ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Platinum Daimond การผจญภัยแห่งอัญมณีสีเลือด

    ลำดับตอนที่ #7 : ไกด์ เรสทรอง 100%

    • อัปเดตล่าสุด 17 ส.ค. 49


    ไมอารินนั่งเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง ลมพัดเฉื่อยๆลูบไล้ไปตามผิวขาวๆ ของนักดาบอายุน้อย ผู้กร้านโลก

    "นี่ แน่ใจเหรอ ว่าหมาป่าของเธอจะลากเกวียนได้ โดยไม่ต้องบังคับน่ะ"เดธมาสเตอร์ผู้พี่เอ่ยถาม

    ไมอารินถลึงตาใส่ ก่อนเอ่ยเรียบๆ "การ์ม เป็นหมาป่าน้ำแข็ง ที่เกิดจากมนต์ของเทพแห่งเทือกเขา ไอซา"

    "ไอซา เทือกเขาลึกลับแดนเหนือ ที่มีไม่กี่คนที่กล้าไปพิชิต"เรเซนเวียเสริมต่อ

    "ฮ่าๆๆๆ งั้นการเดินทางครั้งนี้ก็ปลอดภัยน่ะสิ เพราะ เรามีนักรบหญิงผู้พิชิตเทือกเขาไอซาติดมาด้วย"ฟาเรย์เอ่ยพลาง หัวเราะพลาง

    "อย่าเพิ่งหัวเราะดีไป ฟาเรย์ เพราะถ้าฉันรู้สึกไม่ผิด การเดินทางครั้งนี้เราจะมีแขกไม่ได้รับเชิญ"ไมอารินกล่าว ก่อนยืนก้มตัว แล้วเอามือแตะที่เพดานเกวียน

    เลือดสีแดงไหลย้อมมือขาวๆของเธอ บาดแผลที่ปรากฏบนนนิ้ว บ่งชี้แล้วว่า บนหลังคามีของมีคมอยู่ กลางป่าทึบนอกเมืองอย่างนี้ ถ้าไมใช่คมเขี้ยวสัตว์ ก็จักต้องเป็นอาวุธมีคมเป็นแน่

    "การ์ม หยุด"เจ้าของหมาป่าน้ำแข็งกล่าวขึ้น เจ้าหมาป่าก็ส่งgสียงครางในลำคอน้อยๆ ก่อนหยุดลง

    ไมอารินก้าวลงจากเกวียนช้าๆ ตามมาด้วยฟาเรย์

    "ไง" เสียงหนึ่งถาม

    "เธอ....."ฟาลอร์เอ่ยค้าง

    "ไกด์ เรสทรองน่ะ ยินดีที่รู้จัก"เด็กหญิงที่นั้งบนหลังคาเกวียนมากล่าวตอบ ก่อนยัดซาลาเปาเข้าไปคำโต

    เรือนผมของเด็กหญิงคนนี้เป็นสีดำ ทอประกาย นัยน์ตาสีชา กับโครงหน้าอันละมุน ทำให้เธอดูอ่อนเยาว์ลง

    "ลงมา"ฟาเรย์สั่งอย่างเกรี้ยวกราด ให้ตายซิ เธอไม่ชอบพวกแขกไม่ได้รับเชิญจริงๆเลย

    "ไม่ลงแล้วจะทำไมจ้ะ ป้า"เด็หยิงเน้นเสียงหนักขึ้น

    "ฮึ่ย เธอก็อ่อนกว่าฉันไม่กี่ปีเอง ดูพูดเขาสิ อายุเท่าไหร่น่ะ"โจรสลัดสาวถาม

    "13จ้ะ ป้า"

    "เธอก็อ่อนกว่าฉันแค่ปีเดียวเอง"ฟาเรย์บ่น

    "หึ ม่ายสนหรอก ว่าแต่ พี่สาวผมชานั่นอ่ะ ช่วยเขาลงหน่อยได้มะ"ไกด์ เรสทรองเอ่ย ก่อนลุกขึ้นยืนอย่างยากเย็น

    "หา เอ่อ อื้อ"ไมอารินอุทานไม่เป็นภาษา ก่อนส่งมืไปให้เด็กหญิง

    "ส่วนพี่ชายผมสีทองเหลืองนั่นอ่ะ ช่วยยกของให้หน่อยได้มะ"เด็กหยิงสั่ง

    "อ้า อืม"ฟาลอร์ตอบ

    "ส่วนพี่ผมทองน่ะ เอ่อ อยู่นิ่งๆก็พอ"เด็กหญิงเอ่ยเสร็จ ก็จับมือของไมอาริน แล้วทิ้งตัวลงมาจากหลังคาเกวียน

