คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ภารกิจที่ 1
เมื่อ คุณและคู่เกิดหลงเข้าไปในป่าต้องห้ามและหาทางออกไม่ได้ คุณและคู่จะเจออะไรในนั้นบ้าง และจะออกมาได้อย่างไร
ในหอสมุดขนาดใหญ่ของสถาบันการศึกษาเวทมนตร์
เวลาพักเช่นนี้ เหล่านักเรียนบางคนก็จะไปเดินเล่นกันบ้าง ฝึกความสามารถของตนเองกันบ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็จะเข้ามาอาศัยอยู่ในหอสมุดแห่งนี้กันเพื่อทำการบ้านซะส่วนใหญ่ ซึ่งก็เนื่องมาจากการบ้านที่มีเยอะมากจนจะล้มทับเจ้าของกันนั่นเอง
เด็กสาวร่างสูงผู้เป็นเจ้าของเรือนผมสีขาวที่หยิกบริเวณปลายเล็กน้อยในชุดสีขาว-ดำเดินสวนกับเหล่านักเรียนคนอื่นๆ ออกมาจากห้องสมุดพร้อมกับหนังสือในมือหลายเล่ม เธอเดินเลี้ยวไปทางหอพักของตนและตรงเข้าไปในปราสาทสีน้ำตาลหม่น หอพักของเธออย่างรวดเร็ว
"พี่ไอรีนเอาหนังสือมาเยอะอีกแล้วนะ ของเมื่อวานก็ยังไม่ได้เอาไปคืนเลยนี่นา" เด็กสาวร่างเล็กเจ้าของเรือนผมสีเดียวกันกับเด็กสาวผู้ถูกเรียกว่า ไอรีน เอ่ยขึ้นพลางเดินเข้าไปช่วยแบ่งหนังสือในมือของพี่สาวมาวางที่โต๊ะซึ่งเต็มไปด้วยหนังสือจากหอสมุดของโรงเรียน
"เอาน่า พี่ลืมเอาไปคืนนี่นา เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยเอาไปคืนก็ได้ ยังไม่ถึงกำหนดคืนซักหน่อยนี่ไอริส เดี๋ยวอ่านอีกรอบดีกว่า กำไรก่อนคืนหนังสือ" ไอรีนเอ่ยพร้อมกับหยิบหนังสือขึ้นมาเล่มหนึ่งแล้วเดินไปที่ประตูก่อนจะหันกลับมาหาไอริสผู้เป็นน้อง
"ไปนั่งเล่นริมทะเลสาบกัน" ไอรีนเอ่ยชวนซึ่งคำตอบของไอริสก็คือการพยักหน้าเล็กน้อย แล้วทั้งสองก็เดินออกจากห้องพักไป
ริมทะเลสาบที่ทั้งสองเดินไปนั้นอยู่ทางทิศตะวันตกของโรงเรียน ซึ่งเป็นสถานที่ๆ ไม่มีคนเลยก็ว่าได้ เนื่องจากทะเลสาบแห่งนี้อยู่ติดกับป่าต้องห้ามนั่นเอง จึงไม่ค่อยจะมีคนไปยุ่งแถวนั้นนัก แต่เมื่อทั้งสองไปถึงกลับพบว่ามีคนอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว 2 คน
