ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Sweetheart รักละมุนอุ่นหัวใจ

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 2 :: แม่สาวกระทิงเปลี่ยว

    • อัปเดตล่าสุด 15 มิ.ย. 54


    รักละมุนอุ่นหัวใจ

    บทที่ 2 แม่สาวกระทิงเปลี่ยว






            เมื่อรดารับเงินค่าเหนื่อยโดยการโพสต์ท่าให้เซ็กซี่สุดยอด เผยอปากเจ่อๆ หน้ากล้องอภิมหึมามหาแฟลชแล้วก็ซิ่งเฟอร์รารี่ออกจาก Disco พาเพลิน ด้วยอาการหนาวๆ ร้อนๆ หลังจากการเอาคืนเล็กๆ น้อยๆ ผู้ชายที่ชาตินี้ ชาติหน้าหรือว่าชาติไหนอย่าได้เจอกันเลย 

           ใครๆ ก็ว่าเธอแสบ สมัยที่เรียนมหาวิทยาลัยไม่มีใครกล้าแหยมเธอสักคน ว่ากันว่า ‘อย่าเอาพิมเสนไปแลกกับเกลือ’ แต่ขอโทษเถอะผู้หญิงครบรสอย่างรดามีทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นน้ำปลาในยามที่เธอกระเป๋าแบน เป็นน้ำตาลกับมารดา และพี่ชายอาจพ่วงท้ายกับคนรับใช้ในบ้าน (นี่เป็นกรณีที่เธออารมณ์ดี) เป็นพริกเผ็ดยามจิกกัดด่าตบกับชาวบ้าน แน่ล่ะว่าเธอไม่ได้เริ่มก่อน 

            คำถามหนึ่งที่เธอยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเขาเป็นใครกัน ใบหน้าคุ้นตาที่อาจพบเห็นได้ตามสื่อโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ และนิตยสาร ชื่อที่ได้ยินครั้งเดียวก็จำได้ขึ้นใจว่า ‘ธาม อัษฎางค์’ ว่าแต่เขาเป็นใครกันที่อยู่ทีมีห้องส่วนตัวอยู่ที่คลับนั่น แล้วทำไมทุกคนเหมือนจะเกรงใจเขา ทำไมเขามั่นใจนักว่าเธอจะสนใจเขา แม้ว่ามันจะจริง แต่แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น เธอบอกกับตัวเองว่าเสียดายจริงเชียวที่หนุ่มในฝันของเธอถูกปากร้ายๆ นั่นปู้ยี้ปู้ยำหมด 

            รดาเป็นโรคหัวใจ...ไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อเจอผู้ชายประเภทดาร์ก ทอล แฮนซั่ม แม้ว่าเธอจะมีแฟนแล้วก็ตาม!

            รดามีสารพัดคำถามเกี่ยวกับผู้ชายที่ชื่ออัษฎางค์ รดาคิดแทบตายก็หาคำตอบไม่ได้ รู้ตัวอีกทีเธอก็อยู่หน้ารั้วอัลลอยด์ดัดเป็นรูปสวยเสียแล้ว หญิงสาวบีบแตรอย่างเคยชิน และเช่นกันที่มีคนมาเปิดประตูให้ รถคันสวยเคลื่อนไปจอดที่หน้ามุก ชั่วอึดใจเดียวคนขับรถก็มารับรถของเธอไปเก็บ

            “คุณหนูกลับมาแล้ว” คนรับใช้กระวีกระวาดมารับกระเป๋าของผู้เป็นนาย รดายิ้มให้อย่างอ่อนโยนตามฉบับนางฟ้าที่ฝึกบ่อยครั้งในกระจกแล้วล้มตัวนั่งบนโซฟาหลุยส์สุดหรูในห้องรับแขก

            “คุณหญิงแม่จะกลับมาเมื่อไหร่นะ”

            “เดือนหน้าค่ะ” 

            หญิงสาวเพียงแต่ไม่แน่ใจกับกำหนดการไปทัวร์ยุโรปของคุณหญิงรดีสุดา และผองเพื่อน ก็ดีเหมือนกันที่ไม่มีผู้ปกครองมาปากเปียกปากแฉะกับความไร้สาระของเธอ

