ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พบรักที่ปลายดอย

    ลำดับตอนที่ #2 : 2 การเดินทาง

    • อัปเดตล่าสุด 5 มี.ค. 56


    วันที่สองหมูตื่นนอนตอนตี4 เพื่อทำธุระส่วนตัวและเตรียมตัวที่จะทำงานในวันนี้ ซึ่งมีกำหนดขึ้นไปยังหมู่บ้านที่ได้กำหนดไว้ตั้งแต่ต้น

    หมูเดินลงมาจากตึกจนมาถึงห้องน้ำแล้วจัดการล้างหน้าแปรงฟัน บรรยากาศมืดมิด ลมพัดมาโดนตัว เขามองซ้ายมองขวาไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียว หมูรีบแปรงฟันเพื่อจะได้รีบขึ้นไปบนห้อง ทันใดนั้นเขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่เดินก้าวมายังที่ๆเขาอยู่

    หมูไม่รู้ว่าเป็นใคร จะว่าไปโรงเรียนเรามีประวัติมากมายเลย ทั้งศพของอาจารย์ใหญ่ที่ถูกฝังไว้ใต้อาคารที่ผู้หญิงนอนหรือ ชายโบราณที่ตึกเตี้ย หรือเรื่องที่มีคนตายในขณะที่สร้างตึกที่ใช้เก็บสัมภาระในวันแรกก็มีหรือเหล่านักเรียนที่ตายไปช่วงมีชีวิตอยู่แล้วจิตผูกพันกับโรงเรียนก็มี ให้ตายเถอะเขาคิดอะไรกันอยู่ เสียงเท้านั้นเข้ามาใกล้แล้ว

    ทันใดนั้น

    “อ้าว หมูลงมาแต่เช้าเลยนะ”เบสถือขันพร้อมกับแปรงสีฟันเข้ามาในห้องน้ำก่อนจะเห็นหมูที่ฟองยาสีฟันเต็มปาก

    “เช้าที่ไหน ตีสี่แล้ว”หมูบอกก่อนจะล้างหน้าล้างตา

    “อยู่ด้วยกันก่อน”เบสบอก

    “ก็ได้”หมูยืนรออยู่อยู่หน้ากระจกหน้าห้องน้ำก่อนส่องดูหน้าตาตัวเอง เข้าเห็นผู้หญิงใส่ชุดพละของโรงเรียนเข้าเดินอยู่ห่างออกไป

    “คงจะเป็นสักคนละ”หมูพูดกับตัวเอง ก่อนที่เบสจะออกมาและก็เดินไปยังห้องที่เราพัก ส่วนผู้หญิงคนนั้นหลังจากที่ทั้งคู่หลังให้เธอก็หายตัวไปทันที

    หมูกะเบสเดินขึ้นมาถึงห้องพัก แล้วก็เอาของเก็บแล้วจัดการเต็มกระเป๋าเพื่อจะขนขึ้นดอย ในขณะที่บ้างคนยังสลบอยู่ในถุงนอนอยู่

    “รีบตื่นทำไมวะ”ก้องตื่นขึ้นมาถามหลังจากที่มีเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ

    “ตีห้าแล้ว เขาก็เริ่มตื่นกันแล้วละ”หมูบอกก้อง

    ก้องยกนาฬิกาขึ้นมาดูก่อนจะหลับต่อโดยไม่สนใจอะไร

    ส่วนคนอื่นๆที่ตื่นมาก็ทยอยลงไปทำธุระส่วนตัวกันแล้วก็ขึ้นมาเก็บของเพื่อเตรียมขึ้นดอย

    จนกระทั่งตีห้าครึ่งความวุ่นวายไม่แค่ห้องเดียวแต่เป็นทั้งตึกเริ่มขึ้น มันสามารถปลุกคนที่ยังนอนอยู่ได้ดีเลย

    ทุกคนในแต่ละห้องรีบเก็บสัมภาระที่จะต้องขึ้นดอยกันมีแต่ห้องของเจ้าภาพที่มีบางคนออกมานั่งรอเวลาแล้ว

    “พี่หมู พี่คิดว่าเราจะเจออะไรบ้าง”น้องพีพีเอ่ยถามถึงเรื่องวันนี้

    “พี่คิดว่านะ เราจะได้เจอวิวน้ำตกสวยๆที่มีหมอกลงเป็นชั้นๆ”หมูพรรณนา

    “ก็ดีนะ”น้องพีพีบอก

    6.30น.

    นักเรียนทั้งหมดไปรวมตัวกันที่โรงอาหารเพื่อรับประทานอาหารเช้ากัน ทีมงานเองก็มานั่งกินข้าวเหมือนกัน

    “ต้องแยกกันแล้ว เตรียมตัวไว้เลย”ม่อนมาเป็นกำลังใจให้

    “แล้วพี่ละ”ปังปอนถาม

    “พี่ก็ไม่ได้ขึ้นดอยหรอก พี่จะไปเที่ยวสักหน่อย”ม่อนบอก

    “ชิวๆจริงๆ”พีพีบอก

    “พระเจ้าคุ้มครองทุกคนนะทำหน้าที่เจ้าภาพให้ดีละกัน”ม่อนอวยพรตามภาษาคนคริสต์

    “ครับพี่”ทุกคนรับพรก่อนจะรีบเก็บโต๊ะแล้วหันไปเตรียมยกสัมภาระขึ้นรถเมล์

    โดยที่ทางด้านโรงเรียนจากกรุงเทพที่มีรถบัสมา ก็ใช้รถของตัวเองเพื่อไปยังสถานที่แรกส่วนโรงเรียนที่ไม่มีรถบัสมารวมทั้งโรงเรียนเจ้าภาพด้วย ทางเจ้าภาพได้จัดรถเมล์มาให้สองคันมารับส่ง

    เมื่อถึงกำหนด นักเรียนก็ทยอยขึ้นรถที่จัดกันไว้ ส่วนเจ้าภาพแยกไปประจำรถเมล์สองคัน

    ไม่ช้ารถแต่ละคันก็แล่นออกจากโรงเรียนไปสู่เป้าหมายแรกที่จอมทอง ระหว่างทางพวกเราก็เสวนากันไปจนทันใดนั้น รถก็เบียดเข้าซ้ายก็จะจอด

    “นักเรียนรถเราเสียนะ เดียวเขาจะส่งรถคันใหม่มารับ”ครูที่คุมรถคันนี้ขึ้นมาประกาศ ทำให้นักเรียนบางคนถึงกับเซ็งไปเลย ก่อนที่จะลงจากรถาส่วนพวกผู้ชายก็ช่วยกันขนสัมภาระลงจากรถ เพื่อมานั่งรอรถคันใหม่

    หลังจากลงจากรถมาแล้ว นักเรียนและอาจารย์ที่คุมนักเรียนแต่ละโรงเรียนก็แยกกันไปนั่งเป็นกลุ่มคุยสนทนากัน

    แต่มีปังปอน ก้องและหมูที่คอยเดินป่วนปล่อยมุขสร้างรอยยิ้มและเสียงหัวเราะกัน

    รอได้ประมาณสิบห้านาทีได้ รถคันใหม่ก็มา นักเรียนยกสัมภาระขึ้นรถอีกครั้งหลังจากนั้นก็ทยอยขึ้นรถกันจนหมด รถแล่นออกจากจุดนั้น ทิ้งรถที่เสียไว้ตรงนั้น

    รถเมล์สี่ส้มแล่นออกนอกเมื่อไปเรื่อยๆ บรรยากาศสองข้างทางเป็นบ้านเรือนสลับทุ่งนาสีเหลืองทองของรวงข้าว มีกลิ่นหอมลอยมาเตะจมูกตลอดเวลา

    เรานั่งเล่นต่อเพลงกันไปมาไม่นานรถก็เข้าถึงเขตจอมทอง ก่อนจะลัดเข้าซอยที่มีทุ่งนาสองข้างทางมองไปไกลๆมีดอยอินทนนท์เป็นฉากหลัง ไม่นานรถก็มาถึงจุดนัดพบ  นักเรียนนั่งรออยู่เป็นหมู่บ้าน รถแล่นเลยไปเพื่อกลับรถก่อนจะ กลับมาจอดให้นักเรียนลง

