คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : [SF] Hero ...ღ
Hero
เสียงพูดคุยกันจ้อกแจ้กจอแจอย่างต่อเนื่องในโรงอาหารกลาง ไม่ได้ทำให้สมาธิของร่างเพรียวในชุดนักศึกษาลดลงเลย หากแต่สิ่งที่ทำให้สมาธิขาดผึ่งจนต้องฟาดฝ่ามือลงบนโต๊ะคือเสียงฮึมฮัมเพลงที่สุดแสนจะไม่เอาไหนของเจ้าเด็กกวนประสาทต่างหาก
“คยูฮยอน บอกเพื่อนนายที ว่าไปร้องเพลงหาเศษตังค์ที่อื่น”
คนได้ฟังหัวเราะคิก กระทุ้งศอกเบาๆใส่สีข้างเพื่อนสนิทที่ยังคงฮัมเพลงต่อไปไม่รู้ร้อนรู้หนาว
“เจ้าแม่พิโรธแล้วเว้ย”
ใบหน้าหล่อละม้ายคล้ายพระเอกละครดังหลังข่าววันพุธหันกลับมามองใบหน้าของคนที่ทำตาดุอยู่ตรงข้ามหลังจากที่ฮัมเพลงอยู่ในโลกส่วนตัว มือหนาดึงเอาหูฟังออกหนึ่งข้าง ก่อนเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่าตนทำอะไรผิด
“กวนประสาท” เสียงหวานบ่นออกจากปาก ก่อนจะกลับไปหยิบดินสอไม้บนโต๊ะ แล้วทำการแก้โจทย์คณิตศาสตร์ของเด็กมอปลายอีกครั้ง
“ตรงนี้ คยูฮยอน จากกราฟ จะได้สมการถดถอยที่ประมาณได้คือ
“อ่าฮะ”
“นั่นแหละ ถ้าเพิ่มชั่วโมงอีก1ชั่วโมง คะแนนก็จะเพิ่มขึ้น 4.97 คะแนน แล้วถ้าคาดคะเนคะแนนสอบจากสมการถอดถอย จะได้แบบตารางนี้!”
ป๊อก!
เสียงเคาะปากกาลงโต๊ะที่ไม่เบานัก จบลงพร้อมกับกระดาษทดเลขก้อนกลมๆที่ถูกขยำแล้วปาใส่กบาลเด็กมึนที่ยังนั่งร้องเพลงกวนสมาธิอย่างต่อเนื่อง
“โอ๊ะ!” เสียงร้องดังขึ้น พร้อมมือหนาที่ลูบหัวตัวเองป้อยๆ จ้องมองคนหน้าหวานฝั่งตรงข้ามที่ทำตาเขียวใส่
“คยูฮยอน พรุ่งนี้ห้าโมงครึ่ง อย่าเลท” พูดจบก็รวบเอาชีทบนโต๊ะมาเคาะสองสามที ก่อนจะยัดทั้งหมดลงกระเป๋า
“พอแล้วหรอพี่ทงเฮ”
“วันนี้พอแค่นี้ อย่าลืมเอาการบ้านมาให้พี่ดูตอนเช้าด้วย โอเค?”
“ตามนั้น”
เมื่อตกลงกันเรียบร้อย ร่างบอบบางก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ มือข้างนึงรวบเอาของที่ไม่ได้ใส่ลงกระเป๋ามาถือไว้ แล้วรีบเดินจากไป
“ไปซะล่ะ…” คยูฮยอนคราง
“ไปนะ” เสียงทุ้มเอ่ยลาเพื่อนตัวสูงที่ยังคงเก็บกระเป๋าอยู่ตอนที่พี่ชายตัวบางลุกไป คยูฮยอนทำเพียงพยักเพยิดหน้าให้ ก่อนที่เพื่อนซี้จะวิ่งเร็วๆตามแผ่นหลังบางที่รีบจ้ำอ้าวไปแล้ว
“เฮ้อ กูสอบตก จะโทษมึงคนเดียวเลยคิบอม!”
เสียงย่ำเท้าดังสวบสาบถี่ๆจากด้านหลัง แปรเปลี่ยนเป็นก้าวยาวๆ เมื่อระยะทางระหว่างตัวเองกับคนข้างหน้าร่นลง ใบหน้าหล่อยกยิ้มอารมณ์ดีไปตามประสา ผิดกับอีกคนที่ไม่ว่าจะก้าวเท้าให้ยาวที่สุดแค่ไหน ก็เดินหนีเจ้าคนที่คิดจะเปลี่ยนตัวเองเป็นปลิง คอยเกาะติดชีวิตของเขาไม่พ้นสักที
เวลาสองทุ่ม ถนนหลวงโล่งสบายเพราะสายฝนที่ชิงตกไปก่อนในตอนเช้า รถจึงไม่ติดแถมไม่ใช่ชั่วโมงเร่งด่วน คนจึงไม่เบียดเสียดกันบนรถ ใช้เวลายืนรอไม่นานนัก รถประจำทางสายประจำก็มาพอดี ร่างเล็กถอนหายใจก่อนจะก้าวขึ้นไปบนรถ โดยมีอีกหนึ่งชีวิตเดินตามขึ้นมาติดๆ
ที่ว่างบนรถมีเยอะ แต่ไม่ต้องเดาให้ยากเลย มนุษย์ปลิงที่เปลี่ยนเป็นลิงเลือกที่จะมายืนโหนรถอยู่ข้างๆทงเฮที่จงใจเลือกเบาะเดี่ยว ร่างบางจิ๊ปากอย่างขัดใจ แต่ก็เปลี่ยนมาเลือกหยิบหนังสือจากกระเป๋ามานั่งอ่าน แทนที่จะทำท่าทางโมโหให้คนที่ยืนอยู่มันได้ใจ
กับเด็กกวนประสาทอย่างคิมคิบอม เพิกเฉยคือกิริยาที่เหมาะสมที่สุด
แต่คนที่โหนรถเมล์อยู่ก็ไม่ได้ปล่อยให้ร่างบางได้เพิกเฉยตัวเองได้นาน สะโพกสอบจงใจเบียดกระแซะเข้าที่ไหล่ร่างบางทุกครั้ง ไม่ว่ารถจะเบรกเพราะไฟแดงหรือไม่เบรกก็ตาม ใบหน้าหล่อยกยิ้มพอใจเมื่อเห็นคนหน้าหวานทำหน้าหงิกเพราะรำคาญ แต่ก็เลือกที่จะไม่ตอบโต้
เหม่อมองออกไปข้างทางได้ไม่นาน จุดหมายปลายทางก็มาถึง ทงเฮรวบเอาหนังสือในมือมากระชับไว้ เตรียมตัวลง ร่างบอบบางแทรกตัวผ่านร่างหนาที่ยืนเป็นยักษ์วัดแจ้งเฝ้าเบาะ และก่อนที่เท้าเล็กจะก้าวพ้นตัวหนาๆนั้น ทงเฮก็จงใจเหยียดเข้าที่เท้าของอีกคนเต็มๆ
“โอ๊ย!”
หัวเราะคิกในลำคอ แต่ยังคงฟอร์มอาการไว้ด้วยใบหน้าที่เรียบดึง พอรถจอดเทียบป้ายและเปิดประตู ทงเฮก็ก้าวลงทันที
จากป้ายรถเมล์ เดินขึ้นเนินเตี้ยๆ จากนั้นก็เลี้ยวขวา บ้านของอีทงเฮอยู่เกือบสุดซอย ร่างเล็กเดินกลับบ้านด้วยความสบายใจ แต่พอเกือบจะไขประตูบ้านเข้าไป เสียแมลงหวี่แมลงวันก็ตามมากวน
“กลับดึกนะน้องทงเฮ เที่ยวไหนมาจ๊ะ” ไม่พูดเปล่า เจ้าของร่างสูงตามมาตรฐานชายเกาหลี คว้าเข้าที่ข้อมือบาง ก่อนจะถูกสะบัดออก
“แหม จับนิดจับหน่อยก็ไม่ได้ ทำเป็นหวงตัว พี่กับน้องทงเฮก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลกันซะหน่อย” เสียงพูดพร้อมกับหน้าตาที่บิดเบี้ยวไปมา ทงเฮย่นจมูกหน่อยๆเมื่อได้กลิ่นแอลกอฮอล์ฟุ้งมาจากคนตรงหน้า
“พี่ชางมินฮะ เมาแล้วก็กลับบ้านไปเถอะ ทงเฮจะเข้าบ้าน”
“พี่ไม่ได้ม๊าววว แหม น้องทงเฮ จะรีบไปไหนกัน ไปบ้านพี่ก่อนสิ มีของดีจะให้ดู” มือหยาบกร้านคว้าเข้าที่มือบางอีกครั้ง หวังจะใช้แรงที่เหนือกว่าฉุดกระชากคนตัวบางไปยังบ้านของตน
“อื้อ! ปล่อยนะพี่ชางมิน ปล่อย!” ร่างเล็กสะบัดข้อมือออก แต่ก็สู้แรงคนเมาไม่ไหว ทงเฮขืนตัวสุดกำลัง มืออีกข้างที่เป็นอิสระพยายามแกะมือของชางมินออก
“อย่าดิ้นน่า! ไม่เจ็บอย่างที่คิดหรอก” น้ำเสียงชั่วร้ายเอ่ย แววตามองอย่างหื่นกระกาย ก่อนจะออกแรงฉุดร่างเล็กอีกครั้ง
“ปล่อยนะ! ช่วยด้วย ช่วยด้วยฮะ ช่วยด้วย!!”
ผลัก!!! ตุ๊บ!!!
ฟร้อนท์คิกท่วงท่าสวยงาม เตะลงที่ปลายคางตามแบบฉบับท่าเทควันโด้พื้นฐาน ชิมชางมินหงายหลังตึงลงไปกับพื้นถนนพร้อมกับหลับยาว
ร่างเล็กทำตาโต ลำดับเหตุการณ์ภาพที่เห็นอย่างรวดเร็ว แล้วจึงค่อยๆหันไปยังคนที่โชว์เทควันโดด้วยสายตาอึ้งๆ
“สามแต้ม”
“ที่ไหนกัน แค่แต้มเดียวเท่านั้นแหละ เข้าบ้านได้แล้ว”
“ขอบใจ”
“อื้ม”
ทงเฮไขกุญแจบ้านอีกครั้งอย่างสบายใจ ก่อนจะหันกลับมามองใบหน้าหล่อของคนที่ยังยืนอยู่ที่เดิม ริมฝีปากเล็กเม้มบางๆก่อนจะตัดสินใจเอ่ยประโยค
“กลับบ้านดีๆนะคิบอม”
สมุดการบ้านของนักเรียนมอปลาย ถูกตรวจทานอย่างละเอียดด้วยนักศึกษาปีสองมหาวิทยาลัยชื่อดัง ทงเฮพลิกหน้ากระดาษไปมาอีกครั้งเพื่อหาความผิดพลาด แล้วก็ต้องยิ้มออกมาอย่างพอใจเมื่อลูกศิษย์คนเก่งทำไม่ผิดแม้แต่ข้อเดียว
“ไงพี่ทงเฮ เก่งป่ะ”
“ให้มันได้อย่างงี้ตลอดแล้วกัน” ทงเฮว่า ดันสมุดส่งคืนให้ลูกศิษย์ตัวสูง แล้วเตรียมลุกเพื่อจะกลับไปยังคณะ แต่สมุดอีกเล่มก็ถูกยื่นมาตรงหน้าเสียก่อน
ร่างเล็กมองหน้าเด็กชายมอปลายอย่างไม่เข้าใจ อีกฝ่ายที่วางสมุดตรงหน้าก็ไม่ได้ช่วยไขข้อข้องใจ ร่างสูงของโจคยูฮยอนยิ้มอย่างมีเลศก่อนจะช่วยไขข้อข้องใจให้พี่ชายตัวบาง
“ตรวจให้มันหน่อย”
“หืม?”
