ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` Fic 400 Days ( ChanBaek ).

    ลำดับตอนที่ #14 : (Episode Special ) Kris x Lay Part Two. Update100%

    • อัปเดตล่าสุด 25 ม.ค. 57


    Special Kris x Lay

    Part Two

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งและพบว่าครั้งนี้ผมนอนอยู่บนเตียงนอนในห้องนอนของผมแล้ว เหงื่อไหลท่วมตัวราวกับว่าผมเพิ่งไปวิ่งรอบสนามมาอย่างไงอย่างงั้น ความฝันเมื่อกี้นี้เหมือนจริงเกินไปหรือเปล่า ? ผมนั่งหอบหายใจอยู่สักพักก่อนจะหลับตาลงนอนต่อ ทันทีที่หัวของผมทับลงบนหมอนผมก็รู้สึกเหมือนผมนอนทับกระดาษอยู่ .. ผมเอื้อมมือไปหยิบกระดาษออกมาจากหมอนก่อนจะเปิดอ่าน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    มันไม่ใช่ความฝัน มันคือความจริง

    ใช้เวลา 90 วันกับคนรักของนายให้คุ้มค่าที่สุด

    .. แล้วเจอกัน

     

     

     

     

     

     

    ข้อความในกระดาษค่อยๆจางหายไปอย่างช้าๆทันที่ทีผมอ่านจบแล้ว มือของผมเหมือนไร้เรี่ยวแรงทันทีที่ผมรู้ว่าเหตุการณ์ทั้งหมดไม่ได้เป็นแค่เพียงความฝันของผม ผมรู้สึกร้อนผ่าวและชาไปทั้งหน้า ผมเหลือเวลาอยู่กับอี้ชิงเพียงแค่ 90 วันจริงๆเหรอ ? เพียงแค่คิดอย่างนั้นผมก็อดไม่ได้ที่จะล้มตัวลงไปนอนและกอดอี้ชิงให้แน่นเท่าที่ผมจะทำได้ ..

     

    อื้อ .. คริสกอดผมแน่นเกินไปแล้วนะครับ ร่างบางหันหน้ามามองผมพร้อมกับทำหน้าเหยเกน้อยๆ อา.. ผมคงจะกอดเขาแน่นเกินไปจริงๆสินะ คิดได้อย่างนั้นผมจึงค่อยๆคลายอ้อมกอดที่แน่นของผมออก อี้ชิงเอื้อมมือมาประคองหน้าของผมอย่างแผ่วเบาและจ้องเข้ามาในดวงตาของผม

    เป็นอะไรหรือเปล่าครับคริส .. อี้ชิงถามออกมา

    ไม่นี่.. แค่ฝันร้ายเท่านั้นเอง ผมบอกพร้อมกับหลบตาอี้ชิงไปด้วย ผมกลัวว่าอี้ชิงจะจับได้ว่าผมโกหกเขา

    จริงนะ ? ทำไมพี่ต้องหลบตาผมด้วยล่ะ ร่างบางถามออกมาอย่างจริงจังอีกครั้ง สรพพนามนำหน้าของผมที่อี้ชิงเรียกทำให้ผมรู้ว่าเขาคงจริงจังจริงๆ ปกติอี้ชิงจะไม่เรียกผมว่าพี่เลยเพราะผมห้ามไม่ให้เขาเรียกผมว่าพี่อีกหลังจากที่เราคบกัน ..

    จริงสิโถ่ อี้ชิงอาฉันจะโกหกนายทำไมกันเล่า .. ก็แค่ฝันร้ายไม่มีอะไรหรอก ผมบอกอย่างมั่นใจพร้อมกับยิ้มออกมาน้อยๆเพื่อให้อี้ชิงมั่นใจว่าผมไม่ได้โกหกเขาจริงๆ

     

     

     

     

     

     

     

    ร่างบางบีบแก้มผมเบาๆก่อนจะหันกลับไปนอนต่ออีกครั้ง.. ผมลูบผมของอี้ชิงจนเขาหลับไป ลมหายใจเข้าออกที่สม่ำเสมอของอี้ชิงทำให้ผมรู้ว่าเขาหลับสนิทแล้ว ผมจึงก้มหน้าลงไปจูบหน้าผากของอี้ชิงอย่างแผ่วเบาและล้มตัวลงนอนข้างๆเขาและผมก็หลับไป ..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    นาฬิกาทรายที่คอยนับเวลาของคริสลดลงไปเรื่อยๆตามวันและเวลา

    จากวันแรกของการเริ่มต้นนับถอยหลังจนมาถึงวันนี้..

    คริสเหลือเวลาไม่ถึงสัปดาห์ที่เขาจะได้อยู่กับคนที่เขารักก่อนที่เขาจะจากไป

    คริสไม่ได้บอกเรื่องความฝันของเขาให้อี้ชิงฟัง เขาเก็บมันไว้เป็นความลับ ..

    ทุกวินาทีตั้งแต่นาฬิกาเริ่มนับถอยหลังมันมีค่ามากสำหรับเขา..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    คริสครับสายแล้ว !! อี้ชิงกระโดดลงจากเตียงพร้อมกับวิ่งโวยวายไปทั่วห้อง นั่นทำให้ผมต้องหลุดหัวเราะออกมาทั้งๆที่ตาของผมยังไม่ลืม

    เอาน่าอี้ชิงไปทำงานสายสักวันจะเป็นอะไรไป ผมบอกอย่างไม่สนใจพร้อมกับลุกขึ้นอย่างอืดอาด

    ผมไม่อยากไปทำงานสายนี่นา ร่างบางบอกพร้อมกับวิ่งหายเข้าไปในห้องน้ำ อะไรจะกลัวไปทำงานสายขนาดนั้น

     

     

     

     ผมส่ายหัวน้อยๆก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัว.. แต่แล้วผมก็ล้มลงไปทั้งๆที่ผมยืนอยู่อย่างมั่นคงแล้วแท้ๆ หัวใจของผมรู้สึกเจ็บราวกับมีใครมาบีบหัวใจของผมแรงๆ ผมเอื้อมมือมาจับตรงบริเวณหน้าอกข้างซ้ายของผม ผมรู้ว่ามันไม่ช่วยอะไรได้หรอกแต่ผมก็ยังคงออกแรงกดตรงบริเวณหน้าอกด้านซ้ายของผมเอาไว้ .. ผมพยายามสูดหายใจเข้าลึกๆแต่ยิ่งผมเริ่มสูดอากาศหายใจก็ยิ่งเหมือนมีคนเอามือมาบีบหัวใจของผมแรงกว่าเดิม .. นี่มันยังไม่ถึงเวลาที่ผมจะไปนะ อย่าผิดคำพูดสิ มันยังไม่ถึง 90 วันสักหน่อย ผมขอเวลาอยู่กับคนรักของผมก่อนได้ไหม .. ผมขอร้อง ผมได้แต่ภาวนาในใจแบบนั้น และมันได้ผล ความเจ็บราวกับโดนบีบตรงบริเวณหัวใจของผมค่อยๆเบาลง เบาลง ก่อนจะหายไป.. ผมสูดหายใจลึกๆเพื่อให้ตัวเองแน่ใจว่าผมไม่เป็นอะไรแล้วผมจึงเดินตามอี้ชิงเข้าไปในห้องน้ำบ้าง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เฮ้ ! คริสทำไมช่วงนี้นายดูโทรมจัง ลู่หาน เพื่อนสนิทชาวจีนของผมเดินเข้ามาทักทายพร้อมกับวางแฟ้มงานลงบนโต้ะของผม

    หือ? ฉันดูโทรมเหรอ ? ผมถามออกไป ช่วงนี้ผมว่าผมปกติดีนี่นา ไม่เห็นจะโทรมอย่างที่ลู่หานบอกเลย

    ก็ใช่น่ะสิ หน้านายดูเอ่อ .. ซีดแปลกๆอย่างกับคนป่วยแน่ะ ลู่หานบอกก่อนจะชี้มาที่หน้าของผม เขาวางมือลงบนหน้าผากของผม ผมรู้ว่าลู่หานเป็นห่วงผมแต่ผมสาบานได้เลยนะว่าผมไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ .. หรือว่าช่วงนี้ผมหักโหมทำงานเกินไป ช่างเถอะ ผมสบายดีผมมั่นใจ

    ฉันอาจจะหักโหมทำงานเกินไปแหละมั้งฮ่ะๆๆ ไม่ต้องห่วงหรอกน่าเสี่ยวลู่หาน ฉันสบายดีมาก ผมบอกพร้อมกับตบอกของตัวเองเพื่อให้เพื่อนสนิทของผมมั่นใจว่าผมสบายดีจริงๆ

    ยังไงก็อย่าหักโหมมากเกินไปนะรู้ไหม ? เดี๋ยวป่วยหนักขึ้นมาคุณหมออี้ชิงจะเหนื่อยเอา ลู่หานแลบลิ้นใส่ผมพร้อมกับตบบ่าผมเบาๆ ร่างบางหัวเราะเสียงดังเมื่อผมทำท่าจะเตะเขา แต่เขาดันไหวตัวทันและวิ่งหนีผมไปซะก่อน ไอ้ตีนกาเอ้ย..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมนั่งวาดการ์ตูนจนเกือบลืมกินข้าวกลางวันถ้าไม่ติดว่าลู่หานลงไปซื้อข้าวกล่องมาให้ ผมคงต้องนั่งปวดท้องไปจนกว่าจะเลิกงานแน่ๆ ร่างบางที่นั่งทำงานอยู่ตรงข้ามผมเหลือบมองผมก่อนจะคว้าเศษกระดาษที่ไม่ใช้แล้วมาปั้นเป็นก้อนกลมๆขว้างใส่ผม ผมทำท่าจะหลบแต่ดูเหมือนว่าสมองของผมถูกสั่งช้ากว่ากระดาษของลู่หานที่ปาโดนหัวของผมพอดี ร่างบางทำท่าเหมือนบอกให้ผมรีบกินข้าวได้แล้ว ใบหน้าที่ดูไม่สบอารมณ์ของลู่หานทำผมอดยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ ผมพยักหน้าเข้าใจก่อนจะยกข้าวกล่องที่เขาซื้อให้ขึ้นมาเปิดกินให้เขาดูว่าผมน่ะกินข้าวแล้วนะ ลู่หานหัวเราะออกมาก่อนจะก้มหน้าลงไปทำงานของเขาต่อ .. ระหว่างที่ผมนั่งพักกินข้าวกลางวันในหัวของผมก็เอาแต่คิดว่า ถ้าผมจากไปลู่หานคือคนแรกที่ผมจะฝากอี้ชิงไว้กับเขา ผมมั่นใจว่าลู่หานต้องดูแลอี้ชิงได้ดีแน่นอน ..

     

     

     

     

     

    กระดาษอีกใบถูกปั้นเป็นก้อนและปาใส่หัวของผมอีกแล้ว ลู่หานมองหน้าผมและพูดโดยไม่มีเสียงออกมาว่า จ้อง หน้า ทำ ไม วะผมหัวเราะออกมาเบาๆพร้อมกับปากระดาษใส่ลู่หานคืน .. กระดาษที่ผมปาตกลงบนหัวของลู่หานพอดี อา.. ผมปาแม่นจริงๆ ลู่หานทำท่าจะโวยวายแต่แล้วเขาก็ต้องก้มหน้ากลับไปทำงานต่อเมื่อเจ้านายของเรากำลังเดินเข้ามา

     

    เสี่ยวลู่หาน ไม่รีบทำงานเหรอครับทำไมเอาแต่กวนคริสเขาแบบนั้น เจ้านายเดินเข้ามาที่โต้ะของเพื่อนสนิทผมก่อนจะแซวจิกกัดลู่หานออกมาเบาๆ ร่างบางที่โดนบ่นอยู่นั่นได้แต่ก้มหน้าและตอบกลับเจ้านายไปว่า

    เข้าใจแล้วครับบอส

    อืม ! เข้าใจแล้วก็รีบทำงานเร็วเข้า งานชิ้นนี้ต้องเสร็จก่อนสุดสัปดาห์นี้นะ เจ้านายบอกก่อนจะเดินหายกลับเข้าไปในห้องทำงาน ทิ้งให้ผมนั่งหัวเราะลู่หานอยู่พักใหญ่ๆ

     

    ไอ้บ้าคริส ไม่ต้องมาหัวเราะฉันเลย ลู่หานบอกพร้อมกับเบะปากใส่ผมน้อยๆและก้มหน้าทำงานต่อ

    วันหลังอย่าแกล้งนักเขียนการ์ตูนสุดหล่ออย่างฉันอีกนะ ไม่งั้นจะโดนบ่นอีก ฮ่ะๆๆๆ ผมพูดแหย่ลู่หานที่ตอนนี้แทบจะกระโจนข้ามโต้ะทำงานมาบีบคอผมอยู่แล้ว แต่เขาก็ทำไม่ได้เพราะเจ้านายยังคงมองมาที่เขาอยู่ ร่างบางเลยได้แต่กัดฟันและก้มหน้าทำงานต่อไป นั่นทำให้ผมขำเขามากกว่าเดิมอีก

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมเดินสะพายกระเป๋าออกมาจากตึกทำงานพร้อมด้วยลู่หาน นานๆทีเขาจะเดินกลับบ้านเพราะปกติลู่หานจะเอารถมาหรือไม่ก็นั่งแท็กซี่มาแทนแต่น่าแปลกที่วันนี้เขาเดินมาทำงาน ..

     

    สงสัยวันนี้หิมะจะตก นายเดินมาทำงานกับเขาด้วย ผมพูดแหย่ตอนที่กำลังเดินไปตามทางเท้าพร้อมกับลู่หาน

    ตุ้ยจางวันนี้นายกวนอะ ! ’ ลู่หานบอกพร้อมกับใช้หน้าแข้งของเขาเตะมาที่ขาของผมทีหนึ่ง ผมหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะเอื้อมมือไปเขกหัวของลู่หานคืน ร่างบางมองหน้าผมอย่างไม่พอใจแต่เขาก็ทำอะไรผมไม่ได้..

    แกล้งคนหน้าแก่อย่างนายนี่สนุกสุดๆแล้ว ฮ่ะๆๆๆ ผมหัวเราะออกมาเสียงดังพร้อมกับทำหน้าล้อเลียนลู่หานไปด้วย

    ไอ้ ! .. แกล้งได้แกล้งไปถ้าฉันตายไปแล้วนายจะรู้สึก ลู่หานบอกนั่นทำผมสะอึกไปเลย .. ตายไปงั้นเหรอ  ผมหยุดหัวเราะลงทันทีและเดินไปตามทางเงียบๆ นั่นสินะถ้าผมตายไปผมคงจะไม่มีโอกาสได้แกล้งลู่หานแบบนี้อีกแล้ว ..

     

     

     

     

     

    นี่ลู่หาน.. ฉันของอะไรนายสักอย่างได้ไหม ? ผมพูดขึ้นมาหลังจากที่เราเดินเงียบใส่กันมานาน

    ได้อยู่แล้วเราเพื่อนกันนะเว้ย ! คนตัวบางว่าพร้อมกับตบไหล่ของผมสองสามครั้ง

    ยืมตังค์หน่อย .. ผมพูดติดตลกออกมาขำๆ ทำให้คนที่ยืนอยู่ข้างๆผมทำหน้าเซ็งทันที

    เรื่องนี้คงไม่ได้วะคริส .. Kลู่หานบอกพร้อมกับมองหน้าผมอย่างปลงๆ ผมหัวเราะออกมาอีกครั้งก่อนจะเอื้อมมือไปจับบ่าของเพื่อนสนิทของผมเอาไว้เบาๆ

    ถ้าฉันไม่อยู่แล้ว .. ฝากดูแลอี้ชิงของฉันด้วยนะ ดูแลเขาให้เหมือนที่นายลูแลฉันโอเคไหม ? ผมพูดออกมาเบาๆและจ้องเข้าไปในดวงตาของเพื่อนสนิทผมอย่างจริงจัง

    พูดอย่างกับนายจะหายไปไหนอย่างนั้นแหละ

    รับปากมาก่อนสิวะ ว่านายจะดูแลจางอี้ชิงของฉันถ้าฉันไม่อยู่แล้ว ผมออกแรงกดลงบนบ่าของลู่หานหนักลงไปอีก เพื่อเป็นการย้ำบอกเขาว่าเรื่องที่ผมพูดผมจริงจัง..

    เออๆ .. ฉันสัญญาเลยว่าฉันจะดูแลอี้ชิงของนายดีแน่นอนน่า ยังไงอี้ชิงก็เหมือนน้องของฉัน ลู่หานพยักหน้าตอบตกลง นั่นทำให้ผมสบายใจไปกว่าครึ่ง ผมถอนหายใจพร้อมกับยิ้มกว้างออกมา  จากนี้ฝากอี้ชิงด้วยนะ เสี่ยวลู่ ..

     

    ขอบใจนะเสี่ยวลู่หาน ผมบอกพร้อมกับเดินกอดคอลู่หานไปตามทางเท้า เป้าหมายของผมและลู่หานคือที่เดียวกัน ที่นั่นคือ ร้านกาแฟที่ประจำของผมและอี้ชิง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    กริ๊ง ..

