ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WINNER] still {Minho x Taehyun} - end

    ลำดับตอนที่ #14 : ตอนที่ 13: แน่ใจ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 539
      4
      14 ก.ค. 58

    Still013

     

    ถึงจะถูกขู่ฆ่าแต่ก็ยังไม่วายถูกลากไปงานเลี้ยงฉลองอะไรสักอย่างที่เขาไม่เข้าใจด้วย จุนซาบอกว่ามีคนสำคัญที่อยากให้มินโฮรู้จักเขาจึงจำเป็นต้องไป มันเป็นใบเบิกทางให้กับชีวิตของตนเองในตอนนี้ ละยิ่งกว่าอะไร ผู้ชายที่ยืนอยู่ไม่ห่างจากเขาเท่าไรนักนั่นคือ อีซึงฮุน

     

    โลกกลมชะมัด

     

    ชายหนุ่มยกแก้วไวน์ขึ้นจิบ

     

    งานเลี้ยงฉลองการกลับมาของนักการเมืองเก่า เขาหายหน้าไปนานถึงสองปีไร้ข่าวสารก่อนจะถูกราชการดึงตัวกลับมา เพราะอะไรนั้นยังถูกเก็บเป็นความลับและอีซึงฮุนเองก็ยังหาคำตอบให้กับเรื่องนี้เช่นกัน ดูเหมือนว่ารัฐบาลจะช่วยเหลือเขาแต่สิ่งที่คนพวกนั้นหยิบยื่นมามันค่อนข้างน้อยนิดเหลือเกิน

     

     

     

    “ยินดีต้อนรับการกลับมานะครับ คิมยองมุน

     

     

     

    เสียงของบทสนทนาต้อนรับแขกกิตมศักดิ์และการแสดงความยินดีดังขึ้น ชายชราค่อนข้างมีอายุพอควรขนาบข้างการ์ดถึงสองคน เขาดูไม่ได้ทิ้งห่างจากจุนซานัก คล้ายกับว่าจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน อีจุนซายิ้มเหยาะขึ้นมาในเวลานั้น ก่อนที่เขาจะเอ่ยเสียงเบา

     

     

     

    “จำชื่อมันไว้ คิมมยองมุน”

     

     

     

    พูดจบเป้าหมายด็เร่งเดินเข้ามาหาทางจุนซา รอยยิ้มมุมปากแฝงนัยปรากฏขึ้นพร้อมกับฝ่ามือหนาที่ยื่นออกไปด้านหน้า การทักทายแบบธรรมดาเริ่มขึ้น จุนซาเอื้อมมือไปสัมผัสมือนั้นตามมารยาทก่อนจะส่งยิ้มกลับ

     

     

     

    “ไม่เจอกันนาน”

     

    “แต่หลังจากนี้คงได้เจอกันอีกนาน”

     

    “การกลับมาอย่างยิ่งใหญ่คราวนี้ ขอแสดงความยินดีด้วย” อีจุนซาเอ่ยบอก เขายกยิ้มพร้อมชักมือกลับ ก่อนจะสอดเข้าไปในกระเป๋ากางเกง

     

    “หึ ขอบคุณ เกือบจะไม่ได้กลับมาแล้วเหมือนกัน”

     

    “อืม... อย่างนั้นเหรอ ?”

     

    “...”

     

    “ถ้าอย่างนั้นก็อย่าหายไปอีกล่ะ”

     

    “...”

     

    “เพราะฉันกลัวว่าแกจะไม่ได้กลับมาอีก”

     

     

     

    เป็นบทสนทนาที่น่าสนใจจริงๆ ไม่นานนักเสียงโทรศัพท์ของมินโฮก็ดังขึ้น เลขาฯของจุนซาส่งข้อมูลและประวัติของมยองมุนมาให้กับเขา รวมถึงเรื่องในอดีตที่เคยทำร่วมกับจุนซาด้วย นั่นยิ่งทำให้มินโฮแปลกใจ กระนั้นจุนซาก็อนุญาตให้เขากลับบ้านได้

     

