คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : เรื่องวุ่นๆของต่อกับนิค (ตอนพิเศษ 100% + อะไรเล็กๆน้อยเกี่ยวกับนิยายเรื่องใหม่)
ว้าว... แต่งมาตั้งนานละ ยังไม่มีตอนพิเศษพิโศอะไรเลย วันนี้ก็เอามาให้ละกัน (แก้ขัด แหะๆ) แต่ก่อนจะไปอ่านนี้ ไรท์ขอสมมติอะไรสักหน่อยน้า และการสมมติไม่เกี๊ยวไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องเลยจริงจรี๊ง!! ไม่มีผลต่อการเดินเรื่องในฟิคเล๊ย!!!
เอาล่ะ เข้าเรื่องเหอะ ไรท์นะจะขอสมมติว่า ตั้วเป็นแฟนมาร์ช แล้วนิคเป็นแฟนต่อ ละกัน แค่เนี่ยแหละ ไม่ยากหรอก หุๆๆ (ไรท์มันบ้าไปแล้ว)
Tor's part
"ทำอะไรอยู่ครับที่รักของพี่"ผมเดินมานั่งข้างเด็กน้อยน่ารัหที่นั่งจุ้มปุ๊กบนโซฟาหน้าโทรทัศน์อยู่
"ดูสารคดีอยู่น่ะ เกี่ยวกับคนที่เขาถือศีล"ร่างบางตอบเบาๆโดยที่สายตาคู่สวยยังไม่ละออกจากโทรทัศน์
"เหรอ ดีแล้วล่ะ ได้ความรู้"ผมกล่าวชมแล้วใช้มือลูบหัวอย่างเอ็นดู
ผมก็ต้องดีใจอยู่แล้วล่ะที่นิคหาความรู้ นิดแฟนผม แล้วผมเป็นครูนะ จะไม่ให้ดีใจได้ไง
เย็นวันนั้น
ผมกำลังนั่งพิมพ์งานอยู่อย่างเคร่งเครียด แต่ในที่ซู้ดในที่สุดมันก็เสร็จทันมื้อเย็น ผมเอนหลังพิงเก้าอี้ล้อหมุนเต็มที่แล้วยืดแขนบิดขี้เกียจเพื่อผล่อนคลาย
!?!?!?
อ่า...กลิ่นมื้อเย็นฝีมือว่าที่ภรรยาลอยมาชกจมูกผมเต็มเปา ผมห้ามขาตัวเอ
ไม่ได้ที่จะให้ลุกเดินไปในครัว
"ทำไรอยู่เหรอที่รักของผม หอมเชียว"ผมพูดถามแล้วใช้มือกอดเอวนิคจากข้างหลังพร้อมเกยคางไว้บนไหล่ขวาของร่างเล็กด้วย
"เย็นนี่มีผัดคะน้า สลัดผลไม้ แกงจืด แล้วนิคก็ทำน้ำผักไว้ด้วย"นิคตอบรายชื่ออาหารของเย็นนี้ในขณะที่มือก็ยัง ยุ่งอยู่กับการหันผลไม้เพื่อทำสลัด
"น่ารักจัง ฟอด"ผมยื่นหน้าไผขโมยแก้มนิค เจ้าตัวหันมาค้อนผมทันที่ แต่ถึงอย่างนั้นเรียวปากของนิคก็ยังคงยิ้มอยู่
"พี่ต่อไปอาบน้ำก่อนก็ได้ กว่าจะออกมาคงทำเสร็จพอดีละ"
ฟอด ฟอด
ผมกอมแก้มนิคข้างเดินแล้วย้ายหน้ามาหอมอีกข้างก่อนจะวิ่งไปหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วหายเข้าไปในห้องน้ำทันที
. . .
ผมเดินออกมาจากห้องน้ำในสภาพที่แต่งตัวเรียบร้อย (เสื้อกล้ามบ็อกเซอร์) คือ กินเสร็จกระโดดขึ้นเตียงได้เลย ผมหมายถึง กินเสร็จแล้วนอนเลยน่ะ
ผมเก็บผ้าเช็ดตัวเข้าที่ของมันแล้วมานั่งรอที่โต๊ะกินข้าว นิคเดินมาพร้อมถืออาหารมาด้วยมากมาย ผมที่นั่งยิ้มแฉ่งอยู่ตอนนี้พร้อมจะกินข้าวฝีมือคนรักแล้วล่ะครับ
^_^
^_-
-_-
-_o
o_o
O_O
O_O"
!!!!!!!!
"นี่มันอะไรกันเนี่ย!"ผมถามทันทีเมื่ออาหารทุกจานถูกวางบนโต๊ะแล้วนิคก็นั่งลงตรงหน้า
"อะไร"นิคย้อนอย่างไร้เดียงสา
"ก็เนี่ย มีแต่ผักอะ นิคกลายเป็นมังสาวิรัตไปแล้วเหรอ หรือว่าชีวจิต ไม่สบายรึเปล่า"ว่าแล้วผมก็ใช้หลังมือเอื้อมไปแตะหน้าผากของคนที่ผมรักทันที นิคแกะมืออกมา
"ดูนี่ดิ ผัดคะน้า ไม่เห็นมีหมูมีกุ้งอะไรเลยเรอะ แกงจืดก็น่าจะมีหมูนะ นี่มีแต่สาหร่ายกะวุ้นเส้น"ผมย้ำเตือนเมนูวันนี้ให้นิคฟังเพราะมันผิด
"ก็นิคอยากลองกินเจ อยากลองถือศีลบ้างนะ นิคคิดว่าเวลาว่างๆแบบนี้นิคน่าจะหาอะไรที่มีสาระทำบ้างนะ"คำตอบของนิคไขกระจ่างทุกอย่าง
"โอ๊ะโห่ว"ผมอุทานติดตลก
"ไม่ต้องไปถือหรอกศีลน่ะ เมื่อยมือเปล่าๆ แล้วก็ไออาหารชีวจิตน่ะไม่ต้องทำแล้วนะ พี่ไม่กิน"ผมพูดพลางยื่นมือไปเคาะจานผัดคะน้านรกนั่น
"เอาน่า ถึงพี่ต่อไม่ถือศีลเหมือนนิค ก็กินมังสาวิรัตก็ได้ พี่น่ะไม่กินผักบ้างเลยนะ"เสียงคนรักของผมบ่นหมือนผมเป็นเด็กไปได้
"ทำไมจะไม่กินผักเลย ต้นหอมผักชีพี่ก็กิน"ผมบอกนิคไปเพื่อให้นิครู้ว่าผมก็กินผัก (ต้นหอมผักชี เจริญเหอะ)
"งั้นพี่ก็กินน้ำผักนั้นสิ"นิคพูดแล้วชี้ไปที่แก้วที่ตั้งทางขวามือของผม ผมเอื้อมไปหยิบแก้วโดยไม่ดูว่าในนั่นคืออะไร
O_O
ผมตกใจจนเกือบปาแก้วใส่หัวนิคแตกไปละ เพราะเมื่อผมถือมันให้อยู่ในระดับสายต่อ ผมก็พบว่า
"โอ๊ย เขียวอื๋อขนาดนี้ใครจะไปกิน!!!"ผมบ่นออกมาแล้ววางแก้วลงบนโต๊ะอย่างขยะแขยง
"เฮ้อ..."คนตัวเล็กถอนหายใจเฮือกยาวแล้วลุกไปที่ตู้เย็น แล้วรินยองเหลวสีส้มจากเหยือกใส่ลงในแก้วใบใหม่ แล้วส่งมันให้ผม
โล่ง อย่างน้อยก็มีน้ำสมให้ผมเทมันลงท้องโดยไม่ต้องกลัวว่ามันจะขม
"ขอบใจจ๊ะที่รัก^3^"ผมกล่าวแล้วหยิบแก้วมา มืออีกข้างนึงไปหยิกแก้มนิคเบาๆ
ผมกระดกมันลงไปอย่าง...
