ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Life In New Zealand ตลุยนิวซีแลนด์!

    ลำดับตอนที่ #3 : ระบบการเรียนการสอนที่นี่เป็นยังไง?

    • อัปเดตล่าสุด 27 ต.ค. 57






    แค้นใจค่ะ... พิมพ์ไปซะยาวแต่พอจะอัพมันบอกให้ล้อคอินใหม่... คือพิมพ์มาเป็นชม.ค่ะ...
    อันนี้อาจจะอธิบายไม่ดีเท่าอันแรกแต่เราจะพยายามนะคะ โอ้ยเหนื่อยค่ะ
    เข้าเรื่อง... ระบบการเรียนที่นิวซีแลนด์ ที่นี่จะเรียนถึง year13 ซึ่งเทียบได้กับปี1ประเทศไทยนะคะ
    ซึ่งตามกระทรวงแล้วจบyear12ก็เทียบม.หกมาเข้ามหาลัยได้ค่อแต่ก็มีระบุไว้ว่าผ่านyear12
    หรือเก็บเครดิตวิชาบังคับให้ครบเท่าไหร่ๆค่ะ
    ซึ่งสามปีสุดท้ายหรือyear11-13เป็นตัวชี้ตายการเข้ามหาลัยค่ะ ระดับนี้มีอีกชื่อว่า ncea level 1 – 3 ตามลำดับ
    ที่นี่จะมีเรียน6วิชา วันละ5วิชาเรียนถึงบ่ายสาม มีสามวิชาบังคับ วิทย์ คณิต อังกฤษ ค่ะ

    แล้วไอ้เครดิตที่ว่านี่คืออะไร?
    ที่นี่จะมีเรียนสี่เทอม หยุดสองอาทิตย์ในระหว่างเทอมและหยุดยาวเกือนสองเดือนช่วงหน้าร้อนหรือเดือนธันวาค่ะ
    ในช่วงปีก็จะมีสอบเก็บเครดิตหรือสอบเก็บคะแนนตลอดทั้งปี
    แต่ละข้อสอบก็จะมีเครดิตไม่เท่ากันและต้องสะสมให้ครบ 80เครดิตถึงจะผ่านปีนั้นๆค่ะ

    การสอบเก็บคะแนนนี่เรียกว่า internal assessment นะคะ
    ในแต่ละวิชาก็จะมีการสอบแตกต่างกันไปจำนวนเครดิตที่ได้แต่ละครั้งก็จะแตกต่างกันไป
    และการสอบนี้ก็ไม่ได้มีแค่กาๆเขียนๆเหมือนประเทศไทยนะคะนะคะ
    ถ้าเราเลือกเรียนทำอาหารก็อาจจะมีสอบทำอาหารอะไรแบบนี้ค่ะ
    ขอยกตัวอย่างภาษาอังกฤษนะคะ ภาษาอังกฤษก็อาจจะมีให้ทำ research, essayหรือ speech
    ซึ่งแต่ละตัวก็จะได้เครดิตไม่เท่ากัน สมมุติว่า researchมีค่า4เครดิต ถ้าเราทำเสร็จเราก็จะได้4เครดิตไปสะสม
    และแต่ละครั้งที่ได้ก็จะมีแยกออกมาตามคุณภาพค่ะ


    Not attending – อันนี้คือเหมือนเราไม่มีสอบตัวนี้คือแบบเรามีเหตุสุจวิสัยมาสอบไม่ได้
    ครูเลยไม่อยากปรับเราตกแต่ให้เป็นตัวนี้แทนเราจะได้ไม่มีประวัติตกในโปรไฟล์ค่ะ

    Not achieved – อันนี้ตกค่ะและไปอยู่ในโปรไฟล์ไม่ดีนะคะไม่ดี

    Achieved, merit,excellence อันนี้ผ่านหมดค่ะแค่คนละมาตรฐาน
    excellence ดีสุดและลองลงมาเรื่อยๆ


