คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : RP | วิชาศิลปะการเอาตัวรอด
ACADEMY CRIMINAL
สถาบันนักล่า(ฆ่า)อาชญากร
วิชาศิลปะการเอาตัวรอด
Japan
Professor’s Art of survive
Japan’s talk : สวัสดี Criminors ทุกคนในสถาบันด้วยนะครับ (ตาปรือ) ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการนะครับ กระผม นายเจแปน จะมาทำหน้าที่อาจารย์สอนวิชาศิลปะการเอาตัวรอดในคลาสเรียนนี้ เด็กเก่าจาก CDS และเด็กโดมบุกแหลกของผมคงรู้จักผมดี ผมไม่ใช่คนถือตัวอะไร เพราะฉะนั้น ..... (เริ่มสะอึกออกมาเป็นกลิ่นเหล้า) ขอโทษที เมื่อวานเจ้าแบล็คเบิร์ดชวนกินวอดก้า เลยดื่มหนักไปหน่อย เอิ๊กกก (เลอก่อนจะรีบปิดปากตัวเองเพราะเหมือนจะอาเจียน)
รุจ : มองดูท่าทางของคนตรงหน้าอย่างไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ มันคงจะเป็นบุคลิกของเขานั่นแหละ
วิชาศิลปะการเอาตัวรอด
การส่งงานในห้องเรียน 50 คะแนน
สอบข้อเขียน 50 คะแนน
วันนี้เริ่มเรียนกันเลยแล้วกันนะ ... เอิ๊กกกกก (กดรีโมทฉายเนื้อหาก่อนจะหลับฟุบกับโต๊ะ)
LESSON#4 : รถจมน้ำ/หนีตายในกองเพลิง
ทำอย่างไรเมื่อรถยนต์ตกน้ำ
คงปฏิเสธไม่ได้ว่ารถยนต์นั้นถือเป็นปัจจัยที่ ๕ ต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบัน การเดินทางไปไหนมาไหนด้วยรถยนต์ถือเป็นการเดินทางที่แพร่หลาย
ที่สุดในโลก และการเดินทางแต่ละครั้งก็จะต้องมีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก มิฉะนั้นแล้วจะก่อให้เกิดความเสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ดังนั้นความไม่ประมาทใน
ขณะขับขี่รถยนต์ จะทำให้เกิดความปลอดภัยในที่สุด
การที่ตนเองไม่ประมาทก็ใช่ว่าจะปลอดภัยได้ ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์เสมอไป เพราะว่าบนถนนนั้น มีรถยนต์วิ่งไปมาเป็นจำนวนมากมาย ผู้คนที่ขับขี่รถยนต์ก็มีความ
สามารถในการขับขี่ที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งก็อาจทำให้เราเกิดอุบัติเหตุได้เช่นกัน แต่ถ้ากรณีที่รถยนต์ประสบอุบัติเหตุตกน้ำ ซึ่งเป็นอุบัติเหตุอย่างหนึ่งที่มีข่าวเกิดขึ้นบ่อย
ครั้ง แต่ละครั้งผู้ขับขี่หรือผู้ที่โดยสารร่วมอยู่ด้วย มีโอกาสน้อยมากที่จะรอดชีวิตอย่างน่าเสียดาย เป็นเพราะเพียงคิดง่ายๆ ว่าเรื่องอย่างนี้เป็นเรื่องไกลตัว ไม่น่าจะเกิด
กับตัวเรา
เมื่อรถยนต์ตกน้ำ
ให้พึงระลึกไว้เสมอว่า เรายังมีเวลาพอที่จะทำอะไร หรือแก้ไขอะไรได้ เพราะขณะที่รถยนต์ตกน้ำ (รถยนต์ส่วนบุคคลสมัยนี้เกือบ ๑๐๐ % มักจะปิดกระจกใน