            รดายอมรับว่าเธอเป็นเด็กขาดความอบอุ่นเนื่องจากการจากไปอย่างไม่มีวันกลับของบิดา ดังนั้นคุณหญิงรดีสุดาจึงเป็นทั้งบิดา และมารดาให้กับเธอกับพี่ชายแต่เธอก็ว่าเธอยังขาดความอบอุ่นอยู่ดี

           “น้ำส้มคั้นค่ะ” คนรับใช้คนเดิมยกถาดเงินที่มีน้ำส้มและขนมกินเล่นมาให้เธอ

           น้ำนางเอก...ใช่สิก็เธอเป็นนางเอกนี่นา แม้ว่าเธอจะไม่โปรดปรานน้ำส้มคั้น หากแต่มันทำให้เธอรู้สึกว่าเป็นผู้หญิงที่น่าทะนุถนอม ที่สำคัญคือครบสูตรนางเอกอย่างเธอ 

           รดาเปิดโทรทัศน์ กดรีโมตเปลี่ยนช่องไปเรื่อยหากไม่มีรายการโทรทัศน์ช่องใดน่าสนใจจึงกดปิดแล้วดวงตาหวานสะดุดกับจดหมายกองโตที่อยู่ในตะกร้า

           หมับ! 

            เมื่อปลอดคนเธอก็วิ่งตึงๆ ขึ้นไปบนบ้าน มุ่งหน้าสู่ห้องนอน ทำเอาแม่บ้านเก่าแก่ส่ายหัวกับนิสัยเด็กๆ ของรดา ทั้งๆ ที่ตัวไม่เด็กแล้ว ทันทีที่เปิดประตูรดาแผ่หลาล้มนอนบนเตียง มือเรียวแกะซองจดหมายจากต่างประเทศอย่างใคร่รู้ ก่อนพลิกร่างในท่วงท่าที่สบายบนเตียงนุ่ม

            ตัวหนังสือหวัด บรรจงเป็นระเบียบคุ้นตา รดาอ่านไปยิ้มไป เมื่อถึงบรรทัดสุดท้ายก็พับเก็บไว้ในซองสีขาวสะอาดก่อนเก็บรวบรวมไว้กับซองจดหมายฉบับอื่นๆ




            อัษฎางค์ยังเจ็บใจไม่หายที่เจ้าหล่อนให้เขากินแบรนด์ เมื่อนึกถึงใบหน้าหวานๆ นั้นเมื่อไหร่ก็พาลอารมณ์เสียกับคำพูดที่ว่า ‘กินซะ จะได้บำรุงสมอง’

            กัดเจ็บใช่ย่อยสาวน้อย...อย่าให้ได้เจออีกล่ะ คราวหน้าจะไม่แค่หอมแก้ม 

            ชายหนุ่มหมายมั่นปั้นมือว่าจะเก็บเธอไว้ใน Harem Night ให้ได้ เธอจะต้องเป็นสาวในสต็อคของเขา แน่ล่ะว่าเพลย์บอยสอยเวอร์จิ้นอย่างเขาต้องไม่พลาด เขาเดินเซ็งๆ ไปยังปีกซ้ายของอาคารซึ่งเป็นห้องทำงานของเขา

            “อ่ะ พี่ให้” มิรันตีมองกล่องสีเขียวแล้วทำหน้าพะอืดพะอมแต่ก็รับไว้โดยดี มองตามแผ่นหลังกว้างไปจนกระทั่งเขานั่งบนเก้าอี้ประจำตำแหน่ง 

            “เจ้านายก็รู้นี่ว่ามิไม่ค่อยชอบรสนี้” 

           อัษฎางค์มองหน้าแหยๆ ของมิรันตีแล้วก็นึกได้เธอชอบรสกลมกล่อม

           “มีคนให้มา” ชายหนุ่มแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ไม่มีทางที่เขาจะบอกหรอกว่าโดนยัยตัวแสบทำวีรกรรมอะไรไว้บ้าง เสียฟอร์มแย่

           “กะแล้วเชียวว่าพี่ธามไม่มีทางซื้อให้มิหรอก”

