คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 4 เปียกปอนกับความรัก และ อดีตชาติ
ต่างคนต่างสาดน้ำใส่กันอย่างสนุกสนาน หมูก็ร่วมวงด้วย
จนกระทั่งหมูรู้สึกพอใจแล้วก็ขึ้นจากน้ำมายังฝั่ง
“หมูขึ้นแล้วหรือวะ”ปังปอนถาม
“ไม่ไหวนะ เล่นต่อมีหวังไข้กินแน่”หมูบอก
“พี่นุ่น ยังไง รีบขึ้นทำไม”ปังปอนหันไปถามนุ่นที่กำลังเดินขึ้นมา
“หนาว”นุ่นตอบสั้นๆ
น้องพีพียกกล้องขึ้นมาถ่ายรูป หมูกับนุ่นหันไปเห็นพอดีเลยตั้งท่าถ่ายรูปกัน
ก่อนที่หมูจะไปนั่งคุยกับกับนัท
“อยู่ที่ลำปางได้เกรดเท่าไรหรือนัท”หมูเปิดเกมก่อน
“ได้2.9เอง”นัทบอก
“เหมือนกันเลย ทำไมมันยากหรือ”หมูถาม
“คือพวกคณิตมันมีสองแบบ คือธรรมดากับภาค ภาษาอังกฤษ มันสอบรวมกันก็เหมือนตัวหนึ่งไปกดคะแนนอีกตัว”นัทบอก
“ อย่างนี้เอง”หมูเข้าใจ
“แล้วหมูละ”นัทถามกลับ
“เราสอบแยกกัน บางตัวเราก็ไม่ได้มันก็ไปกดทุกตัวเลย”หมูบอก
“อืมๆ”นัทเข้าใจ
หมูกับนัทคุยกันอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางสายตาของน้องพีพีกับน้องหนุนที่จ้องมอง
“นักเรียนกลับบ้านไปกินข้าวกัน”อาจารย์กันเรียกนักเรียนขึ้นจากน้ำ
พอขึ้นจากน้ำได้ทุกคนก็ต่างเดินกันไปที่ถนนเพื่อตรงกลับบ้าน ตามเดิมที่น้องหนุนจะจับชายผ้าขาวม้าของหมู
“นี่พี่ มีหางยาวๆหน่อยสิ”น้องหนุนเอ่ยขึ้นมา
“ทำไมละ”หมูถาม
“หมู สัตว์อะไรมีหาง”ปังปอนที่เดินตีคู่มากับนุ่นเอ่ยถาม
“ข้าไม่ใช่หมา ข้าเป็นชะมด”หมูตะโกนบอก ทุกคนต่างเงียบก่อนจะหัวเราะกันกลิ้ง
“น่ารักจัง”น้องหนุนเอ่ยไปหัวเราะไป
เมื่อเดินมาถึงครึ่งทางฝนก็เทลงมา หมูเอาเสื้อที่กั้นน้ำได้ให้น้องพีพีที่ถือกล้องใช้คลุมกล้องไว้
ก่อนทุกคนจะหันไปเห็นเจ็ทกับนุ่นที่ยืนป้องฝนให้กันอย่างหวานแวว
ก่อนที่ฝนจะหยุดตกไปดื้อๆ
“ไอยะ...จะๆๆๆเจ็ทหวานจังเลยนะ”ตะวันเปิดประเด็นทันทีที่เห็น
“บ้า.........”เจ็ทกับนุ่นต่างคนต่างก็อายกันละกัน
แต่ปังปอนกลับมีสีหน้าที่ต่างออกจากคนอื่นที่ดูดีใจกับเรื่องนี้
“ปังปอน เฮ้อเป็นไร”หมูหันไปถามปังปอน
“ปังปอนหึงหรือ”ตะวันเล่นปังปอนทันที
“ปังปอนใจหมา”เด็กศรีราชารุมด่าปังปอนอย่างไม่ไหวหน้าเจ้าถิ่น
