ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พบรักที่ปลายดอย

    ลำดับตอนที่ #4 : 4 เปียกปอนกับความรัก และ อดีตชาติ

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.พ. 56


    ต่างคนต่างสาดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน หมูก็ร่วมวงด้วย 

    จนกระทั่งหมูรู้สึกพอใจแล้วก็ขึ้นจากน้ำมายังฝั่ง

    “หมูขึ้นแล้วหรือวะ”ปังปอนถาม

    “ไม่ไหวนะ เล่นต่อมีหวังไข้กินแน่”หมูบอก

    “พี่นุ่น ยังไง รีบขึ้นทำไม”ปังปอนหันไปถามนุ่นที่กำลังเดินขึ้นมา

    “หนาว”นุ่นตอบสั้นๆ

    น้องพีพียกกล้องขึ้นมาถ่ายรูป หมูกับนุ่นหันไปเห็นพอดีเลยตั้งท่าถ่ายรูปกัน

    ก่อนที่หมูจะไปนั่งคุยกับกับนัท

    “อยู่ที่ลำปางได้เกรดเท่าไรหรือนัท”หมูเปิดเกมก่อน

    “ได้2.9เอง”นัทบอก

    “เหมือนกันเลย ทำไมมันยากหรือ”หมูถาม

    “คือพวกคณิตมันมีสองแบบ คือธรรมดากับภาค ภาษาอังกฤษ มันสอบรวมกันก็เหมือนตัวหนึ่งไปกดคะแนนอีกตัว”นัทบอก

    “ อย่างนี้เอง”หมูเข้าใจ

    “แล้วหมูละ”นัทถามกลับ

    “เราสอบแยกกัน บางตัวเราก็ไม่ได้มันก็ไปกดทุกตัวเลย”หมูบอก

    “อืมๆ”นัทเข้าใจ

    หมูกับนัทคุยกันอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางสายตาของน้องพีพีกับน้องหนุนที่จ้องมอง

    “นักเรียนกลับบ้านไปกินข้าวกัน”อาจารย์กันเรียกนักเรียนขึ้นจากน้ำ

    พอขึ้นจากน้ำได้ทุกคนก็ต่างเดินกันไปที่ถนนเพื่อตรงกลับบ้าน ตามเดิมที่น้องหนุนจะจับชายผ้าขาวม้าของหมู

    “นี่พี่ มีหางยาวๆหน่อยสิ”น้องหนุนเอ่ยขึ้นมา

    “ทำไมละ”หมูถาม

    “หมู สัตว์อะไรมีหาง”ปังปอนที่เดินตีคู่มากับนุ่นเอ่ยถาม

    “ข้าไม่ใช่หมา ข้าเป็นชะมด”หมูตะโกนบอก ทุกคนต่างเงียบก่อนจะหัวเราะกันกลิ้ง

    “น่ารักจัง”น้องหนุนเอ่ยไปหัวเราะไป

    เมื่อเดินมาถึงครึ่งทางฝนก็เทลงมา หมูเอาเสื้อที่กั้นน้ำได้ให้น้องพีพีที่ถือกล้องใช้คลุมกล้องไว้

    ก่อนทุกคนจะหันไปเห็นเจ็ทกับนุ่นที่ยืนป้องฝนให้กันอย่างหวานแวว

    ก่อนที่ฝนจะหยุดตกไปดื้อๆ

    “ไอยะ...จะๆๆๆเจ็ทหวานจังเลยนะ”ตะวันเปิดประเด็นทันทีที่เห็น

    “บ้า.........”เจ็ทกับนุ่นต่างคนต่างก็อายกันละกัน

    แต่ปังปอนกลับมีสีหน้าที่ต่างออกจากคนอื่นที่ดูดีใจกับเรื่องนี้

    “ปังปอน เฮ้อเป็นไร”หมูหันไปถามปังปอน

    “ปังปอนหึงหรือ”ตะวันเล่นปังปอนทันที

    “ปังปอนใจหมา”เด็กศรีราชารุมด่าปังปอนอย่างไม่ไหวหน้าเจ้าถิ่น

    “เดี๋ยวก่อนเถอะเย็นนี้ เดี๋ยวก็รู้”ปังปอนเอ่ยวาจาท้าทาย

    “ขอให้มันจริงเถอะ”กู้บอก

    ก่อนที่สถานการณ์จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมทุกคนต่างมาเฮฮาอีกครั้ง

