ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic มาร์ช - ตั้ว:YAOI]Trolling แกล้งผมปะเนี่ย?

    ลำดับตอนที่ #13 : Girlfriend (หรือ Boyfriend นะ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 700
      0
      16 เม.ย. 57

    Hey hey, you you, I don't like your girlfriend

     

    No way no way, I think you need a new one

     

    Hey hey, you you, I could be your girlfriend
     


    Girlfriend by Avrill Lavigne



             March's part

     

    เฮ้อ...

     

    มะกี้เป็นการถอนหายใจครั้งที่แปดร้อยของวัน ผมยืนอยู่ที่ระเบียงของห้องผมเอง หามองนู่นมองนี่ไปเรื่อยเปื่อย แต่สิ่งที่ผมควรจะหา อันที่จริงแล้วคือคำตอบของหัวใจต่างหาก แต่การที่มายืนสูดอากาศบนที่สูงๆก็ดีเหมือนกัน ผมอยากตะทิ้งเรื่องวุ่นวายพวกนี้ไว้ แต่มันทิ้งไม่ได้เพราะเรื่องวุ่นวายนั้นคือการตัดสินหาคนที่ผมรัก ซึ่งผมเองก็ยังสับสนอยู่ไม่น้อยเลย

     

    "จะฆ่าตัวตายแล้วเหรอ"ผมยิ้มขึ้นทันทีที่ผมได้ยินเสียงที่คุ้นเคยกับคำพูดกวนๆของมัน ก่อนจะหันไปหาเจ้าของเสียงปริศนานั่น

     

    "ถ้ากูตาย กูจะเอามึงไปด้วย"มันหัวเราะหึๆในลำคอ เหมือนดูถูกผมนิดหน่อย

     

    "คิดไรอยู่ล่ะมึง กูไม่ค่อยเห็นมึงจะออกมาระเบียงเท่าไหร่นะ รึวันนี้คึกอะไรขึ้นมา"ผมเอื้อมมือไปกดหัวร่างสูงอย่างหมันไส้

     

    "กูก็ มาสูดอากาศข้างนอกบ้างไม่ได้รึไง"ว่าแล้วผมก็หันหน้าไปทางข้างนอกเหมือนเดิม เอาแขนสองข้างวางลงราวระเบียงและทิ้งน้ำหนักลงไป ไม่นานนักไอไผ่ก็ทำตามผม

     

    ใบหน้าหล่อเหลานั้นหลับตาลงอย่างนุ่มนวล เรียวปากสวยเผยยิ้มเล็กๆออกมาให้ชาวโลกได้เห็น มันเงยหน้าขึ้นไปบนฟ้า สองแขนที่เท้าระเบียงอยู่ตอนนี้ได้กางออกกว้างเพื่อทักทายสายลมเฉื่อยๆที่พัดเข้ามาอ่อนๆ ผมสังเกตการกระทำของมันไม่หยุด และรู้สึกว่าตัวเองอยู่ในชั่วโมงต้องมนต์ เพราะคนตรงหน้าผมนั้นทรงเสน่ห์เหลือเกิน

     

    "ลองทำดูสิ มันช่วยผ่อนคลายได้นะมึง"ร่างสูงบอกในขณะที่ตัวเองก็ยังไม่หยุดการกระทำประหลาดนั้น

     

    ผมหลัยตาลงช้าๆแล้วเลียนแบบการกระทำ สายลมพัดสัมผัสใบหน้าเบาๆเป็นการทักทาย เสียงวิ้วจากลมเอื่อยๆที่กรอกเข้าหูช่างเบาเยี่ยงเสียงกระซิบ เป็นเสียงกระซิบจากธรรมชาติ ถึงแม้ผมฟังไม่รู้เรื่องว่าสายลมต้องการจะบอกอะไร แต่มันก็ทำให้ผมมีความสุขได้ไม่ยาก ผมไม่สงสัยแล้วว่าทำไมไอไผ่มันถึงยิ้มออกมา

    !!!

     

    ร่างสูงสวมกวดผมจากข้างหลังและกระชับมันให้แน่นขึ้นเรื่อยๆ

     

    "ลืมตาสิ โรสที่รัก"

     

    "ค่ะแจ็ค ถรุย!!"ผมดิ้นให้หลุดออกจากมือกาวนั่น แต่ไม่เห็นว่ามันจะเป็นผลเลย อีกฝั่งยังคงหัวเราะชอบใจกับการกระทำของผม แถมยังเอาคางมาเกยไหล่ผมอีก ทำเหมือนพวกเราสองคน เป็น แฟน กัน อย่างงั้นแหละ

     

    "ไม่ใช่ไททานิคนะ"

     

    "ใช่ แต่เป็น Trolling ต่างหาก" หึ trolling เหรอ กูรู้ (ไรท์ก็รู้นะ)

     

    "มาร์ช..."มันเรียกชื่อผมเบาๆ

     

    "สายลม จะบอกในสิ่งที่มึงอยากฟังเสมอ"ผมทิ้งประโยคประหลาดๆเอาไว้แล้วผละกอดออกจากผม จากนั้นมันก็ล่องลอยไปไหนก็ไม่รู้

    นับวันยิ่งแปลกขึ้นเรื่อยๆ

     

              หึ ผมไม่เคยแปลกใจว่าทำไมผมถึงได้เป็นแฟนมัน ห้วงแห่งความลึกลับซุกซ่อนอยู่ในก้นบึ้งของจิตใจ ทำให้ในสายตาของผม ไอต่อดูเป็นคนที่น่าค้นหามาก ว่าแล้วผมก็เลยนึกถึงวันเก่าๆ วันที่ผมกับมันยังมีความสุขกันอยู่ ซึ่งผมไม่ได้มีวันแบบนั้นมานาน

     

              ...พวกเราสองคน จะเอาวันเก่าๆแบบนั้นกลับมาได้ไหมต่อ...

     

              ผมเดินเข้ามานั่งในห้อง มือนึงถือรีโมททีวีที่ถูกกดให้เปลี่ยนช่องไปเรื่อยๆ จยมาสะดุดกับช่องๆหนึ่ง

     

              มันเป็นช่องการ์ตูนที่ตอนนี้กำลังฉายการ์ตูนเรื่องที่ มีหมาตัวสีม่วงอมชมพู ผมขอเรียกว่าสีม่วงละกันง่ายดี เป็นการ์ตูนที่ผมเคยดูกะตั้ววันนั้น

     

              เคอเรจ! ช่วยด้วย!

     

                เสียงหญิงที่ดูเหมือนๆคนแก่กำลังร้องเรียกให้หมาของเธอช่วย ดูเหมือนหญิงแก่คนนั้นจะถูกพ่ยุปั่นอยู่ล่ะ - -“

     

              เมอเรียล!!!!

