ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) EMPEROR ♛ chanbaek.

    ลำดับตอนที่ #3 : ♕ EMPEROR l Episode two

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 57












    E M P E R O R

     




     

                แผ่นหลังเล็กสัมผัสได้ถึงความนุ่มสบายของเตียง แสงแดดอบอุ่นของยามเช้าตรู่ตกต้องกระทบผิวกาย เปลือกตาคู่สวยขยับขึ้นเผยให้ดวงตาสีเข้มล้อแสงอาทิตย์เป็นประกาย เขากลับมาอยู่ที่ห้องนอนตัวเองได้ยังไง?!

     

                ความรู้สึกตื่นตระหนกพุ่งวาบเข้ามาในหัวใจของแบคฮยอน สมองหมุนเร็วจี๋ปะติดปะต่อเรื่องราวของเมื่อคืน เขาไปดูศพของคิมจงอินแล้วเจอไอ้ตัวอักษรเลือดบ้าๆนั่นถึงได้วิ่งกลับลงมาแต่ดันเจอกับผู้คุมกฎชุดดำนั่นเสียก่อน...เขาจำได้แค่นี้จริงๆ ถึงจะพยายามไล่ทบทวนแค่ไหนแต่หัวสมองกลับว่างเปล่าคล้ายถูกดูดดึงความทรงจำส่วนนั้นให้หายไป

     

                เมื่อคืนมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?!

     

                ก๊อก ก๊อก ก๊อก

     

                “แบคฮยอนตื่นรึยัง? เดี๋ยวไปสายหรอก” เสียงหวานอันคุ้นเคยร้องปลุก “วันนี้วันศุกร์ต้องไปทานอาหารเช้าพร้อมกันทั้งโรงเรียนนะ อย่าลืมสิ”

     

                “นายเดินไปจองที่ไว้ก่อนสิคยองซู เดี๋ยวฉันตามไป” คนตัวเล็กเบ้ปากหลังพูดจบ ประเพณีทานอาหารเช้าร่วมกันหนึ่งวันต่อสัปดาห์นี่มันงี่เงาจริง! ร่างเล็กลุกจากเตียงแล้วจัดแจงพาตัวเองไปชำระร่างกายให้สะอาดเรียบร้อยแล้วแต่งกายด้วยชุดนักเรียนลวกๆ  คว้ากระเป๋านักเรียนก้าวฉับออกจากห้องโดยไม่ลืมล็อกประตูให้เรียบร้อย

     

                เอ็กโซเอ็มไพร์สคูลมีอาณาเขตกว้างขวางชนิดเดินกันขาลากถูกรายล้อมด้วยรั้วเหล็กโอ่อ่าสีนิลกาฬ  อาคารเรียนจำนวนสี่อาคารในรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิคเก่าแก่นับร้อยปี ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บริเวณศูนย์กลางของโรงเรียนพอดีนั้นเป็นอาคารถูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบบาโรกอันวิจิตรงดงามซึ่งเป็นเขตหวงห้าม ในขณะที่อีกฟากนึงคือหอพักจำนวนสี่อาคารก่อสร้างตามแบบโรมาเนสก์ ด้านหลังของหอพักเป็นห้องอาหารซึ่งทุกคนต้องมารวมตัวเพื่อรับประทานอาหารพร้อมหน้าพร้อมตากันในเช้าวันศุกร์ ถือเป็นประเพณีที่สืบทอดมายาวนาน

     

                น่าเบื่อเป็นบ้า!

