ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่1 มังกร(เพี้ยน)กับโชคชะตาที่เล่นตลก
6:00 น. ประเทศไทย จังหวัดเชียงใหม่
ห้าววววว..?!?
เสียงหาวครั้งที่ 1102 ของเด็กหนุ่มอายุ 16 ปีคนหนึ่ง ซึ่งสวมเสื้อยืดลายนารูโตะกับโจงกระเบนแดง ทำผมดูรุงรังไม่เป็นทรง แถบไว้หน้าม้ายาวจนเกือบปิดจมูก เด็กหนุ่มคนนี้เมื่อเทียบกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันแล้วแลดูเป็นเด็กหนุ่มที่ไม่น่าสนใจเอาซะเลย ทั้งทรงผม ทั้งรสนิยมการแต่งตัวเรียกได้ว่าห่างไกลความเจริญสุดๆ ถ้าไม่ติดที่ว่าผมของเด็กหนุ่มคนนี้นั้นเป็นสีขาวล่ะก็คงไม่มีใครแลแม้แต่ปลายเล็บเป็นแน่
"นี่เอ็งจะเลิกหาวได้รึยังวะไอ้เหนือ" น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากปากของชายหนุ่มอีกคนหนึ่งได้บ่งบอกถึงความไม่พอใจไว้อย่างชัดเจน ชายหนุ่มคนนี้น่าจะอายุ 17-18 ปีโดยประมาณ ผมสีทองซอยสั้นเข้ากับยุคสมัย ดวงตาสีเหลืองทองที่เคยมีประกายวิบวับน่าหลงใหลบัดนี้กลับมีแต่ความเหนื่อยหน่ายบนรำคาญนิดๆ
"โถ่...ก็ปู่เล่นปลุกกันตั้งแต่ไก่โห่แบบนี้เป็นใครเขาก็ง่วงกันทั้งนั้นแหละ" เสียงโวยวายที่ฟังดูเนือยๆนั้นไม่ได้เป็นของใครที่ไหนเลย เขาคือเด็กนักเรียนชั้น ม.4 นามว่า นายเหนือฟ้า เรืองเดช โดยมีชื่อเล่นว่า เหนือ เหนือมองไปทางชายหนุ่มที่นั่งหน้ามุ่ยตรงหน้าโดยมีโต๊ะไม้ตัวใหญ่คั่นกลางกำลังยกชาจีนขึ้นมาจิบด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
สำหรับเหนือแล้วชายหนุ่มตรงหน้านั้นเปลียบเสมือนครอบครัวของเขาคนหนึ่ง บ้านที่เหนืออาศัยอยู่เป็นเรือนไทยขนาดใหญ่ที่สร้างมาจากไม้เก่าทั้งหลังอย่างปราณีต ทำให้ดูมีเสน่ห์มนต์ขลังแบบสมัยเก่า ถึงแม้ว่าอาจจะดูหลอนไปในบางทีก็เถอะ
ห้าววววว..?!?
