋ยวก่อนสิ ผมอยากทราบว่าข้อเสนอของผม คุณพิจารณาแล้วหรือยัง” ไม่ว่าเปล่า ชายหนุ่มคว้าแขนของหญิงสาวไว้ให้หันกลับมาคุยกัน รดาตาลุกวาว

            “ข้อเสนอของคนสิ้นคิดน่ะสิ หัวสมองมีแต่เรื่องอย่างว่า ปล่อย” หญิงสาวพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุม

            “ผมไม่ปล่อยจนกว่าผมจะได้คำตอบที่น่าพอใจ” 

            “คำตอบที่น่าพอใจของนายก็คือฉันตกลงใช่ไหมล่ะ” 

            “ผู้หญิงสวยๆ อย่างคุณคงไม่ต้องคิดให้เสียเวลา” อัษฎางค์ถือโอกาสนั้นลูบแก้มนวลเบาๆ ซึ่งหญิงสาวไม่ได้ปัดป้องแต่อย่างใด ชายหนุ่มยิ้มได้ใจ

            “นั่นสิคะ จะคิดทำไมให้เสียเวลา”

            “แต่ผมก็อยากให้คุณยืนยันอีกที” ชายหนุ่มปล่อยแขนหญิงสาว พิจารณาร่างสมส่วนตรงหน้า ผมดำขลับขับใบหน้าของรดาให้กระจ่าง น่ามอง

            “ฉันว่าคุณไม่อยากฟังหรอกค่ะ” 

            “อยากฟังสิ อยากฟังเสียงหวานๆ ของคุณ” คราวนี้ชายหนุ่มเอามือไปแตะริมฝีปากของหญิงสาว ชั่ววินาทีนั้นรดาออกแรงผลักอกเขาจนเซไปก้าวหนึ่ง

            “อย่าลามปามกับฉัน ฉันไม่ใช่เพื่อนเล่นคุณแล้วฉันไม่ใช่พวกผู้หญิงที่มีขายในร้านสะดวกซื้อที่เป็นสินค้าให้นายซื้อได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”

             “เธอ...” อัษฎางค์ชี้หน้า แต่หญิงสาวไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูด

             “เงินซื้อไม่ได้ทุกอย่างหรอก ที่สำคัญผู้หญิงสวยๆ ไม่ได้โง่เสมอไป ฉันไม่ได้สวยใส ไร้สมองเหมือนผู้หญิงที่นายเคยคบด้วยหรอก สุดท้ายฉันหวังว่าของที่ฉันให้นายไปคงเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาหัวสมองของผู้ชายที่มักมากในกามอย่างนายไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง” เธอด่าเขาเป็นชุดแล้ววิ่งเข้าไปในคลับทิ้งให้ชายหนุ่มหน้าเป็นสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนสีเองตามใจชอบด้วยความโกรธ

            “หนีฉันให้รอดตลอดรอดฝั่งก็แล้วกัน” ชายหนุ่มมองตามแผ่นหลังขาวเนียนในเสื้อคล้องของสีม่วงเข้มกับกระโปรงพลีทสีขาวไปลับสายตา

           ไม่มีทางที่อัษฎางค์จะปล่อยให้รดาด่าเขาฉอดๆ เป็นชุดอยู่ฝ่ายเดียว ไว้คืนนี้เขาจะเอาคืน เอาคืนตามแบบฉบับของเขา อยากรู้นักว่าผู้หญิงปากจัด ด่าเจ็บอย่างเธอถ้าพูดคำว่า ‘รัก’ จะเพราะสักเพียงใดหนอ แล้วใครกันที่เป็นผู้โชคดีคนนั้น

           รดาไม่เหมือนผู้หญิงประเภทหมูในอวยของเขา หญิงสาวจึงท้าทายสัญชาตญาณนักล่าของเขาที่ว่างเว้นจากการเป็นผู้ล่ามานานแสนนาน ยิ่งพักหลังมานี้เหยื่อมาหาถึงที่ เขาแทบไม่ต้องเข้าป่าล่าเหยื่อ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×