“ก็ตรวจให้มันหน่อย การบ้านเหมือนกันแหละ” คยูฮยอนบอก พร้อมกับดึงให้พี่ชายตัวบางที่กำลังจะลุกนั่งลงอีกครั้ง ทงเฮทำหน้าปลางงไม่นานก็หยิบเอาสมุดการบ้านคณิตศาสตร์ที่เขียนชื่อติดไว้หน้าปกว่าคิมคิบอมขึ้นมาตรวจ
เมื่อพลิกไปกลับดูจนครบ ก็พบว่าโจทย์คณิตศาสตร์ถูกแก้ได้อย่างถูกต้องไร้ข้อผิดพลาด ลีทงเฮกำลังจะพลิกปิดสมุดการบ้านเพื่อส่งคืนให้เจ้าของ แต่เสียงทุ้มก็เอ่ยขัดขึ้นมาก่อน
“หลังสุดด้วย”
“…” ? ทงเฮมองหน้าเด็กมอปลายแล้วก็ไม่ได้คำตอบอะไรเพิ่มเติมจากใบหน้านั้น แต่ด้วยไหวพริบอันชาญฉลาด คนตัวบางจึงพลิกเลยหน้าสมุดไปยังแผ่นสุดท้าย
.
.
.
“แหวะ!!” เสียงแหวะดังมาจากปากของคนตัวสูง โจคยูฮยอนแทบอ้วกกับมุกเสี่ยวตอนเช้าของเพื่อนหน้าหล่อ ร่างสูงโปร่งคว้าเอาสมุดการบ้านของคิมคิบอมคืนก่อนจะคว้าเอาคอเสื้อของเพื่อนออกไปจากโต๊ะด้วย
“ไปก่อนนะพี่ทงเฮ” ตะโกนบอกก่อนจะจากไป แล้วปล่อยให้ทงเฮต้องนั่งหน้าแดงอยู่คนเดียวเงียบๆ
ก็สมุดการบ้านเด็กมอปลายที่ไหน จะเขียนคำว่า ซารัง’เฮ’ ใส่ไว้บนกระดาษหน้าสุดท้ายกัน
คิมคิบอม ไอ้เด็กบ้า!
“เฟี้ยวนักนะมึงเนี่ย” คยูฮยอนพูดด้วยความหมั่นไส้ขณะลากคอเพื่อนไปตามทางเข้าโรงเรียน อีกคนไม่ตอบอะไรนอกจากกดยิ้มอารมณ์ดีแล้วหัวเราะหึในลำคอ
“แต่ก็รีบๆหน่อยแล้วกัน มัวแต่หยอด ทำตัวกวนตีนเค้า เดี๋ยวไอ้พวกในมหาลัยจะคาบไปแดกซะก่อน”
“ไม่มีวันหรอก” เสียงทุ้มเอ่ยด้วยความมั่นใจ คยูฮยอนได้แต่ส่ายหัวไปมาให้กับความมั่นใจของเพื่อนตัวเอง
“เออ กูจะคอยดู”
Hero
ทงเฮมาก่อนเวลาที่นัดกับลูกศิษย์นิดหน่อย ร่างเล็กคนชาเขียวนมสดในแก้วเล่นรอเวลาไม่นาน หนังสือกองโตก็ถูกวางตรงหน้าในเวลาต่อมา
“กินไรมายัง” ทงเฮถาม คยูฮยอนส่ายหน้า
“ให้เวลาสิบห้านาที” คยูฮยอนฉีกยิ้มให้พี่ชายใจดี ก่อนจะหยิบกระเป๋าสตางค์เพื่อเดินไปซื้ออะไรทาน
จนคยูฮยอนเดินกลับมา ทงเฮถึงเลิกทำคอยาวเป็นยีราฟ ร่างสูงโปร่งเห็นแบบนั้นจึงยิ้มมุมปากแล้วพูดดักคอ
“มันไม่มาหรอก ติดซ้อม”
“ห่ะ? อะไร ยังไม่พูดอะไรเลย”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไร บอกให้รู้ แหม ร้อนตัว”
“ไอ้เด็กนี่!” ทงเฮว่าเสียงเขียว เคาะดินสอไม้แท่งเดิมลงไปกลางกบาลของคยูฮยอนดังป๊อก!
“โอ๊ยเจ็บ”
“ก็ตีให้เจ็บงัย!” ทงเฮว่า คยูฮยอนทำหน้าเบี้ยว นึกหมั่นไส้พี่ชายตัวเล็กนิดๆ ทำเป็นปากดีไป เดี๋ยวยุให้ไอ้คิบอมไปจีบคนอื่นแล้วจะร้องไม่ออก วิงวอนคยูฮยอนคนนี้ให้ช่วยเห๊อะ
การเรียนคณิตศาสตร์ในยามเย็นผ่านไปได้ด้วยดี คยูฮยอนมีสมาธิจะตายที่พี่ทงเฮไม่หงุดหงิดนู่นหงุดหงิดนี่ ร่างสูงโปร่งทำโจทย์ทั้งในสมุดแบบฝึกหัดและโจทย์ที่พี่ทงเฮตั้งให้อย่างใจเย็นและถูกต้องทุกข้อ ผิดกับอีกคนที่แม้จะไม่มีคนมากวนใจอย่างทุกที แต่สายตาแทบจะมองไปนอกกระดาษทุกๆสามนาที
“จะกลับเลยป่ะ” คยูฮยอนถาม เมื่อตัวเองทำโจทย์เสร็จตั้งนานแล้ว แต่คุณครูตัวบางยังมองเหม่อ ไม่สอนต่อ
“ห่ะ?”
“อะไร ถามว่าจะกลับเลยป่ะ ฟังมั่งป่ะเนี่ย”
“ทำโจทย์เสร็จแล้วหรอ”
“นานแล้ว ไม่รู้ใจลอยไปถึงไหน ห้องซ้อมเทควันโด้มั้ง”
“นี่!” ทงเฮว่า เตรียมจะหยิบดินสอมาเคาะหัวโจคยูฮยอนอีกครั้ง แต่เจ้าเด็กตัวยาวก็อาศัยความไวกว่า ขโมยไปได้
“อย่าคิดว่าจะยอมให้ตีง่ายๆนะ ไม่ใช่ไอ้คิบอม”
“คยูฮยอน!!”
“อะไร เรียกจังเลยนะ ไม่เปลี่ยนไปเรียกชื่อเพื่อนผมมั่งล่ะ”
“ไอ้เด็กนี่!” ทงเฮลุก ทำท่าจะกระโจนใส่ไอ้ลูกศิษย์ตัวดีที่ทำหน้าทะเล้น แต่โชคร้ายเมื่อมีคนที่เดินผ่านมาด้านหลัง ข้อศอกเล็กดันไปโดนแก้วน้ำแดงในมือพอดี ส่งผลให้มันหกพรวด ราดกางเกงเนื้อดีกับร้องเท้าหนังราคาแพง
“ซวยแล้ว” คยูฮยอนพูด ทำตาโต จริงๆเห็นแล้วว่ามีคนเดินผ่าน แต่พูดไม่ทัน กรรมเลยตกมาเป็นของอีทงเฮจังๆ
“ขอโทษครับ!” ทงเฮรีบกล่าวขอโทษ ก้มหัวรัวๆ เพราะถ้าเป็นคนที่ถูกน้ำหวานราดใส่แบบนี้ ตนก็คงจะโกรธเหมือนกัน
“ไม่เป็นไรๆ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกอย่างไม่คิดจะเอาความ ทงเฮมองน้ำหวานสีแดงที่ไหลรินจากแก้วเป็นหยุดสุดท้าย มองความเสียหายที่เกิดขึ้น แล้วมองเลยขึ้นไปบนใบหน้าของเจ้าทุกข์
“คริส”
“อ่า พี่ทงเง”
“คิก พี่ชื่อทงเฮ” ทงเฮหัวเราะให้สำเนียงแปลกๆของรุ่นน้องยามเรียกชื่อตน
“อ่า แอมซอรี่ พี่ทง-เฮ~” รุ่นน้องหน้าหล่อเอ่ยชื่อทงเฮช้าๆ ทีละคำ
“คริส พี่ขอโทษนะ เดี๋ยวพี่เอาเสื้อผ้าไปซักให้ แล้วเดี๋ยวค่าน้ำ พี่จะจ่ายให้ด้วย”
“ไม่เป็นไรครับพี่ทง-เฮ เรื่องแค่นี้เอง อีกอย่าง ถ้าพี่เอาเสื้อผ้าผมไปซัก แล้วผมจะใส่อะไรกลับล่ะ”
“เออจริง ลืมคิด” ทงเฮบอก เกาหัวแก้เก้อ
“งั้น…เอานี่ เช็ดไปก่อน” บอกพร้อมส่งผ้าเช็ดหน้าสีเรียบให้รุ่นน้อง นำไปเช็ด
“ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไร พี่สิน้องขอโทษที่ทำคริสเปียก”
“ครับ” ร่างสูงของรุ่นน้องบอก แล้วนำผ้าเช็ดหน้าเก็บใส่กระเป๋าเสื้อ “ผมไปล้างที่ห้องน้ำดีกว่า ไว้เจอกันนะครับพี่ทงเง”
“พี่ชื่อทงเฮ!”
“ครับ!”
ร่างสูงของรุ่นน้องเดินไปจนลับตา ทงเฮที่ทำสีหน้ายิ้มแย้มก็เปลี่ยนมาทำหน้าไก่ป่วย ร่างเล็กตวัดสายตาไปมองคยูฮยอนที่นั่งอยู่ตรงข้าม
“เพราะนาย ทำให้พี่ต้องชนเขา”
“ขอโทษษษ ไม่คิดว่ามันจะเป็นแบบนี้นิ ว่าแต่เค้าเป็นใครน่ะพี่ทงเฮ” คยูฮยอนทำหน้าหมาสงสัย
“รุ่นน้องที่คณะ ชื่อคริส”
“ชื่อเว่อร์มาก”
“เค้าไม่ใช่คนเกาหลี เป็นคนจีน”
“ถึงว่า สำเนียงแปลกๆ พี่งงเง~”
“ทงเฮเว้ย! คริสเค้าไม่ได้เรียกน่าเกลียดแบบนายซะหน่อย”
“พอกันแหละ จะกลับยังพี่ ดึกแล้วเนี่ย” คยูฮยอนเปลี่ยนเรื่อง ยกนาฬิกาข้อมือมาดูก็พบว่าเกือบจะสองทุ่มแล้ว
“กลับก็ได้ พรุ่งนี้เวลาเดิมนะ”
“กี่โมงนะ”
“ไอ้นี่นิ ห้าโมงครึ่ง” ทงเฮว่าอย่างเหลืออด
“เข้าใจแล้ว” คยูฮยอนบอกยิ้มๆ ไม่ได้จำเวลาไม่ได้หรอก แต่อยากกวนตีนเล่นถ่วงเวลาเท่านั้นเอง
ครืดด ครืดด สมาร์ทโฟนเครื่องหรูที่ถูกตั้งสั่นเอาไว้ตามคำสั่งของอีทงเฮสั่นอยู่ในกระเป๋า คยูฮยอนคว้ามาดูชื่อที่โทรเข้าแล้วยิ้มมุมปาก
“อะไร”
“กลับยัง”
“กูหรอ”
“ไม่ใช่มึงอ่ะ”
“เหอะ กำลัง ทำไม?”
“บอกรอก่อนดิ กำลังออกจากยิม”
“เลิกซ้อมแล้ว?”
