คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : สัจจะวาจา
บทที่ 10 สัจจะวาจา
หนึ่งคำพูดเป็นมั่นคำสัญญา หนึ่งภาษาสัจจะมั่นคงยิ่ง
หนึ่งถ้อยคำวาจาเหนือทุกสิ่ง หนึ่งใดยิ่งมากฤทธิ์กว่าวจี
กล่าวไปแล้วคำพูดคำสัญญา กล่าวภาษาสัจจะมั่นคงยิ่ง
กล่าวถ้อยคำว่าจาเหนือทุกสิ่ง กล่าวใดยิ่งมากฤทธิ์กว่าวจี
****************
มหาแม่น้ำรีมิสทิเคิลคงเป็นแม่น้ำที่เหมาะแก่คำว่าแม่น้ำมหาภัยที่สุดแล้ว..เพราะว่าแม่น้ำที่งดงามแห่งนี้คร่าชีวิตผู้คนมากมายเสียเหลือเกิน..เรือที่จมสู่ก้นบึ้งมหานทีโดยไม่ทราบสาเหตุ ถึงปราชญ์หลายๆคนจักสรุปว่า..น้ำวน..แต่หากเป็นน้ำวนผู้สัญจรหรือผู้คนริมน้ำก็ต้องเห็น..เพราะอย่างน้อยก็ดีกว่าสรุปว่าเป็นเพราะภูตพรายแห่งวารีซึ่งไร้มูลเหตุยิ่งกว่า..
ร่างระหงของหญิงสาวเจ้าของนัยน์ตาสีชมพูประกายเงินยืนอยู่ที่ขอบเรือขนาดเล็ก..สายลมพัดเส้นผมสีน้ำตาลทองให้โบกพลิ้วตามกระแส..มีผืนน้ำสีฟ้าสดใสภายใต้แสงตะวันเป็นฉากหลัง..งดงามดุจเทพธิดา..
“อาจารย์เจ้าขา~”เสียงเรียกของเด็กสาวผมสีเพลิงดังแว่วมาจากหัวเรือ
“หื้มม?”เอโรร่าส่งเสียงในลำคอเป็นการตอบรับ
“มายืนเหม่ออะไรแถวนี้ ข้ามองมาล่ะนึกว่าเป็นนางฟ้า” ลูกศิษย์ตัวดีมิวายหยอก
เอโรร่าจ้องลึกเข้าไปนัยน์ต้าสีฟ้าน้ำทะเลสดใสของไมเนอร่า..ก่อนจะยิ้มที่มุมปาก..และกลายเป็นหัวเราะไปในที่สุด
“มีอะไรน่าขำหรืออาจารย์??”สาวน้อยถามด้วยความสงสัย
“เจ้าอิจฉาครู??” นางวิเคราะห์หลังจากใช้พลังอาลายน์
“ก็ใช่น่ะสิอาจารย์ ข้าล่ะน้า อยากเกิดมาเป็นอาจารย์เสียจริง” ไมเนอร่าตอบกวนๆทันทีที่คิดได้ว่าหลงกลผู้เป็นอาจารย์..ก่อนจะเสมองไปยังผืนน้ำ..เอโรร่าเบือนสายตาจากสาวน้อยเบื้องหน้าหันกลับไปมองทะเลเช่นเดียวกับไมเนอร่า
“ครูคิดว่า ทุกคนย่อมอยากเป็นในสิ่งที่ตนไม่ได้เป็น ...”เอโรร่าเกริ่นเรื่อง ซึ่งมีผลทำให้ไมเนอร่าตั้งใจฟังทั้งๆที่ไมได้มองนาง..ดวงตาสีชมพูประกายเงินมองไปยังผืนน้ำดวงสายตาอ่อนโยนประหลาด..