พรวด!!!!!
ทันทีที่ผมดื่มมันเข้าไปแล้วปล่อยให้มันอยู่ในปาก เพื่อให้ลิ้นของผมได้เจียดเวลาในการลิ้มรส ผมก็พ่นมันไปข้างหน้าทันที ดีนะที่นิคยังไม่ได้มานั่ง ไม่งั้นน้า...
"เอาอะไรให้เค้ากินน่ะที่รัก"ผมทำตาให้ดูน่าสงสารสุดฤทธิ์ แล้วจึงหันไปมองนิคแล้วถามว่าไอสารสีส้มในแก้วมันคืออะไร
"ก็น้ำแครอทไง - -" ห๊ะ!!!!
น้ำแครอทเรอะ บ้าบอที่สุด น้ำแครอทคือสิ่งที่ไม่มีใครบนโลกอยากกินหรอก รวมทั้งผมด้วย
"เอามาให้พี่ทำไมง่า พี่ไม่ใช่ บักส์ บันนี่ นะ"ผมพูดติดตลก
"จะบักส์หรือโดเรม่อนหรืออะไรก็ตามมันก็กินน้ำแครอทได้ทั้งนั้นแหละน่า
"ชิ!!"
.
.
.
มื้อนั้นจบลงไปด้วยความสุขสำหรับนิคคนเดียว ร่างบางทั้งอิ่มท้องและอิ่มบุญ ในขณะที่ผมยังต้องกินแค่สลัดผลไม้ ซึ่งมันไม่สกิดกระเพราะผมเลยแม้แต่น้อย
.
.
.
วันต่อมา
พรึบ!!
ผมลุกขึ้นทันทีเมื่อได้กลิ่นอาหารที่นิคกำลังทำ แล้วจึงเดินดุ่มๆเข้าไปในครัว
อื้อหือ.....
แสงสีขาวสว่างเกินดางตาสวยๆของผมจักรับได้ ผมขยี้ตาเพื่อทำความคุ้นเคย แสงสีขาวผุดผ่องนั้นมันออกมาจากตัวนิคนี่เอง วันนี่นุ่งขาวห่มขาวเลยนะที่รัก ถ้าโดนตัวกูจะบาปมั้ยเนี้ย
"Morning! Honey."นี่คือคำทักทายของผมในเช้านี่ ได้น้นฉบับมาจากไอมาร์ชเวลามันพูดกะตั้ว ไม่พูดเปล่าแถมยังกอดเอวนิคจากด้านหลังด้วย อุ่นจัง ^^
"พี่ต่อ กอดไม่ได้"นิคพูดแล้วบิดตัวหนีทันที
"ทำไมอ่า ที่รักไม่รักเค้าแล้วเหรอ YoY"ผมบ่นทำเสียงเหมือนร้องไห้
"ก็นิคถือศีลแล้ว จะถือสัก 7 วัน" ก็พอเดาได้ว่าจะถือศีล เล่นขาวสว่างกระจ่างใสขนาดนั้น
แต่เอ๊ะ!?!?