“เออ บอกรอก่อนแล้วกัน”
“เออ!” กระแทกเสียงจบก็กดตัดสาย ได้ยินเสียงฝั่งตรงข้ามก็รู้ดีว่าคิมคิบอมกำลังวิ่งมา คยูฮยอนหย่อนโทรศัพท์ใส่กระเป๋าก่อนจะหันไปมองหน้าทงเฮ
“พี่ทงเฮ รอก่อนดิ๊ ปวดฉี่”
“เกี่ยวไร ปวดก็ไปฉี่สิ กลับคนละทางอยู่แล้ว”
“น่า รอก่อน ไม่อยากไปฉี่แล้วอยู่คนเดียว”
“อะไรเนี่ย” ทงเฮบ่น แต่ก็ยอมนั่งลงโดยดี คยูฮยอนโกยกระเป๋าแล้วเดินลิ่วๆไปห้องน้ำตามที่บอก
“ไม่เอากระเป๋าไว้นี่หรอ”
“ไม่ เอาไปด้วยเดี๋ยวหาย” ทงเฮได้ยินแบบนั้นก่อนที่คยูฮยอนจะหายออกไปทางประตู ร่างเล็กขมวดคิ้วมองเจ้าลูกศิษย์ที่ทำตัวแปลกประหลาด แต่ก็ยังคงนั่งรอ
เสียงหอบแฮ่กๆดังอยู่ข้างหู ทงเฮหันไปมองแล้วก็ต้องผงะเกือบตกเก้าอี้ เมื่อเห็นเด็กมอปลายในชุดเทควันโด้สีขาวสะอาดใบหน้าชุ่มเหงื่อ เส้นผมสีน้ำตาลไหม้เปียกลู่ไปตามโครงหน้าหล่อ กลีบปากอิ่มอ้าปากหายใจเอาอากาศเข้าปอด
“กลับยัง”
“ห่ะ?”
“จะ….กลับยั ง” ร่างสูงพูด พยายามควบคุมเสียงให้เป็นปกติทั้งๆที่เหนื่อยแทบขาดใจ
“ยัง รอคยูฮยอนอยู่” ทงเฮบอก จ้องมองร่างสูงที่ยืนหอบตัวโยน
“งั้นกลับเลย มันโทรมาบอกแล้วไม่ต้องรอ”
“เอ๊ะ…” ทงเฮทำหน้าเหวอ คิดตามที่คิบอมพูด ก่อนจะตบโต๊ะ “คยูฮยอนหลอกงั้นหรอ!”
“รู้ก็ดีแล้ว กลับเถอะ” บอกพร้อมหันหลัง เดินนำคนตัวบาง ที่อีกไม่กี่นาทีต่อมา ก็เดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงเพราะถูกลูกศิษย์ตัวดีหลอก
วันนี้คิบอมเป็นฝ่ายก้าวขึ้นรถเมล์ก่อน เพราะทงเฮทำท่าตาค้อนควับและจะไม่ยอมขึ้นเพราะโกรธที่ถูกลูกศิษย์และเพื่อนตัวดีหลอก ร่างสูงจึงคว้าข้อมือบางเอาไว้ก่อนที่รถจะเคลื่อนออกไป คิบอมก้าวนำทงเฮไปตามตัวรถเพื่อหาที่นั่ง แต่วันนี้ดูฟ้าฝนจะไม่เป็นใจนัก เพราะก่อนทงเฮจะก้าวขึ้นรถเมล์ เม็ดฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมา ผู้คนบนรถจึงมีมากกว่าทุกวัน เบาะที่นั่งว่างเหลือเพียงตัวเดียว ร่างสูงจึงดึงข้อมือบางให้นั่งลง
“นั่งไป ถือกระเป๋าให้ด้วย” บอกเสียงเรียบ พร้อมถอดกระเป๋าเป้วางไว้บนตักคนตัวบาง
“ไม่นั่งล่ะ?” ถามเพราะไม่อยากเอาเปรียบ จริงๆคิบอมมีสิทธิที่จะนั่งเพราะเดินมาก่อน ไม่จำเป็นเลยต้องให้เขานั่ง
“นั่งไปเหอะ ชอบยืน” ร่างสูงบอกแบบนั้น ทงเฮก็พยักหน้าเออออไปด้วย อยากยืนก็ดี ทำตัวเองแท้ๆ อีทงเฮไม่ได้ขอสักหน่อย
ถึงบ้านทงเฮอย่างสวัสดิภาพ วันนี้ไม่มีพี่ชางมินมายืนกวนใจอีก ร่างเล็กไขกุญแจบ้านเข้าไป พอจะหันมาบอกให้คนที่เดินตามมากลับบ้านดีๆ เจ้าเด็กเทควันโด้ก็พลุ่งพรวดเข้ามาในบ้าน
“คิบอม!” ร่างเล็กร้องแหว รีบไขกุญแจปิดบ้านแล้วเดินตามเข้าไป
“เข้ามาทำไม ไม่กลับบ้าน”
“หิว” ร่างสูงตอบ วางกระเป๋าสะพายใบโตไว้บนโต๊ะ แล้วเดินสำรวจรอบบ้าน
“หิวก็กลับไปกินบ้าน บ้านฉันไม่มีอะไรให้กินหรอก”
“รามยอนซักห่อก็ยังดี”
“ขี้เกียจต้ม!”
“ตัวเองก็ยังไม่กินไม่ใช่หรือไง” คิบอมพูดดัก ทงเฮได้แต่เก็บตาคว่ำๆเอาไว้แล้วขมุบขมิบปาก ร่างเล็กหันไปบอกแขกของบ้านว่าอย่าหยิบจับของอะไรตามใจชอบ แล้วจึงหันเข้าครัวไปต้มรามยอน
“ใส่ไข่รึเปล่า” เสียงหวานตะโกนมาจากครัว
“อื้ออ”
Hero
รามยอนสองถ้วยถูกวางไว้ตรงหน้า ร่างสูงนั่งลงบนเก้าอี้ในห้องครัว รอทงเฮเทน้ำเย็นใส่แก้วแล้วจับตะเกียบขึ้นคีบเส้นจากชาม
เสียงซู๊ดปากทำให้ร่างสูงหลุดขำ ทงเฮทำตาดุใส่ก่อนจะตวัดลิ้นเลียคราบน้ำซุปที่มุมปาก ทั้งสองนั่งทานรามยอนกันเงียบๆ มีเพียงเสียงช้อนกระทบชามกระเบื้องบางทีเท่านั้นที่ช่วยสร้างบรรยากาศ
“ฝนตก!” ทงเฮบอก ตากลมโตมองไปยังถนนด้านนอก ที่จู่ๆสายฝนก็เทกระหน่ำลงมา ร่างสูงหันกลับไปมองตามแล้วก็เห็นอย่างที่ร่างบางบอกจริงๆ แต่ก็เพียงแค่นั้น ร่างสูงก็กลับมาสนใจรามยอนอร่อยๆตรงหน้าต่อ
“นี่ ฝนตก”
“รู้แล้ว” เสียงทุ้มบอกงึมงำเพราะยังมีเส้นอยู่เต็มปาก
“แล้วกลับไง”
“เดี๋ยวกลับ”
“ไม่มีร่มไม่ใช่หรอ”
“อยากให้อยู่หรอ”
“เปล่า!” ร่างสูงยักไหล่ ไม่อยากต่อล้อต่อเถียง ก้มหน้าก้มตากินรามยอนต่ออย่างสบายใจ เห็นแบบนั้นทงเฮเลยขี้เกียจถามเอาความ จะเอาไงก็ตามใจ เปียกไม่เปียกก็ไม่เกี่ยวกับทงเฮเลย
แต่แล้วที่บอกว่าไม่เกี่ยวกับทงเฮน่ะ ผิดถนัด ฝนบ้าที่จู่ๆก็ตกมาอย่างกับเทกระจาด แถมยังไม่ยอมหยุดง่ายๆเสียด้วย จนเกือบจะสี่ทุ่มแล้ว คิมคิบอมยังติดแหงกอยู่ที่บ้านทงเฮอยู่เลย
“อาบน้ำก่อนมั๊ย” ทงเฮถามคนที่นั่งจ้องทีวีอยู่หน้าโซฟา ไม่ได้เป็นห่วงอะไรมานักหรอก แต่ชักจะเหม็นเหงื่อแล้ว
ตอนแรกคิบอมกะจะส่ายหัว แต่เมื่อเห็นว่าในมือเจ้าของบ้านมีทั้งผ้าคนหนูผืนใหม่และเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยน คิมคิบอมจึงเปลี่ยนเป็นพยักหน้าแล้วลุกขึ้นจากโซฟาแทน
“ใช้ห้องน้ำในห้องนอนฉันแล้วกัน ห้องน้ำข้างล่างไม่มีพวกสบู่กับแชมพู” ร่างเล็กบอก พร้อมชี้ทางให้แขกไปยังห้องน้ำด้านบน
ทงเฮใช้เวลาช่วงที่ร่างสูงอยู่ในห้องน้ำอ่านหนังสือ ร่างเล็กวางบรรดาเลคเชอร์ไว้บนโต๊ะไม้ญี่ปุ่น ก่อนจะนั่งลงบนเบาะนุ่มสีน้ำตาล ดวงตากลมเหม่อมองออกไปยังนอกหน้าต่างเป็นครั้งคราว และยังไม่เห็นวี่แววว่าฝนจะหยุดตกเสียที
เสียงฟ้าร้องดังขึ้นพร้อมกับประตูห้องน้ำที่เปิดออก ร่างสูงของเด็กมัธยมปลายอยู่ในชุดลำลองขนาดพอดีตัว อีทงเฮอาจจะตัวเล็กกว่าเขา แต่ก็ไม่จำเป็นต้องมีเสื้อผ้าที่ไซส์เล็กกว่าจนขนาดที่เขาใส่แล้วน่าเกลียด กลับกัน เสื้อผ้าไซส์ของทงเฮ มันออกจะพอดีตัวด้วยซ้ำเมื่อมาอยู่ในร่างของคิมคิบอม
ใบหน้าหล่อที่ตอนนี้ใสกิ๊กเพราะเพิ่งล้างหน้าด้วยโฟมล้างหน้า เส้นผมสีน้ำตาลไหม้เข้มขึ้นเพราะเปียกน้ำ กลิ่นหอมอ่อนๆของทั้งสบู่และแชมพูทำให้ทงเฮทำจมูกฟุดฟิด แล้วหันกลับมามอง
พระเจ้า! หล่อโคตร !!