คนแรกเป็นเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนยาวถึงกลางหลัง นัยน์ตาสีฟ้าราบเรียบดั่งน้ำแข็งสะท้อนกับแสงแดดอ่อนๆ ดูสวยงาม เธอสวมเสื้อแขนยาวสีขาวกับกางเกงสีดำยาวประมาณเข่าที่ขยับไปมาตามแรงลมริมทะเลสาบที่ค่อนข้างจะแรง เธอนั่งอ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่มีปกสีน้ำตาลเข้มซึ่งดูจากชื่อหนังสือแล้วก็จะรู้ได้ไม่ยากว่าเป็นหนังสืออะไร เนื่องจากหนังสือเล่มหนานี้ถูกเขียนด้วยภาษาเวทมนตร์ที่ไอรีนยังไม่ค่อยเข้าใจนั่นเอง
ส่วนคนที่สอง เป็นเด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีทองที่ถูกมัดรวบเป็นแกละสองข้างด้วยที่รัดผมสีดำแดงและมีปอยผมเล็กๆ หลุดออกมาเคลียข้างแก้ม นัยน์ตาสีดำสนิทดูสนุกสนานตลอดเวลา เธออยู่ในชุดกระโปรงแขนสั้นกุดสีแดง-ดำทับด้วยเสื้อแขนกุดตัวสั้นสีขาว-ดำอีกตัวหนึ่ง ที่แขนสองข้างมีปลอกแขนสีดำที่ทำจากหนังสัตว์เทพ เธอนั่งอยู่ข้างๆ เด็กสาวคนแรก ต่างหูสีแดงสะท้อนกับแสงอาทิตย์เป็นแสงสีสวยงามอยู่บนผิวน้ำ
ไอรีนและไอริสตัดสินใจที่จะนั่งใต้ต้นไม้อีกต้นหนึ่งที่ห่างออกไปเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนทั้งสองที่มาก่อน ระหว่างที่ไอรีนกำลังจะเริ่มต้นอ่านหนังสือนั้น เธอก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่ส่องแสงจากภายในน้ำจึงปิดหนังสือลงแล้วมองลงไปในน้ำให้แน่ใจ
"มีอะไรเหรอพี่?" ไอริสที่มองท้องฟ้าอยู่เอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นพี่สาวของตนชะเง้อคอมองลงไปในน้ำ
"มีอะไรอยู่ในน้ำด้วยไอริส" ไอรีนเอ่ยพลางถลกแขนเสื้อข้างขวาของตนเองขึ้นแล้วหย่อนมือของตนลงไปในน้ำเพื่อควานหาขึ้นมาว่ามันคืออะไร เพียงครู่เดียวเธอก็หาพบ สิ่งที่ขึ้นมาจากทะเลสาบพร้อมกับมือของไอรีนนั่นก็คือ ลูกแก้วขนาดพอดีมือสีดำสนิท ซึ่งสร้างความสงสัยให้ไอรีนและไอริสได้เป็นอย่างมาก
"ลูกแก้วอะไรน่ะพี่ ดูสวยดีนะ" ไอริสเอ่ยพลางมองที่ลูกแก้วซึ่งภายในเป็นกลุ่มวันสีดำสนิทอย่างสนใจ ซึ่งต่างจากไอรีนที่มีสีหน้าไม่ชอบใจเลยแม้แต่น้อย
"สวยตรงไหนกันน่ะไอริส พี่ว่าน่ากลัวซะมากกว่าอีกนะ ลูกแก้วอะไรกันเนี่ย?" ไอรีนเอ่ยเซ็งๆ พลางละสายตาจากลูกแก้วแล้วมองลงไปในน้ำแทน
"พี่ ลูกแก้วมัน..." ไอริสเรียกพี่สาวให้ดูลูกแก้วในมือ นัยน์ตาสีทองของไอรีนจึงเลื่อนลงมายังลูกแก้วในมือของตนที่มีควันสีม่วงเกิดขึ้นพร้อมกับที่ทุกๆ สิ่งรอบตัวกลายเป็นสีดำสนิทและสติของทั้งสองก็เลือนรางและดับวูบลงในทันที
