ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พบรักที่ปลายดอย

    ลำดับตอนที่ #3 : 3 รุ่งอรุณบนดอยสูง

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.พ. 56


    รุ่งเช้าหมูตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างออกมาล้างหน้าแปรงฟันก่อนจะไปเดินออกกำลังกายแต่เช้ามืด

    เดินรอบหมู่บ้านจนกระทั่งฟ้าเริ่มสว่างก่อนจะเดินสวนกับพี่อี้ดและน้องกราฟ

    “ตื่นเช้าจังเลยนะพี่”หมูทัก

    “ง่วงจะตายอยู่แล้วแต่ทันหนาวไม่ไหวเลยออกมาเดิน”พี่อี้ดบอก

    หมูพยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินสวนกัน

    พี่อี้ดกับน้องกราฟเดินไปทางเดียวกับที่หมูใช้เดินเมื่อคืนก่อนจะเห็นครูคนหนึ่งนั่งล้างจานอยู่

    “ครูกินข้าวแล้วหรือครับ”พี่อี้ดถาม

    “ใช่ที่ไหนละนี้นัทเอง”นัทเอ่ยกลับมา

    “อ้าว”พี่อี้ดถึงกับตกใจที่ไม่ใช่ครูกลับกลายเป็นนัท

    ต่างคนต่างหัวเราะชอบใจกัน ก่อนจะแยกย้ายกันไป

    หลังจากที่หมูเดินรอบหมู่บ้านเสร็จก็กลับมาเปลี่ยนเสื้อเป็นชุดทำกิจกรรมเพื่อเตรียมจะไปทำงานกับพ่อแม่ที่เราไปอาศัยอยู่

    “หมูกินข้าวมา”พี่กี้เรียกหมู หลังจากวางจานข้าวเสร็จ

    หมูเดินขึ้นมาบนห้องครัวจุดเดิมที่กินข้าวเมื่อวานนี้

    มื้อนี้มีคนมารวมวงกินข้าวด้วยเป็นอาจารย์โรงเรียนเจ้าภาพเอง ชื่ออาจารย์โอ๊ต มารวมด้วย

    หลังจากกินข้าวเสร็จต่างคนก็ต่างล้างจานแล้วกับมารอพ่อเกษมเพื่อที่จะไปปล่อยควายที่หน้าหมู่บ้าน

    “พ่อเกษมพร้อมแล้วน้อ”อาจารย์โอ๊ตถาม

    “ปะ ไปครับ”พ่อเกษมเดินนำไปยังหน้าหมู่บ้าน ลัดออกจากหมู่บ้านเดินลงไปเรื่อยๆ สองข้างที่เดินเป็นนาขั้นบันไดคล้ายกับที่เวียดนามหรือประเทศต่างๆที่ทำนาขั้นบันได แต่ช่วงนี้ไม่มีการนาเลยมีแต่ตอซางข้าวเต็มทุ่ง บางที่ก็ยังมีน้ำเหลืออยู่บ้าง บ้างที่ก็เป็นปลักโคลนชาวบ้านมักจะควายมาเลี้ยง

    หลังจากที่เดินลงได้ประมาณห้านาที ก็มาถึงคอกควายของพ่อเกษม หลังจากนั้นพ่อเกษมก็เดินไปปล่อยควายที่ผูกไว้หลังจากนั้นควายฝูงนี้ก็เดินไปตามทางถนนบางตัวก็ขึ้นไปบนหน้าขั้นบันไดเพื่อกินหญ้า พ่อเกษมก็ใช้หนังสติ๊กยิงควายที่ออกนอกทางให้กลับมารวมฝูงเดินไปอีกเรื่อยจนกระทั่งควายถึงที่กินหญ้า

    “พ่อเกษมปล่อยไว้อย่างงี้เลยกะ”อาจารย์โอ๊ตถาม

    “ครับๆ เดี๋ยวตอนเย็นมาเอากลับ”พ่อเกษมตอบ

    “พ่อแล้วดอยหลังหมู่บ้านนี้ละ”อาจารย์โอ๊ตหันไปมองภูเขาที่ตั้งอยู่หลังหมู่บ้านตีนตก

    “ดอยผาขาว ตะก่อนโน้นเขาเล่ากันว่ามีพระสงฆ์ พระอรหัน ธุดงค์มาถึงดอยนี้แล้วก็เอาผ้าขาวมาตาก เลยเรียกว่าเรียกว่า ดอยผ้าขาว และก็เพี้ยนมาเป็นดอยผาขาวนี้ละ”พ่อเกษมเล่าความเป็นมาเกี่ยวกับดอยหลังหมู่บ้านให้ฟัง

    ก่อนจะเดินกลับมาทางเดิม

    “เดี๋ยวพ่อจะพาไปดูสุสานของหมู่บ้านละกัน”พ่อเกษมเอ่ยขึ้นทำเอาเด็กนักเรียนโดยเฉพาะน้องปันเด็กน้อยรู้สึกกลัวขึ้นมา เมื่อเดินไม่นานก็มาถึงสุสาน