ร่างสูงเลิกคิ้วมองอีทงเฮที่อ้าปากค้าง ทำท่าเหมือนน้ำลายจะไหล พอนัยน์ตาหวานเชื่อมสบกับตาคมแล้ว อีทงเฮก็รู้สึกว่าใบหน้าของตัวเองร้อนผ่าว จนต้องรีบหลบสายตา ทำเป็นสนใจตัวหนังสือลายมือหยึกยือในกระดาษสีขาว
ในมือของร่างสูงมีผ้าเช็ดผมสีน้ำเงินอยู่ คิบอมใช้มันเช็ดผมให้พอหมาดเพื่อจะไม่เป็นหวัด ระหว่างนั้นก็เดินไปรอบๆห้องเพื่อเก็บรายละเอียด
ภายในห้องนอน มีรูปภาพของอีทงเฮหลายรูปที่ตั้งกรอบวางไว้ ไม่ว่าจะบนลิ้นชักหรือหัวเตียง เป็นภาพเด็กชายผอมบาง ตัดผมทรงประหลาดๆกับผิวขาวใส ฉีกยิ้มหวานๆ แทบจะทุกรูป พอถัดมาหน่อยก็เป็นรูปในวัยมัธยม ที่เริ่มจะมีเค้าลางความเป็นอีทงเฮในปัจจุบันมากขึ้น ส่วนสูงที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทรงผมยักศกยาวระต้นคอ และที่ตราตรึงในหัวใจใครหลายๆคนคงจะหนีไม่พ้น ใบหน้าขาวอมชมพูที่สวยหวานขึ้นเรื่อยๆตามกาลเวลา
“หาอะไรน่ะ” ร่างเล็กมองตามร่างสูงที่เดินไปรอบห้อง คิมคิบอมทำเพียงยักไล่ก่อนจะเดินมาหยุดแล้วนั่งลงข้างๆร่างบาง
“ทำไร” หน่วยตาคมชะเง้อมองกองชีทที่กระจายเต็มโต๊ะ ตัวหนังสือถูกไฮไลท์หลายสีขีดทับ ดูแล้วอย่างกับสมุดวาดเขียนของเด็กอนุบาล
“อ่านหนังสือน่ะสิ” เสียงหวานตอบ เตรียมตัวกลับไปจ้องมองตัวหนังสือบนกระดาษอีกครั้ง พอหยิบชีทวิชาแคลคูลัทขึ้นมา กลับพบว่าตัวเองไม่มีสมาธิจะอ่าน เพราะสายตาที่จ้องไม่ไปไหนของคนข้างๆนี่แหละ
“จะจ้องอีกนานมั๊ย” ทงเฮถาม ทั้งที่ไม่ได้หันไปสบตาคนใกล้ๆ ก็เพราะรู้ว่าถ้าหันกลับไป ใบหน้าต้องห่างกันไม่ถึงคืบแน่
ร่างสูงไม่ตอบ แต่เปลี่ยนเป็นหยิบจับของบนโต๊ะเล่น ปากกาไฮไลท์ด้ามโปรดของทงเฮหล่นจากมือดังแกร๊ก มือบางก็ตีเพี้ยะเข้าที่มือหนาทันที
“ซนไม่เข้าเรื่อง ไปหาการบ้านตัวเองมาทำเลยไป” ทงเฮบ่นเสียงงุ้งงิ้ง แล้วพอจะบ่นต่ออีกก็เก็บปากเงียบ เพราะใบหน้าหล่อ จู่ๆก็เคลื่อนมาใกล้ อย่างกับจะมาแย่งอากาศจากจมูกของทงเฮหายใจ
“บ่นอยู่ได้ อย่างกับคนแก่” เสียงทุ้มบอก จ้องมองใบหน้าหวานที่อยู่เกือบติดใบหน้าตนเอง นัยน์ตาคมจ้องมองลูกแก้วสีน้ำผึ้งหวานหยดที่บัดนี้สะท้อนเงาของตน
.
.
.
.
.
.
“น่ารัก”
-/////////////////////////////-
เจ้าของคำพูดเมื่อครู่หายไปแล้ว แต่ทงเฮยังนั่งตาโตตัวแข็งอยู่ที่เดิมไม่ขยับไปไหนหรืออาจเป็นเพราะขยับไม่ได้ ใบหน้าหวานซับสีเลือดจนเกือบสุกปลั่ง แถมยังรู้สึกร้อนผ่าว กว่าจะตั้งสติได้ก็เพราะขาดอากาศหายใจเพราะลืมหายใจเอาอ็อกซิเจนเข้าไปนี่แหละ
ทงเฮใช้เวลาต่อบนห้องด้วยการอ่านหนังสือ แต่จะเรียกว่าอ่านคงไม่ถูกต้องทั้งหมด เพราะดูท่า ฝ่ายอ่านน่าจะเป็นหนังสือที่อ่านทงเฮมากกว่า นิ้วเรียวพลิกหน้ากระดาษไปมาใจลอย พออ่านได้สองบรรทัด ก็วนกลับมาอ่านประโยคเดิมใหม่ แล้วพออ่านได้สี่บรรทัด ก็วนกลับมาอ่านบรรทัดแรกใหม่ เป็นแบบนี้ทุกๆ สองนาที จนในที่สุดก็ต้องเก็บหนังสือทั้งหมดไว้ที่ชั้นวางแล้วปิดโคมไฟดวงจิ๋วที่อยู่บนโต๊ะแล้วฟุบหน้าลงกับโต๊ะพร้อมพรูลมหายใจ
เสียงริงโทนเรียกเข้าดึงสติทงเฮกลับมาหลังจากที่ใจลอยคิดเรื่องนู่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย แต่เรื่องที่คิดส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นคนที่หนีลงไปทำการบ้านอยู่ห้องข้างล่างแล้ว ทงเฮคว้าเอาเจ้าสมาร์ทโฟนหุ้มด้วยเคสสีเหลืองสดใส เมื่อดูที่หน้าจอว่าเป็นใคร ใบหน้าหวานก็ยิ้มหน้าแป้นก่อนจะกดรับ
“คอมบังวะฮะคุณแม่” ทงเฮกรอกเสียงใสลงไปตามสาย ทักทายมารดาที่ตอนนี้อยู่ที่ประเทศใกล้เคียงอย่างดินแดนอาทิตย์อุทัย
“ทงเฮ ยังไม่นอนหรือจ๊ะ”
“ยังฮะ เพิ่งเก็บหนังสือเสร็จ”
“อย่าหักโหมมากนะลูก นอนดึกไม่ดีกับสุขภาพนะ”
“ครับคุณแม่ แล้วคุณแม่ล่ะครับ เพิ่งเลิกงานหรอ ดึกแล้วเหมือนกันน้า”
“จ๊ะพ่อตัวดี แม่เพิ่งกลับจากงานเลี้ยงที่บริษัท กำลังจะอาบน้ำเข้านอนแล้ว เลยโทรมาเช็คก่อนว่าลูกชายไม่ไปดื้อไปซนที่ไหน”
“โหยคุณแม่ ทงเฮไม่ไปหรอกครับ เฝ้าบ้านรอคุณแม่อยู่นี่”
“แหม พูดจาเข้า แม่ไม่ได้บอกให้เราอยู่เสียหน่อย เราน่ะไม่ยอมตามแม่ญี่ปุ่นเอง ไม่รู้ว่าแอบมีแฟนอยู่ที่นู่นหรือเปล่า ถึงไม่ยอมมากับแม่”
“ไม่มีหรอกครับ ทงเฮมีคุณแม่แค่คนเดียว จะให้ไปรักคนอื่นได้ยังไงกัน” พูดออดอ้อนซะจนคนเป็นแม่ส่ายหน้าให้กับความฉอเลาะ อิมยุนอา พูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนต่ออีกนิดหน่อย ก่อนจะวางสายไป
“ห้าทุ่มครึ่งแล้ว” ทงเฮบอกกับตัวเองเบาๆ เมื่อมองไปยังหน้าปัดนาฬิกาบนโทรศัพท์ ร่างเล็กวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเปิดประตูห้องเพื่อเดินลงไปชั้นล่างของบ้านที่มีแขกกึ่งรับเชิญเข้ามาอาศัยอยู่
หน้าจอทีวีถูกเปิดทิ้งไว้ แต่คนดูน่ะผล็อยหลับไปแล้ว ร่างเล็กขมวดคิ้วขัดใจหน่อยๆ บอกให้มาทำการบ้านแต่มานอนหลับคาโซฟาซะนี่ น่าปล่อยให้โดนยุงหามออกไปนอนข้างนอกเหลือเกิน
“คิบอ ม~”
“คิบอม ตื่นนน”
“คิม คิ บอมมม …..อ๊ะ!!” ดวงตากลมโตเบิกกว้าง เมื่อจู่ๆข้อมือบางที่หวังดีไปสะกิดคนที่หลับคอพับบนโซฟา ถูกดึงอย่างแรง จนร่างบอบบางเซไปปะทะกับอกแกร่ง ยังไม่ได้ทันได้ทำอะไร วงแขนแกร่งก็ตวัดเอาเอวบางแนบสนิทกับตัว ไม่ยอมให้หนีไปไหน จนทงเฮต้องดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอด
“อื้อ จะทำอะไร ปล่อยนะ” เสียงหวานเอ่ยทั้งๆที่ใบหน้านั้นกำลังร้อน ร่างสองร่างสนิทแนบเนื้อไปทุกส่วน
“อื้ออ เด็กบ้า ปล่อย” ทงเฮขืนตัวดิ้น แต่ก็ไม่ช่วยให้หลุดออกจากอ้อมกอดแกร่งได้ วงแขนยังรั้งคนตัวบางให้นอนทับอยู่บนตัว
ใบหน้าคมกดยิ้มพอใจ เมื่อเห็นใบหน้าหวานที่แดงน้อยๆ อีทงเฮขบกัดริมฝีปากตัวเองแล้วพยายามดิ้นขลุกขลัก
“อยู่นิ่งๆสิ” เสียงทุ้มเอ่ยเบา แทบจะเป็นเสียงกระซิบ
“ใครจะนิ่ง บอกให้ปล่อยงัยเล่า!” ทงเฮบอกซ้ำ เตรียมตัวออกแรงดิ้นอีกครั้ง จนกระทั้งเสียงทุ้มที่เพิ่งพ้นวัยแตกหนุ่มเอ่ยแหบพร่าข้างหู
“เสื้อผ้ามันบางนะรู้มั๊ยอีทงเฮ ดิ้นนิดเดียวมันก็รู้สึกแล้ว”
พูดจบ หน้าของทงเฮก็แดงก่ำ ร่างเล็กหยุดการเคลื่อนไหวร่างกายทันที แล้วก็พบว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้น ไอคิบอมน้อยมันดุนมาโดนหว่างขาของทงเฮ จนร่างทั้งร่างเกรงวาบ
“ไอเด็กทะลึ่ง!” ทงเฮว่า บิดข้อมือที่วางอยู่ มาบิดเนื้อตรงหน้าอกของเด็กหนุ่ม
“โอ้ยยย” คิบอมร้องเสียงหลง เจ็บชะมัด หยิกมาได้
“ปล่อยเลย!” ทงเฮร้องอีกครั้ง ก่อนจะหลุดออกมาจากอ้อมกอดแกร่งเพราะร่างสูงคลายออก มือเรียวกำแน่นเตรียมจะทุบลงบนอกแกร่งของเด็กทะลึ่งอีกครั้ง แต่ก็ได้ยินเสียงห้ามแกมขู่เอาไว้ก่อน
“ตีจะปล้ำจริงๆนะ”
“ไอบ้า!!” พูดจบก็วิ่งปรู๊ดหน้าแดงขึ้นไปบนบ้าน คนตัวสูงที่นอนอยู่บนโซฟามองตามบันไดขึ้นไปแล้วหัวเราะหึในลำคอ
“ถ้าไม่ปล่อยให้สงบ ไม่ต้องขึ้นมานะ!” ทงเฮตะโกนบอกมาจากด้านบน จากนั้นคิบอมก็ได้ยินเสียงปิดประตูล็อกกลอน ร่างสูงยิ้มก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำ…
เสียงก๊อกๆ ดังขึ้นที่บานประตูไม้แล้วทิ้งช่วงอยู่นาน กว่าเจ้าของห้องจะเปิด ใบหน้าหล่ออมยิ้มกวน ทงเฮกัดริมฝีปากล่างเข่นเขี้ยว ก่อนจะผละเดินมาเตียงนอน
“ไม่กลับแล้วนะ” เสียงทุ้มบอก เมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูอย่างเดิม
“รู้แล้ว” เสียงหวานบอกห้วน ฝนเจ้ากรรมก็เพิ่งหยุดไปเมื่อครู่ จะมาหยุดอะไรเอาป่านนี้ก็ไม่รู้ ร่างเล็กเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าหลังโต หอบเอาที่นอนปิกนิกพร้อมผ้าห่มนวมออกมากองแหมะไว้บนพื้นกลางห้อง
“ปูเลย” ทงเฮบอก ปล่อยทุกอย่างไว้ที่พื้นแล้วกระโดดขึ้นเตียง หยิบหมอนในปลอกหมอนสีน้ำตาลเข้มขึ้นมาตบๆ ก่อนเตรียมจะโยนลงใบกองกับบรรดาผ้าห่มและที่นอนปิกนิก
“โหอะไร ที่นอนตัวเองตั้งกว้าง” ร่างสูงเหล่ตาไปมองเตียงขนาดหกฟุตของเจ้าของห้อง อีทงเฮตัวก็นิดเดียว ให้เขาขึ้นไปนอนด้วยก็ไม่น่าจะอึดอัด
แต่ร่างเล็กเบ้หน้า ในใจคิดว่าก็เพราะคิมคิบอมนั่นแหละที่อยากทำรุ่มร่ามกับตนก่อนทำไม ไม่อย่างนั้นอีทงเฮคงจะให้มานอนด้วยกันบนเตียงแบบไม่ตะขิดตะขวงใจแล้ว แต่ในเมื่อทำอะไรไว้ ก็ควรจะได้รับผลนั้นแหละนะ นอนข้างล่างน่ะดีแล้ว!!