    นักเรียนทยอยลงพร้อมสัมภาระของตนแล้วตรงไปเข้าแถวตามหมู่บ้านของตน

    “มาช้าจังเลยวะ”ปังปอนถาม

    “รถเสีย”หมูตอบ

    “ถือเลย”ปังปอนยื่นป้ายหมู่บ้านให้หมูถือ

    หมูรับป้ายมาก่อนจะเดินไปยืนที่หัวแถวก่อนปังปอนจะเดินไปนั่งท้ายแถว ช่างรักเพื่อนจริงๆ

    “ถึงเวลาแล้ว หมู่บ้านแรก ป่ากล้วยลุกแล้วเอาสัมภาระไปยังรถคันแรกเลย”อาจารย์โอเรียกหมู่บ้านแรกให้ลุกขึ้นแล้วนสัมภาระไปไว้ที่รถคันแรก อาจารย์อีกสองคนและเอิร์ทกับฟลุ๊กช่วยจัดคนขึ้นรถ

    พวกเราได้ขึ้นรถเป็นคันที่สอง ก็ที่สมาชิกหมู่บ้านจะนำของไปไว้รถคันที่สองต่อจากอีกคันแรก ก่อนจะเดินมาขึ้นรถที่อยู่ด้านหลัง กลุ่มของผู้หญิงแยกไปขึ้นรถกระบะคันแรก ส่วนผู้ชายก็แยกขึ้นรถที่เหลืออีกสี่คัน

    ปังปอน หมู น้องพีพีเดินไปขึ้นรถคันที่หา และมีพี่อีกสองคนมาขึ้นด้วยก่อนที่รถจะออกก็มีพี่อีกสองคนมาขึ้นรถ

    “พี่เศษ พี่โอ๊ตไปด้วยหรือ”ปังปอนเอ่ยทักรุ่นพี่อีกสองคน

    “อืมๆ”ทั้งคู่ตอบพร้อมกัน

    ก่อนที่รถจะแล่นออกไป เพื่อไปสู่เป้าหมายที่สอง น้ำตกแม่ยะ ระหว่างรถเคลื่อนไปตามถนนก็มีการเสวนากัน

    “พี่สองคนชื่ออะไรบ้างละครับ และโรงเรียนอะไรบ้าง”ปังปอนถาม

    “พี่ชื่อ เบส จากระนอง สายศิลป์”เบสจากระนองแนะนำตัว

    “พี่ชื่อกี้ จากกรุงเทพ สายวิทย์”กี้แนะนำเป็นคนที่สอง

    “พี่เศษพี่ติดคณะอะไรนะ”ปังปอนหันไปถามเศษที่นั่งอยู่ขอบกระบะ

    “พี่ติด คณะวิทยาศาสตร์ โครงการพิเศษ”เศษบอก

    “อิจฉาจัง แล้วพี่สองคนละ”น้องพีพีอิจฉาก่อนจะหันไปถามพี่เบสกับพี่กี้

    “พี่จะเข้านิเทศ สื่อและเสียง จุฬา”เบสบอก

    “พี่ยังไม่ได้คิดเลย”พี่กี้บอก

    “พี่ยังไม่ได้คิดเลยหรือ”ปังปอนถึงกับงง

    “คือพวกผมคิดไว้แล้ว แค่ม.4เอง”หมูอธิบายขยายความปังปอน

    “พี่ก็พึงมาคิดตอนม.5เองนะ”พี่เบสบอก

    “ม.4ที่เชียงใหม่เข้าให้คิดไว้แล้ว เด็กเชียงใหม่ก็มีแค่ หมอไม่ก็ทันตะไม่ก็เภสัชเท่านั้น ”พี่เศษขยายความต่อ

    “อย่านี้เอง”พี่เบสเข้าใจ

    ไม่นานรถก็มาถึงเป้าหมายที่สองคือ น้ำตกแม่ยะ

    “นักเรียนไปกินข้าวในน้ำตกแล้วเก็บด้วยนะ”อาจารย์กันประกาศให้นักเรียนทราบก่อนที่นักเรียนจะเดินเข้าไปในน้ำตกแม่ยะ เขตอุทยานดอยอินทนนท์