“เดี๋ยวก่อนเถอะเย็นนี้ เดี๋ยวก็รู้”ปังปอนเอ่ยวาจาท้าทาย
“ขอให้มันจริงเถอะ”กู้บอก
ก่อนที่สถานการณ์จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมทุกคนต่างมาเฮฮาอีกครั้ง
ทางเดินที่เหมือนเมื่อเช้าแต่ถนนเปียกไปด้วยฝนที่ตกลงมาให้หายร้อนเท่านั้นเอง
ไม่นานทุกคนก็มาถึงหมูบ้านด้วยความเหนื่อยที่ต้องเดินขึ้นมา ก่อนจะแยกย้ายกันไปตามบ้านเพื่อพักผ่อนและทำกับข้าว
“นัทจะไปลำธารไม”หมูเอ่ยถามนัท
“ดูก่อนละกัน”นัทบอก
“ได้ๆถ้าไป เรากับพี่เจเจจะรออยู่ที่บ้านพี่เจเจนะ”หมูบอก
“จ้า น้องหนุนปะ”นัทตกลงก่อนจะพาน้องหนุนขึ้นบ้าน
“แล้วเจอกันนะ”น้องหนุนบอกหมูก่อนจะยิ้มให้เล็กน้อยแล้วขึ้นบ้านไป
หมูกับเจเจแยกกันตรงทางแยกก่อนที่หมูจะไปเอาผ้าเช็ดตัวกับอุปกรณ์ที่ใช้อาบน้ำที่บ้านพักก่อนจะลงมารอที่บ้านพักของเจเจ
“มาเร็วจัง รอนัทอยู่ไม”เจเจลงมาจากบ้านก็เห็นหมูมานั่งรออยู่หน้าบ้าน
“รอสิพี่ เดี๋ยวก็มีพวกศรีราชามาด้วย”หมูบอก
หลังจากที่รอมาได้เกือบสิบนาที สิ่งที่ปรากฏที่ทางคืนกลุ่มเด็กผู้ชายที่มาเดินมาอาบน้ำที่ลำธารตามที่นัดได้
“รอนัทไมละ”เจเจหันมาถามหมูอีกที
“คงอาบน้ำเรียบร้อยแล้วละ”หมูถอดใจก่อนจะตัดสินใจไม่รอนัทแล้ว
ทั้งหมดเดินลงมาตามทางที่สองข้างทางยังเป็นป่าอยู่มีดอกบัวตองเต็มสองข้างทางไม่นานก็มาถึงสะพานไม้สักที่ตัดเป็นท่อนๆวางพาดไว้
ก่อนจะเลี้ยวซ้ายเข้าไปในทุ่งดอกบัวตองไม่กี่เมตรก็มาถึงลำธารแล้ว
“อ้าวพี่กี้ น้องปัน”หมูทักขึ้นเหมือนเห็นพี่กี้กับน้องปันอาบน้ำในลำธารก่อนแล้ว
“เสร็จพอดี”พี่กี้บอกก่อนจะเดินขึ้นมา โดยมีน้องปันเดินตามขึ้นมาเหมือนลูกชายคนหนึ่ง
ทุกคนที่พึ่งมาถึงต่างจัดการเปลี่ยนชุด ถอดเสื้อเรียบร้อยก่อนจะเดินลงน้ำไป
“เย็น โว้ย”ทุกคนต่างตะโกนเป็นเสียงเดี๋ยวกัน ทันทีได้สัมผัสน้ำในลำธาร
ต่างคนต่างรีบอาบน้ำเพราะผ้าเริ่มมืดลงแล้ว ไม่ถึงสิบนาที ต่างคนก็ต่างทนหนาวไม่ไหวต่างพากันขึ้นจากน้ำก่อนจะมาเช็ดตัวสวมเสื้อบางคนก็นุ่งผ้าเช็ดก่อนจะเดินกลับบ้าน
“เจ็ท แม้ มีแฟนแล้วนะ”ตะวันเอ่ยบอก
“ไงวะ แฟนฉันไม่ได้มาอยู่ด้วย”เจ็ทบอก
“ทำไมต้องเป็นนุ่นด้วยละ”น้องพีพีถาม
