คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : ศาสนาพราหมณ์หรือศาสนาฮินดู
ศาสนาพราหม์หรือศาสนาฮินู
ศาสนาพราหม์หรือฮินูมีแหล่ำเนิในเอเียใ้ ือ อินเีย
นับถือันมาในประเทศอินเีย มีเป็นส่วนน้อยามประเทศ่า ๆ เ่น ลัา บาหลี อินโนีเีย ไทย แอฟริาใ้ นับถือันมายาวนานั้แ่ยุอินเียโบรา่อนมัยพุทธาล นถึปัุบัน
"พระเวท" ึ่เป็นัมภีร์อศาสนาพราหม์ ไ้รับยย่อว่าเป็น "วรรีเ่าแ่ที่สุในโล" ้วย
ศาสนาพรหม์เป็นศาสนาที่มีวามเื่อและแนวทาปิบัิ่าันมามาย ทั้ในสมัยเียวันและสมัย่าัน
แม้แ่ื่ออศาสนาเอ ็ยัเรีย่าันไปามาลเวลา เ่น
1. สนนธรรม แปลว่า "ศาสนาสน" หมายวามว่า เป็นศาสนาที่ำรอยู่เป็นนิย์ ไม่มีวันเสื่อมสู
2. ไวทิธรรม แปลว่า "ธรรมที่ไ้มาาพระเวท"
3. อารยธรรม แปลว่า "ธรรมอันีาม"
4. พราหมธรรม แปลว่า"ำสอนอพราหมาารย์"
5.ฮินทูธรรม หรือ ฮินูธรรม แปลว่า "ธรรมที่สอนลัทธิอหิสาหรือศาสนาฮินู"
ศาสนาพราหม์หรือฮินู็ือศาสนาเียวันนั่นเอ
ารที่มีื่อเรียวบู่ันไป 2 ื่อ ือ "พราหม์-ฮินู" เพราะผู้ให้ำเนิศาสนานี้
ในอนแรเริ่มเรียัวเอว่า "พราหม์" ่อมาศาสนาเสื่อมลระยะหนึ่และไ้มาฟื้นฟูปรับปรุเป็นให้เป็นศาสนาฮินู โยเพิ่มบาสิ่บาอย่าเ้าไป มีารปรับปรุเนื้อหาหลัธรรม ำสอนให้ีึ้น
ำว่า "ฮินู" เป็นำที่ใ้เรียาวอารยันที่อพยพเ้าไปั้ถิ่นานในลุ่มแม่น้ำสินธุ และเป็นำที่ใ้เรียลูผสมอาวอารยันับาวพื้นเมือ ในมพูทวีป และนพื้นเมือนี้ไ้พันาศาสนาพราหม์โยารเพิ่มเิมอะไรใหม่ ๆ ลไป แล้วเรียศาสนาอพวนี้ว่า "ศาสนาฮินู"เพราะะนั้นศาสนาพราหม์ึมีอีื่อในศาสนาใหม่ว่า "ฮินู" นถึปัุบัน
ในอีศาสนาพรหม์หรือฮินูะมีารััมภีร์ออเป็น 3 พวามารยย่อนับถ้อเทวะทั้ 3 โยแยเป็น 3 นิายให่ ๆ
นิายในับถือเทวะอ์ใ็ยย่อว่าเทวะอ์นั้นสูสุ ่อมานัปรา์าวฮินูไ้ำหนให้เทวะทั้สามอ์เป็นให๋สูสุเสมอัน เทวะทั้ 3 นี้ไ้รับารนำมารวมันเรียว่า "รีมูริ" ใ้ำสวว่า "โอม" ึ่ย่อมาา "อะ อุ มะ" แ่ละพยา์แทนเทวะ 3 อ์ ือ
"อะ" แทนพระวิษุหรือพระนาราย์
"อุ" แทนพระศิวะหรือพระอิศวร
"มะ" แทนพระพรหม