เสียงหาวครั้งที่ 1102 ของเด็กหนุ่มอายุ 16 ปีคนหนึ่ง ซึ่งสวมเสื้อยืดลายนารูโตะกับโจงกระเบนแดง ทำผมดูรุงรังไม่เป็นทรง แถบไว้หน้าม้ายาวจนเกือบปิดจมูก เด็กหนุ่มคนนี้เมื่อเทียบกับเด็กรุ่นราวคราวเดียวกันแล้วแลดูเป็นเด็กหนุ่มที่ไม่น่าสนใจเอาซะเลย ทั้งทรงผม ทั้งรสนิยมการแต่งตัวเรียกได้ว่าห่างไกลความเจริญสุดๆ ถ้าไม่ติดที่ว่าผมของเด็กหนุ่มคนนี้นั้นเป็นสีขาวล่ะก็คงไม่มีใครแลแม้แต่ปลายเล็บเป็นแน่
"นี่เอ็งจะเลิกหาวได้รึยังวะไอ้เหนือ" น้ำเสียงที่เปล่งออกมาจากปากของชายหนุ่มอีกคนหนึ่งได้บ่งบอกถึงความไม่พอใจไว้อย่างชัดเจน ชายหนุ่มคนนี้น่าจะอายุ 17-18 ปีโดยประมาณ ผมสีทองซอยสั้นเข้ากับยุคสมัย ดวงตาสีเหลืองทองที่เคยมีประกายวิบวับน่าหลงใหลบัดนี้กลับมีแต่ความเหนื่อยหน่ายบนรำคาญนิดๆ
"โถ่...ก็ปู่เล่นปลุกกันตั้งแต่ไก่โห่แบบนี้เป็นใครเขาก็ง่วงกันทั้งนั้นแหละ" เสียงโวยวายที่ฟังดูเนือยๆนั้นไม่ได้เป็นของใครที่ไหนเลย เขาคือเด็กนักเรียนชั้น ม.4 นามว่า นายเหนือฟ้า เรืองเดช โดยมีชื่อเล่นว่า เหนือ เหนือมองไปทางชายหนุ่มที่นั่งหน้ามุ่ยตรงหน้าโดยมีโต๊ะไม้ตัวใหญ่คั่นกลางกำลังยกชาจีนขึ้นมาจิบด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
สำหรับเหนือแล้วชายหนุ่มตรงหน้านั้นเปลียบเสมือนครอบครัวของเขาคนหนึ่ง บ้านที่เหนืออาศัยอยู่เป็นเรือนไทยขนาดใหญ่ที่สร้างมาจากไม้เก่าทั้งหลังอย่างปราณีต ทำให้ดูมีเสน่ห์มนต์ขลังแบบสมัยเก่า ถึงแม้ว่าอาจจะดูหลอนไปในบางทีก็เถอะ
สมาชิกในบ้านส่วนใหญ่จะเป็นแม่บ้านหรือไม่ก็คนสวนนอกนั้นก็มีแค่เขากับอาของเขา อาของเขาชื่อ นายธนสินธุ์ เรืองเดช มีชื่อเล่นว่า สิน
"ก็ข้ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเอ็งนี่หว่า แล้วเอ็งน่ะไม่ต้องเรียกข้าว่าปู่ด้วย ข้าบอกกี่ครั้งเเล้วว่าให้เรียกอาน่ะอาเรียกเป็นมั้ย?!?" สินชักสีหน้าไม่พอใจจนเหนือได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ
"เป็นสิครับ แค่ไม่อยากเรียกเฉยๆเอง" เหนือยิ้มในขณะที่สินทำท่าจะชักดาบออกมาฟันปากชินอยู่รอมร่อ
"เอ็งนี่มัน...ฮึ่ม...ข้าไม่รู้ว่าจะสรรหาคำอะไรมาด่าแล้วเนี่ย เอ็งนี่มันมึนได้โล่จริงๆ"
"ก็ไม่ต้องด่าสิ'ปู่' " สั้น...ง่าย...ได้ใจความ? คำตอบของเหนือนั้นทำให้เส้นความอดทนของสินขาดผึ่งในทันที
"ตึง!!! เฮ้ย! ไอ่เหนือนี่เอ็งจะเอาใช่มั้ย!!!" สินพูดพร้อมสุกขึ้นแล้วกระทืบเท้าลงไปที่โต๊ะอย่างแรง ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาของสินพลันมีเส้นเลือดดำผุดขึ้นมาจนกลบความหล่อไปซะหมด
"ก็เอาดิครับ!!! หรือจะไฟร่?!?"ทางเหนือเองก็ไม่น้อยหน้า เขาใช้นิ้วชี้กวักเรียกอย่างกวนๆตามด้วยการพูดจากวนประสาท เมื่อเห็นดังนั้นแล้วทั้งสองก็ง้างหมัดแล้วพุ่งไปข้างหน้าอย่างสุดแรง.......
"เป่ายิงฉุบ!!!!"
"ก๊ากกกก ก๊ากกกก ก๊ากกกก!!!! ผมชนะอีกแล้วนะ ปู่กากลงอ๊ะป่าวเนี่ย"เสียงหัวเราะอันยียวนกวนประสาทของเหนือทำให้สินยิ่งแผ่ออร่าสีดำออกมาเยอะกว่าเดิม
"ยังหรอกน่าเมื่อกี้มันก็แค่ฟลุ๊คเท่านั้นล่ะโว้ย!!!!"