“นุ่น น่ารักดีนี่นา”เจ็ทบอก
“จริงหรือ จะๆๆๆๆเจ็ท”กราฟแซว
“ฮาๆๆๆๆ”ทุกคนหัวเราะด้วยความสนุกจนมาถึงทางแยก เจเจ หมูแยกตัวไปเปลี่ยนเสื้อที่ย้านส่วนที่เหลือก็เดินลงไปที่พักที่อยู่ด้านล่างต่อไป
หมูขึ้นมาบนบ้านที่ดูเงียบก่อนจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะนำผ้าเช็ดตัวกับเสื้อผ้าที่เปียกลงมาตากที่ราวข้างบ้าน
“อ้าว กู้”หมูเห็นกู้ที่เดินออกมาจากห้องน้ำ
“อาบกันเสร็จเหรอ”กู้ถาม
“ใช่ๆ”หมูตอบ
“ เดี๋ยว ข้าลงอาบน้ำเดี๋ยวเจอกันที่ครัวละกัน”กู้บอก
หมูพยักหน้าก่อนจะหันไปตากผ้าต่อส่วนกู้ก็เดินเข้าห้องน้ำไป
แล้วหมูก็เดินไปที่ครัว ที่มีน้องปันกับพี่กี้นั่งรออยู่แล้ว
เมื่อขึ้นมาห้องครัวได้เท่านั้นละ
“หมู ไปเด็ดมะขามให้อาจารย์หน่อยสิ เดี๋ยวจะทำน้ำพริกมะขาม”อาจารย์กระศวรใช้ให้หมูไปเก็บมะขาม
“ไม่เป็นไรอาจารย์เดี๋ยวผมไปเก็บเอง”พ่อเกษมเอ่ยบอกขณะทำลงลับมีดอยู่ด้านล่าง
“ไม่เป็นไรให้เด็กไปเอา หมูเก็บมาเฉพาะผลอ่อนนะ พ่อเกษมผมอยากได้พริก”อาจารย์กระศวรปัด ขอให้พ่อเกษมไปหาพริก ก่อนจะบอกให้หมูไปเก็บมะขาม
หมูเดินลงมาแล้วตรงไปต้นมะขามแต่มันอยู่สูง
“เก็บได้ไมลูก”พ่อเกษมที่กำลังจะไปเก็บพริกเห็นหมูยืนมองต้นมะขามอย่างงงๆ
“เก็บ บ่ได้นะป่อ”หมูบอก
พ่อเกษมเอาไม้มาน้อมกิ่งที่มีมะขามเต็มไปหมดลงมาก่อจะเด็ดตามที่อาจารย์กระศวรต้องการ
“ขอบคุณคับ”หมูรับมะขามมาก่อนจะเอ่ยขอบคุณพ่อเกษมก่อนที่เขาจะไปเก็บพริกต่อ
หมูกลับมาที่ครัว
“เอาไปล้างเลยนะ”อาจารย์กระศวรบอกให้หมูล้างมะขามก่อนจะมาวางที่เขียง
ก่อนจะไปนั่งที่ระเบียง ข้างๆมีกระมังอยู่ ในนั้นมีสัตว์น้ำที่อาจารย์กระศวรกับพวกชาวบ้านเก็บมาจากลำธาร มีทั้งปลาท้องถิ่นที่หน้าตาประหลาด ปู ลูกอ๊อด กบ ตะขาบน้ำ เขียด อยู่ในกระมังนั้นเมไปหมด อีกอย่างยังสดๆอยู่เลย หายใจเกือบทุกตัวโดยเฉพาะ ตะขาบน้ำที่วิ่งเอาชีวิตรอดรอบกระมัง
ก่อนที่หมูจะเข้ามาในครัวเพื่อพิงไฟให้หนาวเย็น ด้านในมีที่นอนวางอยู่หมูทิ้งตัวลงนอน เท่านั้นแหละเสียงกระดูกที่ใช้มาทั้งวันมันร้องลั่นไปทั้งร่าย หมูถึงกับฟินไปตามๆกัน
แต่พอนอนได้ไม่นานก็ต้องออกมาเพราะควันไฟที่ปกคลุมไปทั่วห้องครัว