ศาสนาพราหม์มีัมภร์และวรรีทาศาสนามามาย ถ้าะแบ่ยุอศาสนาพราหม์ แบ่ไ้ันี้
1. ยุพระเวท
2. ยุมหาาพย์และทรรศนะทั้ 6
3. ยุหลันถึยุปัุบัน
4. ยุพระเวท มีัมภีร์พระเวทเป็นัมภีร์สำัอศาสนาพราหม์
ปุราะ
ำว่า “ปุราะ” แปลว่า “เ่า” เป็นนามที่ใ้เรียหนัสือำพวหนึ่ึ่พราหม์เ็บรวบรวมแ่ึ้นภายหลัยุหนัสือำพวที่เรียว่า “อิิทาส” เ่นเรื่อมหาภาระและรามายนะ
หนัสือ่า ๆ อพราหม์แบ่ออเป็น 3 ุามลัษะแห่หนัสือ ือ
1. ยุพระเวท เป็นยุที่แ่ามำรับที่ออนามว่าพระเวท พร้อม้วยำรับอื่น ๆ อันเป็นบริวาร มี้อวามล่าว้วยารบูายัสรรเสริพระเป็นเ้าโยวิธีอย่าเ่าที่สุ ไม่ใร่ะมีเรื่อราวเล่าเป็นนิยาย หรือประวัิพิสาร
2. ยุหิิทาส เป็นยุที่เิมีวีรบุรุษ (ือนเ่ในสราม)ึ้นแล้ว ึมีผู้ิรวบรวมเรื่อราวอันเป็นำนานเนื่อ้วยวีรบุรุษเหล่านี้ รนาึ้นเป็นาพย์ให้ำ่ายแล้วสอนศิษย์สาธยายในาลเวลาอันวร แล้วำัน่อ ๆ มา เ่นเรื่อรามายนะ มหาภาระ เป็น้น แ่ไม่มีผู้ใลเป็นลายลัษ์อัษร ่อมาอีร้อยปีึมีารเป็นหนัสือ ะนั้นอิทธิพลอหนัสืออิิทาสเหล่านี้ึมัมี้อผนวหรือแ้ไเินไปว่าเรื่อเิม เ่น นับถือพระนาราย์และฤษะในส่วนที่เป็นวีรบุรุษ่อน แล้วึเ์ให้เป็นพระนาราย์อวาร่อไป แ่ถึอย่าไรวีรบุรุษเหล่านี้็ยัเป็นมนุษย์อยู่
3. ยุปุราะ เมื่อยย่อวีรบุรุษ่า ๆ มาึ้นทุที ๆ นลายเป็นเทวาไปเลย ึเิมีำรับุปุราะึ้นสำหรับเป็นหลัานว่าพระผู้เป็นเ้านั้น ๆ ไ้ทรอภินิหารอย่านั้น ๆ และไ้ทรเส็มาเอื้อ่อมนุษย์โยทรอวารหรือแบ่ภามาอย่านั้น ๆ และลัษะารสั่สอนโยวิธีเล่าเป็นนิทานธรรมะ็เป็นวิธีที่พวอาารย์สัเเห็นว่าเป็นที่พอใแ่ารศึษา เป็นผลีทำให้ำำสั่สอนไว้ไ้ีึ้น ึเิเป็นำราที่เรียว่า “ปุราะ” ืออ้าว่ารวบรวมมาาเรื่อเ่า ๆ มาแ่ึ้นไว้เพื่อเป็นหลัาน พราหม์และสามันำนวนน้อยที่รู้ัไรเพทที่แท้ริ ึถือเอาุปุราะเป็นำรับสำัอลัทธิไสยศาสร์
พระเวท หรือไรเพท
ในประเทศอินเีย ไ้มีารแบ่นั้นออเป็น 4 วรระ ือ
1. พราหม์
2. ษัริย์
3. แพศย์
4. ศูทร
วรระพราหม์ถือว่าเป็นวรระสูสุ เป็นพวทำหน้าที่ทาศาสนา
“พราหม์”เป็นำศัพท์ที่เนื่อมาาำว่า “พรหม”