     

    เสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่บนประตูดังขึ้นเมื่อผมและลู่หานเปิดประตูเข้ามาในร้าน สายตาผมสอดส่องไปทั่วร้านเพื่อมองหาจางอี้ชิงคนรักของผม .. ปกติเขาจะมาที่นี่แล้วนี่ สงสัยโดยเพื่อนร่วมงานใช้ให้ไปทำนู่นทำนี่ให้อีกล่ะมั้ง ผมเดินนำลู่หานไปยังที่นั่งประจำของผมและอี้ชิง ที่นั่งประจำที่ว่านั้นคือด้านซ้ายเกือบในสุดของร้าน ที่นั่งตรงนี้เป็นที่ๆไม่ค่อยมีใครจะเดินเข้ามานั่งเท่าไหร่เพราะมันอยู่เกือบด้านในสุดของร้าน มันดูเงียบเกินไปด้วยผู้คนส่วนมากเลยเลือกที่จะไม่นั่งตรงนี้กันสักเท่าไหร่ 

     

     

     

     

     

     

    สั่งอะไรหน่อยไหมวะ ? นั่งทำหน้าเหมือนคนปวดขี้ อี้ชิงมาเห็นเข้าเดี๋ยวก็หาว่าฉันแกล้งแกอีกอะ เสี่ยวลู่ ผมบอกพร้อมกับใช้ใบเมนูตีลงบนหัวของลู่หานเบาๆ คนตัวเล็กทำท่าจะต่อยผมก่อนจะหยิบใบรายการเมนูไปดู ลู่หานคิดอยู่สักพักก่อนจะชี้ไปที่เมนูง่ายๆ

    คาราเมล มัคคิอาโต ลู่หานยื่นใบเมนูคืนให้กับผม มาทีไรทำไมเขาถึงชอบสั่งไอ้คาราเมลนี่ตลอดเลยวะ ? ผมอดสงสัยไม่ได้จริงๆว่ามันอร่อยยังไง

     

     

     

     

     

     

    ผมเดินตรงไปที่เคาท์เตอร์ร้านทันทีที่ลู่หานสั่งไอ้คาราเมลนั่นแล้ว สาบานได้เลยว่าไอ้เพื่อนรักของผมไม่มีทางเดินมาสั่งเองหรอก มากินด้วยกันทีไรก็ใช้ให้ผมมาสั่งให้ตลอด ตกลงนี่เพื่อนหรือเจ้านายผมวะ ?

     

     

     

     

     

     

     

     

       กริ๊ง ..

     

    เสียงกระดิ่งหน้าร้านดังขึ้นทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะรีบหันไปมอง .. ร่างบางที่ผลักประตูร้านเข้ามาแทบจะเดินชนคนที่เดินสวนเขาออกไป อี้ชิงอา .. ทำไมนายไม่มองคนอื่นบ้างนะจะรีบอะไรขนาดนั้น ผมยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับเดินเข้าไปหาอี้ชิงที่รีบเดินไปยังที่ประจำของเรา เขาแทบไม่มองมาที่ผมด้วยซ้ำ อะไรกันผมออกจะหล่อขนาดนี้เขามองไม่เห็นผมได้ยังไง

     

     

     

     

    อ่าว .. ลู่เกอ เอ่อ สวัสดีครับ อี้ชิงวางกระเป๋าลงพร้อมกับทักทายลู่หานที่นั่งอ่านหนังสืออยู่

    อี้ชิงอาหวัดดี..  อ้าว ! คริสไหนว่าไปสั่งกาแฟให้ฉันไงมายื่นทำอะไรตรงนี้วะ ? ลู่หานหันกลับมาว่าผมหลังจากที่เขาทักทายคนรักของผมเสร็จแล้ว อ่า.. เพื่อนสนิทผมนี่นิสัยดีจริงๆ

    ก็พอดีฉันเห็นแฟนฉันสำคัญกว่ากาแฟของนายไงเสี่ยวลู่ ฮ่ะๆๆ ผมพูดแหย่ลูห่านเล่น คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ตรงหน้าผมทำท่าจะปาหนังสือที่อยู่ในมือเขาใส่ผม แต่เขาก็ทำไม่ได้เพราะผมใช้อี้ชิงเป็นเกราะกันบังให้

    อู๋อี้ฟาน ฝากไว้ก่อนเถอะ ! ลู่ห่านลดหนังสือในมือลงก่อนจะเปิดมันอ่านเหมือนเดิม

     

    ทำไมคริสชอบแกล้งลู่เกอเขาล่ะครับ แกล้งพี่เขาตลอดเลย อี้ชิงหันกลับมาหาผมก่อนจะวางกระเป๋าทำงานของเขาลงบนโซฟาตัวเล็กนั่น

    ก็ .. หน้าไอ้บ้าลู่หานเวลาโมโหมันตลกดีนี่อี้ชิงอา

    นิสัยไม่ดีเลย อี้ชิงว่าพร้อมกับเอื้อมมือมาบีบปลายจมูกของผมเบาๆ ผมยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะเอื้อมมือไปยีผมของอี้ชิงคืนเบาๆ

    อี้ชิงอาวันนี้นายจะสั่งเครื่องดื่มอะไรหืม?

    อืม.. ผมขอโกโก้ร้อนได้ไหมครับ ผมอยากกินมากเลย อี้ชิงบอกพร้อมกับมองผมแบบอ้อนๆ

    มาที่นี่นายเคยสั่งอะไรอย่างอื่นนอกจากไอ้นี่ไหมเนี่ย ? ผมบ่นเบาๆพร้อมกับเดินไปที่เคาท์เตอร์เพื่อสั่งเครื่องดื่มสำหรับเราสามคน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เสี่ยวลู่หานกลับบ้านดีๆล่ะ ผมบอกเพื่อนสนิทของผมที่นั่งอยู่บนรถแท็กซี่เรียบร้อยแล้ว

    อื้อ ! กลับบ้านดีๆน่ะอี้ชิงอา ดูแลอี้ชิงดีๆล่ะคริส เข้าใจไหม ? ลู่หานยื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างรถพร้อมกับโบกมือลาพวกเราทั้งสองคน

    รู้แล้วน่า .. กลับบ้านดีๆล่ะ พรุ่งนี้เจอกัน

    บ้ายบายครับลู่เกอ อี้ชิงโบกมือให้ลู่หานที่ปิดกระจกรถแท็กซี่พร้อมกับโบกมือให้เขาอยู่ ลู่หานยิ้มออกมาให้ผมและอี้ชิงน้อยๆก่อนที่รถจะเคลื่อนตัวออกไป

     

     

     

     

     

     

    กลับบ้านไปฉันจะนอนกอดนายให้หายเหนื่อยไปเลย ผมบอกพร้อมกับเอื้อมมือมาโอบคอร่างบางที่เดินอยู่ข้างๆผม

    ฮ่ะๆๆ คริสยังไม่ได้อาบน้ำผมไม่ให้กอดง่ายๆหรอกครับ อี้ชิงบอก ก่อนจะยิ้มทะเล้นออกมา อี้ชิงอา.. ทำไมนายชอบทำตัวน่ารักใส่ฉันจัง?

    ฉันก็จะรีบอาบน้ำพร้อมนายไง จากนั้นฉันก็จะได้นอนกอดอี้ชิงแล้ว ผมเอื้อมมือไปบีบแก้มอี้ชิงเบาๆหลังจากที่พูดจบ อี้ชิงหัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะเอื้อมมือมาบีบจมูกของผมคืน

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมเดินจับมือกับอี้ชิงมาเรื่อยๆจนมาถึงหน้าบ้านพักของเราทั้งคู่ ผมเปิดประตูบ้านก่อนจะถอดรองเท้าและเก็บมันไว้ในตู้เก็บรองเท้า ขืนผมไม่ทำให้เรียบร้อยมีหวังผมโดนอี้ชิงดุอีกแน่ๆ ร่างบางยืนมองผมอยู่ตรงหน้าประตูพร้อมกับยิ้มออกมาน้อยๆ

    รู้แล้วน่าว่าต้องเก็บให้เรียบร้อย นี่ไง .. ฉันเก็บเรียบร้อยจะตายไป ผมบอกพร้อมกับชี้รองเท้าที่วางอยู่ในตู้

    ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่นา อี้ชิงบอกพร้อมกับยักไหล่ใส่ผมน้อยๆก่อนจะเดินผ่านผมเข้าไปในตัวบ้าน ..

     

     

    ฉันจะอาบน้ำ.. อี้ชิงอานายจะอาบกับฉันไหม ? ผมถามออกไปหลังจากที่ผมวางกระเป๋าทำงานของผมลงบนโต้ะเรียบร้อยแล้ว

    อืม.. ไม่เอาดีกว่าครับ เดี๋ยวผมจะโดนใครบางคนจับกดในห้องน้ำอีก อี้ชิงบอกพร้อมกับดันหลังผมให้เข้าไปในห้องน้ำ

    แต่ฉันถูหลังไม่ถึงนี่ ผมพยายยามหาข้ออ้างบอกอี้ชิงเพื่อที่เขากับผมจะได้อาบน้ำด้วยกัน

    ในห้องน้ำมีที่ขัดหลังนะครับคริส ไม่ต้องมาอ้างเลย คนตัวบางว่าพร้อมกับยัดผ้าเช็ดตัวใส่มือผม

    อี้ชิงอา..

    อาบเสร็จแล้วเรียกผมด้วยนะครับผมจะอาบต่อ .. อาบไวๆนะ พูดจบอี้ชิงก็เอื้อมมือมาปิดประตูห้องน้ำให้ผมเสร็จสรรพ จางอี้ชิง.. ตัวแสบ

     

     

     

     

     

     

     

    ผมใช้เวลาไม่นานในเวลาอาบน้ำและสระผม เป็นธรรมดาของผู้ชายไม่ใช่หรือไวที่ต้องอาบน้ำเร็วน่ะ ?  ผู้หญิงบางคนยังอาบน้ำเร็วกว่าผมเลย ..

     

     

     

     

    ผมเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กที่วางแปะอยู่บนหัว ผมกวาดสายตามองไปทั่วห้องเพื่อมองหาจางอี้ชิง คนตัวบางกำลังนั่งเขียนเอกสารรายงานอาการป่วยของคนไข้ที่เขาหยิบมาจากที่ทำงาน อี้ชิงมักจะหยิบงานที่โรงพยายาบาลมาทำที่บ้านด้วยเสมอ ถึงแม้ผมจะบอกให้เขาไม่ต้องหักโหมทำงาน อี้ชิงก็ยังคงดื้อด้านเอางานกลับมาทำที่บ้านตลอด

     

    อี้ชิงอา มะรืนนี้เราไปเที่ยวต่างจังหวัดกันนะ ผมเดินเข้าไปกอดจากข้างหลังของร่างบางเบาๆพร้อมกับเอาคางเกยไหล่คนตัวบางไว้อย่างอ้อนๆ

    หือ .. ? ทำไมอยู่ดีๆก็ชวนไปกระทันหันแบบนี้ล่ะครับ ? อี้ชิงวางปากกาลงบนโต้ะก่อนจะหันหน้ามาหาผม

    ก็.. เราไม่ได้ไปเที่ยวต่างจังหวัดด้วยกันมานานแล้วนี่นาอี้ชิงอา.. นะ.. ไปเถอะนะ ผมพูดอ้อนออกมาพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มคนตัวบางเบาๆ อี้ชิงหลุดยิ้มออกมาพร้อมกับพยักหน้าตกลง ผมเลยจัดการหอมแก้มเขาไปหนึ่งฟอดใหญ่ๆก่อนจะคะยั้นคะยอให้อี้ชิงไปอาบน้ำได้แล้ว

     

     

     

     

     

    อาบน้ำให้ไวเลยนะอี้ชิง ผมดันหลังอีกคนเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะปิดประตูห้องน้ำลง

     

     

     

     

     

     

     

    ผมเดินกลับมาที่โซฟาที่อยู่ข้างๆหน้าต่างห้องนอนบานใหญ่ ผมหย่อนกายนั่งลงบนโซฟาช้าๆพร้อมกับเช็ดผมที่เปียกของผมต่อ สัปดาห์สุดท้ายที่ผมจะได้อยู่กับอี้ชิงผมจะใช้เวลาที่เหลืออยู่ให้คุ้มค่าที่สุดเพื่อที่ผมจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายเวลา ..

     

     

     

     

    เสียงฝักบัวในห้องน้ำเงียบลงไปแล้วอีกสักพักอี้ชิงคงออกมาแล้วล่ะ ผมนั่งเหยียดขายาวพร้อมกับมองออกไปข้างนอกหน้าต่างใสบานใหญ่ แสงไฟที่ถูกเปิดในตึกและบ้านหลังต่างๆพอดูกลางคืนแล้วมันก็สวยดีเหมือนกัน ดวงจันทร์ดวงโตที่ตอนนี้ผมสามารถมองเห็นได้เพียงแค่เสี้ยวเดียวเพราะก้อนเมฆต่างลอยเข้ามาบดบัง ทำให้ผมไม่สามารถมองเห็นดวงจันทร์ได้อย่างชัดเจน

     

     

     

     

     

     

     

    ผมยิ้มออกมาน้อยๆเมื่อมีแรงโผกอดมาจากด้านหลังของผมอี้ชิงชอบกอดผมจากด้านหลังทุกครั้งเวลาที่ผมนั่งเหม่อคนเดียวแบบนี้ ร่างบางยิ้มให้ผมจนเห็นลักยิ้มก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มผมเบาๆ .. อี้ชิงอา.. มากเกินไปแล้วมั้ง นายทำให้ฉันหลงนายอีกแล้วนะ

    จางอี้ชิง อยากโดนจับกดเหรอครับ ? ผมบอกพร้อมกับล็อคแขนอี้ชิงที่กอดผมจากด้านหลังเอาไว้

    มะ .. ไม่  ไม่เอานะครับ ผมแค่หอมแก้มคริสเองนะ ทำไมคริสต้องจับผมกดด้วยล่ะ? คนตัวบางพูดออกมาเบาๆพร้อมกับทำหน้างอใส่ผม ไม่เชิงว่าหน้างอแหะดูเหมือนว่าจะกลัวซะมากกว่า

    ไม่จับกดก็ได้ มานั่งนี่มา ผมเอื้อมมือไปยีผมอี้ชิงเบาๆพร้อมกับดึงมืออี้ชิงให้เดินมานั่งตักผม

    โซฟาตรงนั้นก็ว่าง ทำไมผมต้องมานั่งตักคริสด้วยเนี่ย อี้ชิงว่าก่อนจะเบ้ปากไปทางโซฟาที่ว่างอยู่ ผมไม่ตอบอะไรผมได้แต่เอื้อมมือไปกอดเอวบางไว้หลวมๆและซบหน้าลงบนไหล่ของอี้ชิงเบาๆ

    คริสเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ? ไม่สบายใจอะไรเหรอ ? มือเรียววางลงบนไหล่ผมอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนมาลูบหลังของผมอย่างอ่อนโยนนั่นทำให้ผมต้องกระชับอ้อมกอดที่กอดอี้ชิงอยู่แน่นกว่าเดิมอีก น้ำตาที่ผมกลั้นไว้แทบจะกลั้นไม่อยู่แล้ว .. ผมเหลือเวลาที่จะกอดอี้ชิงแบบนี้อีกนานแค่ไหนนะ ? มันนานมากพอไหมที่จะทำให้อี้ชิงรู้ว่าผมรักเขามากแค่ไหน ?

