ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บุษบาพ่ายใจรัก

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3 ชนวนน้ำแข็ง อดีตของเขาและเธอ [100%]

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.54K
      9
      15 พ.ค. 62


    ตอนที่ 3 ชนวนน้ำแข็ง (อดีตของเขาและเธอ)

    (อัพครั้งแรก ต.ค.58)

    (แก้ไขคำผิด+ปรับเนื้อหาบางส่วนล่าสุด [1] 29/11/61)

     

                กลิ่นหอมหวนของฟักทองแกงบวดอบอวลไปทั่วห้องครัว ช่างเป็นกลิ่นหอมที่เย้ายวนชวนให้อยากลิ้มลองรสชาติของหวานที่อยู่บนเตาเสียเดี๋ยวนี้

                   “หอมขนาดเจ้าพี่คำ เมื่อใดจะกิ๋นได้เจ้า” 

                   ชมพูพิมพ์มองของหวานในหม้อตรงหน้าแล้วแทบจะกลั้นน้ำลายเอาไว้ไม่ไหว แม้ว่าจะไม่ได้เป็นเมนูพิเศษเลิศเลออะไร แต่ของหวานสูตรของป้าบัวนั้นรับรองได้ว่าอร่อยกว่าใครจนอยากจะชวนให้เชลล์มาชิมจริงๆ

                   “รอกำเจ้าน้องพิมพ์ ก้ำเดียวก่อได้กิ๋นแล้ว ใจ๋เย็นๆ เจ้า” 

                   พี่แสงคำต้องรีบร้องเตือนเพราะตอนนี้เจ้านายสาวเอาแต่จดๆ จ้องๆ ของหวานในหม้อ เดี๋ยวเปิดเดี๋ยวปิดฝาหม้อ เดี๋ยวยกทัพทีขึ้นมาคนจนเธอกลัวว่าเนื้อฟักทองในหม้อจะเละเสียก่อน

                   “งั้นขอชิมน้ำก่อนน้อยหนึ่งเน้อเจ้าพูดแล้วก็ยิ้มแชล่มหยิบเอาช้อนตักน้ำกะทิขึ้นมาชิม 

                   โอ๊ยๆ ร้อนๆความอยากทำให้รีบร้อนจนลืมว่าของเหลวในช้อนที่มือถืออยู่นั้นพึ่งผ่านเตามาหยกๆ

                   “ว่าแล้วไง ระวังหน่อยสิพิมพ์ เราเป็นผู้หญิงนะลูก ทำอะไรก็ให้รู้จักระมัดระวังบ้าง เดี๋ยวก็ได้กินแล้วจะรีบไปไหนไม่มีใครแย่งเสียหน่อย ใครมาเห็นเข้าเขาจะว่าเอาได้ว่าเราตะกละตะกลาม” 

                   คนโดนดุถึงกับหน้าม่อยเปิดก๊อกน้ำใช้มือกวักน้ำขึ้นมาลูบริมฝีปากปอยๆ คลายความแสบร้อน งานนี้เธอคงทานข้าวไม่อร่อยไปอีกหลายวัน

                   “เอาน้ำแข็งอมไว้หน่อยก่อเจ้าน้องพิมพ์” 

                   พี่แสงคำหยิบเอาน้ำแข็งก้อนจากช่องฟรีซในตู้เย็นยื่นให้เธอ

                   “ขอบคุณเจ้าพี่คำ

                   “สมน้ำหน้าจริงๆ แทนที่จะได้กินของอร่อยแต่เพราะความไม่ระวังทำลิ้นพองจนได้ ถ้าโดนลวกมากกว่านี้ลิ้นคงชาไปอีกหลายวัน นี่ล่ะนะมีหลานสาวคนหนึ่งก็ไม่เหมือนคนอื่นเขา แต่ดันเหมือนม้าดีดกะโหลกทั้งซุ่มซ่ามเฟอะฟะ แล้วแบบนี้เมื่อไหร่ป้าจะมีหลานเขยกันล่ะพิมพ์” 

                   คนสูงวัยกว่าหัวเราะชอบอกชอบใจพูดจาหยอกเย้าหลานสาว

                   “ป้าก็ล้อพิมพ์อีกแล้ว เรื่องหลานเขยน่ะ ป้าไม่ต้องห่วงนะคะ” 

                   หลานสาวพูดด้วยน้ำเสียเง้างอนผู้เป็นป้า

                   “ไม่ต้องห่วงอะไร หรือจะรีบหาให้ป้าได้ชื่นใจ

                   “เปล่าค่ะ ที่พิมพ์บอกว่าไม่ต้องห่วงก็เพราะยังไงก็ไม่มีอยู่แล้ว พิมพ์จะอยู่เป็นโสด อยู่กับป้ากับพี่คำแบบนี้ตลอดไปเลยคำตอบของเธอทำให้ผู้เป็นป้าถึงกับระเบิดหัวเราะขึ้นมาทันที

                   “เชื่อได้เรอะ ขี้คร้านอีกหน่อยมีแฟนแล้วจะลืมป้า

                   “ไม่หรอกค่ะ ยังไงก็ไม่ยอมมีเด็ดขาด” 

                   ชมพูพิมพ์ออดอ้อนกอดเอวท่านแน่นก่อนหอมแก้มซ้ายขวาอีกหลายฟอด มีเพียงป้าบัวกับพี่คำเท่านั้นที่อยู่ด้วยแล้วเธอเป็นตัวของตัวเองสามารถแสดงออกได้อย่างเต็มที่

                   “จ้า ป้าจะคอยดู แต่ป้าว่ารีบหน่อยก็ดีนะพิมพ์อีกไม่กี่ปีก็จะครบสามสิบแล้ว เดี๋ยวจะขึ้นคานเอาได้อีกอย่างป้าอยากอุ้มหลานยาย

                   “ป้าคะ พูดอะไรก็ไม่รู้” 

                   คนเขินอายกับคำพูดของผู้เป็นป้ากระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นแล้วซุกหน้ากับทรวงอกของท่านราวลูกแมวตัวน้อย

                   “เอาล่ะๆ ป้าไม่หยอกเราแล้ว ปล่อยป้าก่อนเร็ว เรากอดป้าแน่นจนแทบหายใจไม่ออก วันพรุ่งนี้จะเดินทางแล้วเตรียมข้าวของพร้อมรึยังลูก

                   “เรียบร้อยแล้วค่า พิมพ์จัดของว่างบนรถแพ็คใส่กล่องแล้ว ของที่เตรียมให้ลูกค้าครบหมดทุกอย่างเหลือแต่ของพิมพ์ยังไม่ครบเลย

                   “เหลืออะไรบ้างพิมพ์ ทำไมไม่รีบไปซื้อล่ะลูกจะได้จัดใส่กระเป๋าให้เรียบร้อยเดี๋ยวก็ลืมเอาหรอก

                   “ก็เสบียงของพิมพ์น่ะสิคะ ยังไม่ได้เตรียมเลย ไหนจะไข่เค็มเอย หมูแดดเดียวเอย หมูหยองเอยยังไม่ได้เตรียมเลยสักอย่างค่ะ” 

                   ชมพูพิมพ์ผละออกจากอ้อมกอดของท่านก่อนรับเอาถ้วยของหวานจากพี่เลี้ยงสาว

                   “ที่โน่น บ่อมีอะหยังกิ๋นเลยกะเจ้าน้องพิมพ์ กะว่ากับข้าวบ่อลำ[1]

                   แสงคำสังเกตเห็นว่าทุกครั้งที่เจ้านายสาวเดินทางไปจีน เธอมักจะเตรียมขนมหรืออาหารแห้งไปด้วยทุกครั้ง แม้ว่าชมพูพิมพ์จะเป็นคนเลือกกิน แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นคนเรื่องมากจนกินอะไรนอกบ้านไม่ได้เลย นี่ถึงขนาดกับเตรียมของกินจัดไว้เป็นชุดๆ ตามจำนวนมื้ออาหารคงต้องมีอะไรสักอย่าง

                   “นั่นสิพิมพ์ ป้าเห็นหนูเตรียมของไปเยอะแยะแบบทุกครั้ง

                   “คืออาหารที่โน่นมันก็ทานได้อยู่หรอกค่ะ อาหารลูกค้าก็เข้าภัตตาคารทุกมื้อ เรียกได้ว่าอาหารเหลาเลยล่ะค่ะ แต่ว่าอาหารโต๊ะลูกค้ากับโต๊ะไกด์กับข้าวไม่เหมือนกัน โต๊ะลูกค้ามีอาหารสิบอย่างปลาหมูเห็ดเป็ดไก่มีครบ ส่วนโต๊ะไกด์ก็มีแต่หมั่นโถว ผัดผัก ผักต้มผักดอง แล้วก็วิญญาณหมู วิญญาณไก่ทานแต่แบบนี้ทุกมื้อ ถ้าไม่มีกับข้าวไปเสริมพิมพ์สงสารคนขับรถกับไกด์ พิมพ์เองก็เหมือนกันกินแบบนี้ทุกมื้อไม่มีเรี่ยวแรงทำงานกันพอดี อีกอย่างเวลาทานข้าวก็น้อยเพราะต้องคอยดูแลลูกค้าด้วย จะให้นั่งทานเป็นเรื่องเป็นราวจนอิ่มเนี่ยยากมากค่ะ กว่าเราจะได้ทานข้าวลูกค้าส่วนใหญ่ก็กินอิ่มกันแล้ว ไปทีนับว่าเป็นสี่วันที่ทรมานมากเลยค่ะ

                   “มิน่าล่ะ กลับมาทีไรหลานสาวฉันทานข้าวจนหมดหม้อเนอะแม่คำ

                   “เป๋นหยังบ่อบอกพี่ก่อนเจ้า พี่จะได้ยะหมูแดดเดียวหื้อน้องพิมพ์เอาไปโตย

                   “โอ๊ย บ่อเป๋นหยังเจ้าพี่คำ พิมพ์กลัวพี่คำอิ๊ด[2] ซื้อเอาดีกว่า แหมอย่างถ้าเอาของที่พี่คำทำไปโตยมีหวังโดนลู่[3] กิ๋นหมดตั้งแต่วันแรกแน่เลยเจ้า ของลำๆ บ่อเหลือ อีกสามวันที่เหลือต้องแย่แน่เลยเจ้าพอพูดจบเธอก็ได้เสียงหัวเราะจากป้าและพี่เลี้ยงสาว

                   “ที่แท้ก็ขี้งกนะพิมพ์

                   “ไม่ได้สิคะ ของอร่อยก็ต้องเก็บไว้กินคนเดียว ตอนกลางคืนพิมพ์ชอบหิวบ่อยๆ จะออกไปหาซื้ออะไรทานไปคนเดียวก็กลัวป้าของเธอพยักหน้าหงึกๆ อย่างเข้าใจ

                   “ว่าแต่พี่คำเช็ดใบต๋องยะหยังเจ้า จะยะอะหยังแหม” เธอมองพี่คำกำลังเช็ดใบตองที่เพิ่งตัดหมาดๆ

                   “พอดีเครือกล้วยอ่อง[4] หลังบ้านเฮาสุกแล้วเจ้า พี่กับป้าบัวก่อเลยว่าจะยะข้าวต้มมัด ข้าวต้มหัวหงอก ยะกิ๋นแล้วก็เอาไปตาน[5] ที่วัดโตย วันพูก[6] เจ้า”

                   “พิมพ์อยากกิ๋นโตย ยะวันนี้เลยบ่อได้กะเจ้า เริ่มยะตอนนี้วันพูกพิมพ์จะได้เอาไปโตย

                   “ไม่ได้หรอกพิมพ์ เอาไว้กลับมาป้าค่อยทำให้กินก็แล้วกันนะ วันนี้เตรียมของไม่ทันถึงจะตัดใบตองเตรียมเอาไว้แล้วก็จริง แต่ว่ายังไม่ได้เอาไปผึ่งแดด ข้าวเหนียวกับตอกก็ยังไม่ได้แช่น้ำ มะพร้าวก็ยังไม่ได้ขูดกะทิก็ยังไม่ได้คั้น” 

                   หญิงสาวทำหน้าหงอย พี่เลี้ยงสาวก็ได้แต่ยิ้มให้ด้วยความเห็นใจที่คนชอบกินอดทานของอร่อย

                   “แล้วนี่กินของหวานเสร็จรึยังพิมพ์ ถ้ากินเสร็จแล้วก็ตักใส่ชามแบ่งไปให้สารวัตรนักรบเขาด้วย เขาย้ายมาไกลบ้าน มาเช่าบ้านเราอยู่ผูกไมตรีกันเอาไว้เผื่อวันหน้ามีอะไรจะได้ช่วยเหลือกัน

                   “พิมพ์คิดว่าพี่บึกบึ้มไม่ชอบของหวานหรอกค่ะ อีกอย่างเมื่อกี้พิมพ์เห็นแว็บๆ ว่าเขาน่าจะมีแขกอยู่ ยกของหวานเข้าไปให้ตอนนี้คงไม่เหมาะ” 

                   เกือบหนึ่งสัปดาห์แล้วที่สารวัตรนักรบย้ายเข้ามาอยู่ในตึกแถวของเธอ วันรุ่งขึ้นหลังจากเขาโทรหาเธอ เขาก็ย้ายข้าวของเข้ามาทันที ประจวบกับวันนั้นเธออยู่บ้านพอดีเลยได้ทำสัญญาเช่ากันเสร็จสรรพ คุณตำรวจทำสัญญาหกเดือน หลังจากนี้หากไม่มีคำสั่งให้ย้ายไปประจำการณ์ที่สถานีอื่นเสียก่อนก็คงได้ทำสัญญาเช่าต่อ

                   “ไปเรียกสารวัตรนักรบเขาแบบนั้นได้ยังไงกันพิมพ์ เกิดเขามาได้ยินเข้าแล้วไม่ชอบใจเอาจะผิดใจกันเปล่าๆ เรียกเขาดีๆ แม่คำบอกป้าว่าเขาน่าจะแก่กว่าพิมพ์หลายปีอยู่นะลูก

                   “ค่ะ ต่อไปพิมพ์จะไม่เรียกเขาแบบนี้อีก แต่...เฉพาะตอนที่เขาอยู่ด้วยเท่านั้นนะคะพูดแล้วก็ยิ้มอย่างคนเจ้าเล่ห์

                   “เดี๋ยวเถอะพิมพ์ป้าบัวค้อนเสียงเขียว

                   ก็จะไม่ให้เธอเรียกเขาว่าพี่บึกบึ้มได้อย่างไร ครั้งแรกที่เจอเขาแม้ว่าหน้าตาจะหล่อเหลาคมเข้มแบบชายไทยแท้ แต่เธอกลับตกตะลึงกับร่างกายสูงใหญ่กำยำของเขามากกว่า ร่างกายของเขาดูบึกบึนบิ๊กบึ้มอย่างกับพวกนักรบโบราณในหนังเรื่อง 300 หรือ Spartacus ยิ่งพอเขาเปิดปากพูดยิ่งทำให้รู้สึกน่าเกรงขามแต่ทำไมพูดคุยกันไปได้สักพัก เขากลับทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองกำลังคุยอยู่กับช็อปเปอร์จากวันพีซตอนแปลงร่างเป็นมนุษย์เรนเดียร์อาจเป็นเพราะความอารมณ์ดีของเจ้าตัวล่ะมั้ง

                   “นี่เจ้า พี่คำตักใส่ถ้วยไว้หื้อแล้วเหลือแค่น้องพิมพ์ยกไปได้เลย” 

                   พี่เลี้ยงสาวยื่นถาดสีเงินที่มีชามของหวานอยู่ให้กับชมพูพิมพ์ เธอหันไปมองป้าแล้วก็หันมามองพี่เลี้ยงสาวด้วยสายตาและท่าทีอิดออด 

                   ต้องยกไปจริงๆ ใช่ไหมเนี่ยเธอถอนหายใจแรงแล้วยกถาดของหวานเดินคอตกออกมาจากห้องครัว

                   เมื่อเสียงฝีเท้าของหลานสาวห่างออกไปคนเป็นป้าก็พูดออกมาด้วยความเหนื่อยใจ 

                   เฮ้อ เมื่อไหร่โรคอคติกับผู้ชายของยายพิมพ์จะหายสักทีแม่คำท่านส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ

                   “คำว่าสักวันถ้าน้องพิมพ์ได้เจอคนดี แล้วเปิ้นก่อเป๋นป้อจาย[7] ที่สามารถยะหื้อ[8] น้องพิมพ์ไว้ใจ๋ได้ กำเดียวน้องพิมพ์ก็จะผ่อ[9] มนุษย์ป้อจายเปลี่ยนไปเองล่ะเจ้า” 

                   แสงคำเชื่อว่าความรักจะทำให้สิ่งดีเกิดๆ ขึ้นกับชมพูพิมพ์ได้อย่างแน่นอน เช่นเดียวความรักของผู้เป็นป้าที่ทำให้ชมพูพิมพ์เป็นเด็กดีและมีรอยยิ้มแจ่มใสมากขึ้น มากว่าตอนเธอเพิ่งอายุได้หกขวบเป็นช่วงที่ถูกส่งกลับมาอยู่กับป้าบัวบงกชใหม่ๆ

                   ชมพูพิมพ์ยกถาดขนมหวานเข้าไปในตึกแถวห้องแรก ตอนนี้นายตำรวจร่างใหญ่ไม่ได้อยู่ด้านล่าง แม้เธอจะเรียกเขาหลายต่อหลายครั้งก็ยังไม่มีเสียงขานรับ เธอจึงเดินเข้าไปด้านในและหยุดอยู่ตรงทางขึ้นบันไดร้องเรียกเขาอีกที

                   “คุณค่ะ คุณ คุณนักรบ” 

                   เงียบฉี่...