    ด้านหน้ามีไม้กางเขนขนาดใหญ่เก่าๆปักไวสร้างบรรยากาศได้มิน้อย

    เมื่อเดินเข้ามามันเริ่มเย็นแปลกๆทั้งๆที่เดินมาแดดแรงและร้อนมาก

    หญ้าขึ้นรกแต่ก็ยังมีทางเดินให้เข้าไปได้ เหมือนว่าหลุดเข้ามาอยู่อีกโลกที่ไม่มีอะไรนอกจากป่า

    “นี่เป็นหลุมศพของพ่อของพ่อเอง และก็มีหลุมเรียงๆกันแถวๆนี้ละ”พ่อเกษมยืนอยู่หน้าหลุมศพของพ่อของท่านก่อนจะพูดขึ้นมา

    ทุกคนต่างยกมือไหว้หลุมศพ

    “พ่อเกษม ถ้าชาวพพุทธละ”อาจารย์โอ๊ตถาม

    “เขาจะเอาไปเผาที่บ้านห้วยปูลิง ส่วนคนคริสต์ก็เอาใส่รถกระบะแล้วก็มาฝังที่นี้”พ่อเกษมให้ข้อมูล

    “นักเรียนอย่างไรที่นี้ก็ควรให้ความเคารพนะเพราะที่นี้ก็มีชาวบ้านและก็พ่อของพ่อเกษมอยู่ที่นี้อะ ไหว้กันสะแล้วเราจะไปดูไฟฟ้าพลังน้ำ”อาจารย์โอ๊ตเอ่ยก่อนจะไหว้เคารพก่อนจะเดินลงไป เพื่อจะไปดูไฟฟ้าพลังน้ำของหมู่บ้าน

    เดินจากสุสานไม่นานก็มาถึงฝายน้ำล้นซึ่งมีท่อขนาดใหญ่ที่ต่อลงไป มันคือท่อส่งน้ำจากจุดนี้ไปยังโรงปัดไฟที่บ้านห้วยปูลิงแล้วก็ส่งไฟกลับมาบ้านตีนตก

    “พ่อเกษม แถวนี้มีรางจืดบ่”อาจารย์โอ๊ตถามถึงสมุนไพรรางจืดที่ช่วยในการแก้ร้อนใน

    “มีๆเดี๋ยว ผมไปหาให้”พ่อเกษมรับปากว่าจะไปรางจืดก่อนจะลงห้วยแล้วเดินทวนกระแสน้ำในห้วยขึ้นไป

    หมูกับพี่โอ๊ตอดไม่ได้ที่จะลงน้ำเลยจัดการตัวเองเพื่อให้ลงน้ำได้ก่อนจะลงทางเดียวกับที่พ่อเกษมลง

    สัมผัสแรกที่โดนน้ำคือ เย็น เย็น และเย็นเกินคำบรรยาย มันเหมือนกับตอนเย็นที่อาบน้ำเลย

    ไม่นานก็มีเศษใบไม้ กิ่งไม้ลอยตามน้ำมาก่อนจะที่พ่อเกษมจะถือรางจืดมาด้วย

    “ได้แล้วครับ”พ่อเกษมชูรางจืดซึ่งเป็นเถายาวพอสมควร

    เมื่อเห็นพ่อเกษมมาหมูกับพี่โอ๊ตก่อนจะเดินขึ้นจากน้ำแล้วก็ใส่รองเท้าเพื่อจะเดินกลับไปที่หมู่บ้าน

    หลังจากที่ออกมาฝายก็กลายเป็นความวิวากอย่างหนัก เพราะเป็นทางขึ้นเขาซึ่งเหนื่อยๆเอาเล็ก

    แต่พี่โอ๊ตที่ไม่รู้เอาแรงมาจากไหน เขาวิ่งจากท้ายแถวแซงขึ้นไปอย่างรวดเร็ว

    “พี่โอ๊ตจะรีบไปไหน”หมูตะโกนเรียก

    “ฟิต”พี่โอ๊ตตอบสั้นๆก่อนจะวิ่งต่อ หมูเห็นก็วิ่งบ้างแต่ก็ไม่ได้ไกลก็เหนื่อยแล้ว จริงสิเราอยู่พื้นที่สูงนี่นาอากาศก็เบาบางตามความสูงยิ่งแถวนี้ใกล้ดอยที่สูงที่สุดในประเทศด้วยแต่หมูใจสู้วิ่งขึ้นมาจนถึงบ้านหลังแรกของหมู่บ้านจึงนั่งรอพวกพี่กี้น้องปันอาจารย์โอ๊ตและพ่อเกษมขึ้นมา ไม่นานพวกเขาก็ขึ้นมาก่อนจะเดินกลับบ้านเพื่อพักก่อนจะลุยกันตอนบ่ายแต่พอพ่อเกษมมาถึงก็บอกกับทุกคนว่าจะพาไปดูต้นกาแฟ คนต่างจังหวัดก็พากันดีใจที่จะได้เห็นต้นกาแฟ แต่สำหรับหมูกับพี่โอ๊ตไม่ได้ตื่นต้นอะไรมาก