           “เอาน่า ยังไงพี่ก็ตั้งใจให้นะ” คำพูดของเขาทำให้หัวใจเธออ่อนยวบ แม้ว่าเขาจะเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจแต่เขาก็ขี้อ้อนในเวลาเดียวกัน

           “นางแบบสวยไหมคะ” มิรันตีพูดเข้าประเด็น เธออยากตามเขาไปใน Harem Night จะตาย แต่นั่นเป็นสิ่งที่ผู้หญิงที่อยากครอบครองเขาไม่ควรทำอย่างยิ่ง 

           ผู้ชายอย่างอัษฎางค์รักอิสระ ไม่ชอบให้ใครมาแสดงความเป็นเจ้าของ และไม่ชอบความสัมพันธ์แบบผูกมัด มิรันตีทราบดีว่าอะไรที่เธอควรทำหรือไม่ควร ที่สำคัญเธอไม่อยากเสียคะแนนความนิยม

           “ก็ดี”

           “ก็ดี แค่เนี้ย” มิรันตีถามเสียงสูงอย่างไม่อยากเชื่อนัก ก็พ่อคุณเล่นหายไปในนั่นตั้งนานสองนาน มันไม่น่าเชื่อหรอกว่าไม่มีอะไรในกอไผ่

           “อ้วนไปหน่อย” โกหกคำโตเลยอัษฎางค์เอ๋ย สัดส่วนของเธอเหมาะเจาะกับรูปร่าง ตอนนี้เขาคิดถึงใบหน้ากระจ่างที่โชว์หน้าอกหน้าใจเมื่อเช้านี้

          
    นางฟ้าชัดๆ

           “เชื่อตายล่ะ” น้ำเสียงรู้ทันของมิรันตีทำให้เขาค่อนข้างจะไม่พอใจซึ่งแสดงออกทางสีหน้าที่บึ้งตึงทำให้อีกฝ่ายรู้ตัวว่าพลาดไปถึงกับหน้าถอดสี

           สงสัยจะได้เป็นเจ้าของไร่แห้วซะแล้วมิรันตี




          วันแรกของการเริ่มต้นทำงานในสัปดาห์ที่แสนจะเร่งรีบ แต่ไม่ใช่สำหรับเขา อัษฎางค์  เจ้าของธุรกิจคลับ บาร์ บ้างว่ากันว่าด้วยบารมีของมารดาทำให้ธุรกิจของเขาประสบความสำเร็จ หากใครว่าอย่างนั้นย่อมเป็นคนที่มองโลกในแง่ร้ายเต็มทน ลืมมองถึงความเป็นจริงว่าหากเป็นจริงดังกล่าว Disco พาเพลิน คงไม่เป็นคลับที่อยู่คู่คนไทยมานานห้าขวบปี

          ช่วงนี้ทางคลับวุ่นกับการเตรียมงานประจำปี ตามธรรมเนียมของทุกปีจะมีการรับสมัครสมาชิกเพียงห้าคนที่จะได้รับสิทธิพิเศษจากทางคลับ ภายให้สโลแกนที่ว่า ‘You’re everything.’ 

          แม้งานจะรัดตัวแค่ไหน อัษฎางค์ก็ไม่เคยเว้นว่างจากการบริหารเสน่ห์ หน้าตาน้องๆ พระเอกละครหลังข่าวอย่างอัษฎางค์แถมฐานะล่ำซำใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ ผู้หญิงหลายคนจึงพร้อมจะพลีกายเป็นหมูในอวยของเขา บางคนว่าแค่ครั้งเดียวก็คุ้มเกินพอ!

          งานบริหารคลับของเขานอกจากมันสมองของเขาแล้วยังมีหุ้นส่วนพ่วงตำแหน่งเลขานุการสาวมือดีอย่างมิรันตีคอยช่วยเหลือทำให้เขาไม่ต้องกลัวการกินนอก กินใน อันเป็นปัญหาของหลายแห่งเพราะเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของเขา ธุรกิจไม่เคยสะดุด