    เมื่อมาถึงน้ำตกนักเรียนที่มาถึงก็แยกกันไปตามที่ว่างๆแถวน้ำตก บางคนก็ลงเล่นน้ำที่น้ำตก บางคนก็นั่งกินข้าว

    หมู ปังปอน น้องพีพี นั่งเล่นกันที่ลานหินใกล้น้ำตกก่อนจะนักเรียนของโรงเรียนเจ้าภาพมานั่งกินด้วย หมูใช่เวลาทานข้าวไม่นานก็ลุกออกจากวงนั้นไปก่อนจะออกเพื่อเอาขยะไปทิ้งก่อนจะเห็นเด็กผู้หญิงสองนั่งทานข้าวอยู่ที่ม้านั่ง

    “พวกเธอ”หมูจะเข้าไปทักแต่อยู่ก็เกิดอาการเดิมขึ้นมาแต่หมูก็ทำหน้าตายสู้

    “มีอะไรหรือ”นัทถาม

    “พวกเธออยู่ลำปางใช่ไม”หมูถาม

    “ใช่ๆ”นัทตอบ

    “เธอรู้จัก เมย์ สุวิมล ไม”หมูถาม

    “...อ้อ เรียนเก่งมากเลยนะ ติดที่เชียงใหม่คนเดียวสะด้วย”นัทบอก

    “ขอบใจมากนะ”หมูรีบขอบคุณเพราะเริ่มจะสู่อาการไม่ไหวแล้วก่อนจะรีบเดินออกไป

    “นัท นัท นัท”เพื่อนข้างๆนั้นเรียกเธอ

    “อะไร”นัทสะดุด ขึ้นมาหลังจากที่มองตามหลังหมูไป

    “เป็นอะไรหรือป่าว”เพื่อนถาม

    “ไม่มีอะไรหรอก”นัทตอบ

    หมูเดินไปยังชั้นบนสุดของน้ำตกซึ่งทางขึ้นก็ไม่ได้ลำบากอะไรมาก ก่อนจะเดินลงมารวมกลุ่มกะโรงเรียนของตน

    “นักเรียนบ้านตีนตก ป่ากล้วย ขึ้นได้แล้ว รถจะออกแล้ว”อาจารย์โอที่พึ่งตามขึ้นมาเรียกนักเรียนสองหมู่บ้านนี้

    “ปะ”หมูรีบเดินออกจากน้ำตกก่อนใครเพื่อน

    ก่อนจะมายืนรอพร้อมป้ายหมู่บ้านมารอ โดยมีเจเจยืนอยู่ข้างๆ

    ไม่นานสมาชิกในหมู่บ้านก็มารวมตัวกันจับกลุ่มเพื่อเตรียมตัวขึ้นรถ

    ทุกคนในหมู่บ้านแยกกันไปขึ้นรถไม่ช้า รถก็ออกจากน้ำตกแม่ยะสู่หมู่บ้านของเรา “ตีนตก”

    ทางขึ้นหมู่บ้านเป็นทางชันลัดไปตามแนวเขาซึ่งวิวสวยมาก

    รถที่หมู ปังปอนนั่งนั้นเกิดเสียขณะที่กำลังไต่ขึ้นเนินทำเอารถติดยาวเลย แต่ชาวบ้านก็พอมีความรู้สามารถซ่อมรถได้ รถกลับมาใช่ได้อีกครั้ง พวกเรารีบกระโดดขึ้นรถก่อนที่รถจะพุ่งออกตัวอย่างรวดเร็ว

    ระหว่างทางพี่เบสก็เอากล้องถ่ายรูปวิวข้างทางซึ่งเป็นนาขั้นบันได แล้วก็มีวิวของตัวเมืองจอมทองซึ่งเราพึ่งจะจากมาท่ามกลางกลุ่มเมฆที่เมื่อเช้าเป็นทะเลหมอก เวลาตอนนี้บ่าย2โมงแดดร้อนมากเพราะใกล้กับดวงอาทิตย์

    ระหว่างทางก็คุยกันเรื่องกล้องถ่ายรูป เรื่องชมรมถ่ายภาพ บ้าง การเรียนบ้างจนกระทั่งมาถึงหมู่บ้าน