นในวรระนี้ถือว่านสืบเื้อสายมาาพรหม สามารถิ่อเี่ยว้อับโอาร่า ๆ าพรหมึ่เป็นพระผู้เป็นเ้ามาแ้แ่าวโลมนุษย์ไ้ สามารถิ่อบวสรวอ้อนวอนเทพเ้าให้มาประสาทพรหรือบันาลวามเป็นไป่า ๆ ในโลมนุษย์ไ้
พวพราหม์ึเป็นที่เารพยำเรอนทุวรระ แม้แ่ษัริย์ผู้เป็นให่ในารปรอ เมื่อพวพราหม์มีอำนามา มีนยำเรมา โอาสที่ะแสวหาลาภสัาระึมีมา
พวพราหม์แ่ละพวะแ่ันในารทำพิธีโยถือว่าารัทำพิธี่า ๆ ให้ถู้อามพิธีที่ำหนไว้ในพระเวทเป็นสิ่สำั
นวรระพราหม์ไ้รวบรวมสรรพวิาทั้หลายที่น้นพบหรือเ้าใเรื่อ
ประมวลวามรู้เรียว่า “ไสยศาสร์” ึ่ึ้น้น้วยวิาที่สำัที่สุือ “พระเวท”อันหมายถึวิาารที่เี่ยวับพรหม เทวาและสิ่ศัิ์สิทธิ์ทั้หลายที่มนุษย์้อเารพบูา
สมัยนั้นยัไม่มีหนัสือ ึ้อใ้วอธีท่อำและสอน่อ ๆ ันมา
พระเวทประอบ้วย “มนร์” ือาถาสำหรับท่อำับ “พราหมะ” ึ่เป็นัมภีร์ู่มือที่พวพราหม์แ่ละลุ่มไ้เพิ่มเิมในพิธีรรมอนให้ละเอียพิสารึ้น นพราหม์เอไม่สามารถท่อำไ้ ึ้อมีู่มือ “พราหมะ”ือำอธิบายลัทธิพิธีรรม่า ๆ อพระเวท
แ่เิมมี 3 อย่า เรียว่า “ไรเพท” ไ้แ่
1. ฤเวท เป็นัมภีร์เ่าแ่ที่สุ ถือันว่าออาโอษ์อพระพรหมึ่พวฤๅษีไ้สับแล้วนำมาอนุศาสน์นรนอี่อหนึ่ ล่าว้วยเทวา่า ๆ และารบนบานให้่วยัภัยทั้มวล
2. ยุรเวท ล่าว้วยพิธีรรม่า ๆเป็นำราารทำพิธิรรมอพราหม์โยร
3. สามเวท ล่าว้วยบทาถาสัเวยสำหรับเห่ล่อมเทวา บูาน้ำโสมแ่เทวะทั้หลาย (“สาม” แปลว่า สว) ัมีบทเห่ล่อมพระนเรศร์–พระนาราย์ หลัพิธีรียัมปวายเสร็สิ้นแล้ว
่อมาเพิ่ม “อาถรรพเวท” ึ่เป็นพระเวทที่เี่ยวับอาถรรพ์่า ๆ มีมนร์สำหรับใ้ในิารทั้ปว รัษาโรภัยไ้เ็บ หรือำัผลร้ายอันะมีมาแ่พยาธิและมรภัย และรวมทั้สำรับใ้ทำร้ายแ่หมู่อมิรโยเสสิ่หนึ่สิ่ใเ้าัว หรือฝัรูปฝัรอย หรือทำเสน่ห์ยาแฝ
นอาพระเวททั้ 4 นี้แล้ว ยัมี “พระเวทรอ” อี 4 อย่า เรีย “อุปเวท” เป็นวิาที่ล่าว้วยวิทยาศาสร์่า ๆ อันเป็นวิทยาารโยเพาะือ
1. อยุรเวท ไ้แ่ำราแพทย์ศาสร์ ล่าว้วยารใ้สมุนไพรและมนร์่า ๆ ในารรัษาโร มีเทวาประำเป็นเ้าอือฤๅษีทั้แปึ่ไม่ปรานามแน่นอนำรา