          แต่แล้ว

          ‘เจ้านาย มิขอลาพักร้อนสองสัปดาห์’ อัษฎางค์มองกระดาษโน้ตอย่างไม่อยากเชื่อสายตา 

          นี่มิรันตีกลายเป็นคนขาดความรับผิดชอบตั้งแต่เมื่อไหร่ เขาถามตัวเอง พอให้อภัยได้เมื่อเธอจะมาทันงานเปิดตัวสมาชิก แล้วก็ระลึกได้ว่าสาวเจ้ามิรันตีไม่เคยลากิจหรือลาป่วยเลยในช่วงสามปีที่ทำงานมาด้วยกันนี้ หากเขานับญาติกับเธอด้วยกันหาลำดับญาติตระกูลโรฐวิศิษฐ์ก็พบว่าเขากับเธอเป็นญาติห่างๆ อย่างนี้มงกุฎพร้อมสายสะพายสาวถึกแห่งปี (สามปีซ้อน) มิรันตีจะพลาดได้อย่างไร

           มิรันตีผู้รอบคอบ และเคร่งครัดกับงานที่ได้รับมอบหมาย หญิงสาวทำหน้าที่อย่างไม่ขาดตกบกพร่องโดยการเขียนตารางงานไว้ให้เขาว่าตลอดสองสัปดาห์ที่เธอไม่อยู่เขาต้องทำอะไรบ้าง

           ชายหนุ่มผู้เคยชินกับการมีผู้ช่วยส่ายหัวกับงานกองโตหลังจากพบว่าเขาลืมโทรยืนยันรายชื่อสมาชิกที่โค ตะ ระ ไฮโซของปีนี้ซึ่งทุ่มทุนกับบัตรสมาชิกทองคำขาวขอบเพชรด้วยวงเงินกว่าสิบหมื่น

           คนที่หนึ่งลูกชายท่านนายพล คนที่สองนางแบบชุดชั้นในหุ่นอึ๋ม คนที่สามน้องสาวเพื่อนที่สปอร์ตคลับ คนที่สี่ เอ๊ะ !?

           “รดา   วงค์เศวตกุล” 

          
    โชคเข้าข้างเขาแล้ว ในที่สุดเราก็ได้เจอกัน สาวน้อย คราวนี้จะจับเธอให้อยู่หมัดเลย 

            ความหวังของชายหนุ่มโชติช่วงอีกครั้ง อัษฎางค์ทำงานต่ออย่างอารมณ์ดี ตั้งหน้าตั้งตารอวันเจอสาวแสบที่ฝากความเจ็บปวดให้เขาถึงสองแผล ครั้งนี้จะทำให้คำพูดแสบๆ คันๆ นั้นเป็นคำฉอเลาะหวานๆ ให้ได้




            ฝรั่งเศสเป็นประเทศในฝันของหญิงสาวผู้หลงใหลในแฟชั่น เมืองน้ำหอมแห่งนี้มิรันตีขอใช้ภาษาที่เธอได้เล่าเรียนมาให้เกิดประโยชน์พร้อมกันนั้นขอชื่นชมถนน Champs Elysées ให้หนำใจกับบรรดาสินค้าแบรนด์ดังที่เธอมีโอกาสเห็นมันบนนิตยสาร

            มิรันตีขอลาพักร้อนมารักษาแผลใจ สามปีกับการเป็นฝ่ายแอบรักอัษฎางค์อยู่ฝ่ายเดียว ตอนนี้เธอชักไม่แน่ใจแล้วว่าเธอรักเขาหรือเปล่า บางทีอาจเพราะความใกล้ชิดก็เป็นได้ อีกทั้งความสุภาพที่มาพร้อมการเอาใจใส่เล็กๆ น้อยๆ ของเขาถึงทำให้เธอเผลอใจไปกับเขา 

            สามปีที่มิรันตีไม่เป็นตัวของตัวเองเพราะมัวแต่หวังในความรักลมๆ แล้งๆ คอยทำทุกวิถีทางให้เขาสนใจเธอ หากแต่ชายหนุ่มรักษาช่องว่างของเขา และเธอได้ดีเยี่ยม ไม่มีทีท่าว่าจะเกินเลยสักนิด ทั้งๆ ที่เธอก็ลุ้นอยากให้มีใจจะขาด 