    ก่อนที่จะเห็นปังปอนกับพวกทำงานตีถั่วในบ้าน หมูกับกู้เดินมาในบ้าน

    “ไปไหนมาวะกู้”เจ็ทถาม

    “ไปปล่อยควายมา เออ ไปดูต้นกาแฟไม”กู้บอกก่อนจะชวนพวกนั้นไปดูกาแฟ

    “ดีๆๆ อยากเห็นกาแฟ”ตะวันเอ่ยขึ้นมา

    “งั้นรีบทำงานเลยครับ”กราฟเด็กที่อายุน้อยที่สุดในบ้านบอกให้รุ่นพี่รีบทำงาน

    “พี่ของพาน้องปันไปพักก่อนละกัน”พี่กี้ของพาน้องปันไปพักเพื่อเตรียมตัวไปดูต้นกาแฟ

    “ผมไปด้วย”หมูขอตามพี่กี้ไปด้วย

    “งั้นข้าอยู่นี้ละกัน”กู้บอก

    ได้ๆ”หมูรับ ก่อนจะเดินตามพี่กี้ไป

    เมื่อมาถึงห้องครัวหมูก็ขึ้นไปกินน้ำก่อนจะล้มตัวลงนอนที่ระเบียงห้องครัว

    ก่อนจะหลับไปไม่รู้เรื่อง เขาตื่นขึ้นมาในป่ามีเสียงน้ำตกดังไม่ใกล้นัก เขาเดินเข้าไปในป่า จนกระทั่งมาเจอน้ำตกสูงสวยงามไม่แพ้ที่ใดๆในประเทศ หมูเดินลุยน้ำจนมาอยู่กึ่งกลางระหว่างน้ำตก ละอองน้ำตกที่กระทบพื้นสาดกระเซนมาปะทะตัวสร้างความสดชื้นมาก ก่อนจะหันไปเห็นหญิงสาวนั่งอยู่ริมน้ำตก

    “ใครกัน”หมูเอ่ยด้วยความสงสัยก่อนจะเดินเข้าไปหา

    “หมูๆ”พี่กี้พยายามลุกหมูจนกระทั่งหมูรู้สึกตัว

    “มีอะไร”หมูถามก่อนจะมองไปรอบๆ

    “พี่เป็นไรปลุกก็ไม่ตื่น”น้องปันถาม

    “ไม่รู้”หมูบอก

    “เอาเถอะไปเก็บกาแฟกัน”พี่กี้บอกก่อนจะชวนหมูไปเก็บกาแฟ

    ก่อนทั้งหมดจะเดินลงมาจากครัวแล้วไปยังแปลงกาแฟซึ่งไม่ไกลจากบ้านมากนัก พอไปถึงก็เห็นแม่บัวคำเก็บกาแฟอยู่แล้ว

    “แม่เก็บอย่างไรครับ”พี่กี้ถามแม่บัวคำ แต่ดูเหมือนแม่จะไม่เข้าใจก่อนจะหันมาหาหมู

    “กาแฟเก็บจะใดแม่”หมูแปลกให้แม่บัวคำ

    “เก็บแต่หน่วยแดงๆนะลูก”แม่บัวคำบอก

    “แบบนี้ใช่ไมแม่”พี่กี้ลองเด็ดผลกาแฟที่มีสีแดงสดมาให้แม่บัวคำดู

    “ใช่ๆ”แม่บัวคำบอกพี่กี้จะลงมือเก็บกาแฟตามที่แม่บัวคำบอก

    ต่างคนต่างเก็บไม่นานนักก็มีพวกตะวันและครูผู้หญิงมาเก็บกาแฟด้วย แปลงปลูกกาแฟเป็นหน้าผาชันประมาณ70องศาเห็นจะได้ หมูเก็บตามต้นพลางเอาเม็ดกาแฟสีแดงสดเข้าปาก รสชาติของเนื้อกาแฟมันหวานพอดีแต่เมล็ดกาแฟอย่างไรก็กินไม่ได้อยู่ดีหมูเลยคายเมล็ดออกมา เมล็ดกาแฟสดมีสีขาวต่างจากเมล็ดที่คั่วแล้วที่มีสีออกคล้ำๆและมีกลิ่นหอม

    หลังจากที่หมูเก็บกาแฟจนพอใจก็ส่งต่อหึคนอื่นเก็บก่อนที่หมูจะเดินขึ้นจากแปลงกาแฟไปยังห้องครัวเพื่อกินน้ำสมุนไพรรางจืด ที่กำลังต้มพร้อมกับกล้วยปิ้งที่พี่โอ๊ตได้ปิ้งรอ

