ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อินคาทัส มหาสงครามศักดิ์สิทธิ์แห่งปฐพี

    ลำดับตอนที่ #16 : จากความไม่มี

    • อัปเดตล่าสุด 13 พ.ค. 49


    บทที่ 16 จากความไม่มี

    ทุกสิ่งเกิดขึ้นเพราะความไม่มี  ความชั่วดีเป็นเพียงสิ่งที่คิด

    ทั้งอำนาจทั้งปัญญาอยู่ที่จิต จักทรงฤทธิ์เมื่อจิตมีความพิสุทธิ์

     

                    ...ทุกสรรพสิ่งล้วนผุดจากความไม่มี..ความไม่มีคือสิ่งที่นำพาเรา นำพาทุกสิ่ง ไม่เว้นกระทั่งแสงสว่าง ความมืดมิด  ดวงอาทิตย์ จันทรา ทั้งมวลสู่ความเป็นจริง

                    ความเป็นจริงหมายถึงสิ่งใด ใครจักใคร่รู้..ใครจักใคร่สน..หากชีวิตที่ไม่รู้ เพียงพอสำหรับความสุขที่เป็นอยู่..มันเคยเป็นเช่นนั้น...แต่บัดนี้มันไม่ใช่อีกต่อไปเสียแล้ว

                    เมื่อทุกอย่างเกิดขึ้น  เกิดสิ่งมีชีวิตที่ทรงปัญญา  ทรงอานุภาพ ทุกชีวิตมีความคิด..ต่างความคิด ต่างมุมมอง..สาเหตุแห่งการขัดแย้งทั้งมวล..เมื่อมีความคิดย่อมมีความถูกและความผิด ทั้งๆที่มันเป็นเพียงสิ่งสมมติ..ความถูกของคนหนึ่งขัดแย้งกับอีกคนหนึ่งจึงกลายเป็นความผิด..

                    ..เมื่อมีปัญญา วิถีชีวิตแนวความคิดมักเปลี่ยนไป..สิ่งที่เคยอยู่กับธรรมชาติกลับกลายมาพึ่งทฤษฎีเสียสิ้น จอมมนตราน้อยลงหาใช่เพราะสายพันธุ์ไม่ แต่เป็นเพราะความเชื่อความศรัทธาในจิตใจหายไป

                    ...มนตราที่ไร้ซึ่งความศรัทธา ไยจักมีค่าใด หากแม้นตัวท่านยังไม่พึงประสงค์อำนาจที่ท่านมี..หรือท่านประสงค์แต่ไม่ประจักษ์..

                    ...อำนาจจึงเกิด เมื่อเกิดอำนาจรวมเข้ากับความขัดแย้งของความคิดของสิ่งมีชีวิต..การแย่งชิงอำนาจจึงรังสรรค์ขึ้นจากความโลภในจิตใจ..เมื่อมีการแย่งชิงอำนาจ ย่อมมีสิ่งที่จะทำให้ได้มาซึ่งอำนาจ  มนุษย์ผู้คลั่งไคล้ในอำนาจแห่งความลุ่มหลง แม้นมีเนตร เสมือนไร้ซึ่งเนตร  สามารถทำลายทุกอย่างได้เพราะเพียงอำนาจ

                    ในที่สุด อำนาจแห่งผืนภพจักรวาลก็หลุดรอด มาจากความไม่มี กลายเป็นของอาถรรพ์ ..ที่มาซึ่งอำนาจแห่งจิตใจ..สิ่งแรกที่เป็นความผิดพลาดของเทพมิใช่มนุษย์..เช่นนั้นหรือ???

                    มนุษย์ต่างไม่เคยรู้ซึ้งถึงความผิดพลาดที่แท้จริงดั่งเทพ..เทพผู้ซึ่งไม่เคยผิดพลาด..ทุกอย่างท่านกำหนดไว้เหมือนหมากที่ต้องเดินตามเกม..ในความจริงแล้วเป็นเพียงการหลอกลวง มนุษย์ต่างล้วนบูชาเทพเจ้ายิ่งกว่าบูชาชีวิตของตน หากแต่ว่ามนุษย์เปลี่ยนไป ก็จำเป็นที่เทพต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงให้กลับมาเป็นเช่นเดิม..

                    ..เหตุใดความยิ่งใหญ่ของเทพจึงไม่เคยจางหาย..บางช่วงเวลาความศรัทธาต่อเทพเจ้าของมนุษย์อาจเพียงหลบซ่อนอยู่มุมใดมุมหนึ่งของจิตใจ..และเทพผู้เหนือกว่ามนุษย์ทุกด้าน ย่อมหาหนทางที่จักทำให้สิ่งที่ซ่อนอยู่ในจิตใจของคนเหล่านั้นให้ออกมาโดยวิธีที่เร็วที่สุด..สงคราม..

