ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Je suis tombe amoreux | ALLYEOL | KRISYEOL ♡

    ลำดับตอนที่ #3 : os - beautiful stranger

    • อัปเดตล่าสุด 21 ธ.ค. 56






    beautiful stranger
    couple krisyeol
    bgm : (x)

     
     









                ผมไม่รู้ว่าเค้าคือใคร...

    ไม่รู้ที่มาของเค้า...

    ไม่รู้แม้กระทั่งชื่อ...

     

    แต่แค่เพียงสายตาอันร้อนแรงที่สามารถหลอมละลายคนมองให้เป็นผุยผงได้ของเค้า... ผมก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้อีกเลย

     

     

    It’s Just Another Story

    사랑하게 됐어 A-ha 이방인

    Yeah And It’s All About Me

    어떻게 나를 이해시켜야 할지

    Uh 멀리 검은 그림자

    만난다면 수천 킬로 나는 달려가

    Haha 가슴에 총소리가 Bang

    출발해 향한 Race Right Now


    เรื่องมันก็มีแค่ว่า ฉันตกหลุมรักกับคนแปลกหน้า

    เรื่องของฉันก็คือจะต้องทำยังไงให้เธอเข้าใจฉัน

    เงาสีดำนั่นห่างออกไป ถ้าฉันได้เจอกับเธอ ฉันจะต้องเดินทางเป็นพันกิโล

    ฮ่าฮา ยิงหัวใจฉันเลยดีกว่า

    เอาเถอะ ยังไงฉันอยู่ในสนามแข่งที่จะมุ่งไปหาเธออยู่แล้วนี่

     

     

     

     

    มั่นใจ... ว่าเครื่องปรับอากาศในห้องกว้างยังคงทำหน้าที่ของมันได้ดีโดยไม่มีขาดตกบกพร่องใดๆทั้งสิ้น แต่บรรยากาศรอบๆตัวของร่างสองร่างที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกันอยู่บนเตียงนุ่ม มันร้อนระอุราวอยู่ในทะเลทราย

     

    ยามที่ร่างกายเปลือยเปล่าของเราทั้งสองคนสัมผัสกันเพียงแค่เเผ่วเบา ความรู้สึกทั้งหมดมันก็โหมกระพือ กลีบปากคู่สวยที่ลากพรมจูบไปทั่วทั้งร่างกายเปลือยเปล่าทำผมแทบคลั่ง ลิ้นร้อนที่หยอกล้อกับติ่งไต มือหยาบที่เคล้นคลึงกับสะโพกมนนิ่มมือ กลิ่นน้ำหอมผู้ชายผสมกับกลิ่นเหงื่ออ่อนๆที่ติดอยู่ในตัวของเค้าทำสติและตาของผมพร่ามัว ไม่สามารถรับรู้อะไรได้นอกจากสัมผัสวาบหวิวของคนแปลกหน้าที่กำลังหาความสุขอยู่กับเรือนร่างของผมเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นความเย็นของเครื่องปรับอากาศ เสียงโทรทัศน์ที่เปิดทิ้งเอาไว้ ผมไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลยนอกจากเสียงแหบพร่าของเค้า สัมผัสวาบหวาม ตาคมที่ถึงแม้จะอยู่ในความมืดก็สามารถหลอมละลายคนให้กลายเป็นผุยผง

     

     

    เราไม่เคยรู้จักกันมาก่อน...

    ผมเจอเค้าที่ไนท์คลับไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมานี้...

    ผมมั่นใจว่าไม่เคยเป็นใจง่าย หลอกง่าย มากับใครง่ายๆขนาดนี้...

     

    ผมคงจะบ้ามากจริงๆสินะ

     

     

    อื้อ อ๊ะ ! ...

