ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อินคาทัส มหาสงครามศักดิ์สิทธิ์แห่งปฐพี

    ลำดับตอนที่ #18 : พรายวารี

    • อัปเดตล่าสุด 12 มิ.ย. 49


    บทที่ 18 พรายวารี

    ไยสายน้ำที่งดงามอันตราย  ไยสิ่งร้ายมักสถิตในสายชล

                                        ไยแม้มีอสูรก็ยังน่ายล  ด้วยการดลธรรมชาติสร้างขึ้นมา       

    ข้านี้เองอสูรร้ายแห่งสายน้ำ  ออกร่ายรำคืนจันทร์กลบแสงดารา

                                                  ข้าเป็นใหญ่ในสายน้ำทุกทิศา    เพราะว่าข้าวีนีย่าพรายวารี

                    พระราชวังใต้มหานที แลงดงามเช่น ที่เป็นมานานนับพันปี ตัวปราสาทประดับไปด้วยไข่มุกทรงค่า..กลางห้องโถงซึ่งเป็นที่ตั้งแห่งบัลลังก์ใหญ่ยักษ์ที่ประดับไปด้วยปะการังหลากสี 

                    หญิงสาวบนบัลลังก์งดงาม แต่น่าเกรงขาม เส้นผมสีขาวสะอาดยาวทอดตัวไปตามบัลลังก์  ดวงตาสีน้ำเงินเข้มอยากจะหยั่งถึงภวังค์ของนาง นั่งสงบไร้คำพูด ไร้อารมณ์ เมื่อมองหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างหน้า

                    หญิงสาวที่ดูอ่อนวัยกว่าเงยหน้าขึ้นมาสบตาผู้เป็นมารดาด้วยดวงตาสีม่วงสด  ใบหน้างามนั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้เป็นแม่หรือผู้ใดเลย

                    มีการณ์ใดอีกหรือสเปลลิซ ลูกแม่ น้ำเสียงเย็นยะเยือก เปล่งออกมาจากริมฝีปากสีสด

                    ข้าจับคลื่นพลังได้อีกแล้วท่านแม่ หญิงสาวตอบตะกุกตะกัก ด้วยความกลัวเกรงสุดใจ

                    คลื่นเป็นเช่นไร!!!”เสียงของนางพญาแห่งนที ดังกร้าวทั่วห้องบัลลังก์ ข้าราชบริวารต่างทรุดตัวลงไปนั่ง ก้มหัวด้วยความกลัวในอำนาจของผู้เป็นนาย

                    นางพญาแห่งมหานทีก้าวลงมาจากบัลลังก์ นิ้วเรียวนวลของนางยื่นไปจับใบหน้าบุตรสาวของตน  ดวงตาสีม่วงสดมิอาจละสายตาจากดวงตาสีน้ำเงินเข้มที่ตรึงอยู่ได้ ทั้งที่อยากจะสลายเป็นอากาศธาตุเสียตรงนี้

                    คะ..คะ..คลื่นพลังเป็นเช่นเดียวกับที่ข้าจับได้ในแม่น้ำรีมิสทิเคิลค่ะ น้ำตาไหลพรั่งพรู จากดวงตาคู่สวยของเจ้าหญิงพรายน้ำ สิ้นคำพูดนางก็ถูกโยนไปมุมห้องอย่างที่เป็นประจำ สาวใช้ต่างกรูกันเข้ามารับผู้เป็นองค์หญิงด้วยความห่วงใย

                    นางคือใครกันแน่ นางคือใครกัน รัศมีของนางจักเทียบได้กับข้าเจ้าแห่งนทีเชียวหรือ น้ำเสียงเย็นยะเยือก ดวงตาอาฆาตแค้น ฝังตรึงอยู่กับผู้เป็นนางพญา...ผู้ไม่เคยคิดว่าด้อยกว่าใครในนที...

                    ...บางทีเจ้าแห่งนที..อาจไม่ใช่นาง...

