ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WINNER] still {Minho x Taehyun} - end

    ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ 14: คุณนม

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 507
      4
      21 ก.ค. 58

    Still014

     

    ซึงฮุนได้รับโทรศัพท์จากแทฮยอนสองสามวันก่อนเรื่องที่มินโฮถูกทำร้ายอีกครั้ง แต่เขาคิดว่าหัวแตกอาจจะมาจากที่หมอนั่นไปทำอะไรสักอย่างมาโดยไม่ระวังมากกว่า เพราะตอนที่อยู่ในงานก็ออกจะปกติดีด้วยซ้ำ ซึงฮุนยังเห็นยืนจิบไวน์สบายใจไม่ได้เหมาะจะเป็นลูกจ้างพ่อเขาเท่าไร

     

    สู้การ์ดสองคนที่ตามมาขนาบก็ไม่ได้

     

    แต่ก็นั่นล่ะ ใครจะไปคิดว่าจู่ๆแทฮยอนจะบอกว่าพอถึงบ้านหมอนั่นกลายเป็นคนหัวแตกไม่มีรถขับไปอย่างนั้น พอถามก็บอกว่าพัง คำว่าพังน่ะน่าสนใจตรงที่ตัวรถหายไปไหน เรื่องวุ่นวายที่เหยียบมาใกล้ทุกวินาทียังไม่เท่ากับเรื่องของ คิมมยองมุนและนัมจุนซา

     

    วงการการเมืองกลับมาดุเดือดอีกครั้งอย่างไม่น่าเชื่อ

     

    นโยบายใหม่ผุดขึ้นเป็นดอกเห็ดรวมถึงการทุ่มทุนสร้างโดยให้งบประมาณหลายสิบล้านจนซึงฮุนเกิดความสงสัย ตลอดเวลาสองปีที่ผ่านมาคิมมยองมุนหายไปทำอะไร และทำไมมีเงินมากมายขนาดนั้น ฝ่ายพ่อเขาก็ไม่ยอมแพ้จัดสรรโครงการเพื่อชาวชนบทมากมายจนซื้อใจไปได้หลายคน

     

     

     

    “เบื้องบนยังไม่อนุมัติให้ออกหมายตรวจทรัพย์สินของทั้งสองฝ่ายค่ะ” เสียงของหนึ่งในทีมซึงฮุนเอ่ยบอก

     

    “แต่อนุญาตให้ตรวจสอบบัญชีของพรรคก่อน ถ้ามีอะไรผิดแปลกไม่ชอบมาพากลให้นำหลักฐานส่งงานอีกครั้งค่ะ”

     

    “ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มได้เลย ข้อมูลของคุณคิมมยองมุนเมื่อสองปีก่อนล่ะ”

     

    “นี่ครับ”

     

     

     

    เอกสารถูกยื่นให้ซึงฮุน เป็นข้อมูลการทำงานร่วมกันกับพ่อเขา ไม่มีอะไรน่าสงสัย เนื้อความยังคงดูปกติเหมือนคนที่ตั้งตัวได้แล้วแยกออกมาทำอะไรเป็นเรื่องเป็นราวของตนเอง แต่ซึงฮุนมั่นใจว่ามันมีเรื่องไม่กินเส้นกันภายในอย่างแน่นอน และคนที่จะช่วยเขาได้ก็ยังไม่ลงมือทำอะไร นัมแทฮยอนยังคงนิ่งแม้ว่าทุกอย่างเดินมาถึงจุดนี้

     

    เพราะอย่างนั้นซึงฮุนจึงต้องหาตัวเลือกอื่นในการช่วยเขา

     

     

     

    “คุณซึงฮุนคะ สายจากคุณอีค่ะ”

     

    “อี?”