“ ไม่มีแม้ผู้ใดที่จักพอใจในสิ่งที่ตนเป็น หรือหากมี ครูก็ยังไม่พบในหนังสือเล่มใดหรือในบุคคลทั้งหมดที่ครูเคยพบ มันเป็นความประหลาดที่คนเรามักใฝ่หาในสิ่งที่ต้องการทั้งๆที่บางครั้งยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเหตุใดจึงต้องการ แต่ก็ห้ามไม่ได้..หลักตรรกะกล่าวไว้ว่าเป็นปฏิกิริยาของสิ่งมีชีวิตต่อสิ่งรอบตัว..หลักศาสนาเชื่อว่าเป็นเพราะพระเจ้าและตัณหา..ในขณะที่ยังมีคนที่ไม่คิด..เพราะเขาไม่รู้ว่าจะคิดไปทำไม เพราะถึงอย่างไรรู้ไปก็ไม่ช่วยอะไรอยู่ดี...”เอโรร่าหันมามองผู้เป็นลูกศิษย์ซึ่งบัดนี้ดวงตาสีฟ้าน้ำทะเลก็จ้องตอบ
“ ข้าคิดว่าเจ้าคงคิดในลักษณะที่สามสินะคือไม่คิดอะไรเลย..”เอโรร่าพูด ซึ่งได้รับการพยักหน้าตอบรับจากเด็กสาว
“ถึงแม้ข้าอยากเป็นเหมือนอาจารย์..แต่ข้าอยากเพราะข้ามีอาจารย์เป็นปณิธาณ ข้าไม่ได้ช่วงชิงมาจากใครหรือทำให้ใครเดือดร้อน..มันเป็นเพียงแรงผลักดันของข้า และข้าคิดว่าอาจารย์คงไม่ขัดข้องหากข้าจะมีท่านเป็นจุดมุ่งหมายของการประสบความสำเร็จในอนาคต”ไมเนอร่าพูดด้วยรอยยิ้ม
“แน่นอนครูย่อมไม่ว่าอะไร..ดีแล้วที่คิดได้เช่นนั้น..อนาคตเจ้าคงไม่เป็นคนไร้สัจจะดุจวารีไร้ธารเสียหรอกนะ”รอยยิ้มผุดขึ้นที่ริมฝีปากสีกุหลาบ
...คนไร้สัจจะ ดุจวารีไร้ธาร..วารีไร้ธารไม่มีทิศทางกระแสของตน..ไม่มีความมั่นคง..ไม่มีความงดงามอย่างที่พึงจักมี..ดั่งเช่นคนไร้สัจจะ
ลึกลงไปในนที ณ ทีที่ไร้ซึ่งมนุษย์ ...
“ ท่านแม่คะ” น้ำเสียงหวาดเกรงแต่นอบน้อมของสาวนางหนึ่งดังขึ้นใน ท้องพระโรงกว้างใหญ่ ที่ประดับประดาไปด้วย ไข่มุก ทั้งหมด
“มีการณ์ใดหรือ..สเปลลิซ” หญิงสาวเจ้าของดวงตาสีน้ำเงินเข้มดูยากจะหยั่ง เส้นผมสีขาวสะอาดยาวถึงกลางหลัง บัลลังก์มุขและปะการัง ทำให้นางดูยิ่งงดงามและน่าเกรงขามมากยิ่งขึ้น..รัศมีแห่งนางพญาฉายชัด..
“มีผู้เดินทางที่แม่น้ำรีมิสทิเคิล ค่ะ” จบประโยค ดวงตาสีม่วงสดของสเปลลิซก็หลุบลงต่ำมองพื้นเบื้องล่าง
นางพญานางนั้นเยื้องยุรยาตรลงมาจากบัลลังก์ มือขาวนวลของนางเอื้อมไปจับผู้รับใช้ เลือดไหลไปตามใบหน้าของสเปลลิซเนื่องจากเล็บยาวของนาง
“แล้วไหนล่ะอาหารของข้า”รอยยิ้มงามผุดขึ้นที่ริมฝีปากสีสด..งดงามแต่น่ากลัวราวนางมาร!!!
“ขะ..ขะ..ข้า..”เค้าความกลัวเกาะกุมอย่างจับใจฉายชัดในดวงตาสีม่วงสด
“เจ้าทำไม..เจ้าลูกไม่รักดีแค่นี้ทำให้ข้าไม่ได้งั้นหรือ เจ้า!!ไม่สมควรที่จะเป็นรัชทายาทเสียเลย!!”
“ฟังข้าก่อนท่านแม่ บุคคลบนเรือลำนั้น..หญิงสาวนางหนึ่งงดงามจับใจเสียเหลือเกิน..นางมีพลังที่ข้าไม่สามารถเข้าใกล้ได้แม้แต่น้อย สมุนทุกตนต่างเป็นเช่นเดียวกับข้า”น้ำตาไหลพรั่งพรูด้วยความกลัวจับใจ..กลัวผู้วึ่งขึ้นชื่อว่าแม่..