"อ๋อเหรอ งั้นก็มาลองกันอีกซักตั้งสิจะได้รู้ว่าเมื่อกี้น่ะฟลุ๊คจริงรึปล่าว!!!!"
"อะจ๊ากกกกกก ฉุบ ฉุบ ฉุบ!!!!!!"
"ชนะอีกแล้วเฟ้ย!!!!" และการละเล่นอันแสนปัญญาอ่อนก็ดำเนินต่อไปอีกหลายนาที
"โอ้ย เหนื่อยโว้ย! ว่าแต่ปู่มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอ" เหนือทรุดลงไปนั่งที่พื้นห้องก่อนจะคว้าน้ำมาดื่มเข้าไปหลายอึก
"นี่เอ็งพึ่งจะมาถามข้าเอาป่านนี้เนี่ยนะ?"
"ทำไมอะ?" เหนือเลิกคิ้ว
"เอาเถอะ ข้าขี้เกียจเถียงกับเอ็งแล้ว" สินสูดหายใจเข้าไปเต็มปอดก่อนจะผ่อนออกมาให้ใจเย็นแล้วเล่าต่อ "เอ็งยังจำนิทานที่ข้าเคยเล่าให้ฟังสมัยเด็กๆได้มั้ย?"
เหนือพยักหน้ารับแล้วพูดต่อไปว่า "เรื่องโลกเซราเรียน่ะเหรอครับ?"
"อืม...งั้นต่อเลยแล้วกัน" สินเริ่มทำหน้าเเคร่งเครียดแบบที่เหนือไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนแสดงว่าเรื่องที่จะพูดต่อไปนี้ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน เพราะปกติแล้วอาของเขาเป็นคนร่าเริงอัธยาสัยดีถึงอาจจะอารมณ์เสียง่ายไปบ้างก็เถอะแต่ก็ไม่เคยแสดงความเครียดออกมาให้คนอื่นเห็นบ่อยนัก
"ก็ข้ามีเรื่องสำคัญจะคุยกับเอ็งนี่หว่า แล้วเอ็งน่ะไม่ต้องเรียกข้าว่าปู่ด้วย ข้าบอกกี่ครั้งเเล้วว่าให้เรียกอาน่ะอาเรียกเป็นมั้ย?!?" สินชักสีหน้าไม่พอใจจนเหนือได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ
"เป็นสิครับ แค่ไม่อยากเรียกเฉยๆเอง" เหนือยิ้มในขณะที่สินทำท่าจะชักดาบออกมาฟันปากชินอยู่รอมร่อ
"เอ็งนี่มัน...ฮึ่ม...ข้าไม่รู้ว่าจะสรรหาคำอะไรมาด่าแล้วเนี่ย เอ็งนี่มันมึนได้โล่จริงๆ"
"ก็ไม่ต้องด่าสิ'ปู่' " สั้น...ง่าย...ได้ใจความ? คำตอบของเหนือนั้นทำให้เส้นความอดทนของสินขาดผึ่งในทันที
"ตึง!!! เฮ้ย! ไอ่เหนือนี่เอ็งจะเอาใช่มั้ย!!!" สินพูดพร้อมสุกขึ้นแล้วกระทืบเท้าลงไปที่โต๊ะอย่างแรง ใบหน้าที่เคยหล่อเหลาของสินพลันมีเส้นเลือดดำผุดขึ้นมาจนกลบความหล่อไปซะหมด
"ก็เอาดิครับ!!! หรือจะไฟร่?!?"ทางเหนือเองก็ไม่น้อยหน้า เขาใช้นิ้วชี้กวักเรียกอย่างกวนๆตามด้วยการพูดจากวนประสาท เมื่อเห็นดังนั้นแล้วทั้งสองก็ง้างหมัดแล้วพุ่งไปข้างหน้าอย่างสุดแรง.......
"เป่ายิงฉุบ!!!!"