                   “คุณตำรวจ สารวัตร ป้าบัวกับพี่คำให้ฉันเอาฟักทองแกงบวดมาให้คุณ” 

                   แล้วก็เงียบอีกตามเคย 'ทำอะไรอยู่นะ'

                   “ถ้าอย่างนั้นฉันเอาวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าตู้เย็นนะ” 

                   ชมพูพิมพ์หันหลังกำลังจะเดินไปยังโต๊ะอาหารในครัวของชายหนุ่ม ก็มีเสียงเหมือนคนปาของลงพื้นอย่างแรงทำเอาตกใจสะดุ้งตัวโยนตามมาด้วยเสียงผู้หญิงสะอื้นไห้

                   “รบ คุณบอกให้ริต้ารอ ริต้าก็รอคุณมาตั้งสองปี แล้วนี่อะไรคะ คุณจะให้ริต้ารอไปถึงเมื่อไหร่

                   หญิงสาวตะโกนเสียงดังร้องไห้ตัดพ้อเขาไปด้วย

                   “ริต้าฟังผมก่อนนะ ผมเพิ่งถูกย้ายมาที่นี่ คุณจะให้ผมขอผู้ใหญ่ย้ายกลับกรุงเทพฯได้ยังไง

                   “ไม่ ริต้าไม่ฟัง คุณก็พูดแบบนี้ตลอด คุณชอบบอกว่าริต้าไม่เข้าใจงานของคุณ แล้วคุณจะให้ริต้ารอไปถึงเมื่อไหร่ ริต้าอยากแต่งงาน อยากสร้างครอบครัว ริต้าอยากมีลูก

                   “ริต้ารอคุณแล้วคุณให้อะไรริต้าได้บ้าง คุณพ่อคุณแม่ก็คอยถามริต้าตลอดว่าเมื่อไหร่คุณจะให้คุณพ่อคุณแม่มาสู่ขอริต้ากับท่าน คุณสนุกอยู่กับงานแล้วคุณเคยสนใจริต้าบ้างไหม

                   “คุณบอกว่ารักริต้า แต่คุณไม่เคยเห็นความสำคัญของริต้าเลย ถ้าคุณรักริต้าจริงทำไมไม่ลาออก คุณจะลงทุนทำธุรกิจหรือหาอาชีพอื่นทำก็ได้ ทางบ้านคุณเองก็มีฐานะ หรือคุณจะดูแลธุรกิจของที่บ้านของริต้าก็ได้ ริต้าเป็นลูกสาวคนเดียวยังไงเสียทรัพย์สมบัติของคุณพ่อคุณแม่ทั้งหมดก็ต้องตกเป็นของริต้าอยู่ดี

                   “ตลอดสามปีที่คบกันมาคุณผิดนัดริต้าทุกครั้ง และริต้าเองที่ต้องเป็นฝ่ายวิ่งตามคุณ คุณบอกว่าคุณรัก คุณแคร์ริต้า แต่ดูสิ่งที่คุณทำสิคะรบ คุณให้อะไรริต้าได้บ้าง คุณเห็นริต้าเป็นอะไร ริต้าเป็นผู้หญิงที่คุณเรียกเมื่อไหร่ก็ต้องมาเหรอคะ หรือริต้าเป็นได้แค่ที่ระบายความใคร่ของคุณ คุณบอกริต้ามาสิ หรือไม่คุณก็ช่วยพูดอะไรก็ได้ที่จะทำให้ริต้ารู้สึกดีและมั่นใจในตัวคุณ อยากมีอนาคตร่วมกับคุณต่อไป

                   หญิงสาวตะเบ็งเสียงพรั่งพรูความรู้สึกที่อัดแน่นและเก็บมันไว้ในใจมานานออกมาผ่านน้ำเสียงสั่นเครือสะอึกสะอื้น เธอกำลังรอคำตอบจากชายหนุ่มบอกว่าเธอคือคนรักคือผู้หญิงของเขา แต่เขากลับเงียบและไม่มีคำอธิบายใดออกมาจากปากสักคำเดียว แม้เวลาจะผ่านไปครู่หนึ่งแล้ว ทั้งสองยังปราศจากคำพูด มีเพียงเสียงสะอื้นของหญิงสาวเท่านั้นที่ทำลายความเงียบ

                   “รีบโกยสิพิมพ์ จะมายืนทื่อเกาะราวบันไดเผือกเรื่องในครอบครัวเขาทำพระแสงอะไร” 

                   ชมพูพิมพ์บอกกับตัวเองก่อนจะเดินไปที่ครัววางถาดของหวานลงแล้วรีบเดินออกมา

                   “ริต้าฟังผมก่อน

                   “ไม่ ริต้าไม่ฟัง” 

                   หญิงสาววิ่งลงจากบันไดในขณะที่ชายหนุ่มพยายามยื้อยุดแฟนสาวเอาไว้ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ยไม่เรียบร้อย เห็นแล้วก็พอจะเดาออกว่าคนทั้งคู่คงเพิ่งผ่านสมรภูมิรบมาอย่าง... คิดเอาเองก็แล้วกัน

                   ชมพูพิมพ์ยกมือขึ้นเขกหัวตัวเองหนึ่งทีทำไมเธอต้องเดินออกมาผิดจังหวะประจันหน้ากับคนรักของสารวัตรหนุ่มเข้าอย่างจัง เรียกว่ายืนห่างกันไม่ถึงสองคืบ คนรักของเขาหันมามองสบตากับเธอก่อนจะเบือนหน้าหนียกมือขึ้นปาดน้ำตา

                   “เอ่อ มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิดนะ คือป้าของฉัน..” 

                   ชมพูพิมพ์พยายามจะอธิบายยกมือขึ้นชี้นิ้วไปที่ห้องครัวแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว

                   “เพราะแบบนี้ใช่ไหมค่ะรบ ริต้าเข้าใจแล้วที่คุณไม่ตกลงแต่งงานกับริต้าสักทีไม่ใช่เพราะคุณสนุกอยู่กับงานอย่างเดียว แต่คุณยังสนุกกับการใช้ชีวิตหนุ่มโสด สำหรับคุณริต้าก็เป็นแค่ของตาย ริต้าน่าจะเชื่อคำพูดคุณตาคุณยายตั้งแต่แรก ท่านเตือนว่ารถไฟเรือเมล์ลิเกตำรวจเชื่อไม่ได้ ลาก่อนค่ะรบ ริต้าทนรบไม่ไหวแล้วจริงๆ ขอให้คุณโชคดีและมีความสุขกับชีวิตหนุ่มโสดของคุณต่อไปนะคะ” 

                   หญิงสาวสะบัดมือของอดีตแฟนหนุ่มออกจากข้อมือตัวเองอย่างแรงก่อนวิ่งไปยังรถยนต์หรูราคาแพงของตนที่จอดอยู่แล้วขับออกไปด้วยความเร็วสูง

                   สารวัตรนักรบยังยืนนิ่งอยู่กับที่ในอิริยาบถเดิมตั้งแต่คนรักของเขาออกไป เขาคงกำลังช็อกจนทำอะไรไม่ถูก

                   “เอ่อ... คือป้าฉันให้เอาฟักทองแกงบวดมาให้คุณ ฉันเรียกแล้วแต่คุณไม่ขานตอบก็เลยถือวิสาสะยกเอาเข้าไปไว้ในครัวก่อน ขอโทษนะ คุณไม่รีบตามเธอไปจะดีเหรอคะ” 

                   ชมพูพิมพ์เอ่ยออกมาเพื่อทำลายความเงียบ ขณะที่เขาย่อตัวนั่งลงบนบันไดขั้นล่างสุดยกมือทั้งสองขึ้นมาลูบใบหน้าอย่างคนหมดอาลัยตายอยากแล้วลุกขึ้นยืนสีหน้ากลับเป็นปกติราวกับไม่มีเรื่องราวใดๆ เกิดก่อนหน้านั้น แถมยังเปล่งคำพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยออกมาที่เธอได้ฟังแล้วรู้สึกเจ็บจี๊ดแทนสาวสวยคนเมื่อกี้

                   “คุณไม่ผิดหรอก ไม่ต้องขอโทษก็ได้ ยังไงซะสักวันผมกับริต้าก็คงต้องจบกันแบบนี้อยู่ดี มันแค่เร็วกว่าที่ผมคิดเอาไว้ก็เท่านั้นเองชายหนุ่มเดินผ่านเธอเข้าไปยังครัวด้านหลัง 

                   ป้าของคุณแบ่งของหวานมาเยอะเลยนี่ คุณจะกินเป็นเพื่อนผมหน่อยไหม

                   “ไม่ล่ะ ที่บ้านฉันยังมีเหลืออีกเยอะ คุณทานเถอะ ถ้าเหลือก็เก็บใส่ตู้เย็น หรือจะเททิ้งก็ไม่เป็นไรเธอบอกกับเขาก่อนรีบเดินออกมาจากห้องเช่า

                   “คิดว่าสักวันก็ต้องจบกันอยู่ดี ทำไมไม่บอกเลิกผู้หญิงไปซะ ยื้อคบกับมาตั้งนานให้ผู้หญิงมีความหวัง ทั้งที่ตัวเองไม่ได้จริงจังคิดจะตบแต่งด้วยสักนิด ใช้ไม่ได้ ฉันล่ะอยากให้ผู้หญิงคนนั้นมาได้ยินที่คุณพูดถึงเธอเมื่อตะกี้จริงๆ เลย จะได้ตัดใจเลิกเสียใจร้องไห้ฟูมฟายให้ผู้ชายอย่างคุณ ที่ยังยื้อคบอยู่คงหวังใช้เป็นที่ระบายความใคร่อย่างที่ผู้หญิงคนนั้นพูดสินะ ไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาด่า ถ้าไม่ติดว่ามาเช่าบ้านฉันอยู่แล้วจ่ายค่าเช่าล่วงหน้าทีเดียวหกเดือน ผู้ชายแบบนี้แม่จะไล่ตะเพิดไปให้ไกลๆ เลย

                   ชมพูพิมพ์รู้สึกโกรธแทนผู้หญิงทุกคนบนโลกที่ต้องเจ็บปวดเพราะผู้ชายนิสัยแย่ๆ เห็นผู้หญิงเป็นของเล่น เพราะพวกผู้ชายคิดว่าบนโลกนี้มีผู้หญิงเยอะกว่าผู้ชายหรืออย่างไรถึงได้รักเผื่อเลือก สำรองตัวเลือกเอาไว้มากมาย เดี๋ยวรักเดี๋ยวทิ้งเดี๋ยวเปลี่ยนผู้หญิงเป็นเครื่องประดับรายวันอย่างไรก็ได้โดยไม่นึกถึงจิตใจของผู้หญิง 

                   ไอ้พวกไม่เห็นคุณค่าเพศแม่ มันน่านัก

                   “จะไล่ตะเพิดใครกันพิมพ์” ป้าบัวถามหลานสาวเมื่อเธอได้ยินเสียงย่างก้าวของเธอเข้ามาในห้องครัว 

                   ชมพูพิมพ์ย่นหัวคิ้วสงสัยว่าเสียงฮึดฮัดพึมพำกับตัวเองของเธอคงไม่เบาเสียแล้ว

                   “ก็อีตาบึกบึ้มนะสิคะ พี่คำกับป้าบัวคงได้ยินใช่ไหมคะ เสียงผู้หญิงเมื่อตะกี้

                   “ได้ยินกั๋นหมดเจ้า เสียงดังขนาด วันพูก ท่าจะฮู้[10] กั๋นตึง[11] หมู่บ้าน

                   “ช่างเขาเถอะพิมพ์ มันเป็นเรื่องส่วนตัวของคนสองคน” 

                   ชมพูพิมพ์ถอนหายใจระบายอารมณ์หงุดหงิดแล้วยิ้มให้ป้าบัวกับพี่คำ

                   ยังไม่ทันได้พูดคุยกันต่อก็มีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของเธอ เมื่อหยิบขึ้นมาดูก็พบว่าเป็นสายเรียกเข้าจากโยธกา

                   “สวัสดีค่ะพี่โย มาถึงเชียงของแล้วเหรอค่ะ

                   [ถึงแล้วจ้าน้องพิมพ์ ไม่เกินยี่สิบนาทีก็น่าจะถึงโรงแรมแล้ว]

                   “พี่โยเช็คอินได้เลยนะคะ เมื่อเช้าพิมพ์โทรไปย้ำกับพี่งามไว้แล้วให้คอยอำนวยความสะดวกอย่างดีที่สุด อีกสักพักหลังจากลูกค้าเข้าห้องพักแล้วพิมพ์จะไปหาที่โยที่โรงแรมนะคะ

                   [จ้า น้องพิมพ์ไปรอพี่ที่สวนริมน้ำของโรงแรมก็ได้นะจ๊ะ พี่จัดการเรื่องห้องกับส่งลูกค้าเข้าห้องพักเรียบร้อยแล้วขออาบน้ำอาบท่าก่อนสักหน่อยค่อยออกไปเจอน้องพิมพ์นะ จะได้เคลียร์เรื่องเงินค่าทัวร์กันด้วย เตรียมใบเสร็จรับเงินไว้ให้พี่ด้วยนะจ๊ะ ห้ามลืมเด็ดขาด]

                   “ไม่ลืมค่ะ พิมพ์เตรียมไว้ให้เรียบร้อยแล้ว เดี๋ยวเจอกันนะคะพี่โย

                   [จ้า]

                   เมื่อลูกค้าสาววางสายไปแล้ว เธอหันมาบอกกับป้าบัวและพี่เลี้ยง

                   เดี๋ยวพิมพ์ออกไปพบลูกค้าก่อนนะคะป้าชมพูพิมพ์ลุกขึ้นยืนเตรียมไปหยิบเอกสารใบเสร็จรับเงินที่บ้าน

                   “จะไปยังไงพิมพ์

                   “เดี๋ยวพิมพ์เดินไปคะ กะว่าพอจัดการธุระที่โรงแรมเสร็จแล้วจะไปหาซื้อเสบียงต่อเลย

                   “ให้แม่คำขี่มอเตอร์ไซค์ไปส่งดีไหมพิมพ์” 

                   ป้าบัวเป็นห่วงหลานแม้ว่าโรงแรมที่ลูกค้าเข้าพักจะอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่แต่แดดตอนกลางวันก็ร้อนใช่ย่อยเดี๋ยวคนตัวเล็กจะไม่สบายเอาได้

                   “นั่นกะเจ้า แดดฮ้อนขนาดเดียวแลงมาเป๋นไข้แล้วจะยุ่งหนาเจ้า หื้อพี่ขับรถเครื่องไปส่งดีกว่านะเจ้า” พี่เลี้ยงสาวรีบออกตัวด้วยความเป็นห่วง

                   “บ่อเป๋นหยังเจ้าพี่คำ ถ้าพี่คำไปส่งพิมพ์แล้วใครจะอยู่เป๋นเพื่อนป้าบัวล่ะเจ้า พิมพ์เดินไปได้ เดียวพิมพ์กางจ้อง[12] ก่อบ่อฮ้อนแล้วเจ้า พอจะไปซื้อของต่อก็ฮ้อง[13] สามล้อที่วิ่งผ่านหน้าโรงแรมเอา สะดวกดีเจ้าชมพูพิมพ์บอกกับผู้อาวุโสทั้งสองคนแล้วรีบลุกขึ้น

                   “พิมพ์ไปก่อนนะคะป้า เย็นๆ จะกลับมาทานข้าวด้วย พิมพ์จะแวะไปซื้อของที่โลตัส ให้พิมพ์ซื้อน้ำตาลทรายมาเลยดีไหมคะ พรุ่งนี้จะได้ใช้ทำขนม

                   “ไม่ต้องหรอกเดี๋ยวป้าให้แม่คำซื้อที่บ้านเฮียชูเอาก็ได้ หนูจะได้ไม่ต้องถือข้าวของพะรุงพะรัง รีบไปเถอะลูก ถ้าไปถึงช้าให้ลูกค้ารอเรานานๆ มันจะดูไม่ดี

                   “ค่ะ พิมพ์ไปก่อนนะคะ” 

                   ชมพูพิมพ์หันหลังเดินออกมาจากบ้านไม้ทรงไทยสไตล์ล้านนาของป้าบัวตรงไปเอาแฟ้มเอกสารที่เตรียมไว้เรียบร้อยในบ้านของตัวเองก่อนตรวจดูความเรียบร้อยของเสื้อผ้าหน้าผมแล้วเดินกางร่มออกไปยังโรงแรมที่ลูกค้าเข้าพัก

                   เมื่อเดินมาถึงโรงแรม เธอตรงเข้าไปสอบถามกับพี่งามรีเซฟชั่นประจำเคาน์เตอร์ถึงความเรียบร้อยในการเช็คอินเข้าห้องพักของลูกค้าว่าราบรื่นดีหรือไม่แล้วเดินลัดเลาะไปยังสวนสวยริมน้ำของโรงแรมที่ร่มรื่นและมีสายลมเย็นสบายในเวลาแดดร่มลมตกยามบ่ายสามโมงกว่าๆ พัดมา

                   ชมพูพิมพ์นั่งลงบนเก้าอี้ใต้ต้นปาล์มต้นใหญ่ที่ปลูกไว้ให้ร่มเงาข้างทางเดินตัวหนอนริมแม่น้ำโขงก่อนกางแขนสูดลมหายใจลึกๆ เอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอด แม้อากาศจะร้อน แต่สถานที่ที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำอากาศก็มักจะเย็นกว่าพื้นที่อื่นเสมอเพราะสายลมได้พัดพาเอาความเย็นจากสายน้ำมาด้วยทำให้อุณหภูมิในบริเวณโดยรอบเย็นลง

                   เสียงร้องดังจิ๊บๆ ของนกตัวน้อยหลายตัวไม่มีท่าทีว่าจะหยุดร้อง ซ้ำยังส่งเสียงร้องเหมือนกำลังตื่นตกใจกลัวทำให้ชมพูพิมพ์พยายามมองหาต้นตอของเสียง

                   “ดังมาจากไหนนะเธอลุกขึ้นยืนมองซ้ายมองขวาพยายามเงี่ยหูฟัง

                   รังสฤษฏ์กำลังนั่งทำงานตรวจสอบและศึกษาแบบแปลนของโรงแรมทั้งสองแห่งอยู่ที่โต๊ะไม้ไผ่ในสวนริมน้ำของโรงแรมแห่งนี้ เขาชอบหลบมุมมานั่งทำงานที่นี่เพราะเงียบสงบ และมีลมพัดเย็นสบายตลอดทั้งวันทำให้เขารู้สึกสมองปลอดโปร่ง มีสมาธิ สามารถคิดไอเดียใหม่ๆ ต่อยอดงานออกแบบได้ง่ายขึ้น

                   “อยู่ไหนนะ จิ๊บๆ” 

                   เสียงใสของหญิงสาวคนหนึ่งทำให้เขาเงยหน้าจากกองเอกสาร เขาเห็นผู้หญิงตัวเล็กในชุดเดรสลูกไม้แขนกุดสีขาวเข้ารูปยาวเหนือเข่าเล็กน้อย ผมยาวดำขลับเงางามสยายเป็นลอนสวยกำลังก้มๆ เงยๆ เดินเป็นวงกลมอยู่รอบต้นปาล์มต้นใหญ่ริมทางเดินตัวหนอน

                   “จิ๊บๆ จิ๊บๆ อยู่ไหนเอ่ย จิ๊บๆ ออกมาเร็วๆ จิ๊บๆ” 

                   เสียงร้องเรียกสัตว์ตัวน้อยของเธอยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่พบกับสิ่งที่กำลังมองหา 

                   อยู่ไหนนะ” 

                   ชมพูพิมพ์ยืดตัวยืนตรงหลังจากก้มๆ เงยๆ มาสักพักจนเกิดอาการปวดเมื่อยหลังก่อนสะบัดผมที่เลื่อนมาปรกใบหน้าไปไว้ข้างหลังแล้วพ่นลมหายใจจนปอยผมด้านหน้าปลิวตามแรงลมอย่างเซ็งๆ ที่หาเจ้านกตัวน้อยไม่เจอสักที

                   “คุณพิมพ์ชายหนุ่มเปล่งเสียงออกมาอย่างตื่นเต้นดีใจ

                   เมื่อหญิงสาวยืดตัวขึ้นยืนตรงทำให้รังสฤษฏ์เห็นได้ชัดว่าผู้หญิงตรงหน้าคือคนที่เขารู้จัก เธอคือนางฟ้าแสนใจดีของเขา เขาดีใจมากที่ได้พบเธออีกครั้งก่อนรีบลุกขึ้นรวบรวมจัดเก็บกองเอกสารตรงหน้าให้เรียบร้อยโดยใช้คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ควางทับไว้ป้องกันไม่ให้ลมพัดปลิวหายไปแล้วรีบเดินตรงดิ่งไปตรงที่เธอยืนอยู่

                   “มองหาอะไรอยู่เหรอครับคุณพิมพ์” 

                   คงเป็นเพราะเขาเดินเข้าไปข้างหลังเธอเงียบๆ ทำให้หญิงสาวตกใจสะดุ้งตัวโยน นางฟ้าของเขาช่างขวัญอ่อนเสียจริง เธอหันมาพร้อมท่าทีตื่นๆ เมื่อเห็นว่าเป็นเขาที่ยืนอยู่ข้างหลัง เธอก็ดูคลายอาการตื่นตกใจลง

                   “คุณรัมย์ มาเงียบๆ ฉันตกใจหมดเลย” 

