คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : hate you - 1
couple krisyeol
‘ ไอแว่น มองหน้าทำไม หาเรื่องหรือไงฮะ!! ’
‘ มองอะไรนักหนา วอนตีนหรอมึง!!!!!! ’
‘ เห็นหน้ามึงกูก็คันตีนแบบชิบหายเลยว่ะไอ้แว่น!! ’
‘ ทำมาเป็นมองเดี๊ยวกูยันหน้าด้วยตีน ‘
‘ หมั่นไส้ กูเกลียดมึงจริงเลยไอแว่น ไอเอ๋อ ไอปาร์ค ชานยอล!! ’
.
.
.
ตุ้บ!!
“ไอ้เชี่ยคริส... แกล้งแรงไปหรือเปล่ามึง”
ตาเรียวเหมือนลูกกวางของคนตัวบาง หันไปมองกระเป๋าเป้ใบโตที่ไม่รู้ว่าหอบอะไรมากันนักกันหนา ถูกโยนลงบ่อน้ำหลังโรงเรียนลอยเคว้งคว้างอยู่กลางน้ำโดยฝีมือคนตัวสูงที่กำลังยิ้มสะใจไม่สนใจเสียงเรียกของเพื่อนสนิทหรือแม้แต่เสียงห้ามปนสะอึกสะอื้นของร่างสูงโปร่งที่กำลังยืนขอบตาแดงกล่ำพร้อมกับน้ำใสๆที่คลอหน่วยอยู่ที่ตากลมภายใต้แว่นกรอบหนาเตอะ
“ไอเอ๋อนี่มันกวนตีนกูก่อน” พูดหน้าตาเฉยพร้อมกับยักไหล่อย่างไม่หยี่ระ ไม่สนใจกับเสียงถอนหายใจของเพื่อนสนิทหรือแม้แต่เสียงสะอื้นของร่างผอมแห้งที่พยายามใช้ไม้เขี่ยกระเป๋าของตัวเองที่กำลังลอยอยู่กลางน้ำ “ดูมึงดู ขนาดนี้ยังโง่... แทนที่จะกระโดดลงไปเอา เสือกใช้ไม้เขี่ย เมื่อไหร่จะได้วะ... กูอยากจะหัวเราะ หมั่นไส้!”
เสี่ยว ลู่หานถอนหายใจเสียงดังแล้วส่ายหน้า นึกสงสารเด็กหนุ่มผู้โชคร้ายคนนี้ ที่อยู่ดีๆดันไปทำให้คริส อู๋ คุณชายนิสัยเสียรู้สึกไม่ถูกชะตาเข้า เค้าก็ไม่เข้าใจเหมือนกันนะว่าเด็กคนนี้ทำอะไรให้ทำไมไอเพื่อนรักตัวสูงของเค้าถึงได้เกลียดนักเกลียดหนา ดูดีๆแล้วถ้าไม่ติดว่ามีแว่นตาหนาเตอะที่เค้าเห็นยังอึ้งนะเด็กคนนี้ก็น่ารักอยู่พอควร หน้าตาใสซื่อไม่มีพิษมีภัย นิสัยขี้อาย(เกินความจำเป็น) และอีกมากมายที่เค้าสังเกตุดูๆมาแล้ว เด็กคนนี้ก็ไม่มีอะไรให้เกลียดให้หมั่นไส้เลยซักอย่าง แล้วเพื่อนเค้ามันเป็นบ้าอะไร ?
“กูไม่เห็นว่าน้องชานยอลเค้าจะกวนตีนมึงตอนไหนเลยนะ... บอกกูที กูง๊งงง”
“ก็กูเกลียดมัน”
“ทำไมถึงเกลียด”
“กูไม่รู้ กูหมั่นไส้ หน้าตาน่าหมั่นไส้ กูไม่ชอบ กูเกลียดมัน”
พี่เสี่ยวรู้สึกว่าอยากจะทึ้งหัวตัวเองสักร้อยรอบ... ไม่รู้นะว่าตอนเริ่มคบมันเป็นเพื่อนนี่เค้าคิดอะไรอยู่ แม่่งโคตรไม่มีเหตุผลและเอาแต่ใจตัวเองแบบโคตรๆเลย นึกอยากจะเกลียดก็เกลียด นึกอยากจะทำอะไรก็ทำ มันบ้าหรือเปล่านะอยากจะถาม แต่ก็กลัวโดนลูกหลงไปอีกคนนึง ตัวไอคริสมันเล็กๆซะที่ไหน ตัวใหญ่อย่างกับยักษ์วัดแจ้ง
ตารีเล็กเหลือบไปมองเด็กตัวโตที่นั่งสะอึกสะอื้นอยู่ริมบ่อน้ำแล้วก็นึกสงสาร อยากจะเข้าไปช่วยแต่สังขารและส่วนสูงตัวเองก็ไม่ค่อยจะเพี่ยงพร้อมซักเท่าไหร่ บ่อน้ำหลังโรงเรียนเค้ามันตื้นๆซะที่ไหน ลึกอย่างกับอะไร ถ้าเค้าลงไปก็คงจะมิดหัวไปเอาอะไรไม่ได้หรอก แถมยังเจ็บขาเอามากๆเพราะพึ่งไปฟัดกับลูกบอลในสนามแล้วดันหกล้มมา ถึงอยากจะแมนขนาดไหนแต่ก็ต้องห่วงชีวิตของตัวเองเอาไว้ก่อนน่ะ
“มึงดู น้องเค้าร้องไห้...”