“บ่นเป็นคนแก่ไปได้ รึอยากไปนอนข้างล่างกัน”
“นอนด้วยกันหรอ”
“ไม่ใช่! หมายถึงแบบนั้นที่ไหนกันล่ะ!” ทงเฮร้อง ขึ้นเสียงสูงทันที ไม่รู้ว่าคิมคิบอมแกล้งโง่หรืออะไรกัน
ร่างสูงทำเสียงหึในลำคอ เมื่อเห็นว่าอีทงเฮรีบแก้ตัวจนหน้าขาวๆนั่นแดง มือหนาก้มลงหยิบปลายที่นอนมาปูออก ก่อนจะจัดแจงวางหมอนและผ้าห่มให้เข้าที่
“ปิดไฟ” ทงเฮออกคำสั่ง ร่างสูงพยักหน้า ก่อนจะดันที่นอนของตัวเองไปชิดกับเตียงของเจ้าของห้องแล้วทำเป็นเดินไปปิดไฟ
“ขยับออกไปเลย ไม่ต้องมาใกล้!” ทงเฮร้องเสียงดัง แต่ร่างสูงก็ไม่สนใจ ล้มตัวลงนอนข้างๆเตียงอย่างเหนื่อยอ่อน
“บอกให้ออกไป!” ทงเฮทำเสียงให้แหลมหนวกหูกว่าเดิม แล้วทำท่าจะมาลากที่นอนของคิบอมออก แต่ร่างสูงก็รู้ทันแล้วพูดขู่อีก
“ลงมาจะปล้ำจริงด้วย”
“อึ๊ย!” ร่างเล็กทำเสียงขัดใจ แล้วเก็บขาที่กำลังจะก้าวลงมานั่งพับเพียบบนเตียงของตัวเองแทน ไม่รู้ว่าที่พูดน่ะจริงหรือโกหก แต่อีทงเฮก็ไม่อยากเอาเวอร์จิ้นไปเสี่ยงหรอก
อีทงเฮล้มตัวลงนอน ตวัดผ้าห่มขึ้นมาคลุมกายจนมิด เหลือเพียงลูกกะตาดำสองข้างที่โผล่พ้นผ้าห่มขึ้นมามองหลอกแหลก
“ทงเฮ”
“…”
“ทงเฮ~”
“หื้อ”
“ฝันดี~”
“…”
“….”
“…”
“อื้อ ฝันดี”
“ห่ะ!! ได้แค่จับมือ!!”
“อื้อ”
“อะไรว่ะ! ได้บุกไปบ้านทั้งที แถมยังนอนในห้องด้วยกัน เป็นกูไม่ปล่อยให้โง่ ตื่นขึ้นมาได้รู้กันบ้างล่ะวันใครผัวใครเมีย” โจคยูฮยอนโวยวายใหญ่ เสียงดังจนแทบตลาดเปิด หญิงสาวทั้งในห้องต่างห้องถึงกับหันมามองสองหนุ่มหล่อแห่งโรงเรียนสาธิตที่นั่งเล่นกันอยู่บนม้าหินใต้ตึกก่อนเข้าเรียน
“ไอสัด เสียงดัง คนเค้ามองใหญ่แล้ว”
“เออ มองก็ดีดิว่ะ กูจะได้ช่วยประกาศแม่งเลย จะได้แอ้มสาวทั้งที เสือกได้แค่นอนจับมือเค้าทั้งคืน” ยิ่งพูดยิ่งรู้สึกถึงความโง่ของเพื่อนจนอยากเข้าไปเขย่าดูบ้างว่าในหัวสมองของคิมคิบอมมันบรรจุอะไรอยู่ ถึงได้ใจถึงแต่ไอเรื่องโง่ๆ กล้าขออีทงเฮนอนจับมือทั้งคืน แต่ไม่กล้าลุกขึ้นปล้ำ
“แล้วมึงจะให้กูทำไง ขึ้นคร่อมแล้วปล่อยในเค้าเลยไงว่ะสัด กูไม่ได้อยากได้ตัว กูอยากได้หัวใจด้วย ถ้าข่มขืนพี่เค้าแล้วเค้าเกลียดกูไปตลอดชีวิต แล้วจะได้อะไรขึ้นมาวะ”
“ไม่รู้ ได้เปิดซิงมั้ง โอ้ย!!” คยูฮยอนกำท้ายทอยทำหน้าเจ็บปวด เมื่อเพื่อนรักประเคนผ่ามือพิฆาตให้
“ทีกับกูงี้ มาลงไม้ลงมือ ทีกับพี่ทงเฮล่ะไม่กล้า ไม่รู้แหละ กูเตือนมึงด้วยความหวังดี ถ้าไม่รีบ ไอ้หน้าหล่อที่ชื่อคริสอะไรนั่นมาคาบไปแดก ถึงเวลานั้นกูก็ช่วยอะไรไม่ได้”
“คริสไหน”
“เห็นว่าเป็นรุ่นน้องพี่ทงเฮ หน้านี่หล่อเป๊ะ ตานี่คมสาดดดด เมื่อวานยืนคุยกัน เห็นจ้องพี่ทงเฮตาเป็นมัน”
“ไม่ต้องมาอำกู”
“อำพ่อง ไม่เชื่อมึงคอยดูเหอะ เมื่อวานเห็นให้ผ้าเช็ดหน้ากันด้วย”
“จริง!” คิบอมกระชากคอเสื้อของมนุษย์ปากหอยปากปูที่ยังพูดไม่หยุด ตัวสูงโปร่งในชุดนักเรียนปลิวติดมาตามแรงดึงทำตาเหลือก ไม่คิดว่าไอ้คิบอมจะแรงเยอะเวลาเลือดขึ้นหน้าขนาดนี้
“เอ่อะ เอ่อออ คิบอม มึงใจเย็นดิว่ะ ปล่อยเสื้อกูด้วย” คยูฮยอนพูดเสียงอ่อย สงสัยจะใส่ไข่มากไปหน่อย ลืมไปว่าไอบ้านี่มันเป็นนักกีฬา เวลาฮึกเฮิมล่ะน่ากลัวสัด
“เออ กูขอโทษ ลืมตัวไปหน่อย” บอกพร้อมลดมือลง คยูฮยอนกลืนน้ำลายผ่านกระเดือกลงเอื้อก ดันแว่นกรอบสี่เหลี่ยมงี่เง่าให้เข้าที่แล้วจัดปกคอเสื้อให้ตัวเอง
“ไอเชี่ยนั่นมันเป็นใครว่ะ”
“บอกว่าชื่อคริส เป็นคนจีนด้วยนะมึง พี่ทงเฮเค้าว่างั้น”
“สนิทกันมาก?”
“ก็ระดับหนึ่งเลยแหละ เห็นหัวร่อต่อกระซิกกันคึกคัก ไม่สนใจกูที่เรียนอยู่เล๊ย”
ปึง!! ฝ่ามือแกร่ง ที่ทุบแผ่นอิฐมามากกว่าร้อยแผ่นกระแทกลงบนโต๊ะม้าหินเสียงดัง ขนาดคยูฮยอนยังสะดุ้ง … ท่าจะได้ผลแหะ ยุมันซะขนาดนี้ คยูฮยอนลอบยิ้ม
hero
“แหะๆๆ กีฬาสานสัมพันธ์ปีนี้มาถึงแล้วว่ะ ไม่อยากจะบอก โชคเป็นของมึง” คยูฮยอนทำหน้าอ้อยตอแหลวิ่งเข้ามาหาคิบอมที่นั่งอารมณ์เสียเป็นหมีโดนผึ้งรุมต่อย กระดาษเอสี่สีขาว พิมพ์อักษรเกาหลีและตารางเวลาต่างๆ ถูกวางไว้บนโต๊ะของชายหนุ่มหน้าหล่อ
“ไรว่ะ” คิบอมยกเท้าขึ้นมาพาดโต๊ะ ไม่ได้สนใจรอยยิ้มยั่ว(โมโห) ของคยูฮยอนสักเท่าไหร่
“ตารางแข่งกีฬาสานสัมพันธ์ซองคยูนกวาน-สาธิต” แล้วคำตอบที่ได้รับก็ไม่ผิดคาด เมื่อคิมคิบอมทำหน้าเบื่อโลก เพราะตารางคงหนีไม่พ้นการที่จับเขาเป็นตัวแทนสาธิต แข่งกับเด็กปีหนึ่งของมหาวิทยาลัยซองคยูนกวาน
“นี่ มึงอย่าเพิ่งทำหน้าเบื่อดิว่ะ มึงดูตารางเด่ะ รอบชิง แข่งวันเกิดมึงเป๊ะ” คยูฮยอนบอก ทำให้คิบอมเบ้หน้าไปใหญ่ ไอ้กีฬาสานสัมพันธ์นี่ น่าจะยกเลิกไปสักที แข่งกีฬาสีกับโรงเรียนยังสนุกกว่า นึกได้ไงให้เด็กมอปลายไปแข่งกีฬากับเด็กมหาลัยเพื่อเป็นการสานสัมพันธ์นักศึกษา-นักเรียน ในรั้วเดียวกัน
“แกล้งแพ้ตั้งแต่วันแรกแม่งเลย” คิบอมบอก
“อย่าเพิ่งสิว่ะ มึงดูคู่แข่งมึงซะก่อน… อู๋อี้ฟาน วงเล็บชื่อว่าคริส ปีหนึ่งคณะเสดสาดดดดดดดด”
“จริง!”