    “น่าจะกินได้แล้วละ”พี่โอ๊ต บอกก่อนจะหยิบกล้วยปิ้งออกมา

    หมูเอาจานมาใส่ก่อนจะเอาออกมาวางที่ระเบียงก่อนจะไปนั่งพิงข้างเสา

    พี่โอ๊ตตามออกมาก่อนที่เขาจะหยิบกล้วยปิ้งฝีมือเขาเองมาปลอกเปลือกแล้วเข้าปาก

    หมูนั่งมองดูว่าพี่เขาจะกินได้ไม ถ้าพี่โอ๊ตกินได้ เขาก็กินได้

    “โอ้โฮ แห้งเกินไปวะพี่โอ๊ตบนขึ้นมา

    หมูคิดถูกแล้วที่ไม่กินก่อนจะหันไปเห็นกล้วยน้ำว้าเป็นหวีเลย ผลสีเหลืองสุกทุกผล และยังปลูกโดยไม่สารเคมีอีกด้วย หมูถึงกับอดใจไม่ไหวบิดกล้วยมากินสะ

    “ทำอะไรกินอะ”เสียงของนัทเอ่ยขึ้นมาทำเอาหมูสะดุดตกใจ
    “มากินกล้วยปิ้ง”พี่โอ๊ตชวนมารับเคราะห์ด้วยกัน

    “ไม่เอาอยากกินกล้วย”นัทปฏิเสธความหวังดีประสงค์ร้ายของพี่โอ๊ตก่อนจะหันมาหยิบกล้วย

    พอมือมาถือกล้วยสายตาของนัทก็ผสานตากับหมู

    “ไปไหนมาละ”หมูเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงเขินอายนิดๆ

    “ไปสวนผักมา ว่าแต่บ่ายนี้จะไปเดินป่ากันใช่ไม”นัทบอกก่อนจะถามกลับ

    “ใช่ๆ เห็นว่าจะไปน้ำตกด้วย”หมูบอก

    “ขอบใจนะ”นัทบอกก่อนจะเดินลงไปที่บ้านของตน

    หมูมองตามนัทไปก่อนจะหันมาช่วยพี่โอ๊ตทำอาหารกลางวัน

    และอาจารย์โอ๊ตก็มาช่วยทำกับข้าวด้วยอีกแรง

    พี่กี้กับน้องปันมายังห้องครัวหลังจากเก็บกาแฟมา ทั้งคู่มากินน้ำจากหม้อดินซึ่งเย็นมากต่างจากน้ำในขวดพลาสติกละอีก

    “หมู”อาจารย์โอ๊ตเรียก

    “ครับอาจารย์”หมูขานรับ

    “ไปเอาเครื่องปรุงจากห้องครัวมาสิ”อาจารย์โอ๊ตยืนถ้วยให้พี่โอ๊ตเอาออกมาให้หมูก่อนจะตะโกนสั่งตามา

    “ได้ครับ”หมูรับก่อนจะวิ่งขึ้นไปเอาที่ห้องครัวครูซึ่งอยู่ไม่ไกลนักแต่มันก็ทำเอาเหนื่อยได้ เพราะทางที่ชันถึงจะไม่มากก็ตาม

    จนมาถึงห้องครัวครู

    “มาเอาอะไรหรือ”ครูปุ๊กถาม

    “ผมมาเอาเครื่องปรุงครับ”หมูบอก

    “มา”ครูเมล์เดินออกมาเอาถ้วยมาใส่เครื่องปรุงในครัวไม่นานครูเมล์ก็เอาถ้วยที่มีเครื่องปรุงพร้อมมาให้

    “ขอบคุณครับ”หมูขอบคุณครูก่อนจะวิ่งลงมาห้องครัวก่อนจะส่งต่อให้อาจารย์โอ๊ตลงผัดกับเส้นหมี่

    อาจารย์โอ๊ตผัดอาหารจนพร้อมเสร็จและก็มีต้นจืดเส้นหมี่ของพี่โอ๊ตและก็มรผัดหมี่คลุกน้ำปลาเมื่อเช้าด้วย

    สรุปกลางวันนี้ก็มีแต่เส้นหมี่เท่านั้นแหละ

    เมื่อพร้อมด้วยอาหารและข้าวสวยที่เกือบจะกลายเป็นข้าวหมูไปสะแล้วเพราะแม่บัวคำอยากให้เราได้กินอะไรดีๆข้าวก็ข้าวใหม่ร้อนๆไม่ใช่ข้าวเย็นแบบนี้ แต่อาจารย์กระศวรคุยกับแม่บัวคำจนแม่บัวคำยอม แต่อย่างน้อยแม่บัวคำก็อุ่นให้ทานได้อร่อยบ้าง

    เมื่อพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้วก็ลงมือรับประทานอาหารกันพอทานไปได้สัก นัทกับน้องอีกคนเดินขึ้นมา