"อืม..." เสียงครางเบาๆ ดังมาจากร่างบางของเด็กสาวผู้มีเส้นผมสีขาวสะอาดซึ่งนอนอยู่บนพื้นหญ้าสีเข้มอันชื้นแฉะและเต็มไปด้วยสมุนไพรแปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แพขนตาบางๆ ขยับกระพริบถี่ๆ แล้วเปิดขึ้นพร้อมกับใช้มือขวาชันตัวขึ้นนั่ง นัยน์ตาสีทองมองไปรอบๆ บริเวณที่มีแต่ต้นไม้สูงขึ้นรอบด้านอย่างหนาแน่น แต่ก็ยังมีแสงอาทิตย์สีส้มเข้มส่องผ่านลงมาจากยอดไม้อันหนาทึบอย่างยากลำบาก
"ไอริส ฟื้นแล้วเหรอ" เด็กสาวผู้เป็นพี่รีบเข้าไปหาน้องสาวของตนที่ฟื้นได้สติขึ้นมาในทันทีด้วยความเป็นห่วง
"ที่นี่ที่ไหนเหรอคะพี่?" ไอริสถามพี่สาวด้วยความสงสัยพร้อมกับค่อยๆ ลุกขึ้นยืน พลางมองสำรวจไปรอบๆ บริเวณที่ตนเองยืนอยู่อีกครั้ง ซึ่งก็พบเพียงต้นไม้สูงใหญ่หนาทึบหลายชั้น พื้นดินสีเข้มที่ชื้นแฉะและเต็มไปด้วยหญ้าและสมุนไพรหลากหลายชนิด ซึ่งเดาได้ไม่ยากว่าป่าแห่งนี้คงมีความอุดมสมบูรณ์มากเลยทีเดียว
"พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่พี่ได้กลิ่นไอเวทมนตร์นะ" ไอรีนเอ่ยตอบน้องสาวพลางเดินไปยังทิศทางที่สายลมพัดผ่านมา เนื่องจากเธอเป็นผู้ใช้เวทมนตร์ที่สังกัดธาตุสายลมจึงสามารถจับไอเวทมนตร์ที่ถูกพัดพามากับสายลมได้อย่างไม่ยากเย็น
"ถูกต้อง...ที่นี่ก็คือป่าต้องห้ามยังไงล่ะ ป่าที่อยู่ติดกับทะเลสาบด้านตะวันตกของโรงเรียนนั่นแหละ และผู้ใดที่หลงเข้ามาก็จะไม่สามารถกลับออกไปได้เพราะไม่รู้วิธีไงล่ะ" เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีทองเอ่ยขยายความให้ทุกคนได้รู้พลางปัดพวกแมลงที่เกาะตามตัวออกอย่างรำคาญ รวมทั้งเศษดินและเศษใบไม้ใบหญ้าที่ติดอยู่ด้วย
"ทำไมพวกเราถึงมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะ? ก็เมื่อกี้เราอยู่ที่ทะเลสาบกันนี่นา" ไอริสถามขึ้นด้วยความแปลกใจระคนสงสัย
"ลูกแก้วมนตราต้องห้ามยังไงล่ะ" เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลอ่อนผู้อยู่ที่บริเวณนั้นด้วยเอ่ยขึ้นเพื่อคลายความสงสัยของไอริส
"ลูกแก้วมนตราต้องห้ามงั้นเหรอ?" ไอรีนเอ่ยทวนคำอย่างแปลกใจ แล้วใช้มือขวาควานหาลูกแก้วสีดำสนิทที่เคยพบในกระเป๋ากระโปรง แต่ก็พบเพียงความว่างเปล่า ลูกแก้วไม่ได้อยู่กับเธอเสียแล้ว
