ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SHORT FICTION SAY...KIHAE

    ลำดับตอนที่ #1 : sweet heart ..ღ [1]

    • อัปเดตล่าสุด 1 พ.ย. 55


    cinnamon







    แถวที่ยาวเหยียดเวลากลางวัน คงจะเป็นภาพคุ้นตาสำหรับโรงเรียนมัธยมทั่วๆไป เป็นธรรมดาที่จะมีเด็กๆที่เหน็ดเหนื่อยจากการเรียนในคาบเช้าและต่อแถวเพื่อซื้ออาหารแต่สำหรับโรงเรียนมัธยมซอนฮวา ภาพแถวยาวเหยียดนั้น กลับไม่ได้เกิดขึ้นที่โรงอาหาร หากแต่…………..เกิดขึ้นที่หน้าตึกเรียนของนักเรียนชั้นปีสาม

     

     

    “อ๊ะ! อย่าแซงคิวซี่”

    “ชั้นมาก่อนนะยะ!

    “ชั้นมาก่อนย่ะ!!

     

    เด็กสาวผมยาวดัดลอนสวยยื้อแย้งตำแหน่งกันอยู่ที่ปลายแถว ฝ่ามือเรียวสวยต่างผลัดกันผลักอีกฝ่ายให้พ้นทางของตนเพื่อที่จะได้อยู่ข้างหน้า

     

    และมันก็คงจะไม่เกี่ยวอะไรกับคนที่ต่อแถวอยู่ก่อนแล้วอย่างลีทงเฮเลย ถ้าไม่

     

     

     

     

    พลั๊กก !!

     

     

    เพล้งงง ง

     

     

     

    กระถางดินเผาสีน้ำตาล แตกกระจายเป็นชิ้นส่วนใหญ่เล็ก ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ เมื่อกระถางต้นไม้ในมือที่ถืออยู่เมื่อครู่ หล่นกระแทกพื้น แตกกระจายไม่มีชิ้นดี ดินสีดำในกระถางกระจายไปทั่วบริเวณ พร้อมทั้งกุหลาบขาวต้นน้อย ที่ทงเฮบรรจงปลูกมันขึ้นมาเองกับมือ ได้ลงไปนอนนิ่งบนพื้นซีเมนต์เรียบร้อย

     

    “นี่! พวกเธอ!!” นิ้วเรียวชี้หน้าสองคู่กรณีอย่างเอาเรื่อง ดวงตากลมโตจ้องอย่างเดือดดาล หากแต่หญิงสาวทั้งสองกลับทำเพียงแค่แสยะยิ้ม แล้วพูดจาไม่เข้าหู

    “ซุ่มซ่ามเอง ช่วยไม่ได้” เด็กสาวสะบัดผมลอนสวยของเธอ ก่อนจะเดินไปเบียดแถวที่ยาวยืดอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าแถวได้ขยับไปข้างหน้าแล้ว

     

     

     

    “ว้ายย พี่ฮีชอล!! พี่ฮีชอลมาแล้ววว”

     

    เสียงวี๊ดว้าย ของหญิงสาวนับร้อยที่มายืนเบียดเข้าแถว ร้องออกมา แสบแก้วหู พลันรองเท้านักเรียนนับสิบคู่ก็กรูมาที่ทงเฮเป็นทางเดียว

     

     

    “เฮ้ ยะ อย่าวิ่งสิ อ๊ะ!! เหยียบ เหยียบดอกไม้ฉันหมดแล้ว!!

     

     

     

     

    เสียงของทงเฮเบายิ่งกว่าเสียงลมเสียอีก รองเท้าหนังของนักเรียนหญิงชาย ต่างเหยียบย่ำเจ้ากุหลาบขาวกลีบบอบบาง จนมันเละไม่มีชิ้นดี ร่างบางอ้าปากหวอ ยิ่งค้างนิ่ง เหมือนมีใครเอามือมาตบหน้ากลางสี่แยก แต่นั่นมันยังดีกว่าเลย ถ้าเทียบกับการที่กุหลาบขาวดอกโต ที่ทงเฮตั้งใจปลูกมันขึ้นมาโดยใช้เวลาหลายเดือน ต้องมาถูกเหยียบย่ำอย่างโหดร้ายทารุณแบบนี้