    “ทานข้าวยัง”อาจารย์ไก่ถามนักเรียนของตน

    “ทานแล้วค่ะ”นัทตอบ

    “กินกับอะไร”อาจารย์ไก่ถาม

    “ปลากระป๋องค่ะ”นัทตอบก่อนจะเดินมามาหยิบกล้วยไปอีก ผล

    หมูกินข้าวเสร็จคนแรกแล้วก็ล้างจานก่อนจะเดินลงจากห้องครัวไปยังบ้านพักเพื่อเอาผ้าขาวม้ามาห่มตัวเพื่อเตรียมจะลงน้ำตกในช่วงบ่าย

    ก่อนจะเดินไปยังห้องครัวครูที่มีครัวกับนักเรียนนั่งเล่นอยู่

    “เธอหนาวหรือ”นักเรียนรุ่นพี่เอ่ยถาม

    “ครับๆ”หมูตอบสั่น

    “หมูหนาวเหรอ”พี่คนหนึ่งถาม

    “ครับ”หมูตอบสั้นอีกรอบ

    รุ่นพี่ต่างหัวเราะกัน

    “พี่ชื่อน้ำฝนนะ นี่แพนตี้”พี่น้ำฝนแนะนำให้หมูรู้จัก

    “เล่นunoไม”พี่น้ำฝนถาม

    “เล่นๆ”พี่แพนตี้บอก

    “ดี น้องมายไปเอามาปะ”พี่น้ำฝนให้เจ้าของไปเอาไพ่มา

    น้องมายเดินไปเอาไพ่unoมาเล่น

    พี่แพนตี้กับน้ำฝนช่วยกันสอนหมูเล่นพลางแซวหมูไปเล่นไป

    จนกระทั่งอาจารย์ที่นั่งกินข้าวอยู่ข้างบอกให้ไปช่วยขนของกินออกมาจ่ายแจกกันให้เด็กที่นั่งอยู่ในบ้านก่อน

    หมูเอาผ้ามาห่มตัวไว้หลังจากที่ขนของเสร็จ

    “หนาวจริงหรือ”พี่น้ำฝนสังเกตเห็น

    “หนาวจริง”หมูบอก

    “ไม่สบายหรือป่าว”พี่น้ำฝนถาม

    “ไม่เป็นไร”หมูบอกก่อนจะทำหน้าเศร้า

    “ไปเตรียมตัวได้แล้วละ”อาจารย์กันบอกให้นักเรียนที่นั่งรวมกันลงไปรวมที่โบสถ์

    ทั้งหมดย้ายตัวเองลงไปนั่งรอที่หน้าโบสถ์  พลางคุยกกันเล่นก่อนที่สายตาทุกคนจะหันไปเห็นรถที่ดูต่างจากรถชาวบ้าน

    “ครูใหญ่มา”หมูเอ่ยขึ้นมา ทำเอาทุกคนนิ่งไปตามๆกันเพราะไม่นึกว่าจะมาเร็วขนาดนี้

    “ผู้ชายไปตามเพื่อนมาเร็ว ผู้หญิงด้วย”อาจารย์ไก่บอกทุกคนจะแยกไปตามที่บอกหมูซึ่งเป็นผู้ชายคนเดียวในขณะนั้นรีบลงไปตามเพื่อนผู้ชายที่อยู่ด้านหน้าหมู่บ้านพอไปถึงก็เจอแต่กลุ่มของน้องพีพีและกลุ่มพี่เบสแต่ไม่เห็นปังปอนกับพวกเพื่อนร่วมบ้านเลย