    ตกลงใครเป็นหัวหน้าการเดินทางกันแน่ฟระ ฟาเรย์คิคอย่างเคียดแค้น

    "ป้า ทำไมทำหน้าบูดอย่างนั้นหล่ะ"ไกด์ถามฟาเรย์

    "ไอ้... ไอ้..."ฟาเรย์ทำท่าจะพูด แต่ก็ต้องหุบปากไปเสียก่อน เมื่อเกิดแรงระเบิดขึ้นด้านหลัง

    "แค่ก แค่ก โอ้ย ไกด์อยู่ไหน"เด็กชายคนนึงโผล่มาจากกลุ่มควัน พร้อมออกมาเป็นระลอกๆ

    "เอล์ฟ ตามมาทำไม"ไกด์ เด็กสาวลึกลับอุทาน ทันทีที่เห็นเด็กหนุ่มนัยน์ตาสีน้ำเงิน กับเส้นผมสีน้ำตาล

    "ก็ตามเธอกับบ้านน่ะสิ"เด็กหนุ่มอธิบายก่อนมองไปรอบๆ

    "เอ่อ พี่ๆครับ ขอบคุณที่ช่วยดูแลยัยไกด์มาตลอด"เด็กหนุ่มคนนั้นพูดด้วยน้ำเสียงดีใจ แกม ขอบคุณ

    "เอล์ฟ"ไกด์บอกเสียงดุๆ

    "จ้ะๆ"เอล์ฟตอบ

    "แล้วนายหายตัวกลับได้หรอ"ไกด์ถาม

    "อ่า... แหะๆ  ไม่ได้หรอก"เอล์ฟตอบ

    "แล้ว  นายมาทำไม"ไกด์ถามอย่างเดือดดาล

    "ก็มาตามเธอกลับบ้าน่ะสิ ยัยเตี้ย"เอล์ฟตอบ โดยแอบกัดไกด์เล็กๆน้อยๆ

    "ไอ้..คุณชายเอล์ฟ "ไกด์ตอบกลับ

    "ทำมาย"เอล์ฟโต้กลับ

    "เอ่อ ถ้าน้องๆตกลงกันเสร็จแล้ว พี่ก็ขอตัวไปก่อนนะ"ไมอารินเอ่ย ก่อนกวักมือเรียกเพื่อนๆขึ้นเกวียน

    "เดี๋ยวค่ะ พี่สาว พี่ชาย และก็คุณป้า"

    "ใครป้าเธอหา"ฟาเรย์ตะโกนกลับมา

    "เอ่อพี่สาวไมอารินขา หนูขอติดเกวียนไปด้วยน้า"ไกด์เอ่ยน้ำเสียงออดอ้อน

    "เอ่อ..."ไมอารินตะกุกตะกัก

    "เย้ๆ ขอบคุณค่ะ คุณพี่สาว"ไกด์ตอบเองเสร็จสรรพ ก็ลากมือเด็กหนุ่มนามเอล์ฟเข้ามา

    "พี่ๆคะ นี่เอล์ฟ ซาร์นฟาซิทน์ เป็นเพื่อนของหนูเองค่ะ"ไกด์แนะนำตัวให้เพื่อนชาย

    "เอ่อ.. พี่ก็ไมอาริน ฟาเรสนะ ส่วน..."ไมอารินเอ่ยค้าง

    "ผมฟาลอร์ ฮาโซดิสม์ครับ"ฟาลอร์ตอบแบบเรียบร้อยปานทหาร ถ้าเป็นเวลาปกติล่ะก็ ฟาเรย์ต้องหัวเราะลั่นแน่ๆ

    "ส่วนฉันก็ เรเซนเวีย ราส เรโนเคีย ยินดีที่รู้จักนะ"ราสพูดยิ้มๆ

    "ค่ะ ทุกๆคน"ไกด์ยิ้มรับ

    "เอ่อ พี่สาวคนนั้น ไม่ทราบว่าชื่ออะไรครับ"เอลล์ฟถาม แต่คำตอบที่ได้คือนัยน์ตาดุๆของสาวเจ้า นามว่าฟาเรย์