“ช่างมัน ไม่เกี่ยวกับกู”
“แต่อีสัส มึงโยนกระเป๋านอนเค้าลงไปในบ่อน้ำ แล้วนั่นมันตื้นๆซะที่ไหน”
“ก็... กูเกลียดมัน หมั่นไส้ เห็นหน้าแล้วเหม็นขี้หน้า”
อย่าให้กูสูงนะ กูจะอัดหน้ามึงให้... ลู่หานคิดในใจก่อนจะเดินฟึดฟัดออกไป เพราะทนเห็นภาพนี้ไม่ไหว ภาพเด็กตัวสูงโย่งๆนั่งร้องไห้เหมือนเด็กประถมโดนแกล้งนี่มันสะเทือนจิตคนขี้สงสารเสียเหลือเกินว่ะเฮ้ย... โดยมีคริสและเสียงหัวเราะสะใจตามหลังมา
“ระวังเหอะ... เค้าบอกเกลียดอะไรได้อย่างนั้นนะ ระวังเอาไว้ จะหลงรักไอเด็กแว่นชานยอลจนโงหัวไม่ขึ้น”
“ถุยว่ะเสี่ยวลู่ ถ้ากูรักแม่่งขึ้นมาจริงๆกูยอมแก้ผ้าวิ่งรอบหมู่บ้านเลยอ่ะ!!”
.
.
.
.
.
ปั๊ก!!
ร่างสูงโปร่งล้มพับไปที่พื้นพร้อมกับหนังสือเล่มหนาสองสามเล่มที่กอดเอาไว้ตกลงไปที่พื้นปูนพร้อมกับลูกบาสลูกโตที่ไม่สามารถรู้ได้ว่ามันมาจากทางไหน... แต่เพียงแค่ได้ยินเสียงทุ้มๆที่คุ้นหู กำลังหัวเราะสะใจกับเพื่อนฝูงของใครบางที่ดังขึ้นมา ไม่ต้องสงสัยให้เหนื่อย ก็พอจะทำให้รู้แล้วว่า... ไอเจ้าของลูกกลมๆที่โยนมานี่มันคือใครกัน...
เท้าที่ถูกห่อหุ้มด้วยรองเท้าผ้าใบสีราคาแพงที่เปรอะเปื้นคราบดิน เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า เสียงหัวเราะหึๆในลำคอทำเอาชานยอลไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปมอง มือเรียวกระชับแว่นตากรอบหนาของตัวเองให้เข้าที่ หยิบหนังสือที่ตกหล่นอยู่ที่พื้นขึ้นมากอดแนบอกด้วยท่าทางลุกลี้ลุกรน พยุงตัวเองให้ลุกขึ้นยืนจนเต็มความสูง โดยที่ใบหน้าของตัวเองยังคงก้มหงุด ทำเหมือนว่าบนพื้นนั่นมันมีอะไรดีน่าดูนักหนาแหละ
“เอาลูกบาสมา”
“...”
“กูบอกให้เอาลูกบาสมา”
ตากลมช้อนขึ้นไปมองคนตรงหน้าอย่างหวาดกลัว ก่อนจะหมุนตัวหันหลังกลับไปตั้งท่าจะเดินหนี แต่ก็ถูกมือแกร่งของอีกคนคว้าแขนเอาไว้ ออกแรงกระชากเพียงนิดหน่อยลำตัวบางของชานยอลก็ถูกดึงเข้ามาหาจนตัวชิดกันแทบจะไม่มีช่องว่างให้หายใจ
แก้มกลมใสขึ้นสีแดงระเรื่อ พยายามเบี่ยงตาหนีสายตาคมดุที่แฝงความขี้เล่นไปทางอื่น และริมฝีปากสีสวยที่อยู่ห่างแค่ไม่กี่เซน ลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดจมูกโด่งทำให้ใบหน้าหวานร้อนผ่าว พยายามใช้มือดันอกแกร่งที่เสื้อนักเรียนชุ่มไปด้วยผลจากการเล่นกีฬาของคนตรงหน้าให้ออกห่างแต่ก็สู้แรงไม่ได้
... ตึกตัก ตึกตัก ...
จะแกล้งอะไรกันอีกนะ...
