ลำดับตอนที่ #9
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ยังไม่มีชื่อตอน (นานะ-ฟง)
"ผักซื้อแล้ว . . . เนื้อมีแล้ว เครื่องปรุงก็เรียบร้อย . . อืม ยังขาดอะไรอีกนะ"
ชายหนุ่มร่างผอมบางเดินออกมาเลือกซื้อของสำหรับทำมื้อค่ำวันนี้ แม้ว่าแต่ละวันจะแบ่งเวรกันทำอาหารแล้วก็ตาม แต่ก็ยังดูเหมือนว่าหน้าที่หลักของคนที่ต้องรับบทบาทแทนคุณแม่อย่างเขาจะเป็นการดูแลความเรียบร้อยทั้งเรื่องอาหารการกินและความสะอาดภายในบ้านจนกลายเป็นเหมือนกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้ว
นานาเสะ ก้มมองดูรายการของที่ต้องซื้อเข้าบ้านที่เขาเป็นคนจดเองกับมือระหว่างช่วงพักตอนที่อยู่ในโรงเรียน ถึงแม้งานประจำจะเป็นอาจารย์ฝึกสอนวิชาสังคม แต่หลังเลิกงานเขายังคงเป็นพี่นานะจังที่ชอบทำงานบ้านเป็นชีวิตจิตใจเหมือนเดิม
จะด้วยเพราะกำลังทบทวนรายการจนไม่ทันมองทาง หรือเพราะความใจลอยจนไม่ได้ระวังแต่แรงผลักของบางสิ่งที่วิ่งเข้ามากระแทกใส่เขาแรงมากพอที่จะทำให้เขาแทบล้มทั้งยืนหากไม่ได้ทรงตัวเอาไว้ก่อน
"อ๊ะ!!"
นานาเสะ ถึงกับร้องออกมาด้วยเสียงหลงพลางทอดมองสายตาไปยังคู่กรณีที่เป็นดูจะเป็นฝ่ายวิ่งเข้ามาชนเขาด้วยความรีบร้อนอะไรบางอย่าง
เจ้าของดวงตาสีดำขลับคู่งาม ขนตาที่งอนยาวราวกับนกยูงแผ่สยายปีกหาง ยังคงจ้องสายตามาเหมือนต้องการจะบอกอะไรบางอย่างกับเขาไม่มีผิด
หญิงสาวรูปร่างสูงเพรียว เธอเป็นคนเดียวกับคนที่เคยมาหาเขาที่บ้าน รวมทั้งยังเป็นผู้หญิงที่ลงทุนปลอมตัวเข้าไปเรียนในโรงเรียนที่เขาสอนเพื่อทุ่มเททุกอย่างให้กับงานที่ทำ
ฟง
นานาเสะ จำหญิงสาวคนนี้ได้เป็นอย่างดี ผู้หญิงที่มักจะพาเรื่องยุ่งๆ มาให้เขาอยู่เรื่อย . . .
"ฟง!! ฟง เธอจะไปไหนน่ะ ฟง!!" เสียงเรียกตะโกนชื่อของหญิงสาวดังมาจากทางด้านหลังของชายหนุ่ม และยังคงดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับผู้หญิงตัวเล็กที่วิ่งออกมาจากร้านขายดอกไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขากำลังยืนอยู่ด้วยกัน
นานาเสะที่ยืนอยู่ระหว่างหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่ได้เข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากนัก เพราะสิ่งที่เขาเห็นคือ ฟง หันหลังวิ่งออกไปแทบจะทันทีที่เห็นว่าเพื่อนของเธอกำลังวิ่งตามออกมาจากในร้าน รูปการณ์ที่เหมือนฉากเพื่อนสาวทะเลาะกันจากละครทีวีราวกับทะลุออกมานอกจอให้เขาได้เห็น ท่ามกลางสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและหนึ่งในนั้นเป็นคนที่เขาคิดว่ารู้จักเธออยู่บ้าง แม้จะไม่ได้ถึงขั้นที่เรียกว่าเพื่อนก็ตาม
เจน วิ่งออกมาอย่างกระหืดกระหอบแสดงท่าทีหงุดหงิดพร้อมสีหน้าแดงจัดบ่งบอกถึงอารมณ์โกรธที่ไม่รู้ว่าควรจะเอามันไปลงไว้ที่ไหนดี
"โธ่เอ๊ย!! ให้ตายสิหนีไปคนเดียวอีกจนได้" เมื่อไม่สามารถจะวิ่งตามจับอีกฝ่ายได้เพราะรู้ดีว่าความสามารถด้านร่างกายที่แตกต่างกันมีมากแค่ไหน เจนเลยได้แต่บ่นออกมาอย่างไม่พอใจกับสิ่งที่ฟงมักจะทำเหมือนว่าพวกเธอไม่ใช่คนในทีมเดียวกัน