                   ชมพูพิมพ์ถอนหายใจโล่งใจ ใครใช้ให้เขาเข้ามาด้านหลังเงียบๆ เธอตกใจมากเล่นเอาหัวใจแทบวายเพราะกำลังคิดอะไรอยู่เพลินๆ

                   “ขอโทษครับที่ทำให้คุณพิมพ์ตกใจ ว่าแต่คุณพิมพ์หาอะไรอยู่ครับ ผมเห็นคุณพิมพ์ก้มๆ เงยๆ มาได้สักพักแล้ว

                   “คุณได้ยินเสียงลูกนกร้องไหมคะ ฉันว่ามันต้องอยู่แถวๆ นี้แน่ ไม่รู้ว่ารังนกหล่นลงมาจากต้นไม้เพราะลมพัดรึเปล่า

                   ชายหนุ่มเงี่ยหูฟังเสียง จริงด้วยสิครับ ร้องอยู่ใกล้ๆ นี่จริงๆ ด้วย มาครับเดี๋ยวผมช่วยหา” 

                   พูดแล้วเขาก็เงี่ยหูฟังแล้วร้องจิ๊บๆ หาลูกนกตามเธอ

                   “เจอแล้วค่ะคุณรัมย์” 

                   หลังจากเดินหาได้ครู่เดียวชมพูพิมพ์ก็เจอรังนกขนาดเล็กที่มีลูกนกตัวน้อยอยู่ข้างในสามตัวหล่นอยู่ใต้ต้นหางนกยูงใกล้กับต้นปาล์มที่เธอนั่งอยู่

                   หญิงสาวเดินไปใกล้กับรังนกแล้วก้มลงนั่งยองๆ มองมันทำท่าจะจับแต่ก็ไม่กล้าจับ เธอเอื้อมมือออกไปอย่างสั่นๆ ทำท่าจะจับหรือไม่จับดีก่อนจะชักมือกลับอย่างรวดเร็วแล้วกำมือแนบอกไว้แน่น

                   ชายหนุ่มเดินมายืนข้างๆ มองท่าทางของคนใจดี  คุณพิมพ์กลัวเหรอครับและเธอก็พยักหน้าทำหน้าหงอยๆ

                   “ค่ะ ฉันไม่ค่อยถูกชะตากับสัตว์ปีก พวกไก่หรือนกที่มีปากแหลมๆ เวลาโดนจิกมันเจ็บ

                   ก็แน่ล่ะเธอไม่ชอบสัตว์ตระกูลนี้สักเท่าไหร่ จากประสบการณ์ไม่ดีตอนเด็กๆ ทำให้เธอจำฝังใจมาจนถึงทุกวันนี้ ตอนยังเด็กเธอไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเดินผ่านแม่ไก่และลูกๆ ของมันที่กำลังจิกกินข้าวเปลือกอยู่ดีๆ แม่ไก่ก็กระพือปีกไล่จิกไล่ตีเธอ เธอร้องไห้วิ่งหนีเอาตัวรอดไปรอบๆ บ้านปู่กับย่า แต่แม่ไก่สีดำตัวอวบอ้วนก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไล่จิกเธอจนป้าบัวต้องเอาไม้กวาดมาไล่ตีมันออกไปเพื่อช่วยชีวิตหลานสาว เล่นเอาเธอได้แผลรอยจิกบนน่องทั้งสองข้างต้องรักษานานเป็นอาทิตย์เลยทีเดียวกว่าจะหายดี 

                   นี่ยังไม่นับรวมเจ้านกน้อยที่ใครๆ ว่าน่ารักอย่างนกกระจิบกระจอกนั่นอีก สมัยเธอเรียนอยู่มหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ เธอเผลอเปิดประตูระเบียงห้องทิ้งไว้เพียงครู่เดียวเจ้านกตัวน้อยก็บินเข้ามาในห้องนอน บินโฉบไปโฉบมาไม่ยอมบินออกจากห้องไปสักที ทั้งยังทำท่าเหมือนจะบินเข้ามาจิกเธออยู่หลายต่อครั้งหลายครา พอเธอทำทีว่าจะไล่มัน มันก็ล้างแค้นเธอโดยการปล่อยอุนจิเรี่ยราดไปทั่วทั้งห้อง ไม่ว่าจะเป็นบนเตียง โต๊ะหนังสือ หรือแม้แต่ตุ๊กตาตัวโปรดที่ป้าบัวของเธอซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ต้องตามล้างตามเช็ด ส่งซักกันให้วุ่น ถ้าไม่ได้คัทลียาเพื่อนของเธอเล่นบทโหดคว้าไม้ตียุงมาไล่มันออกไปคืนนั้นเธอคงแย่ และต้องให้ชีวิตร่วมกับนกเจ้าปัญหาทั้งคืน แล้วแบบนี้จะไม่เธอทั้งกลัวทั้งขยาดพวกมันได้อย่างไร

                   รังสฤษฏ์มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยแววตาชื่นชม เธอทำหน้าแหยงๆ กล้าๆ กลัวๆ แต่ก็ยังมีแก่ใจอยากจะช่วยสัตว์โลกตัวน้อย เธอช่างดูน่ารักมากในสายตาของเขา

                   “คุณรัมย์ คุณไม่กลัวมันใช่ไหมเธอถามเขาตาแป๋ว

                   “ครับผมไม่กลัวนกชายหนุ่มยิ้มและตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน

                   “ถ้าอย่างนั้น คุณช่วยเจ้าสามตัวนี้หน่อยได้ไหมค่ะ”  

                   “ด้วยความเต็มใจครับเห็นคนน่ารักทำหน้าตาน่าสงสารขอความช่วยเหลือแบบนี้ ไม่ว่าใครก็คงปฏิเสธไม่ลง                

                   ผมว่ารังนกน่าจะหล่นลงมาจากต้นหางนกยูงนี่ล่ะครับ ไม่รู้ว่ากิ่งไหนเพราะถ้าเอาขึ้นไปวางไว้ผิดที่แม่นกคงคิดว่าไม่ใช่ลูกของมัน” 

                   เขาเงยหน้าขึ้นไปมองกิ่งก้านสาขาของต้นหางนกยูง อย่างน้อยถ้ารังนกตกลงมาจากตรงนั้น ก็น่าจะมีเศษใบไม้หรือเศษหญ้าที่ใช้ทำรังติดอยู่

                   “ตรงโน้นไงคะ มีเศษหญ้าอยู่ น่าจะใช่ที่อยู่เดิมของมันนะคะ  รังนกน่าจะร่วงลงมาจากตรงนั้น”  ชมพูพิมพ์ชี้ขึ้นไปบนกิ่งไม้ด้านบน 

                   แต่ว่าสูงจัง จะปีนขึ้นไปยังไง” สีหน้าและน้ำเสียงของเธอเป็นกังวล ความสูงขนาดนั้นการจะปีนขึ้นไปไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

                   “เดี๋ยวผมจัดการเองครับเธอทำตาโตตกใจ 

                   ไม่ต้องห่วงครับคุณพิมพ์ ผมเป็นผู้ชายพอจะมีวิชาปีนป่ายและความซุกซนติดตัวมาบ้างตั้งแต่เด็ก ตอนเล็กๆ ผมปีนต้นไม้บ่อยครับ ความสูงแค่นี้สบายมาก” 

                   พูดแล้วรังสฤษฏ์ก็ถอดรองเท้า พับขากางเกงขึ้นเล็กน้อยก่อนใช้มือข้างซ้ายประคองรังนกน้อยไว้ในอุ้งมืออย่างระมัดระวัง มือขวาก็โอบกอดลำต้นขยับปีนต้นไม้ขึ้นไปเรื่อยๆ เป้าหมายคือกิ่งก้านสาขาใหญ่ด้านบน

                   “ระวังด้วยนะคะคุณรัมย์” 

                   เสียงตะโกนบอกด้วยความเป็นห่วง เธอรู้สึกหวาดเสียวแทนเขาจริงๆ

                   รังสฤษฏ์ค่อยๆ ไต่ความสูงขึ้นไปอย่างช้าๆ ที่ละนิดจนถึงเป้าหมาย เขาวางรังเจ้านกน้อยไว้ที่เดิมของมันอย่างเบามือ 

                   โชคดีนะเจ้านกน้อย อย่าดิ้นแรงจนล่วงหล่นลงไปอีกล่ะ ถ้าหล่นลงไปอีกไม่รู้ว่าคราวหน้าจะมีคนใจดีผ่านมาคอยช่วยพวกแกอีกรึเปล่า” 

                   พูดแล้วก็ก้มลงไปมองคนข้างล่างที่ส่งยิ้มมาให้อย่างดีใจ ‘ภารกิจสำเร็จแล้วรัมย์

                   “คุณรัมย์ระวังนะคะ” 

                   ชมพูพิมพ์ร้องบอกชายหนุ่มที่กำลังค่อยๆ ปีนกลับลงมา 

                   เมื่อความสูงระหว่างกิ่งไม้ใหญ่กับพื้นดินห่างกันเพียงนิดเดียว ชายหนุ่มก็ตัดสินใจกระโดดลงจากต้นไม้ 

                   คุณรัมย์!ชมพูพิมพ์ตกใจจนหลุดเสียงหวีดร้องออกมา

                   “คุณรัมย์ คุณเป็นอะไรมากรึเปล่า” 

                   รังสฤษฏ์หน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดเพราะเห็นว่าความสูงที่อยู่ห่างจากพื้นดินไม่มาก เขาเลยกะระยะปลอดภัยกระโดดลงจากต้นไม้ แต่เมื่อเท้าลงแตะพื้นปรากฏว่าเศษใบไม้แห้งกรอบที่กองทับถมกันอยู่ทำให้เขาเสียหลักลื่นล้มก้นจ้ำเบ้าจุกเสียดไปหมด

                   “เอ่อ...ไม่เป็นไรมากครับคุณพิมพ์ ผมแค่...จุก” 

                   ชมพูพิมพ์พยุงเขาให้ลุกขึ้นยืนก่อนปัดเศษใบไม้เศษดินออกจากกางเกงของเขา

                   “มือคุณถลอกค่ะ เดี๋ยวนะ” เธอหยิบผ้าเช็ดหน้าผืนน้อยจากกระเป๋าสะพายใบเล็กมาปัดเศษดินออกจากแผลของเขาอย่างเบามือ 

                   เจอกันทีไรคุณก็ได้แผลเพราะฉันทุกทีเลย” เมื่อเห็นว่าเศษดินออกหมดแล้ว แผลถลอกของเขาก็มีเลือดซึมออกมา 

                   คุณควรจะรีบไปทำ...” 

                   ชมพูพิมพ์เงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าชายหนุ่มกำลังมองเธออยู่นัยน์ตาหวานซึ้งสื่อความหมายบางอย่าง เธอเผลอสบตากับเขา ใบหน้าของเธอเริ่มร้อนผ่าวใบหน้าของเขาเองก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่อลามไปถึงใบหูเช่นเดียวกันกับเธอ

                   “น้องพิมพ์” 

                   ดีที่สียงระฆังช่วยชีวิตดังขึ้น ไม่อย่างนั้นชมพูพิมพ์คงได้ละลายหายกลายเป็นอากาศธาตุแน่ เธอวางผ้าเช็ดหน้าบนมือเขาก่อนรีบปล่อยมือแล้วหันไปยังที่มาเสียง

                   “คะพี่โย พิมพ์จะไปเดี๋ยวนี้ล่ะค่ะ” 

                   เธอขานรับลูกค้าสาว และก็เห็นว่าฝ่ายนั้นพยักหน้าแล้วเดินไปนั่งรอที่โต๊ะไม้ไผ่ริมทางเดินตัวหนอนไม่ไกลนัก  

                   “ฉันขอตัวก่อนนะคะ เอ่อ...คุณน่าจะรีบเข้าไปล้างแผลนะ” 

                   พูดแล้วเธอก็เดินก้มหน้าไปหยิบแฟ้มเอกสารกับร่มที่วางอยู่บนเก้าอี้ใต้ต้นปาล์ม

                   “คุณพิมพ์ครับหญิงสาวหันมาตามเสียงเรียก 

                   ถ้าคุณพิมพ์คุยธุระเสร็จแล้ว ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหมครับ” 

                   เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้าเป็นการตอบรับ 

                   ก็ได้ค่ะ แต่คุณควรจะเข้าไปล้างแผลใส่ยาก่อนนะคะ ถ้าคุณทำแผลเสร็จก่อนฉันคุยธุระเสร็จก็มานั่งรอตรงนี้ หรือถ้าฉันเสร็จธุระก่อนคุณฉันก็จะมานั่งรอคุณตรงนี้ค่ะพูดแล้วเธอก็เดินไปหาโยธกาทันที

                   “แฟนเหรอคะน้องพิมพ์ประโยชน์ทักทายของลูกค้าสาวทำเอาเธอสะดุ้ง

                   “ไม่ใช่หรอกค่ะ คนรู้จักน่ะค่ะพอเธอตอบออกไปแบบนั้นพี่โยก็ทำหน้าราวกับว่าเสียดาย

                   “เสียดายนะคะ พี่นึกว่าแฟนน้องพิมพ์ซะอีก ดูน่ารักดี หนุ่มๆ เดี๋ยวนี้หายากนะคะ ถ้าหน้าตาถูกใจนิสัยไปวัดไปวาได้ก็อย่าปล่อยให้หลุดมือเชียวนะ” 

                   ชมพูพิมพ์อมยิ้มกับคำพูดของลูกค้าสาวในขณะที่โยธกาหันไปมองชายหนุ่มแล้วโบกไม้โบกมือให้ ทางนั้นเองก็ส่งไมตรีตอบกลับด้วยการค้อมหัวให้พร้อมรอยยิ้มชนิดที่ว่าทำเอาใจละลายกันเลยทีเดียว

                   “รู้สึกคนนี้จะมีเจ้าของแล้วนะคะพี่โย

                   “ว้าเสียดายจัง ไม่ทันชะนีอื่นชมพูพิมพ์หัวเราะเบาๆ ก่อนอีกฝ่ายจะหัวเราะตามเสียงดัง

                   หลังจากที่ชมพูพิมพ์พูดคุยกับโยธกาและจัดการเคลียร์ธุระของเธอเสร็จเรียบร้อยแล้วก็พบว่าท้องฟ้าเริ่มครึ้มมีแสงสีทองพาดผ่านก้อนเมฆรูปร่างสวยงามตรงเส้นขอบฟ้า

                   ชมพูพิมพ์เดินไปยังเก้าอี้ที่เขานั่งรอเธออยู่ก่อนหน้าและนั่งลงข้างๆ ชายหนุ่ม 

                   ฉันคุยธุระเสร็จแล้วค่ะ คุณรัมย์มีเรื่องอะไรอยากคุยกับฉันเหรอคะ” เธอหันมองคนข้างๆ ที่กำลังมองตรงไปยังสายน้ำเบื้องหน้า

                   รังสฤษฏ์หันมายิ้มให้เธอ แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาก่อนจะหันไปมองสายน้ำไหลเอื่อยผ่านไปอีกครั้งด้วยแววตาที่หม่นแสงลงเหมือนคนกำลังมีทุกข์หนักในใจ

                   “ถ้าคุณมีอะไรไม่สบายใจ อยากระบายก็เล่าให้ฉันฟังก็ได้นะคะ ฉันไม่ใช่คนปากมาก และถ้าคุณคิดว่าสามารถเปิดใจกับคนแปลกหน้าที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน ฉันก็ยินดีเป็นที่ปรึกษาให้คุณค่ะ” 

                   ชมพูพิมพ์ละสายตาจากเขาแล้วมองไปยังลำน้ำกว้างตรงหน้าเช่นกัน  

                   ชายหนุ่มหันมองเธอครู่หนึ่ง แต่เขาก็ยังไม่ได้เอ่ยปากพูดอะไร เขาพูดไม่ออก ถ้าเขาเล่ามันออกไปเธอจะรู้สึกสมเพชเขารึเปล่า หากจะให้เดาเธอคงรู้สึกสงสารเขามากกว่า เขาไม่อยากให้เธอรู้สึกแบบนั้น

                   “ถ้าให้ฉันเดา คุณคงมีปัญหากับคนรัก ใช่ไหมค่ะ

                   “ครับเขาตอบเสียงแผ่วเบา “ตอนนี้คงต้องเรียกว่าอดีตคนรัก เธอเคยเป็นคู่หมั้นของผม” 

                   รังสฤษฏ์หันมาสบตากับหญิงสาวที่กำลังตั้งใจฟังเรื่องของเขาอยู่

                   ชมพูพิมพ์มองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น และเธอก็เห็นได้ชัดว่ามันเต็มไปด้วยความรวดร้าวราวกับลูกกวางตัวน้อยที่ถูกนายพรานทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส 

                   “ขอโทษนะคะที่ต้องถามว่าเป็นเพราะอะไร ทั้งที่... เมื่ออาทิตย์ที่แล้วฉันยังเห็นว่าความสัมพันธ์ของคุณสองคนยังดีอยู่เลย” 

                   ชมพูพิมพ์คิดว่ามันน่าแปลกใจที่ชายหนุ่มหญิงสาวท่าทางออกจะรักใคร่กันมากปานนั้น ทำไมพวกเขาถึงได้จบความสัมพันธ์กันรวดเร็วแบบนี้ และเธอก็ได้เห็นชายหนุ่มแสดงท่าทางงุนงง 

                   เอ่อ... คือวันเสาร์ที่แล้วฉันมาจองห้องพักให้ลูกค้าน่ะค่ะ และก็เห็นคุณกับคนรักของคุณที่ชุดรับแขกด้านหน้าล็อบบี้โดยบังเอิญ

                   รังสฤษฏ์คลายความสงสัยลง เธอคงเข้าใจผิดคิดว่ารมย์นลินน้องสาวเป็นคนรักของเขา 

                   ผู้หญิงที่คุณพิมพ์เห็นอยู่กับผมตรงล็อบบี้วันนั้นเธอเป็นน้องสาวของผมเองครับ ชื่อ ‘รมย์นลิน’ หรือ ‘น้ำริน’ วันนั้นคุณพ่อคุณแม่ให้เลขาคนสนิทของพี่ชายขับรถยนต์ของผมมาให้ใช้ขับไปไหนมาไหนในเชียงของ หนูรินเลยขอตามมาหาผมด้วย” 

                   ชมพูพิมพ์รู้สึกว่าตัวเองหน้าแตกหมอไม่รับเย็บเพราะความเข้าใจผิดคิดเองเออเองของตนเอง

                   “เอ่อ...ฉันขอโทษนะคะที่เข้าใจผิด เอาเป็นว่าถ้าคุณอยากจะเล่าเรื่องที่ทำให้คุณไม่สบายใจ และอยากระบายมันก็พูดมันออกมาเถอะค่ะ ฉันยินดีรับฟังและจะพยายามเป็นที่ปรึกษาที่ดีถ้าคุณไม่รังเกียจ เพื่อเป็นการตอบแทนที่คุณช่วยฉันเรื่องลูกนกวันนี้

                   ชายหนุ่มถอนหายใจแรงก่อนส่ายหน้า 

                   ช่างมันเถอะครับ มันเป็นอดีตไปแล้ว ผมจะโยนความรู้สึกไม่ดีนี้ทิ้งไปให้ได้” 

                        เขาส่งยิ้มขอบคุณเธอแล้วหันไปมองบรรยากาศรอบตัวพร้อมกับหยิบเอาก้อนหินเล็กๆ บนพื้นดินขึ้นมาก่อนจะเขวี้ยงมันลงไปยังแม่น้ำตรงหน้าแล้วสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ 