ปาร์ค ชานยอลไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าตอนนี้เค้าหน้าแดงมากขนาดไหน ยิ่งลมหายใจอุ่นๆของคนตรงหน้าที่เป่ารดอยู่ตรงจมูกยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยๆสั่นหนักขึ้นไปอีก ริมฝีปากอิ่มเหยียดจนเป็นเส้นตรง พยายามอยู่เฉยๆให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่สายตาคู่คมที่มองจ้องมาทำเอาเค้าควบคุมสติเอาไว้แทบจะไม่อยู่
ชานยอลหลับตาพริ้ม ริมฝีปากอวบอิ่มเผยอราวกับรอคอยสัมผัสของอีกคนที่ตอนนี้ใบหน้าของทั้งคู่ห่างกันแค่ไม่เท่าไหร่ แก้มใสเห่อร้อนเป็นสีแดงยิ่งกว่าลูกมะเขือเทศสุก ยิ่งทำให้ใบหน้าน่ารักน่าชังภายใต้แว่นกรอบหนานั่นดูน่ารักมากขึ้นไปอีก
“ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”
แต่ก็คงไม่น่ารักสำหรับคนตัวสูงนี่ล่ะมั้ง...
“ไอเอ๋อ นี่มึงคิดวว่ากูจะจูบมึงหรือไง... กูเกลียดมึงจะตาย ตลกเป็นบ้าเลยโคตรเอ๋อ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆ”
ทั้งโกรธและอาย แต่ตอนนี้ความอายรู้สึกว่าจะมีมากกว่าความโกรธ ริมฝีปากเม้มแน่นจนมันเป็นสีขาวซีด ตากลมมองหน้าคนนิสัยไม่ดีสลับกับฝูงเพื่อนที่ยืนหัวเราะอยู่ด้านหลัง ก่อนจะวิ่งหนีไปให้พ้นจากตรงนี้เพราะเริ่มจะทนความอายไม่ไหวแล้ว
ให้ตายสิ!
คำก็เอ๋อ!
สองคำก็เกลียด!
นึกถึงจิตใจคนฟังบ้างหรือเปล่าน่ะ!
คริสหัวเราะเสียงดังลั่นจนฟันโผล่ โดยมีลู่หานนั่งส่ายหน้าอยู่บนเก้าอี้ไม่ใกล้ไม่ไกล ตาคมมองตามเด็กเอ๋อตัวบางที่วิ่งหายออกแล้วแล้วหัวเราะกับท่าทางเขินอายและท่าทางป้ำๆเป๋อๆเอ๋อๆแบบนั้น ยิ่งทำแบบนั้นเค้าก็ยิ่งอยากแกล้งไอเด็กโย่งนั่นมากขึ้นไปอีก คนอะไรใส่แว่นโคตรหนาแถมยังเอ๋อได้โล่ เห็นหน้าทีไรก็หมั่นไส้ไปซะทุกที ลู่หานก็ชอบพูดเหลือเกินว่าไอเด็กนี่มันน่ารักอย่างนั้นอย่างนี้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ามันน่ารักตรงไหน น่าหมั่นไส้จะตายไป
ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน... ครั้งแรกที่เห็นหน้าไอเอ๋อนี่ก็รู้สึกไม่ถูกชะตา แถมครั้งแรกที่เจอกันมันก็ไม่ค่อยจะน่าจดจำซักเท่าไหร่ กับการที่เด็กปีหนึ่งที่เข้าใหม่ของมหาลัยเดินถือชามก๋วยเตี๊ยวที่พึ่งขึ้นมาจากหม้อสดๆร้อนๆ เดินสะดุดขาตัวเองหกล้มเพราะมัวแต่มองพื้นหาอะไรอยู่นักหนาก็ไม่รู้ แล้วไอชามก๋วยเตี๊ยวชามนั้นก็ดันเป็นเค้าที่ต้องมารับเคราะห์ จำได้เลยว่าระบมไปเป็นอาทิตย์... แถมหน้าตามันก็ตะขิดตะขวงใจยังไงก็ไม่รู้ เจอหน้ากันทีไรเค้าก็จะคอยหาเรื่องแกล้งไอเอ๋อนี่อยู่ตลอด แล้วแต่ว่าวันไหนอารมณ์เป็นแบบไหน ถ้าดีก็เบาะๆ ถ้าไม่ดีก็หนักหน่อย
ไอ้ลู่หานเพื่อนรักก็ยังชอบเป่าหูเค้าทุกวันว่าเกลียดอะไรมันมักจะได้อย่างนั้นตามอย่างที่โบราณเค้าว่ากันมา นี่อยากจะถุย... มันยุคไหนสมัยไหนกันแล้ว ไม่มีหรอกนะอะไรแบบนี้ ถ้าหากเค้าชอบไอเอ๋อชานยอลจริงๆโลกคงแตก เค้ายอมสาบานเลยว่าจะวิ่งแก้ผ้านุ่งกางเกงในตัวเดียววิ่งรอบหมู่บ้านเลยเอาสิ!