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    หมดกัน  (ㅠㅈㅠ)

     

     

     

     

     

     

    ทงเฮเดินคอตกกลับมาที่ห้องเรียน เสื้อนักเรียนสีขาวเปื้อนเศษดินจากการที่ทงเฮพยายามจะเข้าไปช่วยชีวิตดอกกุหลาบแต่ก็ไร้ผลมันตายแล้ว TT

     

     

     

    “เป็นงัยบ้างว่ะไอ้ปลาได้เอากุหลาบสื่อรักไปให้พี่ฮีชอลหรือยัง”

     

    ทงเฮม่อยหน้ามองเพื่อนรัก สายตาละห้อยที่ส่งมาทำให้อีซองมินพอจะรู้คำตอบ มันต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับเพื่อนรักของเขาแน่ๆ

     

    “ทำไมว่ะ พี่ฮีชอลเขาไม่ชอบกุหลาบขาวหรอ” ซองมินเข้ามาประคองร่างบางของเพื่อน เพราะท่าทางของทงเฮมันเหมือนคนหมดเรี่ยวแรงจะเดินต่อแล้ว มือขาวติดอวบพยุงเพื่อนให้นั่งลงที่เก้าอี้เรียน ก่อนจะนั่งลงตามที่เก้าอี้ตัวข้างๆ

     

    “ยัยพวกนั้นฮึก

     

    “พวก?…พวกไหน?

     

    “ยัยโบรากับฮยอนบี มันแกล้งช้านนนน!!

     

    ทงเฮร้องแหวเสียงดัง จนเพื่อนร่วมห้องหันมามองเป็นตาเดียว ร่างเล็กร้องลั่นอย่างเจ็บใจ ยัยตัวแสบคิมโบรากับอินฮยอนบี แฟนคลับตัวเอ้ของคิมฮีชอล รุ่นพี่ที่ทงเฮปลื้ม ยัยสองคนนี้มักจะกั้นแฟนคลับคนอื่นๆของคิมฮีชอลไม่ให้เข้ามาใกล้ชิดเสมอ ทุกพักกลางวัน นักเรียนเกินครึ่งจะไปออกันที่หน้าตึกของนักเรียนปีสาม เพื่อเอาของขวัญไปให้คิมฮีชอล และยัยโบรากับยัยฮยอนบี ก็จะคอยกลั่นแกล้งแฟนคลับ ไม่คนใดก็คนหนึ่งของคิมฮีชอลเสมอ…..ซึ่งวันนี้ โชคร้ายตกเป็นของทงเฮเต็มๆ

     

    “ทำไมต้องเป็นวันนี้ด้วยนะ! รู้มั๊ยว่าฉันใช้เวลาปลูกกุหลาบต้นนั้นนานเท่าไหร่!!

     

    “ทงเฮ....ใจเย็นๆนะ เพื่อนมองหมดแล้ว”

     

    “มองก็มองไปสิ ชั้นสนใจที่ไหนกัน! คนที่ฉันสนใจมีแค่ฮีชอลซอนเบนิมเท่านั้น! ฮื้ออๆ”

     

    “ทงเฮอา~~”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เวลาเลิกเรียนทงเฮและซองมินเดินกลับบ้านพร้อมกันเสมอ ทงเฮทำตัวเหมือนต้นไม้เหี่ยวเพราะขาดน้ำ เดินคอตกไปตามทางกลับบ้าน พลันปากก็เพ้อพึมพำไปตามทาง

     

    “ฮีชอลซอนเบนิม ฮีชอลซอนเบนิม ฮีชอลซอนเบนิม…”

     

    “ทงเฮพอเหอะน่า…โอกาสหน้าก็ยังมีนะ”

     

    “เมื่อไหร่กันล่ะ นานเท่าไหร่กว่าฉันจะปลูกกุหลาบได้อีก”

     

    “ซื้อเอาก็ได้นี่นา พรุ่งนี้ฉันจะพานายไปซื้อเลย”

     

    “ไม่! ฉันอยากจะให้ของที่ฉันทำเองกับมือ!”