"7 วัน 7วันเลยเหรอตะเอง"ผมตกใจสุดขีด
ร่างบางที่ไม่ได้หันมาพยักหน้างุดๆ ทั้งมือทั้งตาก็วุ่นอยู่กะการทำอาหารเช้า
"งั้น 7 วันนี้ พี่ก็จะไม่ได้..."ผมทิ้งให้ปาะโยคค้างไว้ เพราะผมรู้ว่านิครู้ว่าผมหมายถึงอะไร และคำตอบของนิคก็คือการพยักหน้าเหมือนเดิม
"ตั้ง 7 วันอ่า"ผมแทบทรุดเลยล่ะครับพี่น้อง
"นิคช่วยไม่ได้ ไม่มีใครช่วยพี่ได้เลย" นิคช่วยไม่ได้ ไม่มีใครช่วยพี่ได้เลย ผมทวนประโยคในใจ ถ้าฟังเผิญๆก็คงเป็นประโยคธรรมดา แต่ในเรื่องนี้ ถ้าคิดห้ลึกจะรู้ว่านิคหมายความว่าอะไร
"อ้อ แล้ว 7 วันนี้นิคจะนอนในห้องนะ พี่ต่อออกมานอนที่โซฟา ส่วนเรื่องอาหารให้พี่ไปกินกะพี่มาร์ชแล้วก็ตั้วละกัน ไปกินตั้งแต่วันนี้เลย
"โถ่ นิคของต่อ..."เสียงสั่นระทวยหลุดออกมาจากปากผม ก่อนที่ผมยะเดินออกมาจากห้อง แล้วขึ้นไปหาไอมาร์ช
"ว่าไงวะไอต่อ วันแรกที่เมียมึงถือศีลเป็นไงบ้าง"ทันทีที่เดินเข้ามาในห้องมัน ผีก็เริ่มเจาะปากไอมาร์ชให้พูดออกมา
"เรื่องอาหารกูไม่ห่วงหรอก กูห่วงเรื่องอื่นมากกว่าน่า วันแรกยังพอทนได้วันถัดๆไปจะเป็นไงวะ"ผมบ่นพล่ามตลอดทางจากประตูห้องจนถึง โต๊ะที่มีมันกะตั้วนั่งกินข้าวอยู่
"เอาน่า มึงก็อดทนเอาหน่อยละกัน แค่ 7 วันเอง หาอะไรอย่างอื้นทำสิวะ อย่าไปคิดมาก"ไอมาร์ชเพื่อนรักปลอบผมแล้วเอามือมาตบหลังเบาๆเป็นกำลังใจ
"นิคถือศีลเหรอครับ โห ผมอยากทำบ้างจัง เอาสักเดือนนึงไปเล้ย"ตั้วพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
"ไม่ๆๆๆ ไม่ต้อง ตั้วไม่ต้องถือหรอก อาทิคย์นึงพี่ก็ไม่ให้...อย่าๆ อย่าเถียงนะ honey ไม่เอาๆ" เสียงกวนๆของไอมาร์ชห้ามปลามตั้ว
"ถุย ทำเป็นอวดดี พอตั้วจะถือแม่งห้าม แหม... ทีนี้เข้าใจกูไหมล่ะ"ผมพูดจิกกัดมันให้ลึกลงไปในสมอง
มันก็ได้แต่พยักหน้างุดๆ
**************************
40%
"แล้วมึงจะเอาไงต่อวะ มึงทนไหวแน่นะ"เพื่อนรักเอ่ยถามขึ้นระหว่างการร่วมโต๊ะอาหาร
ผมเงยหน้าจากมื้อเช้าบนโต๊ะแล้วมองหน้าคนที่ถามคำถามผมเมื่อกี้ แล้วทำสายตาให้ดุเข้าไว้
"ทำไมมึงถามแบบนั้นวะ" ใช่ ทำไมถามแบบนั้น ในสายมึงกูคืออาราย!!!!
"ก็กูกลัวนิคมันจะศีลขาดดิวะ มึงก็แฟนเก่ากูกูรู้จักมึงซะยิ่งกว่ามึงรู้จักตัวเองซะอีก"ร่ายมาเป็นทางเลยนะมึง มึงคิดว่าแค่นี้ก็จะทนไม่ได้?
"เออ เดี๋ยวกูจะทนให้มึงดู"ผมชี้หน้าไว้เป็นการคาดโทษก่อนที่จะลงมือซัดอาหารตรงหน้าให้หมด
ไม่มีบทสนทนาอะไรอีกเลยหลังจากนั้น ผมได้แต่กินข้าวเงียบๆและนึกถึงคนรักของผม ป่านนี้คงจะกินข้าวคนเดียวอยู่สินะ นิคต้องเหงามากแน่ๆเลย ผมรู้สึกเสียใจที่ไม่ได้อยู่เคียงข้างในยามที่เขาเหงา ทั้งๆที่เราเป็นแฟนกันแท้ๆ ผมมันแย่จริงๆเลย
เมื่อมื้อเช้าหมด ผมลาและออกจากห้องไอมาร์ชทันที ก่อนจะกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปยังห้องของเรา
ผมเคาะประตูห้องสามครั้งตามมารยาทเพื่อดูว่านิคอนุญาตให้ผมดเข้าไปในห้องรึเปล่า
"ห้องไม่ได้ล็อคครับ"เสียงหวานเล็ดลอดออกมาจากประตูเป็นคำตอบทำให้หัวใจผมโลดแล่น ผมรีบเปิดประตูเข้าไปหาที่รักของผม ร่างเล็กนั่งอยู่บนโซฟา สายตามองลงไปในหนังสือเล่นบางที่เขาถืออยู่อย่างตั้งใจ
"ว่าไงครับที่รัก"ผมทักทายก่อนจะเดินไปนั่งข้างๆคนใส่ชุดขาวนั้น สายตาพลางมองไปที่ปกหนังสือที่นิคถืออ่านอยู่
---ตายแล้วไปไหน---
- -"
ชื่อหนังสือก็เล่นซะกูปลงเลย
"เอ่อ...นิคเหงาไหม"ผมเป็นคนเปิดประเด็น
"เหงา!"
ครอก
นิคตอบออกมาในขณะที่สายตายังไม่ละจากไอหนังสือหอยหลอดนั่น คำตอบเล่นซะผม ko คาสนามประลอง
"แล้ว ทำไงนิคถึงจะหายเหกงาน้า..."ผมเริ่มพูดใหม่ เผื่อมันจะไปตามแผนผม
"ก็ถ้าคนรักของนิคมาถือศีลกินเจเป็นเพื่อนนิคก็คงไม่เหงา"
ฉับ!!!
หลังจากที่ผม ko แล้ว คำพูดของนิคยังเป็นเหมือนมีดที่เข้ามา heart ripper ผมเข้าอย่างจังจนขั้วหัวใจดวงน้อยๆขาด
"โถ่ ตะเองอย่างอนเค้าน้า ก็เค้าไม่ชอบกินผัก ไม่ชอบถือศีลด้วย จะให้ทำยังไงล่ะ"ผมบ่นเสียงอู้ๆอี้ๆเหมือนเด็ก
นิควางหนังสือลงบนโต๊ะหน้าโซฟาแล้วหันหน้ามามองผม ก็ที่เรียวปากนั่นจะส่งคำพูดออกมาอีกว่า "ก็อดทนเพื่อเค้าสิ"
งานงอกเต็มๆล่ะคราวนี้
"งั้น ต่อขอโทษนะครับ ขอโทษที่ไม่ได้ร่วมทุกขืไปกัยนิค ขอโทษ..."ผมกุมมือนิคสองข้าง ก้มหน้าลงแล้วบอกนิคไป ผมเองก็รู้สึกผิดเหมือนกันที่อยู่ข้างเขาไม่ได้
"ไม่เป็นไรหรอก เค้ารู้ว่าตัวเองรู้สึกผิด ไม่โกรธหรอกนะ เพราะนิคก็ไม่อยากให้คนที่ตัวเองรักต้องมาเผชิญกับความทุกข์แบบนี้หรอก"นิคจับใบหน้าของผมให้หันขึ้นมามองหน้าเขาพร้อมส่งยิ้มหวานที่ผมปราถนามาให้
"แต่พี่ต่อต้องอดทนนะ"เอาอีกละ ทำไมถึงคิดว่าผมจะอดทนไม่ได้นะ
"ถ้าพี่อดทนไม่ได้ล่ะ"ผมถามเพื่อกันไว้ก่อน จะได้รู้ว่าถ้าทนไม่ได้จะเกิดไรขึ้น
"นิคจะส่งพี่ต่อไปอาบูดาบีเลย"นิคพูดแล้วหัวเราะอย่างร่าเริง
"งั้นพี่จะ(พยายาม)อดทนนะ"ผมก็ไม่คิดว่าผมจะทำได้หรอก เอาวะ อย่างน้อยก็ได้ไปอาบูดาบี ฮ่าๆ
...วันที่สองของการถือศีลของนิค...
