คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : นี่หรือเหตุผล
เช้าวันรุ่งขึ้นนัมจิแต่งตัวไปเรียน วันนี้เธอไปเรียนเช้าเพราะไม่เกิดเหตุวุ่นวายเหมือนเมื่อวาน เธอเดินซึมซับบรรยากาศของสองข้างทาง ซึ่งมีต้นเมเบิ้ลปลูกเรียงรายอยู่สองข้างทาง
ใครเดินอยู่ข้างหน้า รูปร่างคุ้น ๆ นัมจิคิดพร้อมกับเพ่งมอง ปรากฏว่าคนที่เดินอยู่ตรงหน้าเธอคือ คิมเรียวอุค คนที่นั่งข้าง ๆ เธอนั่นเอง นัมจิลังเลนิดหน่อยก่อนที่จะตัดสินใจวิ่งเข้าไปทัก
“สวัสดีตอนเช้าเรียวอุค” นัมจิเอ่ยทักพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง
“อืม” เรียวอุคตอบ
“เช้านี้อากาศดีเนอะว่าไหม” นัมจิชวนคุยพร้อมกับเดินไปข้าง ๆ เรียวอุค
เขาไม่ตอบเพียงแต่เหม่อมองออกไปบนท้องฟ้า
เอาอีกแล้ว มองบนฟ้าอีกแล้ว นายเป็นแบบนี้เสมอหรือไง แบบนี้เมื่อไหร่จะมีเพื่อนซักที นัมจิคิด ในเมื่อเรียวอุคไม่ตอบและพูดอะไร นัมจิจึงเงียบเอาไว้แล้วเดินไปพร้อม ๆ กับเรียวอุค
“ฉันชอบอากาศแบบนี้” เรียวอุคพูดขึ้น หลังจากเงียบไปนาน พร้อมกับรีบสาวเท้าเดินไปให้เร็วขึ้น
นัมจิแอบอมยิ้ม นายเป็นแบบนี้เสมอหรือเปล่า กว่าจะตอบได้ เหมือนนายต้องใช้เวลาคิดเสียนาน นัมจิคิดและแอบหัวเราะในใจ ก่อนจะรีบวิ่งตามเรียวอุคซึ่งเดินนำหน้าไปแล้ว
และแล้วทั้งคู่ก็มาถึงห้องเรียน เซยะเรียกให้นัมจิไปคุยที่โต๊ะที่ทั้งคู่นั่ง ส่วนเรียวอุคเดินกลับไปนั่งที่ตัวเอง แล้วเหม่อมองออกไปบนท้องฟ้าเช่นเคย
“ทำไมเธอถึงมากับเจ้าชายน้ำแข็งได้ล่ะ” เซยะเอ่ยถามเมื่อนัมจิเดินเข้ามาถึงโต๊ะของทั้งคู่
“เจ้าชายน้ำแข็งเหรอ” นัมจิทำหน้างงไม่เข้าใจความหมาย
“ก็คิมเรียวอุคไง” เซยะเฉลยให้กับนัมจิฟัง
“อ๋อ....ว่าแต่ทำไมถึงไปเรียกเค้าแบบนั้นล่ะ” นัมจิถามอย่างสงสัย
“ก็ เพื่อนฉันที่เคยเรียนที่เดียวกับเรียวอุคตอนมอต้นนะ บอกว่ามีแต่คนเรียกเขาแบบนั้นกันทั้งนั้นละ เค้าไม่พูดกับใครเลย ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย” เซยะแอบกระซิบข้างหูนัมจิ
“แล้วอีกอย่างนะ ฉันเคยได้ยินว่าเค้ามักจะจ้องมองสร้อยเส้นหนึ่งด้วยละ มีข่าวลือบอกว่าเป็นสร้อยของแฟนเก่า ที่ขอเลิกกับเขาไป” เซยะเอ่ย
“อาจารย์มาแล้ว ไปนั่งที่ได้แล้ว” ซายะเอ่ยข้นเมื่อเห็นอาจารย์เดินมา
เจ้าชายน้ำแข็งงั้นเหรอ เค้าไม่พูดกับใครเลยเหรอ นัมจิคิดพร้อมกับลอบมองหน้าเรียวอุค