ทุกครั้งที่หัวหน้าซูเจียสั่งงานลับๆ ลงมาโดยตรง บ่อยครั้งที่งานมักจะส่งมาให้ฟงรับรู้เพียงคนเดียว เธอเองไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไมเพราะไม่เพียงแต่หัวหน้าจะไม่ยอมบอกอะไรแล้ว ทางเพื่อนของเธอดูจะเก็บงำเป็นความลับและชอบออกไปปฎิบัติภารกิจลับที่ว่าเพียงลำพังอีกต่างหาก
ถึงจะไม่รู้เนื้อหางานที่ว่ามา แต่จากประสบการณ์ของเธอที่ทำงานอยู่ในองค์กรมาหลายปีพอจะระแคะระคายบ้างว่ามันคงหนีไม่พ้นงานที่อันตรายถึงชีวิต หรือไม่คงเป็นงานลอบสังหารชิ้นใหญ่จนถึงขั้นทำให้เกิดการปั่นป่วนได้ไม่มากก็น้อย แต่ถึงอย่างงั้นทั้งที่พวกเธอต่างอยู่ด้วยกันมาพักหนึ่งแล้วแถมยังเคยร่วมภารกิจกันมาตั้งมากมาย จนถึงวันนี้ยัยนั่นยังไม่ยอมรับว่าพวกเธอเป็นเพื่อนอีกรึไงนะ
"เอ่อ คือว่า" นานาเสะ ที่ยังยืนอยู่ที่เดิมพร้อมกับถุงผักสดเต็มไม้เต็มมือไม่เคยเปลี่ยน ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเธอ แต่เขาเองไม่เข้าใจเหตุผลเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่อยากปล่อยให้เรื่องนี้มันผ่านไปเฉยๆ โดยที่ไม่ทำอะไรสักอย่างหนึ่ง
เจน เหลียวมองเจ้าของเสียงที่เหมือนกำลังต้องการพูดคุยถึงเรื่องราวเมื่อครู่นี้กับเธอ แต่ตอนนี้หญิงสาวไม่คิดว่าเธอว่างมากพอที่จะตอบคำถามคนธรรมดาที่อยู่นอกองค์กรอย่างเขาได้ มิหนำซ้ำผู้ชายคนนี้ดูจะเข้ามาเกี่ยวพันกับพวกเธอมากจนเกินไป ถึงมันอาจเป็นเรื่องบังเอิญที่เขาจะเข้ามาพัวพันกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็ตาม แต่การที่มีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่แบบนี้มันไม่ได้จะหมายถึงเรื่องที่ดีอะไร ซ้ำร้ายการที่มีคนนอกล้ำเส้นเข้ามามากถึงขนาดนี้มันแปลว่าพวกเธอเริ่มจะหละหลวมกับการใช้ชีวิตมากจนเกินไป
"ขอโทษนะตอนนี้ฉันยังไม่อยากตอบอะไรทั้งนั้น . . . แต่ว่าถ้าเป็นไปได้คิดซะว่าฉันขอร้องแล้วกัน นายอย่ามาที่นี่อีกจะได้ไหม?"
เพราะความลำบากใจที่จะต้องพูดออกไปตรงๆ ทั้งทีนานาเสะเองไม่ใช่คนผิด แต่มันเหมือนมีลางสังหรณ์บางอย่างว่าบางทีคลื่นลูกใหญ่ที่กำลังจะมาอาจจะนำเอาความเปลี่ยนแปลงและความโกลาหลอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนก็เป็นได้ และท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนั้นเธอเองไม่อยากให้ผู้ชายคนนี้เข้ามามีส่วนร่วมอยู่กลางวงล้อมที่ว่านั้นด้วย ถึงจะไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไมก็ตาม
หญิงสาวหันหลังพูดกับเขาโดยไม่อาจจะสบสายตาตรงๆ ออกไปได้ คำพูดที่ไม่ได้ต้องการให้อีกฝ่ายเข้ามาตอบรับเพราะเพียงแค่ต้องการจะบอกให้เขารับรู้เท่านั้น
ทันทีที่พูดจบ เธอไม่ได้รั้งรอให้เขาตอบกลับมา เจนตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านขายดอกไม้พร้อมกับปิดประตูร้านและหันป้ายปิดร้านออกไปด้านนอกบานประตูกระจก ทิ้งให้นานาเสะยืนงงอยู่ด้านนอกถึงพฤติกรรมที่ทำอะไรแบบปุ๊บปั๊บโดยไม่ยอมให้เขาได้ทันอธิบายหรือขอความคิดเห็นอะไรแม้แต่นิดเดียว