2. านธรรพเวท ไ้แ่ำราับร้อและนรี ับนายศาสร์หรือารฟ้อนรำ มีเทวาประำือพระนารทฤๅษี หรือที่เรียว่าพระนารอทหรือพระปรนธรรพ์
3. ธนุรเวท ไ้แ่วิายิธนูและารใ้อาวุธสราม ึ่บันี้เรีย “ยุทธศาสร์” มีเทวาประำือ พระันทุมาร
4. สถาปัยเวท ไ้แ่ วิา่อสร้าึ่เรียว่า “สถาปัยรรม” เทวาประำือ พระวิศนุรรม
วิธีเรียนพระเวทให้ไ้ผลนั้นเรียว่า “เวทา์” ืออ์อพระเวทมี 6 บท หมายวามว่าะ้อถนััเนในหลัอเวทา์เสีย่อนแล้ึเ้าสู่ารเรียนพระเวทโยร เวทา์ทั้ 6 อ์ ไ้แ่
1. ศึษา ือารเรียนออสำเนียให้ถู้อ ทั้รู้ัรุ-ลหุ และวิธีอ่าน
2. ันท์ ือารรู้ัะันท์ และแ่ไ้บ้าพอสมวร ำันท์มาาำราไสยศาสร์โยรึ่ในลัษะเิมมีารำัแ่รุ-ลหุอำ นัวรรีไทยไ้บััิสมัผัสสระและสัมผัสอัษรลไป้วย
3. ไวยร์ ือวิธีารเรียบเรียถ้อยำให้เ้าับภาษา
4. นิรุ์ ือารแปลศัพท์ให้ถู้อามมูลธาุเิมอำนั้น ๆ
5. โยิษ ือำราโหราศาสร์ึ่เป็นอที่นิยมันลอมานถึุวันนี้ เป็นวิาพยาร์โะา
6. ัลป ือำราระทำิพิธี่า ๆ ัปราในสูร่า ๆ ที่พราหม์ร้อยรอไว้ในพระยัุรเวท
ในเวทา์ทั้ 6 นี้ “ัลป” เป็นอฺสำัว่าเพื่อนสำหรับารเียนพระเวทามหลัไสยศาสร์เพื่อเ้าถึพรหม แบ่ออเป็น 3 สูร ือ
1. เศราสูร ว่า้วยารพลีรรม
2. ฤหสูร ว่า้วยพิธีประำบ้าน
3. ธรรมสูร ว่า้วย้อปิบัิสำหรับประานทุวรระ
วรระพราหม์ในศาสนาฮินู
ในประเทศอินเียไ้แบ่นออเป็น 4 วรระ ือ พราหม์ ษัริย์ แพศ ศูทร ในที่นี้ะล่ถึวรระพราหม์ หรือระูลนับวเท่านั้น นี้ไม่ำเป็น้อบวทุน แบ่ออเป็น 4 ั้นือ
1. พรหมารี ือพวนัเรียน มีหน้าที่เป็นผู้ปิบัิและศึษาพระเวทในสำนัาารย์นในหนึ่ (เทียบับศาสนาพุทธ ือ สามเร และนวะ)
2. ฤหบี ือผู้รอเรือน มีภรรยา มีรอบรัว เป็นหัวหน้าในบ้าน อ่านและสอนพระเวท ทำารบูาเอ หรือ่วยผู้อื่นระทำยัรรม ให้ทาน และรับทัษิา
3. วานปรัสถ์ ือผู้อยู่ป่าละเหสถานและรอบรัวเ้าป่าเพื่อทรมานน มัน้อยในอาหารและเรื่อนุ่ห่ม ระทำทุรริยา สมาธิมั่นในิวัร ไ้แ่
ฤๅษี แปลว่า ผู้แสว หมายถึแสวหาโมษะ ือารหลุพ้นาารเวียนว่ายายเิ
โยี แปลว่า ผู้บำเพ็โยะ ือทรมานายโยวิธีแห่อิริยาบถ่า ๆ เพื่อหวัผลสำเร็เป็นผู้วิเศษ เ่น ยืนาเียวเหนี่ยวินลมนานนับสิบปี นั่สมาธิโยไม่ลุึ้นเลยเป็นเวลาสิบปี