     

                จะตะโกนทำไม เห็นแล้วก็อดยิ้มในความน่าขำของมันไม่ได้

     

              ผมนั่งดูการ์ตูนเรื่องนี้มาเรื่อยๆ เพราะถึงเปลี่ยนช่องก็ไม่รู้จะดูอะไรอยู่ดี ก็เลยดูตูนแม่งซะเลย ประชดโทรทัศน์

     

              หนูหิวข้าว

     

              เสียงนังแก่เมื่อกี้นี่แหละ แต่ตอนนี้หล่อนกลายเป็นเด็กไปแล้ว ซึ่งบางทีมันดูไม่สมเหตุสมผมเท่าไหร่ที่อยู่ๆคนแก่ก็กลายเป็นเด็ก แต่จะไปยึดติดอะไร การ์ตูนมันทำได้ทุกอย่างแหละ

     

              หมาที่ดูเหมือนจะชื่อเคอเรจหรืออะไรก็ตามแต่ชั่งมันเถอะ กำลังทำอาหารอยู่ แล้วเอาอาหารมาวางที่โต๊ะตรงหน้าเมอเรียลวัยเด็ก อาหารในจานผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันคืออะไร แต่มันดูแปลกๆอยู่นะ

     

              ชีสเยอะไป

     

              เด็กน้อยบอกเจ้าหมาตัวนั้น เคอเรจเลยไปทำให้ใหม่

     

              เพิ่มมักกะโรนี!

     

              -_-

     

              มักกะโรนีเยอะไป!

     

              O_O

     

              เพิ่มชีส!

     

              . . .

     

    เพิ่มชีสกับมักกะโรนี!

     

              . . .

     

    มันกะโรนีเยอะไป!

     

    -O-

     

    โครม!!!!!!

     

     

              ทันทีที่หมาที่มีความอดทนสูง สุงมากจริงๆวางอาหารจานใหม่ลง เด็กเรื่องมากคนนั้นก็ปัดอาหารใส่หน้าหมาตัวนั้นทันทีก่อนจะพูดว่า

     

              หนูเกลียดมักกะโรนีกับชีส

     

                ไม่ได้ไรนะ พอไอเด็กบ้านั้นพูดจบ ต่อมฮาผมก็เอ็กซ์โปลสทันที แต่ผมกลับต้องหยุดหัวเราะ เมื่อภาพวันนั้นมันไหลเข้ามาในหัวผม ภาพวันที่ผมดูการ์ตูนเรื่องนี้กับตั้ว แล้วตั้วก็หัวเราะออกมาอย่างไม่เกรงใจ มันเป็นภาพที่ทำให้ผมมีความสุข แต่ไม่มากทำภาพของไอต่อ...

     

              ผมกดปิดโทรทัศน์ทันที ไม่สนใจว่าตอนจบของการ์ตูนเรื่องนี้จะเป็นยังไง ไม่สนว่าจะจบดีหรือแย่ แต่ที่สำคัญกว่าคือผมต้องการให้ตอนจบของพวกเราสามคนมันจบลงดีๆ ผมเอาหัวพิงพนักโซฟาเงยหน้าขึ้นมองเพดาน สองแขนอ้าก่ายโซฟาก่อนจะหลับตาลงเพื่อบรรเทาความเครียดสะสม

     

              “อะแฮ่ม!”เสียงกระแอมกวนๆดังขึ้นตรงประตูห้อง ทำให้ผมได้มีโฮกาสเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียง มันยืนพิงประตูอยู๋แล้วมองมาทางผมด้วยรอยยิ้มเบ้ๆของมัน

     

              “มีอารายให้กูกินบ้าง..........”มันลากเสียงยาวถามผม

     

              “มาถึงก็หาแต่ของแดรก ที่ห้องมึงมันจำลองสถานที่ๆเป็นทะเลทรายรึไง ถึงได้แห้งแล้งไร้เสีบยงจนต้องมากินกะกูทักวัน”ผมลุกขึ้นไปเปิดตู้เย็นหลักจากพูดจบ เพื่อหาของสดให้ไอปอบนี่กิน

     

              “อืม...”ผมมองเข้าไปข้างในดูเย็นแล้วทำท่าคิด ตู้เย็นผมข้างในมีแต่ฝุ่นกะใยแมงมุมล่ะ เพราะของสดเพิ่งจะหมดไป

     

              “ต่อ จะเป็นอะไรมั้ยถ้ามึงจะกินข้าวกับพริกไทย ซอสมะเขือเทส มายองเนสแล้วก็เกลือ?”นี่แหละคือเมนูที่ผมคิดได้ในขณะนี่ เพราะมันไม่มีอะไรจะกินจริงๆนี่นา กะจะไปซื้อของที่ซุปเปอร์ใต้คอนโดวันพรุ่งนี้

     

              “พูดเป็นเล่น ถ้าเหลือแค่นี้ทำไมไม่ให้กูกินแกลบเลยล่ะ”มันพูดติดตลก แต่ผมรุ้ว่ามันไม่ได้โกรธ

     

              “จะเอามั้ยล่ะแกลบน่ะ”ผมรับมุขมัน

     

              “เอางี้ มึงบอกว่ามีซอสมะเขือเทสใช่มะ”ไอต่อเดินเข้ามาแล้วยกนิ้วชี้ขึ้นพร้อมกับถามออกมา

     

              “อืม”

     

              “แล้วมึงมีข้าวมั้ย”ถามอีกละ

     

              “มีดิวะ”

     

              “โอเค งั้นเดี๋ยวมื้อนี้ กูทำให้มึงแดรกเอง” มันรีบแจ้นเข้าไปในครัว เสียงโคร้งเคร้งของเครื่องครัวกระทบกันดังลั่นออกมา

     

              วันนี้น้ำท่วมโลกแน่ๆครับ ตั้งแต่ผมเกิดมาไม่เคยเห็นมันเข้าครัว ไม่เคยคิดด้วยว่ามันจะทำอาหารเป็น ผมรีบเดินไปในห้องนอนแล้วเปิดกล่องปฐมพยาบาลขึ้นมา รู้สึกโล่งใจมากที่มียาแก้ท้องเสียอยู่

     

              “ไอมาร์ช เสร็จแล้วเว้ย มากินได้แล้ว”มันตะโกนออกมาจากในครัวทำเอาผมเก็บกล่องพยาบาลแทบไม่ทัน ก่อนจะเดินหน้าหงอยๆเข้าไปหาในครัว บนโต๊ะกินข้าวมีอาหารอยู่สองจาน ดูเหมือนจะเป็นข้าวผัด แต่สีแดงแฮะ แถมยังมีกลิ่นหอมของซองมะเขือเทศอีกด้วย

     

              ผมนั่งลงที่โต๊ะก่อนจะทำหน้างุนงงกับอาการที่วางตรงหน้า หวังว่าผมคงไม่ต้องปัดจานข้าวใส่หน้ามันเมหือนในการ์ตูนนะ มันนั่งลงตรงข้ามผมแล้วหยิบช้อนจ้วงข้าวเข้าปากเหมือนกับว่าอาหารนั้นอร่อยมาก

     

              “ไม่กินอ่ะ”มันเงยหน้าขึ้นมองผมที่นั่งนิ่ง ด้วยความเรงใจอันยิ่งยวดผมเลยหยิบช้อนแล้วตกมันขึ้นมาหนึ่งคำ ผมหลับตาปี๋และยัดมันเข้าปากตัวเอง พยายามกลืนให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่...