แต่ไม่อยากจะยอมรับเลยว่าเมื่อกี้ไอโย่งนั่นแม่่งตัวหอมชิบหาย เนื้อตัวก็นุ่มนิ่มย่างกับตุ๊กตาผ้าที่พวกผู้หญิงมันชอบเล่นกัน... แต่ยังไงอคติมันก็ต้องมีมากกว่าอยู่แล้ว ยังไงไอเอ๋อนี่ก็ไม่มีทางน่ารักสำหรับเค้าหรอก....
“มึงชอบน้องชานยอลใช่มะ”
คิ้วหนาขมวดเข้าหากันจนเป็นปม หันขวับไปหาเพื่อนรักตัวเล็กที่ยืนทำหน้ากวนเท้าอยู่ข้างๆ จมูกโด่งพ่นลมหายใจออกมาหนักๆ ถ้าเป็นคนอื่นมาพูดแบบนี้ใส่คงจะโดนเค้าอัดไปแล้วล่ะ แต่นี่เป็นเสี่ยวลู่หานสุดแมน ปากจัดประจำคณะ ไม่มีใครกล้าไปทำอะไรคนอย่างมันหรอก เค้าเคยแกล้งไอบ้านี่แค่นิดๆหน่อยๆยังโดนด่าจนหูแทบชากันไปข้าง
แต่มาบอกว่าเค้าชอบไอเอ๋อนั่นเนี่ยนะ!
“อะไรมึง อยู่ดีๆมาบอกว่ากูชอบไอเอ๋อนั่นเฉย กูไม่ได้ชอบเว้ยยยยยย”
“อะไร... กูแค่ถามว่าชอบมั้ย กูไม่ได้พูดเลยซักนิดว่ามึงน่ะชอบเค้า ร้อนตัวทำไมกันคริส อู๋ คิคิ”
คริสอ้าปากค้าง ตั้งใจจะเถียงแต่พอเจอสิ่งที่เพื่อนรักพูดมากลับเถียงไม่ออก โยนลูกบาสกลมๆลงพื้นอย่างแรงจนมันกระเด็นไปอยู่ทิศทางอื่น หันไปบ่นเพื่อนรักเสียงอุบอิบ ถ้าลู่หานไม่ตาฟาด หน้าไอเพื่อนสติไม่ปกตินี่แอบแดงหน่อยๆด้วยแฮะ... อืม
“แล้วหน้าแดงอีกต่างหาก...”
“เสี่ยวมึงนี่พูดอะไรไม่รู้เรื่องว่ะ กูบอกว่าไม่ชอบก็คือไม่ชอบสิวะ กูเกลียดมันจะตายมึงก็รู้ ไม่งั้นกูจะแกล้งมันทุกวันแบบนี้หรือไงฮะ”
“แกล้งทุกวัน... แกล้งที่แบบว่าเด็กประถมแกล้งคนที่ชอบน่ะหรอ หรือยังไง ตอบกูมาที”
พยายามอย่างยิ่งที่จะต้อนอีกคนให้จนมุม ลู่หานกดยิ้มที่มุมปากเมื่อไอเพื่อนตัวสูงเริ่มทำท่าอึกอักเหมือนจะไปต่อไม่ถูกแล้ว ตากลมเหมือนกวางมองจ้องไปที่ใบหน้าหล่อเหลาเหมือนรูปวาดของเพื่อนสนิทเพื่อกดดัน
โถ่...
โกหกใครน่ะโกหกได้อยู่หรอกนะ
แต่ถ้าจะมาโกหกปิดบังเสี่ยว ลู่หานคนนี้น่ะฝันไปเถอะ
ไม่เคยได้ยินหรอที่เค้าว่ากันว่ามองตาก็รู้ใจ...
ก็เหมือนกับไอเพื่อนเงิงยื่นเค้าตอนนี้ไงล่า ~
“ไอควายเสี่ยว... ม มึงอย่าบ้านะ ฮ่าๆ... เด็กประถมแกล้งคนที่ชอบอะไรมึงฝันเฟื่องหรือไงเพื่อนรัก กูกลับบ้านดีกว่า วันนี้ป๊ากลับบ้าน จะไปอ้อนขอเพิ่มค่าขนม”
คริสเกาท้ายทอยตัวเองโดยมีสายตาของคนขี้แถที่กำลังเปลี่ยนเรื่องไปเรื่อย เมื่อวานมันยังบอกเค้าอยู่เลยว่าป๊าของมันไปจีนสองอาทิตย์...