หมูลุกออกมาก่อนจะเดินลงจากครัวก่อนจะเดินไปยังบ้านของแต่ละคน
“หมูกินอะไรหรือยัง”พี่แพนตี้เอ่ยทักหมู
“ยังเลยพี่ กินข้าวกับอะไร”หมูบอกก่อนจะถามกลับ
“กินข้าวกับปลากระป๋อง”พี่แพนตี้บอก ก่อนที่หมูจะเดินต่อไปเรื่อยๆจนมาถึงบ้านหลังสุดท้ายทุกบ้านต่างๆกินข้าวกันเรียบร้อยแล้วเหลือเพียงบ้านของหมูเท่านั้น หมุเดินกลับมาที่บ้าน ในที่สุดกับข้าวก็เสร็จ
มื้อนี้มีน้ำพริกมะขาม ต้มจืดวุ้นเส้นอีกแล้ว และต้มยำรวมมิตรสัตว์ที่เอ่ยถึงในกระมังเมื่อกี่
พอทุกคนพร้อมจะลงมือรับประทานอาหารไฟเกิดดับลง เหลือแต่แสงสว่างของตะวันที่ลับฟ้าไปแล้ว
แม่บัวคำเอาเทียนมาจุดให้เสียงสว่างได้ดีเลย
ต่างคนต่างกินข้าว หมูสนใจจะกินต้มยำรวมมิตรสัตว์ ไม่รู้ว่าแต่ละคำที่ทุกคนกินเข้าไปไม่รู้ว่ามีตัวอะไรบ้าง
ด้วยแสงสว่างที่มีน้อย
“อร่อยดีไม”อาจารย์กระศวรถามถึงฝีมือของตน
“อร่อยครับ”พ่อเกษมบอก
“น้ำพริกนี้ สูตรใต้เลยนะ”อาจารย์กระศวรแนะนำ
“อร่อย น้ำพริก อร่อย”พ่อเกษมชมน้ำพริกมะขามที่อาจารย์กระศวรทำ
หมูกินข่าวเสร็จก็เอาจานไปล้างก่อนจะนำมาวางกินน้ำแล้วขึ้นไปยังโบสถ์
เมื่อหมูขึ้นมาถึงโบสถ์ ทุกคนต่างมารวมกันนานแล้ว
“หมูคนอื่นๆละ”นุ่นถาม
“ยังกินข้าวอยู่”หมูบอก
ทุกคนต่างอยู่ในความมืดใกล้ออกไปที่ดอยอีกลูกมีกลุ่มเมฆฝนก้อนใหญ่ ฟ่แลบฟ้าร้องเกิดขึ้นแถบจะทุกนาที มันส่องแสงสว่างจนมาถึงที่หมู่บ้านนี้ สว่างพอที่จะเห็นว่าใครนั่งอยู่ตรงไหนได้เลยแต่ไม่มีทีท่าว่าจะลอยมาทางหมู่บ้านเราเลย
ไม่นานทุกคนมามากร่วมกันจนครบ
“นักเรียนต่อไปนี้เป็นกิจกรรมต่อไปนี้เป็นกิจกรรมที่เราจะส่งความสุขให้คนในหมู่บ้านนี้ โดยการไปร้องเพลงตามบ้านของชาวบ้านในเทศกาลคริสตมาสและขึ้นปีใหม่”อาจารย์เฟิร์นชี้แจงกิจกรรมในคืนนี้
หมูไม่อยากฟังอะไรเลยค่อยๆย้ายตัวเข้าไปในโบสถ์ที่มีเทียนจุออยู่
“พี่โอ๊ต พี่เศษ ทำไรอยู่”หมูถามขึ้นมามาที่พระแท่นในโบสถ์ที่มีพี่เศษกับพี่โอ๊ตทำอะไรบ้างอย่าง
“กำลังเก้าร้อยเก้าสิบเก้า”พี่โอ๊ตบอก
หมูถึงกับงงไป3-4วินาที
“พัน”หมูเอ่ยขึ้นมา
“โอ๊ต เล่นอะไรวะโอ๊ต”พี่เศษเอ่ยด้วยความหมั่นไส้