                        เขาขว้างหินออกไปแล้ว ความทุกข์ในใจเขา เขาจะทิ้งมันไปพร้อมกับหินก้อนนั้น ต่อจากนี้เขาจะเริ่มต้นใหม่ 

                   รังสฤษฏ์หันมองและส่งรอยยิ้มอบอุ่นให้กับผู้หญิงแสนดีที่นั่งอยู่ข้างเขา แม้เขาจะรู้จักเธอได้ไม่นาน แต่เขาก็มั่นใจว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ดีมากอย่างแน่นอน 

                        ฟ้าเริ่มมืดแล้ว คุณพิมพ์มาที่โรงแรมยังไงครับ เขาถามอย่างห่วงในสวัสดิภาพความปลอดภัยของหญิงสาว

                   “ฉันเดินมาน่ะค่ะ ที่นี่อยู่ไม่ไกลจากบ้านของฉันประมาณหกร้อยเมตร

                   “ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดแล้วนะครับ ผู้หญิงเดินกลับบ้านตัวคนเดียวมันอันตรายให้ผมขับรถไปส่งคุณที่บ้านดีกว่านะครับ” 

                   รังสฤษฏ์ลุกขึ้นยืนหยิบเอากุญแจรถและมือถือที่วางไว้บนเก้าอี้ใส่กระเป๋ากางเกงเตรียมไปส่งเธอที่บ้าน

                   “เอ่อ... แต่ว่าฉันยังไม่กลับบ้านค่ะ ฉันต้องไปซื้อของก่อน เดี๋ยวฉันเรียกรถสามล้อเครื่องหน้าโรงแรมไปได้คะ คุณกลับเข้าไปพักผ่อนข้างในเถอะนะคะ ฉันเองก็จะรีบไปทำธุระต่อเหมือนกัน โชคดีนะคะ” 

                   ชมพูพิมพ์ลุกขึ้นยืนหันหลังเตรียมจะเดินจากไป แต่ทว่าเขากลับคว้าข้อมือของเธอเอาไว้

                   “คุณพิมพ์จะไปซื้อของที่ไหนครับ ให้ผมไปส่งเถอะ ผู้หญิงไปไหนมาไหนคนเดียวค่ำมืดดึกดื่นมันอันตราย ที่ไหนก็เหมือนกันใช่ว่าเมืองเล็กๆ จะไม่มีคนไม่ดีอยู่นะครับ ถ้าเกรงใจกันก็ถือซะว่าผมอยากตอบแทนที่คุณพิมพ์ช่วยผมไว้คราวก่อน ตอนนี้ผมมีรถส่วนตัวให้ผมขับไปส่งนะครับ หรือว่าคุณพิมพ์ไม่ไว้ใจผม

                   “เอ่อ...คือ...”  ชมพูพิมพ์มองสบตาเขาด้วยความลังเล

                   “ผมเข้าใจครับ ถ้าคุณพิมพ์จะไม่ไว้ใจผม เพราะเราเพิ่งเคยเจอหน้ากันได้ไม่กี่ครั้ง แต่ผมอยากให้คุณพิมพ์มองผมให้ดีๆ ว่าผมเป็นคนยังไง และควรไว้ใจได้ไหม” 

                   ชมพูพิมพ์รู้สึกเหมือนเขาพูดตัดพ้อเธอกลายๆ หรือว่าเธอจะคิดไปเองก่อนชั่งใจว่าจะรับไมตรีของเขาดีหรือไม่ด้วยท่าทีละล้าละลัง

                   “ก็ได้คะ รบกวนคุณไปส่งฉันด้วยนะคะ”  เธอตอบตกลงกับเขาไปหลังจากที่คิดอยู่นาน และฝ่ายชายก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจแล้วเดินนำเธอไปยังรถยนต์ของเขา

                   “ว่าแต่คุณพิมพ์จะไปซื้อของที่ไหนครับ

                   “ที่โลตัสคะ พรุ่งนี้ฉันต้องออกทัวร์แต่ข้าวของที่จะเตรียมไปด้วยยังไม่ครบเลยต้องไปหาซื้อเพิ่มเติม

                   “คุณพิมพ์ทำทัวร์เหรอครับรังสฤษฏ์ถามเธอขณะเปิดประตูรถเก๋งสัญชาติญี่ปุ่นสีขาวรุ่นซีตัวท็อปคันหรูราคาไม่ต่ำกว่าหลักล้านบาทด้านข้างคนขับให้เธอนั่ง

                   “ค่ะ ฉันทำทัวร์ เปิดบริษัทนำเที่ยวเล็กๆ น่ะค่ะ” เธอตอบเมื่อเขาเข้ามานั่งประจำตำแหน่งคนขับแล้วขณะที่เขายิ้มตอบก่อนกดปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์จู่ๆ ก็เหมือนจะคิดได้ว่าลืมอะไรบางอย่าง

                   รังสฤษฏ์หันมายิ้มให้เธอแล้วขยับมาใกล้จนเธอนั่งตัวลีบติดเบาะ นึกว่าตัวเองจะจมหายไปกับเบาะหนังนุ่มๆ ของรถคันนี้เสียแล้ว 

                   ขอโทษนะครับเขาเอื้อมไปคว้าเอาเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้เธอก่อนจะหันกลับไปคาดให้ตัวเองเช่นกัน 

                   ชมพูพิมพ์อยากจะกรีดร้องกับเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้น เวลาเธอดูละครพอมีฉากที่พระเอกคาดเข็มขัดนิรภัยให้นางเอก เธอรู้สึกว่านางเอกต้องกำลังอ่อยเหยื่อพระเอกอยู่แน่ๆ ถึงได้ทำเป็นลืมไม่คาดเข็มขัดนิรภัยด้วยตนเองจนต้องให้พระเอกทำตัวเป็นสุภาพบุรุษคาดให้ แต่พอเกิดเหตุการณ์กับตัวเองเธอสาบานได้ว่าไม่ได้ตั้งใจอ่อยเขา หรืออยากให้เขาทำอะไรแบบนี้ให้จริงๆ ก็มันเป็นความเคยชินของคนที่ไม่มีรถยนต์เป็นของตัวเองนี่น่า ปกติเธอนั่งรถบริการสาธารณะหรือไม่ก็รถรับจ้าง นานๆ ครั้งถึงจะได้ไปที่ไหนไกลๆ สักที เพราะความไม่คุ้นชินกับการขับรถหรือนั่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถของใคร การที่ลืมคาดเข็มขัดนิรภัยจึงไม่ใช่เรื่องแปลก

                   “แล้วพรุ่งนี้คุณพิมพ์ออกทัวร์ไปที่ไหนเหรอครับ” เสียงของเขาทำลายความเงียบหลังจากที่รถวิ่งออกจากโรงแรมมาได้สักพัก

                   “พรุ่งนี้ฉันไปจีนคะ ไปสิบสองปันนา” 

                   รังสฤษฏ์เห็นเธอตอบเขาด้วยน้ำเสียง และท่าทางประหม่าคงเป็นเพราะความใกล้ชิดเมื่อครู่ทำให้เธอเขินอายแก้มแดงๆ นั้นบ่งบอกความหมายได้ชัดเจน

                   “ไปทางรถใช่ไหมครับ ถ้าที่ผมรู้มาไม่ผิดน่าจะเดินทางตามเส้นทาง R3A ผ่านลาวแล้วถึงเข้าจีน” เขาหันมายิ้มให้เธอเป็นพักๆ ขณะขับรถไปด้วย

                   “ค่ะ

                   “ผมชักจะอยากไปเที่ยวบ้างแล้วสิครับ เพื่อนๆ ผมที่เคยไปเที่ยวมาบอกว่าสิบสองปันนาน่าเที่ยวมาก คนไทยไปเที่ยวกันเยอะ เห็นว่ากันว่าที่นั่นเป็นถิ่นฐานของคนไตลื้อที่มีความเป็นอยู่คล้ายคลึงกับคนล้านนาหรือคนเหนือของไทยเราจริงไหมครับ

                   “ค่ะ ทั้งความเป็นอยู่แล้วก็ภาษาก็คล้ายๆ กัน ถ้าคุณรัมย์ได้ไปเที่ยวหมู่บ้านไตลื้อของที่นั่นและเจอกับผู้เฒ่าผู้แก่ส่วนใหญ่เขาก็ยังพูด ‘กำลื้อ’ ภาษาไตลื้อน่ะค่ะ ฟังดูสำเนียงการพูดก็จะคล้ายๆ กับภาษาเหนือ "กำเมือง" คนไทยที่ไปเที่ยวจะชอบเพราะพอพูดจากันรู้เรื่อง แต่ถ้าเป็นเด็กรุ่นใหม่ๆ ส่วนใหญ่ก็จะพูดไม่ค่อยได้กันแล้วเพราะรัฐบาลจีนเขาให้เรียนภาษาจีนเป็นหลัก ส่วนภาษาพูดหรือภาษาเขียนของไตลื้อ เห็นว่ากันว่าคนที่ได้เรียนจะมีแต่เด็กผู้ชาย หรือไม่คนที่บวชเรียนในวัดไตลื้อเท่านั้น วัฒนธรรมไตลื้อส่วนใหญ่ก็ถูกลืมเลือนและแทนที่โดยจีนแผ่นดินใหญ่ค่ะ

                   “น่าเสียดายนะครับ ถ้ามีโอกาส ผมเคลียร์งานเสร็จเมื่อไหร่แล้วคงต้องขอใช้บริการบริษัทของคุณพิมพ์บ้างนะครับ แต่มีผมคนเดียวคงต้องขอจอยทัวร์ไปกับกรุ๊ปอื่น คุณพิมพ์คงไม่ลำบากใจใช่ไหมครับ

                   “เอ่อ...ก็ได้คะ แต่ถ้าคุณจะไปด้วยฉันไม่คิดเงินหรอกนะคะ ฉันให้คุณไปแบบสตาฟผู้ช่วย อาจลำบากเรื่องอาหารการกินบ้าง แต่รับรองไม่เสียค่าใช่จ่ายขอแค่คุณช่วยงานฉันเท่านั้นเอง แล้วก็ตอนเย็นพอส่งลูกค้าเข้าโรงแรมที่พักแล้วฉันจะพาคุณไปเลี้ยงอาหารปิ้งๆ ย่างๆ อาหารขึ้นชื่อที่เป็นที่นิยมของคนที่นั่นกันค่ะ รับรองว่าคุณต้องชอบแน่ๆ แล้วฉันก็จะพาคุณไปเดินดูแหล่งท่องเที่ยวที่วัยรุ่นจีนเขาชอบไปกัน แล้วก็...” 

                   รังสฤษฏ์เห็นเธอยิ้มและดูมีความสุขมากเมื่อพูดถึงเรื่องการเดินทาง

                   ชมพูพิมพ์หันมามองเขาก่อนจะหยุดพูดไปดื้อเพราะรอยยิ้มที่เขาส่งมา 

                   นี่เธอพูดมากไปรึเปล่า

                   “ขอโทษนะคะที่ฉันพูดมากเกินไป” 

                   ชายหนุ่มส่ายหน้าแล้วหัวเราะเบาๆ 

                   ไม่เลยครับคุณพิมพ์ทำให้ผมรู้สึกว่าอยากไปเที่ยวที่นั่นสักครั้ง โดยมีคุณพิมพ์เป็นไกด์กิตติมศักดิ์พาผมเที่ยว” 

                   เธอส่งยิ้มเขินๆ ให้เขา ผู้ชายคนนี้กำลังทำให้เธอรู้สึกเหมือนจะละลายหายไปเหมือนน้ำแข็งที่เปลี่ยนสถานะกลายเป็นน้ำ

                   “ถึงแล้วครับ” 

                   ชายหนุ่มบอกกับเธอก่อนจะวนรถเข้าไปจอดในลานจอดรถหน้าซุปเปอร์มาร์เก็ตชื่อดัง

                   “เอ่อว่าแต่คุณรัมย์มาทำอะไรที่เชียงของเหรอคะ

                   ชมพูพิมพ์ถามเขาด้วยความสงสัยเพราะจะว่าไปแล้ว เธอมองว่าเชียงของไม่ได้เป็นเมืองที่มีอะไรให้น่าลงทุนนัก มีนักลงทุนหลายคนที่หวังจะมากอบโกยจากการทำธุรกิจหลายต่อหลายอย่าง แต่ก็คว้าน้ำเหลวสูญเงินไปมากจนพากันเรียกเชียงของว่าเมือง ‘เซี้ยงของ’ ความหมายก็คือเอาอะไรมาลงก็หายไปหมดไม่เหลือแม้แต่ข้าวของอะไรติดตัวกลับไป ถ้าทุนไม่หนาจริงหรือไม่รวยจริงๆ ก็รอดยาก

                   คนส่วนใหญ่ที่มาพอเริ่มธุรกิจใหม่ๆ ก็ไปได้ดี แต่พอนานๆ ไป ก็เงียบเหงาจนไม่มีแม้แต่เสียงตบยุงคล้ายกับไฟไหม้ฟาง ที่เห็นได้ชัดเลยก็เหมือนซุปเปอร์มาร์เก็ตชื่อดังแห่งนี้ ครั้งเปิดกิจการใหม่พนักงานเดินกันขวักไขว่เห็นพูดลอยๆ กันว่าช่วงแรกทำรายได้วันหนึ่งเป็นล้าน (จริงรึเปล่าก็ไม่มีใครรู้ ได้ข่าวลอยๆ เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งน่าจะดีที่สุด) แต่เดี๋ยวนี้กลับลดจำนวนพนักงานลงมากกว่าครึ่ง เคาน์เตอร์คิดเงินก็เปิดเพียงไม่กี่ช่อง รับคนเข้าทำงานก็รับแต่พนักงานพาร์ทไทม์ที่ธุรกิจยังเปิดกิจการได้ดีอยู่ก็คงเป็นเพราะการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้าจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีกำลังซื้อมาก ข้ามฝั่งแม่น้ำโขงมาซื้อของ ขนข้าวของไปที่มีมูลค่าเป็นหลักหมื่นหลักแสนต่อครั้ง ถ้ารอเพียงแต่กำลังซื้อจากคนในพื้นที่จริงๆ ก็คงต้องปิดตัวลง

                   “เดี๋ยวนะครับ เมื่อเขาจอดรถสนิทแล้วก็หันมายิ้มให้เธอก่อนเอื้อมมือไปเปิดช่องเก็บของตรงคอนโซลหน้ารถ

                   รังสฤษฏ์หยิบนามบัตรออกมายื่นให้เธอ 

                   สถาปนิกชมพูพิมพ์เงยหน้าขึ้น

                   “ครับ ผมเป็นสถาปนิก พอดีคุณพ่อกับพี่ชายของผมส่งผมมาช่วยดูงานก่อสร้างโรงแรมใหม่ สองโครงการที่เชียงของเพราะบริษัทของครอบครัวผมประมูลงานได้ครับ

                   “อ๋อ...ค่ะเธอพยักหน้าอย่างเข้าใจ

                   “ครับ คุณพิมพ์น่าจะรู้นะครับ สองโครงการนี้ โครงการหนึ่งเป็นตึกใหม่ของโรงแรมอิงธาราที่ผมพักอยู่นั่นล่ะครับ อีกโครงการก็เป็นโรงแรมชมนที ริเวอร์วิว รีสอร์ทแอนด์สปาที่สร้างริมน้ำโขงใกล้กับสถานีตำรวจน้ำ

                   “ค่ะ ฉันเคยเห็น ความจริงสองโครงการนี้ก็เริ่มสร้างไปได้สักพักแล้วนี่คะทำไมคุณเพิ่งมา

                   “พอดีคุณพ่อท่านส่งผมมาแทนสถาปนิกคนเดิมครับ เขามีความจำเป็นต้องไปดูแลโครงการอื่น

                   เธอเก็บนามบัตรของเขาลงกระเป๋าก่อนหยิบของตัวเองขึ้นมา แล้วยื่นมันให้กับเขาเป็นการแลกเปลี่ยนนามบัตรตามมารยาท

                   “ผู้จัดการเขาหันมายิ้มให้เธอ 

                   คุณพิมพ์รู้ไหมครับ ผมว่าคุณพิมพ์เป็นผู้จัดการที่หน้าเด็กที่สุด” 

                   ก็ใช่เธอหน้าเด็กมากจนเขานึกว่าเธอยังไม่ผ่านพ้นรั้วมัธยมด้วยซ้ำไป

                   “อันที่จริงฉันบอกได้เลยค่ะ ถ้าคุณรู้อายุของฉันแล้วคุณอาจตกใจเหมือนคนอื่นๆ ก็ได้ แต่ฉันสาบานได้เลยว่าที่หน้าตาเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะโบท็อกซ์หรือร้อยไหม อาจเป็นเพราะโกรทฮอร์โมนทำงานไม่เต็มที่มากกว่า

                   “แล้วคุณพิมพ์อายุเท่าไหร่แล้วครับ อาจดูเสียมารยาทหน่อยที่ถามอายุผู้หญิงตรงๆ ผมไม่ได้มีเจตนาไม่ดีแค่อยากรู้เท่านั้น ปีนี้ผมเองก็ย่างสามสิบสามแล้ว” 

                   เพื่อไม่ให้เป็นการเสียมารยาทเขาจึงบอกอายุของตัวเองกับเธอก่อน

                   “คุณรัมย์ก็ดูอ่อนกว่าอายุจริงนะคะ ฉันยังคิดว่าคุณอายุแค่ยี่สิบหกยี่สิบเจ็ดเอง” 

                   เขาส่งยิ้มเขินๆ ให้เธอ

                   “ส่วนฉันอีกไม่กี่วันก็จะครบยี่สิบแปดปีบริบูรณ์แล้วคะ สำหรับผู้หญิงที่เริ่มเข้าใกล้เลขสามแล้วก็ดูแก่ใช่ไหมค่ะ

                   “ไม่หรอกครับ เราห่างกันห้าปีกำลังดีเลยเขาพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

                   “อะไรนะคะเธอถามเขาอย่างสงสัย เมื่อกี้ได้ยินแว่วๆ ว่าอะไรกำลังดี

                   “เอ่อ...เปล่าครับ ว่าแต่คุณพิมพ์เป็นผู้จัดการดูแลลูกน้องเยอะๆ เหนื่อยไหมครับ” 

                   รังสฤษฏ์รีบเฉไฉเปลี่ยนเรื่องไป

                   “อันที่จริงไม่มีลูกน้องสักคนคะ ฉันทำงานคนเดียว ฉันจดทะเบียนประกอบธุรกิจแบบบุคคลธรรมดา เวลามีงานก็จ้างไกด์ คนขับรถ หรือสตาฟฟรีแลนซ์เอาน่ะค่ะ ไม่มีลูกน้องประจำ สบายใจดีแล้วก็ไม่ต้องรับภาระหนักเรื่องเงินเดือนของลูกจ้างด้วย...” ยังไม่ทันพูดจบประโยคก็มีเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ของเธอ

                   เมื่อยกขึ้นมาดูต้องตกใจ แย่แล้ว ลืมไปได้ไง ขอโทษนะคะ ฉันขอรับโทรศัพท์หน่อย” 

                   ชมพูพิมพ์เปิดประตูรถออกไปรับโทรศัพท์ “เจ้าพี่คำ ขอสุมาเต๊อะเจ้า[14] พิมพ์กำลังจะเข้าไปซื้อของเจ้า เจ้า พี่คำกับป้ากิ๋นข้าวก่อนเลยเน้อเจ้า เดี๋ยวพิมพ์ซื้อของเสร็จแล้วจะรีบกลับเจ้า เจ้าบ่อต้องเป็นห่วงเจ้าพิมพ์ออกมากับคนฮู้จัก เดียวเขาจะไปส่งพิมพ์ที่บ้านเจ้า บอกป้าว่าบ่อต้องเป็นห่วงพิมพ์เน้อเจ้า