ไม่เนียนนะเพื่อนที่รัก... ไม่เนียนครับไม่เนียน
“มึงจำคำที่มึงเคยพูดได้ไหม”
“คำอะไร”
คริสเอียงคอถามอย่างสงสัย หน้าตาเจ้าเล่ห์ของไอเพื่อนรักมันดูไม่ค่อยจะน่าไว้วางใจอย่างไงก็ไม่สามารถจะตรัสรู้ได้เหมือนกัน รอยยิ้มจากริ้มฝีปากบางเฉียบที่ค่อยๆคลี่เป็นเส้นตรง ทำเอาคริส อู๋ขนลุกซู่ ไอเพื่อนตัวเเสบนี่คงกำลังคิดแผนอะไรแปลกๆอยู่แน่ๆเลยสิให้ตาย...
“มึงบอกว่าถ้ามึงรักน้องชานยอลขึ้นมาจริงๆ มึงจะยอมวิ่งแก้ผ้ารอบหมูบ้าน”
“อ๋อ จำได้สิวะ!” คริสใช้มือผลักหัวเพื่อนรักไปหนึ่่งที ไอเราก็คิดว่าเรื่องอะไร ยังไงๆไอเรื่องนี้เค้าไม่ทำอยู่แล้วล่ะ ให้ไปหลงรักปาร์ค ชานยอลเด็กแว่นจอมเอ๋อน่ะหรอ... ไม่มีทางหรอก
“ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำ”
“เออ”
คริสส่ายหน้าแล้วเดินหนีลู่หานที่กำลังยืนทำหน้าตาโรคจิตอยู่กับที่ เพื่อนของเค้าชักประสาทกลับขึ้นทุกวัน! ประสาทกลับตั้งแต่ที่คิดว่าเค้าจะชอบชานยอลแล้วล่ะ คิดบ้าอะไรอยู่วะ สเปคสำหรับเค้ามันต้องน้องจีอึนคณะนิเทศ พี่เจสสิก้ามนุษย์ศาสตร์ หรือไม่ก็น้องแพคฮยอนวิศวะอะไรทำนองนี้ ตัวเล็กๆน่ารักน่ากอด ไม่ใช่ตัวสูงโย่งแถมเอ๋อเป็นที่หนึ่งขนาดนั้น
“อย่าลืมที่มึงพูดนะคริส กูจะนั่งแดกเอ้ยรับประทานป๊อปคอร์นรอดู~~~”
เสียงตะโกนไล่หลังทำให้คนตัวสูงอดหันไปชูนิ้วกลางข้างขวาให้อย่างเสียไม่ได้ คริสเดินหัวฟัดหัวเหวี่ยงไปแต่งตัวเปลี่ยนเสื้อผ้า พอเสร็จเรียบร้อยหมดทุกอย่างแล้วจึงเดินไปที่จอดรถสำหรับนักศึกษา พอเข้าไปนั่งได้ที่เรียบร้อยปุ๊บ รถยนต์คันหรูก็ออกตัวไปทันทีที่เจ้าของสอดตัวเข้าไป
รถติด...
เป็นสิ่งที่ร่างสูงเกลียดมากที่สุดของที่สุด เพราะนอกจากว่ามันน่าเบื่อแบบมากๆ แถมยังทำให้เสียเวลาในการทำอย่างอื่นด้วย คิดแล้วก็อารมณ์เสีย ไอไฟแดงๆด้านหน้านี่เมื่อไหร่จะเปลี่นเป็นสีเขียวสักที อยากจะกลับไปนอนบนเตียงนุ่มๆใจจะขาดอยู่แล้ว ไม่รู้ว่ารถมันจะติดให้ได้อะไรนักหนา... คิดแล้วก็อารมณ์เสีย!!
ไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว คริสถอนหายใจออกมานิดหน่อยแล้วออกรถไปทันที แต่พอรถคันหรูออกตัวไปได้ไม่นาน ตาคมเจ้ากรรมก็หันไปเห็นร่างสูงโปร่งของใครบางคนกำลังก้มๆเงยๆอยู่ตรงริมสระน้ำในสวนสาธารณะข้างทาง คริสเหยียบเบรกดังเอี๊ยดอย่างลืมตัว ทำให้รถคันหลังที่ตามมาเกือบจะสอยท้ายเข้าให้ ก่อนจะบังคับรถของตัวเองเพื่อไปจอดในที่สำหรับจอดรถ ขายาวก้าวออกมา เดินตรงไปยังสระน้ำที่ใครบางคนกำลังนั่งจุมปุ๊ ทำหน้างออยู่ริมสระน้ำ
ปาร์ค ชานยอล...
แล้วเค้าจะจอดรถเดินลงมาทำไมกัน!?