"ใช่...ไอ้ลูกแก้วที่เธองมขึ้นมาไงล่ะ เลยพลอยทำให้ฉันกับโซรีนลำบากไปด้วย ชิ!!" เด็กสาวเจ้าของเรือนผมทองพูดขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"เงียบเถอะน่า เดียร์...ขอโทษแทนเดียร์ด้วยนะ ฉันมาโซรีน รีเฟลเลอร์ ส่วนนั่นผู้ติดตามของฉันเอง รีเดียร์น่า เดอ พรีเวล..." เด็กสาวผู้มีนามว่า มาโซรีน แนะนำตัวแล้วยื่นมือขวาออกไปเบื้องหน้า
"ฉันไอรีน ซินเธีย กลอเรีย เรียกว่า ไอรีน ก็ได้ค่ะ เด็กคนนั้นคือน้องสาวของฉันเองชื่อว่าไอริส เอสเธอร์ กลอเรียค่ะ ต้องขอโทษพวกเธอสองคนด้วยนะคะ ที่ทำให้ลำบากไปด้วย ฉันไม่รู้จริงๆ ว่านั่นคือลูกแก้วมนตราน่ะค่ะ" เด็กสาวเจ้าของเรือนผมสีขาวเอ่ยขึ้น แล้วยื่นมือขวาไปจับกับมือของเด็กสาวผมสีน้ำตาลอ่อนที่ส่งออกมาอยู่ก่อนแล้ว เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งมิตรภาพใหม่ที่กำลังเริ่มขึ้น
"แล้ววิธีที่ว่าจะทำให้กลับออกไปจากป่าต้องห้ามแห่งนี้ได้คืออะไรเหรอคะ?" ไอรีนถามแล้วมองรอบๆ อีกครั้ง แต่ก็พบเพียงนกฮูกสีน้ำตาลเข้มตัวใหญ่บนยอดไม้อันเล็กจิ๋ว
"เราต้องออกตามหาลูกแก้วมนตราต้องห้ามที่เธอทำหายไปให้เจอ แล้วฉันจะร่ายคาถาย้อนเวลาให้กลับไปช่วงก่อนที่เธอจะเห็นลูกแก้วนี่ เท่านี้พวกเราก็จะออกไปจากป่าแห่งนี้ได้อย่างง่ายดาย แต่ว่าปัญหาอันยากจะแก้ไขอยู่ที่ว่า... ในป่าแห่งนี้มีอันตรายมากมายที่เธออาจคาดไม่ถึงเลยทีเดียวและบางทีอันตรายเหล่านั้นอาจคร่าชีวิตพวกเราได้!!" รีเดียร์น่าพูด พร้อมเก็บผลไม้สีส้มลูกโตบนต้นไม้ที่ไม่สูงมากนักแบ่งให้กับทุกคนเพื่อทำลายความหิวเพราะเวลานี้แสงอาทิตย์อ่อนลงมากแล้ว และท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีแล้วด้วย
ดวงตะวันสีส้มแดงที่ทำงานในการให้แสงสว่างแก่ทุกๆ สิ่งในเวลากลางวันลาลับขอบฟ้าไปพร้อมกับแสงอาทิตย์สุดท้ายของวันพร้อมกับที่ดวงจันทร์สีเหลืองนวลสดใสซึ่งให้แสงสว่างได้บ้างเล็กน้อยในเวลากลางคืน แม้ว่าคืนนี้จะเป็นคืนวันเพ็ญที่ดวงจันทร์จะปรากฏขึ้นเต็มดวงบนท้องฟ้าสีดำสนิท แต่มันก็ไม่มีประโยชน์มากนักเมื่อต้นไม้ในป่าต้องห้ามแห่งนี้มีมากและหนาแน่นจนแสงจันทร์ที่มีกำลังแสงน้อยกว่าดวงอาทิตย์ถึงเกือบเท่าตัวไม่สามารถส่องผ่านลงมายังพื้นที่ป่าได้ ทำให้เด็กสาวทั้ง 4 คนต้องพยายามค้นหาเศษไม้แห้งที่จะนำมาใช้ในการก่อกองไฟเพื่อให้แสงสว่างและความอบอุ่นแก่ร่างกายของพวกเธอ
