คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เพื่อน X คน X ใหม่
ณ ตึกสูงนั้น คือ สำนักงานใหญ่ของสมาคมฮันเตอร์ ภายในตึกสูงกว่าร้อยชั้นนี้เต็มไปด้วยผู้คนมากมายเดินกันไปมาทั่วทั้งตึก ซึ่งจะมีแต่คนที่เป็นฮันเตอร์ ซะส่วนใหญ่ ลองมองลึกไปยังลิฟต์ที่ทำจากกระจกใสตัวหนึ่งมีเด็กหนุ่มอายุประมาณวัยรุ่น 4 คนอยู่บนลิฟต์ตัวนั้น ต่างคนต่างมีโครงหน้า สีผมและการแต่งตัวที่แตกต่างกันออกไปตามนิสัย
ที่ เด่นสะดุดกว่าใครคงจะเป็นหนุ่มน้อยผมตั้งยาวสีดำ ในชุดสีเขียวล้วนทั่วทั้งตัว บนบ่ามีสายผืนผ้าสีน้ำตาล-เหลืองสลับแบบฟันปลาพาดอยู่ด้วย สายผืนผ้านั้นเชื่อมกับกระเป๋าทรงสี่เหลี่ยมที่อยู่บนหลัง มีวัตถุบางอย่างยื่นออกมาจากกระเป๋าสะพานของเขา มันคือเบ็ดตกปลาอาวุธคู่กายของกอร์น ฟรีคส์นั้นเอง
เด็กหนุ่มอีกคนที่กำลังคุยกับกอร์นอย่างสนุกสนานคือเพื่อนสนิทของเขาเองคิรัวร์เด็ก หนุ่มผู้เป็นเจ้าของเรือนผมสีเงินเงาวาว ดวงตาสีฟ้าครามทอประกายชุดเรียบๆอย่างเสื้อคอเต่าสีดำ และกางเกงยีนฟอกสีขับสีผิวซีดเซียวของเขาให้ดูเด่นชัดมายิ่งขึ้น ข้างๆคิรัวร์มีเด็กหนุ่มที่ท่าทางอายุมากกว่าเขายืนกอดอกผิงหนังลิฟต์ ด้วยสีหน้าเรียบเฉยผมสีทองอร่าม ดวงตาที่ถูกคอนแทคเลนส์สีชาทาบทับตวัดสายตามองตัวเลขของชั้นจากหน้าจอ มอนิเตอร์ที่ค่อยๆเพิ่มขึ้นชุดที่เขาใส่เป็นชุดพื้นเมืองของเผ่าทีเคยมีอยู่ มันทำให้ดูแปลกตาเล็กน้อยคุราปิก้า’ละสายตาจากจอมอนิเตอร์ตรงหน้าหันมาคุยกับเลโอลีโอชายหนุ่มที่ถึงอายุจะพอๆกันกับพวกเขาทั้งสาม แต่ดูยังไงก็เหมือนลุงแก่ๆมากกว่าชายหัวเกรียน(?) ตัวสูงเกงก้างอยู่ในชุดสูทสีดำ ใบหน้าสมส่วนชายชาตรีมีแว่นอันเล็กเลนส์วงกลมใส่อยู่ มือข้างขวาถือกระเป๋ารูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าสีดำวาดลวดลายสีแดง
“ประธานจะเรียกเราไปทำอะไรกันละเนี่ย!”กอร์นพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น ดวงตาของเขาเป็นประกายวิปวับ
“ไม่เห็นต้องตื่นเต้นขนาดนั้นเลยนี่หน่า ”คิ รัวร์ พูดพลางเงยหน้าขึ้นมองวิวด้านบนของลิฟล์ เนื่องจากตัวลิฟล์ทำจากกระจกทั้งสี่ด้าน จึงทำให้ทั้งสี่คนสามารถมองเห็นวิวได้จากรอบทิศ
“คงจะเป็นเรื่องสำคัญ ไม่งั้นท่านประธานคงไม่เรียกพวกเรามาพบโดยตรงหรอก”คุ ราปิก้ายกนิ้วเรียวขึ้น มาลูบปลายคางตัวเองเบาๆ พร้อมกับวิเคราะห์เหตุการณ์ในแบบฉบับของเขา จู่ๆวันดีคืนดีประธานฮันเตอร์ก็เรียกพวกเขามารวมตัวกันแล้วให้ไปหาที่สมาคม โดยตรงแบบนี้คงมีอะไรซักอย่างแน่