ทุกอย่างสำหรับผมยังปกติดีอยู่ เมื่อคืนผมนอนที่โซฟาส่วนนิคนอนในห้อง อันที่จริงแค่ผมไม่คิดอะไรก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นซะหน่อย นอนนิ่งๆก็หลับไปเลย จนตอนนี้ก็เช้าละ
แกร๊ก...
"หวัดดีตอนเข้าจ้ะที่รัก"ผมพูดทักทายขึ้นทันทีที่นิคออกมาจากห้องนอน ดูจากสภาพนี่ต้องอาบน้ำแล้วแน่ๆ ถึงไดัหอมมาขนาดนี่
"หวัดดี"นิคกล่าวสั้นๆซึ่งแฝงไปด้วยความน่ากลัวเล็กๆ
"เมื่อคืนหลับสบายมั้ย"ผมชวนคุยต่อ
"สบายสิ ไม่มีคนมานอนดิ้นอยู่ข้างๆด้วย" หึๆๆ เดี๋ยวก่อนๆ ถ้าวางศีลเมื่อไหร่จะเล่นให้ลืมไม่ลง
ร่างบางเดินมานั่งข้างๆผมที่โซฟาหน้าทีวี ผมวาดแขนไปกอดแขนอีกคนหนึ่งแล้วแก้มไปถูแขนนั้นอย่างนุ่มนวลเป็นการอ้อน ไม่ว่าจะหญิงชายที่ไหนต้องยอมผมทั้งนั้นถ้าเจอการกระทำสุดอ้อนสุดโต่งแบบนี้
"ตะเอง ทำกระเพราไก่ให้เค้าหน่อยสิ"ผมขอขึ้นพร้อมใช้หน้าถูๆแขนนิค นอกจากการกระทำจะหวานซะมดถามหาแล้ว ปากก็ยังหวานเหมือนกับน้ำผึ้งที่ถูกเถลงไปในกระปุกน้ำตาลอีกตะหาก
"จะบ้าเหรอ ถือศีลจะทำกระเพราไก่ได้ไง"แขนของนิคข้างที่อยู่ในครอบครองของผมพยายามดึงตัวเองเพื่อให้เป็นอิสระ แต่มือหนึบของผมมันดันไม่อยากปล่อยสิ
"นิคก็ทำแต่ไม่ต้องกินสิ น้าๆ"ผมกระชับอ้อมกอดนั่นให้แน่นขึ้นเพื่อให้คนข้างๆยอมผม
นิกกระชากแขนตัวเองออกมาจนได้ ก่อนจะพูดว่า "นิคคงผิดศีลตั้งแต่หั่นไก่แล้วมั้ง ไปให้พี่มาร์ชทำให้กินนู่นไป"
ผมลุกขึ้นอย่างสะดีดสะดิ้ง ก่อนจะสะบัดบ๊อบออกไปจากห้อง ผมยอมรับว่าน้อยใจมากที่ไอการถือศีลมันมีความสามารถพอที่จะขัดจังหวะรักของผม
"มาแล้วเหรอไอต่อ"เสียงไอมาร์ชดังขึ้นเมื่อผมถือวิสาสะเปิดประตูเข้าห้องมันไป ผมเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวตัวเดียวกะตัวเมื่อวานน่ะแหละ ก้มหน้ามองลงไปก็พบกับอาหารเช้าที่วางอยู่บนโต๊ะ
ตั้วกะมาร์ชที่นั่งข้างกันอยู่ฝั่งตรงข้ามของผมกำลังตั้งหน้าตั้งตากินข้าว โดยเฉพาะไอมาร์ชที่ดูเหมือนจะตายอดตายอยากมาตั้งแต่ชาติปางก่อน
"อร่อยมากเลยตั้ว อยากให้ตั้วทำอาหารให้พี่กินทุกวันเลย"ไอมาร์ชยื่นมือไปลูบแก้มใสๆของตั้วหลังจากที่มันกล่าวชมตั้ว เด็กน้อยผิวสีเข้มหันมายิ้มหวานให้เพื่อนผม แล้วก็ก้มลงกินข้าวกันต่อ
หึ มึงมันเกิดมาโชคดีจริงๆเลยไอมาร์ช มีนั้วคอยทำอาหารให้ตลอดไม่ขาดวัน สองสามวันมานี้นิคไม่ได้ทำอาหารให้ผมเลย ผมคงเกือบจะลืมไปแล้วว่าความรู้สึกที่คนรักทำอะไรให้กินมันเป็นยังไง
"เฮ้ย ทำไมไม่กินวะ"คนตรงข้ามผมเงยหน้าขึ้นมาถามผมด้วยพร้อมส่งสายตาเหมือนกับมันบอกว่า 'ถ้ามึงบอกว่าไม่อร่อย กูจะฆ่ามึง'
"กูอยากกินพร้อมกับนิคว่ะ อยากกินไปด้วย มองหน้าคนรักไปด้วย กูอิจฉามึงว่ะมาร์ช เมื่อไหร่นิคจะเลิกถือศีลวะ"ผมสาธยายความในใจที่มันแน่นอกอยู่ออกมา
"เป็นเอามากนะมึงน่ะ กูไม่เคยเห็นมึงต้องมานั่งนอยเพราะใครเลยนะ"จริงอย่างที่มึงพูดแหละ นิคคือคนแรกที่ทำให้กูเป็นได้ขนาดนี้
"กูไม่เคย รักใครจริงจังขนาดนี้มาก่อนนี่หว่า"ผมวางช้อนที่ถืออยู่แล้วเอามาเท้าคางกะโต๊ะแทน
"มึงรักนิคจริง มึงก็อดทนเพื่อคนรักไม่ได้เหรอ"
"แล้วถ้านิครักกู ทำไมถึงปล่อยกูให้มากินข้าวกะมึงล่ะ"ไอมาร์ชถึงกับไม่มีอะไรจะพูดออกมาเมื่อผมเถียงกลับไป
"แต่นิครักพี่ต่อจริงๆนะครับ ผมดูตาก็รู้"ตั้วปลอบใจผมด้วยคำพูดที่ให้กำลังใจผมได้ไม่น้อยเลย
"กูจะออกไปเที่ยวข้างนอกว่ะ เที่ยงๆจะกลับมาหาไรแดก"ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไปข้างนอกทันทีโดยไม่รอให้เพื่อนได้กล่าวคำร่ำลา
.