“นางงามมากเช่นนั้นหรือ!!”ดวงตาสีราตรีจ้องมองสเปลลิซราวกับจะสูบวิญญาณจากร่างของนาง
“นางมีพลังประหลาดอย่างนั้นหรือ!!!”นางยังคงบีบหน้าของผู้เป็นลูกสาวต่อไปโดยไม่สนใจหยาดโลหิตที่หลั่งไหลลงมาเปรอะเปื้อนตามแก้มนวล
“หึ จักเป็นไปได้เช่นไร เจ้าเป็นถึงลูกของข้าใครกันจะมีพลังคุ้มกันภายใต้ท้องวารี”นางพูดด้วยอารามหงุดหงิด พลางโยนสเปลลิซอย่างรุนแรง
...บาปหรือบุญของนางกันแน่ที่ต้องเกิดมาเป็นลูกสาวของนางพญาแห่งวารี...นางพญาพรายวารีวีนีย่า...
“ข้าจักต้องไปดูเองอย่างนั้นหรือสเปลลิซ!!!”
“ขะ..ข้า..ข้า”
“เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว ออกไป!!!”
“เฟธาน อีกนานเท่าไรถึงจะถึงหรือ??”เอโรร่าเดินมาถามเฟธานที่หางเรือ
เฟธานหันไปถามคนบังคับเรือที่ตาแก่พุงพุ้ยจัดให้ ซึ่งคำตอบที่ได้คือ..
“อีกครึ่งชั่วโมง”เฟธานตอบพลางก้ามหน้าลงแกะสลักไม้เป็นรูป นางเงือกต่ออย่างขมักเขม่น
“ข้าคิดว่าพวกท่านโชคดีมากเลยนะขอรับ ปกติเดินทางแค่สิบนาทีแรกเรือก็ล่มกันแล้ว ข้าก็รอดมาหลายครั้งไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่คนที่ข้าบังคับเรือให้น่ะสิหายสาบสูญไปเสียทุกราย ไม่มีใครเปิดให้เช่าเรือมานานแล้วล่ะท่าน นี่ที่เจ้าของเรือให้เรือท่านมาเขาเองก็ไม่ได้ใช้มันมานานแล้ว นับจากครั้งล่าสุดที่ข้าออกเรือในแม่น้ำข้าก็เกือบจะสิ้นใจเหมือนกัน”คนบังคับเรือหันมาสนทนากับคนในเรือ
“แต่ข้าคิดว่าเป็นเพราะสร้อยเส้นนี้แหละ ที่ทำให้ข้าแคล้วคลาดจากแม่น้ำนี้มาหลายครั้งหลายหน”คนบังคับเรือว่าพลางหยิบจี้ที่ห้อยที่คอของเขาออกมาให้ดู..มันเป็นจี้สีน้ำเงินเข้มราวกับมหาสมุทรเบื้องล่าง
เอโรร่ายิ้มน้อยๆให้กับคนบังคับเรือ..
“ข้าว่า เจ้าก็แก่กว่าข้านิดหน่อยเอง ทำไมเจ้าถึงออกเรือหลายครั้งนักล่ะ”เมเจอร์ถามขึ้นพลางพินิจใบหน้าอ่อนเยาว์ของคนบังคับเรือ
“พ่อของข้าโกสต์ บลูท่านเป็นกัปตันเรือในแม่น้ำนี้น่ะ ข้าเลยได้เรียนรู้มามาก”เด็กหนุ่มตอบยิ้มๆ
“เอาล่ะถึงที่หมายแล้วท่านทั้งสี่ กับ เอ่อ เด็กน้อยอีกหนึ่ง”
“ใครเด็กน้อย!!”
“อ่าขอโทษขอรับ”
“อภัยให้ครั้งหนึ่ง ถ้ามีอีกครั้งหัวเจ้าจะได้หลุดจากบ้า”เมเจอร์กับไมเนอร่าหัวเราะแทบลงไปกองกับพื้นทันทีที่ได้ยินประโยคแสนโอหังจากไทนายล์ตัวจิ๋ว
“ข้าลาล่ะท่านทั้งหลาย สนุกกับมณฑลฟอว์” เด็กหนุ่มตะโกนพลางออกเรือออกจากท่าเรือของมณฑลฟอว์แห่งอาณาจักรสกาล่าทรอย
ความคิดเห็น