"บาเรีย!!!" หลังจากที่รีเดียร์น่าบอกวิธีการออกจากป่าต้องห้าม ไม่นานนักท้องฟ้าก็เริ่มมืดลงกว่าเดิม ทั้ง4จึงตัดสินใจแยกย้ายกันหาผลไม้ พุ่มไม้หนาๆ และฟืนเพิ่ม เพื่อนำมาก่อกองไฟไม่ให้ดับมอดและทำเป็นที่นอนสำหรับคืนนี้ ต้นเสียงที่ร่ายเวทย์บาเรียมาจากเด็กสาวผมสีน้ำตาลอ่อนหรือที่ใครๆ ก็เรียกเธอว่าเจ้าหญิงน้ำแข็ง เมื่อสิ้นเสียงร่ายเวทย์บาเรียสีฟ้าใสก็ขยายขนาดจนครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างพอสมควร หลังจากนั้นเธอก็เดินไปจนสุดเขตบาเรียที่เธอเป็นผู้กางเพื่อรับอากาศเย็นๆ ที่เจ้าตัวชอบ
"พี่ไอรีน พี่ว่าเราจะเจอลูกแก้วนั่นไหม? แล้วผู้คุมหอจะสงสัยไหมว่าพวกเราหายไปไหนกัน? แล้วพวกอาจารย์จะรู้ไหมว่าพวกเราไม่เข้าเรียนเพราะอะไร? แล้ว..." ไอริสที่ถามคำถามต่างๆ นานาอย่างกังวลเป็นอันต้องเงียบกริบในทันที เมื่อรีเดียร์น่าหันมาส่งสายตาที่บ่งบอกความรำคาญได้เป็นอย่างดี ก่อนจะใช้เวทย์รักษาอุณหภูมิของกองไฟไว้
"ข้อแรก พี่ว่าลูกแก้วนั่นยังไงเราก็ต้องเจอ ข้อสอง ถ้าผู้คุมหอไม่รู้เค้าจะมาเป็นผู้คุมเพื่ออะไร? และข้อสามพวกอาจารย์ไม่รู้แน่นอนว่าทำไมพวกเราไม่เข้าเรียน เพราะว่าเราไม่ได้ส่งใบลาล่วงหน้านี่นา" ไอรีนตอบคำถามของน้องสาวอย่างกวนๆ เพื่อเป็นการสร้างความสนุกสนานให้เกิดขึ้นเล็กน้อย แต่เมื่อเห็นท่าทีที่ยิ้มไม่ออกของน้องสาวก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความเครียดของน้องสาว
"ยังไงเราก็ต้องออกไปได้น่า ไอริส ไม่ต้องห่วงหรอก" ไอรีนเอ่ยปลอบพลางยิ้มน้อยๆ แล้วเอนตัวลงนอนพิงกับต้นไม้ต้นใหญ่ด้านหลังที่ถูกนำพุ่มไม้เล็กๆ มาวางไว้ใช้แทนหมอนหนุนอยู่ก่อนแล้ว พร้อมกับพยายามมองลอดผ่านยอดไม้อันหนาทึบเพื่อมองหาดวงจันทร์บนท้องฟ้าอย่างที่ชอบทำเป็นประจำก่อนนอนทุกคืน