.
.
ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ผมบอกคนอื่นว่าจะกลับไปตอนเที่ยง ป่านนี้คนอื่นที่คอนโดคงเป็นห่วงผมนิดล่ะ แต่พวกมันก็รู้ว่าผมไม่เป็นอะไรหรอก
ผมนั่งดื่มเหล้าดื่มเบียร์แก้เครียดอยู่ที่บาร์แห่งหนึ่ง ตอนนี้ก็ 3 ทุ่มแล้วผมยังไปกลับไปคอนโดเลย หวังว่าคนอื่นๆจะไม่ต้องเป็นห่วงผมนะ ตั้งแต่ผมย้ายไปอยู่ห้องนิคผมก็ไม่ได้ออกมาเที่ยวราตรีแบบนี้เลย ได้ย้อนความหลังแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน
“หวัดดี”ชายคนหนึ่งเดินเข้ามานั่งข้างผมแล้วกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง
“หวัดดี”ผมยกเหล้าขึ้นและกระดกมันลงไปพรวดเดียว
ผู้ชายคนนั้นหน้าคมเข้มมาก แต่ตากลับหวานได้อย่างน่าแปลก
หึๆ ผมดูก็รู้ว่าคนเนี้ยอะ เคะ
“ซัดเหล้าหนักขนาดเนี้ย อกหักเหรอนายอะ”หมอนั่นถามผม สายตายังไม่ละออกไปจากผมที่นั่งกินเหล้าอยู่
“ก็ไม่เชิง แค่ประมาณว่า ไม่ได้เจอแฟนมาสองสามวัน”ผมโกหกออกไปจนได้
“นายรู้ใช่มั้ยว่าเราต้องการอะไรจากนาย”
...
ทำไมจะไม่รู้ล่ะ
ผมขยำคอเสื้อของชายหน้าเข้มคนนั้นและดึงเข้ามาหาผมเพื่อให้ใบหน้าเราใกล้กันพอที่จะสามารถ ‘จูบ’ กันได้
ผมเอียงใบหน้าให้อยู่ในองศาที่ผมจะสามารถใช้ลิ้นเข้าไปได้ กลีบปากนุ่มของคนตรงหน้าช่างนุ่ม นุ่มอย่างเหลือเชื่อ ลิ้นร้อนของผมที่เคลื่อนตัวเข้าไปในโพรงปากนั้นกำลังตามหาความหวานซ่านจากทุกซอกทุกมุมในปากเขา ลิ้นนุ่มของเขาดุนดันลิ้นผมเหมือนเป็นการยั่วยวนชักนำผมให้หลงไปมากกว่านี้
แต่ถึงแม้จะนุ่มเพียงใด จะหวานหอมเพียงใด ก็ไม่เท่ากับคนที่ผมรักจริงๆ ผมใช้ฝ่ามือสองข้างซึ่งตอนนี้กำลังป้วนเปี้ยนอยู่ที่แผ่นหลังเขาชายปริศนามาดันหน้าอกของเขาเพราะผมต้องการหยุด หยุดความลุ่มหลงชายตรงหน้า หยุดหักหลังนิค...
...และหยุดหัวใจ ไว้ที่นิคคนเดียว
“ขอโทษนะ แต่เราทำไม่ได้”ผมผละจูบออกกล่าวออกไปก่อนจะลุกขึ้นออกไปจากบาร์ ทิ้งความหอมหวานของชายคนนั้นไว้ข้างหลัง
ผมอยู่หน้าคนโดผม หอบหิ้วหัวใจที่มีเพียงนิคคนเดียวแล้ววิ่งเข้าไปในคนโด เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เพื่อไปหาคนรักของผม
แฮ่กๆๆ
รู้ตัวอีกทีผมก็มายืนอยู่หน้าห้องตัวเอง มือเท้าเข่าหอบแฮ่กๆอย่างกับวิ่งสี่คุณพันมาก็ไม่ปาน
เมื่อเหนื่อยหอบจนพอใจ ผมก็รีบเปิดประตูเข้าไปในห้อง ไผทุกดวงยังสว่างอยู่เหมือนรอการกลับมาของผม
ผมเดินเข้าไปในครัว ภาพที่ผมเห็นคือนิคนั่งฟุบหลับอยู่ที่เคาท์เตอร์ของห้องครัว ข้างกายมีกล่องพลาสติดสีข้าวติด Post It ไว้ว่า
ของต่อ ^^
ผมหันหน้าออกมาจากนิคและเปิดกล่องนั้นออกมา สิ่งที่อยู่ในกล่องนั้นคือข้าวกระเพราะไก่ที่ผมขอไว้และไม่คิดว่าจะได้มันมาในวันนี้ หยดน้ำใสๆเริ่มคลออยู่ที่ตาเมื่อเห็นข้าวกระเพราะนั้น
“กลับมาแล้วเหรอ หายไปไหนมา เค้าโทรหาก็ไม่ติด”นิคตื่นขึ้นแล้วถามผม ผมวางกล่องข้าวลงแล้วหันไปวาดแขนกอดนิคทันทีที่เห็นนิคลุกขึ้นและปล่อยโฮออกมาพลางหอนแก้มร่างบางไปอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
“ขอโทษนะ...ขอโทษ”มือบางของคนที่ผมรักลูบหลังผม เหมือนกับต้องการบอกว่า ‘ไม่เป็นไรนะตัวเอง ไม่เป็นไร...’ผมกระชับอ้อมกอดของตัวเองให้แน่นขึ้นเพื่อตักตวงความอบอุ่นจากร่างเล็กตรงหน้า
“พี่ต่อ...เป็นไร ร้องไห้ทำไม”ผมยังกอดนิคอยู่ เนิ่นนาน เนิบนาบ และอ่อนโยน น้ำตาที่ไหลไม่ขาดสายของผมไม่มีท่าทีว่ามันจะหยุดลงไปเลย ผมรู้สึกผิดจริงๆ
นิคปล่อยมือสองข้างออกมากการลูบหลังของผม แล้วมาดันไหล่ของผมออกไปไม่ห่างจากตัวนิคมาก
“ไม่เป็นไรแล้วนะ นิคอยู่ตรงนี้แล้ว”นิคใช้มือขวาลูบแก้มผมก่อนจะใช้นิ้วโป้งปาดน้ำตาออกอย่างเอ็นดูก่อนจะพูดออกมา มันสามารถทำให้ผมยิ้มออกมาได้อย่างมีความสุข
“พี่รักนิคนะ”
“นิคก็รักพี่เหมือนกัน”
♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥ ♥
วันที่ 6 ของการถือศีลของนิค(ถัดจากนี้คือเรื่องวุ่นๆของจริง)
ตั้งแต่คืนนั้น ผมก็ปล่อยให้นิคถือศีลกินเจตามปกติโดยที่ผมไม่ได้เข้าไปสร้างปัญหาเลย ผมก็ยังอดทน และอดทนไปเรื่อยๆ เพราะอันที่จริงการไปอาบูดาบีอาจจะไม่ดีเท่าไหร่
แต่... ตั้งแต่คืนนั้น ผมว่ารูปลักษณ์ภายนอกนิคเปลี่ยนไป น่ารักขึ้น ผิวก็ดูเปล่งปลั่งขึ้น ใบหน้าก็ดูสดใสขึ้น หุ่นดีเซ็กซี่ขึ้น โอ๊ยสารพัดจะขึ้นเลยล่ะครับ (ของขึ้นล่ะซี้!)