    เมื่อลงจากรถได้ ก็เกิดอาการปวดเมื่อยกันด้วยระยะทางที่ไกล

    เมื่อมาถึงนักเรียนก็เอากระเป๋าลงจากรถมาวางหน้าโบสถ์คริสต์ ก่อนจะนั่งรอการจัดสรรของคณะอาจารย์กับผู้ใหญ่บ้าน

    ไม่นานอาจารย์กันก็กลับมา

    “นักเรียนนี้คือรายชื่อของแต่ละบ้านนะ”อาจารย์กันเอ่ยนำ

    ก่อนจะแยกผู้หญิงก่อนและต่อด้วยผู้ชาย บ้านแต่ละบ้านถูกแยกออกหลังละ3คนบางหลังก็มี4คน

    ปังปอน อยู่กับเด็กจากชลบุรี น้องพีพีแยกไปอยู่กับเด็กจากฉะเชิงเทรา และพานิช

    พี่เจเจแยกไปอยู่กับเด็กจากชลบุรีและบางรัก

    ส่วนหมูได้อยู่กับพี่กี้และเด็กจากชลบุรีและบางรักและพี่โอ๊ต

    หลังจากนั้นต่างคนต่างก็แยกกันไปตามบ้านที่กำหนด

    บ้านเรามีเจ้าของชื่อ พ่อเกษมและแม่บัวคำซึ่งเมื่อปี่ที่แล้วหมูได้เคยมาพักที่บ้านของท่านทั้งสอง

    ไม่นานแม่บัวคำก็มาถึงและรับพวกเราไปยังบ้าน

    “แม่ จำผมได้ก้อ”หมูเอ่ยถาม

    “จำได้ จำได้”แม่บัวคำมองหน้าก็จะนึกออก

    “๑โอ มุด เชอ เปอ”หมูทักทายเป็นภาษาปกา กะ ญอ

    “โอ มุด เชอ เปอ “แม่บัวคำทักทายกลับ

    “นี้ เป็นเปื้อนที่จะอยู่โตยเน้อแม่”หมูแนะนำทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องที่จะมาพักที่บ้านหลังดียวกัน

    “โอ มุด เชอ เปอ”พี่กี้เอ่ยต่อก่อนที่ทุกคนจะเรียงตัวกันมาทักทาย

    “บ้านหลังนี้เลยเน้อ”แม่บัวคำชี้ไปยังบ้านใหญ่ที่อยู่ไปใกล้จากที่ยืน

     

    โอ มุด เชอ เปอ เป็นการทักทายของชนเผ่า ปกา กะ ญอ

     

    “บ้านใหญ่กะ แม่”หมูถาม

    “จ้า”แม่บัวคำบอก

    หมูเดินนำขึ้นบ้านไปก่อนแล้วก็จัดกระเป๋า แม่บัวคำได้จัดที่นอนผ้าห่มให้เรียบร้อย

    “พี่กี้ไปจะนอนไหน”หมูเอ่ยถาม

    “ปันจะนอนไหน”พี่กี้หันไปถามสมาชิกที่ตัวเล็กที่สุดในบ้าน

    “นอนตรงนี้เลย”ปันเด็กน้อย ป.6จากบางรักรีบเข้าไปนั่งจับจ้องที่นอนของตน

    “งั้นพี่นอนนี้แล้วละกัน”พี่กี้เดินไปไว้สัมภาระที่ข้างนอนน้องปัน

    “ผมเอาตรงนี้ละกัน”หมูวางกระเป๋าลงที่ที่นอนที่ใกล้ที่นั่ง

    พี่โอ๊ตนอนริมสุดด้านใกล้ผนัง ส่วนเด็กศรีราชานอนใกล้พี่กี้

    หลังจากที่จัดการสัมภาระก็พากันไปอาบน้ำหมูเดินไปยังห้องครัวซึ่งเป็นบ้านหลังเก่าสุดของครอบครัวนี้

    “ของกิ๋นมียังพองกาแม่”หมูถามแม่บัวคำที่กำลังก่อไฟเพื่อประกอบอาหาร

    “ของที่ลูกได้มามีไหน”แม่บัวคำถาม

    “แม่ อยู่บนบ้านเดี๋ยวผมไปเอามาเน้อ”หมูนึกออกว่าเสบียงที่ได้รับจากกองกลางถูกขนขึ้นบนบ้านหมดเลย