    แล้วผลพวกนี้มีค่าอะไรในเมื่อก็ได้เครดิตเท่ากัน?
    สมมุติว่าเราได้ merit ในการทำresearch มันก็จะไปอยู่ในประวัติว่าเราได้ merit 4 เครดิตจากการทำresearch
    แล้วถ้าเราสะสมไปเรื่อยจนมี 50 merit เครดิตเราก็จะได้ merit indoor
    หรือเกรดรวมเป็นmerit ซึ่งแน่นอนดีกว่าได้เกรดรวมเป็น achieved ซึ่งแสดงว่าเราเรียนเก่งกว่า
    แต่เราก็ไม่ค่อเชี่ยวชาญด้านการนับเครดิตเพราะบางทีก็ได้กระจายๆกันไม่ไม่ครบ50อ่ะนะ


    จบจากinternal assessmentแล้วต่อไปก็ external assessment หรือ ncea examination
    ซึ่งการสอบนี้จะมีเฉพาะในyear11-13 จะเริ่มสอบช่งเทอมสี่หรือเทอมสุดท้าย
    และสอบพร้อมกันทั้งประเทศค่ะ external assessment ก็คล้ายๆ internal แต่สำคัญกว่า
    มีเครดิตและการนับเกรดเหมือนกันแต่ข้อแตกต่างก็มีค่ะ
    ข้อสอบนี้จะเหมืนกันทั้งประเทศและสอบพร้อมกันท้งประเทศ
    ข้อสอบทั้งหมดก็จะถูกส่งไปตรวจใน wellington หรือเมืองหลวงของที่นี่นะคะ
    การสอบนี้เป็นตัวชี้เป็นชี้ตายในการเข้ามหาลัยที่นี่ค่ะ
    ผลของการสอบนี้ใช้เข้ามหลัยที่นี่ เพราะมหาลัยที่นี่ไม่มีการสอบเข้าแต่ดูจากผลที่ได้จากการสอบ externalค่ะ
    เพราะงั้นยิ่งได้เกรดดีก็ยิ่งดีค่ะ

    ความสำคัญของการสอบexternal ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น
    การสอบนี้ การสอบexternal ใน year11 สำคัญมากมายค่ะ
    ในyear11 จะเป็นการเรียนพื้นฐานเพื่อต่อยอดในปีถัดไปซึ่งจะลึกขึ้นค่ะ
    เช่นวิทยาศาสตร์ ก็จะเรียนทั้งหมดสามเรื่องคือ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ ซึ่งในการสอบ external assessment
    ก็จะมีสามพาร์ทคือ ฟิสิกส์ เคมี ชีวะ แล้วถ้าเราตกพาร์ทชีวะ
    เราก็จะไม่สามารถเลือกเรียนชีวะในปีหน้าได้ ซึ่งในคณะในมหาลัยที่เราจะเลือกอาจจะระบุไว้ว่าถ้าเราอยากเข้าต้องเรียนชีวะ
    แต่เราไม่สามารถเลือกเรียนชีวะได้เนื่องจากเราตก
    เพราะฉะนั้นมันสำคัญมากที่จะผ่านค่ะ แต่บางคนคิดว่าจะไม่เลือกชีวะอยู่แล้วเขาก็ไม่ทำชีวะก็ได้
    เพราะยังไงก็ไม่เลือก เพราะฉะนั้นแล้วแต่บุคคลค่ะ

    การเลือกวิชาที่นี่ก้สำคัญนะคะไม่ใช่จะเลือกอะไรก็ได้
    ในบางวิชาก็จะแบ่งออกเป็นสามclass เช่น อังกฏษค่ะ ก็จะแบ่งออกเป็นสามclassคือ

    Internal class หรือ English foundation – สำหรับพวกที่ไม่อยากสอบ external ค่ะ
    คือถ้าเลือกอันนี้ก็แค่เหมือนเรียนเพื่อเก็บเครดิตไม่ได้หวังจะเข้ามหาลัย
    เพราะในมหาลัยส่วนใหญ่ทุกคณะที่นี่ระบุว่าต้องสอบexternalภาษาอังกฤษ
    แต่ถ้าเลือกอันนี้แล้วก็จะไม่มีโอกาสสอบexternalและไม่สามารถเปลี่ยนใจไปเลือกเป็น general class ในปีต่อไปได้ค่ะ