                   คำพูดจาหวานหูเป็นภาษาถิ่นของเธอทำเขาแทบจะยืนไม่อยู่ มิน่าล่ะ บรรดาหนุ่มๆกรุงเทพฯ ถึงได้พูดกันนักกันหนาว่าหากมาเที่ยวเมืองเหนือระวังจะตกหลุมรักสาวเหนือเข้าให้เพราะความน่ารักและความอ่อนโยนของพวกเธอ

                   หลังวางสาย เธอหันมายิ้มให้เขาอย่างขอโทษที่ทำให้ต้องรอก่อนชวนกันเดินเข้าไปซื้อของใช้จำเป็น ซึ่งชายหนุ่มเองก็เลือกซื้อของใช้ส่วนตัวเหมือนกัน หลังจากได้ของครบแล้วก็รีบพากันไปเข้าคิวรอที่ช่องเคาน์เตอร์คิดเงิน ไม่รู้ด้วยความรีบร้อนทำให้ชมพูพิมพ์นึกอะไรขึ้นมาได้

                   “ฉันลืมซื้อลูกอมกับหมากฝรั่งทำยังไงดีจะถึงคิวแล้วด้วย” 

                   เธอเหลือบไปเห็นว่ามีกล่องลูกอมกับหมากฝรั่งอยู่ข้างเคาน์เตอร์ก็รีบกวาดมันใส่ตะกร้าด้วยความรวดเร็วหลายกล่องเพราะต้องเอาไปเผื่อลูกค้าด้วย มีทั้งหมากฝรั่งรสเปปเปอร์มิ้นต์ รสไอซ์คูล รสคอฟฟี่&มิลด์ หรือแม้แต่รสสตรอว์เบอร์รีแล้วก็ยังหันมาถามเขาว่าจะเอาไหม เธอจะได้หยิบให้ เขาหน้าแดงกล่ำเหมือนกำลังอาย เธอเองก็มองเขาแบบงงก่อนจะหยิบแบบเดียวกันกับที่เธอหยิบใส่ตะกร้าของตัวเองใส่ลงไปในตะกร้าของเขาบ้าง พนักงานแคชเชียร์เองก็มาเธอแล้วอมยิ้มแบบแปลกๆ เช่นกัน 

                   ซื้อลูกอมกับหมากฝรั่งมีอะไรน่าขำตรงไหน

                   หลังจากคิดเงินเสร็จแล้วกลับมาที่รถ รังสฤษฏ์ช่วยเธอหิ้วของเอาไปเก็บไว้เบาะหลังก่อนเปิดประตูให้เธอนั่ง พอเขานั่งประจำที่และขับรถออกจากซุปเปอร์มาร์เก็ตเลยตัดสินใจพูดบางอย่างออกมา

                   “คุณพิมพ์ครับ เอ่อ...คือ” ชมพูพิมพ์เอียงคอมองเขาด้วยความสงสัย

                   “คือ...หมากฝรั่งรสสตรอว์เบอร์รีที่คุณซื้อมามัน... คุณพิมพ์ซื้อให้ลูกค้าหรือว่า...ใช้เองครับ” 

                   พูดออกไปสิรัมย์ว่ามันไม่ใช่หมากฝรั่ง แต่มันเป็น... ‘ถุงยาง

                   ชมพูพิมพ์ก็นึกสงสัย เธอจึงเอี้ยวตัวไปหยิบถุงที่อยู่บนเบาะด้านหลังขึ้นมาแล้วควานหากล่องสี่เหลี่ยมเล็กๆ ส้มๆ แดงๆ ก่อนจะหยิบขึ้นมาชูให้เขาดู

                   “กล่องนี้เหรอคะ” 

                   เขาพยักหน้าและเธอเองก็ไม่เอะใจอะไรรีบแกะกล่องดูอย่างรวดเร็วแล้วเทของข้างในลงบนฝ่ามือ แต่มันกลับไม่ใช่ห่อหมากฝรั่งอย่างที่คิดไว้ แต่เป็น... ใช่ว่าเธอจะไร้เดียงสาจนไม่รู้จักว่าไอ้ซองสิ่งของสามชิ้นที่อยู่บนมือคืออะไรและก็รู้สึกอับอายจนแทบจะแทรกแผ่นดินหนี

                   “อุ๊ย! ถุงยางอนามัยเธออุทานเสียงต่ำ 

                   'ทำไมนะกล่องมันถึงได้เหมือนกล่องลูกอมขนาดนี้หรือว่าเป็นเพราะสายตาของเธอมีปัญหา'

                   รังสฤษฏ์หลือบมองชมพูพิมพ์ขณะขับรถไปด้วย ตอนนี้เธอมีอาการหน้าถอดสีคงตกใจและเสียหน้าอยู่ไม่น้อยก่อนจะเปลี่ยนเป็นระเบิดหัวเราะอย่างขำขันแก้อาการเก้อเขินด้วยใบหน้าแดงกล่ำ

                   สงสัยพิมพ์จะรีบร้อนจนตาลาย มิน่าล่ะแคชเชียร์ถึงได้มองหน้าพิมพ์แปลกๆ เธอพูดไปด้วยขณะกำลังเก็บถุงยางเจ้าปัญหาใส่ไว้ในกล่องตามเดิม

                   ครับ คุณพิมพ์คงจะรีบจริงๆ” เขาพูดไปแล้วก็หัวเราะน้อยๆ เอ๊ะ...เธอเรียกแทนตัวด้วยชื่อเล่นกับเขา

                   “ตัวพิมพ์เองคงไม่ได้ใช้มัน สำหรับลูกค้าก็คงไม่จำเป็นเพราะส่วนใหญ่ห้องน้ำในห้องพักของโรงแรมก็มีเตรียมไว้ให้ลูกค้าอยู่แล้ว พิมพ์ให้คุณรัมย์เก็บไว้ดีกว่า เผื่อว่า... คุณรัมย์อาจได้ใช้มัน”  

                   หรือว่านี่ก็คือแรงดึงดูดระหว่างชายหญิงที่ใครๆพูดกัน

                   เธอวางมันไว้บนช่องเก็บของด้านหน้าก่อนเงยหน้าขึ้นมามองเขาและสบตากับเขาเข้าพอดี เธอรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างส่งผ่านแววตาคู่นั้น ชีพจรของเธอเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ

                   "เอ่อ... คือ ขนาดของมันไม่ใช่... ไซร์สของผม คือ... มันค่อนข้างจะเล็ก...ไป แต่... ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมเก็บไว้ให้คนรู้จัก จะได้...ไม่เสียของ" 

                   ขณะที่รังสฤษฏ์เขินอายหน้าแดงพูดออกมาอย่างตะกุกตะกักนั้น ดวงตากลมโตของหญิงสาวก็เบิกกว้างขึ้นเรื่อยๆ แก้มนวลก็แดงระเรื่อยิ่งขึ้นอย่างตกใจปนเขินอายกับสิ่งที่ได้ยินจนสุดท้ายหญิงสาวก็รีบเบือนหน้าหนีแล้วชี้ให้เขาจอดรถข้างทาง 

                   เอ่อ คุณรัมย์จอดรถข้างหน้าได้ตรงซ้ายมือได้เลยนะคะ ถึงบ้านฉันแล้ว

                   รังสฤษฏ์เบือนหน้าหลบสายตาของเธอก่อนจอดรถ บ้านคุณพิมพ์หลังไหนเหรอครับ

                   บ้านฉันอยู่ข้างในคะ เดินเข้าไปอีกหน่อย คุณส่งฉันตรงนี้ก็ได้ค่ะเพราะยังไงที่ตรงนี้ก็เป็นของป้าฉันอยู่แล้ว

                   รวมทั้งตึกแถวที่ใช้เช่านี่ด้วยใช่ไหมครับ

                   ค่ะ คุณรัมย์สนใจจะเช่าหรือคะ” เธอหันมาถามเขาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น หากเขามาเช่าอีกคนก็คงดีไม่น้อย เธอจะได้มีรายรับในแต่ละเดือนเพิ่มขึ้นเป็นค่าใช่จ่ายค่าน้ำค่าไฟ

                   ครับ” 

                   รังสฤษฏ์เองก็คิดอยู่เหมือนกันว่าอยากจะหาที่พักใหม่ อันที่จริงโรงแรมที่เขาพักอยู่ก็สะดวกสบายดี หากไม่ติดว่าผู้จัดการสาวสวยทายาทผู้บริหารใหญ่คนนั้นทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจ

                   ถ้าคุณสนใจก็เข้ามาดูได้นะคะ โทรมาตามเบอร์นั้นได้เลยคะ" 

                   เธอชี้ไปที่นามบัตรของตัวเองที่อยู่บนช่องเก็บของเพราะชายหนุ่มยังไม่ได้เก็บมันใส่กระเป๋า

                   ครับคุณพิมพ์ ไว้ผมจะหาวันที่ทั้งผมว่างและคุณพิมพ์สะดวกเข้ามาดูห้องนะครับ

                   ค่ะ วันนี้ขอบคุณมากนะคะที่ไปส่งฉันซื้อของแล้วก็ขับรถมาส่งถึงบ้านด้วย

                   ไม่เป็นไรครับ พรุ่งนี้ขอให้เดินทางปลอดภัยนะครับ” 

                   ชมพูพิมพ์ส่งยิ้มขอบคุณเขาก่อนเปิดประตูลงจากรถโดยที่ชายหนุ่มรีบวิ่งไปอีกฝั่งเปิดประตูหลังออกแล้วหยิบเอาถุงข้าวของของเธอยื่นให้

                   ขอบคุณค่ะ ขับรถกลับดีๆ นะคะ” 

                   เธอยิ้มให้เขาอีกครั้งเมื่อหันหลังไปก็เห็นว่ามีหญิงร่างท้วมคนหนึ่งมองมาที่เธอและเขาอย่างดูถูกเย้ยหยันเหมือนว่ารังสฤษฏ์เองก็มองเห็นเช่นกัน เธอมองสบตาเขา เมื่อเขาพยักหน้าให้เธอก็ยิ้มตอบอย่างเข้าใจความหมายตรงกันก่อนเดินเข้าบ้านไปส่วนชายหนุ่มเองก็ขับรถกลับโรงแรม

                   หลังจากกลับมาถึงชมพูพิมพ์แวะทานข้าวเย็นที่บ้านของป้าบัวแล้วเดินกลับบ้านตัวเองจัดของใส่กระเป๋าเดินทางเสร็จก็อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยแล้วก็เตรียมตัวปิดไฟเข้านอน เพราะวันรุ่งขึ้นเธอต้องรีบตื่นขึ้นมารับศึกแต่เช้า การเดินทางของลูกค้าจุดหมายปลายทางคือสถานที่ท่องเที่ยว แต่จุดหมายปลายทางของเธอคือเสร็จงานแล้วส่งลูกค้ากลับบ้าน ระหว่างการเดินทางสำหรับเธอนั้นมันคือการผจญภัยครั้งใหญ่ที่ไม่สามารถคาดเดาว่าจะเกิดเหตุสุดวิสัยอะไรขึ้นบ้าง อย่างเช่นความพึงพอใจในการให้บริการและอารมณ์ของลูกค้า หรือไม่ก็อุบัติเหตุที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น

                   เธอสวดมนต์ไหว้พระก่อนนอนเช่นทุกคืนและวันนี้ก็ทำเป็นปกติเหมือนเดิมเป็นกิจวัตร หลังไหว้พระเสร็จปิดไฟเสร็จพอล้มตัวลงนอนได้เพียงครู่ก็มีเสียง Temple Bell จากโปรแกรมสนทนาดังขึ้นพร้อมแสงสว่างจ้าบนหน้าจอโทรศัพท์

                   รัมย์ : ฝันดีนะครับคุณพิมพ์

                   เขาส่งข้อความมาพร้อมกับสติ๊กเกอร์รูปการ์ตูนน่ารัก

                   ชมพูพิมพ์ (พิมพ์ใจ) : ฝันดีเช่นกันค่ะ คุณรัมย์

                   ใช่คืนนี้เธอคงฝันดีแน่ ยิ่งนับวันกำแพงน้ำแข็งของเธอยิ่งละลายลงเรื่อยๆ เพราะเจ้าชายจากนิทานวอลท์ดิสนีย์คนนี้

                  

                   เช้านี้อากาศแจ่มใส หลังจากที่ชมพูพิมพ์ทานอาหารเช้า ล่ำลาขอพรจากป้าบัวและพี่คำก่อนออกเดินทางเรียบร้อยแล้ว เธอก็ขึ้นรถตู้ที่มาจอดรออยู่หน้าบ้าน เพื่อรับลูกค้าจากโรงแรมไปส่งที่สะพานมิตรภาพไทย - ลาวแห่งที่ 4 (อ.เชียงของ เมืองห้วยซาย แขวงบ่อแก้ว) ก่อนนั่งรถบัสประจำทางวิ่งระหว่างช่วงสะพานไทย - ลาว ที่ถูกสัมปทานโดยบริษัทบขส. ข้ามฝากสะพานไปขึ้นรถบัสปรับอากาศของบริษัทท่องเที่ยวลาวที่อำนวยความสะดวกดูแลลูกค้าตลอดการเดินทางทั้งในประเทศลาวและจีน

                   แต่ก่อนอื่นเธอต้องไปรอรับลูกค้าที่กำลังรับประทานอาหารเช้าในห้องอาหารของโรงแรมแล้วถึงจะพร้อมออกเดินทางได้  ชมพูพิมพ์ลงจากรถตู้คันแรก วันนี้เธอใช้รถตู้สิบที่นั่งสองคันในการเดินทางระยะสั้นจากโรงแรมไปสะพานมิตรภาพก็ราวๆ สิบสี่กิโลเมตร เธอบอกให้คนขับรถรอจอดรอก่อนแล้วเดินไปที่ล็อบบี้ และจัดการให้รถตู้ถอยเข้ามาใกล้กับประตูทางเข้าเพื่อจะได้ขนกระเป๋าสัมภาระของลูกค้าที่วางรวมกันด้านหน้า โดยมีพี่โยธกาเป็นคนเฝ้าดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่ขณะที่ลูกค้ากำลังรับประทานอาหารเช้าในห้องอาหาร

                   จัดการขนกระเป๋าขึ้นรถเรียบร้อยแล้วค่ะพี่โย เดี๋ยวลูกค้าทานข้าวเสร็จก่อนขึ้นรถค่อยให้ลูกค้าเช็คกระเป๋าดูอีกทีว่าของตัวเองครบอยู่ไหม

                   จ๊ะ ไปพิมพ์ ไปหาอะไรทานที่ห้องอาหารก่อนไหม พี่งามให้บัตรอาหารพี่มาสองใบ

                   ไม่ดีกว่าคะ พิมพ์เรียบร้อยมาจากที่บ้านแล้ว ยังแน่นอยู่เลย กลัวว่านั่งรถเจอเขาสักสิบลูกเข้าไปไม่รู้ว่าจะแหวะรึเปล่า” 

                   แล้วชมพูพิมพ์ก็ได้ยินเสียงหัวเราะจากลูกค้าสาวผู้เป็นรุ่นพี่ในสายอาชีพเดียวกัน แต่ตอนนี้โยธกาเปลี่ยนจากรับคณะทัวร์และนำเที่ยวเองเป็นคนทำหน้าที่ประสานงานหาลูกค้าแล้วส่งต่อให้บริษัทนำเที่ยวแทน เธอจึงไม่ค่อยเห็นโยธกาลงภาคสนามบ่อยเหมือนเมื่อก่อนยกเว้นทริปวีไอพีเท่านั้น

                   เนื่องจากโยธกาเป็นคนกว้างขวางและรู้จักผู้คนหลากหลายสายอาชีพ นับว่าชมพูพิมพ์โชคดีมากที่ได้รู้จักกับรุ่นพี่ดีๆ แบบโยธกา เพราะหญิงสาวถือได้ว่าเป็นผู้มีพระคุณที่คอยป้อนงานให้บริษัทเล็กๆ โนเนมอย่างเธอมาตลอดระยะเวลาสี่ปีที่เธอเริ่มมาทำอาชีพนี้จริงๆ จังๆ 

                   ไม่ทานก็ไม่เป็นไร แต่ต้องเข้าไปด้วยกัน พี่จะได้แนะนำลูกค้าให้รู้จัก

                   พิมพ์ค่อยแนะนำตัวบนรถได้ไหมคะพี่โย

                   ไม่ได้จ๊ะ พี่จะแนะนำหัวหน้ากรุ๊ปให้เรารู้จักเป็นการส่วนตัว ท่านเป็นคนใหญ่คนโตแล้วก็จับกลุ่มพาเพื่อนเที่ยวกันบ่อยๆ เผื่ออีกหน่อยท่านจะได้เรียกใช้บริการพิมพ์โดยตรงไม่ต้องผ่านพี่ไง” 

                   ชมพูพิมพ์จำนนต่อเหตุผลของพี่โยคนสวยจึงเดินตามรุ่นพี่เข้าไปยังห้องอาหารก่อนทำความรู้จักกับผู้ใหญ่ใจดี

                   ลูกค้ากรุ๊ปนี้ของเธอส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ แต่ละท่านอายุไม่ต่ำกว่าหกสิบปี ท่าทางก็ยิ้มแย้มแจ่มใสสดชื่นรื่นเริงเป็นกันเองน่าจะไม่มีปัญหาอะไร แต่ยังไงเธอก็ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด เพื่อให้ลูกค้าพึงพอใจในการบริการ

                   หลังจากที่แนะนำตัวเองเป็นการส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว โยธกาก็พาเธอมานั่งแกมบังคับให้เธอดื่มน้ำผลไม้กับขนมปังเป็นเพื่อน ระหว่างที่โยธการับประทานอาหารเช้า ชมพูพิมพ์ก็มองออกไปที่ระเบียงห้องอาหาร แสงอาทิตย์ยามเช้าทอแสงส่องผ่านเข้ามา แม้จะทำให้แสบตาอยู่บางแต่ก็เป็นแสงที่อบอุ่นสดใสทำให้รู้สึกถึงพลังของแสงแรกยามเช้าที่ส่องลงมาเพื่อกระตุ้นให้ทุกสรรพชีวิตตื่นตัวต้อนรับวันใหม่

                   เมื่อมองออกไปเธอสะดุดตากับใครบางคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะริมระเบียง ชายหนุ่มมองออกไปยังวิวด้านนอก ในมือถือแก้วกาแฟที่มีไอร้อนลอยขึ้นมาพร้อมกับกลิ่นกาแฟหอมกรุ่น 

                   จะดูดีไปถึงไหน

                   นั่นผู้ชายคนเมื่อวาน คนรู้จักของน้องพิมพ์นี่น่า” พี่โยธกาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจอีกเช่นเคย

                   ดูสิ หันมองมาทางน้องพิมพ์แล้ว เหมือนเขากำลังจะเดินมาทางนี้ด้วยนะคะ” 

                   พี่โยจะรู้ไหมว่าตอนนี้ตัวพี่โยดูจะดีใจกว่าชมพูพิมพ์คนนี้ซะอีก

                   รังสฤษฏ์มองเห็นชมพูพิมพ์ตั้งแต่ตอนที่เธอเดินเข้ามาในห้องอาหาร และดูเหมือนว่าเธอกำลังยุ่งอยู่กับการพูดคุยกับลูกค้า เขาเลยไม่ได้เข้าไปเอ่ยทักทายเธอ ตอนนี้พอเห็นว่าเธอน่าจะว่างแล้ว เขาเลยส่งยิ้มให้เธอและหญิงสาวที่นั่งอยู่เก้าอี้ตรงกันข้ามเธอ เขาลุกขึ้นเตรียมจะเดินเข้าไปหาเธอที่โต๊ะ แต่ก็เซเสียหลักเกือบจะล้มตึงจนต้องรีบยึดจับขอบโต๊ะไว้ประคองร่างกายยืนให้มั่นคงเพราะแรงของคนที่โถมร่างเข้ามากอดรัดเขาเอาไว้แน่น เมื่อหญิงสาวยอมผละออกห่าง เขาถึงได้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร

                   รวี” 

                   เธอมาที่นี่ได้อย่างไร?

