คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : การติดต่อค้าขาย
การติดต่อค้าขาย
เขตการค้าเสรีแห่งทวีปอเมริกา
เมื่อเดือนธันวาคมปี พ.ศ. 2537 (ค.ศ. 1994) ประธานาธิบดี บิล คลินตัน แห่งสหรัฐอเมริกา และผู้นำประเทศที่มีการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอีก 33 ประเทศในแถบทวีปอเมริกา ซึ่งประกอบไปด้วยประเทศในอเมริกาเหนือ อเมริกากลาง อเมริกาใต้ และประเทศในหมู่เกาะแคริบเบียน (ยกเว้นประเทศคิวบา) ได้จัดการประชุมสุดยอดทวีปอเมริกา (Summit of the Americas) ขึ้นครั้งแรกที่เมืองไมอามี่ มลรัฐฟลอริดา ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อความร่วมมือในด้านการพัฒนาประเทศ เสริมสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ความมั่นคง และความเจริญก้าวหน้าทางเศรษฐกิจของภูมิภาค ซึ่งถือว่าเป็นการรวมกลุ่มภายในภูมิภาคที่สำคัญ เพราะมีประชากรรวมกันถึง 800 ล้านคน และมี GDP ของทุกประเทศรวมกันถึง 11 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ
ในการประชุมครั้งนี้ ผู้นำของ 34 ประเทศได้ร่วมกันแถลงการณ์ในปฏิญญาแห่ง หลักการ (Declaration of Principle) และแผนปฏิบัติการ (Action Plan) เพื่อที่จะร่วมมือกันในการจัดตั้งเขตการค้าเสรีแห่งทวีปอเมริกาให้บรรลุผลสำเร็จภายในปี พ.ศ. 2548 (ค.ศ. 2005) โดยมีใจความสำคัญระบุไว้ว่า ประเทศสมาชิกจะต้องมีข้อผูกพันที่จะไม่ใช้มาตรการใหม่ ๆ ที่จะก่อให้เกิดอุปสรรคต่อการค้า รวมทั้งการจัดทำข้อตกลงใดๆ ก็ตามจะต้องไม่ขัดต่อบทบัญญัติของ GATT 1994 และ WTO และจะต้องไม่ก่อให้เกิดผลกระทบและเป็นอุปสรรคต่อประเทศอื่น
จากแผนปฏิบัติการในเรื่องการจัดตั้งเขตการค้าเสรีแห่งทวีปอเมริกา ได้กำหนดให้มีการประชุมรัฐมนตรีการค้า (Trade Ministerial Meeting) ขึ้นเพื่อดำเนินการยกร่างแผนการดำเนินงานจัดตั้งเขตการค้าเสรีแห่งทวีปอเมริกา โดยจัดประชุมขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปีตั้งแต่ปี 2538 (1995) เป็นต้นมา ผลการประชุมที่สำคัญและมีส่วนผลักดันให้เกิดจุดเริ่มต้นในการดำเนินงาน จัดตั้งเขตการค้าเสรีแห่งทวีปอเมริกาอย่างเป็นทางการ คือ การประชุมรัฐมนตรีการค้าครั้งที่สี่ในเดือนมีนาคม 1998 ที่เมืองซาน โฮเซ ประเทศคอสตาริกา โดยหลังการประชุมได้มีการแถลงการณ์"ปฏิญญาแห่งซาน โฮเซ" (Declaration of San Jose) โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเปิดเสรีทางการค้าและการลงทุนระหว่างกัน ส่วนสำคัญที่สุดของปฏิญญานี้ คือ การจัดตั้งคณะกรรมการเจรจาการค้า (Trade Negotiation Committee) จำนวน 9 กลุ่มอันได้แก่ การเปิดตลาด การลงทุน การค้าบริการ การจัดซื้อโดยภาครัฐ การระงับข้อพิพาท สินค้าเกษตร ทรัพย์สินทางปัญญา การอุดหนุนภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดและภาษีตอบโต้การอุดหนุน และนโยบายการแข่งขัน การประชุมในกรอบนี้มีจุดประสงค์เพื่อเจรจาหาข้อตกลงในการส่งเสริมการค้าและลดข้อกีดกันทางการค้าระหว่างกัน
และจัดให้มีการเจรจาในกลุ่มต่างๆ ขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทุกประเทศจะต้องมีส่วนร่วมและต้องมีการสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเป็นประธานและรองประธานคณะกรรมการฯ ตามวาระที่กำหนด เพื่อให้สามารถบรรลุผลในการจัดตั้งเขตการค้าเสรีได้ตามเป้าหมายที่กำหนด
การประชุมสุดยอดทวีปอเมริกาครั้งที่ 3