ยามค่ำคืนในป่าต้องห้ามนั้น มีเพียงเสียงแมลงหลากหลายชนิดที่กรีดร้องกัน เสียงนกกลางคืนร้องบ้างเป็นครั้งคราวยามออกหากิน เสียงสายลมเย็นที่พัดโชยมาอ่อนๆ และเสียงใบไม้ที่เสียดสีกันตามแรงลมเป็นทำนองอันไพเราะที่ช่วยขับกล่อมให้เด็กสาวทั้ง 4 คนซึ่งกำลังตกลงไปสู่ห้วงนิทราให้หลับฝันดีกว่าวันอื่นที่ผ่านๆ มา
แสงตะวันสีเหลืองอ่อนๆ เริ่มโผล่พ้นขอบฟ้าขึ้นมาทางทิศตะวันออกเพื่อแทนที่ดวงจันทร์ที่เคลื่อนตัวลับขอบฟ้าฟากตะวันตกไปแล้วอย่างช้าๆ เป็นการเปลี่ยนเวลาทำงานกันของทั้งสองสิ่งที่พากเพียรอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย เหล่าสัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในป่าและเป็นประเภทที่ออกหากินในยามรัตติกาลได้เริ่มหลับใหลเข้าสู่ห้วงนิทราอย่างเหนื่อยอ่อน พร้อมกับปล่อยเวลากลางวันให้กลายเป็นหน้าที่ของเหล่าสัตว์ป่าอื่นๆ ที่ออกหากินตอนกลางวันซึ่งได้หลุดออกจากห้วงนิทรากันแล้ว เช่นเดียวกันกับเด็กสาวทั้ง 4 ที่ได้หลุดออกมาจากห้วงนิทราอันแสนสุขตั้งแต่เวลาฟ้าสาง เพื่อออกหาผลไม้ป่าที่สามารถกินได้ มาใช้ประทังความหิวที่เพิ่มขึ้นและออกหาแหล่งน้ำที่สะอาดมากพอเพื่อใช้ล้างหน้าและเก็บไว้ใช้ดื่มยามหิวกระหาย
"โซรีน!!โซรีน!!มาทางนี้เร็วเข้า!" เสียงตะโกนของรีเดียร์น่า เรียกให้ไอรีนและไอริสที่ได้ยินเสียงเรียกนั้นเดินตามหลังมาโซรีนผู้ถูกเรียกไปยังจุดต้นกำเนิดของเสียง
"พี่ๆ ลำธารล่ะ เราเจอลำธารแล้ว" ไอริสร้องอย่างดีใจ หลังจากที่ทั้ง 4 เดินหาแหล่งน้ำมาเป็นเวลานาน เพราะไอริสไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้ในเวลากลางวัน
"...มันง่ายเกินไป..." มาโซรีนพึมพำเบาๆ กับตัวเองและตกอยู่ในห้วงความคิดของตน
"อะไรง่ายเหรอคะ? มาโซรีน" ไอรีนที่ได้ยินเอ่ยถามพลางมองมาโซรีนอย่างสงสัย
"อย่าเข้าใกล้ลำธารนั่น!!!" มาโซรีนที่ตกอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง เบิกตากว้างพลางตะโกนเสียงดังก้องป่าจนทั้งสามคนหันมามองมาโซรีนสลับกับลำธารอย่างตกใจ
"ออกมาให้ห่างจากลำธารนั่นนะ!! มันคือกับดัก!!" มาโซรีนตะโกนออกมาอีกครั้งพร้อมกับเรียกคทาประจำตระกูลของตนออกมา ทั้งสามคนที่คาดเดาได้ไม่ยากว่าน่าจะมีเหตุการณ์ไม่ดีบางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน จึงรีบวิ่งเข้าไปหามาโซรีนเพื่อรวมตัวกันในทันที
พลั่ก!!!
ตุบ!!!