     

    ป่วยการที่ซองมินจะแย้งอะไรเพื่อนหัวดื้อของตนอีก ทงเฮก็เป็นแบบนี้เสมอ หัวดื้อไม่ยอมฟังใคร แม้กระทั้งเรื่องที่ไปปลื้มรุ่นพี่ฮีชอล ทั้งๆที่ซองมินก็บอกไปแล้ว ว่าตนเองกับรุ่นพี่คนนั้นน่ะ มีสปีชี่ส์เคะเดียวกัน…แต่แล้ว ความคิดที่ซองมินคิดว่ามันเยี่ยมจนทงเฮไม่อาจปฏิเสธก็แวบเข้ามาในหัว

     

     

    “ทงเฮ!! ฉันรู้แล้วว่าต้องทำยังงัย!!”

     

    ??

     

     

     

     

     

     

     

    “เอ๊ะ! เอ๊ะ อะไรกันน่ะ พาฉันมาที่นี่ทำไม” ทงเฮทำหน้าตาเหรอหรา ตัวบางๆขืนแรงลากของซองมินเอาไว้ แต่สุดท้ายก็ถูกดันให้ผ่านเข้าประตูร้านจนได้

     

    ซองมินเกี่ยวคอเสื้อของเพื่อนจอมดื้อเอาไว้ แล้วออกแรงลากทงเฮมายังเคาน์เตอร์หน้าร้าน พนักงานร้านซึ่งคุ้นเคยกับร่างผอมเป็นอย่างดีก็กล่าวทักทายและโค้งตัวให้ในฐานะลูกจ้าง

     

    “พี่ชายล่ะ อยู่ไหม”

     

    “ด้านในเลยครับคุณซองมิน”

     

    “อื้ม งั้นฉันเข้าไปนะ…อ่อ แล้วนี่เพื่อนฉันเอง ชื่อทงเฮ”

     

    “สวัสดีครับคุณทงเฮ”

     

    “ฮะ?...ฮะๆ สวัสดี” ทงเฮยังทำหน้างงๆ ตั้งสติยังไม่ถูก จู่ๆซองมินก็ลากคอมาจากหน้าโรงเรียน แล้วก็พามาแนะนำตัวกับพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ แล้วนี่…จะลากเขาไปไหนอีกล่ะ??

     

     

     

     

     

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    “พี่ชายยย”

     

    “ซองมิน?” คนถูกเรียกเงยหน้าขึ้นจากสิ่งที่ตัวเองกำลังตั้งใจทำอยู่ก่อนหน้า ร่างสูงมุ่นคิ้วมองหน้าน้องชายต่างสายเลือดที่ไม่บ่อยเลยจะมายืนฉีกยิ้มให้เขาในครัวแบบนี้
    “นึกยังงัย มาที่นี่หล่ะ”

     

    “คิดถึงพี่ชายงัยล่ะ”

     

    “เชื่อตายเลย”

     

    “แหะๆ”

     

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

    “ไม่/ไม่เอา!!”

     

    “เฮ้ย!” ซองมินร้องออกมาทันที เมื่อทั้งสองเสียงข้างหูจากพี่ชายสุดหล่อกับเพื่อนรักเกิดประสานเสียงพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมายล่วงหน้า

    “ทำไมล่ะ วิธีนี้ ดีออกนะทงเฮ”
    “นี่พี่คิบอม ช่วยน้องหน่อยน่า”

     

    “ไม่เอาล่ะ ทำไมฉันต้องมาเรียนทำเค้กด้วย” -3-

     

    “ไม่เอาเหมือนกัน ทำไมพี่ต้องมาสอนให้เด็กเหยาะแหยะแบบนี้ด้วย” - -‘

     

    “เฮ้ พี่ว่าใครเหยาะแหยะกัน” - -+

     

    “ก็นายนั่นแหละ!”

     

    “ว่างัยนะ!!!!”