     

     

     

     

     

     

    ผมเลือกที่จะนิ่งเงียบแทนที่จะตอบอะไรอี้ชิงออกไป .. มือเรียวยังคงลูบผมของผมอย่างแผ่วเบา ถ้าผมบอกความจริงอี้ชิงออกไปแล้วเขาจะเชื่อผมไหมนะ ? เขาจะหาว่าผมโกหกไหมนะ ? บางทีทางที่ดีที่สุดคือผมไม่ต้องบอกความจริงเขาไปจะดีกว่า อี้ชิงจะได้ไม่ต้องเป็นกังวลกับการจากไปของผม ผมอยากเห็นแค่รอยยิ้มของอี้ชิงผมไม่อยากเห็นน้ำตาของเขา ..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หลังจากที่ผมนั่งเงียบอยู่สักพักอิ้ชิงก็ชวนผมเข้านอนพร้อมกับบอกเหตุผลกับผมว่าเขาง่วงนอนแล้ว .. ก็แน่ล่ะสิเวลาตอนนี้ก็เกือบจะหาทุ่มแล้ว อี้ชิงไม่ง่วงก็แปลก .. ผมเดินไปปิดไฟก่อนจะเดินกลับมาล้มตัวนอนลงบนเตียง ภายในห้องมืดสนิททันทีที่ผมเอื้อมมือไปปิดโคมไฟข้างๆเตียงด้วย มือเรียวของอี้ชิงคว้าแขนของผมไปกอดอย่างที่ชอบทำทุกวัน ผมถอนหายใจพร้อมกับยิ้มออกมาน้อยๆ ผมดึงอี้ชิงให้ขยับเข้ามาใกล้ๆผมอีกคนตัวบางเลื่อนตัวเข้ามาหาผมอย่างว่าง่ายพร้อมกับเอื้อมแขนมากอดผมไว้หลวมๆ อี้ชิงอา.. ทำไมวันนี้นายทำตัวน่ารักขนาดนี้นะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ความเงียบเข้าปกคลุมเราทั้งสองคน อี้ชิงนอนหลับไปแล้ว เหลือแค่ผมที่นอนไม่หลับผมเอาแต่กังวลเรื่องอีก 90 วันที่ใกล้เข้ามาผมไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นเรื่องจริงหรือเปล่า? ผมไม่รู้ว่าทั้งหมดเป็นเพียงแค่ความฝันอย่างเดียวเท่านั้นหรือเปล่า ถ้าหากเป็นความฝันจริงแล้วทำไมถึงมีกระดาษอยู่บนหมอนของผมในคืนนั้น .. ผมพยายามคิดว่ามันอาจจะไม่ใช่เรื่องจริง พยายามหลอกตัวเองว่ามันคือความฝันแต่ทุกครั้งที่ผมพยายามคิดอย่างนั้นภาพในความฝันในคืนวันนั้นก็กลับมาคอยย้ำเตือนผมอยู่ตลอดเวลา บางทีถ้าผมเจอชายคนนั้นในความฝันอีกครั้งผมอยากจะต่อยเขาสักหมัดและถามเขาว่าไม่มีคนอื่นอีกแล้วเหรอที่จะมาทำหน้าที่บ้าๆนี้ ทำไมต้องเป็นผม ความรักของผมกับอี้ชิงที่ลงตัวและไปกันได้สวยจะต้องมาจบลงพียงเท่านี้เพียงเพราะผมเป็นคนที่ถูกเลือก ..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ช่วงสายของวันผมและลู่หานออกมาเดินในห้างที่ไม่ห่างจากที่ทำงานของเรามาก วันนี้เจ้านายของเราทั้งคู่ไม่เข้ามาทำงาน ผมกับลู่หานเลยได้โอกาสโดดงานมาเดินเล่นในห้างด้วยกันซะเลย .. จะว่าไปผมต้องหาซื้อของไปเซอร์ไพร์สอี้ชิงนี่นา

    อี้ชิงเขาเป็นคนเรียบๆฉันว่านายอย่าทำอะไรที่มันเวอร์เกินไปจะดีกว่า ลู่หานหันหน้ามาบอกหลังจากที่ผมแอบบอกว่าผมจะซื้ออะไรไปเซอร์ไพร์สอี้ชิงเขา

    ก็รู้เว้ย .. แต่บางครั้งอะไรที่เป็นครั้งสุดท้ายก็น่าจะทำให้ดีที่สุดไม่ใช่หรือยังไงวะ ? ผมบอกก่อนจะเดินล้วงกระเป๋าเข้าไปในร้านจิวเวอร์รี่ร้านหนึ่งในห้าง ผมไม่รู้ว่าผมควรจะเข้าไปในร้านไหนดีแถวนี้มีแต่ร้านจิวเวอร์รี่ทั้งนั้น จะตั้งกันทำไมหลายร้านแค่ร้านเดียวผมว่าคนซื้อเขาก็เลือกซื้อไม่ถูกแล้วล่ะ

     

    นี่ ! อู๋อี้ฟาน เดินไม่เคยรอกันเลย ลู่หานที่วิ่งตามผมมา บ่นไม่เลิกแถมยังตีที่แขนผมอีกด้วย

    เกิดมาขาสั้นทำไมล่ะ ? ฮ่ะๆๆๆ ผมแซวลู่หานเล่นๆตอนเดินเข้าไปในร้าน พนักงานสองสามคนที่ยืนต้อนรับอยู่มองมาที่ผมและลู่หานก่อนจะยิ้มให้พวกเราทั้งคู่

    สวัสดีครับ เชิญดูก่อนได้เลยนะครับ ทางร้านของเรายินดีต้อนนรับครับ พนักงานชายคนหนึ่งเดินเข้ามาหาผมและลู่หานพร้อมกับโค้งทักทายพวกผมทั้งสองคนน้อยๆ

    เอ่อ.. สวัสดีครับ คือ .. พวกเรามาดูแหวนน่ะครับพอจะมีแบบไหนที่ออกแนวแบบเรียบๆบ้างไหมครับ ? เพื่อนสนิทของผมโค้งทักทายพนักงานชายคนนั้นกลับก่อนจะพ่นคำถามออกไป .. นี่ตกลงผมเป็นคนมาซื้อแหวนให้อี้ชิงหรือลู่หานเป็นคนซื้อกันแน่ ฮ่ะๆๆ

     

    เอ่อ .. คุณจะมาซื้อให้แฟนใช่ไหมล่ะครับ ? ว้าว.. คุณสองคนเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมากๆเลยนะครับ เชิญตามผมมาทางนี้เลยครับ พนักงานชายคนนี้บอกพร้อมกับยิ้มให้พวกผมทั้งสองคนน้อยๆพร้อมกับผายมือเดินนำพวกผมทั้งคู่ไปยังตู้กระจกใสที่มีแหวนหลากหลายรูปแบบวางเรียงรายอยู่

     

    เอ่อความจริง .. ผม .. ลู่หานพยายามจะอธิบายให้พนักงานที่เดินอยู่ตรงหน้าพวกเราทั้งสองคนฟัง

    แหม .. คุณลูกค้าไม่ต้องอายไปหรอกครับ พามาลองด้วยกันนี่แหละครับดีแล้ว แฟนของคุณจะได้เลือกแหวนที่ชอบได้ยังไงล่ะครับ พนักงานชายยังคนพูดจ้อไม่หยุดไม่สนใจฟังเสียงทักท้วงของเพื่อนผมเลย

    ความจริงแล้วผมมาดูแหวนให้แฟนเขาน่ะครับ ลู่หานพูดแทรกออกมาพร้อมกับชี้มาที่ผมตอนที่พนักงานกำลังอธิบายอะไรสักอย่างให้ฟังอยู่ พนักงานทำหน้างงๆก่อนจะยิ้มแห้งให้ลู่หานกับผมทันที ผมได้แต่กลั้นหัวเราะไว้เงียบๆหลังจากที่เห็นสีหน้าของพนักงานคนนี้แล้ว

    เอ่อ .. ฮ่ะๆ ครับผม แล้วแฟนของคุณเขาชอบแหวนประมาณไหนเหรอครับ ? พนักงานหันมาถามผมทันทีที่รู้ว่าตัวเองหน้าแตก เขาไม่ยอมหันหน้าไปมองลู่หานแม้แต่นิดเลย ผมเห็นแล้วขำวะ.. ฮ่ะๆ

    เขาเป็นคนเรียบๆน่ะครับ ไม่ชอบอะไรที่มันหวือหวา .. ผมเลยอยากดูแหวนที่มันออกแนวเรียบๆน่ะครับ คุณพอจะแนะนำแหวนแบบไหนให้ผมได้บ้างไหมครับ ?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หลังจากที่ผมกับลู่หานยืนฟังพนักงานอธิบายเรื่องแบบแหวน ขนาดแหวน และเรื่องราคาแล้ว ผมก็ตกลงซื้อแหวนวงหนึ่งที่สะดุดตาผมตั้งแต่แรกเห็นแล้ว มันเป็นแหวนสีเงินเรียบๆไม่มีอะไรมากมาย แต่มันพิเศษตรงที่ข้างในแหวนทางร้านมีบริการพิเศษสามารถสลักอะไรลงไปในนั้นก็ได้ ซึ่งผมไม่ปฎิเสธบริการพิเศษๆแบบนี้แน่นอน

    อีกสามวันคุณลูกค้าสามาถมารับแหวนได้เลยนะค่ะ เมื่อใกล้ถึงวันที่คุณลูกค้าจะมารับของทางร้านเราจะโทรแจ้งอีกทีนะค่ะ พนักงานหญิงตรงหน้าเคาท์เตอร์แจ้งรายละเอียดให้ผมฟัง พร้อมกับยื่นใบนัดรับแหวนมาให้ผมด้วย ผมกล่าวขอบคุณเธอเบาๆพร้อมกับเดินออกไปจากร้านพร้อมกับเพื่อนสนิทของผม

     

     

     

     

     

     

    คบกันมาตั้งนาน ไม่คิดว่านายจะซื้อแหวนให้อี้ชิงนะเนี่ย ลู่หานที่ยืนอยู่ข้างๆผมพูดออกมาพร้อมกับลากผมให้เดินเข้าไปในร้านกาแฟที่อยู่ตรงข้ามกับร้านขายแหวนที่พวกเราทั้งสองคนกำลังเดินออกมา เราทั้งคู่เข้าสั่งเครื่องดื่มและหาที่นั่งเงียบๆในร้านนั่ง ผมไม่ชอบที่จะไปนั่งตรงที่ๆมีคนเดินผ่านบ่อยๆมันรู้สึกอึดอัดแปลกๆ

    ทำไมวะ  ? ฉันจะซื้อของอะไรให้คนที่ฉันรักบ้างนี่มันแปลกมากเลยหรือไงเสี่ยวลู่หาน ? ผมถามออกไป

    ก็แปลกน่ะสิ ทั้งๆที่ปีที่แล้วฉันชวนนายซื้อแหวนให้เป็นของขวัญให้อี้ชิงเขาตอนวันครบรอบของพวกนายทั้งสองคน นายยังปฎิเสธเสียงแข็งอยู่เลยว่าจะไม่ซื้อ แล้วพอมาวันนี้อยู่ดีๆนายก็อยากซื้อแหวนให้อี้ชิง ทั้งๆที่มันยังไม่ถึงวันครบรอบเลยด้วยซ้ำ และที่สำคัญมันผ่านวันเกิดของอี้ชิงมาแล้วด้วย ลู่หานพูดรัวออกมาเอาซะผมตั้งตัวไม่ทันกันเลยทีเดียว นั่นสินะ..ทั้งๆที่ปีที่แล้วลู่หานบังคับให้ผมซื้อแทบตายผมยังไม่คิดจะซื้อแหวนให้อี้ชิงเลย แต่ทำไมวันนี้ผมถึงอยากซื้อให้เขาล่ะ .. ผมก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

     

    ฉันอยากซื้อนี่ ฉันมีเงิน เงินฉันเยอะ ผมตอบกวนๆออกไป ลู่หานที่ยืนอยู่ข้างๆผมมองเข้ามาในดวงตาของผมอย่างจับผิด .. อะไรกัน ผมไม่ได้โกหกสักหน่อย .. ผมแค่บอกความจริงไม่หมดเท่านั้นเอง

    นายกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่นะ อู๋อี้ฟาน ลู่หานบอกพร้อมกับมองมาที่ผมอย่างจริงจัง

    ปล่าวเว้ย ไม่ได้ปิดบังอะไรสักหน่อย

    นายกำลังโกหกเพื่อนสนิทที่รู้จักนายมาตั้งแต่เด็กนะคริส ! คนตัวเล็กเริ่มพูดเสียงดัง ทำเอาคนที่นั่งอยู่ในร้านหันมามองพวกเราทั้งคู่เป็นตาเดียว

    ฉัน .. ไม่ได้ปิดบังอะไรจริงๆ

    ไม่ได้ปิดบัง เหอะ .. แล้วทำไมนายต้องหลบตาฉันด้วยล่ะ ? ลู่หานบอกพร้อมกับกอดอกมองหน้าผม เฮ้อ .. ผมเกลียดลู่หานที่จับผิดคนเก่งจริงๆ ผมไม่สามารถมีความลับอะไรกับลู่หานได้เลยเพราะทุกครั้งที่ผิดพยายามปิดบังและโกหกจะโดนเขาจับได้ทุกที .. และคราวนี้ก็เป็นอีกครั้งที่ลู่หานสามารถจับโกหกของผมได้อีกแล้ว ..

    บอกไปนายจะเชื่อฉันหรือไง ? ผมถามหยั่งเชิงออกไปพร้อมกับเขี่ยน้ำแข็งในแก้วเครื่องดื่มของผมไปมา

    ก็ลองเล่ามาสิวะ .. เก็บไว้คนเดียวระวังเหอะจะอกแตกตาย คนตรงข้ามผมบอกก่อนจะปาน้ำแข็งที่อยู่ในแก้วเครื่องดื่มของเขาใส่ผม

     

     

     

     

     

     

     

    ผมสั่งเครื่องดื่มมาเพิ่มอีกพร้อมกับเล่าเรื่องราวทั้งหมดในคืนที่ผมฝันให้ลู่หานฟัง ตั้งแต่ผมเห็นชายแปลกประหลาด เรื่องราวที่ผมต้องไปทำหน้าที่บ้าๆนั่นเป็นเวลา 400 วัน กระดาษที่อยู่ดีๆก็อยู่บนหมอนของผม รวมทั้งอาการเจ็บตรงบริเวณหัวใจที่อยู่ดีๆก็เป็นขึ้นมาซะอย่างนั้น หลังจากที่เผมเล่าจบเพื่อนสนิทชาวจีนของผมทำหน้าเหมือนจะไม่เชื่อในตอนแรก แต่เมื่อผมเริ่มเล่าอย่างจริงจังสีหน้าของลู่หานก็เปลี่ยนไป เขาดูตกใจและไม่ค่อยอยากจะเชื่อเรื่องราวทั้งหมดที่ผมเล่าให้ฟังสักเท่าไหร่

     

    นึกว่าเรื่องแบบนี้มันจะมีแต่ในหนัง คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมพูดออกมาพร้อมกับทำหน้าครุ่นคิดนิ่งๆ

    ไม่อยากเชื่อใช่ไหมล่ะ ? ฮ่ะๆๆ ฉันก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน

    ฉันห้าสิบห้าสิบนะคริส เรื่องแบบนี้มันคงต้องเผื่อใจไว้ก่อน

    ก็เตรียมใจไว้แล้วล่ะ .. ทุกวันนี้ฉันพยายามทำให้อี้ชิงมีความสุขมากๆ ตอนที่ฉันจากไปเขาจะได้มีแต่ความทรงจำดีๆเกี่ยวกับฉันไง ผมบอกลู่หานพร้อมกับยิ้มให้เขาน้อยๆ

    จากปงจากไปอะไรของนาย เปลี่ยนเรื่องๆ ไม่พูดเรื่องนี้แล้วเว้ย นายไม่ต้องไปสนใจอะไรทั้งนั้นคริสทำปัจจุบันและตอนนี้ให้ดีที่สุดดีกว่า พรุ่งนี้มันคือเรื่องของอนาคตเว้ยอย่าเพิ่งไปคิดถึงมัน เพื่อนสนิทของผมบอกพร้อมกับเอื้อมมือมาบีบไหล่ของผมเบาๆ

    ก็นะ .. ถ้าไม่มีฉันโลกนี้คงไม่มีคนหล่อหลงเหลืออยู่แล้วล่ะ ฮ่าๆๆ ผมพูดติดตลกออกมา ทำให้ลู่หานที่นั่งอยู่ตรงข้ามผมถึงกับกุมขมับไปเลย

     

     

     

     

     

     

     

     

    เราทั้งคู่นั่งคุยอะไรเรื่อยเปื่อยกันอยู่สักพักก่อนจะเดินออกจากร้านมา ผมเดินไปส่งลู่หานขึ้นรถแท็กซี่ตรงหน้าห้างสรรพสินค้า ผมบอกลาลู่หานก่อนจะเดินแยกออกมา ผมยังไม่มีความคิดที่จะกลับบ้านสักเท่าไหร่ตอนนี้แค่บ่ายแก่ๆเท่านั้นเอง กลับบ้านไปผมก็ไม่มีอะไรจะทำอยู่ดี ผมเดินเตร็ดเตร่ไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย แต่แล้วโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงของผมก็สั่นขึ้นมา

     

    -                   อี้ชิง     -

    วันนี้ผมเลิกงานเร็ว ผมจะไปรอที่ร้านนะครับ <3

     

     

    หลังจากที่อ่านข้อความแล้วผมกดปลดล็อกโทรศัพท์ก่อนจะยัดโทรศัพท์ลงไปในกระเป๋ากางเกงของผมตามเดิม สองเท้าของผมรีบเดินตรงไปที่ร้านทันที อิ้ชิงยังไม่รู้เลยนี่ว่าวันนี้ผมเลิกงานเร็วกว่าปกติ ถ้าผมไปที่ร้านก่อนเขา เขาคงจะตกใจแน่ๆ ผมอยากเห็นสีหน้าตอนอี้ชิงตกใจแฮะ .. มันจะทำให้เขาดูน่ารักมากไหมนะ ? ฮ่ะๆๆ

     

     

     

     

     

     

     

    ผมผลักประตูร้านเข้าไปกระดิ่งที่ถูกแขวนอยู่ตรงประตูก็ส่งเสียงขึ้นมาทันที ผมเดินเข้าไปยังที่ประจำของผมกับอี้ชิงทันที อี้ชิงยังไม่มา .. ผมนั่งลงบนโซฟาตัวเล็กก่อนจะสอดส่องมองไปทั่วๆร้าน วันนี้ที่ร้านแทบจะไม่มีคนเลย อาจจะเป็นเพราะว่านี่ไม่ใช่เวลาเลิกงาน และตอนบ่ายแบบนี้ทุกคนก็น่าจะกลับเข้าออฟฟิสไปทำงานกันหมดแล้วล่ะ .. จะมีก็แต่ผู้ชายตัวเล็กๆหน้าตาจิ้มลิ้มนั่นที่นั่งก้มหน้าทำงานด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด เขาเงยหน้าขึ้นมาก่อนจะมองมาที่ผม อ่า.. นี่ผมเผลอจ้องผู้ชายคนนี้นานไปงั้นเหรอ .. ผมยิ้มแห้งๆให้ผู้ชายคนนั้นน้อยๆ ก่อนจะรีบหยิบโทรศัพท์ของผมขึ้นมาเล่นแก้หน้าแตกทันที

     

     

     

     

     

     

    กริ๊ง ..

    เสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่ตรงประตูหน้าร้านดังขึ้น ทำให้ผมวางโทรศัพท์ในมือลงพร้อมกับรีบหันหน้าไปทางประตูร้านทันที ..

     

     

     

     

    ผู้ชายใส่ชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเอกชนเดินเข้ามาในร้านพร้อมกับวางหนังสือที่เขาเอามาด้วยลงบนโต้ะที่ผู้ชายหน้าตาจิ้มลิ้มนั่นนั่งอยู่

    พี่ครับทำไมรายงานมันต้องวุ่นวายขนาดนี้ด้วย ผมทำไมไหวแล้วนะ เด็กผู้ชายใส่ชุดนักศึกษาบ่นพร้อมกับเบะปากออกมาอย่างกับเด็กน้อย

    แบคฮยอน พี่เข้าใจน่าว่ามันยาก แต่พี่กำลังช่วยนายอยู่นี่ไงเห็นไหม ? ชายหน้าตาจิ้มลิ้มบอกพร้อมกับเคาะรายงานที่เขาเพิ่งหยุดเขียนไป

    แต่มันเยอะนี่ .. พี่มินซอก คนตัวเล็กบอกพร้อมกับฟุบหน้าลงไปกับโต้ะ .. ทำให้พี่ชายของเขาหยิบปากกาที่วางอยู่มาเคาะลงบนหัวของเด็กผู้ชายคนนี้เบาๆ

    เร็วๆเข้าแบคฮยอน ทำไม่ทันพี่ไม่รู้ด้วยแล้วนะ ชายคนนั้นว่าก่อนจะก้มหน้าลงไปทำรายงานต่อ ทิ้งให้น้องชายของเขานั่งหมดอะไรตายอยากอยู่สักพักก่อนจะเริ่มเขียนรายงานตามเขาบ้าง .. เป็นพี่น้องที่น่ารักดีนะ ..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    กริ๊ง ..

    เสียงกระดิ่งดังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อประตูถูกเปิดออก ครั้งนี้ผมไม่ได้หันไปมองที่ประตูอีกแล้ว เดาได้ง่ายๆเลยว่าต้องเป็นเพื่อนของเด็กนักศึกษานั่นหรือไม่ก็ลูกค้าคนอื่น อี้ชิงคงยังไม่มาหรอกอีกสักครึ่งชั่วโมงนั่นแหละ ผมคิดว่านะ ..

     

     

     

     

     

     

     

    แรงกอดที่โถมเข้ามาจากด้านหลังของผมทำให้ผมรู้ว่าเป็นอี้ชิงแน่ๆ .. ผมเงยหน้าขึ้นไปมองอี้ชิงก่อนจะเอื้อมมือไปบีบแก้มใสนั่นเบาๆ

     

    คริสโดดงานมาหรือไงครับ ผมคิดว่าผมเลิกงานก่อนคริสซะอีก อี้ชิงบอกพร้อมกับเดินมานั่งลงบนโซฟาข้างๆผม

    ปล่าวโดดนี่ .. วันนี้เจ้านายไม่มาฉันก็เลยไม่อยากทำงาน ผมบอก

    อ่า .. นิสัยดีจริงๆ เจ้านายไม่อยู่ก็ไม่ยอมทำงาน อี้ชิงพูดจิกกัดผมเบาๆก่อนจะถอดกระเป๋าสะพายออกจากหลังของเขา .. ผมไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมอี้ชิงถึงชอบใช้กระเป๋าสะพายนักนะ .. คนตัวบางวางกระเป๋าสะพายของเขาลงบนโซฟาอีกตัวที่อยู่ข้างๆเขา

    ไม่ต้องมาแขวะฉันเลยน่า .. เย็นนี้เราจะออกเดินทางกันแล้วนะ ลางานหรือยังหืม? ผมเอนหลังติดพนักพิงก่อนจะถามออกไป

    เรียบร้อยแล้วครับผม คราวนี้ผมลายาวเลยน้า อี้ชิงบอกพร้อมกับส่งยิ้มมาให้ผม .. อ่าลักยิ้มที่ชอบผุดขึ้นตอนที่อี้ชิงยิ้มนี่ทำให้ผมยิ้มตามได้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย .. อี้ชิงน่ารักเกินไปอีกแล้ว

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมเอื้อมมือไปกุมมือของอี้ชิงเบาๆพร้อมกับฟุบหน้าลงไปบนโต้ะ .. ความคิดมากมายเริ่มก่อตัวขึ้นในหัวของผมทันที อี้ชิงจะอยู่ได้ไหมนะถ้าไม่มีผม ? อี้ชิงจะเสียใจมากไหมนะถ้าไม่มีผม ? เขาจะมีคนใหม่ไหมหลังจากที่ผมไปแล้ว ? เขาจะต่อว่าผมมากแค่ไหนกันนะที่ผมจากเขาไปแบบนี้ ? อนาคตที่เราทั้งสองคนเคยคิดไว้ด้วยกันอี้ชิงจะปะคับปะคองมันไปได้ด้วยดีไหม ? ความรักที่ผมให้เขา เขาจะรู้สึกถึงมันน้อยลงไหม ? ลู่หานจะดูแลอี้ชิงดีไหมถ้าผมจากไปแล้ว ..

     และเขาจะยังคงรักแค่ผมคนเดียวเท่านั้นจริงๆใช่ไหม?

     

     

     

     

     

     

     

    สัมผัสแผ่วเบาของมือบางที่วางลงบนกลุ่มผมของผม ทำให้ผมหยุดคิดเรื่องพวกนี้ไปก่อนจะเงยหน้ามามองอี้ชิงที่นั่งมองหน้าผมอย่าง งงๆอยู่

    คริสเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ? ไม่สบายเหรอ ผมไม่ไปเที่ยวแล้วก็ได้นะ .. คนตัวบางรีบโวยวายบอกผมทันทีที่เห็นผมเป็นแบบนี้

    ไม่ไปได้ยังไงล่ะ ฉันอยากไปเที่ยวกับคนรักของฉันนี่ นานๆทีนายจะมีเวลาว่างมาเที่ยวสักที ไม่ไปได้ยังไง ผมบอกพร้อมกับเอื้อมมือไปบีบจมูกของอี้ชิงเบาๆ .. คนตัวบางทำหน้ามุ่ยใส่ผมก่อนจะเอื้อมมือมาอังหน้าผากของผม

    ตัวก็ไม่ร้อนนี่นา

    ก็ใช่ไง ฉันสบายดีนี่หว่า .. อยากให้ฉันไม่สบายหรือยังไงห้ะ ?

    ก็ผมเป็นห่วงคริสนี่นา อี้ชิงบอกพร้อมกับก้มหน้าลงน้อยๆ .. อ่า.. น้อยใจอยู่สินะอี้ชิงอา

    อี้ชิงอา .. ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกน่า ฉันสบายดี ผมบอกก่อนจะเอื้อมมือไปกุมมือของอี้ชิงที่วางอยู่บนตักของเขาเบาๆ

    จริงนะครับ ? อี้ชิงถามออกมาเสียงเบา

    แน่นอนครับ .. ไปกันเถอะอี้ชิง เดี๋ยวเราต้องไปเตรียมของกันอีก ผมบอกพร้อมกับเดินไปหยิบกระเป๋าสะพายของอี้ชิงขึ้นมาสะพายแทนก่อนจะเอื้อมมือไปจับมือของคนตัวบางที่นั่งทำตาแป๋วรอผมเดินไปจับมืออยู่ .. ผมออกแรงดึงเบาๆให้อี้ชิงลุกขึ้นตามผมมาและเดินออกจากร้านไป ..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมกับอี้ชิงใช้เวลาเก็บของกันอยู่สักพักจนภายนอกบ้านของเราค่อยๆมืดลงไปทีละนิดๆแล้ว กระเป๋าสัมภาระของพวกเราทั้งสองคนรวมกันแล้วก็มีแค่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบกระเป๋าเป้ของผมสองใบและของอี้ชิงหนึ่งใบที่เหลือก็จะมีแค่พวกถุงขนมที่อี้ชิงเป็นคนซื้อมานี่แหละเยอะแยะเต็มไปหมด ผมยกกระเป๋าเดินทางของเราทั้งคู่ไปใส่ไว้ตรงเบาะหลังของรถ อี้ชิงจัดการปิดและล็อคประตูบ้านให้เรียบร้อยก่อนจะเปิดประตูเข้ามานั่งตรงที่นั่งข้างๆคนขับ คนตัวบางยิ้มจนตาหยีให้ผมก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มผมเบาๆ

     

    หืมมมมมมมมมมมมมมมมม ? จางอี้ชิง ? ผมพูดพร้อมกับมองหน้าอี้ชิงไปด้วย

    ขอบคุณนะครับคริส ที่พาผมไปเที่ยว คนตัวบางบอกพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มผมอีกครั้ง และ อีกครั้ง .. อี้ชิงอา นายทำตัวน่ารักแบบนี้ฉันยิ่งทำใจที่จะจากนายไปยากขึ้นน่ะสิ นายจะรู้ไหม ? ฉันก็ไม่อยากปล่อยมือนายไปแม้แต่วินาทีเดียว ..

     

     

     

    ผมยิ้มให้กับอี้ชิงบางๆก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มของเขาคืนบ้าง อี้ชิงหน้าแดงทันทีที่ผมเอาคืนเขา คนตัวบางรีบดันหน้าของผมออกพร้อมกับสั่งให้ผมรีบขับรถออกไปได้แล้ว .. ผมหัวเราะออกมาเสียงดังก่อนจะทำหน้าที่เป็นคนขับรถตามที่อี้ชิงสั่ง ..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมขับรถตามเส้นทางมาเรื่อยๆเป้าหมายของผมและอี้ชิงคือหมู่บ้านชนบทเล็กๆที่อยู่ห่างจากตัวเมืองพอสมควร เพราะอี้ชิงอยากไปที่ๆอากาศดีๆผมเลยต้องตามใจพาเขาไปเสียไม่ได้  คนตัวบางที่นั่งอยู่ข้างๆผมตอนนี้เขาหลับไม่รู้เรื่องอะไรเลย อาจจะเป็นเพราะว่าทำงานมาจนเหนื่อยแถมยังต้องมานั่งรถไกลๆแบบนี้อี้ชิงก็คงง่วงเป็นธรรมดา .. ผมหยุดรถตามสัญญาไปจราจรที่ขึ้นสีแดงขึ้นมา ระหว่างที่รอเวลาตอนที่ติดไฟแดงผมค่อยๆขยับตัวเอื้อมมือไปปรับระดับเบาะให้อี้ชิงนอนได้สบายขึ้น ร่างบางขยับตัวเล็กน้อย .. ตอนแรกผมคิดว่าเขาจะตื่นขึ้นมา แต่เขากลับหลับไปต่อ ผมยิ้มบางๆออกมาก่อนจะเอื้อมมือไปลูบผมของอี้ชิงเบาๆ ..

     

    我将永远爱你一个   

    ผมจะรักคุณคนเดียวตลอดไป

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมขับรถมาตามเส้นทางของถนนสายหลักมาเรื่อยๆจนตอนนี้ข้างทางเริ่มมืดสนิทมีเพียงแสงไฟจากเสาไฟเท่านั้น .. ยังดีที่มีรถพอขับสวนไปมาบ้างการขับรถคราวนี้ของผมเลยไม่ค่อยหน้าเบื่อสักเท่าไหร่ .. อี้ชิงตื่นขึ้นมาครั้งหนึ่งเมื่อประมาณสองชั่วโมงที่แล้วก่อนจะหลับไปต่อ สงสัยจะเหนื่อยจริงๆสินะอี้ชิงอา .. ผมเอื้อมมือไปเบาเสียงเพลงที่ผมเปิดคลอมาตลอดทางให้เบาลงอีกเพื่อที่จะให้อี้ชิงหลับสบายขึ้น .. ผมเคาะนิ้วลงบนพวงมาลัยรถตามจังหวะเสียงเพลงที่เปิดคลอในรถพร้อมกับฮัมเพลงออกมาเบาๆ อีกสักพักคงจะถึงที่หมายที่ผมกับอี้ชิงวางแผนว่าจะมาที่นี่กันแล้ว ผมรู้สึกตื้นเต้นจริงๆ นานๆทีผมจะได้ออกมาเที่ยวกับอี้ชิงแบบนี้ .. ผมเลี้ยวรถเข้าในทางถนนสายเล็ก ถนนสายนี้เล็กและแคบมากจริงๆ รถที่ขับสวนทางกับผมเมื่อกี้ก็แทบจะเบียดกันตกข้างทางกันเลย ดีที่ผมและเขาขับมาช้าๆไม่อย่างนั้นคงได้เบียดกันลงข้างทางแน่ๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมขับรถเข้ามาในถนนสายเล็กนี้เกือบจะครึ่งชั่วโมงแล้ว ข้างทางไม่มีเสาไฟคอยให้ความสว่างมีแต่แสงไฟจากรถขอผมเท่านั้น รอบข้างเราตอนนี้ก็มีเพียงแต่ต้นไม้ต้นสูงที่เรียงรายอยู่ตามข้างทาง .. ผมล่ะนึกกลัวว่าจะมีตัวอะไรวิ่งออกมาจากป่าจริงๆ ยิ่งเวลานี้มันยิ่งทำให้นึกถึงหนังแนวฆาตกรรมซะด้วยสิ..

     

    คริสใกล้ถึงหรือยังเหรอครับ ? อี้ชิงที่กำลังงัวเงียตื่นขึ้นมาถามผม

    ใกล้ถึงแล้ว .. นั่งไง ผมบอกพร้อมกับชี้ไปที่บ้านพักต่างอากาศที่ตั้งอยู่บนเนินเขาลูกเล็กๆที่อยู่ไม่ไกลจากจำแหน่งที่ผมขับรถเท่าไหร่นัก

    คริสไปหาที่นี่เจอได้ยังไงเนี่ยครับ .. คนตัวบางบอกพร้อมกับทำหน้าประหลาดใจ สายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่บ้านพักต่างอากาศที่ตั้งอยู่ตรงเนินเขาลูกเล็กๆนั่น

    บอกก็ไม่เซอร์ไพร์สน่ะสิ ผมบอก อี้ชิงหันหน้ามายู่ปากใส่ผมน้อยๆก่อนจะหันกลับไปมองบ้านพักหลังนั้นต่อ .. อะไรจะถูกใจเขาขนาดนั้น

     

     

     

     

     

     

    ผมขับรถมาเรื่อยๆจนถึงทางเลี้ยวเข้าบ้านพักต่างอากาศหลังนี้ .. ผมเลี้ยวรถเข้าไปพร้อมกับมองไปที่อี้ชิงอีกครั้ง คนตัวบางอ้าปากหวอทันทีที่เข้าใกล้บ้านเรื่อยๆ .. บ้านพักต่างอากาศหลังนี้เป็นบ้านพักสองชั้นหลังไม่เล็กมากขนาดพอดีสำหรับครอบครัวเลยล่ะ บ้านหลังนี้อาจจะเป็นบ้านในฝันของคนมีครอบครัวหลายๆคน บ้านพักต่างอากาศหลังนี้ทาด้วยสีขาวด้วย ประตูบานใหญ่เป็นกระจกสีใส หน้าต่างก็เช่นกัน ที่นี่ไม่มีรั้วกั้นบ้านเอาไว้จะมีก็แต่รั้วสีขาวเตี้ยๆที่มีไว้ตกแต่งบ้านให้ดูน่ารักๆเท่านั้น บ้านพักต่างอากาศหลังนี้ยังมีสนามหญ้าหน้าบ้านที่ความกว้างกำลังพอดีอีกด้วย ผมถูกใจบ้านหลังนี้จริงๆ .. ผมมาเจอบ้านพักหลังนี้ได้ยังไงน่ะรู้ไหม ? ก็ลู่หานน่ะสิเขาเคยชวนผมมาเที่ยวที่นี่ แล้วเพื่อนสนิทของผมดันไปเห็นป้ายติดประกาศที่จะขายบ้านหลังนี้เขาเลยยุ(แกมบังคับ)ให้ผมซื้อบ้านหลังนี้ให้ได้ และผมก็บ้าจี้ซื้อตามที่ลู่หานบอกด้วยแหะ ..  ผมไม่รู้สึกเสียดายเงินสักนิดเลยที่ซื้อบ้านหลังนี้มา .. ก็ดูอี้ชิงที่มองบ้านพักหลังนี้ตอนนี้สิ เขาแทบจะพุ่งตัวออกจากรถไปดูบ้านจะแย่แล้วล่ะมั้ง

     

    คริสจอดรถเร็วๆเข้าครับผมอยากเข้าไปดูข้างในบ้านแล้ว อี้ชิงบอก เขาเขย่าแขนผมเบาๆขณะที่ผมขับรถเข้าไปจอดในที่จอดรถข้างบ้าน