และแล้วการเรียนก็เริ่มขึ้น อาจารย์ก็เริ่มสอน วิชาแรกผ่านไป วิชาที่สองผ่านไป เมื่อไหร่จะเลิกละเนี้ย ฉันหิวข้าวแล้วนะ นัมจิแอบคิดในใจ แล้วก็แอบเหลือบสายตาไปมองเรียวอุค
เรียวอุคกำลังจ้องของบางอย่างอยู่ นัมจิมองตามสายตาเค้าถึงได้รู้ว่าเค้ากำลังจ้องมองสร้อยเส้นหนึ่งอยู่ เป็นสร้อยรูปไม้กางเขนสีเงิน ตรงกลางเป็นรูปหัวใจ สายตาที่เค้าทอดมองสร้อยเส้นนั้นช่างดูเศร้าสร้อยมาก เหมือนจะมีน้ำตาคลอด้วย หรือจะเป็นสร้อยที่เซยะพูดถึง งั้นคงเป็นของแฟนเก่าสินะ น่าสงสารจริง ๆ นัมจิคิดพร้อมกับส่ายหัว
การเรียนในภาคเช้าก็จบลงด้วยดี นัมจิแทบจะวิ่งไปโรงอาหารทันทีเมื่อได้ยินเสียงกระดิ่งหมดชั่วโมง แต่ด้วยความที่เป็นนางเอกต้องรักษาภาพพจน์หน่อย
นัมจิมานั่งกินข้าวกลางวันกับซายะและเซยะ พร้อมกับคุยกันไปด้วย
“จริงซิ นัมจิ เธอจะเข้าชมรมอะไรเหรอ อาจารย์เค้าบอกให้เราเลือกวันนี้นี่นา” เซยะเอ่ยถาม
“ยังไม่รู้เลยอ่ะ ยังไม่ได้คิด แล้วพวกเธอสองคนละ จะเข้าชมรมอะไร” นัมจิเอ่ยถามทั้งคู่พร้อมกับตักข้าวเข้าปาก
“ฉันว่าจะเข้าชมรมวิชาการละ ฉันจะไปเป็นทองแผ่นเดียวกับรุ่นพี่ลีทึก อิอิ” เซยะพูดขึ้นพร้อมกับทำท่าเขิน ๆ ซายะส่ายหัวกับความคิดของแฝด นัมจิแอบหัวเราะ
“แล้วเธอล่ะซายะ จะเข้าชมรมอะไร” นัมจิถามเอ่ยซายะบ้าง
“ฉันว่าจะเข้าชมรมดนตรี ดูน่าสนุกดี” ซายะเอ่ยพร้อมกับอมยิ้ม
“แล้วฉันจะเข้าชมรมอะไรดีน้า” นัมจิบนพึมพำ
“ก็เข้าชมรมดนตรีซิครับ ไม่เห็นต้องคิดมาก” เสียง ๆ หนึ่งเอ่ยขึ้นมา ทั้งสามเงยหน้าขึ้นไปมองต้นเสียง แล้วก็ต้องตกใจเพราะคนพูดก็คือรุ่นพี่เยซอง ประธานชมรมดนตรีนั่นเอง
“ที่ตรงนี้ว่างไหมครับ คนเยอะมากเลยพี่หาที่นั่งไม่ได้” เยซองเอ่ยถามทั้งสามคน
“ว่างค่ะ” ซายะเอ่ยตอบ
แล้วเยซองก็ลงไปนั่งข้าง ๆ นัมจิซึ่งเป็นที่ว่าง
“สวัสดีครับน้อง ๆ พี่ชื่อคิมจองฮุน นะครับเรียกพี่ว่าพี่เยซองก็ได้ครับ พี่เป็นประธานชมรมดนตรี ถ้าน้อง ๆ สนใจก็เข้ามาสมัตรได้นะครับ” เยซองกล่าวแนะนำตัวเอง
“สวัสดีค่ะพี่เยซอง หนูชื่อซายะ แล้วนี่ฝาแฝดหนูเซยะค่ะ ส่วนคนที่นั่งข้าง ๆ พี่ชื่อนัมจิค่ะ” ซายะแนะนำตัวเอง เซยะและนัมจิ ทุกคนยิ้มให้รุ่นพี่เยซอง
“น้องคนนี้นี่เอง จำพี่ได้หรือเปล่า” เยซองเอ่ยทักนัมจิ
“คะ จำได้ค่ะ ต้องขอบคุณมาก ๆ เลยนะค่ะเรื่องเมื่อวาน ถ้าไม่ได้รุ่นพี่ไม่รู้ว่าฉันคงจะหลงไปไหนก็ไม่รู้ คงเข้าพิธีไม่ทันแน่ ๆ เลย” นัมจิเอ่ยขอบคุณรุ่นพี่เยซอง เพราะเมื่อวานเค้าช่วยพาเธอมาส่งที่หอประชุม