าบส แปลว่า ผู้บำเพ็บะ ือวามเพ่เล็ในวิเพื่อประโยน์ให้อามันเ้าร่วมอยู่ในปรมัถ์ (หรือปรพรหม) ให้เิวามบริสุทธิ์ใสสะอา แม้ระทบอารม์ใ ๆ ็ไม่แปรปรวน
มุนี แปลว่าผู้สบไ้แ่ผู้สำเร็านสมบัิ ือผู้ระทำบะและโยะนถึที่สุแล้ว
สิทธา แปลว่า ผู้สำเร็านสมาบัิ ือผู้ระทำบะและโยะนถึที่สุแล้ว
นัพร แปลว่า ผู้บวและถือพรามลัทธิพราหม์
ิล แปลว่า ฤๅษีผู้มุ่นมวยผมสูเป็นา
4. สันยาสี ไ้แ่พวที่เพียรภิาาร เลี้ยีย้วยารอทานและั้ิมั่นมุ่รพระปรมพรหมและนฤพาน อีนัยหนึ่เรียว่า “ภิษุ” (ำนี้ใ้เรียนับวในพระพุทธศาสนาเป็นพื้น)
ารเผยแผ่อศาสนาพราหม์ในประเทศไทย
ศาสนาฮินูที่มีอิทธิพล่อวันธรรมไทยนั้นือ่วที่เป็นศาสนาพราหม์ โยเ้ามาที่ประเทศไทยเมื่อในั้นไม่ปราระยะเวลาที่แน่นอน
นัประวัิศาสร์ส่วนมาสันนิษานว่าศาสนาพราหม์นี้น่าะเ้ามา่อนสมัยสุโทัย โบราสถานและรูปสลัเทพเ้าเป็นำนวนมา ไ้แสให้เห็นถึอิทธิพลอศาสนา เ่น รูปสลัพระนาราย์ 4 ร ถือสั์ ัร ทา อบัว สวมหมวระบอ เ้าใว่าน่าะมีอายุประมาพุทธศวรรษที่ 9-10 หรือเ่าไปว่านั้น
(ปัุบันอยู่ที่พิพิธภั์รุเทพฯ)
นอานี้ไ้พบ
รูปสลัพระนาราย์ทำ้วยศิลาที่อำเภอไยา ัหวัสุราษร์ธานี
โบราสถานที่สำัทีุ่พบ เ่น ปราสาทพนมรุ้ ัหวับุรีรัมย์
ปราสาทหินพิมาย ัหวันรราสีมา
พระปรา์สามยอ ัหวัลพบุรี
เทวสถานเมือศรีเทพ ัหวัเพรบูร์
่อมาในสมัยสุโทัยศาสนาพราหม์ไ้เ้ามามีบทบาทมาึ้นวบู่ไปับพุทธศาสนาในสมัยนี้มีาร้นพบเทวรูป พระนาราย์ พระอิศวร พระพรหม พระแม่อุมา พระหริหระ
ส่วนมานิยมหล่อสำริ
นอาหลัานทาศิลปรรมแล้ว
ใน้านวรรีไ้แสให้เห็นถึวามเื่ออศาสนาพราหม์ เ่น
ำหรับท้าวศรีุฬาลัษ์หรือนานพมาศ หรือแม้แ่ประเพีลอยระท เพื่ออสมาลาโทษพระแม่า น่าะไ้อิทธิพลาศาสนาพราหม์เ่นัน
ในสมัยอยุธยา เป็นสมัยที่ศาสนาพราหม์เ้ามามีอิทธิพลทาวันธรรมประเพีเ่นเียวับสุโทัย พระมหาษัริย์หลายพระอ์ทรยอมรับพิธีรรมที่มีศาสนาพราหม์เ้ามา เ่น พิธีแ่น้ำ
พิธีทำน้ำอภิเษ่อนึ้นรอราย์สมบัิ
พิธีบรมราาภิเษ
พระราพิธีอเปรีย
พระราพิธีรพระนััลแรนาวั