“เล่นยังไม่จบเลย”พี่โอ๊ตบอก
ก่อนพี่เศษจะหยิบรูปหยิบรูปปั้นพระกุมารเยซูใส่ในตะกร้าที่ตกแต่งก่อนจะนำออกมาให้อาจารย์แมวถือ
“จากนี้เราจะเดินวนรอบหมู่บ้านไปให้ครบทุกบ้านแล้วเราก็ทำแบบนี้ทุกบ้าน ครูคำสอนพร้อมยังครับ”อาจารย์เฟิร์นยังขี้แจงอยู่ก่อนจะหันไปถามครูคำสอนที่ยืนข้าง
“พร้อมแล้วครับไปทางนี้เลย”ครูคำสอนบอก
“ทุกคนพร้อมนะจับกลุ่มกันไว้ละ”อาจารย์เฟิร์นบอก
ทุกคนต่างจับกลุ่มตามที่เคยเดินกันเหมือนตอนกลางวันแต่มีเจ็ทกับน้องพีพีที่เดินแตกกลุ่มออกมาร่วมกับหมู
“เจ็ท ทำไมมาอยู่ละ หรือว่า...”หมูถาม
“เอ๊ย จะๆๆๆเจ็ท”ปังปองเอ่ยแทรกขึ้นมา
“ทำไมแกชอบนุ่นหรือไง”เจ็ทถามปังปอนกลับ
ปังปอนเงียบไปก่อนที่หมูกับน้องพีพีจะหันมาองหน้ากัน
“แล้วคนที่อยู่ที่โรงเรียนละ”น้องพีพีเปิดก่อน
“แล้วเพื่อนข้าละ”หมูเล่นต่อทันที
“หุบปากไปเลย”ปังปอนอารมณ์เสียนิดหน่อย
ไม่นานก็มาถึงบ้านแรก ทุกคนต่างมารอบที่หน้าบ้านก่อนจะให้อาจารย์แมวถือรูปปัน้พระกุมารและนักรัยนที่อยู่บ้านนี้ขึ้นไปหาพ่อแม่ที่รออยู่บนบ้าน
ส่วนด้านล่างก็ร้องเพลงอวยพรให้ให้เจ้าของบ้าน
เราเดินไล่แต่ละบ้านและก็ทำแบบนี้ทุกบ้าน
หมูหันไปไปมองน้องหนุนที่ทำหน้าไม่สู้ดีเดินข้างๆ
“เป็นไรมากหรือป่าวหนุน”หมูเอ่ยถาม
“เจ็บขา ก็มานี่ก็ขาหักมาก่อน”น้องหนุนบอก
“ไหวไม ให้พี่ช่วยไม”หมูเสนอความช่วยเหลือให้
“ไม่เป็นไรไหวอยู่”น้องหนุนปฏิเสธแต่ดูว่านเองเขาก็มีอาการเขินเล็ก
หมูค่อยดูแลน้องหนุนตลอดเวลาที่ทำกิจกรรม
จนกระทั่งเสร็จกิจกรรม
อาจารย์ต่างแยกย้ายไปนอนแต่ก็ได้ทิ้ง งานไว้ให้ทุกคนได้คิด คือคืนวันพรุ่งนี้พวกเราจะต้องมีการแสดงให้ชาวบ้านวันพรุ่งนี้
“คือนี้ขอให้มาประชุมกันหน่อยนะ ใครไม่ไหวก็พักก่อน”พี่เบสบอกทุกคนก่อนจะแยกย้ายกันไป
หมูกลับมาบ้านพร้อมพี่กี้กับน้องปัน
“พี่กับน้องปันไม่ไปนะมีอะไรก็มาบอกละกัน”พี่กี้บอกก่อนจะขึ้นบ้านตอนนี้2ทุ่มกว่าๆหมูเดินลงไปหน้าหมู่บ้านก็เห็นกองไฟที่ก่อไว้
“เรามาคิดกันว่าจะเอาใครเป็นพระเอกกับนางเอกดี”เจ็ทเปิดประเด็นขึ้นมา
“คู่พี่แพนตี้”น้องมายเสนอ
ก็มีหลายคนเห็นด้วยอยู่
“ไม่เอาพี่ไม่อยากเล่น”พี่แพนตี้ปฏิเสธ