                    อากาศหนาวเย็นที่ปกคลุมอยู่เหนือท้องมหานที เป็นเหตุทำให้ผิวของนาวาแข็งตัวเป็นน้ำแข็งแผ่นบางๆ ช่างเป็นทิวทัศน์ที่งามยิ่งนัก ...ผืนน้ำสีน้ำเงิน ท้องฟ้าสีหม่น ...เรือเดินสมุทรลำไม่ใหญ่มากนักล่องไปตามนาวาเรื่อยๆช้าๆชวนให้สบายอารมณ์ ...

                    ไม่รู้เกาะซิกนัสจะเป็นอย่างไรเนาะไมเนอร่าหันไปพูดกับแฝดผู้พี่ ซึ่งได้รับการพยักหน้าแทนคำตอบ

                    อากาศหนาวข้าไม่ค่อยชอบเลย เมเจอร์ชวนแฝดผู้น้องคุยบ้าง

                    ข้าก็ไม่ ไมเนอร่าตอบพลางยักไหล่ เป็นเชิงว่า..เรื่องธรรมดาของเราสองฝาแฝด

                    แต่ข้าชอบนะ เด็กสาวผมดำพูดบ้าง

                    แหงล่ะ ก็เจ้าอยู่คลามอสตั้งแต่เกิดนี่ คลามอสอากาศหนาวเกือบทั้งปี  แต่อันดาซัสอากาศร้อนชื้น ไมเนอร่าหันไปพูดกับหญิงสาว และทรุดตัวลงนั่งที่พื้นเรือ

                    บทสนทนายังคงดำเนินต่อไป เรื่อยๆ เสียงหัวเราะดังให้ได้ยินเป็นระยะๆ ไรมิสหลับเป็นตายตั้งแต่ออกเดินทางไม่ถึงชั่วโมง เฟธานเดินเข้าไปร่วมวงสนทนาด้วยความสนุกสนาน ส่วนหญิงสาวอีกคนเดินไปนั่งคนเดียวที่ท้ายเรือ..นั่งคิดอะไรบางอย่าง  สีหน้าครุ่นคิดและคร่ำเคร่งทำให้ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับนางมากนัก..

                    อีกนานเท่าไรถึงจักถึงซิกนัสหรือท่าน?? เอโรร่าเดินไปถามคนบังคับเรือสมุทร

                    พรุ่งนี้รุ่งสางขอรับท่าน ข้าคิดว่าหากไม่เกิดเจอน้ำแข็งเกาะตัวหรือปัญหาอะไรอาจจะถึงเร็วกว่าที่กำหนดเล็กน้อย แต่ว่าข้าคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไรเพราะคืนนี้เราก็พ้นเขตหนาวเย็นแล้ว ชายวัยกลางคนผู้บังคับเรือตอบง่ายๆ

                    เอรี่ เสียงเรียกของชายหนุ่ม ดังขึ้นเป็นเหตุทำให้ เอโรร่าหันกลับไปมอง

                    มีอะไรหรือ??เอโรร่าถามพลางเดินลงจากแท่นที่ขับเรือ

                    ข้าว่าเจ้าขึ้นเรือทีไรดูแปลกๆไปทุกทีเลย เจ้ามีอะไรหรือเปล่า?? น้ำเสียงเป็นกังวลของชายหนุ่มที่คุ้นเคยทำให้เอโรร่ายิ้มน้อยๆ

                    ข้าก็ไม่ได้เป็นอะไรนี่ดวงตาสีชมพูประกายเงินงดงาม หันไปมองแผ่นน้ำสีเข้มเบื้องหน้า ลมเย็นสาดประทะเข้ากับใบหน้างาม แก้มเป็นสีชมพูระเรื่อด้วยความหนาวเย็น ริมฝีปากสีกุหลาบฉาบด้วยรอยยิ้ม เส้นผมนุ่มราวแพรไหมพลิ้วไปตามกระแสลมแห่งความเย็น..เป็นเหตุทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มขึ้นสีระเรื่อ

                    เอาเถอะ ตามใจเจ้า ข้าแค่ถามดูเฉยๆ เฟธานพูดแก้เก้อ ดวงตาคู่ที่คุ้นเคยหันมาสบกับดวงตาของเขา..ทำไมหนอ  ใบหน้านี้  ริมฝีปากนี้ เส้นผมนี้ และดวงตาคู่นี้ แม้จักเห็นทุกวันมองกี่คราก็ยังมิเบื่อ นับวันยิ่งดูงดงามในสายตาของเขา..