     

              “เป็นไง”มันถามผม สีหน้าแสดงความสงสัยมากเลยนะมึงน่ะ

     

              “อร่อย อร่อยมาก มันคืออะไรเหรอ”

     

              “อร่อยใช่มะล่ะ มันคือข้าวผัดซอสมะเขือเทศ”ผมฟังและก้มหน้าก้มตากินต่อ มันเคยคิดมาก่อนว่ามันจะทำกับข้าวเป็น แถมอร่อยด้วย

     

              “มึงทำเป็นได้ไง”ผมถามมัน

     

              ไม่มีเสียงใดๆเป็นคำตอบ มันเพียงแค่ยิ้มออกมา มันไม่ใช่ยิ้มหวานที่มันใช้ล่อลวงเหยื่อ ไม่ใช่ยิ้มเจ้าเล่ห์ แต่เป็นยิ้มเล็กๆไม่เห็นฟันที่ดูจริงใจ ผมไม่เคยเห็นมันยิ้มแบบนี้ แต่ผมเคยเห็นยิ้มแบบนี้จากใบหน้าของใครบางคนที่ไม่ใช่ไอต่อ...

     

              ยิ้มจริงใจจากใบหน้าของคนๆนั้น...

     

              พวกเรากินเสร็จแล้วช่วยกันเก็บกวาดล้างจาน อันที่จริงไม่ได้ช่วยกันหรอก ผมทำเอง มันน่ะไปนั่งดูทีวีที่โซฟาแล้วล่ะครับ ผมทิ้งตัวลงข้างๆมันหลังจากที่ทำธุระในครัวเสร็จเรียบร้อย

     

              “กูอยากกินของหวาน” หือ? ของหวาน?

     

              “ห้องกูไม่มีของหวานนะ” มันหันขวับมาที่ผมทันที เล่นเอาผมสะดุ้งแทบหงาย แถมยังมาทำหน้าหื่นใส่อีก เดี๊ยะๆ

     

              “กูคิดว่ามีนะ อยู่ตรงหน้ากูนั่แหละ” งงสิครับ พูดอย่างนี้ก็งงสิ มีที่หนาย ไมมีหรอก

     

              “มีหระ..อุบ”มันไม่ได้ปล่อยให้ผมพูดจบเลย มันก็ประกบปากของมันเข้ามาทันที ผมหลับตาลงและตอนนี้ทำอะไรไม่ถูกจริงๆ มือหนาของมันข้างหนึ่งลูบเข้ามาที่แก้มเนียนของผม ก่อนจะใช้นิ้วโป้งแหย่เข้ามาในมุมปากผมเพื่อจะให้อ้าปากออก ลิ้นร้อนเคลื่อนตัวเข้ามาในปากผมอย่างเร็ว ตวัดไปมาและความหาความหวานหอมในโพรงปากสวยของผม ผมเริ่มดูดดุนปากของมันอย่างได้อารมณ์ แต่ก็ใช้ลิ้นบางๆของตัวเองดันลิ้นมันออกไป ด้วยความอ่อนประสบการณ์ทำให้กลายเป็นว่าตอนนี้ลิ้นร้อนของเรากำลังพัวพันกันอยู่อย่างไม่ได้ตั้งใจ

     

              “อื้อ..”มือข้างหนึ่งของผมทุบหลังมันเพื่อบอกว่าพอได้แล้ว อีกมือดันหน้าอกของมันออก

     

              ร้างสูงถอนจูบออกอย่างเนิบนนาบ สายตาที่มองมาช่างสมกับเป็นชายที่น่าค้าหาจริงๆ เพราะผมไม่รู้ว่าตาของมันบอกอะไร ไม่สามารถหยั่งถึงก้นเหวแห่งหัวใจนั้นได้

     

              “หวานจริงๆด้วย” ความกวนทรีนของมันเล่นเอาผมหมดซึ้งเลย

     

              “บ้า ออกไปเลย กูหายใจแทบไม่ออก”ผมดันมันให้ไปนั่งอีกฟากของโซฟา ส่วนผมเองก็กระเถิบหนีออกมาเหมือนกัน

     

              ทำไมวะไอต่อ มึงจูบกูทำไม กูไม่เข้าใจในความททโลเลของมึงจริงๆ หรือว่าเป็นกูต่างหากที่โลเล

     

              “ฮึก...ฮือ”ผมก้นหน้าแล้วเอามือสองข้างปิดไว้ ไม่อยากให้มันเห็น ไม่อยากให้ใครเห็นความอ่อนแอของผมเอง ไม่เข้าใจตัวววเองเลยจริงๆว่าทำไมต้องมาเจอกับเรื่องสับสนวุ่นวายแบบนี้

     

              “ไอมาร์ช ร้องไห้ไมวะ”ร่างสูงขยับเข้ามาข้างผม ใช้มือข้างหนึ่งโอบบ่าผมไว้

     

              “อย่าทำ..ฮึก..อย่าทำแบบนี้ได้ไหม”ผมบอกมันไป ภายใต้พายุแห่งความโศกเศร้านี้ หวังว่ามันจะเข้าใจความรู้สึกของผม หวังว่ามันจะเป็นที่ปรึกษาให้ผมได้ ไม่ใช่ทิ้งไว้แประโยคแปลกๆที่ผมไม่เข้าใจ

     

              “ทำอะไร กูทำอะไร” หึ!