    “จ้า จ้า”แม่บัวคำรับ ก่อนหมูจะเดินลงจากห้องครัวเดินกลับบ้านหลังใหญ่

    พี่กี้กับน้องปันอาบน้ำเสร็จพอดีเลยจะอาสาเอาเสบียงที่ได้มาไปให้แม่ที่ห้องครัว

    ก่อนที่หมูจะลงมาอาบน้ำ

    น้ำแม้จะไม่หนาวเต็มขั้นแต่มันก็ทำให้สะท้านได้เมื่อโดนตัวแค่นิดเดียว หมูรีบอาบน้ำ สระผม ล้างหน้าก่อนจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะรีบไปยังห้องครัวที่มีไฟให้ความอบอุ่นรอยู่

    เมื่อมาถึงห้องครัวหมูก็รีบไปนั่งใกล้ที่ประกอบอาหารเพื่อรับความอบอุ่นจากไฟ

    ในห้องครัวไม่ใช่มีแค่พี่กี้ น้องปัน แม่บัวคำ ยังมีแมวสองแม่ลูกมานั่งพิงไฟด้วย

    “มีอะไรกินบ้าง”น้ำเสียงกวนๆดังขึ้นมาพร้อมกับการปรากฏตัวของชายคนหนึ่งซึ่งหมูรู้ว่าใคร

    “มี ๑ออม แม ครู กะศวร”แม่บัวคำเอ่ยบอก

    “ออม แม เสร็จพอดีเลย”อาจารย์กะศวรตอบกลับ

    แม่บัวคำจัดสำรับข้าวให้พวกเรา หมูที่พอจะรู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็ช่วยแม่บัวคำจัดสำรับส่วนที่เหลือออกไปรอที่ชายคาระเบียงหน้าห้องครัวเพื่อรอรับประทานอาหารในมื้อแรกบนดอย

    มื้อแรกบนดอยนี้มีไข่เจียว ปลาแห้งทอด ต้มเส้นหมี่ หมี่ผัด และก็ข้าวดอยซึ่งแตกต่างจากข้าวหอมมะลิอยู่

    มาก

     ๑ ออม แม ภาษาปกา กะ ญอ แปลว่า กินข้าว

    หลังจากที่ลงมือกินข้าว อาหารมื้อแรกแทบจะไม่มีรสชาติเลย อาจจะเป็นเพราะชาวบ้านที่นี้ไม่มีเครื่องปรุงรสเหมือนพื้นราบ

    “๒ออม บุ๊ๆ นะลูก ครู อาจารย์” แม่บัวคำบอกก่อนจะยิ้มอย่างจริงใจจริงๆ

    “ครับ”หมูที่พอจะรู้เรื่องรับก็จะยิ้มตอบ

    ฟ้าค่อยๆค่ำลงเวลาหกโมงก็แทบจะมืดสนิทแล้ว

    “กินข้าวนักเรียน”อาจารย์กะศวรเอ่ยเรียกคนที่กำลังเดินตามความมืดมา

    “กินแล้วค่ะ อาจารย์”เสียงผู้หญิงตอบมา เธอคือนัทกับผู้หญิงอีกคน

    “กินกับอะไรนักเรียน”อาจารย์กะศวรถามต่อ

    “ปลากระป๋องค่ะ”นัทตอบ

    “เขานัดตอนทุ่มนะไปรอที่โบสถ์เลยก็ได้”อาจารย์กะศวรบอก

    “ค่ะ”นัทตอบก่อนจะจับมือเด็กสาวเดินขึ้นไปยังโบสถ์

    “ว่าแต่น้องศรีราชาชื่ออะไร”พี่กี้เอ่ยถามสมาชิกในบ้านที่ยังไม่ได้แนะนำตัว

    “ผมชื่อกู้ครับ”กู้แนะนำตัว

    “กู้กับหมูล้างจานนะ”พี่กี้บอก

    “ได้พี้กี้”หมูรับ แต่ใจอยากจะไปโบสถ์เต็มทน

    หลังจากกินข้าวเสร็จทุกคนหมูกับกู้รีบจัดการล้างจานอย่างเร็วก่อนที่หมูจะไปเอาไฟฉายที่บ้านพักมาก่อนจะวิ่งขึ้นไปโบสถ์ก่อนใคร