“ไม่เป็นไรหรอก เรื่องเล็กน้อย” เยซองยิ้มตอบให้นัมจิ
“เยซองมานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้ มีที่ว่างตรงนู้นแล้วไปเร็ว” เสียงของฮยอกแจเพื่อนของเยซองเอ่ยเรียกเยซอง
“พี่ต้องไปก่อนแล้วนะครับ เพื่อนเรียกแล้ว ว่าแต่อย่าลืมมาสมัครเข้าชมรมดนตรีนะนัมจิ” เยซองกล่าวทิ้งท้ายพร้อมกับรอยยิ้มแล้วเดินไปหาฮยอกแจ
“กรี๊ดดดด พี่เยซองนี้ยิ่งดูใกล้ ๆ ยิ่งหล่อนะ เธอว่าไหมนัมจิ” ซายะออกอาการเป็นปลื้ม นี่คงเป็นเหตุผลที่เธออยากเข้าชมรมดนตรีใช่ไหมเนี้ย
และแล้วการเรียนในภาคบ่ายก็เริ่มขึ้น นัมจิคิดทบทวนว่าจะเข้าชมรมอะไรดี เธอเหลือบไปเห็นใบสมัครชมรมของเรียวอุค ชมรมดนตรีงั้นเหรอ นี่นายอยากเข้าชมรมดนตรีงั้นเหรอ ดูไม่เหมาะเลยนะ เธอมองดูใบสมัครสลับกับหน้าของเรียวอุค แล้วส่ายหัว
ตอนเย็นวันนั้นนัมจิเดินถือใบสมัครไปยังชมรมดนตรี ไม่นะเธอไม่ได้เข้าเพราะเรียวอุคหรอก เธอเข้าเพราะพี่เยซองชวนต่างหากล่ะ
“กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ” เสียงหนึ่งดังขึ้นมา ทำให้นัมจิได้สติ
เป็นเสียงของพี่เยซองนั้นเอง นัมจิยิ้มจนตาหยีให้พี่เยซองพร้อมกับยื่นใบสมัครให้
“ฉันตกลงเข้าชมรมดนตรีค่ะ พี่เยซอง” นัมจิเอ่ย
“ยินดีได้ต้อนรับเข้าสู่ชมรมดนตรีนะ” พี่เยซองเอ่ยพร้อมกับยิ้มให้อย่างมีความหมาย
วันอาทิตย์
ติ๊งต่อง....ติ้งต่อง.....ง....เสียงกระดิ่งหน้าบ้านหลังหนึ่งดังขึ้น
“มีคนอยู่บ้านหรือเปล่านาจิน ทำไมไม่มีใครเปิดประตูเลยล่ะ” นัมจิเอ่ยกับน้องสาว วันนี้เป็นวันเกิดเซยอนเพื่อนของนาจินที่เธอสัญญาว่าจะมาเป็นเพื่อนของนาจิน
“มากันแล้วเหรอค่ะ ขอโทษนะคะที่มาเปิดช้านะ เข้ามาก่อนสิ” เซยอนทำท่ากระหืดกระหอบ เธอคงจะรีบวิ่งมาเปิดน่าดู
ทุกคนเดินเข้าไปในตัวบ้าน อาหารเตรียมวางไว้บนโต๊ะอาหาร ส่วนพ่อกับแม่ของเซยอนไม่อยู่บ้าน ได้ยินว่าไปทำธุระ ขนาดวันเกิดลูกสาวแท้ ๆ ยังไม่อยู่อวยพรเลย ถ้าเป็นเธอคงเศร้าน่าดู
“ทุกคนคะ ฉันจะแนะนำพี่ชายให้รู้จักนะคะ พี่เรียวอุคคะ มานี่หน่อยคะ” เยซอนเอ่ยเรียกพี่ชายของตนเองซึ่งเตรียมอาหารอยู่ในครัว
หา!!! ว่าไงนะเมื่อกี้เซยอนพูดว่าอะไรนะ เรียวอุคงั้นเหรอ นัมจิตะลึงกับสิ่งที่ได้ยิน และก็ต้องตะลึงอีก เมื่อเห็นว่าคนที่เดินมาเป็น คิมเรียวอุค เจ้าชายน้ำแข็งที่นั่งข้าง ๆ เธอนั่นเอง
“คะ..คิมเรียวอุคเหรอ” นัมจิเอ่ยพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก
“เธอ..นี่นา” เรียวอุคพูดขึ้นบ้าง