“เอาไงดีละ”น้องพีพีถาม
“จริงสิ ยังมีเจ็ทกับพี่นุ่นอยู่”ปังปอนเสนอขึ้นมา
ทุกคนต่างก้เห็นด้วยทันที
“จะดีหรือ”เจ็ทบอก
“เอาเลย จะๆๆๆๆเจ็ท”ตะวันสนับสนุน
ว่าเอาหมูกับนัทดีกว่า”ตะวันเสนออีกคู่มาทำเอาหมูที่กำลังอ่านบทที่พี่เบสกับพี่เศษคิด
“ไม่เจ็ท ข้าจะเป็นคนพากย์”หมูปฏิเสธก่อนจะบอกหน้าที่ของตน
“เอาไงละ”พี่เบส
“เอาเจ็ทกับนุ่น”พี่แพนตี้เสนอ
“เอาเลยนะ”พี่เบสถามความสมัครใจ
“”ก็ได้พี่”เจ็ทตกลงที่จะแสดงเป็นตัวเอง
“พี่ผมกับไปนอนแล้วนะมีอะไรก็บอกพรุ่งนี้เช้านะ”หมูบอกก่อนจะถอดตัวออกมาจากการรอบกองไปกลับมายังบ้าน พี่กี้กับน้องปันกำลังล้างหน้าเสร็จพอดีกำลังจะขึ้นบ้าน
“หมู มียาไม พ่อปวดท้องมากเลย”นัทเดินมาหาที่บ้านก่อนจะเอ่ยบอก
“พี่กี้มายาใช่ไม”หมูหันถามพี่กี้ พี่ก็จึงเดินไปกระเป๋าก่อนจะหยิบยาออกมา
ก่อนที่หมูจะรับมาแล้วเดินไปที่บ้านของนัท
“ป่อเป็นใดพ่อง”หมูถามพ่อที่นั่งปวดท้องอยู่ระเบียง
“ปวดท้อง เจ็บขนาด”พ่อบอก
“ป่อกินนี้เน้อ อึกเดียวพอ”หมูหยิบธาตุน้ำขาวให้พ่อ
“ขอบใจ๋หลายเด้อ”พ่อรับยาไปกินจะเปิดกินทันทีแล้วหันถามขอบใจหมู
“บ่เป็นยังป่อ”หมูบอกก่อนที่จะเดินกลับไปบ้านพัก เพื่อล้างหน้าแปรงฟันประมาณ15นาที
“พ่อเป็นไรบ้าง”พี่กี้ตื่นขึ้นมาถาม
“ผมว่าจะไปดูพอดีเลย”หมูบอก
“ยังพี่ไปด้วย”พี่กี้จะไปดูอาการด้วย
“น้องไปด้วย”น้องปันก็จะไปด้วย
หมูพยักหน้าก่อนจะเดินลงมาก่อนใครแล้วตรงไปยังบ้านนัททีอยู่ไม่ห่างมากนัก
หมูมาถึงก่อนใครก่อนจะเคาะประตูบ้าน ทันใดนั้นไฟฟ้าที่ดับไปก็สว่างขึ้น
“อ้าวมาทำไมละ”พี่น้ำฝนเปิดประตูมาก่อนจะเห็นหมูยืนอยู่หน้าบ้าน
“มาดูอาการพ่อนะ”หมูบอก
“เข้ามาสิกำลังดูแรงเงาอยู่เลย”พี่น้ำฝนเชิญฉันเข้าบ้านเพื่อดูละคร
หมู พี่กี้ น้องปันเข้ามาในบ้าน ก็เห็นนัทกับน้องหนุนกำลังน้องดูแรงเงากันอยู่
“สนุกไม”น้องปันถาม
“ไมสนุกจะดูทำไม”พี่น้ำฝนถาม
“หมูพ่อบอกอยากได้ยาเม็ดด้วย”นัทบอก
“พี่กี้ยาเม็ดละ”หมูหันไปถามพี่กี้
พี่กี้ขนในถุงยาก่อนจะเจอยาลดกรดแบบเม็ดให้
“ขอบคุณค่ะ”นัทขอบคุณแทนพ่อของเธอ
“แม่ออกมาทำไมละ”น้ำฝนเห็นแม่เดินออกมาจากห้อง
