คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : เทพธรณี
บทที่ 13 เทพธรณี
ข้าคือจอมอสูรแห่งวนา ร่ายคาถามนตราแห่งพงไพร
พฤกษาปฐพีทุกสิ่งไซร้ ผนึกไว้จอมราชันย์คอร์โรรัส
ข้านั้นอาศัยอยู่ในทักษิณทิศ ล้วนพินิจงดงามหาใดเหมือน
มีความสุขใต้ชะตาที่มาเยือน เป็นเสมือนทรงจำข้ากรีกอรี่
****************
ข้ามีนาม ว่า กรีกอรี่ สัตว์น้อยใหญ่ในป่าอาถรรพ์แห่งนี้ต่างนับถือข้าเสมือนราชันย์ ข้ามีรูปร่างเหมือนชาวมนุษย์ ข้ามีผมสีเปลือกไม้และดวงตาสีเขียวมรกตดั่งพฤกษา ข้าถือคติ ไม่ยุ่งเกี่ยวกะชาวมนุษย์ จนกระทั่ง ผู้เป็นนายมาเยือนข้า..มหาเทพแห่งนภา..มหาเทพเอคาเทส
“ไม่ได้พบกันเสียนาน กรีกอรี่” สุรเสียงของมหาเทพยังคงไว้ด้วยความมีอำนาจเช่นเคย ท่านกล่าวทักข้าเมื่อข้าโค้งกายทำความเคารพ
“นานเสียจนมีอสูรบางตนลืมข้าไปเสียแล้ว” มหาเทพเอคาเทสพูดกับศิลาสีรุ้งในมือ
“อสูรตนนั้นคงมิใช่ข้าเป็นแน่...ข้ามั่นใจ” ข้าตอบกลับพลางยืดตัวตรงเต็มความสูง
“ข้าก็เห็นเป็นเช่นนั้น อสูรผู้กุมอำนาจแห่งจิตใจ” มหาเทพเอคาเทส กล่าว
“ข้ามิบังอาจถามท่านว่าท่านมาด้วยการณ์ใด แต่ข้าน้อมรับบัญชาท่านเสมอ ขอให้ท่านได้รู้ไว้ ท่านมหาเทพ..แม้จะผ่านไปหลายหมื่นปีแล้ว ข้ายังคงเป็นกรีกอรี่..อสูรที่ท่านสร้างขึ้นมา..” ข้ากล่าวอย่างนอบน้อม
“ดูท่า เจ้าจักความจำดีกว่าอสูรมาคีย์ผู้โอหังนั่นมาก”..คิดแล้วว่าต้องเป็นมาคีย์ ในอสูรอาวุโสทั้งห้ามี นางยะโสอยู่ตนเดียว
“ข้ามานี่ เพื่อจะใช้เจ้า” ข้านิ่งรับฟัง
“ข้าเกิดมาเพื่อรับใช้ท่าน..ท่านมหาเทพ..”
“ดี!!!”
พลัน!!!ร่างของข้าเหมือนกลายเป็นอากาศธาตุ ข้าถูกดูดลงไปในศิลาสีรุ้งที่ท่านมหาเทพถืออยู่
“กรีกอรี่!!”
“มาคีย์!!”
...นับจากวันนั้นข้าก็มิได้เห็นแสงตะวันอีกเลย...