ขณะขับขี่) ดังนั้น รถจะไม่จมลงในทันที แต่จะค่อย ๆ จมลงอย่างช้า ๆ อย่างต่อเนื่องประมาณ ๑๗ - ๒๐ วินาที
ขั้นตอนการเอาตัวรอดทำอย่างไร ( คัดจาก : หนังสือนาวิกศาสตร์ ปีที่ ๙๓ เล่มที่ ๑๑ )
- อันดับแรกสำคัญมากที่สุด คือต้องตั้งสติให้มั่น (นับหนึ่งถึงสิบไม่ได้เพราะเวลาจะหมดไปโดยเปล่าประโยชย์) ให้คิดง่าย ๆ ว่า 'มันไม่ยากเกินไปที่จะแก้ไข
เมื่อมีสติ' - ขณะที่รถยนต์กำลังเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่จะตกน้ำ อย่าปลดเข็มขัดนิรภัยออกจนกว่ารถจะหมดแรงกระแทก หลายคนเมื่อเห็นว่ารถกำลังเคลื่อนที่จะลงน้ำ
ก็จะปลดเข็มขัดนิรภัยออกในทันที ซึ่งกรณีนี้อาจทำให้ศีรษะไปกระแทกจากแรงประทะของผิวน้ำได้ - ทันทีเมื่อรถยนต์นิ่งสงบอยู่ในน้ำ ไม่ควรเปิดประตูรถเพราะแรงดันน้ำจากภายนอกจะทำให้ไม่สามารถเปิดประตูได้ (จนท.ตำรวจสหรัฐ พิสูจน์ความจริงข้อนี้
แล้วว่า จากการนำรถยกห้อยรถในน้ำไว้ครึ่งคัน แล้วให้ตำรวจทั้งที่อยู่ในและนอกรถลองพยายามเปิดประตูรถ แต่ก็ไม่สามารถกระทำได้) - ขณะที่น้ำเข้ารถให้ออกทางหน้าต่างเท่านั้น โดยลดกระจกลง แบบมือหมุน (MANUAL) มีเวลาพอ แต่สำหรับกระจกไฟฟ้าจากสถานการณ์จำลองพบว่า แม้
รถจะจมอยู่ในน้ำระบบไฟฟ้าต่าง ๆ ก็ยังสามารถใช้งานได้ดีอีกประมาณ ๑๐ นาที ถึงแม้เครื่องยนต์จะดับ ไม่ต้องกลัวไฟช็อต เพราะในรถยนต์จะใช้ไฟกระแส
ตรง (D.C.) ไม่เหมือนไฟบ้านที่เป็นกระสลับ (A.C.) ซึ่งเมื่อโดนน้ำแล้วช็อตเลย ฉะนั้นในรถยนต์จะไม่มีการช็อต การทำงานของกระจกไฟฟ้าไม่กี่วินาทียังพอ
มีเวลาที่จะทำงานได้ - สูดลมหายใจให้เต็มที่และค่อยๆ เอาตัวออกที่ช่องหน้าต่าง ถึงแม้ช่วงที่เอากระจกลงจะมีน้ำไหลเข้ามาในรถก็ตาม ตัวเราก็สามารถว่ายน้ำออกทางหน้าต่าง
ได้ ไม่ต้องห่วงข้าวของมีค่า ถ้ามีผู้โดยสารมาด้วยก็บอกให้กระทำเช่นเดียวกัน หากมีเด็กให้หนีบเด็กนั้นออกมากับตัวท่านได้อีกหนึ่งคน ดังนั้น แม้เวลาเสี้ยว
วินาที ก็ต้องรีบกระทำดีกว่าไม่ทำอะไรเลย - กรณีไม่สามารถออกทางหน้าต่างได้ (เปิดหน้าต่างไม่ได้) ไม่ว่าสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ ข้อควรปฏิบัติต่อไป คือ ให้ปลดล็อกประตูที่เป็นทางออก (MANUAL)
ถ้าเป็นประตูไฟฟ้าก็ต้องกดปลดล็อก (เหตุผลเดียวกับข้อ 4) เมื่อน้ำเข้ามาในรถมากพอเกือบถึงหลังคา หลังความดันภายนอกและภายในรถใกล้เคียงกันแล้ว
ก็ให้ผลักบานประตูออกให้กว้างสุด แล้วนำตัวออกจากห้องโดยสารของรถได้ ท่านอาจจะปล่อยตัวให้ลอยขึ้นเหนือน้ำตามธรรมชาติ หรือ จะว่ายขึ้นมาก็ได้