********************************************
(ยังไม่จบงิ หลังวันเกิดลูกๆ จะมาต่อให้อีก = w =")
ชายหนุ่มร่างผอมบางเดินออกมาเลือกซื้อของสำหรับทำมื้อค่ำวันนี้ แม้ว่าแต่ละวันจะแบ่งเวรกันทำอาหารแล้วก็ตาม แต่ก็ยังดูเหมือนว่าหน้าที่หลักของคนที่ต้องรับบทบาทแทนคุณแม่อย่างเขาจะเป็นการดูแลความเรียบร้อยทั้งเรื่องอาหารการกินและความสะอาดภายในบ้านจนกลายเป็นเหมือนกิจวัตรประจำวันไปเสียแล้ว
นานาเสะ ก้มมองดูรายการของที่ต้องซื้อเข้าบ้านที่เขาเป็นคนจดเองกับมือระหว่างช่วงพักตอนที่อยู่ในโรงเรียน ถึงแม้งานประจำจะเป็นอาจารย์ฝึกสอนวิชาสังคม แต่หลังเลิกงานเขายังคงเป็นพี่นานะจังที่ชอบทำงานบ้านเป็นชีวิตจิตใจเหมือนเดิม
จะด้วยเพราะกำลังทบทวนรายการจนไม่ทันมองทาง หรือเพราะความใจลอยจนไม่ได้ระวังแต่แรงผลักของบางสิ่งที่วิ่งเข้ามากระแทกใส่เขาแรงมากพอที่จะทำให้เขาแทบล้มทั้งยืนหากไม่ได้ทรงตัวเอาไว้ก่อน
"อ๊ะ!!"
นานาเสะ ถึงกับร้องออกมาด้วยเสียงหลงพลางทอดมองสายตาไปยังคู่กรณีที่เป็นดูจะเป็นฝ่ายวิ่งเข้ามาชนเขาด้วยความรีบร้อนอะไรบางอย่าง
เจ้าของดวงตาสีดำขลับคู่งาม ขนตาที่งอนยาวราวกับนกยูงแผ่สยายปีกหาง ยังคงจ้องสายตามาเหมือนต้องการจะบอกอะไรบางอย่างกับเขาไม่มีผิด
หญิงสาวรูปร่างสูงเพรียว เธอเป็นคนเดียวกับคนที่เคยมาหาเขาที่บ้าน รวมทั้งยังเป็นผู้หญิงที่ลงทุนปลอมตัวเข้าไปเรียนในโรงเรียนที่เขาสอนเพื่อทุ่มเททุกอย่างให้กับงานที่ทำ
ฟง
นานาเสะ จำหญิงสาวคนนี้ได้เป็นอย่างดี ผู้หญิงที่มักจะพาเรื่องยุ่งๆ มาให้เขาอยู่เรื่อย . . .
"ฟง!! ฟง เธอจะไปไหนน่ะ ฟง!!" เสียงเรียกตะโกนชื่อของหญิงสาวดังมาจากทางด้านหลังของชายหนุ่ม และยังคงดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ พร้อมกับผู้หญิงตัวเล็กที่วิ่งออกมาจากร้านขายดอกไม้ที่อยู่ไม่ไกลจากจุดที่พวกเขากำลังยืนอยู่ด้วยกัน
นานาเสะที่ยืนอยู่ระหว่างหญิงสาวสองคนโดยที่ไม่ได้เข้าใจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมากนัก เพราะสิ่งที่เขาเห็นคือ ฟง หันหลังวิ่งออกไปแทบจะทันทีที่เห็นว่าเพื่อนของเธอกำลังวิ่งตามออกมาจากในร้าน รูปการณ์ที่เหมือนฉากเพื่อนสาวทะเลาะกันจากละครทีวีราวกับทะลุออกมานอกจอให้เขาได้เห็น ท่ามกลางสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและหนึ่งในนั้นเป็นคนที่เขาคิดว่ารู้จักเธออยู่บ้าง แม้จะไม่ได้ถึงขั้นที่เรียกว่าเพื่อนก็ตาม
เจน วิ่งออกมาอย่างกระหืดกระหอบแสดงท่าทีหงุดหงิดพร้อมสีหน้าแดงจัดบ่งบอกถึงอารมณ์โกรธที่ไม่รู้ว่าควรจะเอามันไปลงไว้ที่ไหนดี
"โธ่เอ๊ย!! ให้ตายสิหนีไปคนเดียวอีกจนได้" เมื่อไม่สามารถจะวิ่งตามจับอีกฝ่ายได้เพราะรู้ดีว่าความสามารถด้านร่างกายที่แตกต่างกันมีมากแค่ไหน เจนเลยได้แต่บ่นออกมาอย่างไม่พอใจกับสิ่งที่ฟงมักจะทำเหมือนว่าพวกเธอไม่ใช่คนในทีมเดียวกัน