    แต่แน่นอนว่าสิ่งที่มินโฮทำอย่างแรกเมื่อเขาก้าวขึ้นรถเห็นทีก็คงจะเป็นอ่านข้อมูลของจุนซากับมยองมุนก่อน ดวงคมกวาดมองรายละเอียดที่ปรากฏอยู่บนหน้าจอมือถือของตนเอง

     

    พวกเขาเคยมีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจค้าอาวุธผิดกฎหมายของจุนซา คิมมยองมุนเคยเป็นลูกน้องคนสำคัญของอีจุนซา ก่อนที่ภายหลังจุนซาจะพบว่าหมอนั่นทรยศด้วยการตั้งตนเป็นคู่แข่งกับเขาลับๆระหว่างที่ยังทำงานให้ตนเอง

     

    อีจุนซาไม่ลังเลที่จะไล่หมอนั่นออก

     

    ก่อนที่ในเวลาต่อมาเขาจะเริ่มหันเหมาเล่นการเมือง ข่าวประโคมว่าเขามีอำนาจมากพอเกินกว่าจะเป็นลูกน้องในพรรคของจุนซาอีก คิมมยองมุนออกมาตั้งพรรคใหม่โดยมีตนเองเป็นนายก ก่อนที่พวกเขาจะชิงดีชิงเด่นกันในตำแหน่งทางการเมือง

     

    แต่เหตุผลบางอย่างก็ทำให้คิมมยองมุนหลุดออกจากวงการไป

     

    ก่อนที่เขาจะกลับเข้ามาใหม่ในเวลานี้

     

     

     

    “เรื่องธุรกิจหรือไง”

     

     

     

    มินโฮพูดกับตนเอง เขาเก็บโทรศัพท์มือถือลงในกระเป๋าก่อนจะออกตัวขับรถไป มันถึงเวลาแล้วที่ต้องกลับไปหาคุณคนเล็กพร้อมกับจัดการแก้โค้ดทุกอย่างให้เสร็จ อีจุนซาให้คอมพิวเตอร์เครื่องใหม่แก่เขา วางระบบไว้อย่างดีพร้อมกับถูกวางโปรแกรมป้องกันไว้อีกขั้นหนึ่ง

     

    มินโฮขับรถออกจากโรงแรมใจกลางเมืองด้วยความใจเย็น

     

    ที่ต้องรู้สึกแบบนั้นก็เพราะตอนนี้มีรถสีดำที่วกออกมาจากโรงแรมพร้อมกับเขาถึงสองคัน หนำซ้ำยังขับตามมาอย่างกระชั้นชิดอีก

     

    วนรอบเมืองสักรอบหน่อยเป็นไง

     

     

     

    “เวรอะไรอีกวะเนี่ย”

     

     

     

    มินโฮเอ่ยบ่นเบาๆ พวกมันยังขับตามเขาแบบโง่ๆโดยที่ไม่ปล่อยให้หนีไปไหน มันต้องการอะไร ? ดูเหมือนคำถามนี้จะวกไปวนมาซ้ำๆจนรู้สึกหงุดหงิด เขาไม่รู้ว่านายใหญ่หาศัตรูให้เพิ่มหรือเปล่าแต่ถ้ามันมาขนาดนี้ก็ต้องลองสักตั้ง

     

    ซงมินโฮเหยียบคันเร่ง

     

    เข็มหน้าปัดโชว์ความเร็วจนใจสั่นแต่กระนั้นก็ยังไม่เท่ารถหรูสีดำที่มุ่งทะยานออกนอกเมือง มินโฮพยายามปาดหน้าเพื่อให้มันเสียการทรงตัวแต่ดูเหมือนว่าชั้นเชิงของมันจะมีมากกว่า หมอนั่นสามารถขับแซงเขาได้ในไม่กี่นาทีต่อมา รถสองคันขับเบียดจนเกือบจะถึงโค้ง

     

    มันเร่งความเร็วจนเทียบข้าง... มินโฮลดกระจกรถลง แต่ไม่ยุติธรรมเมื่อฝ่ายนั้นลดลงแค่ครึ่งใบหน้าเท่านั้น เขาสัมผัสได้ถึงความเย้ยหยันจากดวงตาอีกฝ่าย

     

    มินโฮขับนำไป

     

     

     

    “เบรก!