     

              “อย่าทำให้กูสับสน อย่าทำให้กูหวั่นไหว”

     

              ไอต่อนิ่งไปสักพัก มือถือตอนนี้โอบไหล่ผมอยู่ เปลี่ยนมากุมมือผมทั้งสองข้างไว้

     

              “ขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจทำให้มึงสับสน”มันยกมือสองข้างของผมที่ตอนนี้ถูกมือมันกุมอยู่อย่างอ่อนโยนขึ้นมาไว้บริเวณแผงอกนั่น

     

              “แต่กูตั้งใจทำให้มึงหวั่นไหว”ผมเงยหน้าขึ้นมองมันทันทีที่จบประโยคสุดซึ้งของมัน

     

              “มึงก็รู้นิ่ ถ้ามีอะไรปรึกษากูได้ตลอด”

     

              “ก็ได้ๆๆ!”ผมตัดสินใจมองหน้ามันตรงแล้ว

     

              “กู...ไม่รู้ว่ะ แต่กูคิดว่า กูชอบมึง แล้วกูก็ชอบตั้วด้วย มันเหมือนความสับสน”ไอต่อยิ้มเจ้าเล่ห์ทันทีเลยที่ผมพูดจบ มึงนี่นะ ในหัวมึงมันมีอะไรอยู่กูล่ะอยากรู้จริงๆ

     

              “แล้วมึงเลือกถูกป่ะล่ะ”ยังมีหน้ามาถามอีกนะมึง

     

              “เลือกถูกกูจะมานั่งร้องไห้ให้มึงเห็นมั้ยล่ะ ไอฟาย”โดนไปซะ

     

              “ปากจัดจริงนะมึง ถ้ามึงเลือกไม่ถูก ก็ลองคบดูก่อนสิ ไม่เห็นยากเลย ถ้าไม่ใช่มึงก็แค่บอก”อันที่จริง ความคิดมันก็น่าสนใจนะ ไม่เลวแฮะ

     

              “ก็ดีนะ ทำไมแค่นี้กูถึงคิดไม่ได้วะ ตกลงกูจะไปขอตั้วเป็นแฟน”ผมลุกขึ้นจากโซฟาเพื่อจะออกไปจากห้องนี้

     

              หมับ!

     

              “ไม่!!!”ร่างสูงเดินมาจับข้อมือผมเอาไว้แล้วดึงผมเข้าไปกอด

     

              “มึงจะต้องลองเป็นแฟนกูก่อนนะ”มันพูดแล้วก้มลงจูบหน้าผากบางของผมเบาๆ

     

              “ง่ายไปมั้ย กะลองตั้วก๊อน!!!”ผมพยายามดิ้นให้หลุดจากพันธนาการแน่นของมัน  แต่อีกฝ่ายทั้งตัวใหญ่กว่าแรงเยอะกว่า คนอย่างผมจะเอาไรไปสู้มัน

     

              “เอาน่า จะตั้วก่อนหรือกูก่อนก็เหมือนกันน่ะแหละ” ไอหน้าด้าน ไอบ้าเอ้ย

     

              “จิ๊ ก็ได้”ผมจิ๊ปากอย่างเสียอารมณ์ก่อนจะตกลงในความดื้อด้านของมัน

     

              “เอาล่ะ กูมีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้นะ” ???

     

              ?!?!?!” อะไรกัน มันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอวะ

     

              “แฟนกูนี่น่ารักจังเลย”มันลากผมกลับไปที่โซฟา ร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งแล้วดึงผมให้นั่งลงบนตักมัน

     

              “มึงจะทำอะไรเนี่ย”ผมลุกขึ้นออกจากตักมัน มือแกร่งดึงไหล่ผมไว้ทั้งสองข้างทำให้หมดทางที่จะหนีแน่ๆล่ะตอนนี้

     

              “จำเมื่อก่อนได้มะ ตอนที่มึงกะกูเจอกันวันแรก” จะมาชวนกูนึกย้อนความหลังวันวานอันแสนขมขื่นทำไม มีอารมณ์โรแมนติกกะเขาด้วยเหรอมึงน่ะ

     

              “จำได้ดิ กูไม่เคยลืมเลย”ผมฝืนพูดเพราะๆกับมัน แต่ผมกลับรู้ตัวว่าตัวเองกำลังเขินอยู่ เขินหนักเลยนะเนี่ย หน้าร้อนผ่าวๆไปหมด

     

              “ทำไมมึงไม่ลืมล่ะ หืม?”มันยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆผม

     

              “ก็มึงน่ะแหละ เจอกันวันแรกก็มาแปลก ขอกูเป็นแฟนแถมยังลวนลามกูคาหอพัก เป็นใครจะลืมลง มึงอยากให้กูลืมรึไง”

     

              “ไม่ กูอยากให้มึงลืมวันที่เราเลิกกันมากกว่า” . . .

     

              วันนั้นเหรอ ตั้งแต่เกิดมากูไม่เคยมีวันไหนที่กูรู้สึกเจ็บปวดเท่าวันนั้นเลย มึงไม่รุ้หรอก ว่ากูลืมวันที่เราเลิกกันไม่ได้ มันยังเป็นสิ่งที่ติดคาใจกูอยู่และคอยเตือนว่า กูไม่ควรกลับมาคบกับมึงอีก แต่ครั้งนี้กูคิดจะให้โอกาสมึงเพื่อที่จะให้กูได้พิสูจน์ตัวเอง อย่าทำให้กูเสียใจล่ะ

     

    ...ต่อ...

     

              “เรากลับมาเป็นแฟนกันใหม่ ก็อยากให้มึงคิดว่า เราสองคนไม่เคยเลิกกัน” มาไม้ไหนเนี่ย กูไม่ชอบเรื่องดราม่านะ

     

              “เงียบอีก มานี้เลย” มันพูดออกมาเสียงดัง

     

              ตุบ!

     

              มันกระแทกผมให้นอนลงบนโซฟานุ่มในห้องของผม ร่างสูงกระโดดหยองขึ้นมาทาบทับผมเอาไว้ ต่อก้มลงพรมจูบลงบนซอกคอขาว ทั้งกัดและดูดดุนจนตอนนี้ผมรู้ว่ามันคงเป็นรอยไปหมดแล้ว มือหนาล้วงเข้ามาใต้เสื้อยืดตัวบางสีขาวและลูบไล้ไปมาก่อนมันจะถอดเสื้อผมออกแล้วโยนมันออกไป มือซนของร่างสูงเริ่มลูบขึ้นมาอีกครั้ง และมาหยุดที่ตุ่นไตสีอ่อนที่แข็งชูชันอยู่บนอกผม

     

              “อ๊ะ..อื้ม..”ปากสวยครอบครองยอดอกข้างนึงของผม และใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่ของมันหยอกและบีบคลึงกับที่เหลืออีกข้าง ความเสียวซ่านไหลาพลุ่งพล่านไปทั่วร่างกาย ผมแอ่นอกรับความสุขเสียวจนตัวลอย ดูเหมือนไอต่อมันจะยิ่งได้ใจ

     

              “ขอนะ”

     

              “แล้วตั้วล่ะ”ที่ผมถามไปอย่างนี้เพราะเมื่อไม่กี่นาทีก่อนกูบอกว่าจะลองเอามึงมาเป็นแฟน ไม่ใช่เอามาเป็นผัวถาวรนะไอต่อ

     

              “กูอยากให้ตั้วกะนิครู้ก่อน ไม่อยากให้ใครเข้าใจผิด”

     

              Tou’s part

     

              “ข้อนี่ลองใช่วิธีนี่ดูนะ” อ่า.. การบ้านวิชาคณิตศาสตร์ ตอนนี้ผมกำลังให้นิคสอนผมอยู่น่ะครับ ผมนั่งท้าวคางมองลงสมุด ความน่าเบื่อทำให้เกิดความสลึมสลือในหัวผมอีกที

     

              “ก่อนอื่นก็ต้องลอง บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆ”ผมนั่งฟังนิคอธิบายอยู่นะ

     

              “ตั้ว!!!!!!