    อะไรจะตื่นเต้นขนาดนั้น ผมบอกพร้อมกับดับเครื่องรถ ทันทีที่รถนิ่งสนิทแล้วอี้ชิงก็รีบเปิดประตูรถออกไปพร้อมกับวิ่งไปที่ประตูหน้าบ้านทันที

    คริสมาเปิดประตูหน่อยสิครับ ผมอยากเห็นข้างในอ่ะ คนตัวบางบอกก่อนจะวิ่งมาลากตัวผมไปที่ประตูหน้าบ้าน

    อี้ชิงอา .. ไม่เห็นต้องรีบขนาดนั้นเลย ผมบอกพร้อมกับล้วงหากุญแจบ้านในกระเป๋าสะพายของผม

    ผมอยากเห็นข้างในนี่นา คริสเร็วๆเข้าสิครับ อี้ชิงบอก คนตัวบางพยายามสอดส่องเข้าไปมองข้างในบ้านอย่างกับเด็กห้าขวบที่อยากจะเห็นของเล่นในกล่องของขวัญ

     

     

     

     

    ผมหยิบกุญแจบ้านออกมาพร้อมกับไขไปที่ประตูบ้านบานใหญ่นี้ อี้ชิงที่ยืนยู่ข้างๆผมได้แต่ทำหน้าตาตื่นเต้นอย่างกับเด็กเล็กๆ ผมหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะไขกุญแจปลดล็อกประตูบ้านออกพร้อมกับเปิดประตูบานใหญ่ทั้งสองบานออกมาช้าๆ ทันทีที่ประตูเปิดออกอี้ชิงก็รีบเดินเข้าไปดูข้างในบ้านอย่างรวดเร็ว ไม่รอผมเลย.. น่าน้อยใจนะ

     

     

    อี้ชิงอา.. สนใจแต่บ้านไม่สนใจคนพามาเลยนะ ผมบอกขณะที่เดินตามอี้ชิงเข้าไปในตัวบ้าน

    แฮ่ะๆ.. ขอโทษครับคริส ผมแค่ตื่นเต้นมากไปหน่อยเองงงงง ร่างบางเดินเข้ามาหาผมพร้อมกับกอดแขนผมอย่างอ้อนๆ

    ไม่ต้องเลย หน้าน้อยใจนะแบบนี้ ผมบอกก่อนจะหันหน้าหนีอี้ชิงไปอีกทาง .. ความจริงผมไม่ได้โกรธอะไรอี้ชิงเขาหรอก ผมแค่เรียกร้องความสนใจเฉยๆน่ะ

     

     

     

     

     

     

     

    อี้ชิงยื่นหน้าเข้ามาใกล้ผมพร้อมกับหอมแก้มผมเบาๆ อ่า.. ง้อผมแบบนี้สินะ ผมหันหน้ากลับไปมองคนตัวบางที่ยืนทำหน้าตาใสซื่ออยู่ข้างผม อี้ชิงยิ้มกว้างจนตาหยีให้ผม ก่อนที่ผมจะได้หอมแก้มอี้ชิงคืน คนตัวบางก็หนีผมไปสำรวจบริเวณรอบๆบ้านซะแล้ว รู้ทันผมทุกทีเลยสิน่า ..

     

     

     

     

    ผมเดินกลับมาที่รถหลังจากที่แยกออกมาจากอี้ชิงแล้ว ผมต้องขนสัมภาระของผมและอี้ชิงทั้งหมดเข้าไปในบ้านก่อนที่มันจะดึกไปกว่านี้ ของๆผมน่ะมันไม่มีอะไรเยอะนักหรอกแค่เสื้อผ้าที่พอจะใส่สองสามวัน กระดานวาดรูปและพวกอุปกรณ์ที่ใช้วาดรูป ของอี้ชิงก็ไม่ต่างอะไรจากของผมเท่าไหร่ เขามีแค่กระเป๋าสัมภาระและกระเป๋าเป้ที่เขาหอบเอาหลังสือเกี่ยวกับการแพทย์อะไรของเขาก็ไม่รู้มาด้วย .. แต่ที่มันเยอะก็ตรงของกินที่อี้ชิงซื้อมาก่อนจะเดินทางมาที่นี่ นี่สิ มันเยอะมากราวกับว่าเราจะมาอยู่ที่นี่เป็นสองสามสัปดาห์อย่างนั้นแหละ .. สงสัยผมต้องเดินขนของหลายรอบซะแล้วล่ะ ..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    คริสผมช่วยนะครับ อี้ชิงที่อยู่ๆโผล่มากจากไหนก็ไม่รู้เดินเข้ามาหาผมจากข้างหลังก่อนจะแย่งถุงขนมและของกินที่เขาซื้อมาไปถือเองซะหมด

    ไม่เป็นไรน่าอี้ชิง .. นายไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะ ผมบอกพร้อมกับทำท่าจะดึงถุงมาจากอี้ชิงคืน .. แต่อี้ชิงไวกว่า เขารีบดึงถุงไปซ่อนไว้ข้างหลังเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะวิ่งหนีผมไปซะอย่างนั้น ผมยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะส่ายหัวให้กับความดื้อของอี้ชิง ..

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมใช้เวลาไม่นานในการขนของเข้ามาในบ้านและจัดของ ส่วนมากอี้ชิงเป็นคนทำทั้งหมดผมแทบไม่ได้ช่วยอะไรอี้ชิงเลย .. ตอนนี้ผมอาบน้ำเสร็จแล้วเหลือแค่อี้ชิงที่วุ่นวายกับการจัดของอยู่ในครัวเท่านั้นที่ยังไม่ได้อาบน้ำ .. ดีนะก่อนหน้าที่ผมจะมาที่นี่ผมจ้างแม่บ้านมาทำความสะอาดซะก่อน ไม่งั้นคืนนี้ผมว่าอี้ชิงคงไม่ได้นอนแน่ๆ เพราะเขาคงจะมัวแต่ทำความสะอาดบ้านทั้งคืนแน่นอน .. ผมเดินเข้าไปหาอี้ชิงในห้องครัว ผมเอื้อมมือไปเคาะขอบประตูห้องครัวเบาๆเพื่อเรียกร้องความสนใจจากอี้ชิงที่เอาแต่สนใจแต่จัดของอยู่นั่นแหละ

     

    เกือบจะเสร็จแล้วล่ะครับคริส คริสนอนก่อนก็ได้นะครับ อี้ชิงบอกทั้งๆที่เอาของใส่ไว้ในตู้เย็น นี่เขาไม่สนใจจะหันมามองผมหน่อยหรือไง

    เรื่องอะไรล่ะ ผมบอกก่อนจะเดินเข้าไปดึงถุงผลไม้ออกมาจากมืออี้ชิงก่อนจะยัดมันเข้าไปในตู้เย็นที่ตอนนี้เต็มไปด้วยของกินที่อี้ชิงซื้อมาแล้ว

    อย่างสุดท้ายแล้วใช่ไหม ? ผมถาม

    ความจริงยังมีถุงขนม ..  / ‘ ฉันจะจัดการเก็บที่เหลือเองนายไปอาบน้ำได้แล้ว อย่าให้บอกเป็นครั้งที่สองนะ อี้ชิงกำลังจะบอกเสียงเบาแต่ถูกผมแทรกพูดขึ้นมาซะก่อนเขาเลยพยักหน้ารับเบาๆ

    เข้าใจแล้วครับ คนตัวบางรีบเดินออกไปจากห้องครัวช้าๆทิ้งให้ผมต้องมาจัดของที่เหลือเอง .. ถุงขนมถุงใหญ่สองถุงวางเอาไว้บนโต้ะอาหารผมเดินไปหยิบทั้งสองถุงนั้นขึ้นมาก่อนจะรีบๆยัดถุงขนมที่อยู่ข้างในนั้นเข้าไปไว้ในตู้เคาท์เตอร์อย่างลวกๆ .. ก็มันไม่เห็นจำเป็นจะต้องจัดให้มันสวยเลยนี่หว่า เพราะยังไงตอนที่ดึงออกมากินมันก็ต้องอยู่ในสภาพนี้อยู่แล้ว จัดไปก็ไม่ได้ช่วยอะไรใช่ไหม ?

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หลังจากที่ผมจัดของทั้งหมดเสร็จหมดแล้ว.. ผมก็เดินกลับมาตรงห้องนั่งเล่นห้องเล็กๆจะเรียกห้องนี้ว่าห้องนั่งเล่นก็ไม่ใช่เพราะในห้องนี้เหมือนจะเป็นห้องสมุดขนาดเล็กมากกว่า มีหนังสืออะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด สงสัยเจ้าของบ้านคนเก่าเขาคงเป็นคนที่ชอบอ่านหลังสือมากแน่ๆ ผมเดินเข้าไปหยิบหนังสือออกมาอ่านหนึ่งเล่มพร้อมกับเดินไปนั่งตรงโซฟาที่ตั้งอยู่ตรงริมหน้าต่างบานใหญ่ ผมพลิกอ่านเนื้อหาข้างในมันอย่างผ่านๆ .. ผมรู้สึกว่ายิ่งผมอ่านตาผมก็ยิ่งใกล้จะปิดเข้าไปเรื่อยๆ ผมพับหนังสือวางไว้กับหน้าอกของผมก่อนที่ตาของผมค่อยๆปิดลงราวกับว่ามีคนเอาลูกตุ้มมาถ่วงตาของผมไว้อย่างไงอย่างงั้นจากนั้นเสียงรอบๆตัวผมก็ค่อยๆเงียบลงจนผมหลับไป..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมตื่นมาพร้อมกับห้องกว้างที่มืดสนิทมีแต่ตรงที่ผมยืนอยู่เท่านั้นที่มีแสงสว่างส่องลงมา นาฬิกาทรายที่อยู่ตรงหน้าของผมตอนนี้ดูเหมือนว่าจำนวนทรายข้างบนจะน้อยกว่าข้างล่างมากทรายเม็ดเล็กที่คอยร่วงลงมาทำให้ผมเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเวลาของผมเหลืออยู่ไม่มากแล้ว ผมควรทำยังไงกับนาฬิกาทรายที่อยู่ตรงหน้าของผมนี้ดี ? ผมสามารถโกงเวลาได้ไหม ? ผมแค่คว่ำนาฬิกาทรายลงนำฝั่งที่มากกว่าไว้ข้างบนเท่านี้ผมก็มีเวลาเหลือมากพอที่จะอยู่กับอี้ชิงแล้ว .. ผมค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ๆนาฬิกาทรายนี้อย่างช้าๆและแค่เพียงผมเอื้อมมือไปสัมผัสมันเบาๆผมก็ถูกดึงกลับไปอย่างรวดเร็ว ทุกๆอย่างเร็วมากจนผมไม่สามารถอธิบายได้เลยว่าผมกำลังอยู่ที่ไหนระหว่างที่ถูกดึงรอบๆข้างนั้นมีอะไรบ้างทุกอย่างเป็นเพียงแค่สีดำและมีแค่ผมที่ถูกดึงกลับไปที่ไหนสักแห่งก่อนที่ผมจะจำอะไรไม่ได้อีก ..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกทีและพบว่าตอนนี้ผมนอนอยู่บนโซฟาตัวเดิมในห้องอ่านหนังสือ หัวใจผมเต้นรัวราวกับว่ามีคนมาตีกลองในหัวใจของผมอย่างไงอย่างนั้น ผมนั่งหายใจหอบอยู่พักใหญ่ก่อนจะมองไปรอบๆห้องที่ตอนนี้มืดสนิทไปหมดแล้วจะมีเพียงแค่เสียงไฟที่ส่องออกมาจากโคมไฟตั้งพื้นตัวใหญ่สองตัวที่วางอยู่ระหว่างห้อง .. ผมจำได้ว่าตอนที่ผมเข้ามาในห้องนี้ผมเปิดไฟจนสว่างทั้งห้องเลยนี่นาแต่ทำไมมันถึงมืดแบบนี้ได้ล่ะ ?

     

     

     

     

     

     

     

    ไม่นานผมก็รู้คำตอบ จางอี้ชิงที่นอนฟุบหน้าอยู่ตรงโซฟาอีกตัวนั่นเองเป็นคนปิดไฟในห้องนี้ ร่างบางดูเหมือนนอนหลับสนิทไปแล้วท่านอนแบบนั้นถ้านอนนานๆนายจะปวดตัวเอาได้นะอี้ชิงอา .. ทำไมเขาชอบทำให้ผมอยากดูแลเขาตลอดเวลาเลยจริงๆ ให้ตายเถอะ .. ผมลุกจากโซฟาที่ผมนอนอยู่พร้อมกับเดินไปหาร่างบางที่นอนฝุบหน้าอยู่ตรงโซฟาอีกตัว ผมค่อยๆย่อตัวลงเพื่อที่จะอุ้มอี้ชิงได้ถนัดๆ อี้ชิงตัวเบาลงกว่าเดิม ปกติเขาไม่ค่อยชอบให้ผมอุ้มเท่าไหร่เพราะทุกครั้งที่อี้ชิงถูกผมอุ้มผมจะบ่นว่าเขาอ้วนตลอดเขาเลยไม่ชอบที่จะถูกผมอุ้มสักเท่าไหร่ .. ผมอุ้มอี้ชิงออกจากห้องอ่านหนังสือนี้ก่อนจะเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสองของบ้านที่มีห้องนอนเพียงแค่ห้องเดียวในชั้นสอง ผมเปิดประตูห้องนอนเข้าไปด้วยท่าที่ทุลักทุเลมากเลยทีเดียว.. หลังจากที่ผมเปิดประตูได้ด้วยความยากลำบาก ผมก็เดินตรงไปที่เตียงก่อนจะวางอี้ชิงลงบนนั้นเบาๆคนตัวบางขยับตัวเล็กน้อยเพื่อเปลี่ยนท่านอนแต่เขาก็ไม่ตื่น อะไรจะขี้เซาขนาดนี้ห้ะจางอี้ชิง.. ผมยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะเอื้อมมือไปลูบผมอี้ชิงเบาๆ จากนี้ไปถ้าฉันไม่อยู่ นายต้องดูแลตัวเองดีๆนะรู้ไหม .. ผมทำได้พียงแค่บอกเขาในใจเท่านั้นผมไม่กล้าแม้แต่จะบอกออกไป .. ผมถอนหายใจออกมาเบาๆพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปจูบหน้าผากคนตัวบางที่นอนหลับสนิทอยู่ตรงหน้าของผม

     

     

     

     

     

     

    ฉันรักนายจางอี้ชิง

     















     

     

    คริสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสสส !! ตื่นได้แล้วน้า .. สัญญากับผมแล้วไงว่าวันนี้จะพาไปเดินดูรอบๆหมู่บ้านนี้อะ

     

    เสียงดังโหวกเหวกโวยวายของอี้ชิงดังขึ้นอยู่ข้างๆหูของผมพร้อมกับแรงดึงเบาๆที่แขนเสื้อของผม ผมโบกมือเป็นเชิงขอเวลาอีกห้านาทีใส่คนตัวบางที่นั่งหน้างออยู่บนเตียงข้างๆผมก่อนจะดึงหมอนใบใหญ่ที่วางอยู่ทางซ้ายมือมาปิดหูของผมเอาไว้และหลับต่อ

    ตุ้ยจางผมให้เวลาอีกสิบวินาที ถ้าไม่ตื่นผมจะไม่ทำอาหารเช้า อาหารกลางวัน แล้วก็อาหารเย็นให้กินนะ !

    ฉันมีบะหมี่ ผมตอบออกไปอย่างกวนๆ ทำให้คนตัวบางแทบจะถลาตัวเข้ามาบีบคอผมเลยมีเดียว

    งั้นก็กินบะหมี่ไปเลยนะครับ ผมไม่สนใจคริสแล้ว ! อี้ชิงว่าพร้อมกับทำท่าจะหนีลงจากที่นอน .. แค่ใครมันจะไปยอมกันล่ะ

     

     

     

    ผมเอื้อมมือไปดึงแขนของอี้ชิงไว้พร้อมกับออกแรงดึงคนตัวบางให้เข้ามาหาผม .. อี้ชิงหน้าเหวอนิดหน่อยแถมยังดิ้นไม่หยุดอีกด้วยนั่นทำให้ผมอยากจะแกล้งคนตัวบางที่ผมกอดอยู่ชะมัด..

    อี้ชิงอา.. ถ้านายไม่หยุดฉันจะทำมากกว่ากอดนายนะ ผมบอกเบาๆข้างหูของอี้ชิงพร้อมกับเลื่อนหน้าเข้าไปใกล้ๆเขาอีกด้วย .. เรียกได้ว่าหน้าของผมเกือบจะติดกับอี้ชิงเลยล่ะ

    .. ก็ได้ .. ผมหยุดดิ้นแล้วคริสก็เอาหน้าไปห่างๆผมหน่อยสิครับ .. อี้ชิงบอกผมพร้อมกับพยายามขืนหน้าออกห่างจากผม .. ผมไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย..

    ทำไมต้องขยับหน้าหนีฉันแบบนี้ล่ะจางอี้ชิง ? .. ผมถาม

    ก็ผม.. ผม .. อี้ชิงพยายามจะแก้ตัว คนตัวบางหันหน้ามาสบตากับผม แต่ทันทีที่เราสบตากับอี้ชิงก็รีบหลบตาผมและแก้มใสของอี้ชิงก็เริ่มขึ้นสีน้อยๆ อ่า.. เขินอยู่สินะอี้ชิง

    ผม ?