“โอ๊ย งานจะยากไหมเนี่ย?”เลโอลีโอลีโอพูดออกแนวบ่น ก่อนจะเลื่อนมือข้างซ้ายมาล้วงกระเป๋ากางเกง
ตึง
เสียง ลิฟต์หยุดดังขึ้นพร้อมกับความเคลื่อนไหวของทุกสิ่งที่หยุดนิ่ง การสกอร์นที่ควรจะมีต่อหายเงียบไปเพราะต้องการรักษามารยาทของการ ใช้ลิฟต์ ประตูสีเงินวาวเปิด คุราปิก้ามองหน้าจอมอนิเตอร์สีแดงที่ขึ้นตัวเลข
-156-
มัน คงจะเป็นชั้นปัจจุบันที่ลิฟต์อยู่ มีบุคคลหนึ่งก้าวเท้าตัวเองเข้ามาในลิฟต์ ผมสีม่วงปรกใบหน้าเรียวยาวที่ดูคล้ายผู้หญิง ริมฝีปากเผยอขึ้นได้รูป ผิวขาวเนียนละเอียด น่าเสียดายที่เขาคนนี้เป็นมนุษย์เพศชายดูจากการแต่งตัวด้วยเสื้อยืดสีดำทับ ด้วยเสื้อสเวตเตอร์สีน้ำตาล กางเกงยีนสีธรรมดา ผมยาวประมาณกลางหลังถูกรวบไว้ด้วยยางรัดผมสีดำ
“สวย”เล โอลีโอเผลอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา เขาคนนั้นส่งยิ้มให้เลโอลีโอ แต่ไม่รู้ทำไมเลโอลีโอถึงรู้สึกได้ว่ารอยยิ้มนั้นน่ากลัวราวกับปีศาจ
“เอาละนะครับกอร์น ฟรีคส์”เด็ก หนุ่มผมสีม่วงกล่าวก่อนจะหมุนตัวมาล็อกแขนทั้งสองข้างของกอร์น เอาไว้ในท่ามือทั้งสองไขว้หลัง นิ้วมือซ้ายทั้งห้าจ้อที่ขมับของกอร์นเอาไว้
ไม่ นานนักรอยเส้นเลือดก็ปูดขึ้นมาตามนิ้วมือของเด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีม่วง เล็บธรรมดายาวขึ้นมาในชั่วพริบตา คิรัวร์ตกใจเล็กน้อยพลางกระพริบตาถี่ๆเผื่อภาพเมื่อกี้แค่ตาฝาดไป เล็บของเด็กหนุ่มคนนั้นงอกยาวขึ้นมาแบบเฉียบพลันได้จริงๆ! น่าแปลก น่าแปลกที่สุด ก็คนที่ทำแบบนี้ได้ก็ต้องมาจากตะกูลนักฆ่าเท่านั้นนี่หน่า!!!!!! คิรัวร์คิดด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ต้องทำหน้ามึนงงหรอก คิรัวร์คุงฉันชื่อว่าไซเซอร์....หวังว่าจะเคยได้ยิน ไซเซอร์ เดอะฟอลเคิลนะครับ”ไซเซอร์แนะตัวพร้อมรอยยิ้มทั้งที่บรรยากาศชวนอึดอัด ในลิฟต์ทุกอย่างเงียบสงบกอร์นเหลือบมองคนที่ฆ่าตนได้ทุกเมื่ออย่าง‘ไซเซอร์ เดอะฟอลเคิล’ คิรัวร์ชะงักเมื่อได้ยังชื่อเสียงเรียงนามของหนุ่มหน้าหวานคนนี้
“ไซเซอร์....เดอะฟอลเคิล?”เขา ทวนชื่อเด็กหนุ่มออกมาอย่างแผ่วเบา ดวงตาหดลดลงเล็กน้อยก่อนจะขยับถอยหลังไปสองก้าวอย่างลืมตัว ในความคิดของคิรัวร์เขาพอจะนึกออกนิดหน่อยตอนนั้น ตอนเด็กๆที่ตนเคยอยู่ในวงการนักฆ่านั้นเขาเคยได้ยินบ่อยๆ เด็กน้อยที่มีอายุเท่าเขา ผมสีม่วงพลิ้วไหวดุจริบบิ้นดวงตาทอประกายสีม่วงแดง และเนื้อตัวที่แปดเปื้อนเลือด นักฆ่าอัจฉริยะที่มีฝีมือน่ากลัวตั้งแต่เด็กๆ ไซเซอร์ เดอะฟอลเคิล! แห่งตะกูลนักฆ่าเดอะฟอลเคิล!!!