     

              “หาๆ มีอะไรเหรอนิค”

     

              “ตั้วฟังเราอยู่ปะเนี่ย” เอ่อ...

     

              “ฟังสิ เราฟังอยู่”ผมก็แถๆไปแหล่ะ เดี๋ยวเสียฟอร์ม

     

              “งั้นพูดว่าไรบ้างล่ะตั้ว” งานเข้าแล้วไงไอ้คุณตั้ว แต่ผมก็พอจำได้นะว่านิคพูดว่าอะไร

     

              “ได้สิ นิคพูดว่า บลาๆๆๆๆๆๆๆๆๆ” แหะๆ - -“

     

              “- -“ นี่คืดสีหน้าของนิค แบบเนี่ยเลยล่ะ

     

              ก๊อก กะล็อก ก็อกๆ

     

              “ไปดูกัน”นิคที่ดูเหมือนจะตื่นเต้นกว่าผมวิ่งออกไปเปิดประตูโดยมีผมเดินตามไปช้าๆ

     

              “อ่าวครูมาร์ช สวัสดีครับ”นิคยกมือไหว้คนตรงหน้าอย่างมีมารยาท แต่คนที่ดีใจในการมาของครูมาร์ชคือผม

     

              “ตั้ว คือ ครูมีเรื่องจะคุยด้วย”ครูมาร์ชรับไหว้นิคแล้วหันมาบอกผม

     

              “งั้น เดี๋ยวเราไปทำการบ้านต่อนะ”นิคบอกก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปในห้อง เหลือเพียงผมกับครูมาร์ชที่ยืนอยู่ด้วยกันสองคน

     

              “ครูมาร์ช มีอะรึเปล่าครับ”ผมถามไป มือก็พลางเกาท้ายทอยแก้เขินไปด้วย

     

              ???

     

              รอยแดงที่คอครูมาร์ชมันอะไรน่ะ?

     

              “ครูคบกับไอต่อแล้วนะ”

     

                    คำพูดที่ลอยออกมาจากปากของครูมาร์ช ทำเอาหัวใจผมหวิวลงไปทันที

     

    "แต่ตั้ว ตั้วฟังก่อนนะ"ผมยิ้มให้ครูมาร์ช และไม่แสดงท่าทีโกรธหรือฟูมฟายแต่อย่างใด เพียงแค่เก็บความรู้สึกต่างๆไว้ลึกๆข้างใน ผมต้องเข้มแข็งพอสิ

     

    "ครับ ฟังครับ"การฟังครูมาร์ชนี่ให้ความรู้สึกคนละแบบกับที่ฟังนิคจริงๆนะ

     

    "คือ พี่...มต่อไปนี้เรียกว่าพี่แทนละกัน เดี๋ยวผิดจารีต" จารีต...

     

    "คือ พี่ชอบตั้วนะ แต่พี่ก็รู้สึกดีกะไอต่อเหมือนกัน ตอนนี้พี่เลยคิดว่า จะลองค้นหาคำตอบของตัวเอง โดยที่พี่เริ่มจากไอต่อก่อน"ครูมาร์ช เอ้ย!!!! พี่มาร์ชอธิบายให้ผมฟัง

     

    "พี่ขอโทษนะ พี่รู้สึกเหมือนตัวเองเห็นแก่ตัวยังไงก็ไม่รู้" ^^

     

    "ตั้วก็รักพี่มาร์ชครับ"

     

    ผมโผเข้าไปกอดคนตรงหน้าไว้แน่น ความอบอุ่นจากร่างสูงทำให้ผมไม่อยากจะคลายกอดนี้ออก อยากจะหยุดเวลาไว้ หยุดทุกสิ่งไว้แค่นี้ ไม่อยากแม้จะให้คนตรงหน้าออกไปจากห้อง แต่ในเมื่อมันคือการตัดสินใจของเขา ผมก็ไม่คิดจะรั้งเอาไว้

     

    "ตั้วไม่โกรธพี่เหรอ"ผมผละกอดออก ก่อนที่พี่แกจะถามขึ้น

     

    "ทำไมตั้วต้องโกรธด้วยล่ะ มันดีออกที่พี่มาร์ชจะหาคำตอบของตัวเอง"ผมยังคงยิ้มอยู่ได้เหมือนเดิม

     

    "ขอบคุณตั้วที่เข้าใจนะ"

     

    "โชคดีนะพี่ รีบรู้ตัวนะ"ผมอวยพรให้ก่อนพี่มาร์ชจะออกจากห้อง เสียงประตูปิดลงพร้อมกับคนตรงหน้าที่หายออกไปทำเอาผมใจหายเหมือนกัน

     

    ผมจะรอนะ ^^

     

    "ม่าย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"

     

    ?!?!?!

     

    เสียงนิคตะโกนออกมา ไม่รู้ว่าตอนนี้นิคมายืนอยู่ใกล้ๆผมได้ไง

     

    "ตั้วไม่โกรธ แต่นิคโกรธ!" อ่าว นี่แอบฟังอยู่เหรอเนี่ย

     

    "นิดจะจัดการ..."เหวอๆๆ นิคทำท่าจะวิ่งออกจากห้อง แต่ผมรั้งตัวนิคเอาไว้ เพราะถ้าขืนปล่อยออกไปต้องเป็นเรื่องแน่นอน

     

    "ปล่อยพวกเขาสองคนก่อนสินิค เราว่าครูต่อเขาชอบนิคมากกว่านะ แต่แค่พวกเขาต้องการพิสูจน์ตัวเองเฉยๆเท่านั่นแหละ อย่าเครียดไปเลย" นิคสะบัดตัวออก

     

    "มันจะเป็นอย่างงั้นจริงเหรอ"นิคที่ตอนนี้ลงไปนั่งร้องไห้เงยหน้าขึ้นมาถาม

     

    "ตั้วก็ไม่รู้หรอก อนาคตมันจะเกิดอะไรไม่มีใครรู้ คนที่กำหนดชะตาของพวกเรา ไม่ใช่พระเจ้าหรือพระพรหมที่ไหน แต่เป็นไรท์เตอร์ต่างหาก"ขอพาดพิงหน่อยละกัน (- -")

     

    "^^"ไม่มีคำพูดใดๆจากปากของนิค มีเพียงรอยยิ้มที่ผมรู้ว่ามันทำให้ครูต่อหลงไหล

     

    "ไปทำการบ้านกันต่อเถอะ"นิคว่าแล้วลุกขึ้นเข้าห้องไป

     

    พี่มาร์ช...รีบบอกรักผมนะ

     

    ก่อนที่เราสองคนจะไม่มีโอกาสได้อยู่ด้วยกัน

     

    March's part

     

    ตอนนี้ เป็นเวลา 2 วันแล้วที่ผมกะไอต่อ มันก็ไม่แย่แต่มันก็ไม่ดีมากนะ ไอต่อมานอนห้องผมตลอดสองวันที่ผ่านมา ไม่ยังไม่ได้ทำไรผมเลยนะ ซึ่งอันที่จริงก็ดีแล้วแหละ แต่คนแบบมันอดทนอะไรได้ไม่นานโดยเฉพาะเรื่องนี้ (อดทนได้ป่ะล่ะกุญแจมือยังขาดอ่ะ!!!)