“จริงแท้แน่นอนว่ะเพื่อน คราวนี้มึงกับเค้าได้วัดกันแน่”
“หึหึ กูก็ว่างั้น” แล้วใบหน้าเบื่อโลกก็เปลี่ยนเป็นยิ้มเหี้ยมจากการเสี้ยมของตน โจคยูฮยอนเอามือลูบขนที่ลุกชันบนแขน เพราะนานๆที จะเห็นคิมคิบอมมันแสยะยิ้มร้าย
และแล้วก็เป็นไปตามคาด คิมคิบอมจากสาธิตซองคยูนกวานกับอู๋อี้ฟานจากคณะเศรษฐศาสตร์ ผ่านเข้ามาชิงกันในรอบสุดท้าย สาวๆทั้งจากสาธิตและมหาวิทยาลัยซองกยูนกวาน ต่างพากันตื่นเต้น อดรนทนไม่ไหว เพราะได้ข่าวมาว่าทั้งสองฝ่ายหล่อสูสีกินกันไม่ลง
“เลือกเอาเลยเชวเร็น จะเชียร์ข้างไหน คริสโอป้าหรือคิบอมโอป้า” เสียงกรี๊ดกร๊าดของสาวๆ อยู่หน้ายิมที่ใช้ในการแข่งขันดังเซ็งแซ่ ทงเฮที่ได้ตั๋วเข้าชมเทควันโด้มาฟรีเนื่องจากเป็นเด็กจากคณะเดียวกันกับผู้เข้าชิง ยืนงงๆอยู่หน้ายิม ชวนเพื่อนมาเชียร์คริสด้วยกันก็ไม่มีใครยอมมา เห็นว่าไปเชียร์น้องซีวอนมอหกที่แข่งว่ายน้ำสนุกกว่าเยอะ
ป๊าบบบ ลำแขนยาวฟาดคอลงมาที ทำทงเฮเกือบทรุด ร่างเล็กเงยหน้าไปมองคนที่กระทำการอุกอาจ แล้วก็แทบอยากเอาบัตรเทควันโด้ฟาดหัวไอเด็กปีนเกลียวสักที
“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”
“มาดิ ได้บัตรฟรีมมา” ทงเฮยื่นบัตรให้ดูอย่างดีใจ คยูฮยอนทำหน้าแหย
“ไม่ต้องมาฟอร์ม บอกว่ามาเชียร์คิบอมก็บอกมาเถอะน่า”
“เอ๊ะ? คิบอมแข่งหรอ” ทงเฮทำหน้าซื่อ พลิกตั๋วหาชื่อผู้เข้าแข่งขันรอบชิง
“นี่ อย่ามาตลก ไม่รู้จริงๆหรือไง”
“ก็ไม่รู้น่ะสิ เอ๊ะ! จริงด้วย คิมคิบอม(สาธิต) VS อู๋อี้ฟาน(ซองกยูนกวาน)” แล้วทงเฮก็ทำตาโตหน้าซื่อ เห็นแล้วคยูฮยอนหมั่นไส้ อยากดึงแก้มย้วยจริงๆเชียว
“โห่! วันหลังหัดดูตาม้าตาเรือบ้าง นี่ถ้าไอคิบอมรู้ว่าพี่มาเชียร์คู่ต่อสู้มันนะ ร้องไห้แน่”
“ก็ไม่รู้นี่!!” ทงเฮยังยืนยันคำเดิม
“ทำไมไม่บอกล่ะ เมื่อวานเจอกันก็ไม่เห็นพูด” ทงเฮหน้าบึ้ง ไม่เห็นว่าเจ้าตัวเค้าจะบอกอะไรเลย มาถึงก็มาทำกวนประสาท ขนาดวันหยุดเสาร์อาทิตย์แท้ๆ ยังมากวนทงเฮถึงมหาลัยได้ แต่กับอีแค่เรื่องที่จะลงแข่งเทควันโด้ ทำไมไม่ยอมบอกกัน… หรือจะไม่ได้อยากให้อีทงเฮมาเชียร์กันนะ
“เออพี่ทงเฮ”
“ไร” ทงเฮตอบอย่างไม่ใส่ใจ เพราะจิตใจกำลังขุ่นมัว คิดหาเหตุผลที่คิบอมไม่ยอมบอก
“วันนี้วันเกิดมันด้วยนะ”
“หืม?”
“วันนี้วันเกิดมันอ่ะ! สิบแปดเต็มแล้ว ไม่ต้องบอกใช่ป่ะ ว่าต้องทำไร”
“ก็ไม่เห็นต้องทำไร ไม่ใช่แม่เขานี่ ขนาดลงแข่งยังไม่ยอมบอก แล้วฉันมีสิทธิอะไรไปยุ่งกับวันเกิดเขาล่ะ” ทงเฮว่า แล้วก็เดินลิ่วๆ เข้าไปในยิมทันที คยูฮยอนเห็นแบบนั้นก็ได้แต่ส่ายหัวแล้ววิ่งตาม
ทงเฮนั่งลงตรงแสตนด์เชียร์ สาบานได้ว่าไม่ได้ตั้งใจมานั่งตรงกองเชียร์ของรุ่นน้องอย่างคริส ก็อีกฝ่ายนึงไม่ได้อยากให้เขามาเชียร์นี่นะ ขืนไปนั่ง เขาก็จะลำบากใจเปล่าๆ เผลอๆ แพ้แล้วมาพาลทงเฮ จะว่ายังไง
ก้นใหญ่ๆ มานั่งเบียดทงเฮ ร่างเล็กทำหน้าค้อนก่อนจะกระเถิบออกไปนิดหน่อย
“ก้นก็ใหญ่ เบียดมาได้” ทงเฮบ่นเสียงเบา แต่ก็ตั้งใจให้คยูฮยอนได้ยิน เจ้าลูกศิษย์ตัวโย่งก้นใหญ่เลยหยิกแก้มเข้าให้
“อ๊ะ! เจ็บนะ” ทงเฮโวยวาย
“ดูทำหน้าเข้าพี่ทงเฮ ขี้น้อยใจเป็นเด็กไปได้ ดูสิเนี่ย น้อยใจจนหัวจะล้านหมดแล้ว” ว่าแล้วก็เอามือใหญ่มาเสยผมของพี่ชายตัวบางจนหน้าผากเปิดโชว์เหม่ง อีทงเฮสู้สุดขาดใจ จนคยูฮยอนได้แผลติดตัวกลับไปนั่นแหละถึงยอมเลิก
“ไม่ต้องไปน้อยใจมันหรอกน่า มันอาจมีเหตุผลของมันที่ไม่ยอมบอกพี่”
“เหตุผลอะไร” ทงเฮถามกลับทันควัน คยูฮยอนก็จนปัญญาจะตอบ ใครจะไปหยั่งลึกถึงจิตใจไอชายคิมได้
“ก็…ถ้ามันบอกพี่ พี่ก็คงไม่มาใช่มั๊ยล่ะ พี่น่ะก็ชอบกวนมันเหมือนกันแหละ ถ้าพี่ไม่มาเพราะมันชวน วันแข่งมันคงหมดกำลังใจน่าดู” คยูฮยอนหาเหตุผลที่เข้าท่าที่สุดมาบอก และก็หวังว่าจะเป็นเหตุผลที่ใกล้เคียงตอนไอ้คิบอมมันอธิบายให้พี่ทงเฮฟัง
ยังไม่ทันที่ทงเฮจะได้ต่อล้อต่อเถียงอะไรให้คยูฮยอนรำคาญอีก เสียงกรี๊ดกร๊าดแบบลั่นทุ่งก็ดังขึ้นทั้งยิม ทงเฮหันไปมองยังกลางสนาม ก็พบนักเทควันโดสองคนอยู่ในชุมเตรียมพร้อม กำลังเดินมาที่สนาม
“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด คิบอมโอป้า คริสโอป้า ไฟท์ติ้งค์นะค้าาา ซารังเฮ”
เสียงกรี๊ดของเด็กสาวดังแสบแก้วหู ทงเฮจับใจความได้คร่าวๆ ก็หนีไม่พ้นมาเชียร์เพราะความหล่อของนักกีฬาทั้งสองฝั่งนี่แหละ ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังสนาม ฝั่งสีแดงเป็นคริส ตัวแทนจากมหาวิทยาลัยซองคยูนกวาน ส่วนฝั่งน้ำเงินก็เป็นคิบอม จากสาธิตม.ซองคยูนกวาน
“เลือกเอาเลยพี่ทงเฮ จะเชียร์ใคร” เสียงคยูฮยอนกระซิบอยู่ข้างหู เพราะถ้าให้พูดดังๆ แข่งกับแม่สาวผมเปียผูกโบว์ทั้งหลาย คงต้องคอแตกตายก่อนแน่
ทงเฮหันไปมองคยูฮยอนที่ทำหน้ามีเลศ เกลียดจริงๆ ไอหน้าหมาจิ้งจอกของคยูฮยอน ขายเท่าไหร่ ทงเฮอยากซื้อไปโยนทิ้งนัก ร่างเล็กกลับไปมองที่สนามอีกครั้ง ทั้งสองฝ่ายกำลังฟังคำสั่งเสีย? จากโค้ชของตัวเองอยู่ คิบอมพยักหน้าเข้าใจที่โค้ชพูด สายตาคมกวาดมองไปทั่วสนามเหมือนจะหาอะไรบางอย่าง ทงเฮภาวนาไม่ให้คิบอมหาตัวเองเจอเพราะตอนนี้ทงเฮนั่งผิดที่ผิดทางไปหน่อย ไม่รู้ว่ายัยเด็กมัธยมทั้งหลายเอาเวลาไปทำแบนเนอร์อันเบ่อเร่อ ที่เขียนเชียร์คริสโอป้ามากางไว้หน้ากองเชียร์กันตอนไหน ตอนนี้ทงเฮเลยเหมือนเป็นกองเชียร์ของคริสอย่างเป็นทางการไปโดยปริยาย
“คริสโอป้า คริสโอป้า หว่ออ้ายหนี่ ซารังเฮ! !” เสียงเชียร์เป็นจังหวะพร้อมกับเสียงกรี๊ด เด็กวัยรุ่นสมัยนี้แก่แดดเสียจริง ทงเฮล่ะกลุ้มใจ หากลูกสาวของตัวเองในอนาคตจะต้องมายืนเชียร์ผู้ชายออกนอกหน้าขนาดนี้
“เฮ้ย ไอ้คิบอม ทางนี้โว้ยยยย!!” คยูฮยอนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แหกปากร้องเรียกชื่อคิมคิบอมได้เต็มปากเต็มคำ ไม่ได้ดูสภาพแวดล้อมเอาซะเลยว่าถิ่นใคร จนตอนนี้ ยัยพวกสาวๆผมเปีย หันมามองค้อนขวับคยูฮยอนกันเป็นแถว
“โจคยูฮยอน!” ทงเฮตวาด ฉุดไอตัวดีที่ทะเล่อทะล่ายืนขึ้นโบกไม้โบกมือให้นั่งลง หนึ่งก็เพราะสายตาเขียวปั๊ดจากสาวๆที่เป็นสาวกท่านคริส อีกหนึ่งก็เพราะคยูฮยอนได้ทำมิชชั่นเสร็จเรียบร้อยแล้ว คิมคิบอมเห็นโจคยูฮยอนและอีทงเฮที่นั่งอยู่บนแสตนด์เชียร์ของ คริสเรียบร้อย
“ขอบใจมากนะค-ยู-ยอน” ทงเฮพูดลอดไรฟัน
กรรมการกิตมศักดิ์เดินขึ้นมายืนกลางสนาม ตามด้วยนักกีฬาจากทั้งสองฝั่ง คริสและคิบอม ทำความเคารพกันตามกติกา จากนั้นก็โค้งให้กับผู้ชมรอบๆ
“ตื่นเต้นดีชะมัด” คยูฮยอนว่า ทงเฮเหล่ตามอง แล้วทำหน้ารำคาญ สาบานได้ ถ้าได้ตั๋วไปดูโอลิมปิกที่รีโอเดอจาเนโรครั้งหน้า จะไม่ไปกับคยูฮยอนเด็ดขาด
เสียงสัญญาณจากกรรมการ บอกให้เริ่มการแข่งขัน นักกีฬาทั้งสองประจันท์หน้ากัน ต่างคนต่างรอจังหวะแล้วเข้าจู่โจมคู่ต่อสู้อย่างดุเดือด
เสียงกรี๊ดกร๊าดและเสียงเชียร์ดังกระหึ่มไปทั่วยิม ทงเฮหายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อคริสพุ่งเข้าใส่ คิบอมก็โยกหลบแล้วรีบสวนขึ้นเพื่อเอาสามแต้ม โจคยูฮยอนนั่งไม่ติดเบาะ เมื่อคิบอมลอยตัวขึ้นเตะสูงแล้วล้มก้นจ้ำเบ้าลงไปกับพื้น
“เห้ย!! ไอคิบอม สู้ๆดิว่ะ อย่าไปยอม!”
