ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The Earth Emperor ~Dark Hope~

    ลำดับตอนที่ #3 : Chapter I [หนึ่งนามนั้นคือออสการ์]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 15
      0
      6 ต.ค. 57

    “ออสการ์ จำเรื่องนี้ไว้เป็นบทเรียนซะรับปากกับแม่สิว่าลูกจะไม่ทำแบบนี้กับใครอีก”

    “ผมไม่สน! ก็มันบอกว่าผมเป็นสัตว์ประหลาดก่อนนี่! ไม่เห็นต้องไปขอโทษเลย ถ้าท่านพ่อไม่ตายไปล่ะก็ คงไม่มีใครหน้าไหนมาดูถูกผมได้ทั้งนั้น ผมจะต้องได้เป็นราชา คนเป็นราชาน่ะจะสั่งทำโทษใครก็ได้ใช่ไหมล่ะ” เด็กชายตัวน้อยปาดน้ำตา

    “ออสการ์ ฉันบอกให้หยุดเดี๋ยวนี้ ห้ามพูดถึงท่านพ่อนะ! เจ้าในตอนนี้น่ะไม่มีคุณสมบัติจะเป็นราชาด้วยซ้ำ”ผู้เป็นแม่คว้าไม้จะตีลูกชาย แต่ยังไม่ทันจะได้ลงมือ ชายเคราสีน้ำตาลแดงร่างสูงก็เข้ามาห้ามไว้เสียก่อน เขาคุยกับเธอสองสามคำ ก่อนที่เธอจะออกไปรอนอกห้อง

    “วินเซนต์” เด็กชายเรียกเขา “ผมทำถูกใช่ไหม ผมน่ะ

    เพี้ยะ!

    “วินเซนต์” เด็กชายลงไปกองอยู่ที่พื้นด้วยความเจ็บปวดจากแรงตบ

    “ผมขอโทษที่ต้องรุนแรงนะครับนายน้อย ในฐานะเกลอเก่าของท่านพ่อ และฐานะที่เป็นครูของท่าน ผมบอกท่านได้เลยว่าท่านเข้าใจคำว่าราชาอย่างผิดมหันต์ แต่อันที่จริงผมก็รู้เคล็ดลับการเป็นราชาอย่างหนึ่งที่ท่านพ่อคงอยากบอก หากเขายังอยู่”เขาย่อเข่าลงไปแล้วจับไหล่ทั้งสองของเด็กชาย

    “รู้ไหม? ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเพียงใด คนเป็นผู้นำคนน่ะ...”

    ..

    I

    หนึ่งนามนั้นคือออสการ์

                    ตึกตึก

    แอ๊ด……..

    ออสการ์สะดุ้งตื่นขึ้นจากความฝัน เขาเลื่อนสายตาไปยังประตูห้องอันเป็นต้นกำเนิดของเสียงอย่างหวาดระแวง แต่ภาพที่เห็นกลับทำให้เขาต้องยิ้มออกมา เพราะคุณผู้หญิงของเรือกำลังเปิดประตูเข้ามาด้วยมือข้างเดียว แล้วใช้มืออีกข้างหนึ่งถือถาดอาหาร

    “โอ๊ะ ขอโทษด้วยค่ะออสการ์ ฉันทำให้คุณตื่นแน่เลย” เธอรีบนำมืออีกข้างมาช้อนถาดอาหารแล้วปิดประตูด้วยการถอยหลังแทน เธอนำถาดอาหารวางไว้บนโต๊ะหัวเตียง ออสการ์ลุกขึ้นจัดที่นอนอย่างลวกๆ เขาเดินไปเปิดหน้าต่างเพื่อดูวิวข้างนอก

    “แย่จริง ฉันตื่นสายขนาดนี้เลยหรอ” ชายหนุ่มฉีกยิ้มก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปในห้องน้ำ

    “ตอนนี้ก็สักสิบโมงแล้ว” เอวาเจลีนหยิบนาฬิกาพกขึ้นมาดูแล้วเก็บลงไปในกระเป๋า

    อุตส่าห์เลี่ยงไม่ดื่มในงานเลี้ยงส่งของพวกดรากอนเมื่อหลายวันก่อนแล้วแท้ๆ แต่ดันต้องมาเจอกับอาหารค่ำมื้อพิเศษของคุณนายกเทศมนตรี

     เอวาเจลีนหัวเราะ นึกขำอยู่เหมือนกันที่ไม่ได้เห็นกัปตันของเธอตื่นสายแบบนี้นานแล้ว ถึงแม้โดยปกติออสการ์จะตื่นนอนหลังเอวาอยู่แล้วก็ตาม

    ออสการ์ไม่ใช่คนชอบดื่มแอลกอฮอล์ แต่เมื่อบุคคลสำคัญของเมืองกำชับว่าเป็นของที่นำมาเพื่อเขาโดยเฉพาะ เขาจึงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องทำตามใจอีกฝ่าย

    “ได้รับอนุญาตแบบนี้แล้วคงไปเดินเที่ยวบนเกาะกันสนุกเลยสิ”

     “ส่วนใหญ่ออกไปกันหมดแล้วล่ะค่ะ มีแค่บางคนยังอยู่เฝ้าเรือ พีทเองก็ดูตื่นเต้นเหมือนกัน หกเดือนหลังจากที่ขึ้นเรือมาเขาคงได้เปิดหูเปิดตาไปเยอะเลย” เอวาจัดหมอนกับผ้าห่มให้เข้าที่เข้าทางอีกรอบ

    “หึหึ และจากนี้ไปก็ด้วย” ออสการ์เดินออกจากห้องน้ำแล้วไปเปิดตู้เสื้อผ้า

    ..