“ลูกชายกับลูกสาวคู่นั้น ตามแม่มากำเตอะ”แม่ชี้หมูกับนัทก่อนจะบอกให้ตามลงไป
หมูกับนัทเดินลงมา แม่พาทั้งคู่ไปยังครัวของบ้านแห่งนี้ แล้วก่อไฟในครัวขึ้นมา
“นั่งก่อกะลูก”แม่บอกทั้งจึงนั่งรอบกองไฟ
“อะลูกกิ๋นก่อน”แม่เทน้ำรางจืดใส่แก้วแล้วให้ทั้งคู่ดื่ม
“แม่มีอะยังกา”นัทถาม
“แม่จะอู้เรื่องหนึ่งลูกตั้งคู่ฟังเน้อ”แม่บอก
“เรื่องอะยังกะแม่”นัทถามอีกรอบ
“ชาติที่แล้วตั้งคู่เคยฮักมาก่อน”
80ปีก่อน
ณ นครลำปาง
“อ้ายๆไปไหนมากะ”เสียงผู้ฆยิงคนหนึ่งเลยขึ้น
“อ้ายพึ่งกลับจากสนามบินจ้าน้อง”ผู้ชายที่ถูกถามตอบ
“หมู่นี้ เห็นยินจาวบ้านคุยกันว่ามีพวกทหารญี่ปุ่นมาอยู่ที่ลำปางจาดนัก”ผู้หญิงคนนั้นถาม
“น้องบัวบ่ฮู้กะว่า เปิ้นยอมหือญี่ปุ่นเข้ามาตั้งฐานที่ทางภาคเหนือ เห็นว่าเปิ้นจะทำสงครามกันกะหา”ผู้ชายคนเดิมตอบ
“น้องกลัวขนาดเลยอ้ายเจิด”บัวเข้ามากอดผู้ชายคนนั้น
“บ่เป็นยังอ้ายอยู่กะน้อง”เจิดบอก
เจิดกับบัวเป็นคนรักกัน บัวค้าของในกาด ส่วนเจิดเป็นนักบินของกองทัพอากาศ
ความรักของทั้งคู่หวานชื่นทุกวัน
จนกระทั่งวันหนึ่ง เสียงไซเรนดังขึ้นมาในเมืองลำปางบนท้องฟ้ามีเครื่องบินทิ้งระเบิดขนาดใหย่ของฝ่ายสัมพันธมิตร5ฝูงฝูงละ5ลำบินสูงขึ้นไป บัวก็เป็นคนหนึ่งที่ต้องหาที่กำบังไว้
ที่สนามบินเสียงไซเรนดังขึ้น
“เจิดเร็วกะ”นักบินสี่คนวิ่งไปขึ้นเครื่องบิน ที่ติดเครื่องรอไว้แล้วเพื่อเตรียมสกีดกั้นเครื่องบินเหล่านั้น
เครื่องบินห้าลำบินขึ้นจากสนามบินแต่ช้าไปเครื่องบินทิ้งระเบิดทิ้งระเบิดลงใส่ชุมชนเรียบร้อยแล้วถึงแม้ว่าเครื่องบินจะใหญ่แต่กลับหายไปอย่างรวดเร็ว ด้านล่างความเสียหายที่ประมาณค่าไม่ได้ควันไฟไปหมด ทันใดนั้นสายตาของเจิดก้เห็นจุดเล็กๆที่ปลายฟ้า มันคือเครื่องบินรบของฝ่ายสัมพันธมิตร10กว่าลำบินเข้ามาก่อนจะสาดปืนใส่เครื่องบินของเขา
เจิดหักเครื่องหลบทันทีกระสุนจึงพุ่งไปโดนอีกเครื่องที่ตามมาลุกเป็นไฟก่อนจะนำเคร่องออกจากการรบ ที่เหลือเข้าประจัญบานกับเครื่องบินข้าศึก เจิดยิงกระสุนใส่แต่สร้างความเสียหายให้ข้าศึกน้อยมาก ก่อนที่เครื่องเขาจะมีอไรมากระแทกผ่านไปแล้วเครื่องของเจิดไม่ถึงวินาทีเครื่องของเจิดก็ลุกไหม้ก่อนที่เครื่องจนตกลงกลางทุ่ง ไม่มาสัญญาณจากคนในเครื่อง