    General English และ advance English – สองอันนี้ก็เหมือนกันแค่ใน advance
    อาจจะมี internal assessment เยอะกว่า ผ่านยากกว่า
    แกรมม่าต้องเป๊ะกว่า ประวัติดีกว่าประมาณว่าเป็นเด็กฉลาดอะไรแบบนี้ค่ะ

    แต่การเก็บเครดิตเยอะๆก็ไม่ได้จำเป็นมากเพราะเราต้องการแค่ 80creditsเพื่อผ่านปีนั้นๆค่ะ
    เราจึงสามารถเลือกได้ว่าเราอยากทำ internal assessmentตัวไหนบ้าง
    ในกรณีที่มั่นว่าถึงไม่ทำตัวนี้ก็ได้ผ่านครบ 80เครดิตอยู่แล้ว
    แต่ไอ้ตัวที่เราเลือกไม่ทำก็จะกลายเป็นว่าเราตกนะคะ มันก็จะไปอยู่ในโปรไฟลเรา
    เพราะฉะนั้นเราแนะนำให้ผ่านๆมันไปให้หมดนั่นแหละ

    คร่าวๆก็ประมาณนี้แหละเนอะ โดยส่วนตัวเราชอบหลักการสอนที่นี่เพราะมันเปิดกว้าง
    และเน้นความรับผิดชอบของเด็กเองค่ะ
    คือเค้าอยากให้เด็กแพลนชีวิตและตัดสินใจว่าตัวเองอยากเป็นอะไร
    แล้วเริ่มวางแผนการเรียนให้ตรงกับสิ่งที่อยากเป็น เป็นสิธของนักเรียนที่จะเลือกสอบตัวไหนหรือตกตัวไหน
    ใครอยากทำการบ้านก็ทำไม่อยากทำก็ไม่ต้องทำ
    เพราะการบ้านไม่มีเครดิต แต่คนทำก็เหมือนเป็นการฝึกฝนตัวเองและทำให้ครูเห็นว่าเราขยัน
    เผื่อเราตก internal ตัวไหนเราอาจจะมีโอกาสสอบใหม่เพราะครูเห็นสมควร
    แต่ใครคิดว่าไม่ต้องทำตัวดีมาก มั่นว่าผ่านแน่นอนก็มีค่ะ
    ทั้งหมดก็มีประมาณนี้


    มันเป็นการพิมพ์รอบสองเราเลยไม่แน่ในเท่าไหร่ว่าตกหล่นตรงไหน
    เพราะอันแรกมันหายไป เศร้ามากค่ะ ใครมีข้อสงสัย หรือเราพิมพ์มึนตรงไหนก็เม้นถามไว้หรือเมลมาก็ได้นะคะ


    r_rosa500@hotmail.com หรือใครอยากได้ไลน์ก็ส่งเมลมาขอกันได้เน้ออออ





    เพราะต่างจังหวัดจะมีคนเอเชียอยู่น้อยทำให้เราได้เป็นเพื่อนและสัมผัสกับ
    คนฝรั่งจริงๆ เราเลยคิดว่าถ้าจะเรียนก็ต่างจังหวัดเถอะค่ะ นอกจากจะอากาศดีแล้ว
    ไม่มีที่ให้ละลายทรัพย์ ยังได้เป็นเพื่อนและเรียนรู้วัฒนธรรมของคนที่นี่จริงๆ

    อ่านไปคงคิดใช่มั้ยคะว่า อยู่เมืองก็ได้นิแล้วก็ไปเป็นเพื่อนกับคนฝรั่งเอา...