                    บนดาดฟ้าเรือดาร์กโฮป

                    “เหลืออีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้นฉันก็จะเป็นอิสระจากการทำโทษมหาโหดนี่ซะที!

                    ปีเตอร์ตะโกนเสียงดังก่อนจะเหวี่ยงไม้ถูพื้นลงไปในถังน้ำ ท่ามกลางแสงแดดร้อนระอุและเสียงหัวเราะเยาะแกมเอ็นดูของเหล่าลูกเรือ เขาถูกออสการ์สั่งทำโทษให้ทำความสะอาดดาดฟ้าเรือเป็นเวลา10วันเต็มๆก่อนจะเทียบท่าเกาะซีกัล และในตอนนี้ก็ผลจากการไปป่วนเรื่องที่โอเปโชนาโตก็กำลังจะจบลงแล้ว

                    “เลิกบ่นแล้วรับผิดชอบความเก่งของตัวเองให้เสร็จเร็วๆเถอะ แต่ถึงแม้จะต้องมายืนรอแกนานๆมันก็คุ้มแหะกับการได้เห็นความเท่าเทียมของกัปตัน” เบอร์แมนประชดก่อนนำบุหรี่ขึ้นมาจุดอีกมวน

                    “โธ่เอ้ย! พูดกันไปเหอะว่าฉันเป็นลูกรักออสการ์ เพราะว่ามันไม่ได้แตกต่างอะไรกับที่เขาปฏิบัติกับลูกเรือทุกคนเลย”ปีเตอร์บีบน้ำในไม้ถูพื้นออกให้แห้งพอหมาด “แกก็มาช่วยหน่อยกันหน่อยไม่ได้รึไง ฉันอยากออกไปเดินเล่นซื้อของกินแบบคนอื่นเขาเต็มแก่แล้วนะ”

                    “เอ้าๆ ตรงนี้เลอะแล้ว มาถูด้วย ตาหนู” เบอร์แมนเคาะเถ้าบุหรี่ให้หล่นลงพื้น

                    “อย่ามาทำเรียกฉันว่าตาหนูนะเฟร้ย ฉันให้เอวาเรียกได้คนเดียว” เด็กหนุ่มทำแก้มป่องก่อนจะรีบวิ่งเข้ามาถูตรงที่เลอะเถ้าบุหรี่อย่างจำยอม ในที่สุดเขาก็ทำหน้าที่เสร็จสักที

    ..

                    ตลาดใหญ่ของเกาะซีกัล

      “อ้า…..อ้ำ” ปีเตอร์นำเนื้อนกนางนวลย่างใส่ปาก

                    “เบอร์แมน ช่วยฉันด้วย ความอร่อยของอาหารท้องถิ่นกำลังจะทำให้ฉันบินได้เหมือนกับเหล่านกนางนวลขาวอวบบนผืนนภาดึงฉันไว้ ดึงฉันไว้ที” เขาดึงแขนรุ่นพี่ร่วมรุ่นแรงจนเหมือนจะเป็นการกระชาก ทำเอาชายหนุ่มที่กำลังกระดกเบียร์เข้าปากแทบจะสำลัก

                    “เลิกเล่นเป็นเด็กหกขวบสักทีน่า แกอยากจะบินไปไหนก็บินไปเลย ฉันจะกินเบียร์”

                    “แหมๆ ทำเก๊กไปได้ ตอนอยู่ที่เกาะเซนต์เปาโลฉันไม่เคยได้มากินของแปลกๆ หรือได้เห็นทิวทัศน์ใหม่ๆของโลกเลยนี่นา จะดีใจจนเกินไปบ้างก็ไม่เห็นแปลกนี่ จริงไหม?”เด็กหนุ่มหันมาหยิบเนื้อชิ้นสุดท้ายเข้าปาก ก่อนที่จะเดินไปในบาร์เหล้าแห่งหนึ่งที่อยู่ท้ายตลาดใหญ่

                    เกาะซีกัลนี้ถึงแม้จะไม่ได้มีขนาดที่ใหญ่โตมาก แต่นับว่าเป็นจุดพักเรือยอดนิยมของเหล่านักเดินเรือ นักท่องเที่ยวหรือแม้แต่โจรสลัด เหตุเพราะเป็นอีกหนึ่งในเกาะที่ปกครองตนเองโดยปราศจากการคุกคามของจักรวรรดิ ทั้งยังมีเหล่านกนางนวลชุกชุมมากในทุกฤดูกาลจนเป็นสัญลักษณ์ของเกาะนี้เลยทีเดียว

                    ภายในบาร์เหล้าแห่งนั้นมีโต๊ะประมาณ100ตัว ซึ่งเต็มไปด้วยโจรสลัดอีกพวกหนึ่งนั่งอยู่ก่อนแล้ว พวกเขาจ้องมองมายังเด็กหนุ่มผมสีโกโก้อย่างไม่เป็นมิตร แต่เบอร์แมนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรนัก เพราะพรรคพวกของกลุ่มดาร์กโฮปเองก็ยังนั่งอยู่ในบาร์นั้นด้วย ถึงแม้จะมีกันแค่3คนก็เถอนะ ถ้าจะต้องมีเรื่องกันเพียงเพราะมาเขม่นเด็กชายวัยละอ่อนอย่างพีทล่ะก็ นับว่าเจ้าพวกนั้นมันเป็นโจรสลัดงี่เง่าที่สุดขนานแท้