"ก๊ากกกก ก๊ากกกก ก๊ากกกก!!!! ผมชนะอีกแล้วนะ ปู่กากลงอ๊ะป่าวเนี่ย"เสียงหัวเราะอันยียวนกวนประสาทของเหนือทำให้สินยิ่งแผ่ออร่าสีดำออกมาเยอะกว่าเดิม
"ยังหรอกน่าเมื่อกี้มันก็แค่ฟลุ๊คเท่านั้นล่ะโว้ย!!!!"
"อ๋อเหรอ งั้นก็มาลองกันอีกซักตั้งสิจะได้รู้ว่าเมื่อกี้น่ะฟลุ๊คจริงรึปล่าว!!!!"
"อะจ๊ากกกกกก ฉุบ ฉุบ ฉุบ!!!!!!"
"ชนะอีกแล้วเฟ้ย!!!!" และการละเล่นอันแสนปัญญาอ่อนก็ดำเนินต่อไปอีกหลายนาที
"โอ้ย เหนื่อยโว้ย! ว่าแต่ปู่มีเรื่องอะไรจะคุยกับผมเหรอ" เหนือทรุดลงไปนั่งที่พื้นห้องก่อนจะคว้าน้ำมาดื่มเข้าไปหลายอึก
"นี่เอ็งพึ่งจะมาถามข้าเอาป่านนี้เนี่ยนะ?"
"ทำไมอะ?" เหนือเลิกคิ้ว
"เอาเถอะ ข้าขี้เกียจเถียงกับเอ็งแล้ว" สินสูดหายใจเข้าไปเต็มปอดก่อนจะผ่อนออกมาให้ใจเย็นแล้วเล่าต่อ "เอ็งยังจำนิทานที่ข้าเคยเล่าให้ฟังสมัยเด็กๆได้มั้ย?"
เหนือพยักหน้ารับแล้วพูดต่อไปว่า "เรื่องโลกเซราเรียน่ะเหรอครับ?"
"อืม...งั้นต่อเลยแล้วกัน" สินเริ่มทำหน้าเเคร่งเครียดแบบที่เหนือไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนแสดงว่าเรื่องที่จะพูดต่อไปนี้ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่นอน เพราะปกติแล้วอาของเขาเป็นคนร่าเริงอัธยาสัยดีถึงอาจจะอารมณ์เสียง่ายไปบ้างก็เถอะแต่ก็ไม่เคยแสดงความเครียดออกมาให้คนอื่นเห็นบ่อยนัก
"องค์หญิงเซเรีย....เป็น...แม่ของเอ็ง"คำพูดที่เปล่งออกมาจากปากของสินเมื่อครู่แทบจะทำให้เหนือหยุดหายใจ ตามจริงชินก็แอบดีใจอยู่นิดๆเหมือนกันที่ได้รู้ว่าเขาเองก็มีแม่เหมือนคนอื่น แต่มันก็แฟนตาซีมากเกินกว่าจะเชื่อได้อย่างสนิทใจ
"เอ่อ....มุกนี้ผมไม่ขำอะ"เหนือพูดด้วยสีหน้าเจื่อนๆที่แอบซีดนิดๆ
"ข้าไม่ได้เล่นมุก ข้าพูดความจริง" ด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากกว่าครั้งไหนของสินทำให้เหนือหุบยิ้มลงในทันที
"งั้นเหรอ..." สีหน้าของเหนือที่เปลี่ยนจากขี้เล่นเป็นใบหน้าเรียบเฉยกระทันหันทำให้สินถึงกับผงะเพราะไม่คิดว่าหลานชายตัวเองจะมีมุมนี้กับเขาด้วย
"....นี่เอ็งไม่เป็นไรแน่นะ"สินเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับเอื้อมมือไปแตะไหล่หลานชายตัวเองเบาๆเป็นเชิงปลอบใจ
"....ไม่....แต่ขอเวลาซักหน่อย" ว่าแล้วเหนือก็หันหลังให้สินพลางนำมือทั้งสองมาประสานกันพร้อมกับร้องไห้อ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้า..................