คริสขมวดคิ้ว อยากจะเดินกลับแต่ขาดันไม่ทำตามที่สมองและกระดูกไขสันหลังสั่งให้ทำ ชานยอลหันมาแล้วทำหน้าเอ๋อๆใส่เพราะตกใจที่เห็นเค้า ตากลมโตเหมือนไข่ห่านรีหันซ้ายหันขวาสลับกับมองไปที่สระน้ำเหมือนกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง ก่อนจะเขยิบถอยกรูดเมื่อร่างสูงเดินเข้ามาใกล้มากกว่าเดิม ท่าทางหวาดกลัวอย่างกับเจอผีแบบนั้นทำให้คริสขมวดคิ้ว ไอเอ๋อนี่มันกลัวเราขนาดนั้นเลยหรือไงนะ?
“เอ่อ... พ พี่คริส... ฮะ ช่วยอะไรหน่อยได้ไหมฮะ”
“อะไร”
ตอบห้วนๆไปตามแบบฉบับ ตาคมและคิ้วหนาขมวดเป็นปมที่ดูเหมือนกับว่าโกรธใครอยู่ตลอดเวลายิ่งทำให้ร่างโปร่งสั่นเพราะความกลัว มือบางชี้ไปในสระน้ำ คริสขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิมแล้วมองตามนิ้วเรียวที่ชี้ไป สงสัยว่าคนตรงหน้านี่กำลังต้องการอะไรกันแน่ แต่ก็กระจ่าง เพราะเจ้าลูกแมวตัวน้อยที่ลอยเคว้งเกาะเศษไม้อยู่กลางสระน้ำนั่น
“จะให้กูช่วยอะไร” ถึงจะถามไปแบบนั้นก็พอจะรู้อยู่แล้วว่าคนตรงหน้านั้นอยากให้ช่วยอะไร... แต่ถามไปก็ไม่เป็นไรหรอก มันเป็นฟอร์ม(?)
“ช่วยน้องเหมียวได้ไหม...”
“แล้วทำไมกูต้องช่วยมัน”
“มันเจ็บขา เห็นมั้ย ขามันเลือดออก”
“แล้วทำไมมึงไม่ลงไปช่วย”
“... คือ”
ชานยอลทำท่าอึกอัก ปากอิ่มเบะออกมา ตากลมๆใต้แว่นกรอบหนาเริ่มมีน้ำใสๆคลอออกมานิดหน่อย ใบหน้าของเค้าตอนนี้ราวกับลูกแมวตัวโกำลังอ้อนให้ช่วยอยู่อย่างน่าสงสาร
คริสกลืนน้ำลายลงคอ พยายามหลบหนีใบหน้าที่ไม่อยากจะยอมรับเลยว่าน่ารักชิบหายของคนตรงหน้า มือหนาเลื่อนไปเช็ดเหงื่อที่ไหลลงมา อากาศที่เกาหลีใต้ตอนนี้ก็ไม่ได้ร้อนอะไรมากมาย อากาศเย็นดีด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมเหมือนกันว่าเหงือต้องออกมามากขนาดนี้ด้วย บ้าไปแล้วมั้งเรา
“เออ กูช่วยก็ได้ เพราะสงสารแมวหรอกนะบอกไว้ก่อน ไม่ใช่เพราะมึง”
“ข ขอบคุณฮะพี่คริส ใจดีที่สุดเลย!”
ชานยอลยิ้มพราว ใช้หลังมือปาดน้ำใสที่กำลังไหลออกมา แล้วโผกอดร่างสูงที่ไม่ทันได้ตั้งตัวจนเซไปด้านหลัง กลิ่นหอมอ่อนๆจากตัวของชานยอลทำเอาก้อนเนื้อในอกด้านซ้ายของคริสกระหน่ำรัวเต้นเป็นจังหวะสามช่าไม่ยอมหยุด เสียงพูดงุ้งงิ้งของคนตัวบางที่กำลังโอบกอดเค้าเอาไว้แน่น ทำเอาคริส อู๋หน้าแดงเถือก มือหนาออกแรงผลักน่างบอบบางให้ออกจากตัวเอง หันมาขมวดคิ้วใส่ก่อนจะหันไปสนใจไอตัวที่ลอยเคว้งอยู่ในน้ำ แขนเสื้อยาวถูกถกขึ้น กางเกงสีดำสนิทถูกถกให้อยู่ถึงเข่า ก่อนขายาวจะค่อยๆจุ่มลงไปในน้ำอย่างแผ่วเบา
แขนยาวเอื้อมไปคว้าเจ้าตัวปัญหาออกมาอย่างง่ายดาย เจ้าแมวตัวน้อยหน้าสงสารกำลังสั่นงั่กๆด้วยความหวาดกลัว ก่อนจะตามมาด้วยเสียงดีใจของชานยอลที่ริมสระ ใบหน้าหวานยิ้มกว้างโชว์ฟันที่เรียงสวยครบ32ซี่อย่างดีใจ ปรบมือไปมาเมื่อคริสวางลูกแมวตัวน้อยลงบนมือให้ร่างโปร่ง
ตาคมมองตามเด็กแว่นตัวโย่งที่ใช้มือลูบหัวกลมๆของเจ้าแมวน้อยด้วยความรู้สึกแปลกๆที่ก่อตัวขึ้น ทั้งๆที่ไม่ถึงชั่วโมงก่อนหน้านี้ยังแกล้งเจ้าตัวยุ่งนี่อยู่เลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้... กลับมา... ใจเต้นแรง เพราะรอยยิ้มโง่ๆของเด็กตัวโย่งเนี่ยน่ะหรอ ?