     

    เขาสบถ

     

    เบรกรถใช้งานไม่ได้!!! การวนรถเล่นรอบเมืองทำให้เขาไม่ได้ใช้กำลังมากมายเท่าไหร่ แต่ก็รู้สึกเบรกฝืดมาสักพัก มินโฮไม่ได้เอะใจเลยสักนิดจนกระทั่งเขาเหยียบจนเกือบจะมิด

     

    รถสีดำอีกคันล่ะ!?

     

    เพิ่งจะสังเกตว่าที่ขับแข่งกับเขามีคันเดียว อีกคันที่ออกมาพร้อมกันหายไปไหน แต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่มินโฮจะมาสนใจอะไรนัก เขาต้องหาทางรอด!

     

    หัวใจเต้นแรง สถานการณ์ฉุกเฉินที่การ์ดหนุ่มยังไม่เคยเจอ ให้เขาสู้กับพวกเถื่อนในโกดังสักสิบคนยังไม่ตื่นเต้นเท่าตอนอีกไม่กี่นาทีข้างหน้ารถจะหล่นลงเขา!!

     

     

     

    “เวรอะไรวะ!

     

    ปี๊น!

     

     

     

    “กระโดดมา!

     

    “...”

     

    “ถ้าไม่อยากตายก็กระโดดมาสิวะ!!

     

     

     

    เสียงของผู้ชายเจ้าของรถสีดำอีกคันที่เขาตามหาตะโกนใส่ วินาทีนั้นมินโฮไม่คิดออะไรอีกเมื่อชายหนุ่มอีกคนขับรถมาเบียดรถเขา มือหนาละพวงมาลัยทิ้ง ก่อนที่จะกระโจนตัวเองออกมาจากรถหรูแล้วพาร่างของตัวเองหย่อนเข้าไปในรถอีกคัน

     

    รอดตาย

     

    คนแปลกหน้าเหยียบเบรกจนหัวมินโฮโขกกับวัตถุด้านหน้า หนังแตกเลือดไหลซึมลงมาตามโครงหน้าเข้มของตนเอง แต่เท่านี้มันก็เล็กน้อยกับวินาทีปลิดชีวิตเมื่อสักครู่นี้

     

    รถของคนแปลกหน้าที่มินโฮอาศัยเอาชีวิตรอดจอดลง เบื้องหน้าคือภาพของรถตนเองลอยเคว้งกลางอากาศ

     

     

     

    “นายเป็นใครวะ ?”

     

     

     

    มินโฮเอ่ยถามพลางมองอนาคตของตนเองที่กำลังลอยลงเขาไป ก่อนที่มันจะหายลับไปกับตาตรงนั้น เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลโทรมกาย เขายังคงตื่นเต้นแล้วก็ยังเรียกสติกลับมาได้ไม่เท่าที่ควรจะเป็น อีกฝ่ายเองก็เช่นกัน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันมองภาพตรงหน้าเหมือนกับมินโฮ

     

    “การ์ดของคิมมยองมุน”

     

    คิมมยองมุน

     

     

     

    “ชเวซึงฮยอน”

     

    “...”

     

    “อยากรู้อะไรก็ติดต่อมา”

     

     

     

    นามบัตรสีดำสนิทถูกยื่นให้กับเขา มินโฮมองอีกฝ่ายก่อนจะลอบถอนหายใจ เมื่อผู้ชายคนนี้เริ่มขับรถมุ่งตรงไปยังบ้านไม้สีขาว เขาทิ้งระยะจอดห่างไปประมาณร้อยเมตร เพรารู้ดีว่ามันคงจะผิดสังเกตหากจอดส่งอีกฝ่ายที่หน้าบ้าน

     

     

     

    “นายเคยมาที่นี่หรือไง”

     

    “อยากรู้อะไรก็ติดต่อมา”

     

     

     

    อีกคนเอ่ยบอก ก่อนที่มินโฮจะตัดสินใจลงจากรถจริงๆ มันเป็นวันแรกที่เขาถอดสูทออกพร้อมกับโยนทิ้งข้างทางอย่างหงุดหงิดก่อนจะเดินเข้าบ้านไป ประจวบเหมาะเหลือเกินกับมื้อเที่ยงของคุณคนเล็กที่บังเอิญมาเจอเขาเข้าตรงระเบียงทางเดิน

     

     

     

    “ซงมินโฮ!