"โอม....โอตาคุจงมา โอตาคุจงมา ความเป็นโอตาคุของข้าจงกลับมา งึม งำ งึม งำ...." บทสวดอันพิลึกพิลั่นพร้อมกับอุปกรณ์แปลกปะหลาดที่หามาจากไหนไม่รู้ ทำให้ความเป็นห่วงที่สินมีให้กับเหนือพลันหายไปเป็นปลิดทิ้งภายในเสี้ยววิ
"นี้เอ็งกำลังทำอะไรอยู่วะ..."
"ก็กำลังทำพิธีเรียกสติน่ะสิครับถามได้"เหนือหันไปตอบพลางถือพัดที่มีรูปของนารูโตะออกมาพัดสองสามทีแล้วเอากระดิ่งขององเมียวจิมาสั่นจนเกิดเป็นเสียง กรุ้ง กริ้ง
"อ๋อ...เหรอ ไอ่หน้ามึน"
"ห๊ะ ว่าไงนะครับไม่ได้ยินเลย!!!"
"ไอ่หน้ามึน!!!!"
"อีกทีดิ๊!!!!!"
"ไอ่เทพบุตร ไอ่หล่อเลือกได้ ไอ้หน้าตาดีไม่เลือกที่?!?"
"แหมปู่ ไม่ต้องพูดความจริงซ้ำๆก็ได้นะผมรู้ตัวดี....ทำไมชอบยัดเยียดความหล่อให้กันจังเลยนะ ว้า...คนหล่อเซ็ง" สินที่นั่งฟังอยู่ถอนหายใจออกมาทันที 'แหม...ทีนี้ล่ะได้ยินชัดเลยเชียว'สินคิด
"เข้าเรื่องกันดีกว่า อืม.....ข้าอยากให้เอ็งไปเรียนที่มหาลัยเวทย์มนต์น่ะ...."
"ห๊ะ....!นี่ปู่เข้าใจอะไรผิดป่าวครับ...แค่ผมเป็นลูกขององค์หญิงเซเรียเนี่ยถึงขั้นต้องเข้ามหาวิทยาลัยเวทย์มนต์เลยเหรอ?"เหนือรีบขัดก่อนจะพูดต่อไปว่า"แล้วอีกอย่างนะชีวิตที่เป็นอยู่ของผมตอนนี้มันก็ไม่ได้แย่ซักหน่อย"
"เอ็งก็อย่าขัดสิวะ...ที่ข้าให้เเกไปเรียนมหาวิทยาลัยเวทย์มนต์ส่วนนึงก็อยากให้แกใช้พลังได้เเต่ประเด็นหลักก็คือให้แกไปป้องกันผนึกที่เซเรียกับโรเวนสร้างไว้" คำพูดของสินทำให้เหนือพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ความจริงแล้วเขาก็เคยดูการ์ตูนแนวแฟนตาซีที่พระเอกต้องไปทำภาระกิจที่ยิ่งใหญ่แต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เจริญรอยตามการ์ตูนขนาดนี้น่ะนะ
"แล้วผมจะต้องไปเมื่อไหร่ล่ะ"เหนือถามขึ้นหลังจากลังเลอยู่นาน
"วันนี้...."
"ห๊ะ...!!! ไม่ไหวหรอกปู่"เหนือร้องขัดแทบจะทันทีที่สินพูดจบ แล้วพูดต่อไปว่า "ผมยังไม่ได้เตรียมตัวเลยนะ!"
"นี่ไงข้าเตรียมให้เเล้ว..."พูดจบในมือสินก็พลันเกิดแสงสว่างวาบพร้อมกับปรากฎกระเป๋าเดินทางสีดำหนึ่งใบ ซึ่งในนั้นก็คงจะไม่พ้นเสื้อผ้าและของใช้ของเหนือแน่ๆ แต่ประเด็นคือ'ปู่เอาเวลาไปเก็บเสื้อผ้าให้ผมตอนไหนวะครับ!?!'