                    ..เกิดสงคราม มีคนตาย..มีคนรอด..มีวีรบุรุษ..วีรบุรุษบุตรของเทพเจ้า..ความเชื่อความศรัทธาก็จักหวนกลับมาอยู่ในองค์เทพเช่นเคย..เพราะวีรบุรุษเหล่านั้นต่างมีความสามารถเหนือมนุษย์ในสายตาของมนุษย์...เทพเจ้าไม่เคยทอดทิ้งเรา ท่านส่งวีรบุรุษบุตรแห่งท่านให้มาช่วยพวกเราในสงคราม..

     มนุษย์ที่กระหายซึ่งอำนาจผนึกกับพลังอันดึงดูดของของอาถรรพ์ที่เทพเจ้าสร้างขึ้นเพื่อไม่ให้มนุษย์เลิกบูชา  สิ่งที่ตามมา ฤาจักพ้น..สงคราม..แล้วเช่นนี้ ความจริงต่างจากความผิดที่ตรงไหน

    มันมิใช่สิ่งผิด แต่ก็มิใช่สิ่งถูก..หากวัฏจักรไม่ดำเนินไปเช่นนี้ทุกคนก็ไม่สามารถดำรงอยู่ได้แม้เพียงพระเจ้าเอง..

                    ...บางทีสิ่งผิดพลาดอาจเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงคำว่าความไม่มีที่สุดแล้วก็เป็นได้ เพราะความผิดพลาดทั้งมวลคือสิ่งที่ทำให้..มีความวุ่นวายเช่นนี้เกิดขึ้น

                    ...หากไร้ซึ่งความเชื่อ...ความศรัทธาและความหวังคงไร้ซึ่งความหมายแห่งความทรงพลัง..

                    แล้วพวกท่านต้องการสิ่งใด??ลีนน์ออกปากถามบรุษทั้งสอง

                    ข้าอยากได้ดาบ เมเจอร์กล่าว

                    แน่นอน ร้านของข้ามีดาบมากมายตามแต่ท่านจะเลือกลีนน์เงยหน้าที่เปรอะเปื้อนจากเขม่าควันในปล่องไฟตีดาบ ...รอยยิ้มทั้งตาและปากของนาง แลน่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง..

                    เมเจอร์และไรมิสต่างเดินวนทั่วร้านเล็กๆนั้นด้วยความสนใจ ในร้านของสาวน้อยตรงหน้ามีดาบมากชนิดเสียเหลือเกิน บ้างก็มีรูปร่างแปลกประหลาดอย่างไม่น่าเชื่อว่าทั้งหมดนี้..เด็กสาวตาคมเบื้องหน้าตนจักเป็นคนตีขึ้นมาทั้งหมด..

                    มันเยอะจัง  เจ้ามีเล่มไหนจะแนะนำไหม??เมเจอร์ หันมาถามเจ้าของร้าน

                    ลีนน์ทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินไปที่มุมหนึ่งของร้าน นางหยิบดาบออกมาเล่มหนึ่ง เป็นดาบเล่มหนาและใหญ่สีดำสนิท

                    ข้าแนะนำให้ท่านเลือกเล่มนี้...ดาบสีรัตติกาลนี้ข้าตั้งชื่อมันไว้ว่า เบลส เป็นดาบเล่มใหญ่ก็จริงแต่มีความสมดุลในการตีในตัวของมันเอง  ดาบเป็นสีนี้เนื่องจากใช้ธาตุคลีอาลัสในการตีเป็นแร่ที่มีสีดำสนิทดั่งที่เห็นพบทางตอนเหนือของป่าอาถรรพ์ ซึ่งข้าเกือบตายเพราะมันตอนเข้าป่า ที่ด้ามดาบสลักมนตร์ด้วยเลือดของพยัคฆ์ราตรีแห่งคอร์โรรัสอีกนั่นแหละส่วนผู้ลงมนตร์ ..เอ่อ..ข้าเอง

                    เจ้าลงมนตร์???มันจักใช้ได้หรือไรมิสพูดด้วยความไม่แน่ใจ  ลีนน์หน้าบูดทันที

                    ท่าน การลงมนตร์นี่เป็นวิชชาจากปู่ข้า ท่านเป็นนักตีดาบที่ลือชื่อที่สุดในคลามอส..ซึ่งคลามอสก็เป็นเมืองที่มีดาบดีที่สุดดาบในตำนานล้วนกำเนิดจากที่นี่ รวมถึงดาบไอซ์บลีสด้วยนะท่าน!!”ลีนน์พูดรวดเดียวไม่หายใจ บรรยายถึงสรรพคุณสิ่งสืบทอดในตระกูลนักดาบ