     

     

     

    “หยู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด!” TwT

     

     

     

     

    เสียงสนทนาที่เพิ่มวอลลุ่ม ไต่ระดับดุเดือดขึ้นเรื่อยๆ ทำให้คนกลางอย่างซองมินต้องห้ามทัพ มืออวบแหวกอากาศระหว่างพี่ชายและเพื่อนรัก ให้เลิกส่งสายตาดุเดือดใส่กัน ก่อนจะมีระเบิดลงกลางร้าน

    “ทงเฮ เชื่อฉันนะ วิธีนี้เจ๋งสุดแล้ว เหลืออีกไม่กี่วันก็วันคริสต์มาส นายปลูกกุหลาบไม่ทันคริสต์มาสหรอกนะ”  ซองมินพยายามใช้เหตุผลเข้ามาเกลี้ยกล่อม แม้จะรู้ว่าคำว่าเหตุผลใช้ไม่ได้กับทงเฮสักเท่าไหร่

     

    ทงเฮยู่ปาก กลอกตาขึ้นไปมองเพดาน กำลังนึกตามกับคำพูดของซองมิน ก็อย่างที่ซองมินบอก เขาไม่สามารถปลูกกุหลาบเพื่อเอาไปให้พี่ฮีชอลได้ทันหรอก ต้นที่ทงเฮปลูกและถูกเหยียบย่ำไปเมื่อกลางวัน ร่างบางต้องใช้เวลาถึงเจ็ดเดือน กว่ามันจะผลิบานเป็นกุหลาบขาวกลีบสวยดอกโต ทั้งต้องหมั่นรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย นึกแล้วก็เจ็บใจชะมัด! ยัยโบรา ยัยฮยอนบี! อย่าให้ทงเฮได้โอกาสเอาคืนเชียว!!จะเล่นให้เจ็บกว่ากุหลาบของเขาเป็นสิบเท่าพันเท่าเลย!!!

     

    “พี่คิบอม ช่วยน้องหน่อยนะ เพื่อนน้องก็เหมือนน้องแหละน่า” เมื่อเห็นว่าเพื่อนตัวเล็กของตนกำลังใช้ความคิด ซองมินจึงหันไปขอความช่วยเหลือจากพี่ชายอีกทาง

     

    “ทำไมพี่ต้องช่วยเพื่อนเราด้วยนะ”

     

    “พี่ก็…ไม่เห็นความดีของฉันที่เคยช่วยพี่เลยใช่ไหม” เอาอีกแล้ว อีซองมินกลับมาใช้ลูกอ้อนเดิมๆอีกแล้ว มาขอให้เค้าช่วยทีไร เป็นต้องยกเรื่องสมัยเก่ามาเล่าใหม่อยู่เรื่อย กับไอที่ช่วยมาเป็นหนูทดลอง ชิมสูตรไอศกรีมของร้านให้จนน้ำหนักขึ้นไปเจ็ดโลแล้วลดไม่ลงยันปัจจุบัน ทำไมจะต้องเอามาทวงทุกครั้งเลยนะ

     

    “ว่าไงทงเฮ”

     

    “อื้อ…แล้วทำไม คนแมนๆ อย่างฉัน ต้องมาฝึกทำเค้กด้วย งานครัวมันเป็นงานของผู้หญิงนะ!” -0-

     

    “ใช่ที่ไหนล่ะ ดูอย่างพี่ชายฉันสิ พี่คิบอมน่ะทั้งแมน ทั้งทำอาหารอร่อยนะ” ซองมินยกยอพี่ชายตัวเองเต็มที่ ส่วนทงเฮที่นั่งฟังอยู่ก็ได้แต่เบะปาก

     

    ผู้ชายแมนๆที่ไหนกัน เปิดร้านเค้ก ร้านไอติม หวานแหววกุ๊กกิ๊ก (- (I) -)

     

     

    “ตกลงนะทงเฮ”

     

    “อืม……ก็ได้”  ก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้วนี่

     

    “ดีเลย! พี่คิบอม ทงเฮยอมตกลงแล้ว พี่ก็ตกลงเถอะนะ”

     

    “อืม…ก็ได้”

     

    “ยอดเลย พี่ชายของฉันใจดีที่สุด หล่อที่สุด เก่งที่สุดเลย!”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ร่างบอบบางวิ่งกระหืดกระหอบมาตามทาง ขาสั้นๆพยายามก้าวยาวๆตามที่สภาพจะเอื้ออำนวย ผ้าพันคอไหมพรหมสีฟ้า สะบัดปลิวไปตามแรงลม จนในที่สุด ทงเฮก็มาหยุดยืนหอบ โกยอากาศหนาวเข้าปอดอยู่ที่หน้าร้าน

     

     

    อากาศก็โคตรหนาวเลย!! ทำไมทงเฮจะต้องมาทำอะไรบ้าๆแบบนี้ด้วย!!