    ไม่รู้แล้วไม่รู้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ !! คนตัวบางบอกพร้อมกับพยายามขืนตัวออกจากอ้อมกอดของผมอีกครั้ง .. และแน่นอนว่าอี้ชิงไม่เคยสู้แรงของผมได้เลย คนตัวบางพยายามขัดขืนอย่างเต็มที่อยู่สักพักก่อนจะหมดแรงและนั่งอยู่นิ่งๆให้ผมกอด

    สู้แรงของฉันไม่ได้ก็อย่าพยายามเลยอี้ชิงอา ผมบอกพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มใสของอี้ชิงเบาๆ

    ผมรู้แล้วน่า.. ปล่อยผมได้แล้ววววว ผมอยากไปดูรอบๆหมู่บ้านแล้วอ่า อี้ชิงพูดอ้อนๆ

    ก็ได้.. แต่นานต้องทำอาหารเช้า/กลางวัน/เย็น ให้ฉันกินด้วยนะโอเคไหม ?

    โอเคครับผม !’ อี้ชิงตอบพร้อมกับยื่นหน้าเข้ามาจุ้บปากของผมเบาๆก่อนจะรีบกระโดดลงจากเตียงและวิ่งหนีออกจากห้องไปทิ้งให้ผมนั่งยิ้มเหมือนคนบ้าอยู่คนเดียว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    หลังจากเกิดเรื่องวุ่นวายหลังมื้อเช้า ผมก็พาอี้ชิงมาเดินดูรอบๆหมู่บ้าน ร่างบางที่อยู่ข้างๆผมเดินตระเวนเข้าซอยนู้นออกซอยนี้ราวกับว่าเขาเป็นเจ้าของหมู่บ้านที่ออกมาถามสารทุกข์สุขดิบของคนในหมู่บ้านอย่างไงอย่างนั้น อี้ชิงรีบเดินนำผมไปประมาณสี่ห้าก้าวเมื่อเขาเห็นเด็กเล็กๆกลุ่มหนึ่งกำลังเป่าฟองสบู่เล่นกันอย่างสนุกสนาน ร่างบางเดินเข้าไปเล่นด้วยกลุ่มเด็กๆอย่างเนียนๆ อี้ชิงหันมายิ้มกว้างจนเห็นลักยิ้มทั้งสองข้างของเขาอย่างชัดเจน อี้ชิงกวักมือเรียกผมเป็นเชิงให้เดินเข้าไปหา ผมส่ายศรีษะเบาๆพร้อมกับยิ้มกว้างออกมา ทั้งๆที่ส่ายหน้าปฎิเสธไปแต่ทำไมเท้าทั้งสองข้างของผมกลับก้าวเดินตรงไหนหาอี้ชิงแบบนี้ละ ?  ผมเดินตรงไปหาอี้ชิงเรื่อยๆจนเท้าทั้งสองข้างของผมหยุดลงตรงหน้าอี้ชิง

     

    นึกว่าจะไม่เดินมาหาผมซะอีก คนตัวบางบอกพร้อมกับยู่ปากใส่ผมน้อยๆ

    ไม่ได้อยากเดินมาสักหน่อย เท้าของฉันมันเดินมาเอง ผมตอบพร้อมกับยักไหล่ใส่อี้ชิงอย่างไม่สนใจ คนตรงหน้าผมอมยิ้มออกมาน้อยๆก่อนจะเป่าไอ้ฟองสบู่บ้าๆนี่ใส่หน้าผม .. จางอี้ชิงจะเล่นแบบนี้ใช่ไหม ?

     

    ผมเดินเข้าไปหาเด็กผู้หญิงตัวเล็กคนหนึ่งที่กำลังเป่าลมออกจากปากของเธอใส่ที่เป่าฟองสบู่สีชมพูแปร๋นๆอยู่ ผมยิ้มให้เออย่างเป็นมิตรก่อนจะย่อตัวลงไปให้ระดับตัวผมอยู่พอดีกับเธอ

    นี่เด็กน้อย .. พี่สุดหล่อขอยืมที่เป่าของเราหน่อยได้ไหมครับ ?

    ทำไมเค้าต้องให้พี่ด้วยอะ เด็กน้อยถาม

    ต้องให้สิครับ เพราะว่าพี่สุดหล่อคนนี้จะเอาที่เป่าฟองสบู่ของเราไปต่อสู้กับคนร้าย ประโยคหลังผมแอบกระซิบพูดแค่ให้ได้ยินแค่ผมกับเธอเท่านั้น ขืนอี้ชิงได้ยินผมมีหวังโดนงอนกันพอดี ฮ่าๆ

    คนร้ายเหรอคะ ? พี่ผู้ชายหน้าสวยๆที่ยืนอยู่ตรงนั้นเหรอคะเป็นคนร้าย ? เด็กน้อยยังถามผมต่อ แถมยังชี้ไปที่อี้ชิงอีกด้วย อ่า.. ซวยแล้วสิ

    แฮะๆ .. เอาเป็นว่าพี่สุดหล่อขอยืมที่เป่าฟองสบู่ของเราหน่อยนะครับ

    ไม่เอาอะ พี่สุดหล่อหน้าตาหน้ากลัวกว่าพี่ผู้ชายหน้าสวยคนนี้อีก เค้าไม่ให้ที่เป่าของเค้าหรอก ! เด็กน้อยบอกพร้อมกับเป่าฟองสบู่ใส่หน้าผม นั่นทำให้เด็กๆที่เหลือพากันเข้ามารุมเป่าฟองสบู่ใส่ผมกันไม่หยุด ไม่น่าเลยผม ..

     

    โอเคๆพอแล้วๆพี่ยอมแพ้แล้ว ผมบอกพร้อมกับยกมือยอมแพ้ให้กับเด็กๆที่พากันรุมเป่าฟองสบู่ใส่ผม

    อย่าหยุดนะเด็กๆ แกล้งพี่ชายตัวใหญ่คนนี้เลย ฮ่าๆๆ อี้ชิงบอกก่อนจะช่วยเด็กๆรุมเป่าฟองสบู่ใส่ผมด้วยอีกคน ร่างบางหัวเราะร่าพร้อมกับเป่าฟองสบู่ใส้ผมไม่หยุด ผมหยุดปัดฟองสบู่ที่เหล่าเด็กๆรุมเป่าใส่ผม ผมมองไปที่ใบหน้าของอี้ชิงที่ยิ้มอย่างมีความสุข รอยยิ้มที่สดใสของอี้ชิงดูสวยขึ้นมาอีกเท่าตัวเมื่อมีฟองสบู่เล็กๆพวกนี้ลอยอยู่รอบๆตัวเขาและผม ผมจะไม่มีวันลืมรอยยิ้มของอี้ชิงในวันนี้เลย .. เพราะมันสวยงามเกินกว่าผมจะทำใจลืมได้ลง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    อี้ชิงกับผมอยู่เล่นกับพวกเด็กจนเกือบเย็นจนพ่อแม่ของพวกเด็กๆมาตามกลับบ้านนั้นแหละผมกับอิ้ชิงถึงจะขอตัวออกกลับบ้านพักของเรากันได้ ก็เด็กๆพวกนี้ติดชิงกันแจเลยน่ะสิครับ เพียงแค่อี้ชิงบอกพวกเด็กๆว่าเขาเป็นหมอ เขาก็ดึงความสนใจของพวกเด็กๆไปหมดเลย ทิ้งให้ผมมองพวกเขาเล่นด้วยกันอย่างโดดเดี่ยว .. ผมเหงานะเว้ย แต่สุดท้ายแล้วพวกเด็กๆก็กลับมาให้ความสนใจ(กระเป๋าเงิน)ผมอีกครั้งเมื่อมีรถขายไอศครีมขับผ่านมา .. พวกเขาอ้อนผมให้ซื้อไอศครีมให้เหมือนกับลูกหมาตัวเล็กกำลังอ้อนเลยล่ะ เพราะความน่ารักของพวกเขาผมเลยซื้อไอศครีมเลี้ยงพวกเด็กๆทุกคนซะเลย ..  

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมเดินโอบไหล่อี้ชิงมาตลอดทางกลับบ้านพักของพวกเราทั้งคู่ นานมากแล้วนะที่ผมไม่ได้โดนโอบอี้ชิงไปตลอดทางแบบนี้ สายตาของอี้ชิงยังคงทอดมองไปยังบ้านสมัยโบราณตลอดทางมีบางครั้งที่เขาชวนให้ผมดูบ้านทรงแปลกๆที่มีหลังคาและตัวบ้านไม่เหมือนใคร ผมและอี้ชิงหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเราทั้งคู่ต่างหัวเราะบ้านหลังเดียวกัน ผมรู้สึกว่าตัวเองเลือกถูกจริงๆที่พาอี้ชิงมาเที่ยวที่นี่ ..

     

     

     

     

     

     

     

    คริส .. อี้ชิงที่เดินอยู่ข้างๆผมพูดขึ้นมาเพื่อทำลายความเงียบระหว่างทาง

    หืม ? ว่าไง ?

    ผมมีความสุขจังเลยครับ ไม่ว่าเปล่ายังเขย่งเท้าขึ้นมาหอมแก้มผมเบาๆอีกด้วย

    ฉันก็เหมือนกัน ฉันก็มีความสุขมากๆเหมือนกันอี้ชิง ขอบคุณที่ทำให้ฉันทีความสุขก่อนที่ฉันจะจากนายไปนะ  .. ผมยิ้มให้อี้ชิงพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบผมของเขาเบาๆ ร่างบางที่อยู่ตรงข้ามผมยิ้มกว้างออกมาก่อนจะเอื้อมมือมาดึงแขนของผมให้วิ่งตามเขาไป ..

     

     

     

     

    เสียงหัวเราะที่ดังมาตลอดทางเดินกลับบ้านของเราทำลายความเงียบที่ธรรมชาติสร้างขึ้น.. ผมเปิดประตูบ้านพร้อมกับแทรกตัวเข้าไปข้างในพร้อมกับอี้ชิง เราสองคนมองหน้ากันอยู่สักพักใหญ่ๆก่อนจะยิ้มออกมาน้อยๆ ผมก้มหน้าลงไปจูบแผ่วเบาบนริมฝีปากอิ่มของอี้ชิง ร่างบางเอื้อมมือมาโอบคอผมอย่างเชื่องช้า มือของผมโอบรอบเอวของอี้ชิงไว้พร้อมกับดันตัวของเขาให้เข้ามาใกล้ๆตัวของผมอีก ผมยังคงจูบอี้ชิงอยู่อย่างนั้น จูบที่อ่อนโยนเท่าที่ผมสามารถทำได้  ผมพยายามจูบอี้ชิงให้อ่อนหวานที่สุด อ่อนโยนที่สุด และยาวนานที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ ..

     

    อื้ออออ .. ร่างบางส่งเสียงร้องประท้วงในลำคอ ทำให้ผมต้องถอนจูบออกอย่างอ้อยอิ่ง

    หืม? ผมแกล้งทำหน้ามึนใส่อี้ชิง

    ไม่ต้องเลยครับ คริส อี้ชิงบอกพร้อมกับก้มหน้าแดงๆของเขาหนีผมไปอีกทาง

    ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะ

    ไม่คุยด้วยแล้ว ยังไม่ทันพูดจบอี้ชิงก็เดินหนีผมเข้าไปในห้องครัวซะแล้ว

     

     

     

    ผมยิ้มออกมาก่อนจะเดินเข้าไปกอดอี้ชิงจากด้านหลังทันที ผมได้ยินอี้ชิงหัวเราะออกมาเบาๆ อารมณ์ดีมาจากไหนเนี่ยจางอี้ชิง ?

    อี้ชิงอา .. ผมเรียกชื่อของเขาพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆอี้ชิง

    ว่าไงครับคริส ?

    ฉันรักนายนะ ไม่พูดเปล่า ผมยื่นหน้าเข้าไปหอมแก้มอี้ชิงเบาๆ

    ผมก็รักคริสเหมือนกันครับ อี้ชิงบอกก่อนจะเอื้อมมือมาจับมือผมที่กอดเอวอี้ชิงอยู่อย่างนั้น

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    อี้ชิงอา.. ถ้าสมมุติว่าฉันไม่ได้อยู่ข้างๆนายแบบนี้แล้วนายจะอยู่ได้ใช่ไหม ?

    ไม่ครับ

    นายต้องอยู่ให้ได้ถ้าไม่มีฉันสิ

    ผมไม่อยู่

    นายโตแล้วนะอี้ชิงอา ..

    ผมรู้ครับ

    เพราะฉะนั้นถ้าไม่มีฉันนายต้องอยู่คนเดียวให้ได้นะเข้าใจไหม ?

    ไม่เข้าใจครับ

    จางอี้ชิงทำไมนายดื้อจัง

    อู๋อี้ฟานทำไมต้องถามอะไรแบบนี้ด้วยละครับ

    ... ก็ถามเผื่อไว้ ถ้าเกิดมันมีวันนั้นขึ้นมาจริงๆนายจะได้ทำใจไว้ก่อนไง

    ผมไม่มีวันทำใจได้แน่นอนครับ ถ้าเกิดผมไม่มีคริสอยู่ข้างๆผมแบบนี้

    นายทำฉันหนักใจนายรู้ตัวไหมอี้ชิงอา ..

    ถ้าหากวันนึงฉันตายไป ..

    ผมคงอยู่ไม่ได้ .. อย่าพูดเรื่องนี้กันเลยครับ ผมขอร้อง..

    ฉันคิดว่าตัวเองโชคดีนะที่ได้มารักกับคนอย่างนาย

    ผมคิดว่าผมโชคดีนะที่ได้คนรักที่แสนดีอย่างคริส

    ฉันรักนาย / ผมรักคุณ

     

     

     

     

     

     

     

    เสียงทุกคำพูดของผมกับอี้ชิงยังคอยดังวนเวียนเข้ามาในหัวเขาผมประโยคแล้วประโยคเล่า ผมลอบถอนหายใจออกมาเสียงเบาเพื่อไม่ให้คนที่นอนอยู่ข้างๆผมรู้ตัว ตอนนี้อี้ชิงหลับสนิทไปแล้วเหลือแต่ผมเท่านั้นที่ยังนอนไม่หลับ ผมเอาแต่คิดเรื่องอนาคตของผมและเขา คำตอบของแต่ละคำถามของอี้ชิงทำให้ผมไม่อยากจะหายไปจากเขาเลยจริงๆ .. แต่ถ้าผมไม่เป็นคนหายไปเขาก็จะเป็นหายไปแทนซึ่งมันทำใจยากมากสำหรับผม ผมไม่อยากให้เขาหายไปจากชีวิตผม ผมอยู่ไม่ได้จริงๆถ้าไม่มีอี้ชิง ..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เสียงหยดน้ำที่ตกกระทบลงบนหลังคาบ้านทำให้ผมต้องตื่นขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ .. ฝนตกนี่นา แต่ทำไมอยู่ดีๆฝนถึงตกลงมาได้ล่ะทั้งๆที่วันนี้ทั้งวันอากาศยังดูสดใสอยู่เลย .. ผมลุกออกจาเตียงก่อนจะเดินตรงไปยังหน้าต่างบานใหญ่ตรงระเบียงห้องนอน เสียงฝนตกดังขนาดนี้อาจจะทำให้อี้ชิงที่นอนอยู่สะดุ้งตื่นได้ผมจึงเดินเข้าไปปิดหน้าต่างนั้นอย่างเบามือ .. แต่แล้วสายตาของผมก็ดันมองเห็นชายสูงวัยคนเดิมที่ผมเคยเจอในฝันนั่งอยู่ตรงเก้าอี้สีขาวหน้าระเบียงห้องนอนของผม เขายิ้มให้ผมก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้ตัวของผม

     

    สะดวกคุยตอนนี้ไหม ? อี้ฟาน เขาถาม

    .. ครับ แต่ผมว่าเราลงไปคุยข้างล่างกันดีกว่าไหม ? ผมบอกพร้อมกับปรายตาไปมองอี้ชิงที่นอนหลับสนิทอยู่

    เจอกันห้องนั่งเล่นข้างล่าง เขาบอกพร้อมกับตบบ่าของผมเบาๆก่อนจะหายไปต่อหน่าต่อตาผม

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมเดินลงบันไดมาอย่างเชื่องช้า ผมกำลังถ่วงเวลาให้นานที่สุด ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากพบเขา ไม่ใช่ว่าผม.. ผม กลัวเขาเหรอ ? ใช่ผมกลัว .. ยิ่งเขามาให้ผมมาพบบ่อยเท่าไหร่นั่นยิ่งแปลว่าเวลาของผมยิ่งเหลือน้อยเข้าไปทุกทีแล้ว .. ถึงผมจะเตรียมใจไว้ก่อนหน้านี้แล้วแต่ถึงยังไงผมก็ไม่พร้อมที่จะจากอี้ชิงไปอยู่ดี ..

     

     

    เป็นไง .. เที่ยวสนุกดีไหม ? ชายสูงวัยที่ยืนเลือกหนังสืออยู่ถามผมอย่างเป็นกันเอง

    ครับ ก็ดี ..