“แหมตกใจใหญ่เลยน๊า คิรัวร์คุง^^”ไซเซอร์เผยรอยยิ้มแสยะราวกับปีศาจร้าย
“ตะกูลนักฆ่า...แกมาทำอะไรที่นี่!!!”คิรัวร์ตวาดในจังหวะเดียวกันเลโอลีโอและคุราปิก้าตั้งท่าเตรียมต่อสู้ทันทีที่ได้ยินว่า ‘ตะกูลนักฆ่า’ ออร่าน่ากลัวเริ่มปกคลุมทั่วห้อง ที่มาของออร่านั้นมาจากร่างของคิรัวร์ที่ยืนจ้องหน้าไซเซอร์เขม็ง
“แหม...ไม่ต้องขู่ฉันหรอก ถ้าขืนนายทำอะไรฉันหมอนี่ตายแน่ เอ๋?? ชื่อกอร์นคุงใช่ม้ะ”ไซเซอร์พูดเล่นลิ้นตอนท้ายคำพูด พลางเอียงคอมามองหน้ากอร์นที่เหลือบตามองตนอย่างเคืองๆ
“แก...”คุ ราปิก้า คิรัวร์และเลโอลีโอ กัดฟันกรอดเพราะไม่สามารถทำอันตรายอะไรไซเซอร์ที่อยู่ตรงหน้าได้ เลยไซเซอร์มีกอร์นเป็นตัวประกัน รอยยิ้มนั้นแสยะกว้างยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“ไม่ต้องสังสัยว่าฉันมาทำอะไร นักฆ่าก็ต้องฆ่า ฉันมาที่นี่เพื่อฆ่า..”พูดด้วยสีเย็นเฉียบราวน้ำแข็ง ไซเซอร์เงยหน้าสบตาคิรัวร์ด้วยสายตาราวกับสิงโตที่จ้องเหยื่อของมัน
“มีคนจ้างมาน่ะ ว่าให้ฆ่ากอร์นซะ อืม...เรียกอะไร อะไรนะ? กองโจร? อ้อใช่ๆ กองโจรเงามายา”ไซเซอร์ทำหน้านึกชื่อผู้จ้างของตนอย่างไร้เดียงสา คุราปิก้าอารมณ์ขึ้นทันทีที่ได้ยินชื่อ ‘กองโจรเงามายา’
“แก! เป็นพวกเดียวกับเจ้าพวกกองโจรอย่างงั้นเหรอ!!!”คุราปิก้ากัดฟันแน่น ดวงตาที่มีคอนแทคเลนส์แปรเปลี่ยนมาเป็นสีแดงราวกับเปลวเพลิงที่โหมลุกไหม้ ดวงตาสีแดงประกายนั้นเรียกว่า ‘เนตรสีเพลิง’ เป็นสิ่ง1ใน7สิ่งสวยงามที่สุดในโลกของเผ่าคูลล์ ที่เมื่อ4 ปีที่แล้วโดนพวกกองโจรเงามายามาขโมยไป เรื่องราวนั้นทำให้คุราปิก้าโกรธเกลียดในตัวกองโจร(แมงมุม)มาก
“เอ๋? พวกเดียวกับแมงมุมน่ะเหรอ? คงใช่ละมั้งแค่ตอนนี้ละนะ”ไซเซอร์อุทานออกมาอย่างเวอร์ๆ ดูยังไงก็รู้ว่าเขาแกล้งทำให้มันดูโอเวอร์เสียเองมากกว่า
“แก!!!”ไม่ มีคำอื่นใดออกมาจากปากของคุราปิก้าอีกแล้ว เขาพุ่งเข้าหาไซเซอร์โดยทันที มือที่มีโซ่เน็นง้างขึ้นสูงเตรียมโจมตี ในขณะที่คุราปิก้าตวัดมือเตรียมใช้โซ่เน็นนั้น จู่ๆก็มีเปลวไฟมาสกัดกั้นการโจมตีของคุราปิก้าไว้ คุราปิก้าชะงักตอนนี้เปลวไฟสีแดงอมส้มล้อมเขาไว้ทั่วทิศ ไซเซอร์ยิ้มออกอีกครั้ง