     

     

     

    เสียงหวานเอ่ยดังขึ้น ใบหน้าของชายหนุ่มที่อาบเลือดจนหยดแหมะบนเชิ้ตขาวสะอาดตากับสภาพสะบักสบอมระดับหนึ่งทำให้ขาร่างเล็กอ่อนจนซึงยุนต้องช่วยประคองไว้ มินโฮกรูเข้าไปรับ เขาส่ายหน้าบอกซึงยุนเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร

     

     

     

    “ให้ผมเรียกหมอไหม?”

     

     

     

    มินโฮไม่ตอบอะไร เขายังคงส่ายหน้า ซึงยุนสูดลมหายใจขมวดคิ้วมองด้วยความเป็นห่วง ขายาวเดินหลบไปทางอื่น ปล่อยให้กายบางของแทฮยอนถูกประคองโดยคนเจ็บ

     

     

     

    “พี่มินโฮ...”

     

     

     

    เสียงหวานเอ่ยเรียกเขาแผ่วเบา มินโฮส่งยิ้มจางทั้งที่เขาเห็นว่าขอบตาเรียวของแทฮยอนร้อนผ่าว แดงรื้นด้วยหยาดน้ำตา ความกลัวถาโถมเขามาราวกับว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นกำลังวนซ้ำเหมือนวงล้อหมุน แทฮยอนกลัวว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะจบลงเหมือนในอดีต

     

    มือบางเอื้อมไปประคองใบหน้าของอีกคนไว้ด้วยความเป็นห่วง

     

     

     

    “ทำอะไรมา”

     

    “...”

     

    “เจ็บมากไหม ทำอะไร พ่อทำอะไร”

     

    “...”

     

    “พ่อใช่มั้ย พ่อทำพี่ใช่มั้ย พ่อทำอะไรบอกผมมานะ”

     

    สวบ

     

     

     

    วงแขนกว้างรวบกายบางเข้ามากอดแน่น แทฮยอนตัวสั่น ร่างเล็กกลัว กลัวว่าเขาจะต้องเสียมินโฮไปและชายหนุ่มเข้าใจดี มินโฮปิดเปลือกตาลง ถ่ายทอดความอบอุ่นจากร่างกายให้อีกฝ่ายเพื่อบอกเจ้าของร่างบางว่าเขาไม่ได้เป็นอะไร วงแขนโอบกระชับ

     

    เขายังอยู่ตรงนี้ ยังกอดอีกคนได้แบบนี้

     

    แทฮยอนห่อตัวอยู่ในอ้อมกอด ซุกใบหน้าลงกับอกกว้างถูไถไปมาราวกับลูกแมวน้อยที่กำลังหวาดผวา มินโฮเอื้อมมือมาลูบกลุ่มผมนุ่มแผ่วเบา

     

    แทฮยอนเริ่มเย็นลง...

     

    สงบสติได้ก็ฝังใบหน้ากับอ้อมกอดของอีกคนอยู่หลายนาที ผ่อนลมหายใจหนักๆเป็นเบาพร้อมกับใช้สองแขนเรียวกอดอีกคนเอาไว้บ้าง แก้มนิ่มถูไถไปมาอยู่ที่อกอุ่น จนได้ยินเสียงหัวใจเต้นของอีกคน

     

    เสียงหัวใจของมินโฮเต้นแรง จนแทฮยอนหน้าแดงตามไปด้วย แต่ที่มันเป็นแบบนี้ก็เพราะกลิ่นหอมๆกับกายบางๆที่ซุกอยู่ในอกเขาและมันก็น่าอายเหลือเกินที่ดูเหมือนว่าอีกคนรับรู้ถึงมัน ดวงตาสวยคู่นั้นช้อนมองเขา

     

     

     

    “มินโฮ...”