ในการประชุมสุดยอดทวีปอเมริกาครั้งที่ 3 ที่จัดขึ้นที่เมืองควิเบค ประเทศแคนาดา ระหว่างวันที่ 20-22 เมษายน ที่ผ่านมาสาระสำคัญของการประชุมนี้อยู่ที่การให้ความสำคัญกับประชาชนในทวีปอเมริกาทั้งทางด้านเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งได้ประกอบด้วยแผนปฏิบัติการ 3 ด้านคือ สร้างความเข้มแข็งของระบอบประชาธิปไตย (Strengthening Democracy) สร้างความมั่งคั่ง (Creating Prosperity) และให้ความสำคัญต่อทรัพยากรมนุษย์ (Realizing Human Potential) โดยที่ประชุมเห็นพ้องกันว่าการรวมกลุ่มเศรษฐกิจจะเป็นกุญแจสำคัญที่จะช่วยลดปัญหาความยากจนและการกระจายรายได้ให้เท่าเทียมกัน ดังนั้นการช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตและการเสริมสร้างการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนนั้น จะต้องประกอบไปด้วย ระบบเศรษฐกิจแบบเสรีที่เปิดกว้าง การเปิดตลาดการค้า การระดมทุนและการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ความมั่นคงทางการเงิน นโยบายรัฐบาลที่เหมาะสม การพัฒนาเทคโนโลยี การฝึกอบรมและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
ส่วนในเรื่องของการจัดตั้งเขตการค้าเสรีแห่งทวีปอเมริกานั้น ได้มีผลความคืบหน้าอย่างชัดเจนในการยกร่างข้อตกลงเขตการค้าเสรีแห่งทวีปอเมริกา (preliminary draft FTAA Agreement) โดยดำเนินการตามข้อตกลงจากการประชุมสุดยอดทวีปอเมริกาครั้งที่ 1 (ไมอามี่) และได้กำหนดการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีอเมริกาให้แล้วเสร็จภายในเดือนมกราคม 2005 และให้มีผลบังคับใช้ภายในเดือนธันวาคม 2005 แต่ก็มีข้อขัดแย้งในเรื่องนี้อยู่บ้างจากการประชุม รัฐมนตรีการค้า (Trade Ministerial Meeting) ครั้งที่ 6 ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 เมษายน 2544 ที่เมืองบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา สหรัฐฯ ได้สนับสนุนข้อเสนอของชิลีที่พยายามผลักดันให้การเจรจา FTAA มีผลบังคับใช้ในปี 2003 แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จเนื่องจากได้รับการคัดค้านจากประเทศสมาชิกหลายประเทศ โดยเฉพาะ บราซิล และกลุ่มประเทศสมาชิก MERCOSUR ซึ่งประกอบไปด้วย อาร์เจนตินา ปารากวัย และอุรุกวัย
หลังจากการประชุมเสร็จสิ้นลง รัฐบาลของทุกประเทศจะเริ่มเจรจาในระหว่าง การประชุม Summit Implementation Review Group (SIRG) ที่จะจัดขึ้นที่เมืองควิเบค ระหว่างวันที่ 1-3 ตุลาคม 2544 เพื่อดำเนินการตามที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ในปฏิญญาเมืองควิเบค (Declaration of Quebec City) และแผนปฏิบัติการ (Action Plan)
การรวกลุ่มทางเศรษฐกิจ
กลุ่มตลาดร่วมอเมริกาใต้ตอนล่าง
กลุ่มตลาดร่วมอเมริกาใต้ตอนล่าง (Southern Cone Common Market : MERCOSUR ในภาษาสเปน หรือ MERCOSUL ในภาษาโปรตุเกส) ก่อตั้งขึ้นโดยสนธิสัญญา
ได้แก่ อาร์เจนตินา บราซิล ปารากวัย และอุรุกวัย ครอบคลุมพื้นที่ 12 ล้านตารางกิโลเมตร มีประชากร รวมกันประมาณ 215 ล้านคน การค้าและการลงทุนของประเทศสมาชิกกลุ่มเมอร์โคซูร์ มีปริมาณประมาณ 1 ใน 3 ของประเทศในกลุ่มลาตินอเมริกาทั้งหมด และต่อมาในปี 1996 ชิลีและโบลิเวียได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกสมทบ
การเจรจาที่นำมาสู่การจัดตั้งกลุ่มเมอร์โคซูร์ ส่วนใหญ่มีประเด็นที่สำคัญอยู่ 2 ประเด็น คือ การเจรจาที่เกี่ยวกับ Southern Cone of South America หรือที่รู้จักกันในนามของ Conesul และข้อตกลงทวิภาคีระหว่างบราซิลกับอาร์เจนตินา โดยที่การเจรจาทั้งสองเรื่องดังกล่าว ได้ดำเนินการภายใต้ Montevideo Treaty 1980
วัตถุประสงค์
ความคิดเห็น