"ไอริส!!" ด้วยความรีบไอริสจึงสะดุดกับรากไม้ขนาดใหญ่ที่โผล่พ้นพื้นดินออกมาแล้วล้มลงกับพื้น และในขณะเดียวกัน อสูรน้ำร่างยักษ์ก็ปรากฏขึ้นมาจากลำธารนั้น ทั่วร่างของมันมีเกล็ดสีน้ำเงินเข้มเงาวับ ขาทั้งสี่มีขนาดใหญ่กว่าลำต้นของต้นไม้ที่อายุมากๆ เสียอีก ใบหน้าที่ไม่น่าพิสมัยของมันดูราวกับหิวกระหายมานานแสนนาน เขี้ยวสีเหลืองอ่อนที่ยาวประมาณ 2 เมตรซึ่งเป็นสิ่งที่บ่งบอกได้ว่ามันคงมีชีวิตอยู่มานานพอสมควรเลยทีเดียว ดวงตาเรียวยาวสีแดงสดแบบปีศาจร้ายของมันกำลังมองตรงมาที่ไอริสซึ่งล้มอยู่บนพื้น
"มันกลืนลูกแก้วเวทมนตร์ต้องห้ามลงไปแน่ๆ ถึงได้เปลี่ยนไปดุร้ายและกระหายเลือดได้ ปกติอสูรน้ำไม่ได้มีรูปลักษณ์แบบนี้เลย แต่มันก็คงกลับไปเป็นอย่างเดิมไม่ได้อีกต่อไปแล้ว ถ้าเราฆ่ามัน เราก็จะกลับออกไปจากป่าต้องห้ามได้ แต่ถ้าเราถูกมันฆ่าเราก็คงไม่ได้กลับออกไปอีกเลย...ตลอดกาล" รีเดียร์น่าพูดออกมาหลังจากอ่านใจของอสูรน้ำตัวนั้น และได้พบว่ามันได้กลืนเอาลูกแก้วที่พวกเธอกำลังตามหากันอยู่ในขณะนี้ลงไปเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วนี้เอง
"ไอริสรีบลุกขึ้นมาเร็ว!!" ไอรีนตะโกนเร่งไอริสที่ยังคงอยู่บนพื้นและจ้องมองอสูรน้ำตนนั้นอย่างตกใจ แต่ในขณะที่ไอริสตั้งสติได้และพยายามจะลุกขึ้นจากพื้น อสูรน้ำตนนั้นก็รีบวิ่งตรงเข้าไปหาไอริสในทันที
"พี่ไอรีน!!!" ไอริสตะโกนสุดเสียงด้วยความหวาดกลัว เพราะในเวลานี้เธอไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลยแม้แต่น้อย
"Holy Cross!!!" ไอรีนเรียกอาวุธประจำตัวของตนออกมา มันคืออาวุธประเภทไม้เท้าที่มีความยาวถึง
"Elfon delt'ha wi'lnadi'a b'reat'h in'gi!!!" เสียงร่ายเวทย์ของไอรีนดังขึ้นเบาๆ ส่งผลให้เกิดกระแสลมมากมายพวยพุ่งออกมาจากไม้เท้า Holy cross และรวมตัวกันกลายเป็นพายุหมุนขนาดย่อม ตรงเข้าไปยังร่างของอสูรน้ำตนนั้นอย่างรวดเร็ว
"โฮกกกกกกกกกกกกก!!!" เสียงกรีดร้องของอสูรน้ำดังก้องกังวานไปทั่วทั้งป่าหลังจากที่พายุขนาดย่อมซึ่งเกิดออกมาจากไม้เท้าของไอรีนพุ่งเข้าล้อมรอบร่างอันใหญ่โตของมันอย่างรวดเร็วพร้อมกับเหวี่ยงร่างของมันอย่างแรงจนกระเด็นไปกระแทกกับต้นไม้ต้นใหญ่ที่หักโค่นลงทันทีจากการปะทะนั้น
เมื่อไอริสเห็นว่ามีจังหวะช่องว่างอยู่จึงรีบยันตัวลุกขึ้นจากพื้นแล้ววิ่งมายืนอยู่ข้างๆ ไอรีนผู้เป็นพี่ในทันที