           พอกันที ความฝันลมๆ แล้งๆ ต่อจากนี้จะไม่มีมิรันตีคนเก่าอีกต่อไป

            ร่างบางของสาวถึกที่อัษฎางค์เรียกขาน สองมือพะรุงพะรังด้วยถุงจากร้านดังเดินเข้าโรงแรมอย่างเหนื่อยอ่อน เข้าใจคุณระรินทิพย์ล่ะที่มักบ่นว่า ‘ช็อปทีขาเกือบลาก’ เธอหมายถึงมารดาของอัษฎางค์ รายนั้นล่ะเจ้าแม่แฟชั่นลิสซึ่มตัวจริง

            นี่ถ้าพี่ธามมาเห็นเธอตอนนี้จะว่าอย่างไรนะ มิรันตียิ้มกับตัวเองกับสรรพนามที่เรียกเขา หากทำงานอยู่เธอจะเรียกเขาว่า ‘เจ้านาย’ ถ้านอกเวลางานจะเป็น ‘พี่ธาม’ ตอนนี้เธอสลัดเสื้อเชิ้ตกับกางเกงในชุดสุภาพมาเป็นชุดเดรสสีแดงเพลิงสุดแสนจะเย้ายวนกับเสื้อคลุมขนสัตว์สีขาว

             วันนี้วันสุดท้ายของการลาพักร้อน มิรันตีตั้งใจจะไปตระเวนราตรีเพราะเวลาก่อนหน้านี้ของเธอหมดไปกับการเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ งานศิลปะ ร้านหนังสือเก่า  และโบสถ์เสียส่วนมาก

             เครื่องดื่มสีอำพัน รสชาติยอดแย่ในความคิดของมิรันตี ไม่ว่าจะกี่ทีเธอก็ไม่คุ้นกับรสชาติของมันสักที มิรันตีเลือกที่จะนั่งฟังเพลงในบาร์ของโรงแรม สถานที่คนพลุกพล่าน 

             “หาแฟนให้ได้ก่อนกลับเมืองไทย” หญิงสาวพึมพำ แสงสียามค่ำคืนของปารีสบวกกับดนตรีที่ขับกล่อมทำให้มิรันตีกอดตัวเองคลายเหงา ไม่ว่ามองไปทางใด ผู้คนในบาร์มักมากันเป็นคู่รักหรือไม่ก็สังสรรค์กันกับหมู่เพื่อน หาได้มีใครมาตัวคนเดียวเหมือนเธอ

             Voulez-vous coucher avec moi ce coir? ท่อนสร้อยท่อนฮิตของเพลง Lady Marmalade ประกอบภาพยนตร์ดัง Moulin Rouge ดังก้องในหัว เป็นภาษาฝรั่งเศสเป็นประโยคเชื้อเชิญถามว่า ‘คุณต้องการมานอนกับฉันไม คืนนี้??!’ 

             นี่แหละนะ ที่เขาว่าน้ำเปลี่ยนนิสัย เปลี่ยนแมวเชื่องๆ ให้กลายเป็นแม่เสือสาว มิรันตีถือแก้วเครื่องดื่มไว้ในมือข้างหนึ่งแล้วใช้สายตาสอดส่องหาเป้าหมาย

             อะฮ้า หนุ่มแว่น ใช่ๆ เธอชอบผู้ชายใส่แว่น 

             มิรันตีเพิ่งกำหนดเงื่อนไขของมนุษย์ผู้ชายที่จะจับมาเป็นเพื่อนแก้เหงา สายตายามมองผู้ชายที่นั่งมุมอับด้านในสุดของบาร์ประกายกล้า

             เรวัต ว่าที่นักศึกษาปริญญาโทด้านกฎหมาย ชายหนุ่มนัดกับเพื่อนไว้คืนนี้ แต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นไปตามแผนเมื่อเลยเวลานัดมาเป็นเวลายี่สิบนาที ชายหนุ่่มกำลังจะกลับหากแต่สาวชุดแดงเพลิงนั่นเป็นใครกันเล่ามองเขาแทบจะกลืนกิน!