     

    ผมหลุดครางต่ำ แรงกระแทกจากช่องทางด้านล่างทำให้ผมต้องดิ้นเร่าไปมาเพราะความเสียวซ่าน ใบหน้าหวานแดงก่ำเพราะความเสียว ดดยเฉพาะเวลาที่เค้าแทรกตัวเข้ามาความเสียวยิ่งเพิ่มมากขึ้นเป็นทวีคูณ มือบางกำจิกไปที่ผ้าปูที่นอน ฟันขาวขบกับแน่นพร้อมกับน้ำตาเม็ดใสที่ไหลเผาะลงมาจากตากลมคู่โต เสียงครางเบาๆในลำคอของเค้าที่ดูเหมือนจะเป็นเสียงคำรามของมังกร ดังก้องอยู่ในหู ลมหายใจร้อนที่เป่ารดพวงแก้มพร้อมกับรสจูบอันหนักหน่วงชวนเคลิ้ม แรงกระแทกของสะโพกหนา และการชักรูกแกนกาย การกระทำของเค้าทุกอย่างทำให้ผมรู้สึกดีจนแทบจะไต่ขึ้นสวรรค์ในอีกไม่ช้า

     

    รู้สึกร้อนเหมือนโดนไฟจี้... ยามที่เค้าใช้มือหนาลูบไล้สัมผัสไปทั่วร่างกาย ขาเรียว หน้าอกบาง สะโพกเล็ก ใบหน้า หรือส่วนต่างๆ ความทรมาณและความต้องการมันพลุ่งสูงปรี๊ดจนแทบจะแตกเพราะห้ามไม่อยู่... คนแปลกหน้าคนนี้ช่างน่ากลัว ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เพียงเค้าแตะสัมผัสลงมาบนร่างกายที่กำลังสั่นระริกเพราะแรงอารมณ์ เสียงทุ้มแหบพร่า ลมหายใจอุ่นร้อน ทุกๆสัมผัสของเค้าเหมือนยาเสพติด... ยิ่งเสพย์มันก็ยิ่งติดมากขึ้น มากขึ้น... จนตอนนี้ ผมก็ไม่สามารถหยุดตัวเองได้เลยแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว

     

     

    ทุกวันเค้าจะมาหาผมที่ห้องของผม... ผมคงจะบ้ามากๆที่อยู่ดีๆก็ไปปั๊มกุญแจห้องให้เค้าเก็บไว้หนึ่งดอกเพื่อเวลาที่เค้าจะมาหาผม เราทั้งคู่ไม่มีการถามชื่อ พูดคุย ถามไถ่ที่มา ไม่มีการให้เบอร์โทรหรือช่องทางที่สามารถติดต่อกันได้ หรือแม้กระทั่งว่าตัวผมเองและอีกฝ่ายคือใคร ทุกๆครั้งเราจะจบอยู่ที่เรื่องบนเตียงแบบนี้ทุกครั้ง ทุกครั้ง และทุกครั้ง... ซึ่งผมก็ไม่สามารถปฏิเสธได้ว่าเค้าทำให้ผมรู้สึกดีมากแค่ไหน

     

    เรื่องเซ็กส์... ไม่ใช่ว่าผมจะไม่เคยมี แต่กับคนอื่น มีแล้วก็คือเลิกลากันไป แต่กับเค้า... ยิ่งร่างกายของเราสัมผัสกันมากเท่าไหร่ ผมก็ไม่อยากให้นิทานเรื่องนี้ถึงตอนจบ ผมเสพย์ติดเค้า เสพย์ติดคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนหรือแม้กระทั่งจะเริ่มทำความรู้จัก ทุกครั้งที่ไฟในห้องดับลง เสียงลมหายใจอ่อนๆ พร้อมกับเสียงแหบพร่าที่กระซิบแผ่วเบาข้างใบหูว่า เราไปมีความสุขกันเถอะนะ พร้อมกับแรงโอบกอดจากด้านหลัง ถ้าเป็นคนอื่นก็คงจะขัดขืน นึกว่าไอบ้านี่มันเป็นใครถึงทำแบบนี้ได้... แต่กับผมมันกลับไม่ใช่แบบนั้น ผมไม่ปัดป้อง ไม่ต่อสู้ ไม่ต่อว่า ผมเคลิ้มตามไปกับทุกสัมผัสเค้าในทุกๆครั้ง เพียงแค่ประโยคเชิญชวนไม่กี่คำ... ร่างกายของผมมันก็โอนอ่อนให้เค้าโดยไม่ต้องบังคับอะไรให้มากความเลยแม้แต่นิดเดียว