ยายนี่มาอยู่บ้านเขาได้ยังไงเนี้ย ปกติเจอที่โรงเรียนก็น่าจะพอแล้วนะ เธอจะตามมาหลอกหลอนเค้าทุกที่เลยหรือเนี้ย เรียวอุคคิด
“พี่ทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อนเหรอ” เซยอนถามด้วยความสงสัย นาจินก็ทำหน้างงไม่แพ้กัน
“เราเป็นเรียนห้องเดียวกันนะ” นัมจิตอบ
“จริงเหรอค่ะ ดีจังเลยนะพี่ของเราสองคนก็เป็นเพื่อนกัน” เซยอนหันไปพูดกับนาจิน
“พี่ว่าเราไปกินอาหารกันดีกว่านะ” เรียวอุคพูด พร้อมกับลูบหัวน้องสาวของเขา
นี่คงเป็นประโยคที่ยาวที่สุดเท่าที่เธอเคยได้ยินจากผู้ชายคนนี้ นัมจิคิด เวลาอยู่กับน้องดูเขาจะผ่อนคลายมาก ๆ แม้จะไม่ยิ้มแต่แววตาของเขาก็ดูอ่อนโยนลงมาก
ทั้งหมดนั่งทานอาหาร เป่าเค้ก แล้วเซยอนก็ทำการแกะของขวัญ ของที่นาจินให้คือ คอกลมเสื้อสีชมพูที่ดูหวานแหวว ส่วนนัมจิซื้อกล่องดินสอลายคิตตี้มาให้ แล้วของชิ้นสุดท้ายเป็นของที่เรียวอุคให้ เมื่อเปิดเข้าไปก็คือ ลูกสโนว์บอล ข้างในเป็นรูปปราสาทสีขาวของเจ้าหญิง เมื่อเซยอนเห็นก็ตกตะลึงแล้วสวดกอดพี่ชายตนเอง
“ไงถูกใจไหมเรา” เรียวอุคถามแล้วลูปหัวน้องสาวตัวเอง
“ค่ะ ฉันชอบที่สุดเลยคะ ฉันจะเก็บไว้อย่างดีเลยล่ะ” เซยอนเอ่ย
แล้วงานเลี้ยงก็เลิกรา เรียวอุคอาสาเป็นคนล้างจาน ส่วนสาว ๆ ทั้งสามคนก็ออกมานั่งในห้องนั่งเล่น
“พี่เธอเป็นแบบนี้เสมอเลยเหรอเซยอน” นาจินเอ่ยถาม
“แบบไหนเหรอ” เซยอนทำหน้างง
“ก็ดูพี่เธอไม่ค่อยยิ้มเลย เพราะไม่ชอบที่เรามาหรือเปล่า” นาจินถามพร้อมทำหน้าจ๋อย ๆ
เซยอนทำหน้าเศร้าลงไป ก่อนจะเอ่ยออกมา ส่วนนัมจินั่งฟังตาแป๋ว
“เปล่าหรอกนาจิน เมื่อก่อนพี่เค้าไม่ได้เป็นแบบนี้หรอก พี่เค้าช่างพูดแล้วก็ยิ้มเก่งด้วยนะ แต่เพราะเหตุการณ์เมื่อสองปีก่อนพี่เค้าก็กลายเป็นแบบนี้” เซยอนเล่าด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ
“เหตุการณ์อะไรเหรอ” นัมจิเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“คือ....พี่เค้าสูญเสียคนรักไปในอุบัติเหตุนะคะ” เซยอนพูดพร้อมกับน้ำตาเริ่มคลอ
จริงหรือนี่ มิน่าละเค้าถึงดูเหม่อลอย เขาคงจะรักผู้หญิงคนนั้นมาก ๆ เลยนะเนี้ย แต่ทำไมพอเธอฟังแล้วต้องเจ็บจี๊ดในใจด้วยนะ นัมจิไม่เข้าใจตัวเอง
หลังจากที่ได้ฟังเรื่องราวของเรียวอุคแล้วนัมจิก็กลับมานอนคิดทบทวนอยู่ที่บ้าน เธอพยายามจะไม่คิดแต่ก็วนเวียนกลับมาคิดจนได้ เธอเริ่มเข้าใจเรียวอุคขึ้นมาแล้ว บางทีเธอกับเขาอาจเป็นเพื่อนกันได้
ความคิดเห็น