                    “ขอเบียร์สองกระป๋องครับ”เบอร์แมนหันไปสั่งกับพนักงานหญิงที่ยืนอยู่ตรงบาร์

                    “ไงพวก! ถูดาดฟ้าเรือเสร็จแล้วหรอไงถึงได้ลอยชายมาถึงนี้” ฟ๊อกซ์เปิดประเด็นสนทนาล้อเลียนปีเตอร์ ก่อนที่พวกเขาจะหัวเราะเสียงดัง

                    “ถ้าไม่เสร็จก็ไม่มาหรอกน่า เงียบไปเลย!”ปีเตอร์หัวเราะ ก่อนหันไปรับเบียร์จากพนักงานหญิง

                    “ไม่ต้องคิดมากแล้วนะดรากอน ความชั่วร้ายที่เจ้าแสบนี่ทำไว้ ยังไงซะกัปตันผู้ผดุงความยุติธรรมก็พร้อมจะทำโทษเขาให้หลาบจำอยู่แล้ว ต่อให้จะรักพีทมากแค่ไหน เขาก็ไม่ใช่คนที่จะมาปล่อยปะละเลยกับความผิดของลูกเรือคนพิเศษหรอก” กอร์ดอนตบบ่าของหนุ่มร่างยักษ์ลูกเรือหน้าใหม่

                    “ผมไม่คิดมากแล้วล่ะครับ อันที่จริงผมนับถือในความกล้าหาญของคุณปีเตอร์จริงๆ สมแล้วคุณกัปตันเป็นผู้ชุบเลี้ยงเขามา” ดรากอนโค้งให้กับพีท จริงๆแล้วถึงแม้เขาจะเป็นผู้กล้าคนหนึ่งของเผ่า แต่เขาก็นับถือในความกล้าหาญของเด็กหนุ่มที่พร้อมจะต่อสู้กับคนที่หลบหลู่เกียรติยศของนายตน

                    “ฮ่าๆๆๆๆ มาใหม่ๆนะ นอกจากพีทแล้วทุกคนก็มีท่าทีเหมือนนายกันหมดเลยนะดรากอน ไม่เห็นต้องทำท่าทีสุภาพอะไรกันขนาดนั้นเลย มีลูกเรืออีกนับร้อยที่รอนายไปทำความรู้จักอยู่ รีบมาสนิทกันให้ไวๆดีกว่าพวก” จิ้งจอกคนเดิมหัวเราะ

                   “แล้วเป้าหมายต่อไป พวกนายว่ากัปตันจะสเด็จไปที่ไหนล่ะ เห็นทรงพระบ่นว่าคิดถึงเสด็จแม่เหลือเกิน หวังว่าคงไม่สติแตกอยากกลับไปทันทีเลยหรอกนะ”กอร์ดอนพูดขึ้น ชายหนุ่มคนนี้เป็นคนที่อายุมากที่สุดในกลุ่ม เขาเป็นคนตรงไปตรงมาและขี้ประชดประชัน

                    “แค่จอดเรือวันแรกก็มีคนใหญ่คนโตเรียกไปกินมื้อค่ำ พวกโจรสลัดผู้ดีนี่มันสบายจริงจริ๊ง ถุ้ย!” น้ำเสียงเย้ยหยันของโจรสลัดจากโต๊ะข้างๆดังขึ้น เจ้าตัวไม่พูดเปล่าแต่ถมน้ำลายลงพื้นเสียด้วย

                    ผู้คนเกือบครึ่งโลกต่างรู้จักโจรสลัดดาร์กโฮปจากชื่อเสียงอันโด่งดังเกี่ยวกับตัวกัปตันที่สะสมเป็นเวลาถึงสิบปีเต็ม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเลือดเนื้อเชื้อไขและชะตาชีวิตอันน่าทึ่งของ เจ้าชายออสการ์ ลอยด์ การรวบรวมคนมากฝีมือจากทั่วทุกสารทิศไว้บนเรือลำนี้ รวมไปถึงเรื่องดีๆที่เหล่าโจรสลัดดาร์กโฮปทำราวกับจะให้คนเข้าใจว่าเป็นจอมโจรคุณธรรม และด้วยวีรกรรมอันมากมายนั้นอาจพูดได้เต็มปากเลยว่าจักรวรรดิและโจรสลัดหลายกลุ่มนั้นเกลียดชังกลุ่มดาร์กโฮปยิ่งนัก

                    “เหอะ! เหม็นกลิ่นบุหรี่แพงๆของลูกน้องโจรสลัดราชวงศ์นี่จริงโว้ย!