     

     

    ไม่ว่าเค้าจะเป็นใคร... มาจากไหน เป็นภูติผีหรือปีศาจ... ผมก็จะยอม ยอทให้เค้าทำทุกอย่าง พาไปทุกที่ที่เค้าอยากจะพาไป ขอเพียงแค่อย่างเดียว... ขอแค่ให้ผมได้อยู่ใกล้กับเค้าแบบนี้ก็เกินพอ

     

     

     

     

    เราจะได้เจอกันอีกมั้ย

     

    ประโยคแรกที่ผมเริ่มคุยกับเค้า สัมผัสนุ่มนิ่มแผ่วเบาแตะทาบลงมาที่ริมฝีปาก รอยยิ้มละมุนในความมืดทำผมแทบระทวยจนแทบจะทรงตัวไม่อยู่ เค้าเดินผ่านตัวผมไปก่อนจะหันมายกยิ้มให้แล้วพูดเบาๆราวกับเสียงกระซิบที่ลอยมากับสายลมเอื่อยๆจากด้านนอก...

     

     

    แน่นอน...

     

     

     

    แล้วเจอกัน คนแปลกหน้า”     

     

     

    เค้าพูดไว้แค่นั้นก่อนจะเดินออกไป... ทิ้งผมให้ยืนมองเค้าเดินออกไปจากห้องนิ่งๆ

     

     

    หลังจากวันนั้นเค้าก็ไม่กลับมาหาผมอีกเลยเป็นเวลาประมาณสองอาทิตย์แล้วเห็นจะได้...

    มันรู้สึกแปลก... อยากจะเจอหน้า ทุกๆครั้งที่ได้ยินเสียงเปิดประตูห้อง หรือแม้กระทั่งไฟดับ หัวใจของผมจะเต้นแรงทุกครั้ง... แต่ก็ไม่มีวี่แววอะไรว่าเค้าจะออกมาหา รอยยิ้มละมุนละไมจากกลับปากคู่สวย เสียงแหบพร่าของเค้าที่ชอบกระซิบอยู่ข้างหู คิดถึง... คิดถึงทุกสัมผัสของเค้า คิดถึงทุกอย่าง อยากจะเจอกับเค้าอีกซักครั้ง

     

    ผมพยายามตามหาเค้า ถามจากคนในร้านที่ผมไปเจอเค้าครั้งแรก... แต่ก็ไม่มีใครเลยซักคนที่สามารถจะให้คำตอบแก่ผมได้ รู้สึกหมดหวังและห่อเหี่ยว... คนแปลกหน้าคนนี้ก็คงจะเหมือนกับพวกคนอื่นๆสินะ หวังจะหาแต่ความสุขจากเรือนร่าง... บางทีเค้าคงจะเป็นคนที่เชื่อคนง่ายมากไปจริงๆนั่นแหละ... อา... ไม่ดีเลยแบบนี้

     

     

    แล้วเจอกัน คนแปลกหน้า

     

     

    คำพูดนี้ของเค้ายังคงวนเวียนอยู่ในหัวสมอง... เค้าพูดแบบนั้นแต่เค้ากลับหายไปไหนก็ไม่รู้ อยู่ดีๆน้ำตาเม็ดกลมก็ไหลลงมาจากดวงตากลมโตอย่างห้ามไม่อยู่ ผมไม่รู้ว่าจะร้องไห้ไปเพื่ออะไร ร้องไห้ไปทำไม ร้องไห้เพราะความโง่และเชื่อคนง่ายของตัวเองน่ะหรอ... แต่ยังไงน้ำตาที่ล่วงไหลลงมามันก็ไม่เห็นจะมีท่ทีว่าจะหยุดไหลเลยซักนิด ผมร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยน ก่อนจะเผลอหลับไปเพราะความเหนื่อยอ่อน...