                   ชมพูพิมพ์ และโยธกาเองก็รู้สึกสงสัยไม่แพ้กัน อยู่ดีๆ ชายหนุ่มก็ถูกผู้หญิงที่วิ่งมาจากไหนก็ไม่รู้โถมเข้าไปกอดรัดแถมยังซบหน้ากับอกแกร่งนั่นไม่ยอมห่าง

                   อะไรกันเนี่ย มียัยอ้วนที่ไหนก็ไม่รู้วิ่งเข้าไปกอดผู้ชายหน้าไม่อาย” 

                   น้ำเสียงของโยธกาบ่งบอกอาการสุดเซ็งของเธอ ราวกับว่าหนุ่มหล่อตรงหน้าถูกชะนีน้อยหน้าไม่อายฉกไปกินต่อหน้าต่อตา

                   ค่ะ รวีเองค่ะพี่รัมย์

                   รวีปล่อยพี่ก่อน รวีทำแบบนี้มันดูไม่ดีนะ ที่นี่คนก็ออกเยอะแยะ แล้วรวีมาถึงที่นี่ได้ยังไง

                   รวีคิดถึงพี่รัมย์ค่ะ พอรวีรู้ว่าพี่รัมย์อยู่ที่ไหน รวีก็รีบขับรถมาหาพี่รัมย์ทันทีเลย” 

                   วาดรวีมือเหนียวแน่นเป็นปลาหมึกกอดรัดรังสฤษฏ์ไม่ยอมปล่อย

                   ทำแบบนี้ทำไมกันรวี ทำอะไรไม่รู้จักคิด รวีไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนะ อีกอย่างรวีจะมาหาพี่ทำไมเรื่องของเรามันจบไปตั้งนานแล้ว” 

                   รังสฤษฏ์ผละหญิงสาวออกห่างตัวและแกะมือของหล่อนออกจากแขนอย่างไร้เยื่อใย

                   ผู้หญิงคนนี้คงจะเป็นคู่หมั้นของเขา’ ถ้าให้ชมพูพิมพ์เดา เธอคงเดาไม่ผิด ต้องใช่แน่ๆ

                   ทำไมคะพี่รัมย์

                   รวีก็รู้ว่าทำไม มันไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้วรวี” 

                   รังสฤษฏ์หันหลังเดินจากวาดรวีตรงมายังโต๊ะของชมพูพิมพ์ด้วยใบหน้าเศร้าสร้อยนัยน์ตาโศก เพียงครู่เดียวเสียงของวาดรวีก็ทำให้คนทั้งห้องอาหารต้องตกตะลึงจนเงียบงันไปพักใหญ่ ไม่มีแม้แต่เสียงช้อนส้อมกระทบกัน

                   มันจะเหมือนเดิมค่ะ ถ้าพี่รัมย์ยอมรับลูกในท้องของรวี เรื่องของเราก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิม

                   รังสฤษฏ์ถึงกับไปไม่เป็นเมื่อเขาได้ในยินสิ่งที่วาดรวีเพิ่งพูดออกมา เพียงชั่วขณะเดียวเขาตกเป็นเป้าสายตาเป็นจำเลยของสังคม ถูกมองด้วยแววตาและสีหน้ารังเกียจเดียดฉันท์ในความคิดของคนจำนวนมาก เขาคงกลายเป็นผู้ชายที่ไม่มีความรับผิดชอบทำลายศักดิ์ศรีของลูกผู้หญิงแล้วไม่ยอมรับ อันที่จริงใครจะมองหรือคิดอย่างไรก็ช่างเขาไม่สนใจ มีเพียงแต่นางฟ้าแสนดีของเขาเท่านั้นที่เขาห่วงกลัวว่าเธอจะเข้าใจเขาผิด

                   ชมพูพิมพ์มองมาที่เขาด้วยสายตาราวกับผิดหวังในตัวเขาอย่างมากก่อนแววตานั้นจะเปลี่ยนเป็นเฉยเมยเหมือนเขาไร้ตัวตนดั่งอากาศที่ห้อมล้อมอยู่รอบตัวมองผ่านเลยเขาไป เธอลุกขึ้นยืนแล้วก้าวเดินไปยังเก้าอี้ฝั่งตรงกันข้ามสะกิดคนที่ยังนั่งอยู่

                   พี่โยคะ พี่โยทานอิ่มรึยังคะ" เมื่อเห็นว่าโยธกาพยักหน้ารับชมพูพิมพ์จึงพูดต่อ "พิมพ์ว่าเราออกไปรอลูกค้าด้านหน้าล็อบบี้กันดีกว่าค่ะ ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ทานอาหารเสร็จเกือบครบทุกคนแล้ว ตอนนี้คงจะไปทำธุระส่วนตัวกันอยู่

                   จ๊ะ พี่ว่าก็ดีเหมือนกัน ดูท่าในนี้คงมีเรื่องผัวๆ เมียๆ เคลียร์กับแบบไม่อายชาวบ้าน เช้าๆ แบบนี้พี่ยังไม่อยากกินเผือกร้อนกลัวว่าทั้งวันจะพาลกินอะไรไม่ลง

                   โยธการีบคล้องแขนรุ่นน้องที่น่ารักของเธอเดินออกจากห้องอาหาร เพราะกลัวว่าความวุ่นวายของเรื่องในครอบครัวชายหนุ่มตรงหน้าจะพาลทำให้ชมพูพิมพ์เดือดร้อนทั้งๆ ที่ไม่มีส่วนรู้เห็น หรือเกี่ยวข้องใดๆ ด้วยเลยแม้แต่น้อย หากภรรยาท้องโตของชายหนุ่มไม่มีเหตุผลและจับสังเกตท่าทางของเขาได้ว่ากำลังส่งสายตาบอกผ่านความรู้สึกบางอย่างมายังรุ่นน้องของเธอ ชมพูพิมพ์อาจตกเป็นเป้าถูกดึงเข้าไปร่วมวงผสมโรงกับเขาด้วยและอาจกลายเป็นขี้ปากคนแถวนี้ได้

                   รังสฤษฏ์ได้แต่มองตามชมพูพิมพ์ตาละห้อย เขาไม่อาจรีบเข้าไปแก้ไขความเข้าใจผิดในเวลานี้ได้ เพราะมีมือที่เหนียวแน่นราวกับปลาหมึกของวาดรวีกำลังเกาะกุมลำแขนของเขาอยู่ ครั้นจะใช้เรี่ยวแรงของผู้ชายพาตัวเองให้หลุดพ้นจากเธอก็เกรงว่าจะเป็นการกระทำรุนแรงจนเกินไปสำหรับผู้หญิงที่มีอายุครรภ์ห้าเดือนเศษ  

                   เขาหันมามองวาดรวีพร้อมกับค่อยๆ แกะมือน้อยทั้งสองข้างที่เกาะกุมแขนของตนออก 

                   รวี พี่ว่ารวีปล่อยแขนพี่ก่อนดีกว่านะ ทำแบบนี้มันดูไม่เหมาะ รวีเป็นผู้หญิง คนอื่นเขาจะมองรวีไม่ดีนะครับ” เขาพยายามข่มน้ำเสียงของตัวเองให้เป็นปกติราบเรียบผิดกับอารมณ์ที่กำลังคุกรุ่นอยู่ภายในใจ

                   รังสฤษฏ์ไม่เข้าใจเลยว่าเป็นเพราะเหตุใดวาดรวีถึงได้มาหาเขาถึงที่นี่ และยังเรียกร้องให้ความสัมพันธ์ของเขากับเธอกลับมาเป็นเหมือนเดิม

                   ทำไมเหรอคะพี่รัมย์ ช่างคนอื่นสิคะ อีกอย่างตอนนี้คนที่นี่ก็คงเข้าใจว่ารวีเป็นภรรยาของพี่รัมย์ ในสายตาคนอื่นสิ่งที่รวีทำมันไม่ผิด และไม่มีอะไรที่ไม่เหมาะสมนี่คะ ถ้าภรรยาจะแตะเนื้อต้องตัวสามี” 

                   หญิงสาวยังคงดื้อดึงเกาะกุมเขาแน่นไม่ยอมปล่อยง่ายๆ ราวกับกลัวว่าเขาจะชิ่งหนีเธอไปทันทีที่เธอปล่อยมือจากเขา

                   รวีก็รู้ว่ามันไม่ใช่ เราสองคนไม่ได้มีความสัมพันธ์ฉันท์สามีภรรยา” 

                   ชายหนุ่มส่ายหน้าเมื่อได้ยินคำพูดของอดีตคนรักก่อนจะตอบกลับเธอด้วยน้ำเสียงอิดหนาระอาใจในสิ่งที่เธอคิดอยู่ แล้วรวีมาหาพี่แบบนี้คุณคชารู้รึเปล่า

                   วาดรวีนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ ช่างเขาสิคะ รวีมาหาพี่รัมย์ก็เพราะรวีอยากมา ทำไมรวีต้องบอกให้เขารับรู้ด้วย

                   รวีก็รู้ว่าทำไม คุณคชาเขาเป็นสามีและก็เป็นพ่อของลูกในท้องรวี จะไปไหนมาไหนก็ควรบอกให้เขารับรู้ รวีไม่ใช่เด็กๆ แล้วนะ รวีกำลังจะเป็นแม่คน ทำอะไรทำไมไม่รู้จักคิดให้ดีก่อน รู้ใช่ไหมว่าขับรถทางไกลคนเดียวแบบนี้มันอันตรายมาก โชคดีแค่ไหนแล้วที่เราสามารถขับมาถึงที่นี่โดยไม่เกิดอุบัติเหตุ” 

                   รังสฤษฏ์รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมากับความไม่มีเหตุผลของอดีตคนรัก เขาตำหนิการกระทำของคุณแม่ยังสาวที่ไม่ห่วงสวัสดิภาพของตนเองและลูกน้อยในครรภ์ ขณะที่คนถูกต่อว่าถึงกับน้ำตาล่วง เธออาจจะรู้สึกผิดและสำนึกได้ขึ้นมาจริงๆ หรือไม่ก็ยังดื้อแพ่งอยู่ แต่ที่ร้องไห้อาจเพราะฮอร์โมนคนท้องอ่อนไหวง่ายถึงได้น้อยอกน้อยใจกับคำตำหนิติเตียน

                   รังสฤษฏ์ถอนหายใจกับท่าทางของวาดรวี เมื่อเห็นว่าตอนนี้สีหน้าของเธอซีดเซียวมากคงเป็นเพราะเธอเหนื่อยล้าจากการเดินทาง

                   เอาเถอะ ยังไงก็เพิ่งมาถึง พี่ว่ารวีควรรีบไปพักผ่อนก่อนดีกว่านะ พี่จะเช็คอินห้องพักแล้วจะโทรบอกคุณคชากับคุณพ่อคุณแม่ของรวีให้ ป่านนี้ทุกคนคงจะเป็นห่วงกันใหญ่แล้ว ตอนนี้พี่จะยังไม่ถามถึงสาเหตุหรือปัญหาระหว่างรวีกับคุณคชาว่าเป็นเพราะอะไรที่ทำให้รวีหนักใจถึงขนาดต้องมาตามหาพี่ที่นี่ เอาไว้รวีได้พักผ่อนเต็มที่แล้วเราค่อยมาคุยกันอีกที

                   รังสฤษฏ์เดินออกจากห้องอาหารโดยมีวาดรวีเดินตามออกมาติดๆ ก่อนถึงล็อบบี้คนตัวเล็กก็คว้าข้อมือเขาไว้

                   พี่รัมย์” 

                   น้ำเสียงเรียกแผ่วเบาบ่งบอกความเจ็บปวด เมื่อรังสฤษฏ์หันมาก็พบว่าหญิงสาวทรุดตัวลงนั่งกับพื้นมือข้างหนึ่งสอดประคองหน้าท้องอีกข้างก็คว้าข้อมือของเขาราวกับยึดไว้เป็นที่พึ่งพิง

                   พี่รัมย์คะ รวีปวดท้อง พี่รัมย์ช่วยลูกรวีด้วย

     

                   นั่นเขามุงดูอะไรกับอยู่หน้าห้องอาหารคะพี่งาม” 

                   โยธกาสังเกตเห็นความผิดปกติหลังเพิ่งออกจากห้องน้ำพร้อมกับชมพูพิมพ์

                   อ๋อ ก็คุณผู้หญิงที่มาหาคุณรัมย์ สถาปนิกหนุ่มหล่อพ่อรวย ลูกชายคนรองของผู้บริหารบริษัทยักษ์ใหญ่ที่รับเหมาโครงการก่อสร้างของโรงแรมเราน่ะสิคะ เธอปวดท้อง ไม่รู้ว่าจะเป็นอะไรมากรึเปล่า ยิ่งกำลังท้องกำลังไส้อยู่ด้วย เมื่อครู่คุณรัมย์กับพนักงานของเรารีบพาเธอไปส่งโรงพยาบาลแล้วล่ะค่ะ สาธุขอให้ปลอดภัยทั้งแม่ทั้งลูกทีเถอะ เห็นแล้วใจคอไม่ดีเลยค่ะ

                   นี่สามีภรรยาเค้าเคลียร์กับจนเลือดตกยางออกเลยเหรอคะพี่งามโยธกาชักจะอยากรู้เรื่องขึ้นมาเสียแล้ว

                   สามีภรรยา?”

                   พี่โยคะ พิมพ์ว่าลูกค้าเริ่มออกมากันเยอะแล้ว เราเชิญลูกค้าขึ้นรถกันดีกว่านะคะ ขืนช้ากว่านี้เดี๋ยวจะเสียเวลาเดินทางไปมาก” 

                   ชมพูพิมพ์พูดขึ้นเพื่อเปลี่ยนหัวข้อสนทนาของพี่สาวทั้งสอง เธอไม่อยากรับรู้เรื่องอะไรของเขาเพิ่มเติมให้ตัวเองรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้แล้วก่อนจะหันไปกล่าวลากับพี่งามรีเซฟชั่นคนสวย 

                   พี่งามคะ พิมพ์ไปก่อนนะคะพร้อมส่งรอยยิ้มละไม

                   ค่ะ เดินทางปลอดภัยตลอดทริปนะคะน้องพิมพ์

     

                   บรรยากาศเขียวชอุ่มของขุนเขาน้อยใหญ่สองข้างทางไม่ได้ทำให้จิตใจสองชมพูพิมพ์รู้สึกผ่อนคลายไปกับธรรมชาติอันน่าภิรมย์นี้เลย สมองของเธอยังขบคิดเรื่องของเขาคนนั้น ทั้งที่รู้ดีว่ามันไม่ใช่เรื่องของตัวเอง แต่ทำไมถึงลบมันออกไปจากสมองไม่ได้เสียที หรือเธอต้องยอมรับกับตัวเองว่ามีความรู้สึกแปลกๆ กับเขา ความรู้สึกที่เธอไม่เคยมีให้ผู้ชายคนไหนมาก่อน มันเป็นความรู้สึกที่เธอไม่อยากจะยอมรับและจัดจำแนกว่าเป็นความรู้สึกประเภทใด

                   อาจเป็นเพราะเธอเห็นเขาแล้วก็ตั้งความหวังว่าเขาคงจะเป็นคนดี แต่สิ่งที่เธอได้เห็นเมื่อเช้ามันกลับสวนทางกันจึงทำให้เธอรู้สึกผิดหวัง ขุ่นมัว และติดค้างอยู่ในใจ 

                   หากไม่ตั้งความหวัง ก็คงไม่รู้สึกติดค้างในใจขนาดนี้’ 

                   นึกแล้วความทรงจำครั้งเก่าก่อนก็พลันย้อนกลับมาหวนให้คิดถึง

                   

                   พิมพ์ ใกล้สอบแล้วใช่ไหมลูก

                   ค่ะพ่อ เทอมนี้พิมพ์จะเอาเกรดสี่มาฝากพ่อให้ได้ครบทุกวิชาเลยนะคะ

                   แน่ใจเหรอ ถ้าพิมพ์ทำได้พ่อมีรางวัลให้

                   จริงๆ นะคะ

                   จริงสิลูก เอาเป็นอะไรดีนะ เอ้...เป็นไอศกรีมรสมะนาวกับกุ้งทอดของโปรดพิมพ์ที่ร้านอาหารบรรยากาศดีๆ ริมน้ำโขงดีไหมนะ

                   เย้ๆ จริงนะคะพ่อ พิมพ์จะทำให้ได้ พ่อสัญญาแล้วนะคะ’ เด็กน้อยตื่นเต้นกระโดดตัวโยน

                   สองเท้าน้อยๆ ก้าวเข้ามาในบ้านอย่างตื่นเต้นดีใจ ในมือกอดสมุดพกรายงานผลคะแนนสอบไว้แนบอกหวังให้ผู้เป็นพ่อได้เห็นและชื่นชมเป็นคนแรก สายตาสอดส่ายซ้ายขวามองหาบุพการี แต่ก็ไม่พบจึงนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่กลางโถงบ้านรอท่านกลับมา

                   พิมพ์ ตื่นได้แล้วลูก มานอนทำไมตรงนี้ แล้วทำไมไม่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นี่มันดึกมากแล้วนะ มัวแต่เล่นซนอยู่ใช่ไหมเรา

                   พ่อคะ นี่ค่ะ เกรดพิมพ์ออกแล้วนะ พิมพ์ได้สี่ครบทุกวิชาเลย พ่อจำสัญญาได้ไหมเอ่ย เราจะไปเที่ยววันไหนกันดีคะ วันอาทิตย์นี้เลยดีไหม’ 

                   ดวงตากลมโตใสแจ๋วของเด็กน้อยมองผู้เป็นพ่อด้วยความหวัง รอยยิ้มบนใบหน้านั้นสว่างไสว               

                   'พิมพ์ พ่อยังไม่ว่าง เอาเป็นวันหลังนะลูก

                   คำตอบของผู้เป็นพ่อทำให้เด็กน้อยหุบยิ้มลงพลัน แววตาที่เปล่งประกายกลับกลายเป็นเศร้าหมอง เธอผิดหวัง แต่ก็ไม่อาจทำให้ท่านรู้สึกไม่ดี เธอเข้าใจว่าพ่อต้องทำงานเพื่อเลี้ยงดูเธอ ทุกครั้งที่พ่อให้สัญญากับเธอ ท่านไม่เคยทำได้เลย ทั้งที่รู้ว่าจะต้องผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า แต่เธอก็ตั้งความหวังทุกครั้งที่ท่านหยิบยื่นให้ หวังว่าสิ่งที่ตนหวังคงเป็นจริงในสักวันหนึ่ง

                   'ไม่เป็นไรค่ะ ไว้วันหลังก็ได้

                   เด็กน้อยเดินก้มหน้างุดขึ้นห้องนอนของตัวเอง เธอล้มตัวลงนอนบนเตียงแล้วนึกถึงคำปฏิเสธของท่านที่ผ่านมา 