     

     

     

     

    “พรุ่งนี้ เจ็ดโมงครึ่ง”

     

    “ฮะ?” ทงเฮทำตาโตเท่าไข่ห่าน เวลาเจ็ดโมง มันควรเป็นเวลาที่เขาต้องคลุมโปงอุ่นๆ นอนอยู่เลยนะ

     

    “นายต้องมาถึงที่ร้านตอนเจ็ดโมงครึ่ง ห้ามสาย”

     

    “อะไรกัน ทำไมต้องเช้าขนาดนั้นด้วย ผมแค่มาเรียนทำเค้กนะ”

     

    “ถ้าจะเรียน ต้องตรงต่อเวลา”

     

     

    ทงเฮอยากจะเถียงนัก ว่าการตรงต่อเวลามันไม่ได้เกี่ยวกับการเรียนทำเค้กเลย แล้วก็ยิ่งไม่เกี่ยวด้วย กับการที่เค้าจะต้องตื่นเช้าตั้งแต่ไก่โห่ทั้งๆที่มันเป็นวันหยุด แต่สายตาคม ของคนที่นั่งข้างๆซองมิน ก็ทำให้ร่างบางทำได้เพียงเม้นปากแน่น ส่งสายตาว่าไม่ชอบใจไปเท่านั้น

     

    มือบางผลักประตูกระจกใสที่มีป้ายแขวนเอาไว้ว่า close เข้าไปด้านใน

     

    “สายไปสิบห้านาที”

     

    “ห๊ะ!...แต่นี่ผมก็รีบสุดๆแล้วนะ”

     

    “แต่ถ้านายปล่อยให้ลูกค้ารอแค่ห้านาที”

     

    “แต่ว่าผม!!!”

     

    “หยุดเถียง แล้วตามฉันเข้าไปด้านในได้แล้ว!”

     

    ทงเฮงับปากยื่นยาวที่กำลังจะเถียงเก็บเอาไว้ เพราะคนที่เค้าจะเถียงด้วยเดินหายเข้าไปยังครัวด้านในเสียแล้ว ทงเฮเดินตามเข้าไปในครัว ห้องสี่เหลี่ยมกว้างขวาง มีกลิ่นอ่อนๆ จากพวกแป้งและเนย ของทุกอย่างถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ไม่ได้รกเหมือนห้องครัวที่ทงเฮเคยจินตนาการเอาไว้ เตาอบขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่ผนังฝั่งขวาของห้อง ทงเฮกำลังมองสำรวจห้องครัวอย่างเพลินๆ จนไม่ทันสังเกต ว่าอีกคนที่เดินเข้ามาก่อน มาหยุดยืนอยู่ข้างๆเขา พร้อมกับของในมือ

     

    “ไปล้างมือ แล้วเปลี่ยนชุดซะ” ทงเฮพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย มือบางรับชุดสีขาวสำหรับทำอาหารมาไว้ แล้วเดินหายเข้าไปเปลี่ยนชุด ครู่นึงจึงออกมา พร้อมกับสภาพที่ร่างสูงต้องขมวดคิ้วอย่างขัดใจ

     

    “แค่ใส่เสื้อผ้าแค่นี้ยังทำไม่ได้”

     

    “อะไรกัน ผมก็เพิ่งใส่เป็นครั้งแรกนี่นา มันไม่แปลกไปหน่อยหรอ ถ้าผมจะใส่เป็นน่ะ ดูสิ กระดุมอะไรก็ตั้งเยอะแยะ” ทงเฮบ่น มันไม่ใช่ความผิดของเขาเสียหน่อย ก็คนธรรมดาที่ไหนจะต้องมาใส่ชุดเชฟกันล่ะ เค้าใส่ไม่เป็นมันก็ไม่แปลกหรอก

     

    ขี้เกียจจะต้องมาฟังคนชอบเถียงให้มากความ ร่างสูงจึงจัดการปลดกระดุมที่ใส่แบบถูกๆผิดๆของทงเฮออก แล้วจัดการติดใหม่ให้ทั้งหมดอย่างถูกต้อง ทงเฮยิ้มแหยๆ ให้ร่างสูง ที่สามารถติดกระดุมได้อย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งยื่นผ้าสีน้ำตาลในมือส่งให้ร่างสูงด้วย