    ทางเดินที่เหมือนเมื่อเช้าแต่ถนนเปียกไปด้วยฝนที่ตกลงมาให้หายร้อนเท่านั้นเอง

    ไม่นานทุกคนก็มาถึงหมูบ้านด้วยความเหนื่อยที่ต้องเดินขึ้นมา ก่อนจะแยกย้ายกันไปตามบ้านเพื่อพักผ่อนและทำกับข้าว

    “นัทจะไปลำธารไม”หมูเอ่ยถามนัท

    “ดูก่อนละกัน”นัทบอก

    “ได้ๆถ้าไป เรากับพี่เจเจจะรออยู่ที่บ้านพี่เจเจนะ”หมูบอก

    “จ้า น้องหนุนปะ”นัทตกลงก่อนจะพาน้องหนุนขึ้นบ้าน

    “แล้วเจอกันนะ”น้องหนุนบอกหมูก่อนจะยิ้มให้เล็กน้อยแล้วขึ้นบ้านไป

    หมูกับเจเจแยกกันตรงทางแยกก่อนที่หมูจะไปเอาผ้าเช็ดตัวกับอุปกรณ์ที่ใช้อาบน้ำที่บ้านพักก่อนจะลงมารอที่บ้านพักของเจเจ

    “มาเร็วจัง รอนัทอยู่ไม”เจเจลงมาจากบ้านก็เห็นหมูมานั่งรออยู่หน้าบ้าน

    “รอสิพี่ เดี๋ยวก็มีพวกศรีราชามาด้วย”หมูบอก

    หลังจากที่รอมาได้เกือบสิบนาที สิ่งที่ปรากฏที่ทางคืนกลุ่มเด็กผู้ชายที่มาเดินมาอาบน้ำที่ลำธารตามที่นัดได้

    “รอนัทไมละ”เจเจหันมาถามหมูอีกที

    “คงอาบน้ำเรียบร้อยแล้วละ”หมูถอดใจก่อนจะตัดสินใจไม่รอนัทแล้ว

    ทั้งหมดเดินลงมาตามทางที่สองข้างทางยังเป็นป่าอยู่มีดอกบัวตองเต็มสองข้างทางไม่นานก็มาถึงสะพานไม้สักที่ตัดเป็นท่อนๆวางพาดไว้

    ก่อนจะเลี้ยวซ้ายเข้าไปในทุ่งดอกบัวตองไม่กี่เมตรก็มาถึงลำธารแล้ว

    “อ้าวพี่กี้ น้องปัน”หมูทักขึ้นเหมือนเห็นพี่กี้กับน้องปันอาบน้ำในลำธารก่อนแล้ว

    “เสร็จพอดี”พี่กี้บอกก่อนจะเดินขึ้นมา โดยมีน้องปันเดินตามขึ้นมาเหมือนลูกชายคนหนึ่ง

    ทุกคนที่พึ่งมาถึงต่างจัดการเปลี่ยนชุด ถอดเสื้อเรียบร้อยก่อนจะเดินลงน้ำไป

    “เย็น โว้ย”ทุกคนต่างตะโกนเป็นเสียงเดี๋ยวกัน ทันทีได้สัมผัสน้ำในลำธาร

    ต่างคนต่างรีบอาบน้ำเพราะผ้าเริ่มมืดลงแล้ว ไม่ถึงสิบนาที ต่างคนก็ต่างทนหนาวไม่ไหวต่างพากันขึ้นจากน้ำก่อนจะมาเช็ดตัวสวมเสื้อบางคนก็นุ่งผ้าเช็ดก่อนจะเดินกลับบ้าน

    “เจ็ท แม้ มีแฟนแล้วนะ”ตะวันเอ่ยบอก

    “ไงวะ แฟนฉันไม่ได้มาอยู่ด้วย”เจ็ทบอก

    “ทำไมต้องเป็นนุ่นด้วยละ”น้องพีพีถาม

    “นุ่น น่ารักดีนี่นา”เจ็ทบอก

    “จริงหรือ จะๆๆๆๆเจ็ท”กราฟแซว

    “ฮาๆๆๆๆ”ทุกคนหัวเราะด้วยความสนุกจนมาถึงทางแยก เจเจ หมูแยกตัวไปเปลี่ยนเสื้อที่ย้านส่วนที่เหลือก็เดินลงไปที่พักที่อยู่ด้านล่างต่อไป