ผมยังคงมากินข้าวที่ห้องไอมาร์ชเหมือนเดิมจนกว่าวันพรุ่งนี้จะหมดไป ผมจะได้อยู่กับนิคและไม่ต้องมานั่งอดทนแบบนี้
“เฮ้ยไอมาร์ช มึงว่า นิคของกูเปลี่ยนไปปะวะ”ผมเอ่ยถามในเวลาของมื้อเช้า
“กูว่าก็เหมือนเดิมนะ” ไอมาร์ชตอบออกมา
“ใช่ครับ ผมว่านิคก็ไม่ได้ผอมลงไม่ได้อ้วนขึ้นเหมือนเดิมนะ”ตั้วเสริมให้กับคำตอบของมาร์ช
“แต่กูว่าเปลี่ยนนะ น่ารักขึ้นมากอะ”
“ไอต่อ ความต้องการของมึงคงทำให้มึงหน้ามืดล่ะ มึงรอให้ถึงวันพรุ่งนี้ตอนเที่ยงคืนดิ”
หืม...ผมไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของมันเท่าไหร่
.
.
.
ผมกำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ในห้องของ’เรา’ส่วนนิคกำลังทำน้ำผลไม้อยู่ในครัว
หืม...นิคเดินออกมาจากครัว ในมือถือน้ำผลไม้ออกมาด้วย 1 แก้ว เป้าหมายของนิคคือไม้ปัดขนไก่ที่เขียนอยู่ตรงตะขอข้างกำแพง
แคว่ก...
เพร้ง!!!
ผมละสายตาจากโทรทัศน์และหันไปตามเสียงนั้นทันที ภาพตรงหน้าคือนิที่เสื้อกระดุมบนสองหรือสามเม็ดขาดออกจนเห็นแผงอกขาวเนียน แล้วยังมีแก้วที่แตกอยู่บนพื้นพร้อมกับน้ำผลไม้หกเรี่ยราดอยู่ที่พื้น
ขอผมใช้เวลาประติดประต่อเรื่องราวก่อน
สิ่งที่เกิดขึ้นน่าจะประมาณว่า นิคกำลังตั้งหน้าตั้งตาทำน้ำผมไม้อยู่ในครัว แล้วก็สังเกตได้ว่าในครัวน่ะ ฝุ่นเยอะโฮก แต่เพราะน้ำผมไม้ที่ทำเสร็จแล้วและรินใส่แก้วแล้ว ทำให้นิคเดินออกมาหยิบไม้ปัดฝุ่นโดยที่อีกมือก็ถือแก้วน้ำผลไม้ จากนั้นพอนิคมาหยิบของที่ต้องการ เสื้อคงบังเอิญไอเกี่ยวกะตะขอ พอหันหน้าหนีทำให้เสื่อขาดดัง แคว่ก เสียงที่เกิดขึ้นคงทำให้นิคตกใจจนแก้วตกแตก
“แย่แล้ว...”นิคก้มโก่งหลังมือเท้าเข่าแล้วมองดูสิ่งที่ตัวเองทำไว้
แต่สิ่งที่ผมมองคือ หน้าอกของนิคที่ผมไม่ได้สัมผัสมันมาหลายวันแล้ว เพราะเสื้อที่ขาดเล็กน้อยบวกกับการที่นิคก้มลง ทำให้ผมเห็นมันเต็มๆตา แผงอกขาวดูน่ารัก มองลึกๆลงไปอีกก็เห็นหน้าท้องที่มีกล้ามเป็นลอนๆอยู่ไม่น้อย แต่ก็ไม่มากจนไม่เหลือความเป็นเคะ
ตาผมแทบไม่กระพริบในเมื่อภาพตรงหน้ากำลังล่อลวงให้ผมเข้าไปให้ ผมลุกขึ้นเดินไปหาสิ่งปราถนาแล้วดึงไหล่นิคขึ้นมา
“หืม...”ร่างบางอุทานอย่างสงสัยเมื่อผมดึงไหล่นิคมาเรื่อยๆ จนหยุดที่โซฟาแล้วก็...
Nick’s part
พลั่ก!!!!
พี่ต่อผลักผมลงกระแทกกับโซฟาเข้าอย่างจัง แล้วก็กระโดดมาคร่อมผมโดยไม่ปล่อยให้ผมพูดอะไรเลย
“จะทำอะไรน่ะ”ผมตะโกนถามคนตรงหน้า
“ขนาดนี้ยังไม่รู้อีกเหรอ”นั่นคือคำตอบที่ไขแจ้งกระจ่างทุกคำถามในใจผมตอนนี้
แคว่ก...