ในกรณีหากน้ำลึกมาก ๆ อาจจะมองไม่เห็นว่าทิศใดเหนือหรือใต้น้ำ เพราะว่ามืดไปหมด ไม่ควรใช้วิธีว่ายน้ำ เพราะอาจว่ายน้ำไปทางทิศที่ไม่ขึ้นเหนือน้ำ
ในกรณีนี้ควรปล่อยให้ตัวลอยขึ้นตามธรรมชาติ หรือลองเป่าอากาศดูฟองว่าลอยขึ้นทางทิศใด ก็ให้ว่ายไปทางทิศของฟองอากาศลอยไป เช่นนี้แล้วจะไม่มี
อาการหลงน้ำ - เมื่อไม่สามารถเปิดประตูหรือลดกระจกลงได้เนื่องจากเกิดแรงกระแทกและชน (เกิดอุบัติเหตุ) ก่อนรถจะตกน้ำ ขั้นตอนต่อไปควรหาของแข็งมาทุบกระจก
เครื่องมือประจำรถที่เหมาะสมที่สุด คือ เหล็กขันน็อตที่มีอยู่ในถุงอะไหล่ รถกระบะทุกชนิดไม่ว่าสี่ประตู หรือ CAB จะเก็บถุงเครื่องมือไว้ใต้เบาะหลัง หรือ
ส่วนที่อยู่ในเก๋งด้านหลัง ส่วนรถเก๋งต้องหาวัสดุที่เป็นเหล็กหรือของแข็งพอที่จะทุบให้กระจกแตกได้ กระจกที่เลือกทุบมีหลักอยู่ว่ากระจกหน้าหลังจะเป็น
กระจกนิรภัยออกแบบให้แตกยาก ควรทุบกระจกด้านข้างเมื่อสู้แรงดันน้ำได้ หรือ ให้แรงดันน้ำในและนอกใกล้เคียงกันแล้วให้นำตัวออก มีความเป็นไปได้
กรณีไม่สามารถทุบกระจกข้างให้แตกได้ เพราะแรงดันน้ำภายนอก วิธีต่อไปให้เลือกทุบกระจกหลังเพราะเป็นส่วนที่จมน้ำหลังสุด (เพราะส่วนหัวจะจมก่อน) - อย่าตามอากาศอย่างเด็ดขาด การเสียชีวิตเนื่องจากติดอยู่ในรถก็เพราะผู้เสียชีวิตพยายามตามอากาศที่ไหลไปรวมกันอยู่หลังรถ เพราะหน้ารถพุ่งลงน้ำ
(เครื่องยนต์อยู่ด้านหน้า) หัวรถจะจมน้ำก่อนแล้วท้ายรถก็จะโด่งขึ้นอากาศจึงไหลไปรวมกันที่นั่งหลัง อากาศที่อยู่หลังรถดูเหมือนจะมีให้หายใจได้ แต่เมื่อ
จมลงไปเรื่อย ๆ ตัวรถจะเริ่มตั้งฉากอากาศจะถูกบีบออกทางกระโปรงหลังภายในไม่กี่นาที - การตัดสินใจปฏิบัติตามขั้นตอน ควรทำอย่างรวดเร็วเพราะไม่สามารถทายได้ว่าก้นน้ำจะมีความลึกมากแค่ไหน ภูมิประเทศใต้น้ำอย่างไร ถ้าเป็นโคลนโอกาส
รอดก็จะมีน้อยทีเดียว
จากสาระเล็กๆ น้อยๆ นี้เชื่อว่าน่าที่จะเป็นประโยชย์ได้บ้าง เมื่อผู้ประสบภัยรถตกน้ำและพอที่จะจำขั้นตอนการปฏิบัติได้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านผู้อ่านจะนำไปปฏิบัติเมื่อเกิดเหตุ หรือถ่ายทอดกับผู้อื่น และมีผู้ปฏิบัติรอดชีวิตสักเพียงหนึ่งคนก็จะเป็นอานิสงส์อย่างยิ่ง / นว.สส. เรียบเรียง
เมื่ออยู่ในกองเพลิง
เกี่ยวกับเรื่องนี้
เจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยได้ให้ข้อแนะนำว่า
การออกไปอยู่ในอาคารปิดทึบ ไม่ว่าจะเป็นผับ บาร์ หรือห้างสรรพสินค้า
สิ่งที่พึงกระทำเป็นอันดับต้น ๆ คือการมองหาทางหนีไว้อย่างน้อย 2 ทาง เช่น สังเกตตำแหน่งบันไดหลักและบันไดหนีไฟ