“เน็นของนายซินะ”คุราปิก้าถามพลางจ้องหน้าไซเซอร์ เขาเอียงคอเล็กน้อยแล้วก็ทำหน้าเหลือเชื่อแบบโอเวอร์อีกครั้ง
“เดาถูกด้วยแฮะ”ไซเซอร์ยิ้มให้คุราปิก้า
“แกเน็นสายอะไร!”เลโอลีโอตะโกนถาม
เปลี่ยนแปลงไง ฉันเปลี่ยนออร่าให้เป็นเปลวเพลิง เจ๋งใช่ไหมล๊า ”ไซเซอร์ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
เห มือนคิรัวร์จะเห็นช่องโหว่ในตัวไซเซอร์ เขาตัดสินใจอย่างรวดเร็วก่อนจะใช้ความเร็ววิ่งไปข้างหลังไซ เซอร์คิรัวร์เคลื่อนไหวได้รวดเร็วราวกับหายตัว ไซเซอร์เหลือบตามองคิรัวร์ที่มาอยู่ด้านหลัง คิรัวร์ใช้มือของเขาฟาดไปตรงหน้าหวานเต็มแรง ร่างของไซเซอร์กระเด็น
เพล้ง!!!!
ร่างของไซเซอร์ลอยไปกระแทกผนังลิฟต์ที่ทำจากกระจกจนมันแตกร่างของเขาล่วงดิ่งลงไปด้านล่าง
“โอ๊ย หมอนั่นฝีมือดีแฮะ”ไซ เซอร์แสยะยิ้มกว้าง มือลูบแก้มตัวเองปอยๆในขณะที่ร่างของตัวเองกำลังดิ่งลงพื้นกลับมามองบนลิฟต์ คิรัวร์ชายตามองร่างของไซเซอร์ที่ตกลงไปจากลิฟต์จนลับสายตา เปลวเพลิงที่เคยล้อมคุราปิก้าค่อยๆจางหายไปแล้ว เลโอลีโอมีทีท่าโล่งอกเขาเก็บมีดสั้นของตัวเอง ลิฟต์เคลื่อนตัวมายังชั้น 200 อันเป็นชั้นที่มีห้องของประธานฮันเตอร์ตั้งอยู่พอดี ประตูลิฟต์เปิดพวกกอร์นเดินเลียดไปตามทางเดินที่มีพรมสีเลือดนกปูอยู่ สุดทางเดินมีเคาท์เตอร์ยาววางอยู่ มีพนักงานประจำเคาท์เตอร์สาวสวยสองคนนั่งอยู่ด้วย
“มาพบประธานเนเทโล่”คุราปิก้าเดินนำ ก่อนจะเคาะเคาเตอร์เบาๆเพื่อให้พวกเธอหันมาสนใจ
“นัดไว้ก่อนรึเปล่าค่ะ?”คนทางซ้ายถาม คุราปิก้าพยักหน้าเบาๆ เธอรัวนิ้วลงบนแป้นพิมพ์อย่างชำนาญก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูดกับคุราปิก้าอีก ครั้ง
“คุราปิก้า กอร์น คิรัวร์แล้วก็เลโอลีโอใช่ไหม?”เธอพูดพลางกวาดตามองบุคคลที่เรียกชื่อไปที่ละ คน ทั้งหมดพยักหน้าเธอผายมือไปยังทางเลี้ยวทางขวา