    หมูขึ้นมาบนบ้านที่ดูเงียบก่อนจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะนำผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าที่เปียกลงมาตากที่ราวข้างบ้าน

    “อ้าว กู้”หมูเห็นกู้ที่เดินออกมาจากห้องน้ำ

    “อาบกันเสร็จเหรอ”กู้ถาม

    “ใช่ๆ”หมูตอบ

    “ เดี๋ยว ข้าลงอาบน้ำเดี๋ยวเจอกันที่ครัวละกัน”กู้บอก

    หมูพยักหน้าก่อนจะหันไปตากผ้าต่อส่วนกู้ก็เดินเข้าห้องน้ำไป

    แล้วหมูก็เดินไปที่ครัว ที่มีน้องปันกับพี่กี้นั่งรออยู่แล้ว

    เมื่อขึ้นมาห้องครัวได้เท่านั้นละ

    “หมู ไปเด็ดมะขามให้อาจารย์หน่อยสิ เดี๋ยวจะทำน้ำพริกมะขาม”อาจารย์กระศวรใช้ให้หมูไปเก็บมะขาม

    “ไม่เป็นไรอาจารย์เดี๋ยวผมไปเก็บเอง”พ่อเกษมเอ่ยบอกขณะทำลงลับมีดอยู่ด้านล่าง

    “ไม่เป็นไรให้เด็กไปเอา หมูเก็บมาเฉพาะผลอ่อนนะ พ่อเกษมผมอยากได้พริก”อาจารย์กระศวรปัด ขอให้พ่อเกษมไปหาพริก ก่อนจะบอกให้หมูไปเก็บมะขาม

    หมูเดินลงมาแล้วตรงไปต้นมะขามแต่มันอยู่สูง

    “เก็บได้ไมลูก”พ่อเกษมที่กำลังจะไปเก็บพริกเห็นหมูยืนมองต้นมะขามอย่างงงๆ

    “เก็บ บ่ได้นะป่อ”หมูบอก

    พ่อเกษมเอาไม้มาน้อมกิ่งที่มีมะขามเต็มไปหมดลงมาก่อจะเด็ดตามที่อาจารย์กระศวรต้องการ

    “ขอบคุณคับ”หมูรับมะขามมาก่อนจะเอ่ยขอบคุณพ่อเกษมก่อนที่เขาจะไปเก็บพริกต่อ

    หมูกลับมาที่ครัว

    “เอาไปล้างเลยนะ”อาจารย์กระศวรบอกให้หมูล้างมะขามก่อนจะมาวางที่เขียง

    ก่อนจะไปนั่งที่ระเบียง ข้างๆมีกระมังอยู่ ในนั้นมีสัตว์น้ำที่อาจารย์กระศวรกับพวกชาวบ้านเก็บมาจากลำธาร มีทั้งปลาท้องถิ่นที่หน้าตาประหลาด ปู ลูกอ๊อด กบ ตะขาบน้ำ เขียด อยู่ในกระมังนั้นเมไปหมด อีกอย่างยังสดๆอยู่เลย หายใจเกือบทุกตัวโดยเฉพาะ ตะขาบน้ำที่วิ่งเอาชีวิตรอดรอบกระมัง

    ก่อนที่หมูจะเข้ามาในครัวเพื่อพิงไฟให้หนาวเย็น ด้านในมีที่นอนวางอยู่หมูทิ้งตัวลงนอน เท่านั้นแหละเสียงกระดูกที่ใช้มาทั้งวันมันร้องลั่นไปทั้งร่าย หมูถึงกับฟินไปตามๆกัน