    "ฟาเรย์ ฮาโซดิสม์"ฟาเรย์ตะโกนใส่ แล้วกระทืบเท้าจากไป ปล่อยให้เด็กชายเอล์ฟได้ฉงนต่อปอย่างไร้คำตอบ

    "พวกเธอเป็นคนที่ไหน"ฟาลอร์ถาม พลางยื่นแก้วที่เต็ไปด้วยโกโก้อุ่นๆ ที่ตนเก็บไว้กินในการเดินทางให้เด็กทั้งสอง

    ไกด์ซดโกโก้เข้าไปหลายอึก ก่อนส่งยิ้มให้ทุกคน แล้วตอบ "พวกเเป็นชนเผ่าที่อาศัยอยู่ที่ตีนเขา คูลูไซค่ะ"

    "เขาคูลูไซ อืม......"เรเซนเวียเอ่ยอย่างครุ่นคด

    "ที่อยู่คั่นระหว่าง เอลเลเวีย และ เทนย่า น่ะครับ"เอล์ฟอธิบายต่อ ก่อนวางแก้วโกโก้ลง

    "เทนย่า นครแห่งทอง ร่ำรวยที่สุดในเทเรส"ไมอารินกล่าวเบาๆ
     
    "ใช่ค่ะ ตอนนี้จักพรรดิแห่งเทนย่ากำลังพยายามกว้านซื้อที่ดินแถบตีนเขาคูลูไซของเราอยู่ เพราะเป็นที่ที่มีแร่สะสมอยู่เป็นจำนวนมาก"ไกด์อธิบายเสียงเหนื่อยล้า ปนเศร้าสร้อย

    "อืม... พวกเธอเลยหนีมาเหรอ"ฟาเรย์เอ่ยเสียงเย้ยหยัน ทั้งๆที่ในใจก็แฝงไปด้วยความเศร้าสร้อย สังเวชก็ตาม

    "ค่ะ" ไกด์เอ่ยแล้วพยักหน้า เรื่องที่เธอเล่าชวนให้เธอนึกถึงบ้านที่เธอเคยอาศัย

    "ไกด์ เอ่อ.. แล้ว เอ่อ... อ้อ ฉันมีข่าวดีนะไกด์ ตอนนี้ภูเขาถูกกว้านซื้อไปกว่าครึ่งแล้วเอล์ฟพูดตะกุกตะกัก ผิดๆถูกๆ จนไกด์ต้องหันมาถลึงตาใส่ ในคำพูดบางคำของเด็กชาย

    "เอล์ฟ จริงเหรอที่นายพูด"ไกด์ถามน้ำเสียงสั่นเครือ ถ้าเอล์ฟพูดจริง นั่นก็หมายความว่า เป้าหมายต่อไปของจักพรรดิแห่งเทนย่า นั่นก็คือหมู่บ้านของเธอเอง

    ไมอารินเหลือยบตามองเด็กหญิงที่ตัวสั่นเทิ้ม ก่อนถอนหายใจเนือยๆ แล้วถอดแจ็คเก็ตสีน้ำเงินของเธอไปคลุมตัวเด็กสาวไว้

    "อนาคตเป็นสิ่งไม่แน่นอน ทุกสิ่งย่อมไหลไปตามกระแส และกฏของกาลเวลา ดังนั้น จงอย่ากลัวอนาคตที่ไม่ได้ถูกกำหนดไว้อย่างแน่นอน"ไมอารินกล่าว น้ำเสียงเรียบๆ ในสายตาไกด์ ภาพของไมอารินมีซ้อนทับกับภาพของสตรีนางหนึ่ง ที่เธอรักมากที่สุด สตรีนัยน์ตาสีชา ตัดกับผมสีแดง

    "พี่กาเรี่ยน"ไกด์เอ่ยเสียงเบาๆด้วยความทึ่ง มีแต่เอล์ฟเพียงผู้เดียวเท่านั้น ที่รู้ว่าเจ้าของชื่อผู้นี้คือใคร

    ไกด์ล้มตัวลงนอน นัยน์ตาเหม่อมองเพดานเกวียนเก่าๆ ที่ควบปุเลงๆไป ราวกับเป็นจังหวะของเพลงขับกล่อมที่จะส่งเธอเข้าสู่ห้วงนิทรารมย์