                    เจ้าคิดอะไรของเจ้าน่ะ เอโรร่าหัวเราะ เฟธานซึ่งบัดนี้หน้าแดงราวตำลึงสุก เสไปมองทิศอื่นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าหลงกลหญิงสาวเข้าให้เสียแล้ว

                    ...ทำไมชอบหลอกอ่านตาคนอื่นน้า เอรี่เนี่ย ...หลังจากคิดเสร็จเฟธานก็ หันขึ้นไปมองดวงตาคู่สวยนั้น ทันทีที่สบตากันใบหน้างามของหญิงสาวกลายเป็นสีแดงจัดอย่างที่ไม่เคยมีใครได้เห็น

                    ฮ่าๆๆๆๆๆๆเฟธานหัวเราะลั่น

                    โถ่ เอ๋ย เจ้าหญิงน้ำแข็ง แค่ข้าคิดเรื่องคืนนั้นเจ้าก็หน้าแดงเสียยิ่งกว่าข้าอีกเฟธานกล่าวถึงคืนวันที่เอโรร่าถูกลอบทำร้าย

                    เจ้าไม่ได้เรียกข้าว่าเจ้าหญิงน้ำแข็งมาหลายปีแล้วนะ..เอโรร่ารีบเปลี่ยนเรื่องทันที

                    เปลี่ยนเรื่องเชียว..ก็ตอนนี้เจ้าไม่ได้เป็นเจ้าหญิงน้ำแข็งแล้วนี่เฟธานบ่นอุบอิบก่อนอธิบายเหตุผล

                    นั่นสินะ...

                    เรือเดินสมุทรลำหนึ่งลอยอยู่เหนือน้ำในความเงียบแห่งรัตติกาล  จ้าวนภายามรัตติกาลเฉิดฉายเจิดจรัสกลบแสงดาราสิ้นด้วยรัศมีเต็มดวง  อากาศอุ่นขึ้นเรื่อยๆด้วยเหตุเข้าเขตอบอุ่น..

                    หญิงสาวร่างอรชรมองไปยังสิ่งที่มองประจำจนกลายเป็นภาพเจนตาสำหรับชายหนุ่ม  เฟธานเดินด้วยความเงียบเข้าไปหาหญิงสาวผู้เป็นดั่งดวงใจ..

                    เฟธาน เจ้าเดินมาหาข้าเองนะ ดังนั้นเจ้าอย่าถามว่าทำไมชอบมองดวงจันทร์เพราะเจ้าจะได้คำตอบเช่นเดิม..เอโรร่าพูดพลางละสายตาจากดวงจันทร์หันมามองชายหนุ่ม

                    เฟธานหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะเดินมายืนข้างๆหญิงสาว  สร้อยคอรูปพระจันทร์สีเงินสะท้อนแสงระยับดั่งดาราและฟองคลื่น

                    ไม่อยากให้ถึงพาราเรียสเลย เฟธานกล่าวขึ้นมาในความเงียบที่โรยตัวอยู่นาน ก่อนที่จะทรุดตัวลงนั่งที่ขอบเรือประชันหน้ากับหญิงสาว

                    ชายหนุ่มยื่นมือเรียวยาวของตนสัมผัสแผ่วเบาที่แก้มนวลของหญิงสาว ดวงตาสีประหลาดทั้งสองคู่สบกันเนิ่นนาน..อ่อนหวาน..เศร้า..และตราตรึง..