    แต่พอนอนได้ไม่นานก็ต้องออกมาเพราะควันไฟที่ปกคลุมไปทั่วห้องครัว

    หมูลุกออกมาก่อนจะเดินลงจากครัวก่อนจะเดินไปยังบ้านของแต่ละคน

    “หมูกินอะไรหรือยัง”พี่แพนตี้เอ่ยทักหมู

    “ยังเลยพี่ กินข้าวกับอะไร”หมูบอกก่อนจะถามกลับ

    “กินข้าวกับปลากระป๋อง”พี่แพนตี้บอก ก่อนที่หมูจะเดินต่อไปเรื่อยๆจนมาถึงบ้านหลังสุดท้ายทุกบ้านต่างๆกินข้าวกันเรียบร้อยแล้วเหลือเพียงบ้านของหมูเท่านั้น หมุเดินกลับมาที่บ้าน ในที่สุดกับข้าวก็เสร็จ

    มื้อนี้มีน้ำพริกมะขาม ต้มจืดวุ้นเส้นอีกแล้ว และต้มยำรวมมิตรสัตว์ที่เอ่ยถึงในกระมังเมื่อกี่

    พอทุกคนพร้อมจะลงมือรับประทานอาหารไฟเกิดดับลง เหลือแต่แสงสว่างของตะวันที่ลับฟ้าไปแล้ว

    แม่บัวคำเอาเทียนมาจุดให้เสียงสว่างได้ดีเลย

    ต่างคนต่างกินข้าว หมูสนใจจะกินต้มยำรวมมิตรสัตว์ ไม่รู้ว่าแต่ละคำที่ทุกคนกินเข้าไปไม่รู้ว่ามีตัวอะไรบ้าง

    ด้วยแสงสว่างที่มีน้อย

    “อร่อยดีไม”อาจารย์กระศวรถามถึงฝีมือของตน

    “อร่อยครับ”พ่อเกษมบอก

    “น้ำพริกนี้ สูตรใต้เลยนะ”อาจารย์กระศวรแนะนำ

    “อร่อย น้ำพริก อร่อย”พ่อเกษมชมน้ำพริกมะขามที่อาจารย์กระศวรทำ

    หมูกินข่าวเสร็จก็เอาจานไปล้างก่อนจะนำมาวางกินน้ำแล้วขึ้นไปยังโบสถ์

    เมื่อหมูขึ้นมาถึงโบสถ์ ทุกคนต่างมารวมกันนานแล้ว

    “หมูคนอื่นๆละ”นุ่นถาม

    “ยังกินข้าวอยู่”หมูบอก

    ทุกคนต่างอยู่ในความมืดใกล้ออกไปที่ดอยอีกลูกมีกลุ่มเมฆฝนก้อนใหญ่ ฟ่แลบฟ้าร้องเกิดขึ้นแถบจะทุกนาที มันส่องแสงสว่างจนมาถึงที่หมู่บ้านนี้ สว่างพอที่จะเห็นว่าใครนั่งอยู่ตรงไหนได้เลยแต่ไม่มีทีท่าว่าจะลอยมาทางหมู่บ้านเราเลย

    ไม่นานทุกคนมามากร่วมกันจนครบ

    “นักเรียนต่อไปนี้เป็นกิจกรรมต่อไปนี้เป็นกิจกรรมที่เราจะส่งความสุขให้คนในหมู่บ้านนี้ โดยการไปร้องเพลงตามบ้านของชาวบ้านในเทศกาลคริสตมาสและขึ้นปีใหม่”อาจารย์เฟิร์นชี้แจงกิจกรรมในคืนนี้

    หมูไม่อยากฟังอะไรเลยค่อยๆย้ายตัวเข้าไปในโบสถ์ที่มีเทียนจุออยู่

    “พี่โอ๊ต พี่เศษ ทำไรอยู่”หมูถามขึ้นมามาที่พระแท่นในโบสถ์ที่มีพี่เศษกับพี่โอ๊ตทำอะไรบ้างอย่าง

    “กำลังเก้าร้อยเก้าสิบเก้า”พี่โอ๊ตบอก

    หมูถึงกับงงไป3-4วินาที

    “พัน”หมูเอ่ยขึ้นมา

    “โอ๊ต เล่นอะไรวะโอ๊ต”พี่เศษเอ่ยด้วยความหมั่นไส้

    “เล่นยังไม่จบเลย”พี่โอ๊ตบอก

    ก่อนพี่เศษจะหยิบรูปหยิบรูปปั้นพระกุมารเยซูใส่ในตะกร้าที่ตกแต่งก่อนจะนำออกมาให้อาจารย์แมวถือ