    เมื่อมาถึงโบสถ์ก็ ครูคำสอนประจำหมู่บ้านพร้อมลูกสาวมานั่งอยู่หน้าโบสถ์เพื่อเวลา

    “ครูจำผมได้ก้อ”หมูเข้าไปทัก

    “จำได้ จำหน้าได้แต่จำชื่อไม่ได้”ครูคำสอนบอก

    “ผมชื่อหมู”หมูแนะนำชื่ออีกครั้งก่อนจะเห็นลูกสาวของครูคำสอนที่ปีที่แล้วยังถูกแม่อุ้มอยู่แต่ตอนนี้วิ่งเล่นได้สบายๆเลย

    จนกระทั่งทุ่มตรง เสียงระฆังหน้าโบสถ์ก็ถูกตีเพื่อสัญญาให้คนมาร่วมกันเพื่อทำ พิธีกรรมทางศาสนาประจำวัน ในโบสถ์มีการแยกชายหญิงด้วยเส้นซึ่งปูด้วยกระเบื้องแต่ก็ไม่ได้ถืออะไรถ้าคนมีด้านใดด้านหนึ่งมีจำนวนมากเกิน

    พิธีกรรมเริ่มขึ้น โดยภาษาปกา กะ ญอ เพื่อบูชาพระเจ้าของศาสนาคริสต์  ใช้เวลาประมาณ30นาทีก็จบลง

     


    ๒ออม บุ๊ๆ ภาษาปกา กะญอ แปลว่า กินให้อิ่ม

    พ่อแม่ต่างกลับบ้านเพื่อเตรียมตัวพักผ่อนส่วนนักเรียนยังอยู่ในโบสถ์เพื่อแนะนำตัวเองสร้างความสนิทสนมและซ้อมเพลงที่ใช้ร้อนในคืนพรุ่งนี้

    หมู ปังปอน น้องพีพีกับเจเจนั่งคุยกันเรื่องวันพรุ่งนี้ที่ต้องออกไปช่วยงานพ่อแม่ของแต่ละบ้าน

    “บ้านแกมีใครบ้าง”หมูถามปังปอน

    “มีตะวัน เจ็ท ใครอีกวะ และข้า”ปังปอนบอก

    “บ้านพีพีละ”เจเจถาม

    “บ้านผมมีเด็กบางรักคนหนึ่ง ฉะเชิงเทราคนหนึ่งแล้วใครนะ”น้องพีพีก็จำอีกคนไม่ได้เหมือนกัน

    “หมูละ”เจเจถามต่อมายังหมู

    “ผมมี พี่กี้ มีน้องปัน  มีกู้”หมูตอบได้ครบ

    “พี่มี น้องกราฟ จำได้คนเดียวจริงๆ”เจเจตอบ

    “พรุ่งนี้ไปช่วยงานพ่อแม่เหนื่อยแน่เตรียมตัวไว้เลย แถมตอนบ่ายยังไปเดินป่าอีกอย่างน้อยก็มีหลับกลางอากาศแน่ถามไม่รีบหลับตอนนี้”เจเจเอ่ยถึงเรื่องในวันพรุ่งนี้

    “พี่งั้นเรารีบไปนอนดีกว่า”น้องพีพีเสนอ

    “ดีนะแต่ตกดึกขนาดนี้คงต้องเดินลงไปส่งละ”หมูจะลงไปส่งทุกคนน้องก่อนที่ทั้งสี่จะลุกเดินลงไปหน้าหมู่บ้าน

    จากโบสถ์ถึงหน้าหมู่บ้านไม่ใกล้มากแต่สำหรับที่พักของหมูมันคือคนละด้านกันเลย

    เมื่อเดินลงมาถึงหน้าหมู่บ้านก็เห็นกองไฟเล็กถูกก่อขึ้นมาพร้อมกลุ่มเด็กศรีราชานำทีมด้วยตะวันและเจ็ท