                    “เกิดมาเป็นคนมีเงินนี้มันใช้ชีวิตยากจริงๆ มีบุหรี่แพงๆให้สูบแล้วยังโดนพวกลูกกระจอกแบบนี้มาแขวะเอาจนได้ ไอ้เราก็ดันตกหลุมรักเจ้าชายโจรสลัดผมแดงคนนี้เข้าเต็มเปาไปแล้ว เห็นที่จะเลิกใช้ชีวิตหรูหรายากว่ะ ว่าไหมพวก”เสียงเหน็บแนมจากโจรสลัดโต๊ะข้างๆทำให้กอร์ดอนรู้สึกโมโหจนต้องพูดจาเอาคืน น้ำเสียงประชดประชันที่โต้ตอบไปนั้นส่งผลกระทบแทบจะในทันที โจรสลัดกล้ามล่ำหนึ่งในกลุ่มนั้นพุ่งเข้ามายกโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่แล้วซัดลงไปกองกับพื้น เขามองไปยังกอร์ดอนอย่างประสงค์ร้าย

                    “แกว่าใครกระจอกวะไอ้ลูกหมา! ไม่เห็นหรือไงว่ากัปตันของข้านั่งอยู่นั่น แกกล้าดียังไงมาทำกร่างแถวนี้”

    กลุ่มดาร์กโฮปลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว กอร์ดอนสวนกลับด้วยดาบปลายแหลมเข้าที่หน้าของลูกน้องโจรสลัดอารมณ์ร้อนคนนั้นแล้วถีบจนกระเด็นไปกระแทกโต๊ะกลางร้าน ท่ามกลางความตกตะลึงของคนทุกคนและเสียงกรีดร้องของสาวเสริฟ กอร์ดอนใช้ลิ้นเลียไปที่ปลายดาบราวกับจะลองชิมเลือดของศัตรู ทำเอาพรรคพวกที่ยืนดูอยู่พลอยขนลุกไปด้วย

    “เหลูกน้องออสการ์คนนี้นี่ป่าเถื่อนซะจริง เจ้าชายผู้อาภัพของแกไม่ได้สอนมารยาทที่ถูกที่ควรเวลาเผชิญหน้ากับผู้ที่แข็งแกร่งกว่ารึยังไง” กลุ่มดาร์กโฮปมองไปยังต้นเสียง ชายผมยาวสีน้ำตาลท่าทียะโสคนหนึ่งมองมายังพวกเขา เครื่องแต่งกายที่เป็นสีน้ำตาลไล่โทนดูหรูหรากว่าคนอื่นและหมวกติดขนนกใบโตในมือทำให้รู้ได้ทันทีเลยว่าเขาเป็นกัปตันที่เจ้ากล้ามล่ำนั่นพูดถึง

    “เพราะคิดว่าตัวเองแข็งแกร่งกว่าเลยจะมาพูดจายั่วยุอารมณ์ใครก็ได้รึไง คุณกัปตัน”

    “วิธีการแบบนี้มีแต่พวกอ่อนหัดใช้กันทั้งนั้นแหละ สมกับที่เป็นโจรสลัดกระจอกไร้ชื่อจริงๆ”ปีเตอร์และเบอร์แมนพูดขึ้น ถึงแม้จะพึ่งก่อเรื่องไปก็ตาม แต่เวลาแบบนี้ไม่ว่าอย่างไรก็จำเป็นต้องสู้แล้วล่ะ

    กัปตันเซทธ์มองมายังปีเตอร์และเบอร์แมนอย่างพินิจพิเคราะห์ เด็กหนุ่มที่ดูโตกว่านั้นมีผมสีส้มเข้ม นัยน์ตาสีฟ้าฉายแววเย็นชา ดูเอาเรื่อง เขามีคิ้วเข้มหนาสีดำตัดกับสีผม แบกปืนรูปทรงประหลาด ปลายแหลมเหมือนปากฉลามไว้ด้านหลัง

    “ถึงจะเป็นหนึ่งในลูกเรือมีชื่อเสียงที่คนเขารู้จักกันทั่ว แต่บอกไว้เลยนะว่าพวกแกกับฉันมันคนละชั้นกัน” กัปตันเซทธ์ผายมือออก เขามองไปยังกลุ่มดาร์กโฮปอย่างหยามเหยียด

    “ฉันไม่สนว่าแกจะเป็นใคร มาจากไหน หรืออยู่ชั้นอะไร สิ่งเดียวที่ฉันจะทำตอนนี้มีแค่จะอัดพวกที่เข้ามาหาเรื่องให้เละเป็นชิ้นๆแล้วเอาไปโยนให้นกนางนวลที่บินว่อนข้างนอกกิน” กอร์ดอนไม่พูดเปล่า เขาพุ่งร่างกายเข้าไปหาศัตรู เซทธ์ตวัดดาบขึ้นมากันไว้ได้ทันท่วงที เสียงประดาบที่ดังไปทั่วร้านถูกกลบด้วยเสียงหัวเราะเย้ยหยันของเซทธ์

    “ฮ่ะๆๆๆ แกคิดว่าตัวเองเป็นใครล่ะที่จะมาต่อกรกับฉันผู้นี้ ฉันคือกัปตันเซทธ์ อดีตพ่อค้าทาสผู้ตามล่าหัวโจรสลัดไปทั่วเจ็ดคาบสมุทร วันนี้จะเป็นวันตายของแก ไอ้พวกโง่! ฆ่าพวกที่ยืนอยู่นั่นให้หมด อย่าให้พวกมันรอดแม้แต่คนเดียว”สิ้นคำสั่ง ลูกน้องของเซทธ์ก็วิ่งกรูเข้ามาหมายจะทำร้ายพวกปีเตอร์ที่ยืนอยู่ แต่ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ดรากอนก็จับโจรสลัดสองคนทุ่มลงกับพื้นไม้จนแตกกระจาย ฟ๊อกซ์กับเบอร์แมนก็ต่อสู้เอาชนะลูกเรือโจรสลัดกลุ่มของเซทธ์ที่วิ่งเข้าใส่ได้อย่างไม่ยากเย็น

    “กลุ่มดาร์กโฮปของพวกเราล้วนแต่เป็นคนมีฝีมือ เห็นทีพวกแกจะชนะยากนะเซทธ์”กอร์ดอนฉวยโอกาสที่เซทธ์กำลังเผลอสวนดาบเข้าไปหมายจะแทงกลางอก แต่ทันใดนั้นสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น กัปตันเซทธ์นำร่างของลูกน้องที่โดนซัดลงไปกองกับพื้นมาเป็นโล่กำบังคมดาบนั้นแทน!