    “จากนี้เราจะเดินวนรอบหมู่บ้านไปให้ครบทุกบ้านแล้วเราก็ทำแบบนี้ทุกบ้าน ครูคำสอนพร้อมยังครับ”อาจารย์เฟิร์นยังขี้แจงอยู่ก่อนจะหันไปถามครูคำสอนที่ยืนข้าง

    “พร้อมแล้วครับไปทางนี้เลย”ครูคำสอนบอก

    “ทุกคนพร้อมนะจับกลุ่มกันไว้ละ”อาจารย์เฟิร์นบอก

    ทุกคนต่างจับกลุ่มตามที่เคยเดินกันเหมือนตอนกลางวันแต่มีเจ็ทกับน้องพีพีที่เดินแตกกลุ่มออกมาร่วมกับหมู

    “เจ็ท ทำไมมาอยู่ละ หรือว่า...”หมูถาม

    “เอ๊ย จะๆๆๆเจ็ท”ปังปองเอ่ยแทรกขึ้นมา

    “ทำไมแกชอบนุ่นหรือไง”เจ็ทถามปังปอนกลับ

    ปังปอนเงียบไปก่อนที่หมูกับน้องพีพีจะหันมาองหน้ากัน

    “แล้วคนที่อยู่ที่โรงเรียนละ”น้องพีพีเปิดก่อน

    “แล้วเพื่อนข้าละ”หมูเล่นต่อทันที

    “หุบปากไปเลย”ปังปอนอารมณ์เสียนิดหน่อย

    ไม่นานก็มาถึงบ้านแรก ทุกคนต่างมารอบที่หน้าบ้านก่อนจะให้อาจารย์แมวถือรูปปัน้พระกุมารและนักรัยนที่อยู่บ้านนี้ขึ้นไปหาพ่อแม่ที่รออยู่บนบ้าน

    ส่วนด้านล่างก็ร้องเพลงอวยพรให้ให้เจ้าของบ้าน

    เราเดินไล่แต่ละบ้านและก็ทำแบบนี้ทุกบ้าน

    หมูหันไปไปมองน้องหนุนที่ทำหน้าไม่สู้ดีเดินข้างๆ

    “เป็นไรมากหรือป่าวหนุน”หมูเอ่ยถาม

    “เจ็บขา ก็มานี่ก็ขาหักมาก่อน”น้องหนุนบอก

    “ไหวไม ให้พี่ช่วยไม”หมูเสนอความช่วยเหลือให้

    “ไม่เป็นไรไหวอยู่”น้องหนุนปฏิเสธแต่ดูว่านเองเขาก็มีอาการเขินเล็ก

    หมูค่อยดูแลน้องหนุนตลอดเวลาที่ทำกิจกรรม

    จนกระทั่งเสร็จกิจกรรม

    อาจารย์ต่างแยกย้ายไปนอนแต่ก็ได้ทิ้ง งานไว้ให้ทุกคนได้คิด คือคืนวันพรุ่งนี้พวกเราจะต้องมีการแสดงให้ชาวบ้านวันพรุ่งนี้

    “คือนี้ขอให้มาประชุมกันหน่อยนะ ใครไม่ไหวก็พักก่อน”พี่เบสบอกทุกคนก่อนจะแยกย้ายกันไป

    หมูกลับมาบ้านพร้อมพี่กี้กับน้องปัน

    “พี่กับน้องปันไม่ไปนะมีอะไรก็มาบอกละกัน”พี่กี้บอกก่อนจะขึ้นบ้านตอนนี้2ทุ่มกว่าๆหมูเดินลงไปหน้าหมู่บ้านก็เห็นกองไฟที่ก่อไว้