    เวลาใกล้มาถึงแล้วนะอี้ฟาน .. มีเรื่องอะไรที่ยังไม่ได้บอกอี้ชิงอีกไหม ? เขาบอกพร้อมกับหันมามองผม

    ก็หลายเรื่องน่ะครับ .. ถ้าผมได้อยู่กับอี้ชิงนานกว่านี้หน่อย ผมคิดว่าผมคงบอกเรื่องอะไรที่ยังไม่ได้บอกอี้ชิงได้หมดแน่นอนครับ ผมลองพูดหยั่งเชิงออกไปเผื่อว่าเขาจะใจดีต่อเวลาที่ผมจะได้อยู่กับอี้ชิงออกไปอีกหน่อย

    เจ้าเล่ห์นะเรา .. เขายิ้มออกมาน้อยๆอย่างเอ็นดูผม ก่อนจะเดินไปนั่งลงบนโซฟา

    ฮ่ะๆ .. ผมคิดว่าคุณจะใจดีต่อเวลาให้ผมอีกหน่อยซะอีก

    ฉันให้เวลานายมานานมากพอแล้วล่ะอี้ฟาน .. ตอนนี้ใกล้ถึงเวลาที่นายจะต้องไปกับฉันแล้วนะ

    ครับ .. ผมเข้าใจแล้ว ผมพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ .. ผมเข้าใจแล้วล่ะครับว่าเวลาของผมใกล้จะหมดลงแล้ว .. แต่ผมขอร้องเถอะนะ ผมขอใช้เวลาที่เหลือทั้งหมดให้คุ้มค่า ผมขอใช้เวลาทั้งหมดเพื่ออยู่กับคนที่ผมรักจนถึงนาทีสุดท้ายจะได้ไหม ?

    ใช้เวลาที่เหลือให้ดีที่สุดล่ะ .. อีกไม่นานเราจะได้เจอกันอีก ชายสูงวัยเดินเข้ามาตบบ่าผมเบาๆ ก่อนที่เขาจะหายไปเพียงแค่ผมกระพริบตาแค่ครั้งเดียว ..

     

     

     

     

     

     

    ผมทรุดตัวนั่งลงบนโซฟาอย่างหมดอะไรตายอยาก ความจริงผมเตรียมใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มาตั้งแต่วันแรกที่ผมฝันถึงเขาแล้ว .. แต่ให้ตายเถอะ ถึงตอนนี้ผมยังคงทำใจไม่ได้อยู่ดี มันเหมือนกับว่าผมกำลังเล่นวิดีโอเกมส์อยู่ดีๆแล้วก็มีไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้มากระชากสายเกมส์ของผมออก จากนั้นเกมส์โอเวอร์ ผมตาย แต่ชีวิตของผมไม่สามารถเริ่มใหม่ได้เหมือนในวิดีโอเกมส์ที่แค่ผมเดินกลับเข้าไปเสียบปลั้กใหม่ แค่นั้นผมก็สามารถเริ่มต้นชีวิตของผมใหม่ได้แล้ว .. ชีวิตในโลกของความเป็นจริงผมไม่สารถกลับมาเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้อีกครั้งหรอกนะ ถ้าหากว่าผม .. ตายไปแล้ว  ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ผมไม่อยากคิดเรื่องนี้แล้ว หมดเวลาที่จะมานั่งถอนหายใจแล้วคริส จากนี้นายควรใช้เวลากับคนที่นายรักให้คุ้มค่าที่สุด อย่าลืมล่ะทุกนาทีที่อยู่กับอี้ชิงมีค่ามากเหลือเกินสำหรับคนที่ใกล้หมดเวลาจะอยู่ต่ออย่างผม

     

     

     

     

     

     

     

    ผมเดินกลับขึ้นไปยังห้องนอนชั้นบน ในหัวของผมเอาแต่คิดถึงเวลาที่ผมจะต้องไป ถ้าหากว่าผมต้องจากไปโดยที่ไม่ทันได้บอกอี้ชิงล่ะ ? ผมควรจะทำยังไง แต่จะให้ผมไปบอกอี้ชิงว่าผมใกล้จะตายแล้วเวลาของผมใกล้หมดลง ผมต้องไปทำภารกิจบ้าบอเป็นเวลา 400 วัน ถ้าผมไม่ทำเขาจะต้องตาย อี้ชิงเขาจะเชื่อผมไหมนะ ? ทางที่ดีผมไม่บอกเขาน่ะดีแล้วล่ะ .. จากนี้ผมขอใช้เวลาที่เหลือทั้งหมดเพื่อเก็บเรื่องราวและความทรงจำดีๆของเราสองคนไว้จะดีกว่า ผมจะได้ไม่มานั่งเสียใจหลังจากที่ผมต้องจากอี้ชิงไปแล้ว ..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    เช้าวันใหม่อากาศดูสดใสกว่าทุกวันเหมือนกับว่าบรรยากาศจะอวยพรให้เราทั้งคู่เดินทางกลับบ้านอย่างปลอดภัย ผมกับอี้ชิงนั่งกินข้าวเช้าด้วยกันก่อนจะช่วยกันขนกระเป๋าสัมภาระขึ้นรถ ร่างบางนั่งรอผมอยู่ในรถระหว่างที่รอผมล็อคประตูบ้านและเช็คดูบริเวณรอบๆบ้านว่าผมได้ล็อคประตูหน้าต่างทุกบานเรียบร้อยแล้ว ผมเปิดประตูรถออกก่อนจะแทรกตัวเข้าไปนั่งตรงที่คนขับ รถค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากบริเวณบ้านอย่างช้าๆ อี้ชิงยังคงมองออกไปปนอกหน้าต่างเพื่อมองบ้านพักอย่างเศร้าๆ เขาคงจะชอบที่นี่มากจริงๆสินะ ..

    ไว้คราวหน้า เรามาด้วยกันใหม่นะอี้ชิงอา .. ผมบอกพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบผมคนตัวบางที่เอาแต่มองบ้านพัก

    อื้อ ! สัญญานะครับ อี้ชิงบอกพร้อมกับยื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้าผม

    สัญญา .. ผมเกี่ยวก้อยกับอี้ชิงก่อนจะหันหน้ามามองถนนต่อ .. ขืนผมไม่มองถนนรถเราได้ตกข้างทางกันพอดี

    คริสน่ารักที่สุดเลย ไม่พูดเปล่ายังยื่นหน้าเข้ามาหอมแก้มผมอีกด้วย นั่นทำให้ผมยิ้มกว้างออกมาอย่างไม่มีเหตุผล

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมขับรถตามทางมาเรื่อยๆโดยครั้งนี้มีอี้ชิงคอยชวนผมคุยตลอดทางเพราะตอนขามาอี้ชิงเอาแต่นอนหลับทิ้งให้ผมต้องนั่งขับรถมาแบบเหงาๆคนเดียว .. อี้ชิงพูดเก่งจริงๆ เขาชวนผมคุยหลายเรื่องมากมายจนผมนึกคำพูดที่จะตอบเขาไม่ออก มีครั้งนึงที่เขาเล่าเรื่องเด็กคนหนึ่งที่มารักษากับเขาและติดเขามาก เด็กคนนี้รบเร้าให้พ่อแม่ของเขาพาเข้ามาหาอี้ชิงทุกวัน .. แต่รู้อะไรไหม ? พอเขาเอาการ์ตูนที่ผมเขียนให้เด็กคนนี้เอากลับไปอ่านที่บ้าน เด็กคนนี้กลายมาเป็นแฟนคลับของผม และคอยเขียนจดหมายมาหาผมทุกๆวันแทน ผมพอจะรู้แล้วล่ะว่าแฟนคลับที่เป็นเด็กๆของผมส่วนมากมาจากไหน ..

     

     

     

     

    ผมกับอี้ชิงแวะตรงจุดพักรถเพื่อกินอาหารกลางวันกันสักพักก่อนจะออกเดินทางต่อ .. อี้ชิงที่พูดจ้อไม่หยุดตลอดทาง ตอนนี้ดูเหมือนว่าพลังของเขาจะหมดเอาซะแล้ว ร่างบางเริ่มพูดไม่รู้เรื่องเหมือนคนง่วงนอนมากๆอยู่สักพักก่อนจะหลับไปตั้งแต่ตอนไหนผมก็ยังไม่รู้เลยแต่รู้อีกที อี้ชิงก็สลบไปแล้ว .. ฮ่ะๆ ทิ้งให้ผมขับรถคนเดียวอีกแล้วนะ .. ผมเอื้อมมือไปเปิดเพลงเพื่อทำลายความเงียบในรถ อีกแค่สิบกิโลกว่าๆก็เกือบจะถึงบ้านของผมกับอี้ชิงแล้ว ..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมขับรถไปเรื่อยๆอย่างใจเย็น ตอนนี้ก็เป็นช่วงเย็นแล้ว นี่มันเวลาเลิกงานของมนุษย์เงินเดือนชัดๆไม่แปลกที่รถจะติดขนาดนี้ .. อี้ชิงยังคงหลับไม่รู้เรื่อง ขี้เซาจริงๆเลยอี้ชิง ผมยิ้มกว้างออกมาพร้อมกับเอื้อมมือไปลูบผมของอี้ชิงเบาๆ ก็ตอนนอนเขาน่าเอ็นดูนี่หว่า .. ผมอยากนั่งมองเขาตอนหลับแบบนี้ไปทุกๆวันจริงๆ ..

     

     

     

     

     

     

     

     

    รถเคลื่อนตัวเข้ามายังในบริเวณลานจอดรถอย่างช้าๆ ผมพยายามที่จะลงจากรถด้วยเสียงที่เบาที่สุดเพราะว่าอี้ชิงยังคงนอนหลับสนิทอยู่ .. ร่างบางขยับตัวอยู่สองสามครั้งและก็หลับต่อ ผมบอกคุณแล้วว่าอี้ชิงน่ะขี้เซาจริงๆ .. ผมปิดประตูรถลงเบาๆก่อนจะเดินไปเปิดท้ายรถเพื่อขนกระเป๋าสัมภาระไปไว้ข้างในบ้าน ผมไม่อยากให้อี้ชิงมาช่วยผมทำอะไรแบบนี้เลยให้ตายเถอะ .. เวลาที่ผมเห็นเขายกกระเป๋าของผมทีไรตัวของเขามักจะเอียงไปตามน้ำหนักของกระเป๋าของผมทุกที ..

     

     

     

     

     

     

     

     

    คริสคนนิสัยไม่ดี ! ’ อี้ชิงที่ตื่นแล้วรีบลงมาจากรถพร้อมกับยกมือฟาดแขนผมแรงๆหนึ่งที

    อะไรเนี่ยอี้ชิง ? ผมลูบแขนตัวเองและถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ

    ถึงบ้านแล้วก็ไม่บอกแถมยังไม่เรียกให้ผมช่วยยกของพวกนี้ด้วย ของมันเยอะมากเลยนะครับ แล้วดูสิคริสปล่อยให้ผมหลับแล้วก็แอบมาขนคนเดียว ผมไม่อยากให้คริสเหนื่อยนะครับ คราวหลังเรียกผม ก็ .. ไม่รอให้อี้ชิงบ่นจบ ผมเลื่อนหน้าเข้าไปจูบเบาๆบนริมฝีปากอิ่มของอี้ชิงทันที .. อี้ชิงตอนบ่นน่ารักแบบนี้ไง ผมเลยชอบทำตัวให้เขาบ่นบ่อยๆไง J

    爱你

    ผมรักคุณ ผมบอกข้างหูของร่างบางเบาๆหลังจากที่ผมถอนจูบออกมา อี้ชิงยืนก้มหน้าที่แดงเกือบทั้งหน้าจนคางเกือบจะติดอกของเขาอยู่แล้ว ผมเอื้อมมือไปยีผมของอี้ชิงเบาๆก่อนจะพาอี้ชิงเดินเข้าบ้าน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ทำไมช่วงนี้คริสบอกรักผมบ่อยจัง คนตัวบางที่นอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงถามผมออกมา

    ทำไมช่วงนี้นายขี้สงสัยจัง

    ผมถามก่อนนะ ! อี้ชิงบอกแถมยังจ้องผมด้วยสายตานิ่งๆอีกด้วย นั่นทำให้ผมประหม่าเล็กๆนะนั่นน่ะ

    ก็.. ฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนายฉันรักนาย ฉันรักนายจริงๆนะจางอี้ชิง เพราะต่อจากนี้ไปฉันอาจจะไม่มีโอกาสได้บอกนายอีกแล้ว ..

    อี้ชิงรีบเอื้อมมือมาปิดปากผมแทบไม่ทันหลังจากที่ผมบอกรักเขาออกไป .. คนตัวบางยืนหน้าแดงอยู่สักพักก่อนจะรีบเดินหนีหายเข้าไปในบ้าน .. ผมบอกแล้วไงว่าเวลาอี้ชิงเขินน่ะเขาน่ารักจริงๆนะ .. ผมส่ายศรีษะเบาๆก่อนจะเดินตามอี้ชิงเข้าไปในบ้าน

     

     

     

    อี้ชิงอา .. ผมเดินเข้าไปสวมกอดอี้ชิงจากด้านหลังพร้อมกับหอมแก้มเขาเบาๆ.. แต่ผมก็ต้องเจ็บอีกครั้งเมื่ออี้ชิงฟาดมือลงมาตีแขนผมจนแดงไปหมดแล้ว .. เขินแล้วชอบทำร้ายกันตลอดเลยนะอี้ชิง

     

    คริสปล่อยผมเลยนะ.. อี้ชิงว่าพร้อมกับแกะมือของผมออก .. อะไรจะใจร้ายขนาดนี้เนี่ย

    ไม่ปล่อย .. อยากกอด

     

     

     

    ผมยืนกอดอี้ชิงอยู่เนิ่นนาน.. นานจนรู้สึกผ่านไปเป็นชั่วโมงคนตัวบางกว่าหันหน้ากลับมาสวมกอดผมแล้วลูบหลังผมเบาๆ ฉันไม่อยากจากนายไปเลย .. ให้ตายสิ คิดได้แบบนั้นขอบตาผมรื้นไปด้วยน้ำตาผมแอบเช็ดมันออกอย่างเบามือเพื่อไม่ให้อี้ชิงรู้ว่าคนเข้มแข็งอย่างผมร้องไห้ออกมา มือบางยังคงลูบหลังผมอย่างเบามือ

     

     

    อี้ชิง .. พรุ่งนี้ตอนเย็นเลิกงานแล้วมารอพี่ที่ร้านกาแฟที่เดิมได้ไหม ?

    ปกติผมก็รออยู่แล้วนะครับ คริสจะบอกให้ผมรอทำไมเล่า คนตัวบางผละออกมาจากอ้อมกอดของผมพร้อมกับย่นจมูกใส่

    บอกไว้เผื่อนายลืม ยิ่งขี้ลืมป้ำๆเป๋อๆอยู่ด้วยช่วงนี้ ผมเอื้อมมือไปบีบจมูกของอี้ชิงก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ

    ว่าผม มือเรียวฟาดลงมาบนแขนผมหนึ่งทีเหมือนเป็นการลงโทษที่ผมพูดจากวนตีนใส่อี้ชิง ผมหัวเราะออกมาอีกครั้งก่อนจะเอื้อมมือไปยีผมคนตัวบางจนผมจองอี้ชิงเสียทรง

    นายไปอาบน้ำนอนได้แล้วอี้ชิง พรุ่งนี้ไปทำงานเช้าไม่ใช่หรือไง

    คริสนั่นแหละไปอาบน้ำนอนเลยครับ ขับรถมาก็เหนื่อยแล้วยังแอบมาขนของคนเดียวอีก คนตัวบางบ่นกระปอดกระแปดใส่ผมก่อนจะดันหลังให้ผมเดินตรงไปยังห้องน้ำ อี้ชิงยื่นผ้าเช็ดตัวผืนหนาให้ผมก่อนจะดันผมเข้าไปข้างในก่อนจะปิดประตูห้องน้ำให้ผมอีกด้วย ผมระลายยิ้มออกมาก่อนจะเดินไปเปิดฝักบัวเพื่อชำระล้างร่างกายของผม

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมเดินออกมาจากห้องน้ำช้าๆ อี้ชิงกำลังเก็บกระเป๋าเดินทางให้เข้าที่อยู่ตรงห้องเก็บของใต้บันได ผมเดินเข้าไปใกล้คนตัวบางก่อนจะสะบัดน้ำที่เกาะอยู่บนเส้นผมใส่อี้ชิง อี้ชิงสะดุ้งเบาๆก่อนจะฟาดมือลงบนแขนของผมไม่หยุด

    โอย.. ยอมแล้วครับยอมแล้ว ผมบอกก่อนจะเอื้อมมือไปจับมืออี้ชิงไว้

    คริสเล่นอะไรไม่รู้เรื่อง สมน้ำหน้า ! ไม่ว่าปล่าวยังหันมาแลบลิ้นใส่ผมด้วย เดี๋ยวนี้หัดแลบลิ้นใส่ฉันแล้วเหรอจางอี้ชิง

    เดี๋ยวนี้มีแลบลิ้นใส่ๆ ผมบอกก่อนจะเอื้อมมือไปดึงแก้มอี้ชิงแรงๆ แรงจนคนตัวบางที่โดนผมดึงแก้มถึงกับทำหน้าเหยเก