ประตู หน้าต่าง เส้นทางหนีไฟ และทางออกจากตัวอาคาร และจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่า
ทางออกนั้นไม่ได้ปิดล็อกหรือมีสิ่งกีดขวาง สามารถใช้ได้อย่างปลอดภัยจริง
นอกจากนี้
ต้องสังเกตอุปกรณ์ช่วยชีวิตและอุปกรณ์เตือนภัยว่ามีอยู่หรือไม่ เป็นแบบใด
อยู่ที่ไหน จำนวนและใช้อย่างไร ได้แก่ เครื่องดักจับควัน (Smoke Detectors) เครื่องดักจับความร้อน (Heat Detectors) อุปกรณ์ดับเพลิงอัตโนมัติ
(Sprinkler) อุปกรณ์แจ้งเหตุฉุกเฉิน (Fire/Emergency
Alarm) และเครื่องดับเพลิง (Fire Extinguisher)
วิธีการช่วยเหลือตนเองเบื้องต้น
เมื่อประสบเหตุเพลิงไหม้
1. ต้องควบคุมสติให้ได้ อย่าตื่นกลัวจนทำอะไรไม่ถูก
แล้วเปิดสัญญาณเตือนเพลิงไหม้(ถ้ามี) และหากได้ยินสัญญาณเตือนไฟไหม้
ให้รีบออกจากตัวอาคารทันที อย่าเสียเวลาตรวจสอบว่าเพลิงไหม้ที่ใด
2. หากเพลิงมีขนาดเล็ก พอที่จะดับเองได้ ให้ใช้ถังดับเพลิง เพื่อดับไฟ
หากไม่มีอุปกรณ์ หรือไม่สามารถดับเพลิงเองได้ ให้รีบแจ้งตำรวจดับเพลิง โทร. 199 จากนั้นรีบออกจากตัวอาคารทันที
และปิดประตู-หน้าต่างห้องที่เกิดเพลิงไหม้ให้สนิทที่สุดทันที (ถ้าทำได้)
เพื่อให้เกิดภาวะอับอากาศ วิธีนี้จะช่วยให้เพลิงไหม้ช้าลง ทำให้ง่ายต่อการดับเพลิง
แต่ต้องแน่ใจว่าไม่มีใครติดอยู่ข้างใน แล้วรีบวิ่งหนีออกมา
3. หากอยู่ในอาคารที่มีเพลิงไหม้ ก่อนจะเปิดประตูต้องแตะลูกบิดก่อน
โดยนั่งชันเข่าให้มั่นคงหลังประตู แล้วใช้หลังมือแตะที่ลูกบิดประตู
ถ้ามีความร้อนสูงแสดงว่ามีเพลิงไหม้อยู่ในห้อง หรือบริเวณใกล้ ๆ ดังนั้น
อย่าเปิดประตูโดยเด็ดขาด แต่หากลูกบิดไม่ร้อน ให้ค่อย ๆ บิดออกช้า ๆ
โดยใช้ไหล่คอยหนุนประตูไว้ หากทำได้ควรหาผ้าชุบน้ำปิดจมูก หรือผ้าห่มชุบน้ำชุ่ม ๆ
ไว้ด้วย
4. หากต้องเผชิญกับควันไฟที่ปกคลุม ให้ใช้วิธีคลานต่ำ ๆ
และหนีไปยังทางออกฉุกเฉิน
เพราะอากาศที่พอหายใจได้จะอยู่ด้านล่างเหนือพื้นห้องไม่เกิน 1 ฟุต เนื่องจากผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บในเหตุเพลิงไหม้ประมาณร้อยละ 90 เป็นผลมาจากสำลักควันไฟ เพราะมีทั้งก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์และไอร้อน
ทำให้ขาดออกซิเจน ควรเตรียมหน้ากากหนีไฟฉุกเฉิน (Emergency smoke mask) ไว้จะปลอดภัยกว่า หรืออาจใช้ถุงพลาสติกใสขนาดใหญ่ตักอากาศ
แล้วคลุมศีรษะหนีฝ่าควันออกมา
เพราะการคลานต่ำจะไม่สามารถทำได้จากชั้นบนลงชั้นล่างที่มีควัน
5. อย่าใช้ลิฟต์และบันไดเลื่อนขณะเกิดเพลิงไหม้
เพราะอุปกรณ์เหล่านี้จะหยุดการทำงานเนื่องจากไม่มีกระแสไฟฟ้า