    “พีพีเห็นปังปอนป่าว”หมูเอ่ยถาม

    “ไม่เห็นเลย คงไปเก็บผักอยู่ละ”น้องพีพีบอก

    “ตอนนี้เรียบขึ้นไปเลยอาจารย์ใหญ่มา”หมูบอกข่าวให้ทุกคนรู้ก่อนจะเรียบไปหาคนอื่นต่อ

    ต่างคนต่างกระจายข่าวกันไม่นานทุกคนก็มาร่วมตัวข้างโบสถ์

    หลังจากที่ประชุมครูกันเสร็จอาจารย์เฟิร์นบิ๊กบอสของค่ายนี้ก็เดินมา

    “สวัสดีนะคืนแรกคงจะหลับสบายกันดีนะ รู้จักกันหมดหรือยัง พยายามทำความรู้จักกันไว้นะ กิจกรรมต่อจากนี้จะเป็นการเดินป่ากันซึ่งป่านี่เป็นเขตที่ชาวบ้าน ทำพิธีสาปแช่งไว้ เพราะเมื่อกันมีการล่าสัตว์ในเขตนี้ มีคนเอาปืนมายิงปลาในหนองน้ำบาง ชาวบ้านเลยทำการสาปแช่งคนที่มาทำอย่างนี้ของให้มีอันเป็นไป มีเรื่องหนึ่งเกิดขึ้น คือมีชาวบ้านที่ไม่ได้ไปรวมพิธีเข้าไปล่าสัตว์ในเขตนี้ หลังจาทกที่เดินมานานก็ไปเจอเก้ง เขาเอาปืนจ่อเล็งจนแน่ใจเขาจึงลั่นไกปืน เก้งตัวนั้นตายก่อนที่พวกเขาจะนำเอาไปทำอาหาร หลายวันต่อมา ชาวบ้านคนนี้ก็ไปล่าเก้งเหมือนเดิมและก็มีเพื่อนเข้าไปด้วยต่างคนต่างหาเก้งแต่ก็ไม่เจอเลยจนใกล้จะเย็นแล้วในที่สุดก็เจอเก้ง เขาจึงจ่อปืนเล็งเหมือนเดิมพอลั่นไกปัง กลายเป็นว่าเก้งตัวนั้นเป็นเพื่อนของเขาเองและเพื่อก็ยิงชาวบ้านคนนั้นเหมือนกัน การที่จะยิงสัตว์ต้องเล็งจนแน่ใจว่าโดนแน่ๆ เพราะถ้ายิงพลาดวันนั้นก็จะไม่ได้อะไร พวกเธอก็รอคิดดูละกัน วันนี้พวกเราอาจจะเข้าไปในเขตนั้น สำรวมกันหน่อยละกัน”อาจารย์เฟิร์นเอ่ยถามสาระทุกข์สุขดิบ ก่อนจะบอกเล่ากิจกรรมยามบ่ายก่อนจะเอ่ยเตือน

    “รออาจารย์กันหน่อยตอนนี้ก็คุยความรู้จักกันสะ”อาจารย์มองซ้ายมองขวาก่อนจะบอกให้นักเรียนคุยกันไป

    “หมู เงียบไปไหนเป็นอะไร”ปังปอนถาม

    “หมูหนาวหรือ”น้ำฝนถามต่อ

    “ป่าวไม่มีอะไร”หมูตอบ
    “ปังปอนคุยกับใครกัน”หมูถามปังปอน

    “พี่นุ่น ลำปาง”ปังปอนแนะนำ

    หมูยังไม่ทันทักทายอาจารย์เฟิร์นก๋กลับมาพร้อมครูที่เปลี่ยนชุดเรียบ แต่หมูลองสังเกตมีแต่หมูปังปอนและน้องพีพีที่ใส่ชุดที่พร้อมลุยป่าแต่คนอื่นๆใส่ชุดที่พร้อมจะไปเล่นน้ำตก

    หมูยังมีผ้าขาวม้าห่มตัวก่อนจะออกเดินทางหมูนั่งนิ่งๆสักพัก

    “อะ ลุกขึ้นแล้วตามกันไปเลยนะ”อาจารย์กันบอกให้นักเรียนลุกแล้วเดินตามพ่อเกษมไป

    หมูลุกขึ้นแล้วเดินตามไปเดินลงมาถึงสามแยกก่อนจะหักซ้ายลงไปยังทางแยกก่อนจะหยุดเดินเพื่อรอผู้หญิงไปเข้าห้องน้ำ ทันใดนั้น ปังปอนที่แอบดาบขนมจากครูมารีบแจกจ่ายให้เพื่อนที่ยังอยู่ร่วมทั้งหมูด้วย

    หลังจากที่กลับมากันคบก็เดินกันต่อ หมูเดินสบายเพราะเคยมาที่นี่และเขาก็เคยเดินป่ามาก่อนจึงดูง่ายๆกับกิจกรรมนี้ เมื่อเดินมาตามถนนได้สักพัก หมูรู้สึกว่ามีคนดึงชายผ้าขาวที่เขาเอามาคาดเอวไว้

    หมูร้องหันไปดูชายก็พบว่า มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งจับชายผ้าขาวมาไว้

    “อย่าหยุดเดินสิ เดินต่อ”เด็กสาวสั่งให้หมูเดินต่อไป

    “ครับๆ”หมูถ่อมตัวก่อนจะเดินต่อไป

    “น้องหนุน ถ้าพี่เขาล้มละ”นัทซึ่งเดินตามหลังมาถามเด็กสาวคนนั้น

    “ถ้าล้มไปด้วยกัน”น้องหนุนบอก

    หมูส่ายหัวก่อนจะหันไปมองนัท

    “พี่นัทมาจับด้วยกันสิ”น้องหนุนชวนนัทมาจับชายผ้าขาวม้าของหมูด้วย

    นัทก็เอามือมาจับชายผ้าของหมูด้วย

    เหมือนเป็นการเพิ่มภาระให้ไม่น้อย ยิ่งอาการเขินอายใจสั่นบอกไม่ถูกด้วยแล้ว

    “ระวังนะด้านหน้าจะเป็นป่าแล้ว”หมูหันไปเตือนก็เห็นแต่หน้าของน้องหนุนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้

    “อะไรกัน”หมูคิดด้วยความสงสัย

    ก่อนที่แถวจะหักเข้าทางดินที่ติดไปตามป่าทางเดินแคบทางซ้ายเป็นเนินเขา ด้านขวาเป็นเหว ลงไปไม่เจ็บหนักก็ให้รู้ไปอีกอย่างด้านที่เป็นเหวมีหญ้าขึ้นปกคลุมมากถ้าไปเดินดีๆก็มีสิทธิ์ตกไปได้