     

    คิบอมพ่นลมหายใจออกแรงๆทีนึง แสดงให้เห็นว่าตนเหนื่อยใจกับเจ้าเด็กตรงหน้า จากนั้นก็เริ่มพันผ้าพันคอให้กับคนตัวเล็ก

     

    หลังจากจัดการแต่งตัวให้คนตัวเล็กเสร็จ คิบอมก็เดินนำมายังเคาน์เตอร์ในห้อง ที่มีอุปกรณ์ต่างๆ วางเรียงรายกันอยู่

     

    “ก่อนที่จะเรียนทำเค้ก อย่างแรกที่นายจะต้องเรียนรู้ก็คือ…อุปกรณ์”

     

    “....??” =[]=

     

    ทงเฮเมากับบทเรียนแรกของเชฟหน้าหล่อ ทั้งถ้วยตวงขนาดต่างๆ แถมยังมีแบ่งไว้สำหรับน้ำและแป้ง ช้อนตวงอีกหลายขนาดที่ห้อยกันเป็นพวง ที่ร่อนแป้ง ชนิดแป้ง ชนิดของภาชนะ คุณสมบัติต่างๆ บลา บลา บลาาา.....

     

     

    โถ่ คุณเชฟนิม ผมแค่อยากจะทำเค้กสักปอนด์ ให้ฮีชอลซอนเบนิมนะครับ!! ไม่ได้จะไปแข่งเชฟกระทะเหล็กเสียหน่อย!!!

     

     

     

     

     

     

     

     

    “ไม่ได้เรื่อง…” สาบานได้ ทงเฮไม่ได้เรียนหนักจนหูฟาด แต่เขาได้ยินคำว่าไม่ได้เรื่องออกมาจากปากเชฟนิมจริงๆ ถึงแม้มันจะเบาก็เถอะ แต่ถ้าอยู่ใกล้กันขนาดนี้ ทงเฮก็ได้ยินมันเต็มสองหูเลยแหละ!

     

     

     

    คิบอมทดสอบความสามารถของทงเฮนิดหน่อย และทงเฮก็สามารถตอบได้ครึ่งไม่ได้ครึ่ง ว่าอุปกรณ์ต่างๆที่คิบอมถาม มันเอาไว้ทำอะไรบ้างจนเวลาล่วงเลยไปถึงช่วงบ่าย บทเรียนบทแรกของการเป็นเชฟตัวน้อยก็จบลง ทงเฮจึงได้เริ่มเรียนทำเค้กตามที่ตัวเองหวังไว้เสียที

     

     

     

    “นี่คือแป้งเค้ก โม่จากข้าวสาลีชนิดอ่อน ลักษณะเมื่อถูด้วยมือจะรู้สึกอ่อนนุ่ม เนียนละเอียด มีสีขาวกว่าแป้งขนมปัง และแป้งอเนกประสงค์” ระหว่างที่ร่างสูงเริ่มร่อนแป้ง ก็อธิบายลักษณะต่างๆให้ร่างบางได้เรียนรู้ด้วย

     

    “ต่อไปก็ใส่ผงฟู1 1/2 ช้อนชา” พอพูดจบ คิบอมก็นิ่งไป ร่างสูงมองหน้าร่างบาง แต่ทงเฮไม่ฉลาดพอว่าหน้านิ่งๆของเชฟนิมนั้นจะสื่ออะไร
     
    “อะไรฮะ?”

     
    “ผงฟูหนึ่งช้อนชาครึ่ง….ตวงมาสิ”

     
    “ฮะ?...ฮะๆ” ทงเฮขานรับด้วยน้ำเสียงงะๆเงิ่นๆ หยิบจับอุปกรณ์บนเคาน์เตอร์อย่างเก้ๆกังๆ แม้จะดูวุ่นวายไป(ไม่)หน่อย แต่สุดท้ายคิบอมก็ได้ผงฟูตามที่ต้องการ

     
    หลังจากผสมแป้งในอ่างผสมเสร็จเรียบร้อย ร่างสูงก็หันไปสนใจการผสมส่วนผสมอื่นๆ โดยใช้เครื่องตีแป้ง