ป่าอาถรรพ์คอร์โรรัส เต็มไปด้วยพืชพรรณหลากชนิดที่น้อยคนนักที่จะรู้จัก
สัตว์น้อยใหญ่ต่างมีรูปร่างประหลาดตา ทุกตัวมีรัศมีเปล่งประกาย ต่างกันไป
“อ๊ากกกกกก”เสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดของเอโรร่าและสองฝาแฝดดังขึ้น ก่อนที่ทั้งสามจะทรุดตัวลงไปยังพื้นที่เต็มไปด้วยตะไคร้ของมหาพงไพร
“เอโรร่า เมเจอร์ ไมเนอร่า เจ้าเป็นอะไร” เฟธานซึ่งเดินรั้งท้ายวิ่งมารับร่างระหง
หญิงสาวหายใจถี่รุนแรงและรวดเร็ว เหงื่อเม็ดเป้งผุดขึ้นตามหน้าผากขาวนวลเนียน ริมฝีปากที่เคยเป็นสีกุหลาบบัดนี้ซีดจางราวกุหลาบไร้สี แก้มสีชมพูระเรื่อด้วยความร้อนกลับกลายเป็นขาวเหมือนกระดาษ ลำตัวเย็นเยียบราวไม่เคยต้องแสงอาทิตย์..และข้อมือที่เคยขาวสะอาดน่าสัมผัสบัดนี้มีรอยสลักรูปดาวห้าแฉกซึ่งมีวงกลมล้อมรอบรวมถึงอักขระที่กลางดาวทั้งห้าด้านภาษาประหลาดสีทองเปล่งประกาย ก่อนที่แสงจะดับหายไปเหลือเพียงรอยลึกของดาวรูปเดิมสีน้ำตาลไหม้...
เมเจอร์และไมเนอร่า มีอาการไม่แตกต่างกันมากนัก แต่ที่ข้อมือของทั้งสอง...กลับปรากฏรูปดาวเพียงคนละสองแฉกครึ่ง..ที่ข้อมือของเมเจอร์มีรูปดาวครึ่งขวา ไมเนอร่าครึ่งซ้าย...
“เกิดอะไรขึ้น..”เสียงของเมเจอร์ขาดหายไป
“ค..ครูกะไม่รู้”น้ำเสียงติดขัดด้วยความกลัวเกิดขึ้นครั้งแรก
“แต่ดาวรูปนี้...คุ้นเหลือเกิน ครูเคยเห็นมัน” เอโรร่ากล่าวพลางมองไปที่ศิษย์ทั้งสอง
“นายหญิง เจ้าลิงคู่!!!!”เสียงร้องเรียกด้วยความตกใจของดาริคดังขึ้น
“นี่มัน...สัญลักษณ์โฮลี่สตาร์นี่!!!!”ดาริคกล่าวพลางมองหน้าผู้เป็นนายด้วยความตกใจระคนสงสัย
“โฮลี่สตาร์...ข้าเคยเห็นมันในฝันครั้งล่าสุดที่เกี่ยวกับอินคาทัส” รอยขมวดที่หัวคิ้วจางหายไป
“ล่องลอยตามข้า ดาราแห่งแสง
โปรดอย่าระแวง ไว้ใจตัวข้า
หากตามข้านี้ มิมีวันหลง
แต่หากท่านปลง ประสงค์ความหวัง
เดินตามข้าน้อย ผู้คล้อยศิลาขลัง
ผู้แปลพลัง ภาษาเทพา
แม้นไม่ใช่จันทร์ ผกผันดารา
หากแต่ฤทธา พราวแสงไม่ซ้ำ
ข้านี้คือสิ่งนำ ท่านสู่ความจริง...”
เสียงของหญิงสาวที่ฟังแล้วชวนต้องมนตร์ ดังขึ้นจากโฮลี่สตาร์ ที่ข้อมือของเอโรร่า แสงสีทองกระพริบตามบทเพลง ประสานกับเสียงของบุรุษที่ดังจากข้อมือของสองฝาแฝดเป็นท่วงทำนอง
“ตามดาวไปแล้วจะเจอสิ่งที่เราค้นหา เช่นนั้นหรือ??”เอโรร่ารำพึง
“ถ้าอาจารย์ไม่รู้ใครจะไปรู้ล่ะคะ”ไมเนอร่าพูดขึ้น ซึ่งทุกคนก็พยักหน้าเห็นด้วย
การเดินทางเป็นไปอย่างยากลำบากเพราะต้นไม้ที่รกชัฏ การนำทางเป็นไปตามบทลำนำแห่งดาริกา เมื่อเดินไปสักพัก ก็จะปรากฏแสงสีทองตามปลายแฉกของดาวที่เป็นทิศทางที่ถูกต้อง จนกระทั่ง...