                    บัดนี้ใบหน้าราวสลักของชายหนุ่มเข้าใกล้นางเสียเหลือเกิน  ไอร้อนจากลมหายใจของชายหนุ่มกระทบที่ผิวหน้า  ดวงตายังคงสบกันอย่างไม่อาจละได้  ริมฝีปากรูปกระจับเข้าใกล้เสียเหลือเกิน..ใกล้เกินไปแล้ว..

                    ทันใด!!!ดวงตาสีชมพูประกายเงินเบิกกว้าง ก่อนกระชากเฟธานให้ล้มลงกับพื้นเรือ ร่างทั้งสองทับกัน รอยโจมตีจากกระแสน้ำเมื่อครู่ไม่ทำอันตรายให้กับเรือมากนักเหมือนเป็นเพียงการเตือนทั้งสองลุกขึ้นยืนว่าเกิดสิ่งใดขึ้น กับกระแสน้ำเมื่อครู่ และใครเป็นผู้รังสรรค์มันขึ้นมา..

                    ภาพที่ปรากฏแก่สายตาทั้งสองคู่คือ หญิงสาวสองนาง...นางแรกแก่วัยกว่า ผู้มีดวงตาสีน้ำเงินเข้มยากจะหยั่ง  มีเส้นผมสีขาวสะอาด และ..รัศมีเจิดจ้ารอบกายราวนางพญา!!!

                อีกนางงดงามไม่แพ้นางแรก ดวงตาสีม่วงสดมีรอยแห่งความเศร้าโศก เส้นผมสีขาวสะอาดโบกพลิ้วไปตามสายลมที่มิได้หนาวเย็นเช่นเดิม..ทั้งสองลอยอยู่เหนือผืนน้ำ..

                    ท่านคือใครน้ำเสียงเย็นไร้ความรู้สึกของเอโรร่าเปล่งออกไป ราวไม่เคยมีไว้ซึ่งอารมณ์ เฟธานหรี่ตามองสตรีทั้งสองด้วยความไม่แน่ใจก่อนที่จะกระชับมือของหญิงสาวข้างกายให้แน่นขึ้น

                    เจ้าไม่มีสิทธิ์ถาม เจ้ามนุษย์ผู้ต่ำต้อย รอยเหยียดหยามฉายชัดในแววตาสีน้ำเงินเข้มราวรัตติกาล

                    ดวงตาสีชมพูประกายเงินฉายแววกร้าวขึ้นทันทีที่ได้ยินคำสบประมาท หากแต่ใช่ความโกรธไม่ ดวงตาคู่งามบัดนี้ดูน่ากลัวราวมีพลังจักทำให้ทุกอย่างกลายเป็นน้ำแข็งได้ในชั่วพริบตา

                    ข้าหาใช่มนุษย์ไม่ ท่านคงเข้าใจผิดเสียแล้วเอโรร่ายังคงพุดต่อไปอย่างไม่เกรงกลัว หญิงสาวที่ลอยกลาน้ำอีกคนมองเอโรร่าด้วยความตกใจ..เอโรร่าอ่านดวงตาสีม่วงสดนั้นก่อนจะขมวดคิ้ว...นางคิดว่าข้ากล้าเถียงหญิงสาวตาสีน้ำเงินนี้เป็นความกล้าหาญอย่างมาก!!??..

                    ข้าเป็นผู้ใช้มนตรา

                    อ้อ..ผู้ใช้เวทมนตร์เองหรอกหรือนึกว่าจักเป็นอะไร นางพญาพรายพูดพลางหันไปมองผู้เป็นลูกสาวด้วยนัยว่า..ก็แค่จอมเวททำไมเจ้าถึงทำอะไรมันไม่ได้..