     

                แบคฮยอนก้าวเท้าเข้าห้องอาหารพร้อมกวาดสายตามองหาคยองซูไปด้วย เมื่อเห็นเพื่อนตัวเล็กโบกไม้โบกมืออยู่ริมมุมโต๊ะสี่จึงรีบเดินไปหา ห้องอาหารเป็นห้องโล่งและยาวมีโต๊ะอาหารยาววางเรียงกันอยู่สี่ตัว นักเรียนจะนั่งตรงไหนก็ได้แต่ส่วนใหญ่จะมีที่ประจำของตนต่างจากแบคฮยอน เขานั่งได้ทุกทีเจอตรงไหนว่างก็ไสตัวนั่งรีบกินรีบเก็บแล้วรีบไป การอยู่ท่ามกลางความวุ่นวายไม่ใช่เรื่องโปรดของเขา

     

                “ตักมาให้ฉันด้วยหรอคยองซู ขอบใจนะ” โด คยองซูเรียกได้ว่าเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวของแบคฮยอนก็ไม่ผิดนัก อีกฝ่ายเป็นผู้ชายตัวเล็กสงบปากสงบคำ ไม่ได้จุ้นจ้านหรือก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของแบคฮยอนแม้แต่น้อย แต่ในยามที่เขาต้องการความช่วยเหลือคยองซูก็ไม่เคยรั้งรอในการหยิบยื่นมันให้

     

                แบคฮยอนทิ้งตัวนั่งลงเคียงข้างก่อนจะปรายตามองไปยังโต๊ะตรงข้าม นักเรียนกลุ่มใหญ่กำลังจับกลุ่มพูดคุยระหว่างรอทานอาหารส่งเสียงดังโหวกเหวกอย่างไม่เกรงใจ

     

                เพื่อนเก่า....

     

                ที่ทำตัวไม่สมควรค่าคำว่าเพื่อนซึ่งเขามอบให้เลยแม้แต่น้อยนิด

     

                เพื่อนเก่า....

     

                ผู้ผลักไสไล่ส่งและคอยกระทืบซ้ำในยามที่เขาล้มลง

     

                ออกมาจากวงจรอุบาทว์พวกนั้นได้ก็ดี!!

     

                “แบคฮยอน” เสียงหวานของเพื่อนของตัวปลุกคนจมอยู่ภวังค์ให้กลับสู่โลกในความจริง

     

                “หื้อ?”

     

                “นั่นใครน่ะ ทำไมหน้าตาเหมือนคิมจงอินขนาดนั้น” สิ้นประโยคของคยองซูคนตัวเล็กรีบหันขวับไปในทิศทางเดียวกับสายตาของคนนั่งข้างๆ ด้วยอารามตกใจ

     

                ส่วนสูง ท่าทาง ใบหน้า ท่วงท่ายามก้าวเดิน รอยยิ้มกว้างติดขี้เล่น

     

                เหมือน...

     

                เหมือนคิมจงอินทุกกระเบียดนิ้ว!

     

                แต่จะเป็นไปได้ยังไง?! คิมจงอินตายไปแล้ว! เขาเห็นศพของคิมจงอินด้วยตาของตัวเอง! ไม่มีทางที่มันจะเป็นหมอนั่น!

     

                ภาพร่างสูงใหญ่นอนจมกองเลือดส่งกลิ่นคละคลุ้งลอยเข้ามาในหัว แท่งไม้แหลมปักตรึงบริเวณร่างนั้นไว้กับพื้นหินแกร่ง

     

                เขาเห็นมากับตา!!

     

                ไม่ได้มีเพียงคยองซูเท่านั้นที่สงสัย บัดนี้ห้องโถงใหญ่ล้วนเต็มไปด้วยเสียงซุบซิบนินทาถึงบุคคลผู้มาใหม่

     

                “นั่งด้วยคนสิที่เต็มหมดแล้ว” เสียงทุ้มเข้มเหนือศีรษะทำก้อนเนื้อในอกของแบคฮยอนเต้นกระหน่ำจนแทบจะหลุดออกมาจากร่างกาย แต่ถึงกระนั้นเขากลับรู้สึกชาไปทั้งตัวขยับแขนขยับขาไม่ได้แม้แต่น้อยนิด

     

                “เชิญเลยครับ” คยองซูรีบเชื้อเชิญอีกฝ่ายแทนเพื่อน

     

                สัมผัสอุ่นของร่างกายมนุษย์ต้องผิวกาย คนตัวเล็กหลุบตาต่ำจับจ้องอยู่ที่จานอาหารเบื้องหน้าตนเท่านั้น

     

                “โด คยองซูห้องบีกับบยอน แบคฮยอนห้องซีสินะ” ราวกับถูกนัยน์ตาคมกริบของอีกฝ่ายฉีกกระชากเฉือดเชือนเป็นชิ้น

     

                “นายรอฉันอยู่ตรงนี้นะแบคฮยอน”

     

                เหมือน...น้ำเสียงนี้คือน้ำเสียงของคิมจงอินไม่ผิดแน่!