     

    “อีจุนซาค่ะ”

     

    “บอกเขาว่าฝากข้อความไว้ ผมประชุมอยู่”

     

     

     

    ซึงฮุนเอ่ยบอก ก่อนจะหมุนตัวกลับไปทำงานต่อ ประวัติและเอกสารมากมายยังคงกองอยู่บนโต๊ะประชุมขนาดใหญ่ ขอแค่หลักฐาน หลักฐานกองเดียวเท่านั้นที่จะหยุดทุกอย่างในตอนนี้

     

    ซึงฮุนถอนหายใจ

     

     

     

     

     

     

     

    “มินโฮมีแต่แผล แผลเต็มตัวไปหมดเลย”

     

     

     

    เสียงใสๆเอ่ยบ่นเขา เวลาบ่ายแก่ๆเป็นเวลาของคุณคนเล็ก เจ้าตัวบอกเขาแบบนั้นร่างเล็กจะขอให้เขาพาออกมาด้านนอกเสมอ มานั่งเล่นแล้วก็เดินเล่นกัน แทฮยอนเดินเก่งขึ้นเรื่อยๆ เก่งมากเพราะว่ามินโฮป่วย เขาป่วยมาวันสองวันแล้วเพราะว่าแผลเนี่ยล่ะ

     

    ช้ำตรงนั้นก็เจ็บตรงนี้ มีดถากเพิ่งจะหายหัวก็บากอีก ร่างกายก็เลยทรุดโทรมนอนจมอยู่กับเตียงแต่ยังดีที่มีพยาบาลเข้ามาดูแลทุกวัน ดูแลจนซึงยุนดุแต่เจ้าตัวก็รั้นนั่นล่ะ

     

    ป้อนข้าวป้อนยาป้อนน้ำ

     

    บางทีก็ขอปากป้อนบ้าง

     

    มินโฮก็เลยหายไว

     

     

     

    “ยังเจ็บอยู่ไหม” มือเรียวแตะลงบนหน้าผากที่เป็นแผลเบาๆ จริงๆมันก็แห้งแล้วล่ะ ตอนนี้แทฮยอนเอายาทาให้เขาอยู่ คนตัวเล็กบอกไม่อยากให้มันเป็นรอยแผลเป็น แทฮยอนไม่ชอบ

     

    เหมือนเคยอีกนั่นล่ะ พอคุณคนเล็กบอกว่าไม่ชอบเขาก็ตามใจ

     

     

     

    “ไม่แล้วล่ะครับ ได้คุณหมอน่ารักเลยไม่เจ็บ”

     

    “คนละเรื่อง!

     

    “จริงนี่”

     

     

     

    มินโฮหัวเราะพร้อมกับยิ้มออกมา เขาไม่รู้ว่าเวลาของตนเองตอนนี้เหลืออีกเท่าไหร่ ไม่รู้เลยเพราะว่าไม่ได้ติดต่อนายใหญ่ รวมถึงโค้ดที่แก้ค้างไว้ก็ยังไม่ได้ทำต่อ เขารู้ว่าแทฮยอนจะเสียใจถ้าวันนึงเขาหายไปอีก

     

    แต่อย่างน้อยตรงนี้ ที่นี่ตอนนี้ ก็มีกันแบบนี้

     

    เรื่องนี้จะจบแบบไหนมินโฮไม่รู้ แต่สิ่งที่เขารู้คือถึงเวลาก็คงต้องเอาชีวิตรอด

     

     

     

    “มินโฮ... คุณนมเป็นไงบ้าง”

     

    คุณนม... แม่เขาน่ะเหรอ ?

     

     

     

    “คุณคนเล็กหมายถึงแม่ผมเหรอครับ”

     

    “อือ ไม่เคยเห็นมินโฮพูดถึงเลย”

     

     

     

    แทฮยอนเอ่ยถามด้วยความสงสัย มินโฮได้แต่ยิ้มจาง ความจริงคือเขาไม่ได้ติดต่อมารดามาสักพักแล้ว เพราะว่าตัวเองอยู่ในช่วงอันตรายเกินไป เขาไม่อยากให้ครอบครัวมาเกี่ยว ไม่อยากให้แม่ต้องมาเดือดร้อนหรือเป็นอะไรไป

     

     