“บัวๆ”เสียงผู้ชายคนหนึ่งร้องเรียก
“มีอะยังกะอ้าย”บัวเดินลงมาจากบ้านเพื่อดูคนที่มาเรียก
“มีข่าวมาบอก”ผู้ชายคนนั้นเอ่ยนำ
“มีอะยัง อ้ายอู้มาแหละ”บัวอยากรู้มาก
“อ้ายเจิดเปิ้นออกไปสู้กับฝรั่ง ข่าวว่าเครื่องที่อ้ายเจิดนั่งไปสู้กับฝรั่งถูกยิง บ่ฮู้ว่าอ้ายเจิดเป็นใดพ่อง”สิ้นเสียงพูดกระจาดในมือของบัวถึงกับตกลงพื้น ร่างกายเหมือนไม่มีแรงจะยืน
หลังจากที่ข่าวออกไปหลายวันบัวได้แต่ร้องไห้เสียใจจนไม่เป็นอันทำงานข่าวของเจิดก็หายเงียบเหมือนสายลม จนกระทั่งวันหนึ่ง
บัวเด็ดผักอยู่บนครัวก็มรเสียงเปิดประตูเข้ามา
“ไผนะ”บัวเอ่ยนำไปก่อน
ไม่มีเสียงตอบรับ บัวลุกไปดูที่หน้าบ้านประตูรั้วถูกเปิดไว้แต่ไม่มีใคร บัวเดินลงมาจากบ้าน ก็ไม่เห็นใครก็ที่เธอจะปิดประตูรั้วแต่พอปิดประตูเสร็จเธอก็หันไปเห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ใกล้ต้นสาละต้นใหญ่
“ไผนะ”บัวถามผู้ชายที่ยืนอยู่
ทันใดนั้นชายคนนั้นหันกลับมาช้าๆ
“อ้ายเจิด”บัวดีใจมากที่เห็นคนรักของเธอกลับมา
“เบาๆหน่อย อ้ายเจ็บ”เจิดบอกพร้อมจะแสดงแขนที่ถูกพันไว้ด้วยผ้า
“คิดว่าอ้ายต๋ายเฮียละ”บัวเอ่ย
“อ้ายบ่เป็นยั้งหรอก ตอนนี้อ้ายออกจากราชการ เฮาจะได้อยู่โตยกันแล้วเน้อ”เจิดบอก
“เจ้า”บัวพูดก่อนจะโอบกอดเจิดไว้
หลังจากนั้นเจิดกับบัวก็ได้ใช่ชีวิตรวมกัน ปลูกผักปลูกข้าว ทำเกษตรกรรมอย่างมีความสุขสองคน
“เรื่องตั้งคู่ก็เป็นจะอี้ละลูก”แม่บอก
“แม่ เฮาตั้งคู่นี้เคยเป็นคนรักมาก่อนกะ”นัทถาม
“แม่นแล้วลูก”แม่บอก
หมุกับนัทมองหน้ากัน
“ลุกจะเจื่อบ่เจื่อก็แล้วแต่ลูกเน้อ คนเฮาบ่มีไผเจื่อกันง่ายๆหรอกเนาะ”แม่บอกก่อนจะดินลงจากครัวไป
“เธอเชื่อไมนัท”หมูถาม
“แล้วนายละ”นัทถามกลับ
“เราเชื่อนะ”หมูบอกก่อนความคิดของหมูที่นึกถึงภาพแฟนเก่าขึ้นมา
“เป็นไรหรือป่าว”นัทถาม
“ป่าวไม่มีอะไร”หมูปฏิเสธ
“มีอะไรนายบอกฉันได้นะ”นัทบอก
“ขอบใจนะ”หมูเอ่ยขอบใจนัท
แม้ตอนนี้คนที่อยู่ตรงหน้าจะทำให้ใจของหมูรู้สึกดีแต่ความรู้สึกดีๆที่มีให้กับคนเก่าก็ยังไม่จางหายไปจากใจของเขา
ความคิดเห็น