     

    "อื้อ..."เสียงมันครางครับ ตอนนี้เป็นเวลาตีห้าครึ่ง วันเสาร์นะครับ

     

     

                    “มาร์ช...”มันเรียกชื่อผมแล้วเอามือความไปทั่วเตียง พามมันคว้าตัวผมได้ ก็ดึงเข้าไปกอดทันที บอกได้เลยว่าอุ่นมากครับ เพราะมันนอนไม่ใส่เสื้อ ใส่แต่บอกเซอร์

     

              “น่ารักจัง ฟอด”มันก้มลงหอมผมยุ่งๆของผม

     

              “ยังไม่ได้สระผมเลย หัวเหม็น”ผมด่ามันไว้ก่อน แต่ก็ไม่ได้ดิ้นหลุดจากตัวมันหรอกครับ อุ่นดี

     

              “ไม่สระผมไม่อาบน้ำ ก็หอมอยู่ดี ฟอด”ว่าแล้วมันก็ก้มลงหอมแก้มของผมอีก

     

              “อย่ามา ตื่นแล้วไปอาบน้ำเลย ไหมบอกจะพากูไปเที่ยวไง”ผมทวงที่มันสัญญาไว้ก่อนนอน มันบอกครับว่าจะพาผมไปเที่ยววันนี้

     

              “งั้นขออะไรก่อนไปเที่ยวได้ไหม” บรึ๋ย!! รู้สึกเสียวสันหลังแปลกๆ จะไม่เสียวได้ไงล่ะ ก็มันเล่นเอามือลูบไปตามกระดูกสันหลังและก็เอวผม

     

              สิ่งที่มันจะขอต้องไม่ใช่อะไรที่ดีแน่เลย

     

              “ขอไรอ่ะ” ผมรู้สึกลุ้นกับคำตอบที่มันจะพูดออกมา มันกอดจผมจากข้างหลังทำให้ผมมองไม่เห็นหน้ามัน แต่ผมรู้ว่าหน้ามันคงหื่นมากๆ

     

              ผมขนลุกไปทั้งตัวเมื่อลมหายใจของมันรดมาที่หูบางของผม ก่อนจะกระซิบออกมาเบาๆว่า

     

              “...ขอกด...”

     

              ว่าเสร็จมันก็ฉกลิ้นเลียใบหูผม ผมเอียงคอหนีความเสียวซ่านนั่นและแกะมือที่รั้งผมไว้ออก คำตอบของมันเล่นเอาผมปรี๊ดแตกอยู่เหมือนกันนะ

     

              “ไม่ได้ ขออย่างอื่นเซ่ ไอบ้า”

     

     

              “ถ้าไม่ยอมให้กูไม่พาไปเที่ยวนะ” ขู่เหรอ กูไม่กลัวหรอก

     

              “ก็ไม่ต้องพาไปสิ ไม่ได้เดือดร้อนเลยนะ”อันที่จริงก็แอบเสียดายนิดหน่อยนะ แต่กูขอบอกไว้ก่อนนะว่ากูเมะ

     

              พรึ่บ!!!

     

              ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากถึงมากที่สุด เพราะอยู่ๆผมก็ตกอยู่เบื้องล่างของมัน ร่างสูงที่อยู่บนตัวผมตอนนี้กำลังมองมาที่ผม พวกเราประสานตากันอยู่อย่างนั้น มันทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรหนักอยู่ คิดหนักมากด้วย แล้วมันก็เริ่มพูดอีกครั้ง

     

              “กูรักมึงหรือกูหลงมึงวะ” อ่าวไอสัส

     

              “ไอเชี่ยต่อ มึงนี่ยังไงเนี่ย”

     

              “ไม่ดิ จะรักหรือหลงมันก็เหมือนกันนั่นแหละน่า” - -“ กูก็ไม่รู้นะว่ามันเหมือนกันรึเปล่า แต่เมื่อไหร่มึงจะออกไปจากตัวกูสักที

     

              “ทำกันนะ” หา?

     

              ผมไม่ได้ตอบอะไร แต่ส่ายหน้าถี่ๆเลยล่ะครับ ไม่รู้ว่าแบบนี้จะช่วยให้ผมรอดได้รึเปล่า

     

              “หยุด!!!”มันทำท่าจะก้มลงมาที่คอผม แต่ดีที่ผมท้วงไว้ก่อนไม่งั้นนะเสร็จมันแน่

     

              “ไม่ทำได้มั้ย แหะๆ”ผมปฏิเสธแล้วหัวเราะแห้งๆออกไป

     

              รอบนี้มันไม่รออะไรแล้วล่ะครับ มันพรมจูบลงไปทั่วใบหน้าผม ก่อนจะเริ่มบดเบียดริมฝีปากลงมา ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดเข้ามาไล่ต้อนลิ้นของผม ผมแอบหรี่ตาดูนิดๆเห็นครับว่ามันยิ้ม สนุกมากใช่ไหมมึงแกล้งกูเนี่ย

     

              “อือ..อื้อ!”ผมครางเพื่อให้มันปล่อยจูบออกเพราตอนนี้ผมหายใจแทบไม่ทัน เดี๋ยวก็ได้มีคนตายจนได้

     

              มือของมันค่อยๆแกะกระดุมเสื้อนอนของผมทีละเม็ด นี่ยังดีนะที่แค่แกะ ไม่ได้กระชากออกแล้วโยนทิ้ง เมื่อท่อนบนของผมเปลือยเปล่าเหมือนมัน ร่างสูงก็ก้มลงชิมยอดอกแสนหวานของผมทันที มิ้นใช้ลิ้นดุดดันจนรู้สึกเสียวซ่านไปทั่วแผงอกจนต้องแอ่นตัวรับความสุขนั่นไว้ มืออีกข้างของมันไม่ได้มาเล่นกับยอดอกอีกข้างของผมเหมือนครั้งก่อน แต่กลับเลื่อนลงไปล้วงเข้าไปในบอกเซอร์ตัวบางที่ตอนนี้เป็นเพียงปราการสุดท้ายของผม และกำสิ่งที่อยู่ในนั้นซึ่งมันกำลังตื่นตัวเต็มที่