     

    “ไม่คิดถึงท่านเหรอ”

     

    “...คิดถึงสิครับ”

     

    “มินโฮเจ็บขนาดนี้ ไม่คิดถึงแม่บ้างเหรอ” คนตัวเล็กเอ่ยถามด้วยแววตาสงสัย แต่นั่นคงเป็นเพราะเวลาแทฮยอนเหนื่อยหรืออ่อนล้าเรื่องอะไรก็ตาม เขามักคิดถึงมารดาและท้ายที่สุดก็พบว่าเธอไม่ได้อยู่กับเขาแล้ว

     

    เพราะอย่างนั้นเขาถึงอยากรู้ อยากรู้ว่ามินโฮคิดแบบไหน

     

    บางครั้งแทฮยอนก็สัมผัสได้ ผู้ชายคนนี้ดูเย็นชากับทุกอย่าง

     

    ยกเว้น นัมแทฮยอน

     

     

     

    “คิดถึงสิครับ”

     

    “งั้นไปหาแม่ไหม”

     

    “...”

     

    “แอบไปก็ได้ ไม่ให้ใครรู้”

     

    “แต่มันอันตรายไปนะครับตอนนี้” มินโฮขมวดคิ้วแน่น เขาห่วงเกินกว่าจะตัดสินใจออกไปไหน อยากให้ทุกอย่างสงบลงก่อน ก่อนที่จะกลับไปใช้ชีวิตปกติ เขาคิดว่าอยากอยู่เงียบๆสักพักแต่ทว่า

     

    “งั้นผมอยากไป”

     

    “...”

     

    “ผมอยากไปหาคุณนม มินโฮก็ต้องตามไปดูแล”

     

    ดูเหมือนว่า คุณคนเล็กจะคอยหาเรื่องให้เขาตลอดเลย

     

     

     

     

     

     

     

    คังซึงยุนเองก็ไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ แต่นัมแทฮยอนยืนกรานที่จะไปแล้วก็ประท้วงด้วยการไม่ทานข้าว พร้อมทั้งสั่งอีกว่าจะไม่ยอมเดิน จะอยู่เฉยๆถ้าทั้งสองคนคิดจะบอกซึงฮุน มินโฮเลยแก้ปัญหานี้ด้วยการตัดสินใจออกไปตอนกลางคืน

     

     

     

    “ดื้อ”

     

    “ไม่ได้หรอกพี่ซึงยูน มีคนดื้อกว่า”

     

    “แต่เราก็เห็นว่าตอนนี้มันไม่ปลอดภัย”

     

    “เอาน่า”

     

     

     

    แทฮยอนยังคงเถียง รถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ที่ซึงยุนลงทุนเช่ายืมให้ มาส่งตอนหัวค่ำคือทางเลือกของค่ำคืนนี้ มินโฮไม่เห็นความจำเป็นที่จะเช่ารถใหญ่อีกต่อไป ส่วนแทฮยอนถึงจะเกร็งๆแต่ก็พอทรงตัวขึ้นนั่งได้อยู่

     

    รถมอไซค์แล่นออกจากบ้านเวลาตีหนึ่งกว่าๆ

     

    โชคดีของทั้งสองคนที่คืนนี้ไม่มีใครเฝ้าหน้าบ้านพวกเขา

     

    มินโฮขับรถลัดเลาะไปตามทางชานเมืองพร้อมเลี่ยงที่จะเข้าไปในตัวเมือง แม่ของเขาเองก็ไม่ได้อาศัยในตัวเมืองหรอก เธออยู่จังหวัดใกล้ๆใช้เวลาเดินทางเข้าเมืองไม่นาน หล่อนหลีกเลี่ยงผู้คนแล้วก็หลีกหนีปัญหาวุ่นวายที่เคยเจอ

     

    ส่วนมินโฮก็ต้องแยกออกไปเพราะทำงานให้นายใหญ่แล้วก็เรียนไปด้วย

     