     

                แต่หมอนั่นถูกฆ่าตายไปแล้วนี่นา มันก็ต้องตายหายไปจากโลกนี้สิ

     

                “อือ นายชื่อคิมจงอินรึเปล่า?” เสียงหวานของคยองซูเจื้อยแจ้วกับเพื่อนใหม่ข้ามหัวแบคฮยอน แต่คนตรงกลางไม่ได้คิดใส่ใจเรื่องมารยาทในยามนี้ มันสมองในกะโหลกสวยหมุนเร็วจี๋เพื่อหาคำตอบของเหตุการณ์ตรงหน้าให้เร็วที่สุด แต่คล้ายเขาเป็นคนโง่ขึ้นมาทันใด ไม่ว่าจะขบคิดซักเท่าไรเขากลับมองไม่เห็นคำตอบของมันแม้แต่นิดเดียว

     

                “ฉันชื่อคิมไคอิน เป็นพี่ชายคิมจงอิน”

     

                ทั่วทั้งร่างเกร็งขึ้นมาในชั่วขณะ พี่ชายของไอ้โง่นั่นโผล่มาทำไม?! หรือโอเซฮุนมีหลักฐานเรื่องในคืนนั้นแต่ไม่ยอมบอกให้เขารู้กันแน่

     

                “เห พี่ชายหรอ? หน้าตาเหมือนกันเปี๊ยบเลยนะ ตกใจแทบแย่”

     

                “เราสองคนเป็นฝาแฝดกันน่ะ ฉันเพิ่งกลับมาจากอเมริกาเมื่อไม่กี่วันก่อนยังไงก็ฝากตัวด้วยนะ” เสียงระรื่นของอีกฝ่ายเหมือนเสียงของจงอินในคืนวันนั้นไม่มีผิด เหมือนกันเกินไป!

     

                “แล้วนายรู้จักชื่อพวกเราได้ยังไง?” โด คยองซูไม่ชอบก้าวก่ายเรื่องของคนอื่นก็จริง แต่หากอีกฝ่ายยังไม่วางใจในบุคคลนั้นเจ้าตัวจะถามซอกแซกชนิดว่าไม่ไว้หน้า

     

                “จงอินชอบโทรไปเล่าเรื่องเพื่อนๆให้ฉันฟังบ่อยบางทีก็ส่งรูปมาให้ โดยเฉพาะเรื่องของบยอน แบคฮยอนน่ะ” ท้ายประโยคเน้นคำหนักแน่นจนคนที่ปิดปากเงียบมาครู่ใหญ่ต้องสะดุ้ง ชนักติดหลังอันเคยปักไว้ผิวเผินคล้ายแทงลึกหนักหน่วง สัญชาตญาณของร่างกายกรีดร้องเตือน

     

                ผู้ชายคนนี้อันตราย!!

     

                “เฮ้ย ชานยอลทางนี้” คนเป็นนักเรียนใหม่โบกไม้โบกมือเรียกเพื่อนเสียงดังจนแบคฮยอนเผลอเงยหน้ามองตามอีกฝ่าย ร่างสูงในชุดนักเรียนเรียบกริบถูกระเบียบเส้นผมสีน้ำตาลเข้มเซตตั้งเป็นทรง แว่นตากรอบดำที่สวมอยู่ทำให้เจ้าตัวดูเป็นเด็กเรียนผู้ถูกกฎระเบียบไปเสียทุกอย่าง

     

                ปาร์ค ชานยอลห้องเอ

     

                ไม่เคยรู้จักมักจี่กันมาก่อน ได้ยินแต่ชื่อเสียงของหมอนี่กับเคยเดินสวนกันบ้าง

     