ให้ใช้บันไดหนีไฟเท่านั้น
6. หากติดอยู่ในวงล้อมของไฟ
ให้โทรศัพท์แจ้งหน่วยดับเพลิงว่าท่านอยู่ที่ตำแหน่งใดของเพลิงไหม้
แล้วหาทางช่วยเหลือตัวเองโดยปิดประตูให้สนิท หาผ้าหนา ๆ
ชุบน้ำอุดตามช่องที่ควันเข้าได้ เช่น ใต้ประตูหรือช่องลมต่าง ๆ
ปิดพัดลมและเครื่องปรับอากาศ แล้วเปิดหน้าต่างส่งสัญญาณด้วยการใช้ไฟฉายหรือผ้าโบก
และตะโกนขอความช่วยเหลือ ทั้งนี้ เพื่อให้คนนอกอาคารรู้ตำแหน่งที่แน่นอน
7. หากมีไฟลามติดตัว อย่าเพิ่งวิ่ง เพราะยิ่งวิ่ง... ไฟจะยิ่งลุกลาม
ให้หยุดนิ่ง และล้มตัวลงนอนกับพื้นทันที หลังจากนั้นให้ใช้มือปิดหน้า
กลิ้งตัวทับเสื้อผ้าที่ติดไฟจนดับ
8.ถ้าหนีออกมาได้แล้ว
ไม่ควรกลับเข้าไปในอาคารอีก หากยังมีคนอื่นติดอยู่ภายในอาคาร
ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ดับเพลิงทราบ เพื่อที่เจ้าหน้าที่จะได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ที่ติดอยู่
การปฐมพยาบาลผู้บาดเจ็บจากไฟไหม้เบื้องต้น
1. ใช้น้ำสะอาด ราด รด หรือแช่ผู้บาดเจ็บจากไฟลวก
เพื่อลดความเจ็บปวดของบาดแผล หยุดการทำลายจากความร้อน
2. หากผู้บาดเจ็บสวมแหวน นาฬิกา กำไล ให้รีบถอดออก
เพราะไม่นานบริเวณที่ถูกความร้อนจะเกิดอาการบวม
3. ปิดแผลด้วยผ้าปิดแผล ถ้าหาไม่ได้ให้ใช้ผ้าเช็ดหน้า
ปลอกหมอนหรือผ้าปูที่นอนพันบาดแผลไว้ และรีบนำส่งโรงพยาบาล
สิ่งที่ต้องเตรียมไว้ล่วงหน้า
1. บันไดหนีไฟ เป็นสิ่งจำเป็นที่สุด
เมื่อเกิดเพลิงไหม้จะช่วยให้เราออกจากสถานที่เกิดเหตุได้ พวกอาคารสูงๆ
นั้นก็ต้องมีบันไดหนีไฟไว้ด้วย แต่ถ้ามีบันไดแล้วใช้ไม่เป็นก็ไม่ดีแน่ค่ะ
นี่คือข้อแนะนำในการใช้บันไดหนีไฟ
- ควรมีการตรวจสอบสภาพของบันไดหนีไฟให้พร้อมใช้งานได้อยู่ตลอดเวลา
- ควรซักซ้อมความเข้าใจในการใช้บันไดหนีไฟ
- หากมีลูกกรงเหล็กดัด ต้องทำกลอนประตูที่เปิดออกได้ง่าย
ไม่ควรคล้องกุญแจเด็ดขาด
2. อุปกรณ์ดับเพลิง ควรมีไว้ประจำบ้าน ประจำชั้นต่าง ๆ ของตึก
และต้องเรียนรู้การใช้เครื่องดับเพลิงด้วย
3. วัตถุไวไฟ ควรเก็บให้มิดชิด หากไม่จำเป็นจริง ๆ
ควรเก็บไว้นอกที่พักจะดีกว่า
4. อุปกรณ์ไฟฟ้า ต้องรักษาให้อยู่ในสภาพดี ควรมีการตรวจสอบอยู่เสมอ
หากพบว่าชำรุดต้องรีบแก้ไข ซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ทันทีเพื่อป้องกันการเกิดไฟฟ้ารั่ว
ซึ่งเป็นต้นเหตุของเพลิงไหม้
5. อย่าใช้ลิฟต์ขณะเกิดเพลิงไหม้ เพราะลิฟต์จะเป็นช่องทางให้ควัน
ความร้อนและเปลวไฟผ่าน และยิ่งถ้ากระแสไฟถูกตัดขาด
รับรองว่าติดอยู่ในลิฟต์ตายแน่นอน