    รถจอดลงที่บ้านหลังเล็ก ๆ มันไม่ได้เก่ามากค่อนข้างจะได้รับการดูแลอย่างดี มีสวนมีพื้นที่หน้าบ้าน แล้วก็จักรยานจอดไว้ มินโฮเคลื่อนรถเข้าไปจอดในตัวบ้าน ไฟในบ้านยังปิดเงียบ สงสัยว่ามารดาเขาจะหลับไปแล้ว

     

     

     

    “ยืนรอข้างนอกก่อนได้มั้ยครับ กลัวว่าแม่ตกใจแล้วจะตีหัวเราทั้งคู่”

     

    “ฮึๆก็ได้”

     

     

     

    คำพูดติดตลกของอีกคนทำให้แทฮยอนยอมแต่โดยดี ร่างเล็กยืนรอเงียบๆ แต่มันก็หลายสิบนาทีจนขาเริ่มเมื่อย หนสุดท้ายก็ทนไม่ไหวไหนจะอากาศหนาวๆด้านนอกนี่ แทฮยอนจึงตัดสินใจเดินเข้าไปในตัวบ้าน พอก้าวเข้าไปเขาก็ต้องลอบยิ้มออกมานั่นล่ะ

     

    ก็ผู้ชายตัวโตคนนั้นกำลังกอดมารดาแน่นเชียว

     

    แทฮยอนนอนห้องเก่าของมินโฮ ผู้ชายคนนั้นอาสานอนห้องนั่งเล่นแทน มารดาของอีกฝ่ายยอมลางานหนึ่งวันเพื่อมานั่งดูแลคุณคนเล็ก จัดการเรื่องมื้ออาหารแล้วก็ทำขนมอร่อยๆให้ทาน หนำซ้ำยังสอนสูตรของโปรดมินโฮมาอีกต่างหาก

     

    เขาจะได้กลับไปอ้วนตายก็คราวนี้

     

    แทฮยอนยังคงสนุกอยู่ในห้องครัวกับคุณนมเขา ส่วนมินโฮก็กำลังหาทางติดต่อพวกเพื่อนเก่าของตนเองอยู่ เขาคิดว่าน่าจะมีใครช่วยหาคอมโง่ๆให้เขาได้สักเครื่องแล้วก็พอจะวางระบบให้ได้ไม่โดนเจาะอีกเป็นครั้งที่สอง อย่างเช่น...

     

     

     

    “พโยจีฮุน”

     

     “ลมอะไรหอบมึงกลับบ้านวะ”

     

    “ลมคิดถึง นี่มึงจริงๆเหรอวะ” มินโฮเอ่ยถาม มองอีกฝ่ายที่ดูดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนจนน่าแปลกใจ เพื่อนคิงคองของเขายักไหล่ ก่อนจะนั่งลงใกล้ๆกัน

     

     “เออกูเอง เอาคอมเครื่องเก่ามาป่ะ”

     

    “เออ เอามา”

     

     

     

    หมอนี่ไม่ได้เก่งขั้นเทพ แค่พอไปวัดไปวาได้แบบโง่ๆ เป็นแค่ผู้ชายติดเกมส์ธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นล่ะ แต่เวลาแบบนี้ก็น่าจะช่วยมินโฮได้มากอยู่เหมือนกัน

     

     

     

     

     

     

     

    กลับมาที่ห้องครัว คุณนมกำลังสอนของว่างง่ายๆอย่างแครกเกอร์กับไอศกรีม แต่แทฮยอนก็ว่ามันไม่ง่ายเท่าไหร่ เขาอ่อนแรงจะตีไอศกรีมเหลือเกินตอนนี้

     

     

     

    “ปวดแขนหมดแล้วครับ” คนตัวเล็กบ่น

     

    “อีกนิดนึงนะคะ ฝึกไว้ จะได้เอาใจเขา”

     

    “ทำไมผมต้องเอาใจเขาด้วยนะ เค้าสิต้องเอาใจผม”

     

    “คุณคนเล็กเนี่ยน้า... นมรู้หรอก”