                “สวัสดี” อีกฝ่ายทักทายขณะทิ้งตัวนั่ง มีเพียงคยองซูเท่านั้นที่โต้ตอบส่วนแบคฮยอนยังคงนิ่งเฉย

     

                หลังจากการร่วมร้องเพลงโรงเรียนเรียบร้อยแล้วจึงได้เริ่มต้นการรับประทานอาหารพร้อมกัน แบคฮยอนพยายามฝืนร่างกายตัวเองไม่ให้เหลือบแลไปยังบุรุษผู้นั่งข้างๆ เพราะอีกฝ่ายเหมือนคิมจงอินเกินไป ตะกอนขุ่นแห่งความรู้สึกผิดที่เคยตกระอยู่เบื้องลึกกลับตีตื้นขึ้นฟุ้งกระจาย ถึงเขาไม่ได้เป็นคนฆ่าแต่การพาอีกฝ่ายเดินไปสู่หนทางแห่งความตายก็ไม่ต่างจากการหยิบยื่นมีดให้ฆาตกร

     

                “อ๊ะ ไคอินพึ่งย้ายมาแล้วได้เรียนห้องไหนละ”

               

                “ฉันอยู่ห้องซีน่ะ สงสัยต้องพึ่งพาแบคฮยอนไปซักพัก” สุดท้ายคนที่นั่งกินข้าวเงียบๆจำต้องหันไปมองคนพูดจนได้ รอยยิ้มทะเล้นของอีกฝ่ายดูร่าเริงเป็นปกติ นัยน์ตาคู่คมฉายแววความเป็นมิตรแต่สำหรับแบคฮยอนแล้วมันไม่ต่างจากแอปเปิ้ลอาบยาพิษแม้แต่น้อย คล้ายจะปลอดภัยแต่ความจริงกลับอันตรายลึกล้ำ

     

                เขาไม่อยากข้องเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้แม้แต่นิดเดียว!!

     

                สายตาของแบคฮยอนบังเอิญเบนไปสบเข้ากับนัยน์ตาเบื้องหลังกรอบแว่นของชานยอลเข้าพอดี ทั้งที่อากาศในห้องโถงแห่งนี้ค่อนข้างร้อนแต่เขากลับหนาวยะเยือกอย่างไม่ทราบสาเหตุ

     

                ปาร์ค ชานยอล

     

                น่าขนลุกสิ้นดี

     

                    E M P E R O R

     

                ห้องเรียนในวันนี้เต็มไปด้วยเสียงซุบซิบนินทาซึ่งหัวข้อเรื่องไม่ใช่อื่นไกล แบคฮยอนเหลือบตามองคนข้างตัวที่กำลังนั่งเล่นเกมในโทรศัพท์มือถืออย่างสบายอารมณ์

     

                “นี่นาย เขาห้ามเล่นโทรศัพท์ตั้งแต่เวลาแปดโมงเช้าถึงสี่โมงเย็น”

     

                “ไม่ยักรู้ว่านายเป็นพวกถือกฎระเบียบเคร่งครัดนะ” อีกฝ่ายยอกย้อนจนคนตัวเล็กต้องเม้มปากสะกดกลั้นอาการหงุดหงิด

     

                รู้ดี!

     

                รู้ดีเหมือนคิมจงอินไม่มีผิด!

     

                โชคดีที่มาสเตอร์เดินเข้าห้องมาพอดีคนตัวเล็กจึงไม่ต้องต่อล้อต่อเถียงไปมากกว่านี้ แบคฮยอนใช้สายตาจับจ้องอีกฝ่ายยามเดินออกไปแนะนำตัวหน้าห้อง เพราะโต๊ะเรียนว่างมีอยู่เพียงตัวเดียวคือตัวข้างๆเขาหมอนั่นเลยได้มานั่งตรงนี้ ทั้งที่อยากหนีไม่ต้องการข้องแวะใดๆ กลับได้สนิทชิดเชื้อมากกว่าเดิม

     

                ฟ้ากลั่นแกล้งเขาชัดๆ

     

                “นี่แบคฮยอน นายเคยได้ยินเรื่องจักรพรรดิกับผู้คุมกฎชุดดำมั้ย?”