    “เรามาคิดกันว่าจะเอาใครเป็นพระเอกกับนางเอกดี”เจ็ทเปิดประเด็นขึ้นมา

    “คู่พี่แพนตี้”น้องมายเสนอ

    ก็มีหลายคนเห็นด้วยอยู่

    “ไม่เอาพี่ไม่อยากเล่น”พี่แพนตี้ปฏิเสธ

    “เอาไงดีละ”น้องพีพีถาม

    “จริงสิ ยังมีเจ็ทกับพี่นุ่นอยู่”ปังปอนเสนอขึ้นมา

    ทุกคนต่างก้เห็นด้วยทันที

    “จะดีหรือ”เจ็ทบอก

    “เอาเลย จะๆๆๆๆเจ็ท”ตะวันสนับสนุน

    ว่าเอาหมูกับนัทดีกว่า”ตะวันเสนออีกคู่มาทำเอาหมูที่กำลังอ่านบทที่พี่เบสกับพี่เศษคิด

    “ไม่เจ็ท ข้าจะเป็นคนพากย์”หมูปฏิเสธก่อนจะบอกหน้าที่ของตน

    “เอาไงละ”พี่เบส

    “เอาเจ็ทกับนุ่น”พี่แพนตี้เสนอ

    “เอาเลยนะ”พี่เบสถามความสมัครใจ

    “”ก็ได้พี่”เจ็ทตกลงที่จะแสดงเป็นตัวเอง

    “พี่ผมกับไปนอนแล้วนะมีอะไรก็บอกพรุ่งนี้เช้านะ”หมูบอกก่อนจะถอดตัวออกมาจากการรอบกองไปกลับมายังบ้าน พี่กี้กับน้องปันกำลังล้างหน้าเสร็จพอดีกำลังจะขึ้นบ้าน