    จากประสบการณ์เลยนะคะ เราเคยได้ทุนไปเรียนที่อังกฤษ2อาทิตย์
    โรงเรียนนั้นเป็นโรงเรียนเอกชนที่มีคนเอเชียอยู่เยอะพอสมควรแต่ก็น้อย
    กว่าคนฝรั่ง คนไทยก็มีค่ะ แต่ส่วนใหญ่พวกเอเชียก็จะจับกลุ่มกับคนเอเชีย
    ส่วนฝรั่งก็อยู่กับฝรั่ง ไม่ค่อยยุ่งกันหรอกค่ะ เพราะเหมือนมันมีแรงดึงดูดไปหา
    คนที่สัญชาติเดียวกัน ถ้าเรามาใหม่แล้วเราไปเรียนที่คนเอเชียเยอะๆ
    ำอ้พวกเอเชียก็จะมาทำความรู้จักเราก่อนเพราะเห็นว่าเราหัวสีเดียวกับมัน
    แล้วก็กลายเป็นว่าเราก็อยู่กลุ่มเดียวกับมันนั่นแหละค่ะ

    ภาษาเราก็จะไม่พัฒนาเท่าที่ควรเพราะไอ้เพื่อนเอเชียเราก็มาเรียนภาษา
    มันก็พูดถูกๆผิดๆ ชาตินี้ไม่ได้ดีแน่....

    เพราะญาติเราที่ถือสัญชาติเมกาแล้วไปเรียนที่เมกาช่วงไฮสกูล
    เขาก็จับกลุ่มกับพวกเอเชียค่ะ แต่ยอมรับได้เพราะเมกาเอเชียเยอะอยู่แล้ว
    ที่เกิดที่นั่น เลยไม่มีปัญหาเรื่องภาษา

    แต่ว่าค่าเรียนคือปัญหาค่ะ! ค่าเรียนนี่ือเกือบล้านไม่รวมค่าจิปาถะ
    ครอบครัวเราก็ไม่ด้รวยขนาดจะรับไหว...
    แต่ส่วนตัวเราไม่อยากไปเรียนอเมริกาอยู่แล้วเพราะเราเคยไป
    อยู่ที่อเมกา1อาทิตย์ เรารู้สึกว่ามันก็ไฮโซดีแต่เราไม่ชอบอ่ะ
    มันดูประดิษฐ์เกินไปและมันก็ใหญ่ไปทำให้เรารู้สึกไม่ปลอดภัย55555

    ถ้าเราเลือกได้เราก็คงไปอังกฤษ แต่ประเด็นคือตังค์ไม่พอ... 55555555555

    อ่านมาพักนึงหลายคนคงอยากรู้ว่าเรียนนิวซีแลนด์นี่ราคาเท่าไหร่ใช่มั้ยคะ
    เอาโดยประมาณก็แล้วกันนะคะ

    ค่าเล่าเรียนต่อปีถ้าเป็นรร.รัฐอย่างต่ำก็ 10,000 ดอลขึ้นค่ะ
    ไม่ต่ำกว่านี้แน่นอน ส่วนค่าที่อบู่ตีโดยประมาณ
    ไม่แน่นอนนะคะ แค่หอส่วนใหญ่ก็อาทิตย์ละ  สองร้อยกว่าดอล
    ช่วงปิดเทอมก็ต้องไปอยู่กับโฮ้สต์อยู่ดีค่ะถ้าอยู่หอ เพราะรร.ปิดไม่มีคนอยู่หอ
    เด็กคนอื่นก็กลับบ้านหาครอบครัว
    ส่วนโฮ้สต์แฟมก็ราคาใกล้ๆกันค่ะ เพราะฉนั้นโดยรวม1ปีไม่เกินล้านค่ะ
    มีตังค์ไปเที่ยว5555555555555555

    ถ้ามีคำถามอะไรเกี่ยวกับเรียนที่นิวซีแลนด์หรือสนใจก็ถามได้นะคะไม่กัด
    ตอนต่อไปเราคงมาพูดเกี่ยวกับหลักการเรียนว่าระบบที่นี่เป็นยังไง
    ดียังไงแล้วจะกลับไปต่อไทยนี่ยังไงดี..ติดตามนะคะอิอิ 555555


     


     
     
     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×