"....เอิ่ม....."เหนือได้แต่ทำหน้าเจื่อนแล้วรับกระเป๋าเเดินทางสีดำมาอย่าง งงๆ
"แล้วก็นะ ข้าจะอธิบายเรื่องของโลกเซราเรียให้ฟัง....โลกเซราเรียคือโลกที่เทพีอธีน่าสร้างขึ้นมาเลียนแบบโลกมนุษย์และมีการแบ่งแยกเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ค่อนข้างคล้ายโลกมนุษย์ ข้อแตกต่างของโลกเซราเรียกับโลกมนุษย์นั้นก็คือเวทย์มนต์..." เหนือรู้สึกใจหายแว๊บเมื่อได้รู้ว่าโลกที่เขาจะไปอยู่นั้นแตกต่างจากโลกที่เขาอยู่โดยสิ้นเชิงถึงแม้ว่าอาจจะคล้ายกันอยู่บ้างแต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาคุ้นเคย แล้วยิ่งไปกว่านั้นการที่จะไปอยู่ในหมู่จอมเวทย์ก็ต้องมีเวทย์มนต์ไม่งั้นก็มีแต่ตายกับตาย!!! เหนือหยุดความคิดเอาไว้ชั่วครูเมื่อสินเริ่มพูดต่ออีกครั้ง
"เอ่อ....มุกนี้ผมไม่ขำอะ"เหนือพูดด้วยสีหน้าเจื่อนๆที่แอบซีดนิดๆ
"ข้าไม่ได้เล่นมุก ข้าพูดความจริง" ด้วยน้ำเสียงที่จริงจังมากกว่าครั้งไหนของสินทำให้เหนือหุบยิ้มลงในทันที
"งั้นเหรอ..." สีหน้าของเหนือที่เปลี่ยนจากขี้เล่นเป็นใบหน้าเรียบเฉยกระทันหันทำให้สินถึงกับผงะเพราะไม่คิดว่าหลานชายตัวเองจะมีมุมนี้กับเขาด้วย
"....นี่เอ็งไม่เป็นไรแน่นะ"สินเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับเอื้อมมือไปแตะไหล่หลานชายตัวเองเบาๆเป็นเชิงปลอบใจ
"....ไม่....แต่ขอเวลาซักหน่อย" ว่าแล้วเหนือก็หันหลังให้สินพลางนำมือทั้งสองมาประสานกันพร้อมกับร้องไห้อ้อนวอนพระผู้เป็นเจ้า..................
"โอม....โอตาคุจงมา โอตาคุจงมา ความเป็นโอตาคุของข้าจงกลับมา งึม งำ งึม งำ...." บทสวดอันพิลึกพิลั่นพร้อมกับอุปกรณ์แปลกปะหลาดที่หามาจากไหนไม่รู้ ทำให้ความเป็นห่วงที่สินมีให้กับเหนือพลันหายไปเป็นปลิดทิ้งภายในเสี้ยววิ
"นี้เอ็งกำลังทำอะไรอยู่วะ..."
"ก็กำลังทำพิธีเรียกสติน่ะสิครับถามได้"เหนือหันไปตอบพลางถือพัดที่มีรูปของนารูโตะออกมาพัดสองสามทีแล้วเอากระดิ่งขององเมียวจิมาสั่นจนเกิดเป็นเสียง กรุ้ง กริ้ง
"อ๋อ...เหรอ ไอ่หน้ามึน"
"ห๊ะ ว่าไงนะครับไม่ได้ยินเลย!!!"
"ไอ่หน้ามึน!!!!"
"อีกทีดิ๊!!!!!"
"ไอ่เทพบุตร ไอ่หล่อเลือกได้ ไอ้หน้าตาดีไม่เลือกที่?!?"
"แหมปู่ ไม่ต้องพูดความจริงซ้ำๆก็ได้นะผมรู้ตัวดี....ทำไมชอบยัดเยียดความหล่อให้กันจังเลยนะ ว้า...คนหล่อเซ็ง" สินที่นั่งฟังอยู่ถอนหายใจออกมาทันที 'แหม...ทีนี้ล่ะได้ยินชัดเลยเชียว'สินคิด
"เข้าเรื่องกันดีกว่า อืม.....ข้าอยากให้เอ็งไปเรียนที่มหาลัยเวทย์มนต์น่ะ...."