ก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ...
ชั่ววูบ...
จริงๆนะ...
“ขอบคุณนะฮะที่ช่วยมัน มันน่าสงสารมากเลย ผมมันขี้ขลาดเองที่ไม่ยอมเป็นคนลงไปช่วยมัน เลยทำให้พี่ต้องเดือดร้อนลงไปแทน คือผมกลัวนะฮะผม... ผมว่ายน้ำไม่เป็น อ เอ่อ... นี่ผมเคยจมน้ำด้วยนะฮะตอนเด็กๆ คือ...”
“พอๆ ขอบคุณอย่างเดียวก็พอแล้ว” คริสเสตามองเด็กตัวโต้ที่ได้โอกาสพูด ก็พูดซะยาวเป็นหางว่าว ชานยอลหลุบตาลงต่ำ แก้มกลมบ็อกขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อเหมือนลูกมะเทศสุกลูกกลมๆดูแล้วน่ารักน่าชังเหลือเกิน คนหน้าหล่อกลืนน้ำลายลงคอ กระแอมไอเสียงดังพยายามพูดไปเรื่อยเพื่อที่จะเปลี่ยนเรื่องคุย “แล้วจะเอาไงต่อ... กับแมวตัวนั้น”
“ผมกะจะเอาไปไว้ที่บ้านฮะ ขามันเจ็บ ดูแลให้มันหายแล้วค่อยปล่อยไป”
คริสมองรอยยิ้มใสซื่อโชว์ฟันขาวที่ครบ32ซี่ของคนตรงหน้านี่แล้วเผลอยิ้มตามไปด้วยโดยไม่รู้ตัว เด็กโข่งหันมามองเค้าแล้วยิ้มพราว ก่อนที่คนอายุมากกว่าจะกระแอมที่คออีกครั้งแล้วหุบยิ้มปรับสีหน้าให้เป็นปกติทำเหมือนกับว่าเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คริสเอ่ยปากพูดกับเด็กหนุ่มว่าจะไปส่งที่บ้าน ชานยอลทำท่าทีอึกอักพูดไม่ถูกเพราะความตกใจ คริส อู๋ รุ่นพี่ปีสามหน้าตาเหมือนโกรธใครอยู่ตลอดเวลา แถมยังพูดกรอกหูเค้าทุกวันว่าเกลียดเค้าอย่างนั้นอย่างนี้ วันนี้อยู่ดีๆก็ดันมาเอ่ยปากว่าจะไปส่งที่บ้าน ก็ต้องตกใจเป็นธรรมดานั่นแหละ
อย่างน้อยคนๆนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายไปซะทุกอย่าง ยอมช่วยลูกแมวที่ตกลงไปในน้ำตามคำขอ แถมยังอาสาไปส่งเค้าที่บ้านอีกต่างหาก...
อา... แต่มันก็เป็นเรื่องดีน้า ~
ใครจะไปรู้... ถึงแม้ว่าคริสจะชอบแกล้งเค้าขนาดไหน แต่คนๆเดียวที่ปาร์ค ชานยอลมองมาโดยตลอดก็คือคริส อู๋ที่ชอบพูดว่าเกลียดเค้านักเกลียดเค้าหนา ชอบบอกว่าเค้าไม่น่ารัก ชอบเรียกเค้าว่าไอเอ๋อ คนที่เค้ายอมให้แกล้งมาโดยตลอด... ถึงแม้คริสจะไม่ชอบเค้า แต่รักเค้าไปข้างเดียวมันก็คงไม่ผิดอะไรหรอกมั้ง ~
แต่ทุกอย่างในวัดนี้อาจจะเป็นตัวชี้ได้แล้วนะว่า บางทีคริสก็อาจจะรู้สึกดีกับเค้าขึ้นมาบ้างก็ได้ล่ะนะ ><!
อาปาร์ค ชานยอลล ~ เพ้อจริงๆเล้ยยยย ~
.
.
.
.
.
.