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

     

     

     

    เสียงกุกกักจากระเบียงห้องปลุกผมให้ตื่นขึ้นมาจากความฝันอันแสนหวาน แดดอ่อนๆยามเย็นมันแทยงตาจนผมต้องหยีตาจนมันเป็นเส้นตรง บิดขี้เกียจเล็กน้อย ก่อนจะไปสะดุดกับกระดาษสีเหลืองอ่อนที่วางแหมะอยู่บนเตียงกว้าง มือบางหยิบมันขึ้นมา มองหาเจ้าของของมันที่ส่งมาหาผมแต่ก็ไม่พบอะไรเลย... แถมยังสงสัยอีกต่างหากว่ามันเข้ามาในนี้ได้ยังไง ถ้าจะเป็นพวกโพสต์แมนอะไรนั่นก็คงจะเป็นไปไม่ได้หรอก หรือเค้าละเมอกันแน่นะ ?

     

    แต่อีกคนนึงที่สามารถเข้าออกห้องของผมได้โดยไม่ต้องเรียกเค้าก็มีแค่คนเดียวเท่านั้น...

     

     

    ผมรีบแกะห่อจดหมายนั่นอย่างเร่งรีบ แล้วค่อยๆคลี่กระดาษสีขาวโล่งที่มีข้อความสั้นๆอยู่ในนั้น หัวใจของผมพองโตเมื่อได้อ่านข้อความในนั้น รู้สึกยิ้มกว้างที่สุดเท่าที่อาทิตย์ทั้งอาทิตย์เคยยิ้มมา ผมรีบวิ่งไปหยิบเสื้อคลุมที่แขนไว้ในตู้มาสวมใส่ แล้ววิ่งออกจากห้องไปพร้อมกับกำกระดาษแผ่นนั้นไว้ในมือแน่น

     

     

     

     

     

     

     

    เราจะได้เจอกัน... มาหาผมสิ สวนสาธารณะใกล้ๆนี่แหละ ผมจะรอคุณ รอจนกว่าคุณจะมา

     คุณคนแปลกหน้า

    KRIS W. ’

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมวิ่งไปที่สวนสาธารณะใกล้คอนโดของผม ผมพยายามวิ่งให้เร็วที่สุดในรอบปีที่เคยวิ่งมา จากระยะทางมาที่นี่มันก็อยู่ห่างกันเยอะพอสมควร คนที่ไม่เคยออกกำลังกายบ่อยๆก็ต้องเหนื่อยหอบอย่างนี้เป็นธรรมดา

     

    ผมเดินตามหาเค้าไปทั่วแต่ก็ไม่พบวี่แววของผู้ชายตัวสูงเฉียด 190 คนนี้... กระดาษแผ่นนั้นยังคงอยู่ในมือ ผมกำมันแน่นจนมันยับยู่ยี่ไปหมดแล้ว ตากลมกวาดมองไปรอบๆก็ไม่เห็นวี่แววของเค้าว่าจะโผล่มา มีแต่เพียงเด็กเล็กๆ พ่อแม่ผู้ปกครองเด็กเหล่านั้นที่พาลูกพาครอบครัวมานั่งเล่นก็เท่านั้น

     