“คิบอม คิบอม คิบอม คิบอม!”
ร่างสูงรีบกลับมาลุกขึ้นอีกครั้งท่ามกลางเสียงเชียร์ดังสนั่น โดยความจริงแล้ว กีฬาของม.กับสาธิต ไม่ได้มีใครแข่งเพื่อเอาชนะหากแต่แข่งเพื่อสานสัมพันธ์ความเป็นพี่น้องในรั้วสถาบันเดียวกัน ดังนั้น เมื่อเห็นฝ่ายใดเพลี่ยงพล้ำ กองเชียร์ก็มักจะส่งเสียเชียร์ให้กำลังใจเสมอ
“คิบอม คิบอม คิบอม” เสียงเรียกชื่อร่างสูงดังสนั่น คยูฮยอนก็เอากับเขาด้วย ร่างสูงโปร่งแอบเหล่มองพี่ชายตัวบางที่ดูท่าทางลุ้นจนแทบจะไม่หายใจ กระทุ้งศอกไปยังทงเฮ ให้ร่วมเชียร์ด้วยกัน
“คิบอม คิบอม คิบอม คิบอม!” กลีบปากบางขยับ เอ่ยเรียกชื่อของเด็กกวนประสาท ที่ดูวันนี้จะขาดสมาธิ จนปล่อยให้พี่ชายฝั่งมหาวิทยาลัยได้โอกาสทำแต้มบ่อยครั้ง
“คิบอม สู้ๆ!” ทงเฮตะโกนสุดเสียง เมื่อเห็นเด็กมัธยมฝั่งน้ำเงินกระโดดโหยงเหยงไปมา รอโอกาสเหมาะเพื่อจะทำแต้ม ขายาวๆของคริสถูกเตะขึ้นทางคิบอม แต่เจ้าเด็กมัธยมก็หลบทันท่ามกลางความโล่งอกของทงเฮ และใช้โอกาสนั้นสวนกลับไปจนในที่สุดก็ได้หนึ่งแต้ม
“เย้!!”
ปี๊ดดดดดดดดดดดดดดด
หมดเวลาการแข่งขันในเซตแรก คะแนนของคริสนำอยู่สามแต้ม เสียงเชียร์ยังคงดังอยู่ไม่ขาดสาย ทงเฮนั่งปาดเหงื่อเพราะลุ้งจนตัวโก่ง
“ส่งจูบหวานๆให้มันซักทีสิ ไม่รู้แม่งเหม่ออะไรนักหนา ปกติไม่เคยเป็น”
“ไอบ้า เห็นฉันเป็นอะไรห่ะ ทำไมต้องทำด้วย”
“แหม จะพูดอะไรก็ให้มันเหมือนที่ทำหน่อย ไอ้คิบอมสู้ๆ เมื่อกี้นี่มันเสียใครนะ” บอกพร้อมส่งสายตาล้อเลียน
“คยูฮยอน!”
“โอ้ยเจ็บ! เดี๋ยวจับทุ่มเลยนี่” คยูฮยอนว่า โดนบิดเข้าที่ต้นแขน เนื้อเน้นๆเลย
“เอาสิ คู่ต่อไปนายกับชั้นมาเจอกันหน่อยแล้วกัน” ทงเฮว่า ถ้าได้แข่งกับคยูฮยอนจริง มีหวังได้เล่นนอกกติกา เอาให้นอนหยอดน้ำข้าวต้มไปสามเดือน
เสียงสัญญาณเริ่มแข่งในยกที่สองดังขึ้น นักกีฬาทั้งฝ่ายแดงฝ่ายน้ำเงินต่างต่อสู้กันอย่างดุเดือด ท่ามกลางการลุ้นระทึกของคนทั้งยิม ทั้งคู่ออกท่าทางกันสูสี ไม่เป็นที่ครหาเลยว่าผ่านมาเจอกันในรอบตัดสินได้อย่างไร
สมาธิของคิบอมดูเหมือนจะกู่กลับมาสำเร็จ ข้างๆสนามส่งเสียงเอ้วๆเชียร์กันอย่างเมามันส์ รวมทั้งอีทงเฮกับโจคยูฮยอนก็เป็นไปกับเขาด้วย
“คิบอมโอป้าาาาา!!”
“คริสเกอออออออ!!”
ปี๊ดดดดดดดดดดดด
เสียงสัญญาจบเซตสอง ทำเอาทั้งสนามต้องพรูลมหายใจ ผ่อนเสียงเชียร์ลงแล้วนั่งอย่างโล่งอก เมื่อครู่คิบอมกลับมาทำแต้มไล่ตามคริส ร่างสูงบุกอย่างต่อเนื่อง คริสที่เห็นว่ารูปเกมส์ของคิบอมเปลี่ยนไปก็ตั้งรับแทบไม่ทัน ยังโชคดีที่มีไหวพริบ จนตนก็ทำแต้มได้เพิ่มหนึ่งแต้มส่วนคิบอมก็ได้เพิ่มขึ้นมาอีกสอง
“อ๊ากกกกกกกกก ไอคิบอม จะทำกูหัวใจวายตายรึไงว่ะ” คยูฮยอนโวยวายเป็นก็อตซิลล่าพ่นไฟ เพราะเพื่อนรักทำเอาใจหายใจคว่ำ มันรุกทีแทบหัวใจวาย ไม่ได้เตรียมเผื่อไว้ยามที่เค้าสวนกลับบ้างเลย
“เป็นบ้าอะไร” ทงเฮว่า
“มันน่ะสิเป็นบ้า ไม่ใช่ผม พี่ดูมันดิ เซตที่แล้วก็เหม่อ เซตนี้ก็บุกเอาๆ มันไม่เคยเป็นงี้เลยนะ ดูดิ โดนโค้ชด่าแล้ว” คยูฮยอนปรายตาไปมองฝั่งขวาของสนาม ก็เจอโค้ชเชทำหน้าเคร่งเครียดกำลังพูดกับคิบอม ดูเหมือนจะดุที่ร่างสูงไม่เล่นตามแผนที่วางเอาไว้
“นั่นสิ” ร่างเล็กพูดเสียงเบา จังหวะเดียวกับหยิบผ้าเช็ดหน้าสีเรียบที่คยูฮยอนคุ้นตาขึ้นมา แล้วซับเหงื่อตรงหน้าผากที่ผุดซึมจากการเชียร์คิบอมจนลุ้นตัวเกรง
“พี่!” คยูฮยอนร้องเสียงดัง กระชากข้อมือบางข้างที่ถือผ้าเช็ดหน้ามาดูใกล้ๆ
“ผ้าเช็ดหน้านี่!”
“โอ้ย! อะไร เจ็บนะ” ทงเฮว่า กระชากข้อมือออกจากคยูฮยอนแล้วตีป๊าบเข้าที่ไหล่หนา
“ผ้าเช็ดหน้าผืนนี้ ให้คริสเกอไปแล้วไม่ใช่หรอ”
“ผ้าเช็ดหน้า?” ทงเฮเลิกคิ้ว ก้มมองผ้าสีเรียบในมือก่อนจะตอบ “อื้อ ก็ให้แล้ว แล้วคริสก็เอามาคืนแล้ว”
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”
“วันเสาร์ เย็น” ทงเฮบอก วันเสาร์ตอนเย็นหลังจากมีสอนคยูฮยอนในช่วงเช้า ร่างบางก็มีนัดทำงานกลุ่มกับเพื่อนๆที่คณะในตอนเย็น ประจวบเหมาะกับเด็กปีหนึ่งอย่างคริส ก็มีนัดกันทำคัทเอ้าท์เพื่อเชิญชวนเข้าร่วมเชียร์กีฬาสานสัมพันธ์รอบตัดเชือกพอดี ทั้งสองเลยเจอกัน และคริสก็นำผ้าเช็ดหน้ามาซักคืนให้ทงเฮ
“เสาร์เย็น?”
“อื้ออออ” ทงเฮตอบเสียงยาว คยูฮยอนทำหน้าเหวอเหมือนรู้อะไรบางอย่างจนทงเฮหมั่นไส้ หยิกแก้มย้วยๆนั่นไปหนึ่งที
“อ๊า! เจ็บนะ พี่นี่ ทำเพื่อนผมเสียใจแล้วยังไม่รู้ตัวอีก” คยูฮยอนโวยวาย จะโทษทงเฮที่ซื่อบื้อก็ไม่ถูก เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าเค้าใส่ไฟคริสเกอไป ไอ้คิบอมมันคงแอบไปป้วนเปี้ยนแถวคณะพี่ทงเฮแล้วไปเจอฉากเด็ดเข้าล่ะสิ วันอาทิตย์ถึงเงียบหาย ชวนออกไปร้านเกมส์ก็ไม่ไป
พระเอกอกหักสินะ
“ทำอะไร ฉันทำอะไร” ทงเฮก็โวยวายกลับ เรื่องอะไรจะยอมให้คยูฮยอนมาขึ้นเสียงใส่เขาอย่างเดียวล่ะ!
“พี่มีชู้!!” คยูฮยอนตะโกน ยังไม่ทันให้ทงเฮได้ทำความเข้าใจ เสียงสัญญาณก็ดังอีกรอบ เป็นการบอกว่าถึงเซตตัดสินชะตาที่ทุกคนรอคอยแล้ว
“คิบอมโอป้าาาาา”
“คริสเกอออออออ”
“น้องคิบอมมมมม”
“อาตี๋คริสสสสสสส”
=______________________=’’
เสียงเชียร์ลั่นสนามจนแสบแก้วหู ไม่ว่าทงเฮจะพยายามเตะ ต่อย ข่วน ตี คยูฮยอนยังไง เจ้าเด็กตัวโย่งนั่นก็ทำเป็นไม่ได้ยิน แล้วก็ไม่บอก ปล่อยให้งง ว่าทงเฮไปมีชู้ที่ว่านั่นตอนไหน? เหนื่อยใจจนทงเฮเลิกพยายาม หันกลับไปเชียร์คิบอมต่อ ดวงตากลมโตเหลือบไปมองสกอร์ ก็เห็นว่าตอนนี้คิบอมตามคริสอยู่เช่นเดิม
รอบนี้ดูเหมือนคริสจะจับทางคิบอมทันแล้ว คู่ต่อสู้ของเขาใจร้อน คิดแต่จะบุกฝ่ายเดียวจนลืมป้องกันตัว โค้ชฝั่งคริสที่อ่านเกมส์อยู่ข้างสนามจึงบอกให้ลูกศิษย์ทำตามแผนสำหรับน๊อคเอ้าท์คิบอมในเซตสาม
เสียงตุบตับจากนักกีฬาในสนามทำเอาคนเชียร์ใจเต้นอย่างลุ้นระทึก คิบอมพยายามพุ่งเข้าใส่และออกอาวุธร้ายกาจ ส่วนคริสกลับเล่นอย่างใจเย็น คอยโยกหลบตามคำบอกโค้ช และไม่นานเมื่อสบโอกาส เสียงดังตุ๊บ พร้อมสองแต้มก็ปรากฏที่บอร์ดสกอร์
“เชี่ยเอ้ย!” คยูฮยอนสบถคำหยาบ ใบหน้าหล่อเคร่งเครียด เมื่อตอนนี้เพื่อนของตนล้มตึงลงไปกับพื้น
“เชี่ยคิบอม ลุกขึ้นมา!!” ร่างโย่งตะโกน
“ลุกขึ้นมาเดี๋ยวนี้เลยมึง!!” คยูฮยอนยังคงตะโกนต่อเนื่อง ดูเหมือนการหมุนตัวเตะที่เกราะของคริสจะได้ผล ตอนนี้คิบอมยังคงนั่งอยู่กับพื้น แสดงสีหน้าว่ามีอาการเจ็บ
“พี่ทงเฮ!!” คยูฮยอนหันมาตะคอกทงเฮ เมื่อรู้ว่าทำอะไรไม่ได้
“อะไร!!” ทงเฮเองก็หน้าเสีย ดูคิบอมจะมีอาการหนักเหมือนกัน แต่ทงเฮจะทำอะไรได้ล่ะ ก็นี่มันกีฬา มันก็ต้องมีแพ้มีชนะเป็นธรรมดา
.