     

    “โถ่ คุณนม”

     

     

     

    แทฮยอนบ่นอย่างยอมแพ้ เขายอมแพ้จริงๆเพราะว่าเธอดูเด็กน้อยออกตั้งแต่เด็กแล้ว ยิ่งโดขึ้นมาลูกชายเธอก็มุ่งมั่นเสียขนาดนั้น ทำงานเสี่ยงตายแบบที่เธอเป็นห่วงเพราะคนๆเดียว อย่างนั้นก็ห้ามอะไรไม่ได้ ต้องยอมซงมินโฮไปเพราะเด็กคนนี้ทำให้เธอเห็นแล้วจริงๆ

     

    มินโฮยังคงไม่เคยเปลี่ยน

     

    เขายังเสมอต้นเสมอปลายกับคุณเล็กเสมอ

     

     

     

    “ได้ข่าวว่าคุณคนเล็กเดินไม่ได้ เพราะอุบัติเหตุ แต่พอนมได้เจอนี่ดูเหมือนว่าข่าวที่ได้ยินมาจะผิดไปเลยนะคะ”

     

     

     

    เธอบอกพร้อมกับมองดูคนที่เดินหยิบนั่นหยิบนี่ มีบ้างที่แทฮยอนขออนุญาตนั่งเพราะรู้สึกหมดแรง แต่คุณนมเธอก็ไม่ว่าอะไร ได้แต่ลูบผมเบาๆด้วยความเอ็นดู ไม่แปลกใจเลยหากลูกชายเธอจะหลงนักหลงหนา ขนาดเธอเลี้ยงมาดุขนาดไหนเจ้าตัวก็ยังน่ารัก พอเป็นแบบนั้นก็โกรธไม่ลงจริงๆ

     

     

     

    “ได้มินโฮช่วยทำกายภาพบำบัดทุกวันเลยน่ะครับ”

     

    คุณคนเล็กยิ้ม

     

     

     

    แต่เธอก็พอจะรู้จากลูกชายว่าเจ้าตัวประสบอุบัติเหตุจนถูกโรคจิตเภทเล่นงาน ซึ่งพอมาในวันนี้สิ่งที่เธอเห็นคิดได้เพียงอย่างเดียวคือ ความรู้สึกของทั้งสองคนที่มีให้กันมันมีมากเสียจนผูกพวกเขาเข้าไว้ คล้ายกับด้ายแดงที่เหนียวแน่น

     

    ไม่มีอะไรตัดมันขาดออกจากกัน

     

    ไม่มี...

     

     

     

    “ใช้งานลูกชายนมคุ้มเลยใช่ไหมคะ” เธอเอ่ยติดตลกซึ่งแทฮยอนก็ส่ายหน้าเป็นพัลวันแทนคำตอบนั้น ความดื้อที่จะยอมรับผิดถูกแสดงออกมาอย่างชัดเจน

     

    “เปล่าสักหน่อยครับ”

     

    “ฮึๆ ว่าแต่ลมอะไรหอบให้เขาพาคุณคนเล็กมาถึงที่นี่ได้นะ ปกตินมบ่นถึงก็ไม่ยักจะยอมเล่าให้ฟังเท่าไหร่ หรือว่าแอบไปอ้อนพี่เขากัน”

     

     

     

    เธอเอ่ยล้อเลียน ซึ่งแทฮยอนเก็บความรู้สึกไม่เก่งเสียเลยเมื่ออยู่กับผู้หญิงคนนี้ ใบหน้าหวานเจือสีเรื่อ อยากจะปฏิเสธแต่เสียงหัวเราะเบาๆไม่ขาดสายนั้นก็ทำให้เขาหมดข้อแก้ตัว ได้แต่พึมพำอยู่กับตนเองแผ่วเบา

     

     

     

    “นมน่ะรู้ทันผมเหมือนเดิมเลย”

     

    “ฮึๆ นมเลี้ยงทั้งคู่มาตั้งแต่เล็กๆ นมรู้ค่ะ”

     

    “โถ่ นม...”