เสื้อบางๆที่ตอนนี้เหลือกระดุมไม่กี่เม็ดถูกฉีกออกโดยร่างสูงตรงหน้าจนขาดไม่เหลือชิ้นดี แล้วเขาก็เหวี่ยงเสื้อผมออกไปไหนก็ไม่รู้
“หึๆๆ”ไอพี่ต่อตัวแสบหัวเราะในคอเสียงดังจนผมได้ยินมันอย่างชัดเจน
“อ๊ะ..อืม”ลิ้นแกร่งของร่างใหญ่สัมผัสเข้ากับต้นคอผมจนเผลอครางออกมาเสียงดัง มือสองข้างของผมถูกรวบไว้เหนือหัวด้วยมือข้างเดียวของพี่ต่อ
“อ่า..”มืออีกข้างที่เหลือของเขากำลังหยอกเย้าเคล้าคลึงกับยอดอกสีหวานของผม ความเสียงซ่านบริเวณนั้นทำให้ผมต้องแอ่นอกรับจนตัวลอย
“ขอโทษนะ”ผมรวบรวมสติแล้วใช้หัวเข่าที่ยังเป็นอิสระของผมกระแทกท้องคนรักเต็มๆ พี่ต่อจุกจนตัวงอ มือสองข้างกุมหน้าท้องแล้วนอนลงบนโซฟา ผมที่เป็นอิสระรีบวิ่งหนีออกจากห้องนั่นทันที เมื่อมาถึงบันได ผมเหลียวหลังมองดูปรากฏ พี่ต่อยังหอบสังขารวิ่งตามผมมา ผมวิ่งขึ้นไปชั้นบนทันทีและมาหยุดอยู่ตรงที่ๆผมจะปลอดภัย
ตุ้บๆๆๆ
“พี่มาร์ช พี่มาร์ชเปิดประตูหน่อยครับ”ผมเคาะห้องและตะโกนเสียงดังให้คนข้างในได้ยิน
“อ่าว นิคมีไร”ตั้วเปิดประตูออกมา ผมไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปในห้องที่พี่มาร์ชกำลังยืนอยู่ ผมหลับหลังเขาทันทีที่คว้าตัวมาร์ชได้
“มีไรเหรอนิค”พี่มาร์ชถามอย่างเป็นห่วง
“พี่ต่อ..พี่ต่อเค้า...เสียสติ”ยังไม่ทันจะพูดจบ ประตูหน้าห้องก็เปิดขึ้นอย่างแรงมาก
"นิค...นิคของพี่"เสียงสั่นทุ้มนั้นเรียกผมแล้วพุ่งเข้ามาที่พี่มาร์ชอย่างจัง
พี่มาร์ชใช้มือยันตัวพี่ต่อไว้ไม่ให้เข้ามายุ่งกับผม
"ตั้ว จับไอต่อที"ทันทีที่พี่มาร์ชพูดเสร็จ ตั้วก็เข้ามาล็อคตัวพี่ต่อเอาไว้
"ปล่อย...ปล่อยกู"ร่างสูงตะโกนและพยายามเหวี่ยงตัวเองไปมาเพื่อให้หลุดจากแขนแกร่งของตั้ว
"กูว่ามึงคงจะคลั่งมากเลยสินะ"พี่มาร์ชเดินไปที่โซฟา เขายกเบาะโซฟาขึ้นแล้วล้วงลงไปใต้โซฟากลวงตัวนั้น ตั้วทำหน้าตกใจมากและหันไปมองพี่มาร์ชเพราะสิ่งที่เขาหยิบออกมาคือกุญแจมือ มีของพวกนี้อยู่ด้วยเหรอวะ
"ตั้วตามพี่มา"เจ้าของกุญแจมือเรียกตั้วพร้อมกับเดินเข้าไปในห้องนอน ผมเงื้อมมองดูก็เห็นว่า พี่มาร์ชใช้กุญแจมือกุมมือพี่น่อไว้ข้างหนึ่ง แล้วก็คล้องล็อคกับรูที่ดูเหมือนว่าพี่มาร์ชเจาะไว้ที่หัวเตียง
"ตอนนี้พี่คงต้องขังมันไว้สักพักล่ะนะนิค เดี๋ยวพอนิควางศีลเมื่อไหร่พี่ค่อยปล่อยมันไปละกัน"พี่มาร์ชทำเพื่อความปลอดภัยของผม ผมขอบคุณมาร์ชกับตั้วก่อนจะลากลับห้องตัวเอง ทิ้งไว้เพยีงคนรักให้อยู่ในห้องนั้นไว้ก่อน
วันพรุ่งนี้ตอนเที่ยงคืน เค้าจะมาพาตัวเองกลับห้องนะ
March's part
"ตั้ว วันนี้ตั้วไปนอนห้องนิคละกัน เดี๋ยวพี่อยู่เฝ้าไอบ้านี่เอง"ผมบอกตั้วไปเพราะไม่อยากให้ตั้วตกอยู่ในอันตราย ผมไม่ได้อยากกลับไปคบหาไอต่อหรอก
ผมเดินเข้าไปในห้อง เพราะนี่ควรจะเป็นเวลานอนของผมแลัวล่ะ ไอบ้านั่นนั่งอยู่ที่พื้นข้างๆเตียง มือของมันข้างหนึ่งอยู่ในพันธนาการ ผมได้แต่จ้องมันด้วยสายตาที่สงสารมันสุดๆ แต่มัน สายตาที่มันจ้องผมกลับมาดันเป็นสิ่งที่ยากเกินจะคาดเดา
0-0
0-0
(o_o )( o_o)
ผมหันหลังไปมองทางซ้ายและขวา แต่ก็ไม่มีใคร แสดงว่ามันจ้องผม ความอายจากการถูกมองทำให้ผมฝืนๆยิ้มไปให้มัน
"อย่ามาทำหน้าน่าปล้ำ เดี๋ยวกูก็จับกดซะตรงนี้หรอก"มันหันไปทางอื่นก่อนจะตบประโยคที่ทำให้ผมหุบยิ้มแทบไม่ทัน เดี๋ยะเหอะมึง
ทำไมรู้สึกว่า จะมีเรื่องแย่ๆเกิดขึ้นนะ เช่นกะลังจะมีคนศีลแตก เป็นต้น
.
.
.
ขณะที่ผมหลับอยู่
เคร้ง...
เสียงไรวะ? ช่างเหอะ หนูวิ่งชนกระทะล่ะมั้ง
.
.
.