     
    “ใส่ไข่ไก่สองฟอง กับน้ำตาลสองส่วนสามถ้วยตวง ลงในเครื่องนี้” ถึงปากจะบอกไปแบบนั้น แต่ร่างสูงก็เป็นคนจัดการเองทั้งหมด คิบอมจัดการตอกไข่สองฟองอย่างมืออาชีพ แล้วจัดการเทใส่ลงไปในเครื่องพร้อมกับน้ำตาลทรายที่ตวงอย่างชำนาญ จากนั้นก็กดปุ่มให้เครื่องเริ่มตีส่วนผสมให้เข้ากัน

     
    ผ่านไปสองนาที ร่างสูงก็ค่อยจัดการเทเนยละลายแล้วพร้อมกับกลิ่นวานิลาลงไปผสม จากนั้นก็ตามด้วยแป้งที่ผสมพักไว้ในขั้นตอนแรก และตามด้วยนมสดครึ่งถ้วยตวง

     
    “เวลาเทนม จะต้องค่อยๆเท เททีละนิดแต่สม่ำเสมอ อย่าเทลงไปทีเดียว” ทงเฮที่ยืนสังเกตการณ์อยู่ใกล้ๆ ก็ได้แต่พยักหน้ารับ ทั้งๆที่อยากจะถามเหลือเกินว่าระหว่างเทลงไปทีเดียวกับค่อยๆเท มันจะแตกต่างกันตรงไหน

     
    “เพราะมันจะได้ไม่ไปกองรวมกันที่เดียว” -0-…สาบานได้ ทงเฮคิดคำถามนี้แค่ในใจเท่านั้น เชฟนิมอ่านใจทงเฮออกได้งัยอ่ะ!! น่ากลัวชะมัดเลย นี่เป็นพ่อมดปลอมตัวมารึเปล่านะ!!

     
    จนนมในถ้วยถูกเทลงไปผสมกับแป้งจนหมด ร่างสูงก็กดหยุดเครื่อง และนำถ้วยผสมออกมาจากตัวเครื่อง ใช้ไม้พายสำหรับคน คนให้เนื้อแป้งเกาะกันดีอีกสองสามครั้ง แล้วเริ่มอธิบายขั้นตอนต่อไป

     
     
    ร่างสูงยกถาดสำหรับใส่คัพเค้กมาวางไว้ที่เคาน์เตอร์ ถ้วยกระดาษสำหรับคัพเค้ก ถูกวางเตรียมเอาไว้อย่างรวดเร็วไม่มีติดขัด ก่อนที่ทงเฮจะมีข้อสงสัยและเอ่ยถาม

     
    “เอ่อ…เชฟนิมฮะ เราจะทำอะไรกันหรอ?

     
    “คัพเค้ก”

     
    “ฮะ?...แต่ผมไม่ได้อยากทำคัพเค้กนี่ฮะ!! ผมอยากทำเค้กที่เป็นปอนด์ๆน่ะ” ทงเฮท้วง ก็เค้กที่เค้าตั้งใจจะทำให้ฮีชอลซอนเบนิม มันเป็นเค้กสวยๆก้อนโตนี่นา ไม่ใช่คัพเค้กเบสิกๆ แบบนี้ซะหน่อย

     
    “มือใหม่แบบนาย แค่คัพเค้กก็หัดทำให้ได้ก่อนเถอะ” คิบอมยังคงจัดการกับของตรงหน้าต่อโดยไม่ได้หันมาสนใจคู่สนทนา ว่าตอนนี้ทงเฮมีทีท่าที่จะงับหัวเขาหรือยิ้มรับยินดีกับคำสบประมาทของตน ร่างสูงเปิดตู้ลิ้นชัก แล้วหยิบอุปกรณ์ที่ทงเฮจำได้ว่ามันคือที่ตักไอศกรีมออกมา

     
    “ตักแป้งจากถ้วยนี้ มาใส่ถ้วยกระดาษ ตักให้เต็มที่ตักก็พอ ห้ามเกินห้ามล้น เพราะเวลาเอาไปอบ แป้งแค่นี้ก็จะฟูจนเต็มถ้วย” ร่างสูงสาธิตการตักแป้งใส่ถ้วยให้ทงเฮดูสองสามถ้วย จากนั้นก็ให้ร่างบางได้ลองตักเองดูบ้าง