ทุกครั้งที่หัวหน้าซูเจียสั่งงานลับๆ ลงมาโดยตรง บ่อยครั้งที่งานมักจะส่งมาให้ฟงรับรู้เพียงคนเดียว เธอเองไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไมเพราะไม่เพียงแต่หัวหน้าจะไม่ยอมบอกอะไรแล้ว ทางเพื่อนของเธอดูจะเก็บงำเป็นความลับและชอบออกไปปฎิบัติภารกิจลับที่ว่าเพียงลำพังอีกต่างหาก
ถึงจะไม่รู้เนื้อหางานที่ว่ามา แต่จากประสบการณ์ของเธอที่ทำงานอยู่ในองค์กรมาหลายปีพอจะระแคะระคายบ้างว่ามันคงหนีไม่พ้นงานที่อันตรายถึงชีวิต หรือไม่คงเป็นงานลอบสังหารชิ้นใหญ่จนถึงขั้นทำให้เกิดการปั่นป่วนได้ไม่มากก็น้อย แต่ถึงอย่างงั้นทั้งที่พวกเธอต่างอยู่ด้วยกันมาพักหนึ่งแล้วแถมยังเคยร่วมภารกิจกันมาตั้งมากมาย จนถึงวันนี้ยัยนั่นยังไม่ยอมรับว่าพวกเธอเป็นเพื่อนอีกรึไงนะ
"เอ่อ คือว่า" นานาเสะ ที่ยังยืนอยู่ที่เดิมพร้อมกับถุงผักสดเต็มไม้เต็มมือไม่เคยเปลี่ยน ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเธอ แต่เขาเองไม่เข้าใจเหตุผลเหมือนกันว่าทำไมถึงไม่อยากปล่อยให้เรื่องนี้มันผ่านไปเฉยๆ โดยที่ไม่ทำอะไรสักอย่างหนึ่ง
เจน เหลียวมองเจ้าของเสียงที่เหมือนกำลังต้องการพูดคุยถึงเรื่องราวเมื่อครู่นี้กับเธอ แต่ตอนนี้หญิงสาวไม่คิดว่าเธอว่างมากพอที่จะตอบคำถามคนธรรมดาที่อยู่นอกองค์กรอย่างเขาได้ มิหนำซ้ำผู้ชายคนนี้ดูจะเข้ามาเกี่ยวพันกับพวกเธอมากจนเกินไป ถึงมันอาจเป็นเรื่องบังเอิญที่เขาจะเข้ามาพัวพันกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นก็ตาม แต่การที่มีคนอื่นเข้ามาเกี่ยวข้องอยู่แบบนี้มันไม่ได้จะหมายถึงเรื่องที่ดีอะไร ซ้ำร้ายการที่มีคนนอกล้ำเส้นเข้ามามากถึงขนาดนี้มันแปลว่าพวกเธอเริ่มจะหละหลวมกับการใช้ชีวิตมากจนเกินไป
"ขอโทษนะตอนนี้ฉันยังไม่อยากตอบอะไรทั้งนั้น . . . แต่ว่าถ้าเป็นไปได้คิดซะว่าฉันขอร้องแล้วกัน นายอย่ามาที่นี่อีกจะได้ไหม?"
เพราะความลำบากใจที่จะต้องพูดออกไปตรงๆ ทั้งทีนานาเสะเองไม่ใช่คนผิด แต่มันเหมือนมีลางสังหรณ์บางอย่างว่าบางทีคลื่นลูกใหญ่ที่กำลังจะมาอาจจะนำเอาความเปลี่ยนแปลงและความโกลาหลอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อนก็เป็นได้ และท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงนั้นเธอเองไม่อยากให้ผู้ชายคนนี้เข้ามามีส่วนร่วมอยู่กลางวงล้อมที่ว่านั้นด้วย ถึงจะไม่เข้าใจเหตุผลว่าทำไมก็ตาม
หญิงสาวหันหลังพูดกับเขาโดยไม่อาจจะสบสายตาตรงๆ ออกไปได้ คำพูดที่ไม่ได้ต้องการให้อีกฝ่ายเข้ามาตอบรับเพราะเพียงแค่ต้องการจะบอกให้เขารับรู้เท่านั้น
ทันทีที่พูดจบ เธอไม่ได้รั้งรอให้เขาตอบกลับมา เจนตัดสินใจเดินเข้าไปในร้านขายดอกไม้พร้อมกับปิดประตูร้านและหันป้ายปิดร้านออกไปด้านนอกบานประตูกระจก ทิ้งให้นานาเสะยืนงงอยู่ด้านนอกถึงพฤติกรรมที่ทำอะไรแบบปุ๊บปั๊บโดยไม่ยอมให้เขาได้ทันอธิบายหรือขอความคิดเห็นอะไรแม้แต่นิดเดียว
********************************************
(ยังไม่จบงิ หลังวันเกิดลูกๆ จะมาต่อให้อีก = w =")
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น