    อะไรเล่า.. ไม่คุยด้วยคริสแล้วผมไปอาบนน้ำดีกว่า

     

     

    อี้ชิงดันไหล่ให้ผมหลบทางเขาก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปอาบน้ำทันที เขาคงรู้ตัวว่าถ้าไม่หนีผมไปอาบน้ำ ผมต้องแกล้งเขาอยู่ตรงนี้แน่ๆ ผมหัวเราะเบาๆออกมาอีกครั้งก่อนจะเดินไปปิดและล็อคประตูหน้าบ้าน ถึงแม้ว่าหมู่บ้านที่ผมอยู่นี้จะรับรองความปลอดภัยสูงแต่ผมก็อดห่วงไม่ได้ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาอย่างน้อยๆอี้ชิงจะได้ปลอดภัย

     

     

     

     

     

    หลังจากที่ผมล็อคบ้านและตรวจเช็คความปลอดภัยของบ้านเสร็จ ผมเดินกลับไปในห้องนอนเพื่อแต่งตัวให้เรียบร้อย อี้ชิงดูเหมือนว่าจะอาบน้ำเร็วกว่าทุกวัน เมื่อผมเปิดประตูเข้าไปอี้ชิงก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว คนตัวบางนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงอย่างสบายใจ ผมเดินเข้าไปใกล้แล้วนอนทับอี้ชิงทันที

     

    คริสน้ำหนักไม่ได้เบาๆนะครับ.. อี้ชิงพยายามดิ้นทันทีที่ผมนอนทับเขา

    ฉันรู้ว่าฉันเบามาก

    อื้อ ! ผมประชดต่างหากอี้ชิงร้องท้วงออกมาเมื่อผมก้มหน้าลงไปหอมแก้มของเขาอยู่แบบนั้นซ้ำไปซ้ำมา

    คริสไม่แกล้งผมแบบนี้สิครับ นอนกันนะะะะะะะ อี้ชิงหยุดดิ้นก่อนจะหันหน้ามาหาผมพร้อมกับทำเสียงอ้อนน่ารักๆใส่ผมอีกด้วย ผมเลื่อนหน้าเข้าไปจูลริมฝีปากของอี้ชิงเบาๆก่อนจะผละออกมา ก็น่ารักใส่ขนาดนี้ใครเขาจะอดใจไหววะ อี้ชิงทุบลงบนไหล่ผมเบาๆตอนที่ผมย้ายตัวเองลงมานอนข้างๆอี้ชิงแล้ว

    เอ้าไหนบอกว่าจะนอนแล้วมาตีฉันทำไม ผมแกล้งพูดแซวออกไป

    อื้อ ! นอนไงครับ ผมจะไปปิดไฟแล้วนะ คนตัวบางบอกก่อนจะเดินไปปิดไฟ

     

     

     

    ทั้งห้องมืดสนิท ผมมองอะไรไม่เห็นเหมือนกับตัวเองตาบอดชั่วขณะ แรงยุบบนเตียงทำให้ผมรู้ว่าอี้ชิงมานอนข้างๆผมแล้ว ผมเอื้อมมือไปกอดเอวบางก่อนจะรั้งเอวอี้ชิงเข้ามาใกล้ผม

    ฝันดีนะครับคริส อี้ชิงเลื่อนหน้ามาจูบลงบนมุมปากของผมเบาๆก่อนจะก้มหน้าลงมาซุกอกผมอย่างที่เคยทำ ผมเอื้อมมือไปลูบผมอี้ชิงเบาๆก่อนจะหลับไปพร้อมกัน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมวิ่งออกจากบ้านพร้อมกับขนมปังที่คาบอยู่ในปาก อี้ชิงนะอี้ชิงตื่นมาตั้งนานก็ไม่ยอมปลุกผม ผมสะดุ้งตื่นอีกทีก็เกือบจะเก้าโมงแล้ว เหลือเวลาให้ผมอาบน้ำแต่งตัวไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ คนตัวบางยืนหัวเราะใส่ผมอยู่ในห้องครัวก่อนจะโบกมือลาผม ผมยกมือขึ้นโบกมือกลับไปก่อนจะรีบวิ่งไปทำงานอย่างรวดเร็ว

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมวิ่งกระหืดกระหอบเข้าไปในออฟฟิสที่ทำงานของผมก่อนจะวิ่งตรงเข้าไปในห้องทำงานของตัวเอง นั่งทรุดลงบนเก้าอี้ทำงานอย่างหมดแรงพร้อมกับเอนหลังพิงบนพนักพิง หมุนเก้าอี้หันไปหันมาก่อนจะหยุดลงเมื่อเพื่อนสนิทหน้าสวยปาเศษกระดาษใส่หัวของผม

     

    ปาใส่ทำแมวอะไรวะ ? หันไปหาเพื่อนสนิทที่นั่งทำหน้าตามึนใส่ผมอยู่

    เห็นหน้าคนหนีไปเที่ยวมาแล้วหมั่นไส้เว้ยยยย ไม่ว่าปล่าวยังปากระดาษใส่ผมไม่หยุด

    ขายไม่ออกเองนี่หว่า สมน้ำหน้าว่ะ ผมยักไหล่ใส่เพื่อนสนิทก่อนจะ หันหน้ากลับไปเริ่มทำงาน ทิ้งให้ไอ้ลู่ห่านตะโกนโวยวายอยู่คนเดียว

     

     

     

    ลู่ห่านตะโกนโวยวายใส่ผมไม่หยุด ผมได้แต่ยักไหล่ใส่เขาอย่างไม่สนใจก่อนจะก้มหน้าก้มตาวาดการ์ตูนที่เขียนค้างไว้ก่อนลางานไปเที่ยวกับอี้ชิง

     

     

     

    ผมนั่งเขียนการ์ตูนนานจนเวลาล่วงเลยไปจนตอนนี้เกือบจะเที่ยงครึ่งแล้ว ไอ้เพื่อนสนิทตัวดีของผมหลังจากที่สงบสติอารมณ์ได้ก็ดูเหมือนว่าจะตั้งใจทำงานราวกับเป็นคนละคน ผมลุกออกจากที่นั่งก่อนจะเดินหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมา

     

    ลู่ห่านฉันจะออกไปซื้อกาแฟ จะเอาอะไรไหม ? ผมถามออกไปขณะที่กำลังสวมเสื้อคลุมแขนยาว

    ฝากซื้อแซนด์วิชกับนมสองกล่อง ลู่ห่านตอบทั้งๆที่ไม่มองหน้าผม ให้ตายสิวะอะไรจะเคร่งเครียดกับงานขนาดนั้น

    ดองงานไว้เยอะดิ่ ดูสิแม่งนั่งปั่นงานจนหน้าเหี่ยวหมด ผมพูดกวนตีนใส่เพื่อนสนิทของผมก่อนจะวิ่งออกจากห้องทำงานไป ขืนอยู่ในห้องต่อไปมีหวังผมต้องโดนกระดาษทั้งลังปาใส่แน่ๆ

     

     

     

     

     

    ผมเดินออกจากที่ทำงานออกมาเพื่อซื้อกาแฟและของกินสำหรับผมและลู่หาน ดีที่ตรงข้ามกับที่ทำงานของผมยังมีร้านมินิมาร์ทขนาดใหญ่เปิดพอดี ไม่งั้นผมคงต้องได้ยืมรถใครสักคนออกไปซื้อของที่มินิมาร์ทอีกที่หนึ่งแน่ๆ

     

     

    ผมเดินเข้าไปข้างในก่อนจะเลือกหยิบแซนด์วิชมาสี่ห้าชิ้น นมตามที่ลู่ห่านสั่ง และกาแฟของผม ผมเดินไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์ ที่นี่ไม่มีคนมากเหมือนปกติ สงสัยคงเลยเวลาพักเที่ยงของมนุษย์เงินเดินแล้วมั้งคนเลยน้อยแบบนี้

     

    ‘ 8500 วอนค่ะ พนักงานบอกก่อนจะยื่นถุงใส่ของให้ผม

     

    ผมจ่ายเงินให้พนักงานไปก่อนจะรับถุงมา ผมรีบวิ่งข้ามถนนอย่างรวดเร็วเมื่อสัญญาณไฟสีเขียวเริ่มกระพริบถี่ขึ้น ผมเข้าไปในที่ทำงานก่อนจะรีบตรงเข้าไปในลิฟท์ที่เปิดออกพอดี

     

    เวลาเหลือไม่มากแล้วนะอี้ฟาน เสียงของชายขราที่คุ้นเคยดังมาจากข้างหลังของผมเมื่อผมกดปิดประตูลิฟท์

    คือผมขอเวลา.. ผมหันหลังกลับไปแต่ก็พบเพียงความว่างปล่าว .. ไม่มีชายคนนั้นอยู่ให้ผมต่อรองเวลา เวลาที่ผมใกล้เข้ามาแล้วเหรอ ..

     

     

     

     

    ผมวางถุงของลงลบนโต้ะของลู่ห่านก่อนจะเดินกลับมานั่งหมดอะไรตามอยากบนเก้าอี้ทำงานของผม

     

    เป็นอะไรอีกวะ เมื่อเช้ายังอารมณ์ดีๆอยู่ ลู่ห่านวางกาแฟกับแซนด์วิชลงบนโต้ะทำงานของผมก่อนจะยืนกอดอกมองหน้าผมอย่างสงสัย

    อยู่ดีๆก็กลัวตายว่ะ ไม่อยากหายไป.. ผมพูดพลางถอนหายใจออกมายาวๆ

    ทำใจมาแล้วไม่ใช่เหรอวะ ? อะไรมันจะเกิดมันก็ต้องเกิดว่ะ เราทำอะไรไม่ได้ ลู่ห่านตบบ่าผมเบาๆก่อนจะบีบไหล่ให้กำลังใจผมอย่างที่ทำเป็นประจำ

     

     

    ผมยิ้มให้เพื่อนสนิทของผมน้อยๆก่อนจะเอื้อมมือไปตบบ่าของลู่ห่านคืน ลู่ห่านเดินกลับไปทำงานต่อ ผมตั้งสติอีกครั้งก่อนจะตั้งใจวาดการ์ตูนต่อ แรงกระแทกของกระดาษกระทบลงบนหัวผมเข้าอย่างจัง หันไปมองเพื่อนสนิทที่ก้มหน้าทำงานอย่างตั้งใจก่อนจะหันกลับมาวาดการ์ตูนต่อ แต่ผมก็ต้องหลุดยิ้มออกมา เมื่อกระดาษที่ลู่ห่านใช้ปาหัวผมเขียนโพสอิทติดไว้ กินอะไรด้วยเว้ย อย่าคิดมากจนหน้าเหี่ยวเหมือนฉันดิ่ สู้สิโว้ยยยยย

     

     

    ผมระบายยิ้มออกมาก่อนจะเอื้อมมือไปแกะแซนด์วิชออกจากห่อ มือหนึ่งยัดแซนด์วิชเข้าไปในปากอีกมือหนึ่งก็พยายามวาดการ์ตูนไปด้วย

     

     

     

     

     

    Rrr !

    -                   ผมรออยู่ที่ร้านแล้วนะครับ   -

     

    เสียงข้อความดังขึ้นจากมือถือของผม เมื่อผมกดดูไม่แปลกใจเลยว่าเป็นใครส่งข้อความมาให้ เหลือบมองนาฬิกาบนข้อมือก็รู้ว่าตอนนี้เกือบจะห้าโมงเย็นแล้ว เห้ยนี่ผมทำงานจนเวลาเลยมาขนาดนี้เลยเหรอ .. ผมกระดาษที่เขียนงานของผมทั้งหมดใส่ไว้ในกล่องส่งงานบนโต้ะทำงานของผม

     

     

    ลู่ห่านเลยเวลางานแล้วเว้ย กลับบ้าน ผมสะพายกระเป๋าก่อนจะเดินไปหาลู่ห่านที่ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างเคร่งเครียดอยู่

    วันนี้คงอยู่ดึกว่ะคริส งานแม่งยังเคลียร์ไม่หมดเลย ตอบทั้งๆที่ไม่เงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมด้วยซ้ำ เห็นลู่ห่านสภาพนี้แล้วอดขำไม่ได้จริงๆ

    เออบอกแล้วว่าอย่าดองงาน เห็นไหมหน้าแม่งเหี่ยวจริงๆละเนี่ย ผมพูดแซวออกมาก่อนจะเดินหนีลู่ห่านไปเหมือนอย่างเคย แต่ครั้งนี้มีเศษกระดาษปาติดหลังผมมาด้วย ปาแม่นจริงๆเพื่อนผม ..

     

     

     

     

     

     

     

    ผมเดินออกจากที่ทำงานอย่างอารมณ์ดีสองขาก้าวเดินไปยังร้านกาแฟร้านเดิมที่ผมกับอี้ชิงไปนั่งรอกันเป็นประจำ ผมล้วงกระเป๋าเสื้อของผมแล้วหยิบกล่องแหวนออกมา ผมยิ้มออกมาราวกับเป็นคนบ้าเมื่อเปิดกล่องดูแหวนที่อยู่ข้างใน ไหนๆก็จะเอาแหวนให้อี้ชิงแล้วแถมดอกไม้ให้เซอร์ไพร์สักหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง

     

     

     

    ผมเดินเข้าไปในร้านขายดอกไม้ที่อยู่ตรงข้ามร้านกาแฟ ผมเดินเลือกดอกไม้อยั่กพักก่อนจะหยิบดอกกุหลาบสีแดงสดช่อหนึ่งยื่นให้พนักงานที่ยืนอยู่ตรงเคาท์เตอร์ เมื่อผมมองออกไปข้างนอกร้านก็พบว่าตอนนี้ฝนเริ่มตกหนักลงมาอีกแล้ว ผมมองเห็นอี้ชิงที่กำลังเพ่งมองเข้ามาข้างในร้านขายดอกไม้ที่ผมอยู่ข้างในนี้อย่างสงสัย ผมยิ้มแล้วโบกมือให้อี้ชิงก่อนจะเดินไปจ่ายเงินและหยิบช่อดอกกุหลาบสีแดงสดออกมาด้วย

     

     

     

    ผมเดินออกมาจากร้านขายดอกไม้ ฝนยังคงกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา ผมยิ้มอีกครั้งแล้วโบกมือให้อี้ชิง มืออีกข้างล้วงเข้าไปหยิบกล่องแหวนในกระเป๋าออกมาก่อนจะหยิบแหวนออกมาแล้วรีบวิ่งข้ามถนนไปหาคนรักของผมที่นั่งหัวเราะอยู่ในร้านกาแฟ จังหวะที่ผมวิ่งข้ามถนนมีรถคันหนึ่งวิ่งด้วยความเร็วและชนเข้ากับร่างกายผมอย่างจัง

     

     

     

    ร่างของผมลอยอยู่ในอากาศ .. ผมไม่รู้สึกเจ็บ .. ผมไม่ได้ยินเสียงใดๆ.. ผมได้แต่มองท้องฟ้าอันมืดครึ้ม .. กลีบดอกกุหลาบจากช่อดอกไม้ที่ผมเตรียมมาเพื่อคนรักของผมลอยกระจัดกระจายอยู่บนท้องฟ้า .. กลีบดอกกระทบลงบนหน้าผมพร้อมกับเม็ดฝนที่ตกโปรยปรายลงมา .. ในมือของผมกำแหวนไว้แน่นผมไม่อยากให้มันหายไป .. ผมอยากให้คนรักของผมได้สวมมัน .. ความเงียบเข้าปกคลุมสมองของผม .. ผมไม่สามารถมองเห็นอะไรทั้งนั้นทุกอย่างมันมืดสนิท .. เสียงสุดท้ายที่ผมได้ยินคือ ..

     

     

     

     

     

     

     

    ผมรักคุณ ตุ้ยจาง อย่าทิ้งผมไป ..

     

     

     

     

     

    ก่อนที่สติและลมหายใจทั้งหมดของผมจะหายไป

     

     

     

     

     

     

     

     





















































    COMPLETE 100% Special Kris X Lay

    Final Part
















    เราไม่ได้หายไปไหนนะเรายังอยู่  ช่วงก่อนหน้านี้งานมันเยอะมากx100000000000000000
    ไม่มีเวลาแม้แต่จะเข้ามาบอกเลย รู้สึกผิดโครตๆ 
    พักฟิคไว้นานพอสมควรกลับมาเขียนอีกไม่รู้ว่างานเขียนของเรามันดูฝืดๆไปหรือเปล่า ?
    ถ้าไม่ดียังไงเราขอโทษด้วยนะ แต่เราตั้งใจเขียนมากจริงๆ รักฟิคเรื่องนี้
    เป็นเรื่องที่สองที่ตั้งใจเขียนกว่าเรื่องแรก ฮา(?) 
    ยังไงเราก็ขอบคุณลีดเดอร์ทุกคนเน้อที่ยังคอยเข้ามาอ่าน(แอบเข้ามาดูยอดวิว)
    สเปเชียลพาร์ทใกล้จบแล้ว อีกไม่นานแน่นอนจะเอามาลงน้า
    วันนี้เราไปก่อนนะ ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านฟิคเรากันเน้อ
    อาอิ้ง 






     

    Minor!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×