     

    “ชู่”

     

     

     

    เขาเอ่ยเสียงแผ่ว ไม่อยากให้อีกคนได้พูดอะไร ริมฝีปากหยักเข้มประทับจูบแผ่วเบาบนริมฝีปากบาง ค้างไว้เนิ่นนานก่อนจะเริ่มขยับแผ่วเบาเมื่ออีกคนปิดเปลือกตาลง วงแขนที่เคยโอบกระชับกายเล็กผ่อนออกก่อนจะเปลี่ยนมาลูบเอวคอดแผ่วเบา

     

    ไม่มีการรุกล้ำ มีเพียงแค่ริมฝีปากดูดดึง ใบหน้าหวานของคนตัวเล็กยามรับจูบของเขามันยิ่งเร่งอัตราการเต้นของหัวใจ มินโฮปิดเปลือกตารับสัมผัสปลอบประโลมนี้ช้าๆ ก่อนที่เขาจะเคลื่อนมือไปวางตรงตำแหน่งหัวใจของอีกคนบ้าง

     

    ริมฝีปากหยักผละออกมา

     

    เอ่ยชิดปากแดงสวยแผ่วเบา

     

     

     

    “เหมือนกันนั่นล่ะครับ”

     

    แทฮยอนรู้ความหมายของประโยคที่ซงมินโฮกล่าวดี...

     

     

     

     

     

     

     

    มินโฮกลับมานั่งทบทวนอยู่ในห้องของเขาหลังจากทำแผลเสร็จแล้ว คุณคนเล็กก็ถูกซึงยุนลากไปทานอาหารเที่ยงเสียที เข้าใจว่ารายนั้นกลัวเสียสุขภาพจิตไปมากกว่าเก่าเพราะเหตุการณ์หัวแตกเดินเข้าบ้านของซงมินโฮ เลยต้องให้อยู่ห่างไปก่อน

     

    ส่วนมินโฮที่กำลังตั้งสติกับทุกอย่างตั้งแต่โดนปืนจ่อหัว ถูกบังคับให้ไปงานของคู่อริและโดนตัดสายเบรกจนขาดมันไม่ได้ขาดสนิทแต่มันทำเหมือนเกือบขาด รถมินโฮไม่ได้ใช้มานานหลายปีจนเบรกต้องขาดเองขนาดนั้น เขารู้ดีว่าพวกมันจงใจทำอะไร

     

    ทั้งหมดนั้นทำให้รู้ว่าเขายังไว้ใจอะไรไม่ได้ในตอนนี้ อีซึงฮุนเองก็อยู่ในงาน ในงานนั้นมีแต่คนที่เขาไม่รู้จัก พาไปคราวนี้เขาเหมือนเนื้อชิ้นใหญ่

     

    เนื้อที่คู่แข่งของจุนซาทุกคนหมายหัว ยอมรับว่าธุรกิจการค้าอาวุธเงียบกริบในตอนนี้ มินโฮไม่รู้เลยว่าใต้ดินทำงานไปถึงไหนแล้วเพราะเขาถูกให้ออกกลางคัน การทำงานควบคุมดูแลธุรกิจเหล่านั้นมาก่อนทำให้เขารู้จักคนเยอะก็จริง

     

    แต่นายใหญ่จงใจให้มินโฮตัดขาดทุกอย่างโดยเอาเรื่องคุณคนเล็กมาเป็นข้ออ้าง ประกอบกับตอนนี้ข้อมูลที่ได้มาคืออีจุนซาเคยถูกหักหลังมาก่อนเพราะคิมมยองมุนรู้จักคนเยอะ ดูเหมือนว่าจากรณีนี้ทำให้มินโฮไม่สามารถขอความช่วยเหลือจากใครได้เลย เขาถูกปิดตายทุกทาง

     

    นายใหญ่ อีซึงฮุน คิมมยองมุน ชเวซึงฮยอน ไอ้โรคจิตที่วนรถมาหน้าบ้านทุกวันหรือคนที่พยายามจะเข้ามาทำร้ายคุณคนเล็กวันนั้น มินโฮไม่รู้เลยว่าใครเป็นคนตัดสายเบรกเขา และดูเหมือนว่าเป้าหมายหลักจะเป็นซงมินโฮเอง ไม่ใช่คุณคนเล็กอย่างที่เขาเข้าใจ

     

    มาแน่ใจเรื่องนี้ก็ตอนเกือบเอาชีวิตตัวเองไม่รอด...