                    โอ้ พ่อหนุ่มรูปงาม เจ้าคือใครกันพญาพรายวีนีย่าซึ่งมองเห็นชายหนุ่มลอยเข้ามาใกล้พลางเชยคางของเฟธานขึ้น ไร้ซึ่งคำพูดใดตอบกหลับดวงตาสีน้ำเงินแกมน้ำตาลแข็งกร้าวน่ากลัวราวมิใช่หนุ่มชี้เล่นคนก่อน

                    ..เหตุใดดวงตาสีน้ำเงินเข้มจึงดูน่าหลงใหลถึงเพียงนี้..ความคิดลอยคว้างอยู่ในห้วงสมองของเฟธาน

                    ท่าน!!!ท่านไม่อาจสะกดจิตใคร หากข้ายังอยู่ตรงนี้ ไม่รุ้เพราเหตุใดแต่เอโรร่าไม่มีผลเกรงกลัวใดให้เห็นทันทีที่พรายวีนีย่าละสายตาจากชายหนุ่มเป็นอันสิ้นสุดการสะกดจิต วีนีย่าลอยออกมาห่างจากเรืออีกคราและปล่อยสายน้ำพุ่งมาด้วยความรวดเร็ว!!!

                    ชายหนุ่มผลักเอโรร่าให้ล้มลงกับพื้น นัยน์ตาสีน้ำเงินแกมน้ำตาลเบิกกว้างด้วยความตกใจ ดาบคู่กายถูกชักออกมาจากฝักด้วยความรวดเร็ว

                    ..ฤา อำนาจแห่งสายน้ำจักปราชัยแก่ดาบ..

                    ไอซ์บลีสสสสสส!!!”เฟธานลากเสียงยาวเรียกชื่อดาบในตำนานด้วยความเจ็บปวดต้านแรกกระแสน้ำไม่ไหว

                    พลัน!!!รัศมีเจิดจ้าจากตัวดาบอย่างที่เคยเป็นเมื่อผู้เป็นนายขานนาม กระแสน้ำหมดฤทธ์ทันทีที่ประทะมหาดาบ ดวงตาสีน้ำเงินเบิกกว้างด้วยความตกใจ

                    ..หากแต่ดาบแห่งสายลมก็อาจชนะสายน้ำ..

                    นางพญาพรายเปลี่ยนจุดโจมตีไปยังหญิงสาวที่อยู่ห่างจากชายหนุ่มไปราวแปดเมตร!!!

                    ทันใดนั้น!!!ดวงตาที่เคยเป็นสีชมพูประกายเงินพลันเปลี่ยนเป็นสีฟ้าประกายเงิน เส้นผมสีน้ำตาลทองกลายเป็นสีเงินยวงโบกพลิ้ว รัศมีสีฟ้าปรากฏรอบกายของหญิงสาว..ร่างบางระหงลอยตัวขึ้นเหนือพื้นเรือ..

                    เอโรร่าลอยออกไปเหนือผืนน้ำชูมือขึ้นกลางอากาศ สายน้ำพุ่งสู่วนรอบตัวนาง หยุดสายตาสามคู่ให้มองมา  หญิงสาวลอยเข้าไปใกล้นางพญาพราย

                    ..เจ้ามิใช่จ้าวนที เจ้าเป็นเพียง ข้ารับใช้ของจ้าวนทีที่แท้จริง..เจ้าคือข้ารับใช้ของอสูรแห่งสายน้ำ..เทพอสูรมาคีย์ซึ่งสถิตอยู่กับข้า..ท่านไม่ควรทำร้ายเราหรือใครเพียงเพราะอำนาจ..อำนาจที่ไม่มีวันเป็นของเจ้าอย่างแท้จริง วีนีย่า!!!”สิ้นคำพูดเหมือนนางพรายถูกดุดกลืนเข้าสู่ผืนน้ำ

                    ส่วนเจ้าบุตรีแห่งวีนีย่า เจ้าจงรู้ไว้เถิดว่านางมิได้หายไปนางเพียงแค่ถูกผนึกไว้กับสายน้ำ จนกว่าจักหมดวาระ..พร้อมกับข้าสเปลลิซพยักหน้ารับก่อนจักดิ่งหายสู่ห้วงนทียังที่ที่มา..

                    เมื่อไร้ซึ่งเงาของพรายทั้งสอง ทุกอย่างกลับเข้าสู่สภาพเดิม ดวงตา เส้นผม และรัศมีที่ค่อยๆจางหายไป..นางกำลังล่วงสู่ผืนน้ำ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×