             เรวัตขนลุกเกรียวเมื่อหญิงสาวเดินเป๋ๆ มาหาเขา ผู้หญิงตรงหน้าจัดว่าเป็นสาวสวยมากเลยทีเดียว สูง ยาว เข่าดี อกแบน?! เขาเกือบลืมหายใจไปชั่วขณะ อาจเพราะฤทธิ์ไวน์แดงที่เพิ่งดื่มไปหรือไม่ก็สาวสวยตรงหน้าทำให้เขารู้สึกว่าเลือดในกายสูบฉีดร้อนรุ่มไปทั้งตัว

             “นั่งด้วยคนนะคะ” เธอกล่าวเป็นภาษาฝรั่งเศสด้วยสำเนียงที่ไพเราะ นุ่มหู 

             “ตามสบายครับ” ชายหนุ่มรับไมตรีของเธอ อย่างน้อยมีเพื่อนคุยในคืนเหงาๆ อย่างนี้คงจะดีกว่าปล่อยใจให้เหงา

             “คุณรู้ตัวไหมว่าคุณมีเสน่ห์” เรวัตถึงกับสำลักไวน์แล้วมองหญิงสาวอย่างไม่เชื่อสายตาว่าเธอจะพูดอะไรอย่างนี้ 
    ช่างกล้า

             ใครจะเชื่อว่าชายหนุ่มที่อายุอานามปาไปยี่สิบแปดจะยังคงความโสดไว้จนทุกวันนี้ ที่สำคัญผู้ชายเวอร์จิ้นวัยยี่สิบแปดนี่หายากยิ่งกว่างมเข็มในมหาสมุทรซะอีก

            “ผมรู้ตอนที่คุณบอกนี่ล่ะครับ” ชายหนุ่มแบ่งรับแบ่งสู้ พร้อมกับหาทางปลดมือนุ่มของหญิงสาวที่ฉวยมือเขาไปกุมไว้ราวกับว่าเป็นคู่รักกันมาแต่ชาติปางก่อน

            “คุณเรียนเกี่ยวกับอะไรคะที่นี่หรือไงคะ ฉันมาเที่ยวน่ะค่ะ” มิรันตีชวนเขาคุย 

            ยิ่งทราบว่าเรวัตเป็นนักศึกษา หญิงสาวก็ทำท่าสนใจเรื่องราวของเขาจนชายหนุ่มต้องเล่าเรื่องราวที่แสนจะตื่นเต้นของการจากบ้านเกิดเมืองนอนให้เธอฟังราวกับเป็นกับแกล้มชั้นเยี่ยม

            “ฉันชื่อมิรันตี ยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย เอิ๊ก...” ไม่รู้ว่าสาวเจ้านั่งดื่มไปนานหรือยังแต่เรวัตต้องนิ่วหน้ากับกลิ่นแอลกอฮอล์โชยจากริมฝีปากอวบอิ่ม

            ไม่ว่าสาวสวยระดับไหน ถ้าเมาก็ดูไม่ได้ มันเป็นอย่างนี้เสมอ ซึ่งหาทฤษฎีไหนมาหักล้างไม่ได้ เขากับมิรัยตีคุยกันเกือบค่อนคืนจนถึงเวลาที่เขาคิดว่าเธอน่าจะพักผ่อน หากแต่ร่างบางคอพับคออ่อนไปซะแล้ว

            “เอาไงดีหว่า” น้อยครั้งนักที่เรวัตรจะสบถเป็นภาษาแม่ นึกขอบคุณพระเจ้าที่ยังให้หล่อนมีสติพอที่จะพาเรียวขาเรียวสวยคู่นั้นเดินตามเขา แม้ว่าจะไม่มั่นคงก็เถอะ

    เรวัตตัดสินใจเปิดห้องที่โรงแรมไว้ให้หญิงสาวด้วยกลัวว่าเขาจะถูกใครลากเข้าห้องเพราะน้ำเปลี่ยนนิสัย

    “เย็นไม่เอา” เรวัตขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเธอพึมพำเป็นภาษาไทยเมื่อเขาเช็ดหน้าให้เธอ จะปล่อยให้นอนหลับไปทั้งๆ ที่ตัวเหม็นเหล้าหึ่งก็ดูใจจืดใจดำไปหน่อย กว่าจะจัดการเธอได้ก็เล่นเอาเหนื่อยไปตามๆ กัน