    ท่ามกลางความสับสนชุลมุนนั้น เซทธ์เหวี่ยงตัวลูกน้องออกไปแล้วถีบเข้าที่กลางอกของกอร์ดอนจนกระเด็นกลับไปหากลุ่มดาร์กโฮป

    “เล่นสกปรกนี่เซทธ์ แกมันเลวขนานแท้ เอาลูกน้องที่บาดเจ็บมาเป็นโล่กำบัง”

    “แล้วเจ้าชายออสการ์นายแกมันเทวดานักหรือไง ถึงได้มีลูกน้องชายหญิงล้อมหน้าล้อมหลัง แถมเจ้าผมขิงนั่นยังใช้หน้าหล่อๆกับท่าทีเป็นพ่อพระหลอกล่อให้สตรีโฉมงามแห่งยุคมาเป็นเครื่องมือไต่เต้าไปสู่บังลังก์กษัตริย์เสียด้วย ช่างเป็นชายที่ไม่มีความละอายแก่ใจเลยจริงๆ”

    “หุบปากเน่าๆของแกไปซะไอ้นรกเอ้ย!” ปีเตอร์พุ่งเข้าใส่เซทธ์อย่างไม่คิดชีวิต

    “พีท กลับมาเดี๋ยวนี้นะ คนที่กอร์ดอนเอาชนะไม่ได้แล้วแกจะไปเอาชนะได้ยังไง!

    “คุณปีเตอร์ อย่าไปฟังคำยั่วยุของมันนะครับ”

    เด็กหนุ่มตวัดดาบเข้าใส่เซทธ์ผู้ซึ่งรับคมดาบไว้ได้อย่างไร้ที่ติ เขาฟันสวนเข้ามาที่คอของปีเตอร์แทบจะในทันที ความว่องไวและเพลงดาบที่ชำนาญกว่าของเซทธ์เกือบทำให้ปีเตอร์พลาดท่า เด็กหนุ่มหลบได้อย่างหวุดหวิดแต่ด้วยการเคลื่อนไหวที่ผิดธรรมชาติเพราะหลบคมดาบนั้นกลับทำให้เขาเสียหลักในการทรงตัวยืนจนเกือบล้ม ไม่รอช้า เซทธ์แทงดาบเข้าไปในโกร่งดาบของปีเตอร์แล้วตวัดขึ้นจนดาบพุ่งขึ้นไปเสียบอยู่บนเพดาน เด็กหนุ่มพยายามทรงตัวแต่ไม่เป็นผล ร่างกายที่ถูกเตะซ้ำเข้าที่ชายโครงนั่นล้มลง ก่อนจะถูกฝ่าเท้าของศัตรูเหยียบไปที่ศีรษะ

    “พีท!!

    “ปล่อยเท้าแกออกจากพีทซะ ก่อนที่ฉันจะจะยิงแกด้วยไอ้นี่!” ความอดทนของเบอร์แมนถึงจุดสิ้นสุด เขาหันลำปืนคอบร้า แอชไปยังศัตรู แต่ดูเหมือนคำขู่ของเขาจะไม่ได้ผล

    “อย่ามาขู่ฉันหน่อยเลยพ่อหนุ่มผมส้ม! ฉันรู้ว่าแกไม่กล้ายิงแน่ ปืนปากฉลามนั่นน่ะคงให้ผลไม่ต่างกับปืนบาซูก้า ถ้าแกยิงมาล่ะก็ แกคงรู้นะว่าไอ้เด็กอวดดีนี่จะเป็นยังไง

    “ไปตามนายแกมาซะ ฉันอยากเห็นหน้าเจ้าชายน้อยผู้อาภัพนั่นตอนที่เห็นว่าความภักดีของลูกน้องมากองอยู่ที่ปลายเท้าฉัน” เซทธ์บดเท้าลงไปที่หน้าของปีเตอร์จนเด็กหนุ่มต้องยกมือขึ้นมากัน

    พลั่ก! ปัง!