.
.
.
.
.
.
“คิบอม!!!!! ลุกขึ้นมาสิ พี่รู้ว่านายทำได้!!!!” ในจังหวะเสียงของผู้ชมที่เบาลงและกำลังคุยกันงำงึมเรื่องของคิบอม อีทงเฮก็ตะโกนสุดเสียง ทำให้เจ้าของชื่อเงยหน้าขึ้นมา ใบหน้าคมสบกับใบหน้าหวาน เสียงหวานๆของร่างบางเป็นดั่งน้ำทิพย์ชโลมใจ คิมคิบอม พยุงตัวลุกขึ้นมาอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงปรบมือจากทุกคน
เกมส์การแข่งขันเริ่มขึ้นอีกครั้ง ตอนนี้แต้มอยู่ระหว่าง12-9 ไม่เพียงคิบอมเท่านั้นที่กดดัน แต่รอบๆสนามก็เชียร์กันหืดขึ้นคอเช่นกัน หนทางเดียวที่คิบอมจะกลับพลิกเกมจากการตามได้คือต้องทำสามแต้มให้ได้ในเวลาอีกเพียง21 วินาที
“พี่ทงเฮตะโกนอีก” คยูฮยอนตะโกนกระตุ้น
“ตะโกนอะไร”
“บอกมันเอาสามแต้ม เร็ว!”
“คิบอม เอาสามแต้ม!”
พุบ!! ผลัก!! ตุบ!!
“ไม่เป็นไรคิบอม เอาใหม่!”
พุบ!! ผลัก!! ตุบ!!
“คิบอมสู้ๆ”
พุบ!! ผลัก!! ตุบ!!
“คิบอม!! ถ้าได้สามแต้มฉันจะยอมเป็นแฟนด้วย!!”
พูดอะไรออกไป!!!
พุบ!! ผลัก!! ปัง!!!
“สามแต้ม!!!!!!!!!”
แย่แล้วทงเฮ!!!!!!!!!!!!!
Hero
ผู้คนในเครื่องแบบนักเรียนนักศึกษาทยอยกันเคลื่อนย้ายออกจากยิม แบนเนอร์คริสเกอถูกพับเก็บใส่ถุง เสียงเด็กสาวพูดคุยกันด้วยแววตาวาบวับถึงโปรแกรมการแข่งขันต่อไป ซึ่งเป็นแบดมินตันชายรอบชิงชนะเลิศ ทำให้พวกเธอต้องรีบวิ่งแจ้นออกไปเพื่อจองบัตรหน้าสุด
อีทงเฮจะเนียนตามไปดูลียองแดมอหกทับสี่อยู่แล้วเชียว ถ้าไม่ถูกโจคยูฮยอนจอมจุ้นรู้ทัน คว้าข้อมือบางแล้วออกแรงลากมายังห้องพักนักกีฬาหลังยิม
“ปล่อยได้แล้ว เจ็บ!” ทงเฮบอก ใจเต้นตุบๆเป็นกลองชุดเมื่ออีกไม่กี่ก้าวก็จะถึงประตูห้องพักนักกีฬาแล้ว
“ปล่อยให้โง่ รู้นะจะหนี”
“รู้แล้วก็ปล่อย ฉันจะได้หนี”
“ไม่ปล่อย!” คยูฮยอนย้ำชัดถ้อยชัดคำ ก่อนจะผลักประตูห้องพักนักกีฬาแล้วเดินดุ่มๆเข้าไป
“เชี่ยคิบอม…..อ้าว ไม่อยู่?” เกาหัวแกรก เมื่อในห้องมีแต่เพียงความว่างเปล่า
“คิบอมไม่อยู่งั้นชั้นไปนะ” ทงเฮพูดเร็ว มือเล็กสะบัดออกจากข้อมือใหญ่ตอนที่คยูฮยอนเผลอคลาย เท้าเล็กหมุนตัว วิ่งจากกลางห้องไปยังประตู
ผลักะ!!
ตุ๊บ!
“ทงเฮ!”
“คิบอม!”
“ไอเชี่ยบอม!”
คิบอมที่เพิ่งเปิดประตูเข้ามามองใบหน้าของทงเฮกับคยูฮยอนสลับกันไปมา ร่างเล็กของทงเฮที่ร่วงลงไปกับพื้นตอนชนกับร่างแกร่งก้มหน้าก้มตาพร้อมสบถเบาๆกับตัวเอง
“ซ ว ย แ ล้ ว”
“มึงมาก็ดีแล้ว กูไปล่ะ แค่เอาตัวปัญหามาส่ง”
“ว่าใคร!”
“ไม่รู๊ เคลียร์กันเอาเองแล้วกัน ไปนะมึง” บอกแล้วตบบ่าเพื่อนปุๆ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องพร้อมออพชั่นช่วยปิดประตูด้วย
“ทงเฮ ลุกขึ้นมาเร็ว” เสียงทุ้มบอกเมื่อคยูฮยอนออกไปแล้ว มือแกร่งยื่นมาตรงหน้าคนล้มหวังจะช่วงดึงให้ขึ้นมา ทงเฮพยายามเลิกเขินแล้วจึงจับมือของคิบอมลุกขึ้นยืน
“เอ่อ อ…เอ่อ คิบอม คือ…”
“นั่งสิ” ชี้ไปยังเก้าอี้นวมสีแดงที่วางติดผนังในห้อง ทงเฮถอนหายใจ ก้มหน้างุดๆ เดินไปหย่อนก้นลงบนโซฟา ร่างสูงเดินหันหลังไปเปิดล๊อกเกอร์ ทงเฮเห็นเพียงแผ่นหลังของคนที่กำลังหยิบจับอะไรบางอย่างในตู้นั่น
“นี่ ไม่เสียใจใช่มั๊ย ที่แพ้คริส” ทงเฮก้มหน้างุด มือสองข้างถูกันไปมา ก่อนจบเกมส์ คิบอมที่ตีเสมอคริสได้ แต่สุดท้ายก็พลาดท่าเสียหนึ่งแต้มให้คริสไปก่อนหมดเวลาเพียงวินาทีเดียว
“…”
“อย่าเสียใจไปเลยนะ ฉันรู้ปกตินายเก่งออก”
“ไม่หรอก จะเสียใจทำไม ได้สามแต้มนั่นแล้วนี่”
O.o
-.-
(-//////////////////-)
“…”
“อ่า…นี่ วันนี้วันเกิดใช่มั๊ย นัดกับที่บ้านไปฉลองที่ไหนล่ะ” (- -'')
“อย่ามาเปลี่ยนเรื่อง”
-0-
ทงเฮสะดุ้ง เม้มริมฝีปากแน่น ตากลมเหลือบขึ้นไปมองคนที่คิดว่ายืนหาของในล๊อกเกอร์อยู่ แต่กลับกลายเป็นคิบอมหันหน้ามามองทงเฮอยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าหวานชื้นเหงื่อจึงรีบก้มกลับลงไปมองปลายเท้าตัวเอง
“เอ่อ…คือ” ทงเฮรู้สึกลำคอแห้งผาด คาดโทษว่าเป็นเพราะตัวเองแหกปากเชียร์คิบอมดังเกินไป แต่แล้วก็ดันไปคิดถึงประโยคสุดท้ายที่ร้องบอกคิบอมก่อนสามแต้มนั่นจะมีผลบางอย่างกับตัวเอง
“เร็วๆ พูดมา” ร่างสูงเร่ง เดินย่างสามขุมมายืนประจันท์หน้า
“คิบอม…”
“หืม?”
“คือฉั น…”
“ว่าไง”
“ฉั น…”
“…”
“ฉันหิวน้ำ ขอน้ำกินแก้วก่อนไม่ได้หรืองัย!” พูดจบก็ลุกพรวด เตรียมจะเดินออกไปหาน้ำกินอย่างที่ปากว่า ถ้าไม่ติดว่ามือแกร่งยึดไหล่บางสองข้างเอาไว้ก่อน ทงเฮหลับตาปี๋เมื่อถูกสัมผัส ในมือสองข้างเย็นและชื้นเหงื่อ ร่างกายมีแรงฝืนน้อยๆ แต่ก็ไม่มากพอจะทำให้ก้าวเท้าออกไปได้
“ทงเฮ…” เสียงทุ้มเอ่ยนุ่มนวล ทงเฮรู้สึกใจเต้นแรงเพียงแค่ได้ยินชื่อตัวเองผ่านปากของอีกคน
“…” ตัวบางๆที่หันด้านข้างให้กับร่างสูงสั่นเทิ้ม ไม่ได้คิดจะหนีหรือต่อต้าน แต่กำลังคิดว่า ไม่มีทางหรอกที่อีทงเฮจะเริ่มก่อน คิมคิบอมนั่นแหละต้องทำอะไรสักอย่าง!
มือแกร่งพลิกตัวให้ทงเฮหันหน้าออกไปทางเดียวกันก่อนจะสวมกอดเข้าทางด้านหลังโอบรัดกายบางเอาไว้ ศีรษะทุยซบลงกับไหล่ลาด ก่อนจะเอ่ยเบาๆให้ทงเฮได้ยินข้างหู
“ทงเฮ…รักทงเฮ”
“…”
.
.
.
.
บรรยากาศเงียบสงัดท่ามกลางเสียงหัวใจสองดวงที่เต้นแรง ใบหน้าหวานเห่อร้อน สุกปลั่งดั่งผลมะเขือเทศ อีทงเฮอมยิ้มจนแก้มแทบปริ อยากจะปิดตัวม้วนไปมาอย่างเขินอายก็ทำไม่ได้เพราะโดนกอด ...กลีบปากบางก็ยังไม่พูดอะไร จนมือแกร่งกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้นพร้อมคำถาม
“รักฉันรึเปล่าทงเฮ รัก…ไหม?”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ฉัน…”
“รั ก”
“คิ บอม”
He’s mine Hero
END :’))))
Talk : ฮอลลลลลลลลลลลลลล ล
จะบ้าตาย -////////////-
บี๊ปอารมณ์ไม่สุด แต่ตัวเองจะระเบิดอยู่แล้ว
-_____________-‘ มือแข็ง โฮล๊ะะะ
ตั้งใจจะลงวันเกิดพี่คิบอม
แต่งเกือบจบแล้วทิ้งไว้ ไปลงพื้นที่ที่ตจว.
กลับมาว่าจะเอาให้จบแล้วลง
ปรากฏว่าไอคอมเฮงซวยมันหาเรื่อง
“เปิดไม่ติดเบยยยยยยยยย” T[]T
ต้องเอาไปร้านซ่อม อยู่นู่นสามวัน เพิ่งไปรับกลับมาเมื่อวาน
ฮรื่ออออออออออออออ อ หมดไป3300 งวดก่อนล่อไป3500 T[]T จะบ้าตาย
แต่ก็ไม่เป็นไร พี่พนักงานที่ร้านซ่อมแซ่บว้าวมั่ก! แอร๊ ><;;
เรื่องนี้ตอนวางพล๊อต คคบไม่ได้เป็นนักเทควันโด
เหตุเกิดจาก ‘เอกฮุน’ ณ ลอนดอนเกมส์ อุอิ พระเอกของเราเลยได้เท่ห์ไปเลย
แฮร่ ~
MELANIN ✿
ความคิดเห็น