    ปังปอนกับน้องพีพีจึงเดินเข้าไปรวมกลุ่มส่วนหมูกับเจเจจะเดินกลับบ้านที่พัก

    “เดี๋ยวหมู”เสียงของกู้เรียกหมู

    “มีอะไร”หมูถาม

    “ถ้าดึกเดี๋ยวข้านอนนี้เลยนะ”กู้บอก

    “ได้ๆ”หมูตกลงก่อนจะเดินลัดไปตามทางที่เชื่อมทางระหว่างส่วนหน้าหมู่บ้านกับบ้านที่หมูพัก

    “ยังไม่หลับอีกเหรอ”เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งถาม

    “อ้าวนัทยังไม่นอนอีกหรือ”หมูหันไปเห็นหน้านัทก็ใจสั้นแต่ก็ต้องทำหน้าตายพูด

    “เดี๋ยวก็นอนแล้ว”นัทตอบ

    “ฝันดีนะ”หมูอวยพร

    “ขอบใจจ้า”นัทบอกก่อนจะขึ้นบ้านไป

    หมูเดินไปต่อก่อนจะใช้หางตามองเจเจที่อมยิ้มเล็กๆ

    แต่หมูก็ไม่ได้สนใจอะไรไม่นานก็มาถึงที่พักของทั้งคู่

    “ขอบใจมากนะหมู”เจเจขอบใจหมู

    “ไม่เป็นไรพี่”หมุบอกก่อนจะเดินไปที่บ้าน

    “กู้ละ”เมื่อเปิดประตูได้พี่กี้ก็ถามทันที

    “คุยกับเพื่อนอยู่ถ้าดึกก็ไม่มาละ”หมูบอก

    พี่กี้พยักหน้าก่อนจะล้มตัวลงนอนส่วนหมูเดินไปปิดไฟก่อนจะเดินมาท่ามกลางความมืดในบ้านมาที่นอนของตนก่อนจะมุดตัวลงในถุงนอนแล้วเอาผ้าห่มมาห่มอีกชั้นเพื่อกันหนาว น่าแปลกเห็นพี่กี้กับน้องปันเปิดหน้าต่างและใส่เสื้อแขนสั้นและกางเกงขาสั้นนอน

    แต่หมูก็ไม่ได้สนใจอะไรแต่มันก็ทนหนาวไม่ไหวเขาจึงลุกปิดหน้าต่างที่หัวนอนก่อนจะกลับไปมุดในผ้าห่ม

    “อ้าวคิดว่าผู้หญิงคนไหนสวยที่สุด”เจ็ทเปิดประเด็นในคนที่มารอบกองไฟได้แสดงความเห็น

    “พี่น้ำฝนจากบางรัก”ตะวันบอก

    “แม้ไม่ดูตัวเองเลยตะวันเขาข๊าวขาว แต่ดูแกสิดำหา....เถอะ”กู้แทงใจดำตะวัน

    “โฮ”ตะวันถึงกับเซ็งเมื่อเจอแบบนี้เขาไป

    “ไอ้นั้น ปังปอนใครละ”เจ็ทหันไปถาม

    “พี่นุ่น ลำปางครับ”ปังปอนยิ้มอย่างเจ้าชู้

    “แล้วเพื่อนผมละ แล้วพี่เจ๊เอิร์นละ”น้องพีพีเอ่ยขึ้นมา

    “เฮย”ปังปอนก็โดนเผาเหมือนตะวัน

    “ข้าก็พุ่นุ่น”เจ็ทบอก ทำให้ปังปอนหันมามอง

    “ชอบเหมือนเดี๋ยวกันหรือวะ”ปังปอนถาม

    “ใจเย็นก่อน”พี่อี้ดจากพานิชรีบห้ามศึก

    “เอางี้ไปหลับได้แล้ว มันจะเที่ยงคืนแล้วพรุ่งนี้งานนะ”อาจารย์กันที่ยื่นเงียบฟังอยู่นานเสนอขึ้นมา

    “โถ อาจารย์”ทุกคนต่างเซ็งไปตามๆกันก่อนจะรีบดับกองๆฟแล้วแยกย้ายกันไปนอน

    เพื่อเตรียมตัวสู้งานในวันรุ่งขึ้น

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×