"Refeller Killer!!!" เพียงครู่เดียวเสียงร่ายเวทย์ของมาโซรีนก็ดังขึ้นอีกระลอก เมื่อเห็นว่าอสูรน้ำกำลังลุกขึ้นมาอีกครั้ง สายน้ำที่เย็นตัวลงจนกลายเป็นน้ำแข็งพวยพุ่งออกมาจากหัวคทาซึ่งทำมาจากคริสตัลชั้นดี แล้วไปรวมตัวกันพร้อมมุ่งตรงไปหาอสูรน้ำ เพียงชั่วพริบตาอสูรน้ำร่างยักษ์ซึ่งกำลังจะลุกขึ้นยืนก็กลายสภาพเป็นน้ำแข็งด้วยเวทมนตร์ของมาโซรีน เจ้าหญิงน้ำแข็งแห่งโรงเรียน Riotous จากนั้นน้ำแข็งก็เริ่มปริแตกออกและมีรอยร้าวจนในที่สุดก็แตกสลายออกกลายเป็นเศษน้ำแข็งชิ้นเล็กชิ้นน้อยพร้อมกับอสูรน้ำและร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า มีเพียงแค่ลูกแก้วมนตราต้องห้ามสีดำสนิทเท่านั้นที่ไม่ได้แตกสลายไปด้วยและหล่นลงมาอยู่ในมือของมาโซรีนอย่างช้าๆ ลูกแก้วที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้เด็กสาวทั้ง 4 ต้องมาอยู่ในป่าต้องห้ามแห่งนี้
"ไอ้เจ้าลูกแก้วเจ้าปัญหาเอ๊ย!!" หลังจากที่การต่อสู้จบลงแล้ว รีเดียร์น่าก็หยิบลูกแก้วมนตราต้องห้ามมาจากมือของมาโซรีนพร้อมกับสบถอย่างหงุดหงิดไปด้วย
"พี่ไอรีน เราจะได้กลับกันแล้วใช่ไหม?...ไอริสหิว แล้วก็ง่วงนอนด้วย" ไอริสพูดพร้อมกับเขย่าแขนไอรีนไปด้วย
"ใช่จ้ะ เราจะได้กลับหลังจากที่รีเดียร์น่าเขาร่ายเวทย์ย้อนเวลาแล้วนะ" ไอรีนพูดพลางยิ้มให้ไอริสด้วยความยินดี
"มิติแห่งกาลเวลา...ข้าบุตรแห่งเทพ...ขอจงเปิดประตูมิติแห่งข้า...ย้อนกาลเวลา...ผันสู่อดีต...ด้วยเถิด" รีเดียร์น่าร่ายเวทย์เบาๆ แล้วหลับตาลงช้าๆ ทุกสิ่งทุกอย่างพลันหยุดนิ่งไม่ขยับเขยื้อน เพียงชั่วอึดใจทั้ง 4 ก็มาปรากฏตัวอยู่ที่ริมทะเลสาบด้านตะวันตกของโรงเรียน Riotous school สถานที่ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมดนี้ แต่มีเพียงสิ่งเดียวที่ต่างออกไปจากเมื่อวานคือ ดวงอาทิตย์ที่ส่องแสงสีส้มสว่างอย่างเต็มที่ในเวลาเที่ยงวัน ขับไล่เหล่าเมฆหมอกที่บดบังแสงให้หายไปจนหมดสิ้น แม้ว่าเรื่องราวต่างๆ ในเวลา 2 วันอันแสนสั้นนี้จะจบลงไปแล้ว แต่ว่าประสบการณ์ที่ได้รับมาอย่างมากมาย และมิตรภาพอันสวยงามและคงทนก็ยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจและความทรงจำของพวกเธอทั้ง 4 คน และจะไม่มีวันจบลงหรือเลือนหายไปจากความทรงจำของพวกเธอง่ายๆ อย่างแน่นอน
ชื่อ-สกุล- มาโซรีน รีเฟลเลอร์
ห้อง- N01 หอ-Nadeer
ชื่อ-สกุล ( คู่ )- ไอรีน กลอเรีย
ห้อง-หอ ( คู่ )- N04 Nadeer
รูป ป่าต้องห้าม-
คำบรรยาย-
ชื่อ-สกุล มาโซรีน รีเฟลเลอร์
ห้อง N01 หอ Nadeer
ชื่อ-สกุล ( คู่ ) ไอรีน กลอเรีย
ห้อง N04 หอ ( คู่ ) Nadeer
รูป ป่าต้องห้าม
คำบรรยาย
ความคิดเห็น