    "ซาเดมาดามาซึ อาซามัตซึ อาเก อาเกรุ"เพลงกล่อมเด็กภาษาและสำเนียงแบบชนเผ่าคูลท์ ที่คุ้นเคยดังอีกครั้งในโสตประสาทของเด็กสาวที่มีพื้นเพเดิมอยู่ที่ตีนเขาคูลูไซ

    "พี่กาเรี่ยน"เธอพึมพำออกมาเบาๆ ฟาเรย์มองเด็กสาวผู้นี้อย่างเอ็นดู ก่อนมองออกไปนอกหน้าต่างเกวียนที่หยุดพักที่ริมแม่น้ำ แสงอาทิตย์ยามอัสดงส่องกระทบผืนน้ำเป็นแสงสีทองเรืองรอง น่าดู ดังคลอมาพร้อมๆกับเสีงเมาท์ออแกนที่นักดาบสาวแห่งมาริลเซทกำลังเป่าอยู่

    เธออยากเอนตัวลงนอนเคียงข้างเด็กสาวผู้นี้ยิ่งนัก อยากทำให้เธอรู้สึกคลายเศร้า อยากให้เด้กหญิงคนนี้รู้สึกสบายใจอีกครั้งหนึ่ง ทั้งๆที่เธอเพิ่งรู้จักกันแท้ๆ

    ในที่สุด เจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าอมม่วงก็ผลอยหลับไป ปล่อยให้เพลงทำนองเศร้าสร้อยเป็นเพลงขับกล่อมให้เธอเข้าสู่นิทรารมย์อันหอมหวาน

    ไมอารินดึงเมาท์ออแกนสีเงินออกจากริมฝีปากสีชมพูบาง นัยน์ตาเหม่อลอยออกไป 'พระอาทิตย์จะลาลับขอบฟ้าแล้ว แล้วเธอล่ะ เมื่อไหร่จะได้หยุดเสียที เธอไม่อยากดิ่งลึกลงไปมากกว่านี้แล้ว แต่เธอหยุดไม่ได้ เพราะนั่นหมายถึงชะตากรรมของเทเรส'


    กลิ่นซุปครีมลอยมาแตะจมูกของทายาทเดธมาสเตอร์สาวน้อย ปลุกให้เธอตื่นจากนิทรารมย์

    "กินซักหน่อย เราจะได้เดินทางต่อ"ไมอารินเอ่ย พลางยื่นถ้วยซุปอุ่นๆให้หญิงสาวที่เพิ่งตื่นขึ้น

    "ไกด์ล่ะ"ฟาเรย์ถามด้วยความตระหนก

    ไมอารินตีสีหน้าฉงนก่อนชี้ออกไปนอกเกวียน โดยหารู้ไม่ว่า ฟาเรย์นั้นโล่งใจขนาดไหน เมื่อรับทราบเรื่องนี้

    ฟาเรย์ก้าวลงจากเกวียนไปรวมกลุ่มับเพื่อนๆ ที่ตั้งวงรออยู่ก่อนแล้ว แต่ทันทีที่เธอเหยียบลงพื้นดิน เธอก็เกิดอาการวิงเวียนศรีษะ หน้ามืด แต่เธอก็พยายามจะเงยหน้าขึ้นมามองทุกคน

    "ฟาร์"ฟาร์ลอร์ร้องลั่น ทันทีที่ร้างของน้องสาวเริ่มเลือนลางลง แล้วก็ค่อยๆหายไป

    "โอ้ย"เด็กสองคนกรีดร้องลั่น ก่อนจะค่อยๆหายไป

    "กลิ่นนี้มัน เวทย์มนต์"เรเซนเวียลุกขึ้นโพลง แล้วตะโกนออกมาดังๆ ก่อนที่ร่างของเขาจะหายไป

    "ใคร ใครกันที่บังอาจใช้เวทย์มนต์แบบนี้กับพวกของข้า"ไมอารินแผดเสียงก้องด้วยความตกใจ เพราะเธอ ทำให้ทุกคนต้องเจอชะตากรรมแบบนี้ เพราะเธอคนเดียว

    "ไมน์ หยุดๆ ตั้งสติ เรามาหาทางตามหาพวกเขากันดีกว่า"ฟาลอร์ที่ตั้งสติได้คนแรก เอ่ย


    "เอาซี่ ไมอาริน ฟาลอร์ พวกนายตามหาฉันให้เจอ"หญิงสาวเจ้าของเรือนผมสีขาวเอ่ยจากยอดไม้ที่ไม่ไกลไปจากพวกเขาทั้งสองคน แล้วแค่นหัวเราะ อีกาดำที่เกาะอยู่บนไหล่ของเธอกระพือปีกเบาๆเป็นจังหวะเดียวกับเสียงหัวเราะของเจ้านาย