     

    “ไม่มีใครเปลี่ยนไปเลยทั้งคุณคนเล็ก ทั้งลูกชายนมเอง”

     

     

     

    เธอว่ายิ้มๆ มันเป็นความสุขใจอย่างหนึ่งของคนเป็นแม่ที่เลี้ยงลูกมาให้มีนิสัยหนักแน่น รอยยิ้มอ่อนโยนที่แสดงความภาคภูมิใจยามเอ่ยถึงทั้งสองคน ทำให้แทฮยอนรู้สึกสงสาร เธอดูเป็นหญิงสาวบริสุทธิ์ที่ไม่ควรแปดเปื้อนกับสิ่งที่เขาหรือมินโฮกำลังเผชิญ

     

    มันจริงอย่างที่มินโฮบอก

     

    แทฮยอนไม่ควรมาที่นี่ ไม่ควรออกไปไหนเพราะไม่ปลอดภัย

     

    ยิ่งได้เข้าใกล้ใคร ได้รับรู้ว่าเขาเป็นคนดีเท่าไหร่ หัวใจก็เหมือนยิ่งถูกบีบ อาจจะทุกอย่างที่บีบให้แทฮยอนเร่งเจาะฐานข้อมูลให้เสร็จ แต่เขาก็ยังลีลา แทฮยอนยังชักช้าที่จะทำมันทีละเล็กทีละน้อย เพราะใจหนึ่งที่มันห่วงมินโฮ

     

    ยิ่งมินโฮมีอันตราย

     

    บางครั้งเขาก็อยากหยุด แต่บางครั้งก็อยากให้เรื่องนี้มันจบไวๆ

     

    ความคิดทั้งหมดยังคงตีกัน

     

     

     

     

     

     

     

    พโยจีฮุนกับซงมินโฮยังขลุกอยู่ในห้องด้วยกันทั้งวัน จีฮุนช่วยเขาแก้ระบบไปได้กว่าครึ่งและกำลังจะเสร็จ หมอนั่นบอกว่าสิ่งที่กำลังทำคือการทำงานแฝง เขาไม่สามารถแก้คนล็อคฐานข้อมูลควบคุมการทำงานได้ แต่เขาสามารถเขียนข้อมูลซ้อนเพื่อทำงานแฝงไปด้วยได้โดยที่ข้อมูลไม่หายได้

     

    อย่างน้อยก็ช่วยยืดลมหายใจของมินโฮไปได้อีกช่วงหนึ่ง

     

     

     

    “ขอบใจ”

     

    “เช็คแล้ว ระบบที่ถูกล็อคถึงเวลาจะปลดล็อคเอง มันเป็นแค่ชั่วคราวแต่ก็แน่นหนาเกินกว่าจะทำอะไรได้ ขอโทษด้วย”

     

    “เท่านี้ก็พอแล้ว”

     

    มินโฮเอ่ยบอก

     

     

     

    “แล้วก็อยู่ให้ห่างจากกูไว้เหมือนเดิม ถ้าใครถามอะไรก็บอกไม่รู้”

     

    “มึงยังไม่เลิกทำงานให้ไอ้แก่พุงพลุ้ยนั่นอีกเหรอวะ” จีฮุนเอ่ยถาม เขารู้จักมินโฮตอนที่หมอนี่ย้ายเข้ามาใหม่ เข้ากับใครไม่ได้ พูดจาสุภาพมากแต่ก็ดุดันและห้าวหาญ แถมวิชาเตะต่อยยังชนะเลิศนักเลงแถวนี้อีกด้วย ทำให้ทุกคนกลัวแล้วก็ไม่มีใครอยากยุ่ง

     

     

     

    เว้นแต่เขา พโยจีฮุน ที่โง่เขวี้ยงลูกเบสบอลโดนกระจกบ้านคุณนายซงแตก เลยต้องชดใช้ด้วยการมาติดกระจกใหม่ แต่ก็ซวยยิ่งกว่าตรงที่ลูกเจ้าของบ้านแม่งทำท่าจะติดเอง แต่เขาก็ไม่พูดอะไรยังไงคนทำผิดก็คือคนทำผิด จีฮุนยังตั้งใจตติดกระจกเปลี่ยนให้ใหม่

     

    แล้วเราก็กลายเป็นเพื่อนกันจนกระทั่ง...