    “ว้ายๆ”ขาของนัทล่วงลงไปแต่น้องหนุนก็คว้าไว้ได้ก่อนแต่ก็มีท่าว่าจะล่วงตามไปด้วยแต่โชคดีที่มือของน้องหนุนจับชายผ้าขาวม้าของหมูไว้อยู่ก็ไม่พลาดตกลงไปอีกคนก่อนจะช่วยกันดึงตัวนัทขึ้นมา

    “ขอบใจมากนะ หนุน”นัท ขอบคุณน้องหนุน

    “ถ้าไม่ได้พี่หมูด้วยก็คงไม่รอดเหมือนกัน จริงไมพี่หมู”น้องหนุนกล่าวก่อนจะเอ่ยถึงผู้รวมช่วยเหลืออีกคนแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับกลับมา

    “พี่ พี่”น้องหนุนพยายามเรียกหมูแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ

    “หมู”นัทเดินเข้ามาด้านหลังก่อนจะเอามือมาแตะ ทันใดนั้นหมูก็เข่าอ่อนล้มลงหน้าเขียวด้วยอาการแน่น

    “พี่หมูจุกจนหน้าเขียวแล้วละ”น้องหนุนบอก

    โชคดีที่มีพี่โอ๊ตซึ่งปิดท้ายขบวนมาเจอเข้า พี่โอ๊ตพอจะช่วยปฐมพยาบาลได้ เขาจึงเรียบช่วยหรือทันที

    “ขอบใจมากนะครับ”อาการของหมูดีขึ้นก่อนที่เขาจะเอ่ยขอบคุณพี่โอ๊ต

    “ไปกันต่อเถอะ”พี่โอ๊ตดึงมือหมูขึ้นมายืนก่อนที่หมูจัดตัวเองเพื่อให้พร้อมเดินไม่ใช่แค่หมูเท่านั้นพอหมูยื่นได้น้องหนุนก็คว้าชายผ้าขาวม้าต่อ

    “ระวังหน่อยนะพี่เขายังจุกอยู่”นัทเตือนด้วยความหวังดี

    “จ้า”น้องหนุนขานรับก่อนจะออกเดดินทางกันต่อแต่กว่าจะเดินไปต่อได้ กลุ่มแรกก็ออกไปไกลแล้ว

    ทางกว้างขึ้นบ้างแต่ก็ไปเจออุปสรรคใหม่คือต้นไม้ใหญ่หักขวางอยู่

    “ค่อยๆไปนะลูกแม่บัวคำที่ตามหลังมาบอกเตือนลูกๆ

    “หนุนปล่อยพี่ก่อน”หมูบอกให้น้องหนุนปล่อยชายผ้าขาวม้า น้องหนุนไม่ค่อยจะพอใจนิดแต่ก็ต้องปล่อยเพราะด้านหน้ามีอุปสรรคอยู่

    หมูซึ่งเคยมาที่นี่ก่อนก่อนเดินลอดๆบีบๆผ่านไปได้ง่ายๆแต่พอ

    พอถึงตาน้องหนุนหมูก็เข้าไปรอรับอย่างปลอดภัย แต่พอนัทข้ามมาเกิดไปพลาดที่ไหนทำให้เสียหลักแต่หมูเข้าไปรับด้านแรงที่ตกลงมาทำให้ร่างของทั้งคู่เซไปชนเนินเขา

    “เป็นไรหรือป่าว”หมูถาม

    “ไม่เป็นไร”นัทบอกก่อนจะลุกขึ้นมาปัดดินออกจากตัว

    แต่หมูกลับทรุดลงไปอีกรอบด้วยอาการจุกอีกครั้ง

    “ไว้ไมละ”นัทถาม

    “ไว้ๆ”หมูลุกขึ้นมาปัดเนื้อปัดตัวก่อนจะเดินต่อโดยมีน้องหนุนที่ยังเกาะติดหลังอยู่

    เมื่อมาถึงทางแยกก็เกิดหลงกับกลุ่มแรกแต่ยังมีแม่บัวคำที่ตามมาอยู่ช่วยนำทางไปยังน้ำตกที่อยู่ไม่ใกล้

    เสียงน้ำตกดังไม่หากมากนักหลายคนต่างตื่นเต้นที่จะเห็นน้ำตก ทางสู่น้ำตกต้องผ่านธารน้ำต้องปีนขึ้นหิน ไต่ท่อนไม้ จนกระทั่ง

    “ในที่สุด”น้องหนุนตะโกนขึ้นทุกคนที่มาถึงที่นี้ต่างตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็นน้ำตกที่อยู่ตรงหน้า

    น้ำตก หวาดทะเล น้ำตกที่ซ่อนอยู่ในป่าที่ยังไม่ค่อยมีใครเข้าไปเที่ยวเท่าไร หวาดทะเล คือ แอ่งน้ำที่มีต้นไผ่หวาดขึ้นเต็มไปหมด