    "พี่คะ เราทำถูกแล้วเหรอ"เด็กสาวอีกคนหนึ่งถาม เธอมีเรือนผมสีขาว และ นัยน์ตาสีเทา คล้ายคลึงกับแฝดผู้นั่งอยู่บนยอดไม้

    "เงียบน่า ไอรีน การกระทำของฉันต้องทำให้นายหญิงพอใจอยู่แล้ว"แฝฝดสาวผู้พี่เอ่ย ก่อนปล่อยอีกาสีดำตัวเดิมให้โบยบินสู่ท้องฟ้ายามราตรีเว้งว้าง

    "แต่......"หญิงสาวแฝดผู้น้องที่ถูกเรียกว่าไอรีน เอ่ยลากเสียง

    "ไม่มีแต่ ไอรีน เพราะเจ้าใจอ่อนอย่างนี้ไง เจ้าถึงเป็นแค่นักฆ่าระดับ 3"หญิงสาวผู้พี่เอ่ยขึ้น ก่อนทิ้งตัวลงจากยอดไม้

    "ฉันเดาไว้ไม่ผิดเลย ว่าต้องเป็นพวกเธอจริงๆด้วย ฝาแฝดนักฆ่าตระกูลเทเลเมอรี นักฆ่าระดับสาม ไอรีน่า เทเลเมอรี่ และนักฆ่าระดับเจ็ด ไอรีเซีย เทเลเมอรี"เรเซนเวียโพล่งขึ้น ก่อนพยายามแก้มัด แต่สายตาของเขาจับจ้องไปที่วัตถุประหลาด ทรงกลม ที่ข้างในมีร่างของเด็กสาวและเด็กหนุ่มทีร่วมเดินทางมากับเขา นอนสลบไสลอยู่

    "ทำไมไม่จับฉันเข้าไปไว้ในบอลลูนยักษ์นั่นด้วยล่ะ"เรเซนเวียถามด้วยน้ำเสียงเหยียดหยามแกมดูถูก ไอรีเซียมองกลับมายังผู้พูดด้วยสายตาเย็นชา แต่แฝงไปด้วยแววห่วงหา

    "เพราะฉันเชื่อว่า เวทย์ของนักฆ่าระดับเจ็ด จะต้านเวทย์ทำลายของนักคาถาระดับ ห้า อย่างนายได้หรอก คนทรยศ"ไอรีเซียตอบ โดยพยายามเน้นคำว่าคนทรยศ

    "อย่าคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงแล้วฉันจะไม่กล้าทำอะไรนะ"เรเซนเวียเค้นเสียง พร้อมร่ายเวทย์ปลดเชือก

    "หึหึ อย่าคิดว่าเวทย์ของนาย จะทำลายโซ่เวทย์มนต์ของท่าน เมเสส ได้เลยน่า"ไอรีนเอ่ยเสียงเย้ยหยัน มีเพียงเธอคนเดียวเท่านั้น ที่รู้ใจของเรเซนเวีย และ พี่สาวของเธอเป็นอย่างดี เพราะเหตุนี้เอง เธอจึงเกลียดเรเซนเวียมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว และเมื่อรู้ว่าเขาทรยศเธอก็ยิ่งเกลียดหนักเข้าไปอีก

    "แค่โซ่เวทย์มนต์กระจอกๆ ของพ่อ ทำไมฉันจะทำลายไม่ได้"เรเซนเวียเอ่ย แล้วรวบรวมเวกระแสพลังทั้งหมดให้รวมกันที่โซ่

    ไอรีเซียปรายตามองชายหนุ่มหัวรั้น ที่ครั้งหนึ่งเธอเคยเชื่อใจเขามากๆ แต่ตอนนี้ เขาไม่ใช่คนเดิม เขารักหล่อนคนนั้นมากกว่าเธอ

    "อย่าเลย เรเซนเวีย หลับเถิด"ไอรีเซียเอ่ยครั้งสุดท้าย ก่อนจะตรงเข้าไปร่ายมนต์ใส่เรเซนเวีย ร่างของเขาล้มลงกับพื้น แต่แววตาของเขา เหมือนไร้วิญญาณ