พระราพิธีรียัมปวาย เป็น้น
โยเพาะสมเ็พระนาราย์มหาราทรนับถือทาไสยศาสร์มา ถึนาทรสร้าเทวรูปหุ้ม้วยทอำทรเรื่อลยาราาวีสำหรับั้ในารพระราพิธีหลายอ์ ในพิธีรียัมปวายพระอ์ไ้เส็ไปส่พระเป็นเ้าถึเทวสถานทุ ๆ ปี่อมาในสมัยรันโสินทร์อน้น
พิธี่า ๆ ในสมัยอยุธยายัไ้รับารยอมรับนับถือาพระมหาษัริย์และปิบัิ่อันมา ือ
1. พระราพิธีบรมราาภิเษ
พระราพิธีนี้มีวามสำั เพราะเป็นารเทิพระเียริออ์พระประมุ พระบาทสมเ็พระพุทธยอฟ้าุฬาโล ไ้โปรเล้าฯให้ผู้รู้แบบแผนรั้รุเ่าทำาร้นว้าเพื่อะไ้สร้าแบบแผนที่สมบูร์ามแนวทาแ่เิมมาในสมัยรุศรีอยุธยาและเพิ่มพิธีส์เ้าไปึ่มี 5 ั้นอน ือ
1.1 ั้นเรียมพิธี มีารทำพิธีเสน้ำ ารทำพิธีารึพระสุพรรบั วพระราสมภพ และแะพระราลัรประำรัาล
1.2 ั้นพิธีเบื้อ้น มีารเริพระพุทธมน์
1.3 ั้นพิธีบรมราาภิเษ มีารสรพระมุรธาภิเษ านั้นรบารถวายสิริราสมบัิและเรื่อสิริราุธภั์
1.4 ั้นพิธีเบื้อปลาย เส็ออมหาสมามและสถาปนาสมเ็พระบรมราินีแล้วเส็พระราำเนินไปทำพิธีประาศพระอ์เป็นศาสนูปถัมภในพระพุทธศาสนา พร้อมทั้ถวายบัมพระบรมศพพระบรมอัิพระเ้าอยู่หัวอ์ ่อนและเส็เลิมพระรามเียร เส็เลียบพระนร
2. ารทำน้ำอภิเษ
พระมหาษัริย์ที่ะเส็ึ้นเถลิถวัลย์ราสมบัิบรมราาภิเษ ะ้อสรพระมุรธาภิเษและทรรับน้ำอภิเษ่อนไ้รับารถวายสิริราสมบัิามำราพราหม์ น้ำอภิเษนี้ใ้น้ำาปัมหานที ือ า ยมุนา มหิ อิรวี และสรภู ึ่ทำเป็นน้ำที่ไหลมาาเาไรลาส อันเป็นที่สถิย์อพระศิวะสมัยรันโสินทร์ั้แ่รัาลที่ 1 ถึรัาลที่ 4 ใ้น้ำ 4 สระในเสุพรร ือ สระเษ สระแ้ว สระาและสระยมุนา และไ้เพิ่มน้ำาแม่น้ำสำัในประเทศ 5 สาย ือ
น้ำในแม่น้ำบาปะ ัที่บึพระอาารย์ แวนรนาย
น้ำในแม่น้ำเ้าพระยา ัที่ำบลบาแ้ว เอ่าทอ
น้ำในแม่น้ำราบุรี ัที่ำบลาวึส์ เสมุทรสราม
น้ำในแม่น้ำเพรบุรี ัที่ำบลท่าไย เเมือเพรบุรี แบบนิายพุทธันระ
3. พระราพิธีอเปรีย