    “หมู มียาไม พ่อปวดท้องมากเลย”นัทเดินมาหาที่บ้านก่อนจะเอ่ยบอก

    “พี่กี้มายาใช่ไม”หมูหันถามพี่กี้ พี่ก็จึงเดินไปกระเป๋าก่อนจะหยิบยาออกมา

    ก่อนที่หมูจะรับมาแล้วเดินไปที่บ้านของนัท

    “ป่อเป็นใดพ่อง”หมูถามพ่อที่นั่งปวดท้องอยู่ระเบียง

    “ปวดท้อง เจ็บขนาด”พ่อบอก

    “ป่อกินนี้เน้อ อึกเดียวพอ”หมูหยิบธาตุน้ำขาวให้พ่อ

    “ขอบใจ๋หลายเด้อ”พ่อรับยาไปกินจะเปิดกินทันทีแล้วหันถามขอบใจหมู

    “บ่เป็นยังป่อ”หมูบอกก่อนที่จะเดินกลับไปบ้านพัก เพื่อล้างหน้าแปรงฟันประมาณ15นาที

    “พ่อเป็นไรบ้าง”พี่กี้ตื่นขึ้นมาถาม

    “ผมว่าจะไปดูพอดีเลย”หมูบอก

    “ยังพี่ไปด้วย”พี่กี้จะไปดูอาการด้วย

    “น้องไปด้วย”น้องปันก็จะไปด้วย

    หมูพยักหน้าก่อนจะเดินลงมาก่อนใครแล้วตรงไปยังบ้านนัททีอยู่ไม่ห่างมากนัก

    หมูมาถึงก่อนใครก่อนจะเคาะประตูบ้าน ทันใดนั้นไฟฟ้าที่ดับไปก็สว่างขึ้น

    “อ้าวมาทำไมละ”พี่น้ำฝนเปิดประตูมาก่อนจะเห็นหมูยืนอยู่หน้าบ้าน

    “มาดูอาการพ่อนะ”หมูบอก

    “เข้ามาสิกำลังดูแรงเงาอยู่เลย”พี่น้ำฝนเชิญฉันเข้าบ้านเพื่อดูละคร

    หมู พี่กี้ น้องปันเข้ามาในบ้าน ก็เห็นนัทกับน้องหนุนกำลังน้องดูแรงเงากันอยู่

    “สนุกไม”น้องปันถาม

    “ไมสนุกจะดูทำไม”พี่น้ำฝนถาม

    “หมูพ่อบอกอยากได้ยาเม็ดด้วย”นัทบอก

    “พี่กี้ยาเม็ดละ”หมูหันไปถามพี่กี้

    พี่กี้ขนในถุงยาก่อนจะเจอยาลดกรดแบบเม็ดให้

    “ขอบคุณค่ะ”นัทขอบคุณแทนพ่อของเธอ

    “แม่ออกมาทำไมละ”น้ำฝนเห็นแม่เดินออกมาจากห้อง

    “ลูกชายกับลูกสาวคู่นั้น ตามแม่มากำเตอะ”แม่ชี้หมูกับนัทก่อนจะบอกให้ตามลงไป

    หมูกับนัทเดินลงมา แม่พาทั้งคู่ไปยังครัวของบ้านแห่งนี้  แล้วก่อไฟในครัวขึ้นมา

    “นั่งก่อกะลูก”แม่บอกทั้งจึงนั่งรอบกองไฟ

    “อะลูกกิ๋นก่อน”แม่เทน้ำรางจืดใส่แก้วแล้วให้ทั้งคู่ดื่ม

    “แม่มีอะยังกา”นัทถาม

    “แม่จะอู้เรื่องหนึ่งลูกตั้งคู่ฟังเน้อ”แม่บอก

    “เรื่องอะยังกะแม่”นัทถามอีกรอบ

    “ชาติที่แล้วตั้งคู่เคยฮักมาก่อน”

    80ปีก่อน

    ณ นครลำปาง

    “อ้ายๆไปไหนมากะ”เสียงผู้ฆยิงคนหนึ่งเลยขึ้น

    “อ้ายพึ่งกลับจากสนามบินจ้าน้อง”ผู้ชายที่ถูกถามตอบ

    “หมู่นี้ เห็นยินจาวบ้านคุยกันว่ามีพวกทหารญี่ปุ่นมาอยู่ที่ลำปางจาดนัก”ผู้หญิงคนนั้นถาม

    “น้องบัวบ่ฮู้กะว่า เปิ้นยอมหือญี่ปุ่นเข้ามาตั้งฐานที่ทางภาคเหนือ เห็นว่าเปิ้นจะทำสงครามกันกะหา”ผู้ชายคนเดิมตอบ

    “น้องกลัวขนาดเลยอ้ายเจิด”บัวเข้ามากอดผู้ชายคนนั้น

    “บ่เป็นยังอ้ายอยู่กะน้อง”เจิดบอก

    เจิดกับบัวเป็นคนรักกัน บัวค้าของในกาด ส่วนเจิดเป็นนักบินของกองทัพอากาศ

    ความรักของทั้งคู่หวานชื่นทุกวัน

    จนกระทั่งวันหนึ่ง เสียงไซเรนดังขึ้นมาในเมืองลำปางบนท้องฟ้ามีเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหย่ของฝ่ายสัมพันธมิตร5ฝูงฝูงละ5ลำบินสูงขึ้นไป บัวก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องหาที่กำบังไว้

    ที่สนามบินเสียงไซเรนดังขึ้น

    “เจิดเร็วกะ”นักบินสี่คนวิ่งไปขึ้นเครื่องบิน ที่ติดเครื่องรอไว้แล้วเพื่อเตรียมสกีดกั้นเครื่องบินเหล่านั้น

    เครื่องบินห้าลำบินขึ้นจากสนามบินแต่ช้าไปเครื่องบินทิ้งระเบิดทิ้งระเบิดลงใส่ชุมชนเรียบร้อยแล้วถึงแม้ว่าเครื่องบินจะใหญ่แต่กลับหายไปอย่างรวดเร็ว ด้านล่างความเสียหายที่ประมาณค่าไม่ได้ควันไฟไปหมด ทันใดนั้นสายตาของเจิดก้เห็นจุดเล็กๆที่ปลายฟ้า มันคือเครื่องบินรบของฝ่ายสัมพันธมิตร10กว่าลำบินเข้ามาก่อนจะสาดปืนใส่เครื่องบินของเขา

    เจิดหักเครื่องหลบทันทีกระสุนจึงพุ่งไปโดนอีกเครื่องที่ตามมาลุกเป็นไฟก่อนจะนำเคร่องออกจากการรบ ที่เหลือเข้าประจัญบานกับเครื่องบินข้าศึก เจิดยิงกระสุนใส่แต่สร้างความเสียหายให้ข้าศึกน้อยมาก ก่อนที่เครื่องเขาจะมีอไรมากระแทกผ่านไปแล้วเครื่องของเจิดไม่ถึงวินาทีเครื่องของเจิดก็ลุกไหม้ก่อนที่เครื่องจนตกลงกลางทุ่ง ไม่มาสัญญาณจากคนในเครื่อง