    ไมอารินนั่งขดตัวผิงกองไฟทีถูกจุดขึ้น เสื้อแจ็คเก็ตตัวนอกของเธออยู่ที่เด็กสาวอีกคนที่หายตัวไป ตอนนี้ เธอรู้สึกทั้งหนาวกายและหนาวใจ จู่ๆมือใหญ่ของใครบางคนก็เอื้อมมาสัมผัสที่ไหล่บอบบางของเธอ

    "แหม ทำอย่างกับเป็นพี่ซะเองน่ะ"ฟาลอร์เอ่ยแกมหัวเราะเบาๆ ก่อนทิ้งตัวลงนั่งข้างๆนักดาบสาว

    "นายล่ะ ไม่กังวลบ้างเหรอ นี่มันเวทย์ชั้นสูงนะ นั่นก็แปลว่าคนใช้เวทย์บทนี้อาจจะเป็นคนที่เก่งมากๆเลยก็ได้"ไมอารินอธิบายอย่างวิตก

    ฟาลอร์ส่งยิ้มเนือยๆให้ไมอาริน ก่อนถอดเสื้อคลุมสีดำของเขาไปคลุมตัวไมอาริน "เป็นเด็กเป็นเล็กจะคิดอะไรให้มันมาก ถึงเธอจะทำตัวยังไง แต่เธอก็ยังเป็นเด็กสาว อายุ 14 ปีอยู่ดี"ฟาลอร์กล่าวขึ้น

    "ความจริง เป็นสิ่งไม่จีรัง มันสามารถเปลี่ยนเด็กสาวตัวเล็กๆให้กร้านโลกขึ้นได้"ไมอารินเอ่ย 

    ฟาลอร์มองเด็กสาวอย่างเหลืออด ก่อนคว้าตัวคนหัวดื้อเข้ามากอด มือของเขาลูบไปตามเส้นผมสีชาของเธอ "นั่นอาจจะใช่ แต่สิ่งสำคัญน่ะ ก็แค่ทำวันนี้ให้เป็นสุขก็พอ"

    ไมอารินฟังฟาลอร์พูดแล้วน้ำตาคลอเบ้า มันชวนให้เธอระลึกถึงพี่ชายของเธอ แม้มันเป็นความทรงจำที่ขมขื่น แตเธอก็ไม่อยากจะลืมมัน

     
    "พี่คะ เอ่อ... หนูรู้ว่าพี่รู้สึกยังไงกับราส"ไอรีนเอ่ย แต่คำตอบที่ไอรีเซียมอบให้กลับเป็นสายตาเนือยๆแกมเบื่อหน่าย

    ไอรีเซียยอมรับ ว่าเธอเองก็ห้ามตัวเองไม่ให้หลงรักผู้ชายคนนี้ไม่ได้ แต่ภึงกระนั้นก็เถอะ กำก้ยังเป็นกฎ เธอไม่สามารถฝ่าฝืนมันได้ เธอไม่สามารถผิดคำปฏิญาณที่มีต่อรอยสักรูปดวงตาแห่งตราบาปที่หลังมือ

    มันคืสัญลักษณ์แห่งมิราจ

    แต่สิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจคือ รอยสักที่หลังมือของเรเซนเวีย ตามกฎของมิราจอล้ว ผู้ใดก็ตามที่ทรยศ รอยสักนี้จะจางหายไปเอง แต่สำหรับราส มันกลับปรากฎเด่นชัด ราวกับว่าเขาไม่ได้ทรยศมาก่อน

    "นายหญิง ท่านคิดจะเล่นตลกอะไรกันแน่"ไอรีเซียเอ่ยลอยๆ ก่อนทิ้งตัวลงนอนบนทุ่งหญ้า ปล่อยให้สายลมหวีดหวิวบรรเลงเพลงขับกล่อมต่อไป




    -------------------------------------------

    ตอนนี้เรื่องชักจะทีปริศนามากมายแล้วค่ะ หุหุ ใครไขปริศนาออกแล้วบ้างเอ่ย

    ขอบคุณนะคะที่อ่านมาถึงนี่ เราขอแนะนำว่าอย่าอ่านผ่านๆเลยดีกว่า เพราะอาจจะไม่เข้าใจ หรือมึนก็ได้

    ถ้าอ่านแล้วเมนท์ติชม เราจะถือเป็นพระคุณอย่างสูงเลยค่ะ หรือจะ add เมลก็ได้ ra_bi_ta@hotmail.com ค่ะ

     






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×