“เชิญค่ะ ท่านประธานรออยู่”กล่าว ด้วยน้ำเสียงสุภาพพลางส่งรอยยิ้มให้พวกกอร์นเดินตรง ไปยังทางที่พนักงานสาวคนนั้นบอก ไม่นานห้องที่มีประตูสีครีมก็ปรากฏตรงหน้า คุราปิก้ายังนำแบบครั้งก่อนเขาเลื่อนมือของตนเองไปจับลูกบิดประตูมันวาวไว้ และเปิดมันออก
“โอ้...มากันแล้วเรอะ?”เนเทโล่ร้องอย่างดีใจก่อนจะประสานมือไว้บนโต๊ะ ทั้งสี่คนเดินมานั่งที่โซฟาชุดอย่างรู้งาน
“เขาคนนั้นก็พึ่งมาถึงเมื่อกี้เอง”เนเทโล่ยิ้มส่งให้พวกกอร์น ‘เขาคนนั้น’ที่ว่าทำให้พวกกอร์นขมวดคิ้ว
“ที่ฉันเรียกพวกเธอมาก็เพราะมีงานอยากจะให้รับผิดชอบน่ะ เกี่ยวกับเรื่องกองโจรเงามายา”คำพูดสุดท้ายดูเย็นยะเยือก ทุกคนหยุดหายใจไปชั่วขณะเมื่อพูดถึงแมงมุม คุราปิก้าพยายามระงับสติอารมณ์
“ฉัน จะจัดตั้งทีมขึ้นมาเพื่อรับมือพวกแมงมุมโดยเฉพาะ ซึ่งสมาชิกในทีมจะมาจากพวกฮันเตอร์มือใหม่ที่มีแววเป็นฮันเตอร์ฝีมือดีในวัน ข้างหน้า อันที่จริงงานนี้มีจินพ่อของกอร์นรับหน้าที่อยู่แล้ว พวกเธอเลยได้เป็นแค่กำลังเสริม เราเรียกหน่วยงานนี้ว่า I.G.O”ประธานกล่าวอย่างราบเรียบอีกครั้ง ทุกคนตั้งใจฟัง
“ฉันได้เลือกพวกเธอมาเพราะเห็นแวว แล้วก็นะจะให้มีสมาชิกทีมอีกคน”นิ้วชี้ของประธานวัยชรายกขึ้น
“อีกคน?”พวกกอร์นทวนคำอย่างสงสัย
“ใช่ๆ ท่านประธานจ๋า จะให้ฉันเพิ่มมาอยู่ในทีมของพวกนาย”เสียงนี้ไม่ใช่เสียงของประธานเนเทโล่ ไม่ใช่ทั้งเสียงคุราปิก้า,เลโอลีโอ,คิรัวร์หรือแม้กระทั้งกอร์น ทุกคนหันไปยังต้นต่อของเสียงนั้นคือทางประตู หลังจากนั้นก็ต้องอุทานออกมาพร้อมกันด้วยความตกใจสุดขีด
“นะ..นายไซเซอร์ เดอะฟอลเคิล!” ผมสีม่วงผลิ้วไหวดุจริบบิ้น ดวงตาสีม่วงแดงท่อประกาย ไซเซอร์อยู่ในชุดเรียบๆอย่างเดิมกับที่เจอกันกับพวกกอร์นในลิฟต์แป๊ะ
“Hi เจอกันอีกแล้วนะทุกคน ”ไซเซอร์ยิ้มกว้างก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆกอร์น ทุกคนนิ่ง
“ทำไมนายถึงมาอยู่ที่นี่!”คุราปิก้าเลือดขึ้นหน้าอีกครั้ง