“ถึงแล้วหรือ...”เฟธานกล่าวเพราะ โฮลี่สตาร์ที่ข้อมือของเอโรร่า และสองฝาแฝด เปล่งแสงสว่างจัด
ไร้คำตอบจากหญิงสาว..มีเพียงสายตาที่มองออกไปข้างหน้า..เฟธานมองตามสายตานั้น..เบื้องหน้าเป็นวิหารสีขาว ดูศักดิ์สิทธิ์ ยิ่งใหญ่ แม้จะคงอยู่นานแล้วจากสีที่คล้ำและตะไคร้เกาะ แต่ก็มิอาจจะบั่นทอนความงดงามในความขลังของวิหารแห่งนี้ลงได้เลย
ภายในตัววิหาร ..ยังคงความใหม่ราวสร้างเสร็จวานคืน..มีเทียนราวไม่เคยมอดดับ..กลางวิหารมีแท่นวางของ..ใจกลางแท่นนั้นมี ศิลาสีรุ้งงดงามสูงค่าวางอยู่
เอโรร่าเอื้อมมือหมายจะจับต้องศิลาก้อนนั้น..ศิลาอินคาทัส
ฟึ่บบบบบ!!
มือขาวชะงักทันทีด้วยความเจ็บปวด..ใบไม้คมกริบสีเขียวแก่ใบนึงพึ่งเฉี่ยวผ่านมือขาวนวลไป เรียกโลหิตสีแดงให้ไหลหยดตามหลังมือ ดวงตาสีชมพูประกายเงินมองไปรอบทิศ ดวงหน้าขาวผ่องไม่แสดงอารมณ์เจ็บปวดเล็ดลอดให้เห็น
เฟธานเดินมาหยุดข้างเอโรร่า ดาริคห่อตัวพลางส่องสายตาระแวงไปรอบด้าน เอโรร่ายื่นมือไปแตะศิลาศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง
เฟี้ยวววววว!!!
เสียงของใบไม้พุ่งมาด้วยความเร็วอีกครั้ง...เอโรร่าชักมือกลับทันท่วงที
ฉึ่กกก!!!
ใบไม้ปักลงที่โต๊ะหินอ่อน ดวงตาสีน้ำเงินแกมน้ำตาลมองไปยังทิศทางที่จับได้
“เจ้าคือใคร”น้ำเสียงเย็นเยียบของชายหนุ่มดังขึ้น แววตาชวนหลงใหลคู่นั้นเปลี่ยนเป็นรอยแห่งความจริงจังที่น้อยครั้งนักจะได้เห็น
“ไยข้าต้องตอบเจ้า??”เสียงอขงชายหนุ่มแสนกวนโทสะ ย้อนกลับมา
“ดีงั้นเจ้าไม่ต้องตอบ” เฟธานกล่าวก่อนที่พายุลูกใหญ่จะซัดเข้าที่เสาหินบริเวณเจ้าของใบไม้พิฆาต เผยร่างชายหนุ่มที่ดูดีคนหนึ่ง..ดวงตาสีเขียวเหลือบเหลืองสดใสขี้เล่น ผมสีชา ยาวและตั้ง กระจายทั่วหัว ใบหน้าขี้เล่นนั่นยังยิ้มละไมอยู่
“ส่งศิลาคืนข้า..ข้ามีหน้าที่ต้องนำมันไป”
“ข้าก็เช่นกัน” เอโรร่าตอบพลางพินิจบุรุษตรงหน้า
“เหตุใดท่านต้องลงมือ ท่านไม่สังเกตหรือว่าเรามีจุดประสงค์เดียวกันและหน้าที่ท่านก็เช่นเดียวกับข้า..”
“จุดประสงค์เดียวกับเจ้า???”
ความคิดเห็น