ือ ารยโมามประทีปบูาเทพเ้ารีมูริ ระทำในเือนสิบสอหรือเือนอ้าย โยพราหม์เป็นผู้ทำพิธีในพระบรมมหาราวั พระรารู ฯ ้อินถั่วินาน 15 วัน ส่วนพราหม์อื่นินนละ 3 วัน ทุเ้า้อถวายน้ำมหาสั์ ทุวันนถึลโมล ่อมาสมัยรัาลที่ 4 ไ้ทรโปรให้เพิ่มพิธีพุทธศาสนาเ้ามา้วยโยโปรให้มีสวมน์เย็นแล้วันเ้า อาลัษ์อ่านประาศพระราพิธี านั้นแผ่พระราุศลให้เทพยาพระส์เริพุทธมน์่อไป นไ้ฤษ์แล้วทรหลั่น้ำสั์และเิมเสาโมัยึยโมึ้น เสาโมัยนี้ที่ยอมีัรผ้าาว 9 ั้น โมประเทียบ 7 ั้น ลอเสาทาน้ำปูนาว มีหส์ิลูระพรวน นอานี้มีเสาโม บริวารประมา 100 ้น ยอัรมีผ้าาวสามั้น
4. พระราพิธีรียัมปวาย
เป็นพิธีส่ท้ายปีเ่า้อนรับปีใหม่อพราหม์ เื่อันว่าเทพเ้าเส็มาเยี่ยมโลทุปีึัพิธี้อนรับให้ให่โเป็นพิธีหลวที่มามานานแล้ว ในสมัยรันโสินทร์ไ้ัันอย่าให่โมาระทำพระราพิธีนี้ที่เสาิ้าหน้าวัสุทัศน์ าวบ้านเรียพิธีนี้ว่า "พิธีโล้ิ้า" พิธีนี้ระทำในเือนอ้าย ่อมาเปลี่ยนเป็นเือนยี่
5. พระราพิธีพืมลรพระนััล
แ่เิมมาเป็นพิธีพราหม์ ภายหลัไ้เพิ่มพิธีส์ึทำให้เิเป็น 2 อน ือ พิธีพืมลเป็นพิธีส์เริ่มั้แ่ารนำพันธ์พืมาร่วมพิธี พระส์สวมน์เย็นที่ท้อสนามหลวนระทั่รุ่เ้ามีารเลี้ยพระ่อ ส่วนพิธีรพระนััลเป็นพิธีอพราหม์ระทำในอนบ่าย ปัุบันนี้พิธีรรมอพราหม์ที่เ้ามามีอิทธิพล่อสัมไทยเริ่มลบทบาทลไปมาเพราะพุทธศาสนาไ้เ้ามา มีอิทธิพลแทนทั้ในพระราพิธีและพิธีรรมทั่ว ๆ ไปในสัม อย่าไร็ามพิธีพราหม์เท่าที่เหลืออยู่และยัมีผู้ปิบัิสืบันมา ไ้แ่ พิธีโนผมไฟ พิธีโนผมุ พิธีั้เสาเอ พิธีั้ศาลพระภูมิ พิธีเหล่านี้ยัมีผู้นิยมระทำันทั่วไปในสัม ส่วนพระราพิธีที่ปราอยู่ ไ้แ่ พระราพิธีพืมลรพระนััลแรนาวั พระราพิธีบรมราาภิเษ และพิธีทำน้ำอภิเษ เป็น้น
สำหรับพิธีรรมในศาสนาฮินูึ่เป็นพราหม์ใหม่ ไม่ใร่มีอิทธิพลมานั แ่็มีผู้นับถือและสนใร่วมในพิธีรรมเป็นรั้ราว ทั้นี้อาเป็นเพราะวามเื่อในพระเป็นเ้ารีมูริทั้ 3 อ์ ยัมีอิทธิพลวบู่ไปับารนับถือ พุทธศาสนา ประอบับในโบสถ์อพวฮินูมัะั้พระพุทธรูปรวม ๆ ไปับรูปปั้นอพระผู้เป็นเ้า ทั้นี้สืบเนื่อมาาวามเื่อในเรื่ออวารอพระวิษุ ทำให้นไทยที่นับถือพุทธศาสนาบาลุ่มนิยมมาสวอ้อนวอนอพรและบนบาน หลายนถึนาเ้าร่วมพิธีรรมอฮินู ึเ้าลัษะที่ว่านับถือทั้พุทธทั้ฮินูปนันไป
ความคิดเห็น