    เรวัตแทบจะกระโดดลงจากเตียงเมื่อจู่ๆ มิรันตีก็ขโมยหอมแก้มเขาเสียดื้อๆ นี่ถ้าเป็นคนอื่นจะเป็นอย่างไรหนอ เขาหมายถึงพวกผู้ชายที่หัวสมองคิดแต่เรื่องอย่างว่า แล้วเขาก็ล้มตัวนอนข้างๆ กับเธอเพราะเวลานี้แท็กซี่คงหมดแล้ว

    นึกโทษความสะเพร่าของตัวเองที่ไม่ได้เช่าห้องสูทเพราะคิดว่าพาเธอเข้าห้องแล้วเขาก็จะจากไป แต่สถานการณ์แบบนี้ไม่มีทางเลือกนัก เรวัตล้มตัวนอนข้างๆ หญิงสาว ชายหนุ่มเคลิ้มจะหลับอยู่แล้วเชียวก็ต้องขนลุกซู่เมื่อร่างบางพลิกร่างมาประกบริมฝีปากเขาดื้อๆ 

    โอ้ ไม่นะ พระเจ้าช่วยลูกด้วย ลูกยังไม่พร้อมจะเสียสาว (หนุ่ม) ตอนนี้ เอ่อตามหลักศาสนาพราหมณ์ลูกยังอยู่ในช่วงพรหมจรรย์ ศึกษาเล่าเรียน ยังไม่พร๊อม ไม่พร้อมจริงๆ อ๊ากส์!!?

    ชายหนุ่มพยายามหาทางออกแต่ดูเหมือนว่ายิ่งร่างบางแนบแน่นกับเขาเท่าไหร่ หัวสมองของเขาหาทางออกไม่ได้เสียเลยจนกระทั่งต้องปล่อยให้เป็นไปตามความต้องการของธรรมชาติ

    ....

    ..

    “โอ๊ย ผู้ชายอะไรตัวหนักชะมัด” มิรันตีพูดพลางผลักเรวัตที่นอนทับเธออยู่

    เธอรู้สึกตัวตลอดทุกการกระทำของเขา ช่วยไม่ได้ที่เธอจะกลายเป็นแม่สาวกระทิงเปลี่ยวขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล หญิงสาวเก็บเสื้อผ้าที่กองรวมกับของเขามาสวมใส่อย่างเชื่องช้าแล้วห่มผ้าให้เขาที่หลับสนิทก้มลงจุมพิตหน้าผากเขา มือเรียวปัดปอยผมของเขา มิรันตีพิจารณาชายหนุ่มเป็นครั้งสุดท้ายเพื่อจดจำทุกรายละเอียดของเขาไว้แล้วเธอก็กลับไปที่ห้องของตัวเองโดยไม่ล่ำลา

    เรวัตรู้สึกตัวมาในตอนเช้าก็พบว่ามีเพียงตนนอนเปลือยอยู่คนเดียวในห้อง ชายหนุ่มรีบเด้งไปยังกระเป๋าสะพายข้างของตน มือหนาค้นหาทรัพย์สินของตนอย่างเร่งรีบ

    “ไม่มีอะไรหาย” หัวสมองของเรวัตงุนงงราวกับถูกทุบด้วยค้อนปอนด์เมื่อกระเป๋าเงิน โทรศัพท์มือถือยังอยู่ที่เดิม อีกทั้งนาฬิกาโรเล็กซ์ และแหวนทองคำขาวยังอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเหมือนเดิม หากครู่เดียวคนที่ชำนาญภาษาฝรั่งเศสราวกับเป็นภาษาแม่ก็พบกับข้อความหนึ่ง

    ‘Au’revoir L’amour’ 

    เรวัตมองกระดาษโน้ตของโรงแรมที่ประทับด้วยลิปสติกสีแดง เธอไปแล้ว เขาบอกกับตัวเอง ไม่ว่ากระดาษนั่นจะแปลว่าแล้วพบกันใหม่ความรัก หรือลาก่อนความรักอะไรก็ช่าง แต่มันก็เทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้

    “แล้วพบกันใหม่ความรัก ม่ายยยยยยย”

    เอาเวอร์จิ้นผมคืนมา อ๊ากส์ เรวัตร่ำร้องในใจ นี่ผมเสียเวอร์จิ้นให้กับเธอแล้วเหรอเนี่ย!?

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×