6. อย่าหวงข้าวของต่าง ๆ อย่าคิดว่ามีเวลาเหลือพอที่จะกอบโกยข้าวของออกมา
ควรรีบหนีไฟออกมาก่อนดีกว่า เงินทองของนอกกาย ไม่ตายก็หาเอาใหม่ได้
หวังว่าข้อแนะนำต่าง
ๆ เหล่านี้ คงเป็นประโยชน์กับทุกคนนะคะ อย่างไรก็ตาม หากเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
อย่าลืมว่าสิ่งสำคัญคือการมีสติเท่านั้นที่จะช่วยให้เรารอดชีวิตได้
ไสลด์ยังฉายต่อไปจนหมดแผ่นก่อนที่เสียงกริ่งจะดังขึ้น
เจแปนสะดุ้งก่อนจะรีบเช็ดน้ำลายของตัวเอง เด็ก ๆ
ในคลาสกำลังเก็บของกันเตรียมจะออกจากห้อง
เฮ้! อย่าลืมทำการบ้านบนไสลด์ด้วยนะ
เดี๋ยวช่วงเย็น ๆ จะมีคนมารับพวกนายไปทำภารกิจ
รุจ : ภารกิจบ้าอะไรกันที่จะต้องเสี่ยงตายขนาดนั้น ไม่มีเหตุผลเลย ชายหนุ่มได้แต่คิดในใจก่อนที่จะออกจากห้องไป ถ้าเขาตายขึ้นมาใครมันจะรับผิดชอบกัน
การบ้านวิชาศิลปะการเอาตัวรอด
คำสั่ง : นักเรียนทุกโดมถูกวางยาสลบหลังจากที่ออกจากคลาสไปและพาตัวไปปฏิบัติภารกิจเสี่ยงตาย ทุกคนต้องอธิบายวิธีการหนีตายออกมาจากบริเวณที่กำหนดให้ได้
Spinel Dormitory / = พวกหนู ๆ เป็นโดมที่ผมดูแลอยู่ เพราะฉะนั้นจะเป็นโดมพิเศษที่ได้ถูกส่งไปยังตึกที่เกิดเพลิงไหม้ หนีตายจากตึกที่กำลังเกิดเพลิงไหม้โดยที่นักเรียนอยู่คนละห้องกัน
*คำอธิบายเพิ่มเติม : ตึกนี้เป็นโรงแรมหรู ถูกแบ่งออกเป็น 5 ชั้น ชาวสปิเนลจะอยู่ชั้นสุดท้าย ประตูทางออกดาดฟ้าถล่ม แน่นอนว่าอีก 4 ชั้นไฟก็ลามไปบางส่วนแล้ว ชั้นสุดท้ายจะเป็นห้องนอนและห้องเต้นรำ {สามารถลงมาทางลิฟต์ได้ถ้ากล้าพอ/พังประตูหนีไฟได้ถ้าแข็งแรงพอ/จุดสิ้นสุดคือทางเข้า-ออกโรงแรมเท่านั้น}
ขุนแผน : ห้องนอน 407
ยูริ : ห้องเต้นรำ
มุกดา : ห้องเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาด
โย : ห้องนอน 405
นักรบ : ห้องจ่ายไฟ
อัง : ห้องเต้นรำ
Canalian Dormitory / Quartz Dormitory / Topaz Dormitory = อยู่ในรถมือสองที่ใกล้จะจมน้ำเต็มที หาทางรอดออกมาจากรถให้ได้นะ ^^
ขอย้ำ! ขอย้ำ! นี่คือการปฏิบัติการจริงของนักล่าอาชญากรทุกท่าน เอาตัวรอดกลับมาส่งงานให้ได้นะ
เงื่อนไข
- อธิบายการทำภารกิจที่ได้รับมอบหมาย
- คะแนน 50 คะแนน
- กำหนดส่งวันที่ 3 - 8 สิงหาคม 2558 เวลา 00.00 น.
- ส่งงานที่บาร์ของโดมสปิเนล
ค่าตอบแทนเมื่อทำงานสำเร็จ
- Tact Skill +9
- Body Skill + 12
- Note Skill + 9
- Decision Skill +7
- Life +10
- คะแนนงานที่ได้ (ได้ไม่เท่ากัน)
เมื่อทำงานไม่สำเร็จ!
- Life-20
- โดนขึ้นป้ายรายงานที่หน้ากระดานคะแนน (เกิน 3 ครั้ง ตาย!)
ความคิดเห็น