    เสียงประตูไม้ที่เป็นทางเข้าของบาร์กระจายออกเป็นช่องใหญ่ๆ พร้อมกับเสียงปืนที่ถูกยิงเข้ามาที่ร่างของเซทธ์ เขากระโดดหลบก่อนที่จะหันกลับไปมอง

    ชายผมสีขิงคนนั้น!!…

                  “ออสการ์” ปีเตอร์ยิ้มออกทันทีเมื่อเห็นกัปตันของเขายืนอยู่หน้าประตูนั่น

                  “ยืนนิ่งกันอยู่ทำไมล่ะพวกนายน่ะรีบพาคนเจ็บกลับไปที่เรือสิ!” รองกัปตันออกคำสั่งเสียงสั่น ก่อนจะลดปืนพกลง เธอตกใจไม่น้อยที่เห็นพีทลงไปนอนกับพื้นในสภาพบอบช้ำ ดรากอนและฟ๊อกซ์รีบแบกกอร์ดอนกับปีเตอร์ออกไปจากบาร์ เหลือเพียงแค่เบอร์แมนเดินเข้ามายืนข้างออสการ์

                    “เอวา ถอยออกไปซะ ทั้งหมดนี้ฉันจะจัดการเอง” กัปตันออสการ์ไม่หุบยิ้มบนใบหน้า รองกัปตันหญิงรับคำ ก่อนหันไปสั่งคนของกลุ่มทุกคนให้ถอยไป

                    “ฮ่าๆๆๆๆ เจ้าชายอวดดีนักนะ จะจัดการคนเดียวเลยหรอไง มีสุนัขรับใช้คนไหนวิ่งไปบอกล่ะ ถึงได้มารวดเร็วทันใจแบบนี้” เซทธ์ยังคงหัวเราะ

                    “สาวเสริฟที่แกมาพังร้านเขานี่แหละ เธอวิ่งมาเจอฉันที่ตลาดพอดี ว่าแต่แกเถอะอยากเจอฉันนักไม่ใช่หรือ? ” ออสการ์ชักดาบขึ้นมาก่อนจะพุ่งเข้าใส่ศัตรูอย่างรวดเร็ว เพลงดาบที่เหนือชั้นของเขาทำให้เซทธ์เริ่มหัวเราะไม่ออก

                    “ฉันอยากจะเห็นตัวจริงของเจ้าชายหน้าโง่ที่ไปเป็นหมารับใช้ของคนที่ฆ่าพ่อตัวเองอยู่ตั้งหลายปีไงเล่า จะได้เก็บมันอีกหนึ่งศพแล้วเอาไปขึ้นเงินรางวัล 10,000,000 ธองค์” สิ้นเสียงของเซทธ์ เขาก็ออกแรงดันดาบลงไปที่ขาของออสการ์ แต่ชายผมแดงก็ตวัดดาบไปรับไว้ได้ทัน ท่ามกลางการต่อสู้ตัวต่ออันน่าหวาดเสียวของกัปตันทั้งสอง ลูกน้องของเซทธ์ก็แห่กันเข้าไปตะลุมบอนกับกลุ่มดาร์กโฮปโดยไม่ต้องรอให้กัปตันสั่ง

                    “พวกเรา! จัดการพวกมันเลย ตามไปฆ่าพวกที่อยู่บนเรือให้สิ้นซากด้วย”

                    “แค่กัปตันแกทำคนเจ็บไปสองคนน่ะอย่าได้ใจไปนักเลย ลูกเรือของเราน่ะมีแต่คนที่ออสการ์เลือกมาแล้วทั้งนั้น แม้แต่คนทำครัวน่ะก็ยังยิงปืนแม่น!” เอวาเจลีนนำหน้าเหล่าลูกเรือ ถึงจะเป็นคนทำหน้าที่วางแผนประจำเรือ แต่เธอก็พกปืนคู่ติดตัวไว้เสมอ

     

    ..

                    “ย้าห์!!

                    เคร้ง!

                    หลังจากประดาบกันไปหลายเพลง ด้วยฝีมือที่เหนือกว่าของออสการ์ เซทธ์เริ่มจะหมดแรง เขาวิ่งไปทางประตูด้านหลังของบาร์ ออสการ์ฉุกคิดเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจตามไป คาเมโลนักรบอาวุโส รีบนำลูกเรือบางส่วนวิ่งไปกับออสการ์ด้วย

                    “มาดาม เราไม่อาจทราบว่าเจ้านั่นมันจะมีแผนอะไร ข้าจะตามไปคุ้มกันออสการ์เอง”

                    “ฝากทางนั้นด้วยนะคะ ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะมีฝีมือพอตัวเลย”เอวาพยักหน้ารับ

    ..

                    หลังร้านเป็นทางออกสู่เนินขนาดไม่กว้างมากนัก ออสการ์เดินอย่างระมัดระวังไปยังเนินที่ว่านั่น เซทธ์ที่หลบอยู่อีกฟากวิ่งเข้ามาหาเขาในทันที ทั้งสองกัปตันต่างจ้องมองไปยังอีกฝ่าย และตั้งท่าพร้อมเตรียมจะเข้าสู้

                    “อันที่จริงแล้ว ต่อให้แกจะด่าว่าฉันหรือแม้แต่เอาเรื่องชาติกำเนิดของฉันมาเหยียบย่ำ ฉันก็ไม่สนใจ แต่สิ่งที่ฉันยอมไม่ได้ คือการที่แกมาทำร้ายลูกน้องของฉัน” ออสการ์จ้องเซทธ์ตาไม่กระพริบ

                    “ทำเป็นรักลูกน้องไปเถอะเจ้าชาย ฉันอยากจะพบตัวจริงของแกมานานแล้ว จงเรียนรู้ไว้ซะเถอะนะว่าการมีลูกน้องที่จงรักภักดีนั้นก็เหมือนดาบสอบคมได้ในบางทีเจ้าเด็กน้อยพวกนั้นมันทนไม่ได้ที่ฉันด่าแก มันถึงได้กล้าสู้กับคนที่มีพลังเหนือกว่ามันอย่างกัปตันเซทธ์คนนี้” เพลงดาบอันเร่าร้อนปะทุขึ้นอีกครั้ง คาเมโลกับพรรคพวกที่มาถึงยืนดูการต่อสู้ตัวต่อตัวของกัปตันอยู่ที่ประตูหลังร้าน เมื่อเห็นว่ากัปตันของเขายังสู้กับศัตรูแบบตัวต่อตัวอยู่ พวกเขาก็ไม่เข้าไปขัดขวาง