"ห๊ะ....!นี่ปู่เข้าใจอะไรผิดป่าวครับ...แค่ผมเป็นลูกขององค์หญิงเซเรียเนี่ยถึงขั้นต้องเข้ามหาวิทยาลัยเวทย์มนต์เลยเหรอ?"เหนือรีบขัดก่อนจะพูดต่อไปว่า"แล้วอีกอย่างนะชีวิตที่เป็นอยู่ของผมตอนนี้มันก็ไม่ได้แย่ซักหน่อย"
"เอ็งก็อย่าขัดสิวะ...ที่ข้าให้เเกไปเรียนมหาวิทยาลัยเวทย์มนต์ส่วนนึงก็อยากให้แกใช้พลังได้เเต่ประเด็นหลักก็คือให้แกไปป้องกันผนึกที่เซเรียกับโรเวนสร้างไว้" คำพูดของสินทำให้เหนือพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ความจริงแล้วเขาก็เคยดูการ์ตูนแนวแฟนตาซีที่พระเอกต้องไปทำภาระกิจที่ยิ่งใหญ่แต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะได้เจริญรอยตามการ์ตูนขนาดนี้น่ะนะ
"แล้วผมจะต้องไปเมื่อไหร่ล่ะ"เหนือถามขึ้นหลังจากลังเลอยู่นาน
"วันนี้...."
"ห๊ะ...!!! ไม่ไหวหรอกปู่"เหนือร้องขัดแทบจะทันทีที่สินพูดจบ แล้วพูดต่อไปว่า "ผมยังไม่ได้เตรียมตัวเลยนะ!"
"นี่ไงข้าเตรียมให้เเล้ว..."พูดจบในมือสินก็พลันเกิดแสงสว่างวาบพร้อมกับปรากฎกระเป๋าเดินทางสีดำหนึ่งใบ ซึ่งในนั้นก็คงจะไม่พ้นเสื้อผ้าและของใช้ของเหนือแน่ๆ แต่ประเด็นคือ'ปู่เอาเวลาไปเก็บเสื้อผ้าให้ผมตอนไหนวะครับ!?!'
"....เอิ่ม....."เหนือได้แต่ทำหน้าเจื่อนแล้วรับกระเป๋าเเดินทางสีดำมาอย่าง งงๆ
"แล้วก็นะ ข้าจะอธิบายเรื่องของโลกเซราเรียให้ฟัง....โลกเซราเรียคือโลกที่เทพีอธีน่าสร้างขึ้นมาเลียนแบบโลกมนุษย์และมีการแบ่งแยกเชื้อชาติ เผ่าพันธุ์ค่อนข้างคล้ายโลกมนุษย์ ข้อแตกต่างของโลกเซราเรียกับโลกมนุษย์นั้นก็คือเวทย์มนต์..." เหนือรู้สึกใจหายแว๊บเมื่อได้รู้ว่าโลกที่เขาจะไปอยู่นั้นแตกต่างจากโลกที่เขาอยู่โดยสิ้นเชิงถึงแม้ว่าอาจจะคล้ายกันอยู่บ้างแต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่เขาคุ้นเคย แล้วยิ่งไปกว่านั้นการที่จะไปอยู่ในหมู่จอมเวทย์ก็ต้องมีเวทย์มนต์ไม่งั้นก็มีแต่ตายกับตาย!!! เหนือหยุดความคิดเอาไว้ชั่วครูเมื่อสินเริ่มพูดต่ออีกครั้ง
"เวทย์มนต์หลักมีอยู่ 4 สาย คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ เวทย์มนต์พิเศษมีอยู่ 3 สาย คือ สายฟ้า น้ำแข็ง พฤกษา เวทย์มนต์สาบสูญมี่ 1 สาย คือ แสง เวทย์มนต์ต้องห้ามมี 1 สาย คือ ความมืด เข้าใจนะ" เหนือพยักหน้าเป็นเชิงเข้าใจ