วันต่อมา
ผมตื่นขึ้นมา ลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปรอบตัวทันที สิ่งที่ผมควรจะเห็นคือไอต่อกะลังหลับอยู่
แต่สิ่งที่ผมได้เห็นจริงๆคือ ห้องของผมที่มีผมคนเดียว ไม่มีไอต่อ มันเหลือไว้กุญแจมือที่เหมือนจะถูกกระชากจนขาดไม่เหลือชิ้นดี
เฮ้อ...
ผมถอนหายใจอย่างท้อแท้ ขนาดกุญแจมือยังขังมันไม่ได้เลย ก็อย่าหวังว่าจะมีอะไรหยุดมันได้
ผมลุกขึ้นอย่างใจเย็น เพราะผมรู้ว่าเมื่อคืนนิคคงจะโดนไอต่อเข้าแล้วล่ะ ผมเดินออกจากห้องลงไปหน้องของนิค จากการเดินเปลี่ยนเป็นวิ่งเมื่อผมเห็นว่าตั้วนอนกองอยู่หน้าห้องนิค
“ตั้วๆ เป็นไรมั้ย”ผมช้อนตัวตั้วที่ยังไม่ตื่นขึ้นมาแล้วเข้าไปในห้องนิค จัดแจงวางตั้วบนโซฟานุ่มในห้อง พอละสายตาจากตั้วก็เห็นเสื้อผ้า เสื้อผ้าหลายชิ้นวางกองอยู่ที่พื้นเป็นทางเข้าไปในห้องนอน ที่ประตูยังแง้มอยู่เล็กๆ ผมถือวิสาสะเข้าไปในห้องนอนโดยไม่กลัวเสียมารยาท
ภาพเบื้องหน้าทำเอาผมต้องอมยิ้มเลย เพราะมันคือภาพที่ไอต่อกะนิคนอนกอดกันอยู่ในสภาพเปลือยเปล่า แต่ดีนะที่ยังมีผ้าห่มคลุมท่อนล่างของสองคนนั้นไว้ ใบหน้าของเด็กซุกลงไปที่อกของร่างสูงเผยให้เห็นรอยยิ้มน้อยๆของทั้งคู่ คงจะฝันดีอยู่ล่ะสิ
ผมรู้สึกเหนื่อยใจแทนนิคกับนิสัยไร้ความอดทนของไอต่อ แต่ผมก็ปลื้มแทนนิคเหมือนกัน ที่ไอต่อรักนิคได้ขนาดนี้ เมื่อก่อนมันจะเพลย์บอยจะตาย
...ไม่อยากจะเชื่อว่า ’นิค’ จะเป็นชื่อของคนที่มีอิทธิพลต่อให้ใจดวงน้อยๆขอไอต่อได้...
***********************************
Tou’s part
“พี่มาร์ช”ผมกระทืบเท้าลงอย่างหงุดหงิด
“พี่ไปเอากุญแจมือมาจากไหน”ผมถาม
“เอ่อ...พี่ก็ ไปหาซื้อมาสิ”ตอบอ้ำๆอึ้งๆ
“แล้วจะซื้อมาทำไม”ผมยังไม่หมดข้อสงสัยหรอกนะ
“ก็...เผื่อจะได้ใช้ไง”
ตุบ
ผมปาหมอนใส่หน้าร่างสูงทันที แล้วเดินออกไปนอกห้องนอน
ไอคนลามก โรคจิต มีของแบบนี้ติดบ้านได้ไง
ผมเปิดเบาะโซฟาขึ้นและแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ใต้โซฟากลวงตัวนั้นมีทั้งกุญแจมือ โซ่ แส่ ปลอกคอ และสารพัดของเถื่อนๆอีกมากมาย นี่ผมมีของพวกนี้อยู่ในห้องได้ไงเนี่ย!!!!!!!!!!!!
“อะแฮ่ม..”ผมหันไปตามเสียงกระแอมก็เห็นไอ้พี่มาร์ชยืนเท้าประตูอยู่
“ไร”ผมรับเสียงนั้นอย่างหงุดหงิด
“คืนนี้ อยากจะลองใช้ของพวกนั้นไหมล่ะ หึๆๆ”พี่มาร์ชถาม
...ผมไม่ได้ตอบอะไรเลยนะ...
...แค่พยักหน้าเฉยๆ...
เฮ้อ... สรุปคือก็เป็นหมดทั้งเรื่องน่ะแหละ นับวันฟิคไรท์ยิ่งเสื่อมลงเรื่อยๆ
(ผลั้วะ)
ก็มีไรจะบอกด้วย คิดว่า Trolling ของไรท์อำลังจะถึงจุดจบ เอ๊ย ไรท์หมายถึง ตอนจบ Trolling จะถึงตอนจบแล้ว ก็ไม่แน่อาจจะต่อสัก 10 ตอน แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น
ประเด็นคือว่า ถ้า Trolling จบ ไรท์จะไปทำไรล่ะ น่าคิดๆ ไรท์คิดว่า วันที่ Trolling จบ จะเป็นวันที่ Intro นิยายเรื่องใหม่ของไรท์ถูกโพสต์ลงเด็กดี ตอนนี้ก็กะลังนั่งคิดนอนคิดดูว่าจะเอาพล็อตแบบไหน ตัวละครแบบไหน พล็อตยังคิดไม่ออก ชื่อเรื่องยังคิดไม่ออกเลย
แต่ตัวละครไรท์ได้แล้วนะ ไรท์คิดว่าตัวละครจะเอาประมาณว่า
พระเอก = หนุ่มเจ้าของบริษัทไฟแรง เศรษฐีอันดับต้นๆของประเทศไทย เป็นเพลย์บอยตัวพ่อด้วยนะ ชายหญิง ถ้าถูกใจ เก็บหมด
นายเอก = หนุ่มแว่นสุดเนิร์ดที่หนีออกมาจากบ้านที่ ตจว. ตั้งแต่อายุ 12 ทำงานส่งตัวเองเรียนตลอดมา เป็นคนเงียบๆ ชอบเก็บกด เก็บตัว ทำนองนี่แหละ
ก็ไม่แน่ใจว่าตัวละครจะได้แบบนี้มั้ย แต่ไรท์อยากให้เป็นแบบนี้น่ะ
ใครมีอะไรจะแนะนำให้นิยายเรื่องใหม่ก็เมนท์บอกกันได้น้า
ขอบคุณที่ติดตามจ้า
ความคิดเห็น