                    “ทั้งๆที่ไม่มีเรื่องบาดหมางกันมาก่อน แต่แกดันเข้ามาทำร้ายกอร์ดอน” ออสการ์หลบคมดาบ “และปีเตอร์ด้วย

                    “ฉันมีคำถามอยากจะถามแกก่อนแกตายอยู่คำหนึ่งเจ้าชาย ทั้งๆที่บอกว่ารักลูกน้องมาก แต่ทำไมตอนที่เห็นพวกมันบาดเจ็บ แกถึงยังยิ้มอยู่ได้”

                    “ฉันมีคติบางอย่างที่ยึดถืออยู่น่ะสิไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์เลวร้ายเพียงใด คนเป็นผู้นำคนน่ะ...” ออสการ์ตอบ

                    “ต้องยิ้มแย้มอยู่เสมอ”

    ..

                    ค่ำคืนหนึ่งในฤดูร้อนปีxxxx ของจักรวรรดิบรีททีชเช่

                    เป็นเวลา5เดือนแล้วหลังจากที่พระราชินีแมรี่เจนทรงครรภ์ กำหนดคลอดคืออีกสี่เดือนข้างหน้า โดยทั่วไปแล้วเวลานี้อาจจะเป็นเวลาพักผ่อน แต่ไม่ใช่สำหรับจักรวรรดิ

    ในเวลานี้จักรวรรดิเต็มไปด้วยภาวะแห่งสงครามกลางเมือง ผู้คนที่เป็นฝ่ายของออกัสตินผู้เป็นอุปราชได้ใช้กองกำลังทหารเข้าต่อสู้กับออสตินผู้เป็นราชาองค์ปัจจุบัน ซึ่งหากจะพูดให้เห็นภาพง่ายๆนั้นคือเป็นการก่อกบฏ เวลานี้ท้องฟ้าของกรุงจักรวรรดิแดงชานด้วยเปลวไฟที่โหมกระหน่ำไปทั่วทุกสารทิศราวกับเป็นเวลากลางวัน

    ในห้องบรรทมของราชินี แมรี่เจนไม่มีความรู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย เธอกำลังเก็บข้าวของที่สำคัญที่พอจะติดตัวได้ลงไปในห่อผ้า ต่อให้จะพูดว่าองค์ราชาออสตินกับออกัสตินเป็นพี่น้องที่ใคร่กลมเกลียวกันมาตั้งแต่ไหนแต่ไรก็เถอะ แต่สิ่งที่เป็นแรงจูงใจในการชิงบัลลังก์ครั้งนี้น่ะ

    มันมาจากความอิจฉาริษยาและความโลภทั้งนั้น!!

    “ราชินีแมรี่เจน! เราต้องรีบออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้เลยขอรับ การเจรจาล้มเหลวแล้ว ท่านอุปราชยื่นเงื่อนไขที่องค์ราชามิอาจทำได้ นอกจากจะต้องสละราชบัลลังก์แล้วเขาต้องการให้เราสังหารทารกน้อยในพระครรภ์ของท่านด้วย!” ราชครูวินเซนต์วิ่งเข้ามาในห้องบรรทมอย่างรีบร้อน ถึงแม้จะเป็นสถานที่ต้องห้ามอย่างเด็ดขาด แต่ในเวลาฉุกเฉินแบบนี้ความปลอดภัยของพระราชินี(หรืออันที่จริงคือราชบุตรในครรภ์)นั้นสำคัญที่สุด

    “อะไรกันวินเซนต์ ออกัสตินบ้าไปแล้วรึไง องค์ราชายอมให้มงกุฎกับเขาไปแล้ว แล้วจะมาขอให้สังหารลูกข้าทำไมกันอีก”ราชินี่วิ่งลงตามบันไดปราสาทพร้อมกับห่อผ้า

    “เขาเกรงว่าหากทารกในครรภ์เติบโตขึ้นมาแล้วจะรวมพรรคพวกมาแย่งชิงบัลลังก์ไปจากเขาอีกรอบ เขาปล่อยให้ราชากับราชินีและผู้ภักดีทั้งหลายอยู่รอดต่อไปได้ แต่เขาไม่อาจปล่อยให้ลูกเสือลูกตะเข้กลับมาแว้งกัดเขาได้อีก”

    บริเวณลานกว้างหลังปราสาท องค์ราชาออสตินกำลังยืนรอราชินีของเขาอยู่ เมื่อเห็นแมรี่เจนวิ่งเข้ามา เขาเข้าไปสวมกอดเธออย่างโล่งอก