     

              “มืออารมณ์ร่วมดีนี่หว่า” ผมถึงกับทำหน้านิ่งเลยเมื่อมันพูดออกมา และกางเกงผมก็ถูกกระชากออกก่อนที่มันจะลอยไปไหนก็ไม่รู้ น่าจะถะนุถนอมเหมือนเสื้อหน่อยนะ

     

              ร่างของผมตอนนี้นอนเปลือยเปล่าอยู่เตียงในห้องของผมเอง เตียงแม่งทรยศกูจริง ผมดึงผ้าห่มที่กองอยู่ข้างๆมาปกปิดตัวเอง แต่ไอต่อมันกลับยิ้มอย่างพอใจเหมือนกับว่า พอผมปิดแล้วดูเซ็กซี่อย่างมีศิลปะมากขึ้น

     

              “ไม่ต้องปิดหรอก เพราะในที่สุดมึงก็ต้องเปิดอยู่ดี”มันลุกขึ้นถอดบอกเซอร์ตัวเองออกแล้วล้มตัวลงมานอนข้างๆ แล้วก็ดึงผมเข้าไปกอดไว้แน่น

     

              ผมได้แต่นอนตัวแข็งเพราะอาการเขินกำลังกลืนกินไปทั้งตัว มือกำผ้าห่มผืนบางไว้แน่นซะยิ่งกว่าแนะอีก

     

              หึๆๆ

     

              เสียงไอโรคจิตหัวเราะในคอ

     

              “ทำเป็นเขินไปได้ จำตอนเรียน ม.ปลาย ไม่ได้รึไง เห็นกันออกบ่อย จนกูไม่เห็นต้องอายแล้วนิ่” อยากจะหัวเราะให้บ้านบึ้ม คนอย่างมึงมันจะไปอายผีสางที่ไหนล่ะ

     

              “หน้าด้านต่างหาก”ผมสบถออกมาเบาๆไม่หวังว่าจะให้มันได้ยิน แต่มันเนี่ยแหละหูดี

     

              “อ๊ะๆๆ พูดกับแฟนเพราะๆสิครับ”

              ตลกละ

     

              “มาร์ช”มันเรียกชื่อผมและผงกหัวขึ้น

     

              “...”ผมเงียบไม่ได้พูดอะไร

     

              “กูขอมึงนะ” กูยังไม่ทันได้บอกเลยว่าให้รึเปล่า มึงก็กระโดดคร่อมกูละ

     

              มันจับมือผมที่ตอนนี้กำผ้าห่มไว้อยู่ให้คลายผ้าออก โน้มตัวลงมาที่คอ ขบเม้นจนผมรู้สึกจักจี๋นิดหน่อย ความเคลิบเคลิ้มทำให้ผมปล่อยมืออกจากผ้าห่ม มันค่อยๆดึงผ้าห่มออกเผยให้เห็นร่างบางอันขาวเนียนที่เปลือยเปล่ากำลังนอนอยู่ใต้ตัวมัน มันเลื่อนหน้าลงมาที่หูผมและกระซิบเบาๆแต่ก็ทำให้ผมขนลุกจนได้

     

    ...กูจะเริ่มละนะ...

     

     

                    “อืม...” แสงอาทิตย์จ้าส่องเข้ามาจนผมต้องรีบหยีตาลงเพราะมันสว่างเกิน น่าจะประมาณเที่ยงแล้วล่ะ ตอนนี้ผมนอนเอาหน้าซุกอกไอต่ออยู่ซึ่งมันเองก็กอดผมอยู่เหมือนกันแหละ อุ๊นอุ่น

     

              !!!!!

     

              “เฮ้ย!!!!”ผมอุทานเสียงดังลุกขึ้นนั่งทันที ลืมไปว่าเพิ่งเสียตัวให้มัน(ซึ่งอันที่จริงก็เคยเสียมาแล้ว)เมื่อไม่นานมาเนี่ย

     

              “มึงจะตะโกนทำไม”  - -

     

              “เปล่าๆ” กูอยากรู้จริงๆว่ากูจะโดนมึงเอาเปรียบไปถึงไหน เดี๋ยวกูก็เลิกแม่ง หมันไส้

     

              “ไม่มีไรก็นอนลง กูจะต่อสักรอบ” สะดุ้งดิครับได้ยินแบบนี้

     

              “ไอบ้า ไปอาบน้ำเลยแล้วพากูไปเที่ยวด้วยตามสัญญา”ผมเริ่มท้วงเสียงดัง

     

              “ก็จะพาไปเที่ยวไง” อ่าว จะพาไปเที่ยวก็ลุกสิ

     

              “งั้นกูไปอาบน้ำนะ”ผมยังไม่ทันได้ลุกมันก็รั้งตัวผมไว้

     

              “ไม่ต้องอาบ เพราะที่ๆกูจะพามึงไป คือ...” ???

     

              “คือ...”ผมลากเสียงยาวตามมัน

     

              “สวรรค์”

     

              “สวรรค์มึง แต่นรกกูล่ะสิ กูไปอาบน้ำแล้ว”ผมลุกขึ้น แต่ก็ต้องทรุดลงไปนั่งกับพื้นทันที ทำไมน่ะเหรอ เพราะรู้สึกเจ็บมาก เหมือนว่ากำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆอย่างไงอย่างงั้นเลย

     

              “ฮ่าๆๆ ไม่ได้โดนนานเลยเจ็บละมั้ง มาเดี๋ยวกูพาไปอาบน้ำ”ว่าแล้วมันก็ลุกจากเตียงแล้วช้อนตัวผมขึ้นไปห้องน้ำทันที ตอนแรกผมก็รู้สึกดีใจนะที่มันอาสาจะช่วย

     

    ...แต่พวกคุณไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นในห้องน้ำ...

     

     

              .

     

              .

     

              .