    ทุกคนต่างคนต่างพากันไปเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน ส่วนหมูปังปอนยืนดูเพื่อนเล่นน้ำกัน

    “หมูมาเล่นน้ำด้วยกันสิ”พี่น้ำฝนชวนหมูไปเล่นน้ำด้วยกัน

    อาจารย์โอ๊ต พี่โอ๊ตและอาจารย์กันที่ลงไปเล่นน้ำด้วยแต่อยู่ชั้นล่าง บังเอิญหันไปเห็นอะไรคล้ายเศษหญ้าแต่ดูสดๆขดอยู่ ทั้งหมดรู้ได้เลยว่ามันคืองูเขียวแน่ๆ

    “นักเรียนไปกันเถอะ เดี๋ยวลงไปดูพลังงานไฟฟ้าพลังน้ำ”อาจารย์กันเรียกนักเรียน

    ทุกคนต่างไม่พอใจที่พึ่งเล่นน้ำแต่ก็ไม่ใครปฏิเสธทุกคนเดินออกมาจากน้ำตกโดยมีอาจารย์โอ๊ตกั้นทางที่มีงูไว้ก่อนที่พ่อเกษมจะตรงเข้าไปปิดชีพเจ้างูตัวตัวนั้นโดยใช้มีดทุบหัวก่อนจะตัวคองูจนกระทั้งมันตายเพื่อความปลอดภัยของทุกคนหมูช่วยประคองทุกคนลงจากน้ำตกแล้วขึ้นฝั้งก่อนที่ตนจะเดินตามขึ้นมาด้วยความชำนาญในการเดินป่าตั้งแต่ ป.5ก่อนทีพ่อเกษมจะนำลงไปตาทางลาดชันที่มีไม้เถาขึ้นหากเดินตัวแห้งก็ว่าลำบากแล้วแต่หลายคนตัวเปียกและเสื้อก็อมน้ำไว้ด้วยทำให้เดินลำบากเข้าไปอีก

    หมูค่อยๆเดินลงมาตามที่ได้สะสมประสบการณ์มาแต่ก็ไม่วาย หกล้มไปบางเล็กน้อย

    จนกระทั่งมาถึงพื้นที่ราบก็ไปเจอลำธารน้ำที่ไล่มาจากน้ำตกมาหมูเดินข้ามน้ำไป

    “หมูรับ”ปังปอนเรียกก่อนจะโยนอมยิ้มให้หมู

    “ขอบใจ”หมูรับอมยิ้มอย่างไม่พลาดก่อนจะเอ่ยขอบใจปังปอน

    ทันใดนั้นก็มีมือมาดึงชายผ้าขาวม้าอีกครั้ง

    “ไปเลยพี่”น้องหนุนใจร้อนรีบจะไป

    หมูก็เดินตามที่น้องเขาขอ หันไปมองเพื่อนๆที่ยังนั่งรวมทั้งอาจารย์ผู้จัดการค่ายอีกด้วย ส่วนในลำธารก็มีอาจารย์กระศวรจับสัตว์น้ำในลำธารอย่างสนุกสนาน

    ทันใดนั้น น้องหนุนก็ลื่นตกคันนาไป

    “พี่ว่าตรงนี้เองดีกว่านะ”หมูแนะนำน้องหนุน น้องเขาก็ยอมเดินเองหมูเมื่อได้รับอิสระอีกครั้งก่อนจะเดินลุยนาที่มีแต่ซางข้าวอย่างสบายใจไม่ห่างนักอาจารย์โอ๊ต กับพี่โอ๊ตวิ่งลุยกระโดดลงนาขั้นบันใดไปอย่างรวดเร็วก่อนจะล้มกลิ้งกับกองฟางที่อยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก ทุกคนต่างโฮร้องด้วยความตลกของทั้งคู่

    พวกเราเดินเล่นกันอย่างสนุกสนาน แต่ก็ยังมีการแบ่งกลุ่มกัน ปังปอนเป็นที่ถูกใจของพวกศรีราชา

    น้องพีพีก็เหมือนกันที่อยู่กับเด็กกรุงเทพ

    พี่เจเจอยู่กับหมูกับกลุ่มลำปางกับเด็กเล็กๆ

    ทุกคนออกมาถึงถนน ทันที่ที่ถึงถนนหมูก็เหมือนกับมาเป็นทาสของน้องหนุนอีกครั้ง

    “ปะ พี่เดินไป”น้องหนุนสั่ง

    หมูก็ไม่ได้ขัดขื่นอะไรก่อนจะเดินไปที่ฝายที่เขาพึ่งมาเมื่อเช้านี้

    ต่างคนก็ต่างลงเล่นน้ำรวมถึงหมูด้วยพวกที่ไม่ได้เล่นหรือเล่นน้ำที่น้ำต่างพร้อมใจกันลงน้ำยกเว้นคนที่มีหน้าที่ถือกล้องถ่ายรูปอย่างน้องพีพีที่ไม่ได้ลง

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×