    “อย่าทำหน้าเศร้าแบบนั้นเลยเอ็มเจ สหายข้าทุกคนเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว เจ้าจะหนีปะปนไปกับพวกชาวเมืองบางส่วนที่ไม่อยากอยู่ใต้อำนาจของออกัสติน” ผู้เป็นราชาลูบผมของราชินี เขายิ้มให้เธออย่างอบอุ่น “ข้าเองก็ไม่นึกเลยว่า ออกัสตินจะเกลียดข้าถึงขนาดนี้ ความรู้สึกที่เขามีต่อข้ามาตลอดชีวิตเปิดเผยออกมาในวันนี้แล้ว ลึกๆแล้วลำพังตัวเขาเองอาจจะไม่กล้าพอที่จะทำเรื่องแบบนี้เลย ข้าคิดว่าเขาอาจจะได้แรงจูงใจมาจากแรงยุของเจ้าหมอผีตาปูดโปนนั่น”

    แมรี่เจนจ้องมองไปยังชายที่เธอรัก แม้แต่ช่วงเวลาที่โหดร้ายที่สุดของชีวิตเขาก็ยังคงมีมุกตลกและรอยยิ้มอันอบอุ่นให้แก่คนรอบข้าง หากแต่ว่าบุคลิกเป็นกันเองแบบนี้ก็ถูกพวกกบฏนั่นนำมาเป็นหนึ่งในเหตุผลที่บังคับให้เขาสละราชบัลลังก์ด้วยองค์ราชาทรงยิ้มแย้มกับคนทุกผู้ และความขี้เล่นเช่นนั้นดูไม่เหมาะจะเป็นผู้นำเอาเสียเลย

    “ก่อนที่เจ้าจะไป ข้าขอพูดกับลูกข้าเสียหน่อย เป็นไปได้ว่าข้าอาจจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้ว”

    “เอ๋ ทำไมกันล่ะคะ ฝ่าบาทจะ

    “ข้าจะเป็นนกต่ออยู่ที่นี่เอ็มเจ ข้าไม่อยากทิ้งบ้านที่พ่อข้าฝากฝังไว้ให้ดูแล ไหนจะประชาชนมากมายที่เชื่อมั่นในตัวข้า ข้าทิ้งพวกเขาไม่ลงหรอก” ผู้เป็นราชินีน้ำตาไหล นึกไม่ถึงเลยว่าลูกที่เกิดมาจะต้องพบกับโชคชะตาอันโหดร้ายเช่นนี้ เขาอาจจะไม่ได้เห็นหน้าพ่อของเขาด้วยซ้ำ

    “ฟังพ่อไว้ให้ดีลูกรัก พ่อคนนี้อาจจะโง่ไปสักหน่อยที่ทำให้เจ้าจะต้องเป็นเด็กกำพร้าตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลก พ่อเสียใจจริงๆ แต่จากนี้พ่อขอให้เจ้าเป็นเด็กที่ชาญฉลาด เข้มแข็ง และรู้จักเอาตัวรอดบนโลกอันโหดร้ายนี้ให้ได้ ที่สำคัญเจ้าต้องรักและดูแลแม่ของเจ้าแทนพ่อ พ่อรักแม่ของเจ้ามากนะ แล้วพ่อก็รักเจ้ามากด้วยเช่นกัน ออสการ์

    ออสการ์งั้นหรอ

    “ถ้าเป็นผู้ชาย จงตั้งชื่อเขาว่าออสการ์ ออสการ์ที่แปลว่าทหารของพระเจ้า หรือหอกศักดิ์สิทธิ์ แต่สำหรับเด็กผู้หญิง เจ้าจะตั้งอะไรก็ได้ ตอนนี้ข้านึกออกแค่นี้ล่ะ ข้าชอบชื่อนี้”ออสตินหัวเราะเบาๆหลังจากกระซิบลงข้างหูของหญิงคนรัก

    “องค์ราชา! ท่านอุปราชมาทีนี้แล้ว” สิ้นเสียงของทหารนายหนึ่ง แมรี่เจนรีบวิ่งออกไปอีกทางโดยมีนายทหารผู้ภักดีอีกราวๆ5-6คนเป็นผู้คุ้มครอง เธอปีนขึ้นไปบนกำแพงวังเพื่อออกสู่ป่าด้านนอกไปยังรถม้าไม่มีหลังคาที่เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้จำเป็นอื่นๆที่ถูกขนลงมาก่อนหน้านี้

    รถม้าแล่นออกจากจักรวรรดิแทบจะทันที จุดหมายปลายทางที่พวกทหารคนอื่นๆนัดกับราชครูวินเซนต์ ไว้ก่อนพวกเขาจะแยกย้ายคือท่าเรือที่ทะเลแดงในอีกสามวันข้างหน้า ชายเคราสีน้ำตาลแดงผู้ภักดีขึ้นมาบังคับม้าโดยที่ไม่พูดอะไร แมรี่เจนผู้น่าสงสารเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มก่อนจะเริ่มนำผ้าคลุมมาปิดบังใบหน้า จู่ๆสมุดเล่มเล็กเล่มหนึ่งก็หล่นลงจากถุงสัมภาระมาอยู่ที่ตักของเธอ มันเขียนเป็นลายมือของออสติสบนหน้าปกว่า “บันทึกของฉันแด่ออสการ์และเอ็มเจ”

    น้ำตาเอ่อขึ้นมาบนดวงตาของเธออีกครั้ง

    To be continued

    ตอนที่หนึ่งเป็นไงบ้างคะ คนอ่านต้องคิดแน่เลยว่า
    เห้ย ทำไมตัวละครมันยัวเยี้ยเยอะแยะแบบนี้ ไหนจะปมของเรื่องอีก 
    อยู่ดีๆก็ใส่เข้ามาไว้ตอนนี้ซะงั้น 5555
    >.</

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×