     

              นี่เป็นเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์แล้วที่ผมลองคบกับมัน ผมสาบาญได้เลยว่าผมไม่อยากเดินเพราะเจ็บมาก แล้วถ้าอยู่ในห้องที่คอนโด ผมจะได้ใช้ขาเดินน้อยมากเพราะมันเอาแต่อุ้มผมไปนู่นไปนี่ และผมกับมันใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บนเตียง - -“ ซึ่งมันฟังดูแย่มาก ผมว่าอันที่จริงมันหลงผมมากกว่าจะรักซะอีก มันเป็นคนที่มีความอดทนน้อยตรงข้ามกับผมที่มีมาก แต่ถึงมากเท่าไหร่ถ้าไม่รักไอต่อจริงก็คงอดทนอยู่กับมันไม่ได้ ซึ่งผมเป็นคนที่กำลังจะหมดความอดทนกับมันและตัดสินใจว่าจะเลิกแล้วล่ะ มันไม่ใช่สำหรับผม ผมจะได้เอาข่าวดีไปบอกตั้วสักที

     

              แต่เพราะความผูกพันตลอด 7 วันที่มันมีให้ผม ถามว่าทำไมถึงผูกพัน เพราะว่าผมก็มีความสุขนิดๆกับสิ่งที่ผมกับมันได้ทำร่วมกัน ทำให้ผมไม่กล้าบอกเลิกมัน ถึงผมจะรู้ว่ามันคงไม่รู้สึกอะไรเพราะมันมีนิคมารองสต็อกเอาไว้ แต่ผมก็ลำบากใจที่จะพูดบอกเลิกออกไป แล้วสาเหตุสำคัญ ถ้าผมเป็นคนบอกเลิกมันแล้วไปคบตั้ว ในสายตาตั้วต้องมองผมไม่ดีแน่ ผมจึงคิดว่าควรจะให้มันบอกเลิกผมเอง

     

              ผมกำลังเดินไปเรื่อยๆในโรงเรียนเพราะตอนนี้ผมว่างมาก แต่ผมก็สะดุดตากับเด็กที่กำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โต๊ะหินอ่อนหลังตึก

     

              “นิค หวัดดี”ผมตัดสินใจเดินเข้าไปทักแล้วนั่งลงที่โต๊ะตัวเดียวกัน

     

              “หวัดดีครับครูมาร์ช”

     

              “ว่าแต่ ตั้วไปไหนอ่ะ”ผมถามหาอีกคนนึงเพราะผมไม่เห็นตั้วอยู่กับนิค

     

              “ตั้วไปห้องสมุดน่ะ มีอะไรหรือเปล่า”อ่อ ห้องสมุด

     

              “เปล่าๆๆ”ผมรีบปฏิเสธทันที

     

              “อ่อเหรอครับ”นิคพูดสั้นๆแล้วก็นั่งเล่นโทรศัพท์ต่อ

     

              “นิค ครูอยากเลิกกับไอต่อแล้ว” ผมพูดออกมาจนได้

     

              “หา?”นิคตกใจจนไอโฟนแทบร่วง

     

              “แต่ ครูไม่อยากบอกเลิกน่ะ ช่วยหน่อยสินิค”ผมขอร้อง

     

              “ก็..จัดการตัวเองสิ ผมไปเกี่ยวไรด้วยล่ะ”น่านๆ มีหยิ่งๆ

     

              “เพราะครูก็รู้ว่านิคอยากให้ครูเลิกกะไอต่อ”นิคถึงกับเหงื่อร่วงทันทีเมื่อผม

     

              “ก็ได้” หะๆๆ เสร็จมาร์ช

     

              “ถ้าครูไม่อยากบอกเลิก เราก็ทำให้เขาบอกเลิกสิ” ขอบใจสำหรับคำปรึกษา - -“

     

              “โถ่ ครูก็รู้ แต่ต้องทำไงล่ะ”

     

              “อืม...อ๊ะ ดูนั่นๆ ไมค์”นิคทำท่าหันซ้ายหันขวาเหมือนกำลังหาอะไรอยู่ ก่อนจะชี้ไปที่โต๊ะหินอ่อนที่อยู่ห่างไปไม่ไกล

     

              สิ่งที่นิคชี้ให้ดูคือเด็กผู้ชายคนหนึ่ง จัดว่าหน้าตาดีเลยทีเดียวถ้าไม่รวมแว่นตาหนาเตอะที่อยู่บนหน้า ซึ่งเด็กคนั้นคือไมค์ เป็นเพื่อนร่วมห้องของตั้วกับนิค เป็นเนิร์ดตัวจริงล่ะขอบอกแถมผมยังได้ข่าวมาว่าไมค์มีส่วนเกี่ยวข้องกับบริษัทสองแห่งที่เป็นศัตรูกัน แต่การกระทำของไมค์ตอนนี้ดูน่าตลกมาก เพราะเขากำลังนั่งฟุบหลับอยู่ ใบหน้าหล่อเหลาปนน่ารักที่หลบซ่อนใต้แว่นตานั่นทับหนังสือของเขาเอง และที่น่าขำกว่านั้นคือ ไมค์นอนอ้าปากกว้างจนน้ำลายไหลลงมา ก่อนจะทำปากแจ่บๆ แล้วก็อ้าปากหวอต่อ

     

              “ครูมาร์ชรู้มั้ยว่าการกระทำของไมค์ตอนนี้จัดว่าอยู่ในความถ่อยเถื่อนระดับ 4 ซึ่งครูจะต้องทำให้มากกว่านั่น และรับรอง ครูต่อจะรับไม่ได้แล้วก็ต้องเลิกกับครูมาร์ชแน่นอน”  ห๊ะ!! ขนาดที่ไอเด็กแว่นนั่นทำก็ถือว่าน่าอายพอแล้วนะ ผมต้องทำให้มากกว่านั่น ก็คงต้องประมาณว่า ไม่ยอมอาบน้ำเป็นเดือน ฉี่หน้าทีวี ไม่ก็ดึงแสตมป์ออกจากซองจดหมายในที่ทำการไปรษณีย์ล่ะมั้ง

     

              “โห ใครจะไปทำ”ผมบ่นอู้อี้ออกมา ก่อนนิคจะพูดออกมาว่า

     

              “แล้วอยากเลิกกับครูต่อไหมล่ะ” 

     

     

     

    โอย...อย่ามาขำน้องไมค์นะบอกให้ รู้รึเปล่าว่าไมค์เป็นใคร

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    .

     

    บอกก็ได้ ไมค์เขาเป็นว่าที่นายเอกนิยายเรื่องใหม่ ตอนนี้นิยายใหม่ดำเนินมา 2 ตอนแล้วแต่ยังไม่ได้ลง ลองใฃ้เวลาว่างๆแต่งดูก็คิดว่าพลอตก็โอเคและคิดว่าจะไม่มีการเปลี่ยนกะทันหัน เดี๋ยวรอหาจังหวะเหมาะๆลง

     

    ตอนนี้มาลงช้าไปหน่อย อันที่จริงแต่งทิ้งไว้เกือบเสร็จแล้วแต่ว่าเกิดปัญหานิดๆ คือไรท์ต้องมาสระแก้วก็เลยหาที่ลงไม่ได้

    ส่วนใครที่ไปเที่ยวช่วงสงกรานต์ก็ ขอให้เที่ยวให้สนุกนะ เดินทางปลอดภัยด้วยล่ะ

     

    ขอบคุณที่ติดตาม ขอให้หนุกๆ >3<

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×