"เอาล่ะต่อไปก็เรื่องมหาวิทยาลัยลัยที่จะไปนะ มหาวิทยาลัยนั้นชื่อ มหาวิทยาลัยเวทย์มนต์เซนส์สเฟียร์ ส่วนประตูผ่านโลกตั้งอยู่ที่กรุงโรม ประเทศอิตาลี มหาวิทยาลัยนี้น่ะเก่าแก่พอตัวเลยล่ะมันถูกสร้างขึ้นตั้งแต่ข้ายังเด็กๆอยูเลยนะจะบอกให้ ส่วนเรื่องการสอบน่ะก็จะมี 4 ครั้งด้วยกัน ครั้งแรกจะเป็นการทดสอบพลังเวทย์ ครั้งที่สองจะเป็นสอบข้อเขียน ครั้งที่สามจะเป็นการทดสอบกำลังกาย ครั้งที่สี่จะเป็นการประลอง ส่วนการคัดเลือกหอเนี่ยก็แล้วแต่บุญแต่กรรมแล้วกันนะเฟ้ย"
พูดจบก็พลันมีแสงสว่างสีเหลืองนวลอาบไปทั่วทั้งตัวของเหนือ พอแสงหายไปชุดของเหนือก็เปลี่ยนจากเสื้อยืดกับโจงกระเบนเป็นชุดนักเรียนม.ปลายและเสื้อกันหนาวสีขาวแบบมีฮูดเอาไว้ปิดปังสีผม'เอิ่ม....นี่ปู่จงใจแกล้งกันชะ?'
"เอาล่ะในเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว เราก็ไปกันเลย ยะฮู้ววววว!!!" 'ไม่ถงไม่ถามสุขภาพตรูซักคำ' และยังไม่ทันที่เหนือจะได้เอ่ยอะไรออกมาสินก็จัดการลากเหนือเข้าไปในประตูมิติที่เขาสร้างขึ้นในเสี้ยววินาทีโดยไม่รอให้เหนือทำใจก่อนเลยแม้แต่น้อย ทิ้งเอาไว้เพียงเสียงโหยหวนของนายเหนือฟ้าผู้น่าสงสารก่อนที่ประตูมิติจะปิดลง
"สู่ความเฟ้งฟ้างอันไกลโพ้นนนนนนนน อ้วกกกก!!!"
"เอาล่ะในเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว เราก็ไปกันเลย ยะฮู้ววววว!!!" 'ไม่ถงไม่ถามสุขภาพตรูซักคำ' และยังไม่ทันที่เหนือจะได้เอ่ยอะไรออกมาสินก็จัดการลากเหนือเข้าไปในประตูมิติที่เขาสร้างขึ้นในเสี้ยววินาทีโดยไม่รอให้เหนือทำใจก่อนเลยแม้แต่น้อย ทิ้งเอาไว้เพียงเสียงโหยหวนของนายเหนือฟ้าผู้น่าสงสารก่อนที่ประตูมิติจะปิดลง
"สู่ความเฟ้งฟ้างอันไกลโพ้นนนนนนนน อ้วกกกก!!!"
++++++++++
ขอบคุณนะครับที่เม้นกันผมรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาทันทีเลยครับ
ยังไงก็ขอขอบคุณ คุณ Blue_myeyes กับ คุณ คนคอยอ่าน มากนะครับที่คอยให้กำลังใจผม เม้นกันเยอะๆนะครับ
ตอนหน้าถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดผมว่าจะลงอาทิตย์หน้านะครับ วัน ส.29 พ.ย. 57 นะครับ
ขอบคุณนะครับที่เม้นกันผมรู้สึกมีกำลังใจขึ้นมาทันทีเลยครับ
ยังไงก็ขอขอบคุณ คุณ Blue_myeyes กับ คุณ คนคอยอ่าน มากนะครับที่คอยให้กำลังใจผม เม้นกันเยอะๆนะครับ
ตอนหน้าถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดผมว่าจะลงอาทิตย์หน้านะครับ วัน ส.29 พ.ย. 57 นะครับ
+++++++++
แก้แล้วนะครับผม ประเด็นคือ อยากอนุนักษณ์วัฒนธรรมไทยไว้นิดหน่อยผลก็เลยออกมาอย่างที่เห็นแหละครับชื่อไทย บ้านไทย จังหวัดไทย สำเนียงยังไทย555
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น