     
    “ตักให้พอดี! อย่าเกิน” เชฟหน้าหล่อดุใส่ เมื่อเห็นว่าลูกศิษย์จอมดื้อตักแป้งมาเสียล้น ก็ทงเฮอยากกินชิ้นใหญ่ๆนี่ เห็นเวลาซื้อคัพเค้กทีไร ก็ได้กินชิ้นเล็กๆทุกที เจ้าของร้านโคตรขี้งกเลย

     
    “ระหว่างที่นายตักแป้งอยู่ ชั้นจะไปอุ่นเตารอไว้ อุ่นที่350 องศาฟาเรนไฮด์”
     
     
     
    .
    .
    .
    .
    สามสิบนาทีผ่านไป กลิ่มหอมๆของคัพเค้กก็ลอยออกมาจากเตา ทงเฮทำจมูกดุ๊กดิ๊ก สูดกลิ่นหอมของเค้กในเตาอบ

     

     
     
    ฟุดฟิดๆ .......หอมชะมัดเลยอ่าาาาา (*w*)
     

     
     
     
     
     
     

    ร่างหนาสวมถุงมือกันความร้อน แล้วค่อยเปิดเตาอบ หยิบถาดคัพเค้กหอมๆออกมาจากเตา วางไว้บนเคาน์เตอร์  คัพเค้กสีสวย ฟูสวยจนเต็มถ้วยกระดาษ กลิ่นหอมๆของมัน ล่อตาล่อใจจนทงเฮต้องยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ
     
     
     
     
    “อ๊ะ!!” ผ้าพันคอสีน้ำตาลบนคอถูกรั้งจากด้านหลัง ทำให้ทงเฮที่กำลังยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ ต้องสะดุดกลางอากาศ

     
    “ระวังหน่อย น้ำลายจะหยดแล้ว” พอรู้ตัวว่าทำอะไรลงไป ทงเฮก็เด้งตัวยืนหลังตรง เม้มปากไว้แล้วส่งเสียงสูดน้ำลายสู๊ดๆ แต่พอเห็นว่าไม่เห็นมีน้ำลายอย่างที่ร่างสูงว่าสักหน่อย ก็หันไปตวัดตาค้อนใส่คนที่กล่าวหาตัวเองทันที

     
     
    ไม่ต้องมาทำให้เขาเขวเลย ทงเฮไม่ลืมหรอกนะว่าอยากจะทำเค้กก้อนโต ไม่ได้ชื่นชมยินดีไปกับคัพเค้กขั้นเบสิกๆแบบนี้หรอก ไม่มีทางซะหรอก!!
     

     
     
    “ต่อไปก็….แต่งหน้าเค้ก”
     
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    . 

    .
    .ร่างสูงเช็ดมือที่เลอะเศษน้ำตาลกับผ้ากันเปื้อน หลังจากติดโบว์เล็กๆ ให้กับตุ๊กตาน้ำตาลปั้นเสร็จ คัพเค้กของคิบอมสามชิ้นมีตุ๊กตาน้ำตาลยิ้มแฉ่งเชิญชวนให้หยิบมันขึ้นมาเชยชมความน่ารักมากกว่าที่จะหยิบมันขึ้นมาทาน


    ร่างสูงยืนยิ้มให้กับผลงานของตนเองอยู่สักพัก พลันเสียงห้าวเล็กๆ ก็ดังขึ้นข้างหู

     

    “เสร็จแล้ว!!”





      ( ^w^)

      (*w*)

     (>o<;)

     


    .
    .
    .
    .
    .

     

     

     

    “อะ-ไร-ของ-นาย” - -+


    “............” -3-

     

     
















    TBC…..


    คิดซะว่ามันเป็นฟิคคริสต์มาสที่เลยมาปีใหม่

    เมอร์รี่คริสต์มาส & แฮปปี้ นิวเยียร์ คร้าาา า :)






    >>เจอหมอนให้นอนฝันดีๆ เจอผีให้เป็นแค่เงาๆ เจอเจ้าหนี้ขอให้เค้าไม่ทวง กินมะม่วงเปรี้ยวไม่เข็ดฟัน <<








    311211
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×