“หม่าม๊า ~ ชานยอลไปมหาลัยแล้วนะ”
ชานยอลวิ่งดุกดิ๊กลงมาจากบันได โอบกอดคุณแม่จากด้านหลังแล้วกดปลายจมูกไปที่ขาวของคุณแม่ สูดดมกลิ่นน้ำหอมผู้ใหญ่เข้าไปจนเต็มปอด เดินไปหยิบห่อแซนด์วิชต์ฝีมือมารดา โค้งบอกลาคนเป็นแม่นิดหน่อย ก่อนจะก้าวเดินออกจากบ้านไปเพราะความอารมณ์ดี... อารมณ์ดีมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ ไม่อยากจะบอกเลยว่าเค้าน่ะเก็บไปฝันด้วยนะ
เดินพ้นรั้วบ้านไปไม่ได้กี่ก้าว ตากลมที่ถูกสวมทับด้วยแว่นกรอบหนา หันไปสะดุดกับรถยนต์คันหรูที่จอดเยื้องหน้าบ้านเค้าไปนิดหน่อย รถคันนี้เค้าจำได้แม่นว่าเพิ่งได้นั่งกลับบ้านมาเมื่อวานพร้อมกับเจ้าลูกแมวตัวน้อยที่ตอนนี้หลับปุ๋ยอยู่ในกรงหลังบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
รถคันนั้นขับเข้ามาใกล้มากขึ้นกว่าเดิม ชานยอลก้มหน้าหงุดซ่อนใบหน้าแดงก่ำที่เกิดจากอาการเขินอาย(ซึ่งมันก็ไม่เห็นจะซ่อนได้ซักที) แก้มกลมแดงเถือกยาวไปถึงใบหู ก้อนเนื้อในอกเต้นรัวจนแทบจะกระเด็นออกมา เงยหน้าขึ้นไปมองนิดหน่อยก็เห็นเจ้าของรถกำลังส่งสัญญาณบอกให้ขึ้นมาในรถ
ชานยอลรีบติดสปีดวิ่งไปเข้าไปในรถทันที ตอนแรกจะเดินไปนั่งที่เบาะด้านหลัง แต่ถูกคริสเรียกให้มานั่งด้านหน้า แถมบอกด้วยว่าไม่ใช่คนใช้... แหม ก็คนมันเขินนี่นา จะให้ทำยังไงได้เล่า
“เอ่อ... พ พอดีผ่านแถวนี้พอดี จะมาถามด้วยว่าไอแมวนั่นเป็นยังไงบ้าง ไม่ได้ตั้งใจจะมารับนายเพราะรู้สึกว่าพิศวาสหรอกนะ”
“ผมก็ยังไม่ได้พูดอะไรเลยง่า...”
“...” ถึงกับไปต่อไม่ถูก OTL “เออนั่นแหละ ก็บอกไว้ก่อน”
“อ่า... แล้วพี่รู้ได้ไงว่าผมเรียนเช้า”
“เอ่อ... เดา”
“งือ...”
กว่าทั้งคู่จะเดินทางไปถึงมหาลัยกะกินเวลาปาไปเกือบครึ่งชั่วโมง จริงๆจากบ้านของไอเด็กเอ๋อมาที่มหาลัยมันก็ไม่ค่อยไกลเสียเท่าไหร่หรอก แต่เพราะช่วงนี้การจราจรดูจะติดขัดมากเสียเหลือเกินจนน่าหงุดหงิด แถมยังต้องหงุดหงิดมากเพิ่มขึ้นไปอีกที่คนนั่งคู่คนขับมาด้วยพูดจ้อไม่หยุดตลอดทาง เจอนกชมนก เจอไม้ชมไม้ เจอนั่นก็พูดเจอนี่ก็พูด เหมือนเด็กอนุบาลช่างพูดไม่มีผิดทั้งๆที่ขนาดตัวไม่ใช่จะน้อยๆ ถึงมันจะน่ารำคาญน่าหงุดหงิดมากแค่ไหนก็เถอะ...
ไม่อยากจะยอมรับเลยว่าพอได้ฟังแล้วมันก็เพลินหูดีเหมือนกันนะ
เสี่ยวลู่หานแทบจะวิ่งไปกราบไว้สิ่งศักดิ์หน้ามหาลัย
ตากวางมองตามชานยอล เด็กโข่งหน้าตาน่ารักที่เดินตามคริส อู๋เพื่อนรักชาวจีนออกมาจากลานจอดรถของมหาลัย ท่าทางเหมือนเด็กน้อยกับคุณพ่อลูกติด ริมฝีปากบางเฉียบอ้าออกกว้างจนแมลงทั้งหลายแหล่สามาารถบินเข้าไปปล่อยไข่กันได้นับล้านตัว มือเล็กถูกยกขึ้นมาขยี้ตาของตัวเองไปมา เพ่งมองภาพตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา
“โลกจะแตกเปล่าวะ” พึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาแล้วกอดอกตัวเองเอาไว้แน่น มองตามคนตัวสูงสองคนที่เดินตามกันไป...
“ว่าแล้ว... ว่ามันต้องเป็นแบบนี้ คิกคิก ~ โถ่ไอเงิง นอกจากจะฟันยื่นแล้วยังจะปากแข็งอีกนะเนี่ยยะ~”
- TBC -
©Tenpoints!
ความคิดเห็น