                   'พิมพ์ พ่อไม่ว่าง

                   'พิมพ์ พ่อต้องทำงาน

                   'พิมพ์อย่าดื้อได้ไหม

                   'ได้คะแนนแค่นี้ ถ้าพิมพ์ทำได้ร้อยเต็มเมื่อไหร่ไว้พ่อจะคิดดูว่าจะพาพิมพ์ไปเที่ยวดีไหม' 

                   เด็กน้อยนอนร้องไห้สะอื้นน้อยใจกับตุ๊กตาตัวโปรด 

                   'ถ้าพ่อทำไม่ได้แล้วพ่อสัญญากับพิมพ์ทำไม เป็นเพราะแบบนี้ใช่ไหมแม่ถึงได้ทิ้งเราไป จริงๆ แล้วพ่อรักพิมพ์กับแม่รึเปล่า'

     

                   เช้าที่อากาศแจ่มใส เด็กหญิงผูกโบว์มัดแกะแต่งตัวในชุดนักเรียนเสร็จเรียบร้อยก็เดินลงมาชั้นล่างมองหาบิดาแต่ก็ไม่พบ เธอจึงย้อนกลับขึ้นไปชั้นบนเปิดประตูห้องนอนของท่าน แต่ก็ไม่พบอีก พ่อของเธอไปไหนนะ เธอสงสัยอยู่ในใจ เอ๊ะ! หรือว่าเมื่อวานพ่อของเธอจะไม่ได้กลับบ้าน แล้วท่านไปอยู่ที่ไหน จะเกิดอะไรไม่ดีกับท่านขึ้นรึเปล่า ความคิดฟุ้งซ่านของเธอหยุดลงเพราะเสียงโทรศัพท์บ้านที่ร้องดังอยู่ข้างล่าง เท้าน้อยๆ วิ่งลงบันไดอย่างรวดเร็วเพราะเกรงว่าจะรับสายไม่ทัน

                   'สวัสดีค่ะ บ้านพ่อดินค่ะ'

                   'นั่นหนูพิมพ์ใช่ไหม นี่ป้าโสนะ หนูพิมพ์ พ่อดินกลับบ้านรึเปล่าเมื่อคืน'

                   'เอ่อ พิมพ์ยังไม่เห็นพ่อเลยค่ะ'

                   'นั่นไง! ฉันว่าแล้ว

                   ปลายเสียงส่งเสียงแหลมสูงปรี๊ดเกรี้ยวกราดด้วยความโมโหโกรธา

                   'พิมพ์ใครโทรมาแต่เช้าลูก

                   ป้าบัวเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มและอาหารเช้ากลิ่นหอมกรุ่น

                   'หนูพิมพ์ หนูรู้ไหมว่าพ่อหนู เอานังแป๋วเด็กรับใช้ในบ้านฉัน ไปนอนกก ไปขย่ม ไปเอากันถึงไหนต่อไหนไม่รู้ทั้งคืน แล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกนะ

                   สองมือน้อยๆ สั่นไหวดั่งเจ้าเข้า หัวใจเต้นแรงฉับพลันขาแข้งอ่อนยวบไร้เรี่ยวแรง

                   'พิมพ์ เดี๋ยวป้าคุยเอง' ป้าบัวดึงเอาโทรศัพท์ในมือเธอไป 

                   'นี่คุณโส คุณพูดอะไรของคุณ เรื่องแบบนี้ถึงจะเป็นเรื่องจริงและคุณโกรธน้องชายฉันมากแค่ไหน แต่คุณก็ไม่ควรเอาเรื่องแบบนี้มาพูดให้เด็กฟัง...'

                   เธอไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้น แม้แต่ตัวเองไปถึงโรงเรียนได้อย่างไร กลับบ้านยังไง หรือคุยอะไรกับพ่อบ้างหลังกลับจากโรงเรียนในตอนเย็น

                   'พิมพ์ พ่อขอโทษ

                   เธอจำได้แค่คำๆ นี้ที่พ่อบอกกับเธอ คำว่า 'ขอโทษ' สำหรับสิ่งเลวร้ายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในชีวิตที่ผ่านมา ผู้ชายคนเดียวที่บอกว่าเธอรักที่สุดในโลก และยังเป็นคนที่เธอรักที่สุดเหมือนกัน ยังทำให้เธอเจ็บปวดใจได้มากขนาดนี้ แล้วเธอจะหวังให้ผู้ชายอื่นมารักและจริงใจกับเธอจริงๆ ได้อย่างไร ความรักระหว่างชายหญิงสำหรับเธอแล้วไม่มีอะไรให้น่าศรัทธานัก

                   

                   'พิมพ์ เธอหักหลังฉันได้ยังไง เฟิร์สเค้าบอกว่าชอบเธอ เค้าไม่ได้ชอบฉัน

                   เธอเสียเพื่อนสนิทเพราะผู้ชายคนหนึ่งที่เพื่อนให้เธอทำหน้าที่เป็นคิวปิดส่งจดหมายรักให้เขาแทนตนเอง

     

                   'เฮ้ย มึงกับกูมาพนันกันไหมว่าใครจะจีบยัยตุ๊กตาคริสตัลนั่นได้ก่อนกัน ใครจีบติดก่อนมีสิทธิ์ฟันก่อน เอาให้น้ำหมดฟ้าเหลืองกันไปเลย

                   นี่ก็เป็นคนอีกพวกหนึ่ง พวกมันมีสิทธิ์อะไรมาคิดอกุศลกับเธอ มีสิทธิ์อะไรจะมาทำมิดีมิร้ายร่างกายเธอ พวกผู้ชายไว้ใจไม่ได้ พวกเขาเป็นนักล่าที่น่ารังเกลียด ทำไมถึงเห็นแก่ตัวคิดทำร้ายทำลายเพศแม่ได้ขนาดนี้

     

                   'พิมพ์ ฉันท้อง พี่เขาไม่ยอมรับเด็กในท้อง ฉันจะทำยังไงดี

                   เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นปิ่มใจจะขาดของเพื่อนรักทำให้เธอรู้สึกเจ็บปวดไปด้วย ทำไมผู้หญิงซึ่งเป็นเพศที่อ่อนแอถึงตกเป็นเหยื่อของผู้ชายซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขาเห็นผู้หญิงตัวเป็นอะไรกัน แทนที่พวกเขาจะยกย่องให้เกียรติชื่นชมในความอ่อนโยนอ่อนหวานน่าทะนุถนอม แต่พวกเขากลับ...

     

                   ทุกเหตุการณ์ที่เธอได้ประสบพบเจอมาทำให้เธอคิดได้ว่าสาเหตุที่ผู้ชายทำร้ายผู้หญิงได้นั้น ไม่ใช่เพราะผู้หญิงเราอ่อนแอหรือเปราะบาง ผู้หญิงเราบางคราก็แข็งแกร่งและเข้มแข็งยิ่งกว่าผู้ชายอกสามศอกด้วยซ้ำไป แต่สิ่งที่ทำให้ผู้หญิงอ่อนแอต่อหน้าผู้ชายนั้นก็คือการมอบความรัก ความหวัง และหัวใจของตัวเองทั้งดวงให้กับผู้ชายที่ไม่เห็นค่า ให้เขามีอิทธิพลเหนือจิตใจเรา ที่เขามาย่ำยีรังแกเราได้เป็นเพราะเรารักคนอื่นมากว่ารักตัวเอง หากตัดความรักระหว่างชายหญิงออกไปได้เหลือไว้เพียงความรู้สึกเช่นมิตรสหายที่หวังดีต่อกัน ผู้หญิงเราก็คงไม่ต้องทนเจ็บปวดอีกต่อไป

                   ด้วยเหตุผลเหล่านี้ชมพูพิมพ์จึงไม่เคยคิดแสวงหาความรักระหว่างชายหญิงเลยสักครั้ง ไม่เคย ไม่เลยจริงๆ แต่พอเธอได้พบรังสฤษฏ์เพียงไม่กี่ครั้ง หัวใจเธอกลับสั่นไหวแปลกๆ สิ่งที่เธอควรทำตอนนี้คือหักห้ามหัวใจตนเอง ห้ามไม่ให้คิดถึงเรื่องใดก็ตามที่เกี่ยวข้องกับเขา 

                   “หยุด! หยุดมันซะพิมพ์”

     

                   เมื่อได้สติรู้สึกตัวสัมผัสทั้งห้าของร่างกายก็เริ่มทำหน้าที่ วาดรวีได้ยินเสียงครางหึ่งๆ ของเครื่องปรับอากาศที่บ่งบอกอายุการใช้งานของมัน กลิ่นฉุนของน้ำยาฆ่าเชื้อไม่ต้องบอกก็รู้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่ไหน

                   ใช่โรงพยาบาล แล้วลูก ลูกของเธอเล่า สองมือเริ่มขยับลูบคลำหน้าท้องของตน พร้อมเปลือกตาที่ขยับถี่ๆ ก่อนลืมตาขึ้นสู้แสงไฟในห้องมองไปยังที่อยู่อาศัยของลูกน้อย สองมือก็โอบประคองไว้อย่างหวงแหน 

                   ลูกของเธอยังอยู่’ 

                   ความตื่นตระหนกตกใจจากสัญชาตญาณที่กลัวว่าจะสูญเสียเลือดเนื้อเชื้อไขไปของคนเป็นแม่เมื่อครู่ผ่อนคลายลงตามจังหวะการเต้นของหัวใจ

                   เธอพยายามขยับร่างกายพยุงตัวลุกขึ้นนั่งอย่างระมัดระวังเพราะยังมีอาการปวดหน่วงที่ท้อง ทำให้รู้ว่าตอนนี้ตนไม่ควรขยับร่างกายมากจนเกินไป หากยังไม่ได้รับการยืนยันจากคุณหมอว่าลูกของเธอปลอดภัยดีแล้ว 

                   ลูกแม่ ลูกอย่าเป็นอะไรนะคะ แม่ขอโทษที่ทำอะไรไม่คิด

                   วาดรวีกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องเล็กที่เงียบสงัด แสงไฟส่องสว่างในห้องบวกกับแสงไฟจากนอกหน้าต่าง ทั้งนาฬิกาบนผนังห้องบอกได้ว่าตอนนี้เป็นเวลาสองทุ่มกว่า เธอหมดสติไปนานขนาดนี้เลยเหรอ พอมองไปที่โซฟารับแขกตัวยาวฝั่งตรงข้ามกับเตียงคนไข้ เธอเห็นชายหนุ่มนั่งตัวตรงเอนหลังพิงพนักที่คอมีหมอนใบเล็กรองรับเอาไว้ในก็มือถือหนังสือค้างอยู่ เขาคงเหนื่อยล้าทั้งร่างกายและจิตใจจากการได้พบหน้าเธออีกครั้งในวันนี้ถึงได้เผลอหลับไปทั้งอย่างนั้น 

                   ใบหน้าของเขาแม้ในยามหลับก็ยังคงดูดี เธอรู้ดีว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้มีดีแค่รูปกายภายนอก แต่หัวใจของเขานั้นยังประเสริฐล้ำเช่นกัน เขาคือคนที่ดีเพียบพร้อมแทบทุกด้าน ไม่รู้ว่าทำไมผู้หญิงอย่างเธอถึงได้เลือกที่จะทิ้งเขาไปเพราะความลับเพียงข้อเดียวของเขา

                   วาดรวีรู้ตัวดีว่าเธอมันก็เป็นแค่ผู้หญิงโง่ๆ คนหนึ่งที่ได้รับบทเรียนราคาแพงจากการเลือกคู่ชีวิตแค่เปลือกนอกฉาบฉวย ความงดงามภายนอกนั้นหยอกเย้าเร้าใจชวนให้ผีเสื้อน้อยอย่างเธอหลงบินวนมาติดกับดัก เธอมันก็แค่แมลงที่บินเข้ากองไฟ ถึงได้มอดไหม้ร้อนรุ่มเสียใจเจียนตายเพราะความโง่เขลาเบาปัญญาที่ทิ้งแสงเย็นพิสุทธิ์ส่องนำทางชีวิตไปหาแสงไฟระยิบระยับยามราตรี แม้ว่าตอนนี้อยากหวนกลับมาหารักแท้บริสุทธิ์แต่มันก็สายเกินไปเสียแล้ว ทุกอย่างมันไม่เหมือนเดิม ผู้หญิงอย่างเธอไม่เหลืออะไรที่คู่ควรกับคนดีๆ อย่างเขาอีกต่อไป

                   สองเท้าค่อยๆ ก้าวลงจากเตียงอย่างระมัดระวังสองมือประคองลูกน้อยในครรภ์ก้าวไปยังโซฟาตัวยาวหย่อนตัวลงนั่งข้างกายเขาอย่างแผ่วเบา น้ำตาแห่งความรู้สึกผิดไหลริน เธอไม่เคยเลยแม้แต่พูดคำว่าขอโทษกับเขา

                   พี่รัมย์คะ รวีขอโทษ ขอโทษสำหรับทุกสิ่งที่ทำไม่ดีไว้กับพี่รัมย์” 

                   เสียงพูดเจือสะอื้นเบาๆ กระซิบข้างหูของเขา

                   รังสฤษฏ์ขยับตัวลืมตาขึ้นเมื่อถูกสัมผัสที่ใบหน้า เขาพบว่ามือของวาดรวีนั้นเย็นเฉียบ ใบหน้าอาบไปด้วยน้ำตา 

                   รวี ร้องไห้ทำไมครับ มีอะไรไม่สบายใจไหนบอกพี่มาสิรังสฤษฏ์ยกสองมือขึ้นปาดน้ำตาบนแก้มของเธอขณะที่อดีตคู่หมั้นโผเข้ากอดเขาร้องไห้สะอึกสะอื้นตัวโยน

                   พี่รัมย์ รวีขอโทษ รวีผิดไปแล้ว รวีเสียใจที่เคยทำไม่ดีกับพี่รัมย์ ทำให้พี่รัมย์ต้องเสียใจ แล้วก็ไม่เคยแม้แต่จะพูดทำว่าขอโทษกับพี่รัมย์เลยสักครั้ง รวีขอโทษ ฮื้อ...เธอโพล่งออกมาด้วยความอัดอั้น

                   รวี อย่าเสียใจเลย พี่เข้าใจและก็เคารพในการติดสินใจของรวีเสมอ เรื่องของเราที่มันจบลงแบบนั้นอาจเป็นเพราะเราไม่ได้เกิดมาคู่กัน รวีถึงได้ลงเอยกับคนที่รวีรักเขามากกว่าพี่ มันเป็นพรหมลิขิตเขาโอบเธอไว้แล้วลูบหลังเบาๆ

                   พี่รัมย์... รวี ถ้ารวีเลือกคนผิดวาดรวีซุกใบหน้ากับอกเขา อ้อมกอดนี้ของเขาอบอุ่นเสมอ

                   เด็กขี้แย ไม่ร้องนะเป็นแม่คนแล้วไม่อายลูกเหรอครับ ไหนหยุดร้องก่อน แล้วบอกพี่สิว่ามีเรื่องอะไรถึงได้หนีคุณคชา หนีคุณลุงคุณป้ามาหาพี่ถึงที่นี่” เขาผละเธอออกจากอ้อมกอดแล้วสบตาตรงๆ

                   พี่รัมย์ รวีเลือกคนผิด รวีรู้ดีว่าคุณคชาเป็นคนเจ้าชู้ รวีก็ทนมาตลอดเพราะรักเขามาก แต่ที่รวีรับไม่ได้คือตอนนี้รวีกำลังตั้งท้องลูกของเขาอยู่ แต่เขากลับมีผู้หญิงอื่น รวีจับได้ว่าเขามีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนนั้น รวีเห็นกับตาว่าเขาทำอะไรกัน เห็น... เห็นเหมือนตอนที่พี่รัมย์เห็นว่ารวีกับเขา... พี่รัมย์คะ พระเจ้ากำลังลงโทษรวีอยู่ใช่ไหม บาปที่รวีเคยทำกับพี่รัมย์ ตอนนี้มันย้อนกลับมาหารวีแล้ว ที่รวีมาหาพี่รัมย์ที่นี่เพราะรวีไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครจริงๆ รวีอยากกลับบ้านแต่ก็กลัวว่าคุณพ่อคุณแม่จะซ้ำเติมที่รวีไม่เชื่อฟังท่าน ดื้อรั้นจะแต่งงานกับคุณคชาถึงได้ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ ตอนนี้รวียังไม่พร้อมจะฟังคำตำหนิติเตียนหรือคำตอกย้ำซ้ำเติมจากใคร รวีกลัวว่าตัวเองจะทนรับไม่ไหวจนคิดทำอะไรโง่ๆ อย่างฆ่าตัวตายลงไป”           

                   เธอก้มหน้าเล่าเรื่องราว และสาเหตุที่ต้องบากหน้ามาหาคนรักเก่าพร้อมความเจ็บปวด หวังอยากหาที่พึ่งพิงยามทุกข์ใจ เธอมันเป็นผู้หญิงที่เห็นแก่ตัว เห็นแก่ตัวจริงๆ

                   หลังจากที่รวีเจอคุณคชากับผู้หญิงคนนั้น... มีความสัมพันธ์กัน รวีได้คุยกับเขารึยัง รวีรู้ไหมว่าเขาเป็นห่วงรวีกับลูกมากนะ พี่รับรู้ได้จากน้ำเสียงของเขาตอนที่โทรไปบอกเรื่องของรวีกับเขาเมื่อตอนกลางวันหลังจากพี่พารวีมาส่งโรงพยาบาลแล้ว ที่โน่นเขาตามหาตัวรวีกันให้วุ่นเลย

                   วาดรวีเงยหน้าช้อนตาขึ้นมองรังสฤษฏ์ เห็นชายหนุ่มส่งยิ้มปลอบโยนมาให้มันก็ยิ่งทำให้เกิดความรู้สึกเปรียบเทียบขึ้นในใจของเธอ ทำไมคนที่เธอรักสุดหัวใจในตอนนี้ถึงดีได้ไม่เท่าครึ่งหนึ่งของคนที่เธอทิ้งเขาไป

                   รวี ฟังพี่นะ ตอนนี้รวีแต่งงานและก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว รวีมีอีกชีวิตหนึ่งที่กำลังจะเกิดมา ชีวิตน้อยๆ ที่รวีจะต้องดูแลเขาไปจนเกือบตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ของรวี พี่อยากให้รวีใช้สติก่อนตัดสินใจทำอะไรลงไป รวีไม่ควรเอาอารมณ์มาเป็นที่ตั้ง ทำอะไรก็ต้องคิดถึงลูกให้มากๆ จะทำอย่างวันนี้ไม่ได้อีกแล้วนะ เพราะเราคงไม่โชคดีแบบนี้บ่อยๆ ส่วนเรื่องคุณคชา รวีกับเขาเป็นสามีภรรยากัน มีอะไรก็หันหน้าคุยกัน จะตกลงอยู่กินกันเหมือนเดิม หรือตัดสินใจยุติสถานภาพระหว่างรวีกับเขายังไงก็ต้องคุยกันดีๆ คิดตรึกตรองให้ดีและปรึกษากับที่บ้านก่อน พี่เชื่อว่าคุณลุงคุณป้าท่านคงไม่ใจร้ายกับรวีหรอก รวีเป็นลูกสาวคนเดียวของท่าน ท่านย่อมรักย่อมห่วงใยและหวังดีกับรวีเสมอ รวีกำลังจะเป็นแม่คน รวีคงเข้าใจความรักลึกซึ้งที่พ่อแม่มีให้กับลูกดีใช่ไหม” 

                   รังสฤษฏ์ลูบผมเธอให้กำลังใจดังที่เคยทำมาตลอด

                   พี่รัมย์” 