                    เอ่อ..ข้าเอาเล่มนี้แหละเมเจอร์พูด ด้วยความงงๆกับอารมณ์ที่ขึ้นๆลงๆกับหญิงสาวรุ่นพี่ตรงหน้า

                    เจ้าว่าไงนะ???ไอซ์บลีสงั้นหรอ!!”น้ำเสียงประหลาดใจดังจากชายหนุ่มเจ้าของดวงตาสีเขียวอ่อน

                    อย่างที่ท่านเข้าใจไอซ์บลีสในตำนานเล่มนั้นแหละ ลีนน์ยิ้มอย่างภูมิใจ

                    ปู่เจ้าเก่งไม่ได้หมายความว่าเจ้าจักเก่งนี่จริงป่าวไรมิส ย้อนแก้เก้อ

                    ท่าน!!!!” ก่อนที่ลีนน์จะได้พูดอะไรไรมิสก็ลากเมเจอร์ออกจากร้านด้วยความรวดเร็วดุจสายฟ้าแลบ

                    บ้านของเสนาธิการหญิงแห่งคลามอส ดูงดงามเช่นเดิมกลางแสงอาทิตย์ที่ฉายแสงลงมาบางเบาเหลือเกิน  อากาศอันหนาวเย็นปกคลุมไปทั่วบริเวณ 

                    หญิงสาวที่นั่งอยู่ภายในตัวบ้าน มองไปนอกหน้าต่าง ใบหน้างามบูดด้วยอารมณ์โมโห ชายหนุ่มผู้นอนเล่นอยู่ที่เก้าอี้ตัวข้างๆ อ่านหนังสือและกินขนมไปเรื่อยๆด้วยความสบายอารมณ์

                    ฮึ่มมม!!”เอโรร่าละสายตาจากแผ่นดินสีขาวโพลน หันมามองชายหนุ่ม

                    เฟธาน!!” นางยิ่งหงุดหงิดมากขึ้นเมื่อชายหนุ่มไม่สังเกตเห็นความหงุดหงิดของเธอ

                    อะไรเอรี่น้ำเสียงทุ้มชวนฟังของชายหนุ่มกวนอารมณ์ของนางเหลือเกิน

                    เจ้าจะตั้งใจอ่านอะไรหนักหนาน่ะ???

                    อ้าวว ก็เมื่อครู่เจ้าบอกให้ข้านั่งอ่านหนังสือเงียบๆไปเลยไม่ใช่หรือ เฟธานพาซื่อเอ๋ย!!

                เมื่อไร ท่านแอนลีสจักกลับมาเสียที รอมาตั้งค่อนวันแล้ว เดินทางกันไม่ทันกำหนดจะแย่แน่ๆเลยเอโรร่าผู้ซึ่งอารมณ์สงบกว่าเมื่อครู่กลับเข้าสู่อารมณ์เย็นๆปกติของนางแล้ว

                    เวลาเจ้าหงุดหงิดแล้วไม่เหมือนเอโรร่าที่ข้ารู้จักเล้ย เฟธานลุกขึ้นมานั่งพลางวางหนังสือในมือลง และหัวเราะน้อยๆ

                    ข้ากลับมาแล้ว น้ำเสียงสดใสของไรมิสดังขึ้นก่อนเจ้าตัวจะโผล่เข้ามาในบ้าน

                    เฟธานข้าได้ดาบมาด้วยท่านดูให้ข้าหน่อยสิเมเจอร์รีบอวดด้วยความเห่อของใหม่

                    เฟธานพินิจดาบเล่มหนาสีดำสนิทข้างหน้า หัวคิ้วสีน้ำตาลไหม้เช่นเดียวกับผมขมวดมุ่น นิ้วเรียวยาวของชายหนุ่มสัมผัสตามด้ามดาบและหยุดที่ตัวอักษร

                    เอโรร่า เสียงเรียกของชายหนุ่มทำให้เอโรร่าหันมามอง

                    ถึงข้าจะไม่เคยเห็นภาษาพวกนี้มากนักแต่ข้าว่า ตัวอักษรบนนี้มันเหมือนอักษรกลางโฮลี่สตาร์เลยนะ เอโรร่าเดินเข้ามาดูดาบของผู้เป็นลูกศิษย์

                    จริงเสียด้วยเอโรร่าเลิกคิ้วขึ้น

                    ถ้าผู้ตีดาบสลักได้แสดงว่าต้องอ่านได้ และผู้ที่อ่านออกเขียนได้...ต้องรู้เรื่องราวของภาษานี้ไม่มากก็น้อย

                    เจ้าจะไปหาคนตีดาบเล่มนี้หรือ???เฟธานถามทั้งๆที่รู้คำตอบ และคำตอบคือการพยักหน้ารับจากหญิงสาว

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×