    ผมทรุดตัวลงนั่งกับโต๊ะหินอ่อนแล้วถอนหายใจยาวพรืด น้ำตาที่มันแห้งกลับไปแล้วมันก็ไหลลงมาอีกครั้ง อยากจะห้ามเอาไว้ไม่ให้มันไหลออกมาก็ห้ามเอาไว้ไม่อยู่ เสียงสะอื้นของผมดังลั่นโดยไม่สนใจว่าคนที่ผ่านไปมาเค้าจะคิดว่าผมบ้ามั้ยที่มานั่งร้องไห้แบบนี้ไม่อายใครเลย... แต่ตอนนี้คงไม่มีอะไรต้องอายซะแล้วล่ะมั้ง

     

    ผมคงจะโดนหลอก โดนซ้ำแล้วซ้ำอีกเพียงเพราะเชื่อคำพูดคำบอกแค่ไม่กี่คำของคนๆเดียวที่ผมไม่เคยรู้จักเค้าซักนิด ผมมันโง่จริงๆ โง่แล้วยังมานั่งเสียน้ำตาอีก คงไม่มีใครโง่ไปมากกว่าผมอีกแล้วล่ะ...

     

     

     

     

     

     

    คุณครับ...

     

     

    เสียงทุ้มแหบพร่าคุ้นหูพร้อมกับแรงสะกิดจาดด้านหลังเบาๆทำให้ผมต้องหันกลับไป คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากันจนมันชิดเป็นปม ชายร่างสูงใหญ่ที่ใส่หมวกปิดหน้าทำผมใจเต้นระรัวไม่เป็นจังหวะ เค้าค่อยๆถอดหมวกออกจากหัวตัวเองช้าๆ รอยยิ้มละมุนที่ผมโหยหามาตลอดสองอาทิตย์ ผมไม่รู้หรอกว่ามันน่าเขินหรือน่าอายขนาดไหน ผมปล่อยโฮออกมาพร้อมกับโผเข้ากอดเค้าจนเซไปอีกด้าน ใบหน้าหวานซบลงกับลาดไหล่กว้างพลางร้องไห้สะอึกสะอื้นจนเค้าต้องลูบหัวเบาๆเพื่อเป็นการปลอบพร้อมกับจดจมูกลงมาที่กลุ่มผมนิ่ม

     

     

    กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆที่คุ้นเคยของเค้า ความอบอุ่นจากอ้อมกอดของเค้าที่ผมโหยหา ทำผมแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

     

    แขนเรียวยาวโอบตวัดรัดรอบคอของเค้าเอาไว้แน่น ร่างกายขยับไปตามแรงกระแทกที่เค้ากระแทกกระทั้นใส่มาไม่ยั้งเพราะความต้องการที่พุ่งทะยานสูง เสียงกรีดร้องของผมและเสียงครางต่ำในลำคอของเค้าดังไปทั่วทั้งห้อง... ห้องเดิม เตียงเดิม สัมผัสเดิมจากคนแปลกหน้า ที่ตอนนี้ไม่คนแปลกหน้าอีกต่อไป ทำให้น้ำตาของผมไหลออกมาไม่หยุด... น้ำตาที่ไหลออกมาจากความสุข ไม่ใช่ความทุกข์หรือความเจ็บปวด มันมีความสุขมากจนเกินจะบรรยายให้ออกมาเป็นคำพูด

     

     

    อ๊า! อย อย่าไปไหนอีกนะ อึก... อี้ฝาน

    ไม่ไป... หัวใจฉันอยู่ที่นี่ ฉันจะอยู่กับนาย... ชานยอล

     

     

    ขอบคุณโชคชะตาที่เล่นตลกกับผม พาคนแปลกหน้าที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนให้มาเจอกัน มีความสัมพันธ์กันที่ไม่ใช่แค่เพียงช่วงข้ามคืน... แต่เป็นตลอดไป

     

    ขอบคุณนะครับ... คนแปลกหน้าที่ของผม


    - FIN -






    *EDIT 4/1/13
    THE★ FARRY
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×