                   วาดรวีได้แต่เรียกชื่อเขาเบาๆ อย่างซาบซึ้งใจ ชายหนุ่มเป็นคนดีและใจดีกับเธอเสมอต้นเสมอปลาย แม้กับคนที่ทำร้ายเขาอย่างเธอ เขายังไม่ถือโทษโกรธเคือง ทั้งยังคงมีแต่ความปรารถนาดีให้เสมอมา

                   ครับผม ว่าไงครับน้องสาว เลิกร้องไห้แล้วรีบเช็ดน้ำตาซะ อีกเดี๋ยวคุณพ่อของเจ้าตัวเล็กก็คงมาถึง เขาจะไม่สบายใจเอาหากเห็นว่ารวีเป็นทุกข์ พอเขามาถึงพี่อยากให้รวีคุยกับเขาดีๆ คุยกันด้วยเหตุผลอย่าใช้อารมณ์นะครับคนดีรังสฤษฏ์หัวเราะน้อยๆ หลังคนขี้แยเริ่มยิ้มออก

                   ค่ะ พี่ชาย ขอบคุณมากนะคะพี่รัมย์” 

                   วาดรวีโผกอดเขาด้วยความซึ้งใจอีกครั้งแล้วผละออกก่อนถูกคนตัวโตขยี้ผมแรงๆ จนยุ่ง

                   รวี” 

                   ประตูห้องพักคนไข้เปิดออกพร้อมเสียงน้ำเสียงร้อนรนของว่าที่คุณพ่อที่วิ่งพรวดพราดเข้ามาเมื่อเห็นภรรยาก็โผเข้ากอดรัด 

                   รวี ผมขอโทษนะ ต่อไปนี้ผมจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว ผมรักคุณ รักลูกของเรา คุณอย่าหนีหน้าผม ทิ้งผมแล้วหายมาแบบนี้อีกนะ

                   รังสฤษฏ์เห็นว่าสองสามีภรรยาเริ่มปรับความเข้าใจกัน คนนอกอย่างเขาคงหมดหน้าที่เป็นตัวกลางประสานความสัมพันธ์ให้ทั้งคู่แล้ว เขาจึงเดินออกจากห้องพักผู้ป่วยโดยที่คนทั้งสองไม่ทันได้สังเกตเห็น

                   เขาเคยคิดว่าหากวันไหนได้พบเจอกับอดีตคู่หมั้นอีกครั้ง เขาคงรู้สึกเจ็บปวดทรมานมาก และยังไม่สามารถตัดใจจากเธอได้ แต่ในวันนี้ความรู้สึกของเขามันสวนทางกับสิ่งที่คิดเอาไว้ เขาเห็นเธอเป็นเพียงน้องสาว และความรู้สึกลึกซึ้งที่เคยมีต่อเธอก็เหลือเพียงแค่ความปรารถนาดีเท่านั้น 

                   เขาไม่รู้ว่าทำไมตัวเองถึงไม่รู้สึกเจ็บปวดเหมือนครั้งแรกที่รู้ว่าเธอปันใจให้ชายอื่น หรือว่าแท้ที่จริงแล้วความเจ็บปวดที่เขารู้สึกนั้นมันเป็นเพียงความเสียใจที่ถูกหักหลังจากคนที่เราไว้ใจ ไม่ใช่ความเสียใจเพราะเสียคนรัก 

                   ความรู้สึกของเขาที่เคยมีให้วาดรวีนั้นคือความรักระหว่างชายหญิงจริงรึเปล่า หรือเป็นเพียงความคุ้นเคยรักใคร่เอ็นดูกันฉันท์พี่น้องมาแต่เด็กเท่านั้น มันผิดกับความรู้สึกที่ใจสั่นหวิวตอนได้เจอใบหน้าจิ้มลิ้มของแม่ตุ๊กตาตัวน้อย 

                   รังสฤษฏ์ยังไม่ทันได้คิดหาเหตุผลให้กับความรู้สึกของตัวเองเพิ่มก็พบว่าตนเดินชนกับผู้ชายคนหนึ่งที่รูปร่างสูงใหญ่พอๆ กันเข้าอย่างแรงจนแฟ้มเอกสารในมือของชายคนนั้นกระเด็นกระดอนลงพื้นจากแรงปะทะระหว่างชายอกสามศอก?

                   เชี่ย...” คุณหมอหนุ่มในชุดกราวสบถคำหยาบพร้อมลูบหน้าอกตัวเอง “เจ็บว่ะ ใครวะแรงดีชะมัดยาดเขาก้มลงเก็บชาร์ทรายงานคนไข้

                   ขอโทษครับ เดี๋ยวผมช่วยคุณเก็บ” รังสฤษฏ์เองก็ก้มลงช่วยเก็บชาร์ทกองโต "นี่ครับ ไม่รู้เอกสารจะปนกันรึเปล่า"

                   ขอบใจ วันหลังก็เดินระวังหน่อยนะคุณ” 

                   คุณหมอหนุ่มรวบรวมชาร์ทไว้ในมือเรียบร้อยก่อนเงยหน้ามองคู่กรณีพอเห็นว่าคนตรงหน้าเป็นใครก็ออกอาการตื่นเต้นตะโกนร้องทักเสียงดัง

                   เฮ้ย พ่อพระเอกรังสฤษฏ์

                ว่าไง ไอ้ตัวร้ายรามิล

     

     

     

    คำศัพท์นิดๆ หน่อยๆ

    ลำ[1] = อร่อย

    อิ๊ด[2] = เหนื่อย

    ลู่[3] = แย่ง

    กล้วยอ่อง[4] = กล้วยน้ำว้า

    ตาน[5] = ถวาย, ทำบุญ

    วันพูก[6] = วันพรุ่งนี้

    ป้อจาย[7] = ผู้ชาย

    ยะหื้อ[8] = ทำให้

    ผ่อ[9] = ดู, มอง

    ฮู้[10] = รู้

    กั๋นตึง[11] = กันทั้ง, กันทั่ว

    กางจ้อง[12] = กางร่ม

    ฮ้อง[13] = ร้อง, เรียก

    ขอสุมาเต๊อะเจ้า[14] = ขอโทษค่ะ

    เอาแล้วโหวย.....คุณรัมย์งานเข้า ตอนแรกกะว่าจะเขียนให้จบในตอนนี้เลย

    แต่จบไม่ได้จริงๆ ครับท่านผู้ชม อารมณ์ด้านดาร์กไม่ได้

    อยากเขียนให้ฟินกันยาวๆ แต่ไม่รู้ว่ารีดเดอร์จะฟินกับทองน้อยไหม 

    5555 กะว่าจบตอนนี้ชนวนน้ำแข็งฯ จะเข้าเรื่องสนุกๆ แบบไม่เครียดฟินกันยาวๆ 

    ช่วยลุ้นเรื่องของคุณรัมย์กับต่อด้วยนะคะ ทองน้อยจะพยายาม กระดึกกระดึบ

      วันนี้ทองน้อยมีเกมให้เล่นกันด้วย เรามาทายรถว่ารถของคุณรัมย์

    ยี่ห้ออะไร แล้วก็รุ่นอะไรด้วยดีกว่า ใครทายถูกเป็นคนแรก

    ถ้าทองน้อยแต่งเรื่องนี้จบ แล้วมีโอกาสได้ตีพิมพ์ (อุ้ยว๊าย! มโน)

    ทองน้อยจะส่งหนังสือให้ถึงบ้านเลยเอา สัญญาค่ะ 

    (แฮ่ๆ ถ้ามโนภาพที่คิดไว้เป็นจริงนะคะ :p รับรองไม่ผิดสัญญาแน่นอน)

    พร่ำเพ้อล่องลอยไปไกล รีบกลับเข้าร่างฮึบ! 

    วันนี้ไม่ได้มีแค่เกมนะคะ แต่มีความทุกข์ตลกๆ ของคนเหนือมาให้อ่านด้วย

    ถ้าใครที่เคยเห็นแล้วก็ต้องขออภัยนะคะ แต่ใครที่ยังไม่เคยเห็นหวังว่าจะขำกัน http://s252.photobucket.com/albums/hh18/nina675333/th_34-6.gif

    ทุกข์ ๕๐ ประเภทของคนเหนือ
    ตุ๊กสุดๆ จะไปหื้อปะ (สิ่งทรมานสุดๆ อย่าให้ได้เจอกับตัว) 555
    1.ก้างปักเหงียก = ก้างปลาทิ่ม หรือแทกเหงือก
    2.เกียกขบตี๋น = รองเท้ากัดเท้า
    3.จิ้นขำเขี้ยว = เนื้อติดฟัน
    4.ไค่เยี่ยวบนรถ = ปวดฉี่บนรถ
    5.มดขบต๋า = มดกัดตา
    6.ขาเป็นตะคริว = ขาเป็นตะคริว (ก็ตรงตัวนะคะ)
    7.สิวออกในฮุดัง = สิวขึ้นในจมูก
    8.คันหลังเก๋าบ่สุด = คันหลังแต่เกาไม่ถึง
    9.มุดฮั้วลวดหนาม = มุดรั้วลวดหนาม
    10.จ๋ามในห้องแอร์ = ไอ จามในห้องแอร์
    11.เหม็นขี้แฮ้ในลิฟท์ = เหม็นรักแร้ หรือกลิ่นเต่าในลิฟท์
    12.รูดซิบติดหำ = รูดซิบติดจู๋ (ข้อนี้ติดเรทแฮะ)
    13.ยกจ๋ำขึ้นบะได้ = อันนี้ทองน้อยก็ไม่แน่ใจ แต่ผู้เฒ่าบอกว่ามันคือไอ้ที่กลมๆ เอาไว้ดักปลา และมีรูให้เราล้วง สรุปคือยกมันไม่ขึ้นน่ะค่ะ - -''
    14.ไค่ให้ไค่หุย = อยากร้องไห้ 
    15.โดนหละกุยยอกแก่นต๋า = โดนกำปั้นชกเบ้าตา
    16.เซาะหาผัวบะเจอ = หาผั-วไม่เจอ
    17.เมียเผลอเซาะมีกิ๊ก  = เมี-ยเผลอก็หากิ๊ก
    18.ต๋ำน้ำพริกปอบะแหลว = ตำน้ำพริกไม่ละเอียด
    19.อู้หยั่งแม้วหยั่งกับยาง = ????? ทองน้อยก็ไม่รู้เหมือนกัน
    20.ขางผัวอยู่ตึงวัน = หวงสามีอยู่ทุกวัน
    21.อันนั้นสั้นล้ำไป = น้องชายสั้นเกินไป
    22.มีไข่แก่นเดียว = มีไข่? ลูกอัณฑะลูกเดียว
    23.บ่าเสียวมีเซ็กซ์ = ไม่เสียวมีเซ็กซ์
    24.ต๋าเก๊กสองข้าง = ตาเข ตาเหล่ สองข้าง
    25.ป๋ายกางเป๋นฝี = เป็นฝีตรงปลายคาง 
    26.ป๋าย...เป๋นตุ่ม = อืม...ติดเรทอีกหละ มันเป็นคำผวนต่อจากฝี แล้ว....เป็นตุ่ม
    27.ตุ้ยอุ้มลุ้มอุ้บ่าฉ๊ะ = คนอ้วนกลมพูดไม่ชัด
    28.เมียละผัวหนี = เมียทิ้งผัวหนี
    29.ทีวีโดนลัก = โทรทัศน์โดนขโมย
    30.ผีตั๊กต๋อนค่ำ = ผ-ี (สุกี้น้ำทักตอนกลางคืน)

    31.มดง่ามขบจู๋  = มดกัดจู๋
    32.หูเป๋นน้ำหนวก = หูเป็นโรคน้ำหนวก
    33.เมียสวกตบหงีบ = เมียดุตบหงีบ
    34.ผัวถีบตกรถ = ผัวถีบตกรถ (ตรงตามตัว เข้าใจเนอะ)

    35.เก็บกดแม่เมียด่า = (ตรงตามตัว )
    36.ขี้หมาติ๊ดเกิบ = ขี้หมาติดรองเท้า
    37.ต่าวอวบเติ๊บเปิ๊บก๋างห้าง = หกล้มกลางห้าง
    38.อารมณ์ค้างผัวเสร็จเวอย = อันนี้ติดเลยตรงตามตัว
    39.เม่อยไข้ทับระดู = ไม่สบายเป็นไข้ทับระดู
    40.ฮู บ่กระชับ = ช่องคลอดไม่กระชับ
    41.โดนยับใบขับขี่ = โดนจับใบขับขี่
    42.ไค่ขี้ต๋อนกิ๋นเข้า = ปวดอึตอนเช้า
    43.ฮักเมาแม่เฮือนหนุ่ม = หลงรักแม่เฮือน? หนุ่ม (ไรท์ก็ไม่รู้เหมือนกันคะว่าหลงรักอะไร 555)
    44.ไอ่ลุ่มบ่อไค่แข็งแรง = ข้างล่างไม่ค่อยแข็งแรง (แล้วมันตรงไหนล่ะที่ไม่แข็งแรง)
    45.เหม็นแมงแกงติดหัว  = เหม็นแมลงปีกแข็งที่มีกลิ่นฉุนๆ (เพื่อนคงเคยเห็นกันใช่ไหมค่ะ ที่ตัวมันดำๆ เหม็นๆ)
    46.ผัวบะนอนตวย = สามีไม่นอนด้วย
    47.ซื้อหวยก่อบะถูก = ซื้อลอตเตอร์รี่ไม่ถูกรางวัล
    48.ขี้มูกกั๊บฮุดัง = น้ำมูกเต็มจมูก
    49.เป๋นสังคังติดเก๊าขา = เป็นสังคังที่ขานีบ
    50.สาบขี้หมาในรถ = เหม็นขี้หมาบนรถ

    เป็นความทุกข์ที่ดูไร้สาระกันจริงๆ เลยนะ 555555 ไหนจะติดเรท หื่น โหดกันจริงๆ 

     

    ช่วยติดตาม เป็นกำลังใจให้ทองน้อยด้วยนะคะ 

    ขอบคุณค่า จ๊วบๆ 

     

     

    *********** Talk ********** สิริสุวรรณ 

    02/10/2558 23:55น.


    เรื่องของพี่รัมย์กับคนรักเก่าเนี่ยเลี่ยนเนอะ 555+ พี่รัมย์แกเป็นพวกแสนดีค่ะ 

    แต่ก็เป็นคนมีปม พระเอกของเราเป็นคนมีปมค่ะ เอ้...ปมเยอะรึเปล่าน้อ ตอนนี้

    ทองน้อยกำลังคิดว่าพระเอกของเราดีเกินไปรึเปล่า หรือจะเขียนให้พี่รัมย์

    ดีแตกดีไหม อายุอานามขนาดพี่รัมย์ ถ้าช้าไปกว่านี้ แสนดีแบบนี้จะจีบสาวทัน

    ใครเค้าไหม....แต่ว่าคิดไปคิดมาไม่ดีกว่าค่ะ 555 เพราะทองน้อยยังเชื่อว่า

    ผู้ชายอย่างพี่รัมย์ยังมีอยู่จริงแม้จะมี 1 ในล้านก็ตามค่ะ ถ้าเป็นผู้ชายสายโหด 

    ต้องรออีกสองเรื่องที่ทองน้อยวางแพลนเขียนเอาไว้นะคะ เป็นเรื่องของ

    เพื่อนๆ ของพระนางค่ะ คุณหมอรามิล+มลุลี, คุณสารวัตรนักรบ+แคทลียา 

    เอาไว้เรื่องของพี่รัมย์จบก่อน ส่วนเรื่องของหมอซัน+ปั้นหยา ทองน้อยกะว่าจะ

    รื้อให้หมดเลย  มะรู้จะเสร็จปีไหนแงๆ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้กันด้วยน้า

    เม้นๆๆๆ, ไลท์ๆๆๆ, Fav กันด้วยน้า ขอบคุณค่า ^3^ 

     

     

    1/10/2558 16:10 น. 

    เย้ๆ กลับมาแล้วค่า มาปั่นได้นิดๆ หน่อยๆ ตอนนี้อาจดูงง เครียดๆ อดีตของทั้งคู่ยังไม่จบนะคะ ยังมีเรื่องของพี่รัมย์อีก หนูรวีของเราก็น่าสงสารนะคะ นางไม่ใช่ตัวร้ายแน่นอนค่ะ

    แต่ว่ารับรองได้ว่าต่อจากตอนนี้ความสนุกกำลังจะเกิดขึ้นค่า เอ๊ะ! จริงเหรอ ..... 

    แฮ่ๆ ช่วงนี้ทองน้อยอยู่ในช่วงตั้งสติเต็มกำลังค่า เริ่มเข้าสู่ช่วงหน้าไฮซีซั่น ฤดูแห่งการท่องเที่ยว อาจมีติดงานโน่นนี่ แต่ก็พยายามเขียนอยู่ค่ะ ไว้ทองน้อยจะเอารูปสวยๆ มาฝากนะค้า ใครที่ติดตามกันอยู่อย่าเพิ่งหนีไปไหนน้า มาช่วยเป็นกำลังใจให้ทองน้อยเขียนจนจบที แงๆ สู้ๆ ค่า จุ๊บๆ ขอบคุณค่ะ 

     

     

    สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นขอขอบคุณทุกกำลังใจที่รีดเดอร์ให้มานะคะ ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ

    ทองน้อยหายไปนานเลย และก็นิสัยไม่ดีผิดสัญญาที่ให้ไว้ด้วย

    ว่าจะกลับมาอัพนิยายวันที่ 22 ขอโทษด้วยนะคะ รีดเดอร์ทุกท่าน 

    วันนี้ปั่นได้นิดเดียว แต่ว่าอยากลงให้อ่านก็เลยเอามาลง ได้นิดหน่อยรอลุ้น 

    รออ่านกันด้วยนะคะ ช่วงนี้ทองน้อยแทบไม่มีสมาธิ หรือสติจะทำอะไรเลยค่ะ 

    เพิ่งจะตั้งตัวได้ก็เมื่อไม่กี่วันนี้เอง เรื่องปั่นนิยายไม่ต้องพูดถึงเลย สมองมันตื้อไปหมด 

    จะแต่งก็กลัวว่าจะทำให้คุณรัมย์กับหนู๋พิมพ์เข้าสู่ยุคมืด ทั้งที่ตั้งใจว่าอยากจะให้เรื่องนี้

    เป็นเรื่องที่น่ารัก เบาๆ ไม่หนักเหมือนเรื่องหมอซันกับปั้นหยา 

    ความรู้สึกของทองน้อยตอนนี้ยังจมอยู่กับการสูญเสีย ทุกวันนี้ทองน้อยอยู่บ้านแทบไม่ได้เลยค่ะ 

    อยู่คนเดียวแล้วมันรู้สึกเหงาแล้วก็ว้าเหว่ เคยพูดคุย กินข้าวไปไหนมาไหนกับพ่อตลอด 

    ความรู้สึกของการจากไกลกันอยู่กันคนละที่มันยังอุ่นใจว่าวันหนึ่งก็จะได้มาพบเจอกันอีก 

    แต่ความรู้สึกของการจากลาและไม่มีคนๆนั้นอยู่บนโลกนี้อีกแล้ว มันยากเกินจะทำใจ

    ในเวลาอันรวดเร็วจริงๆ ค่ะ 

    ช่วยติดตามกันต่อ และชี้แนะด้วยนะคะ จะพยายามเขียนให้ดี ทำฝันให้เป็นจริง 

    หวังว่าสักวันจะได้อยู่ในใจของทุกคน สู้ๆ  

     

    "สิริสุวรรณ"

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×