นานเท่าไรแล้วนะ ที่ชีวิตของฉันต้องร้องไห้ นานเท่าไรแล้วนะที่ชีวิตของเรื่องในวันวาน ยังคงทำให้ฉันเสียใจ....
เช้าแล้ว วันนี้เป็นอีกหนึ่งวัน ที่ฉันตื่นขึ้นมารับแสงแดดยามเช้า ที่สาดส่องไปทั่วใบหน้า ฉันรักแสงนี้มาก ทุกๆครั้งที่ร่างกายส่วนใดส่วนหนึ่งของฉันต้องกับ แสงแดดยามเช้าแล้วมันทำให้ฉันรู้สึกว่า ชีวิตที่ดีกำลังจะมาถึงแล้ว ในอีกไม่ช้า ฉันค่อยๆลุกช้าๆจากที่นอน บิดขี้เกียจ และหาวออกมาฟอดใหญ่ วันนี้เป็นวันจันทร์ ฉันพยายามตั้งสติแล้วปลุกตัวเองให้ตื่นมาจากความฝันที่ยังคงเบลอๆอยู่ และก็เตือนตัวเองว่า "ไปๆ รีบๆไปอาบน้ำได้แล้วเดี๊ยวพ่อมารับแล้วจะไปโรงเรียนไม่ทัน" ไม่ต้องสงสัยหรอกคับ ว่าโตป่านนี้แล้วยังให้พ่อมารับ-ส่งไปโรงเรียนอีก ก็เรื่องมันมีอยู่ว่า พ่อผมเป็นคนที่ใจดี มีจิตสาธารณะ สูงมากๆๆๆ สูงจนบอกได้ว่าสูงเวอร์เลยล่ะคับ แต่พ่อผมมีนิสัยเสียอยู่2อย่าง คือ 1.พ่อผมเป็นคนที่อารมณ์ร้อนมากๆ ถ้าโกรธใครล่ะก็ไม่จบง่ายๆแน่ และอีกอย่างนึงเป็นอย่างที่ผมรับไม่ได้มากที่สุด นั่นก็คือ เป็นคนที่ เอ่อ.. เรียกว่าไงดี คือ เวลาที่พ่อผมเจอ หนอน,คางคก,ตุ๊กแก พ่อผมจะกรี๊ดออกมาแบบที่เรียก กันว่า "แต๊วแตก"เลยอ่ะ ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ผมรับไม่ค่อยได้ซักเท่าไร อ๋อ! ลืมบอกไปเลยคับ ผมมีชื่อว่า เต้ย นะคับ
บ้านอยู่แถวๆ ชานเมืองกรุงเทพ แถวๆมีนบุรีคับ เอ่า นี่ผมขายพ่อไปตั้งเยอะเลยนะเนี่ย มาเข้าเรื่องของผมเหมือนเดิมดีกว่า หลังจากที่ผมรู้สึกตัวดีแล้ว ผมลุกจากเตียงและเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว แล้วลงไปอาบน้ำที่ชั้นล่าง หลังจากนั้นผมก็กินข้าวเช้าที่แม่ของผมเตรียมมาให้ แม่ของผมชื่อ เจี๊ยบคับ และพ่อของผมชื่อ แก่คับ (อย่าตลกชื่อพ่อเน่อ )
"เอ่า รีบๆกิน ตื่นช้าแล้วยังจะมากินช้าอีก มัวแต่แต่งตัวอยู่นั่นแหล่ะ นี่ถ้าเป็นลูกผู้หญิง คงตอแหลน่าดูเลยนะเนี่ย"แม่ชอบพูดอะไรที่มันแทงใจผม แบบนี้ตั้งแต่ผมเด็กแล้วคับ ซึ่งผมอยากจะบอกแม่มากๆเลยว่า ทุกๆครั้งที่แม่ประชดผมมาน่ะ ผมโคตรๆเสียใจเลย แต่แม่ก็คงจะไม่ได้คิดมาก และอีกอย่างนิสัยของแม่ผมก็เป็นคนแบบนี้อยู่แล้วด้วย คือชอบพูดอะไรตรงๆ ถึงตรงมากๆ และเป็นคนที่มีจิตใจหนักแน่นถึงหนักแน่นมากๆ ซึ่งแม่ผมเป็นคนแบบว่า "หนักเอา เบาสู้"(ก็ไม่รู้มาแต่งงานกับพ่อผมได้ไงเหมือนกันก็ไม่รู้) ผมก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอกนะกับคำที่แม่พูด ผมก็ทำเป็นเฉยๆ แล้วทำเป็นหูทวนลมไปก็แค่เท่านั้น ขอแค่แม่เอาตังค์มาตั้งตรงโต๊ะ แค่นั้นผมก็ดีใจแล้ว "อ่ะ เอาไป50บาท แล้วเงินที่ให้เนี่ย ให้เอาไปกินบ้า่งนะ ไม่ใช่เก็บอย่างเดียว อยากผอมมากหรือไง มัวแต่ลดหุ่นอยู่ได้" ผมมองค้อนกับไปที่แม่ "มองอะไร โตแล้วสั่งสอนไม่ได้เหรอ" ค้าบๆๆ รู้คับว่าสั่งสอน แต่อย่าขึ้นเสียงกับลูกได้ไหม ผมนั่งนับลมหายใจเข้าออก อยู่หลายรอบ แล้วก็ปล่อยๆความเครียดออกไป เพราะอยากให้เช้านี้เป็นเช้าที่สบายๆ ไม่อยากจะเครียด ผมรับเงินนั้นมา แล้วก็พูดว่า"ขอบคุณคับ" และแม่ก็เดินบ่นอะไรอีกก็ไม่รู้แล้วก็ค่อยๆขึ้นบันไดไป ผมเห็นท่านเดินขึ้นบันไดด้วยความลำบากมาก เหมือนกับท่านจะเจ็บเอามากๆ ผมก็อยากช่วยอยู่นะ แต่ผมรู้สึกเหมือนมีกำแพงบางๆที่มองไม่เห็น ขวางอยู่ข้างหน้าผม มันทำให้ผมลุกไม่ได้ ผมรู้สึกเหมือนตัวเองผิดยังไงไม่รู้ ผมมักจะคิดไปเสมอว่า ผมเป็นลูกอกตัญญู ตอนนี้ผมก็ทำได้แค่มองว่าท่านขึ้นไปชั้นสองได้อย่างปลอดภัยรึเปล่า เท่านั้นเอง และหลังจากนั้น เสียงรถกระบะ ที่คุ้นเคยก็มารับถึงหน้าบ้าน "เอ่าเด็กๆ มาเร็วไปโรงเรียนได้แล้ว " เสียงของพ่อผมดังลั่นไปทั้งซอย ไม่รู้จะตะโกนไปทำไม ใกล้ก็แสนจะ ใกล้ๆ "อยู่แค่นี้จะตะโกนทำไมวะ!!" เสียงแม่ผมตะโกนแข่งกับพ่ออยู่ข้างบนบ้าน ได้ยินทะลุหูผมเลย "จ้าๆ ที่รัก" พ่อผมพูกเสียงหวานๆ หยอกล้อกับแม่ ผมซึ่งมันก็เป็นเรื่องปกติของบ้านผมผมก็บ่นๆพึมพำๆ ไปแล้วก็หยิบกระเป๋าสะพาย อันสุดๆจะสกปรก ของผมมาสะพาย และเตรียมพร้อมจะไปเจอกับเพื่อนๆแล้ว ผมก็ขึ้นไปนั่งท้ายรถกระบะ คนแรกเลย แล้วน้องผมก็ขึ้นตามมา น้องผมชื่อ ถังคับ และก็มีญาติผมอีกสองคน คนหนึ่งเป็นพี่ผม อีกคนนึงเป็นน้องผม คนที่เป็นพี่ผมชื่อป๋อง คนที่เป็นน้องชื่อ ปัน และแล้วเราก็ได้ออกเดินทางไปโรงเรียนกันซักที แสงแดดอุ่นๆ ของเดือนกันพฤศจิกายน สาดส่องไปทั่วหน้าผม ลมเย็นที่ต้องหน้า พร้อมกับฝุ่นละออง จากถนน และอากาศบริสุทธิ์ ยามเช้า มันช่างเป็นความสุขที่สุดในชีวิตผมเลย
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น