     

                “ถามทำไม” อดสะดุ้งไม่ได้ยามได้ยินคำถาม เมื่อคืนเขาเพิ่งเจอมากับตัวสดๆร้อนๆ!

     

                “จิงอินเคยเล่าให้ฟังน่ะ ฉันว่าน่าสนใจดีออกคืนนี้เราออกไปตามหาพวกนั้นกันมั้ย?”

     

              “ฉันเคยได้ยินเรื่องเขตหวงห้ามในห้องสมุดกับหนังสือต้องสาปสิบสามเล่ม นายรู้จักมันใช่มั้ยแบคฮยอน?”

     

              “ถ้าตอบว่ารู้จักแล้วจะทำไม?”

     

              “ฉันอยากได้หนังสือเล่มหนึ่งในบรรดาพวกนั้น ระดับนายน่าจะหาได้อยู่แล้วนี่”

     

                .

                .

                .

              “คืนนี้เจอกันตอนห้าทุ่มสิบนาทีชั้นสี่หอสอง”

     

                หมอนี่มันคิมจงอินกลับชาติมาเกิดหรือไง?! เหมือนแม้กระทั่งนิสัยใจคอ!

     

                “มีกฎห้ามออกนอกหอพักในเวลาต้องห้ามคือหลังสี่ทุ่มถึงตีห้า” เขาท่องจำกฎเหล็กที่มีมาตั้งแต่สมัยก่อตั้งโรงเรียนได้ขึ้นใจ ไม่ใช่เพื่อปฏิบัติตาม...แต่เพื่อให้รู้ว่าเขาได้ผิดกฎข้อไหนไปแล้วบ้างและต้องหลบเลี่ยงอย่างไรต่างหาก

     

                “หึ นายเป็นเด็กอนามัยด้วยหรอเนี่ย” ประโยคคำถามที่จงใจเหน็บแนมจนคนฟังนึกอยากจะลุกมาล้มโต๊ะอยู่ครามครัน

     

                “นายก็ไปชวนไอ้แว่นดำเพื่อนนายดูสิ”

     

                “หื้ม? ชานยอลนะหรอ”

     

                “...”

     

                “ไม่เอาดีกว่าหมอนั่นมันของแรง ตกลงคืนนี้เจอกันตอนห้าทุ่มสิบนาทีชั้นสี่หอสองแล้วกันนะ” พูดเองเออเองเสร็จสรรพ แต่แบคฮยอนสนใจประโยคสุดท้ายมากกว่า

     

                “คืนนี้เจอกันตอนห้าทุ่มสิบนาทีชั้นสี่หอสอง”

     

                ข้อความเหมือนต่างกันแค่คนพูดเท่านั้น

     

                หมอนี่ต้องไปรู้อะไรมาแน่ๆ!!

     

                “นายคือคิมจงอินใช่ไหม? บอกความจริงมานะ!” คนตัวเล็กกระซิบถามด้วยเสียงข่มขู่ ใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำรุนแรงไม่รู้ว่าเกิดจากความตื่นตระหนกหรืออะไรกันแน่

     

                “บอกแล้วไงว่าฉันชื่อคิมไคอิน” อีกฝ่ายแสยะยิ้มกว้าง “คิมจงอินถูกฆ่าตายไปแล้วต่างหาก นายก็น่าจะรู้ดีนี่นาแบคฮยอน.....”

     

                “...”

     

                “ในเมื่อนายเห็นศพเขาด้วยตัวเอง”

     

                !!!!!



     

                 - EMPEROR 

                ตกลงเรื่องนี้ใครพระเอกคะ? จะพี่ชานหรือพี่ไค?

                #ฟิคจักรพรรดิ ทักทวิตเตอร์มาทักทายเราได้นะ

                เราแอบแนบแผนที่โรงเรียนมาให้ด้วยเผื่อใครจะงง (จิ้ม) 



    PORCELAIN  THEMEs

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×