     

    เขามารู้ว่าหมอนี่ทำงานใต้ดินผิดกฎหมาย วิชาเตะต่อยบ้าบอคอหอยแตกที่มันเป็นเพราะมันถูกฝึกมา ตอนแรกเขาโกรธมากแต่พอมามองอีกที ซงมินโฮไม่ใช่คนมีเพื่อนหรือสังคมคบ เรียนจบวิทยาลัยไปแบบงงๆ แล้วก็ไม่มีญาติที่ไหน ดังนั้นเขาจึงคบมันไว้เป็นเพื่อนก็ไม่เสียหาย ไม่เอ่ยปากถามทำไมหรืออะไรจนกระทั่งมันเล่าเรื่องของ คุณคนเล็ก ให้ฟัง

     

    คนที่ทำให้มันไม่มีทางเลือก ทางเดียวที่ดิ้นรนอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อเด็กคนนั้น

     

     

     

    “มินโฮ คุณนมให้มาถามว่าจะทานมื้อเย็นเลยไหม”

     

     

     

    ยังไม่ทันที่มินโฮได้ตอบคำถามหรือแม้แต่จีฮุนจะได้คิดอะไร เจ้าของร่างขาวบางก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า ดวงตาเรียวเบิกโพลงขึ้นเล็กน้อย ก้มหัวขอโทษแขกในห้องก่อนจะหัวเราะแห้งใส่เขาทั้งสองคน

     

     

     

    “ขออีกสิบนาที จะตามลงไปนะครับ”

     

    “อื้อ รีบหน่อยนะเดี๋ยวเย็นหมด”

     

     

     

    เจ้าของร่างบางเอ่ยบอกเขา ก่อนจะก้มหัวอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มหวานแล้วปิดประตูลง พโยจีฮุนหันมามองหน้าเพื่อนรักก่อนจะหัวเราะให้กันอย่างรู้ทัน

     

     

     

    “ทีนี้รู้แล้วใช่ไหม ทำไมกูยังทำงานให้เขา”

     

    “แจ่มแจ้ง”

     

     

     

    จีฮุนเอ่ยบอก ก่อนที่ทั้งสองคนจะคุยอะไรต่ออีกนิดแล้วจัดการเก็บของเพื่อลงไปร่วมมื้อเย็นกับคุณนายซง วันนี้เป็นวันแรกที่แทฮยอนได้รู้จักเพื่อนของซงมินโฮ เขาได้ฟังเรื่องตลกมากมายจากผู้ชายตัวโตเสียงทุ้มใหญ่เหมือนมินโฮ

     

    รวมถึงได้รู้เรื่องอะไรมากมายของผู้ชายคนนั้นระหว่างที่ไม่ได้อยู่กับนัมแทฮยอน

     

    มันเป็นวันที่มินโฮยิ้มอายแล้วก็หัวเราะบ่อยที่สุดตั้งแต่เขาจากกับแทฮยอนมา วันที่มีคนตัวเล็กนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม มีมารดาและเพื่อนเพียงคนเดียวของเขา มินโฮไม่รู้ว่าจะเขาจะมีโอกาสแบบวันนี้อีกไหม เพราะอย่างนั้นเขาจึงอยากเก็บช่วงเวลานี้ไว้ให้นานที่สุด

     

    ก่อนที่จะต้องกลับไปเผชิญกับความจริง

     

    มินโฮไม่รู้ว่าเขาต้องเจอกับอะไรอีก

     

    ไม่รู้เลยจริงๆ

     

     

     

     

     

     

     

              UP 21.07.15

     

    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×