“ก็มาเป็นสมาชิกใหม่ของทีมไง”ไซเซอร์ตอบอย่างง่ายๆ น้ำเสียงสดใสช่างขัดกับท่าทางของคุราปิก้าที่เลือดขึ้นหน้ายิ่งนัก
“อย่ามาพูดบ้าๆ ก็แกบอกมาตัวเองเป็นพวกกองโจร”เลโอลีโอขึ้นเสียงบาง ไซเซอร์ก้มหน้าพลางแสยะยิ้ม.... ทุกคนรอดูท่าทีของไซเซอร์ ตอนนี้เขานั่งก้มหน้านิ่ง เสียง”คิก..คิก..”ราวกับกลั้นหัวเราะดังเล็ดลอดออกมาจากร่างสูง
“ฮ่าๆๆๆๆๆ!!! ย...อย่าบอกนะ..ว่าพวกนายเชื่อเรื่องพรรคนั้นน่ะ!”ไซเซอร์ระเบิดเสียงหัวเราะมาอย่างบ้าคลั่งพลางเอามือกุมท้องตัวเองที่หัวเราะจนท้องแข็ง
“โอ๊ย..ตลกชะมัด นี่ๆอย่าทำหน้าจริงจังแบบนั้นซิ มันน่าขำนะ ไม่ไหวแล้ว...หัวเราะจนน้ำตาไหลแล้วเนี่ย ฮ่าๆ”ไซเซอร์ใช้นิ้วชี้ของตนปาดน้ำตาที่ไหลซึมมาจากดวงตา ก่อนจะระเบิดหัวเราะอีกครั้ง พวกกอร์นทำหน้างุนงง
“คิก...ฉันแค่ล้อเล่นน่ะ แค่อยากจะหยอกเล่นหน่อยเดียวเท่านั้นเอง..”ไซเซอร์กลั้นหัวเราะได้สำเร็จ
“งั้นก็หมายความว่า....”
“ใช่แล้ว ฉันไม่ได้เป็นพวกเดียวกับกองโจร อย่าแต่พวกเดียวกันเลย ยังไม่เคยเห็นหน้าตาเลยด้วยซ้ำ”ไซเซอร์ยิ้มกว้างพวกกอร์นอ้าปากค้าง พวกเขาโดนหลอก
“แล้วชื่อของนาย..”คิรัวร์ลากเสียง ไซเซอร์ตวัดสายตามามองคิรัวร์ด้วยรอยยิ้ม
“ไซเซอร์ เดอะฟอลเคิลคือชื่อของฉัน ฉันเคยเป็นนักฆ่านะ แต่เสียจาย ตอนนี้ฉันเป็นฮันเตอร์แล้วละ”ไซเซอร์หลับตาพลางยักไหล่อย่างเหนื่อยๆ
“ดูเหมือนจะรู้จักกันมาก่อนแล้วนะ ดี จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาก”เนเทโล่ยิ้มกว้างอีกครั้ง ก่อนจะผายมือมาทางพวกกอร์น
“ทางนี้คือ กอร์น คิรัวร์ คุราปิก้าและเลโอลีโอ ทั้ง4คน นี่เป็นฮันเตอร์ที่ถึงแม้จะเป็นมือใหม่แต่ก็มีความสามารถที่น่าทึ่ง ขอให้รู้จักไว้ด้วย ส่วนทางนี้คือ ไซเซอร์ พึ่งมาสอบฮันเตอร์เมื่อปลายปีที่แล้วเอง เขาถึงแม้จะเป็นน้องใหม่แต่ก็มีผลงานที่เยี่ยม”ว่าก่อนจะหันมาผายมือทางไซ เซอร์แทน ไซเซอร์ยิ้มให้ทุกคนอย่างจริงใจ
“ขอแนะนำตัวอีกครั้ง ฉันชื่อไซเซอร์ เดอะฟอลเคิลนะยินดีที่ได้รู้จัก^^”รอยยิ้มของเขานั้นราวกับเทพบุตร
ความคิดเห็น