    “บัวๆ”เสียงผู้ชายคนหนึ่งร้องเรียก

    “มีอะยังกะอ้าย”บัวเดินลงมาจากบ้านเพื่อดูคนที่มาเรียก

    “มีข่าวมาบอก”ผู้ชายคนนั้นเอ่ยนำ

    “มีอะยัง อ้ายอู้มาแหละ”บัวอยากรู้มาก

    “อ้ายเจิดเปิ้นออกไปสู้กับฝรั่ง ข่าวว่าเครื่องที่อ้ายเจิดนั่งไปสู้กับฝรั่งถูกยิง บ่ฮู้ว่าอ้ายเจิดเป็นใดพ่อง”สิ้นเสียงพูดกระจาดในมือของบัวถึงกับตกลงพื้น ร่างกายเหมือนไม่มีแรงจะยืน

    หลังจากที่ข่าวออกไปหลายวันบัวได้แต่ร้องไห้เสียใจจนไม่เป็นอันทำงานข่าวของเจิดก็หายเงียบเหมือนสายลม จนกระทั่งวันหนึ่ง

    บัวเด็ดผักอยู่บนครัวก็มรเสียงเปิดประตูเข้ามา

    “ไผนะ”บัวเอ่ยนำไปก่อน

    ไม่มีเสียงตอบรับ บัวลุกไปดูที่หน้าบ้านประตูรั้วถูกเปิดไว้แต่ไม่มีใคร บัวเดินลงมาจากบ้าน ก็ไม่เห็นใครก็ที่เธอจะปิดประตูรั้วแต่พอปิดประตูเสร็จเธอก็หันไปเห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้ต้นสาละต้นใหญ่

    “ไผนะ”บัวถามผู้ชายที่ยืนอยู่

    ทันใดนั้นชายคนนั้นหันกลับมาช้าๆ

    “อ้ายเจิด”บัวดีใจมากที่เห็นคนรักของเธอกลับมา

    “เบาๆหน่อย อ้ายเจ็บ”เจิดบอกพร้อมจะแสดงแขนที่ถูกพันไว้ด้วยผ้า 

    “คิดว่าอ้ายต๋ายเฮียละ”บัวเอ่ย

    “อ้ายบ่เป็นยั้งหรอก ตอนนี้อ้ายออกจากราชการ เฮาจะได้อยู่โตยกันแล้วเน้อ”เจิดบอก

    “เจ้า”บัวพูดก่อนจะโอบกอดเจิดไว้

    หลังจากนั้นเจิดกับบัวก็ได้ใช่ชีวิตรวมกัน ปลูกผักปลูกข้าว ทำเกษตรกรรมอย่างมีความสุขสองคน

    “เรื่องตั้งคู่ก็เป็นจะอี้ละลูก”แม่บอก

    “แม่ เฮาตั้งคู่นี้เคยเป็นคนรักมาก่อนกะ”นัทถาม

    “แม่นแล้วลูก”แม่บอก

    หมุกับนัทมองหน้ากัน

    “ลุกจะเจื่อบ่เจื่อก็แล้วแต่ลูกเน้อ คนเฮาบ่มีไผเจื่อกันง่ายๆหรอกเนาะ”แม่บอกก่อนจะดินลงจากครัวไป

    “เธอเชื่อไมนัท”หมูถาม

    “แล้วนายละ”นัทถามกลับ

    “เราเชื่อนะ”หมูบอกก่อนความคิดของหมูที่นึกถึงภาพแฟนเก่าขึ้นมา

    “เป็นไรหรือป่าว”นัทถาม

    “ป่าวไม่มีอะไร”หมูปฏิเสธ

    “มีอะไรนายบอกฉันได้นะ”นัทบอก

    “ขอบใจนะ”หมูเอ่ยขอบใจนัท

    แม้ตอนนี้คนที่อยู่ตรงหน้าจะทำให้ใจของหมูรู้สึกดีแต่ความรู้สึกดีๆที่มีให้กับคนเก่าก็ยังไม่จางหายไปจากใจของเขา

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×