     

    มินโฮสับสนไปหมด เขาไม่รู้ว่าควรเชื่อใครดี แล้วผู้ชายที่โผล่พรวดเข้ามาช่วยให้รอดตายที่ชื่อชเวซึงฮยอนนั่นก็ไม่ยอมตอบคำถามอะไรเขา บอกแต่จะให้ออกไปพบท่าเดียว ซึ่งรถของหมอนั่นก็รุ่นเดียวกับรถที่มาจอดหน้าบ้านคุณคนเล็กทุกวัน

     

              หมับ...

     

              วงแขนเรียวของใครบางคนโอบกอดเขาเอาไว้ เสื้อแขนยาวสีขาวไหมพรหมกับใบหน้าเย็นๆที่แนบลงมาข้างแก้มเขาทำให้มินโฮคลายยิ้มออกมา

     

     

     

              “หนีซึงยุนมาเหรอครับ”

     

    “อือฮึ ไม่อยากให้มินโฮอยู่คนเดียว”

     

     

     

    ว่าแล้วก็กระชับกอดเขาเอาไว้อย่างน่ารัก มินโฮปิดเปลือกตาลงช้าๆ พอเขาได้กอดนุ่มๆจากคนนี้แล้วก็ลืมเรื่องที่กำลังปวดหัวไปสนิท ปวดทั้งหัวปวดทั้งแผลไปหมด

     

     

     

    “ดีมั้ย”

     

    เอ่ยถามอีกคนที่หลับตาเสียงแผ่ว ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมพยักหน้ารับแต่โดยดี

     

     

     

    “มินโฮรถมินโฮไปไหน ทำไมไม่เห็นขับมาจอด”

     

    “ปลิวตกเขาไปแล้วครับ”

     

     

     

    เขาว่าทีเล่นทีจริง แต่แทฮยอนกลับไม่เชื่อ มือบางตีเบาๆที่ท่อนแขนอีกฝ่ายก่อนจะละกอดลงแล้วพยุงร่างตนเองมานั่งตรงหน้าอีกคนแทน เตียงมินโฮแคบอย่างที่เคยบอก คราวที่แล้วที่แทฮยอนเข้ามาให้เขามันก็ตอนทำแผลมีดถาก ชายหนุ่มจึงต้องขยับกายให้อีกคนได้นั่งกว้างๆเล็กน้อย

     

     

     

    "ไม่ตลกเลยมินโฮ รถไปไหน”

     

    “พังไปแล้วน่ะครับ”

     

    “งั้นผมจะบอกให้พ่อถอยคันใหม่”

     

    “ออกใหม่ทำไมล่ะครับ อยู่แบบไม่มีรถก็ดี”

     

    “...”

     

    “อยู่กับคุณคนเล็กไม่ไปไหน”

     

     

     

    คนฟังหน้าแดง มินโฮยิ้มก่อนจะยกมือขึ้นลูบพวงแก้มปลั่งนั้นเบาๆ เขารู้สึกว่าพักหลังๆสัมผัสคนตัวเล็กมากเหลือเกิน เพราะจิตใจที่อ่อนแอเลยอยากได้ความอบอุ่นหวานละมุนจากอีกคนมาปลอบประโลมความคิดของตนเอง แล้วมันก็เป็นแบบนี้บ่อยจนเขาคิดว่าความสัมพันธ์ของเรามาไกลขึ้น

     

    แต่มินโฮก็ยังพูดคำๆนั้นออกไปไม่ได้

     

    เขายังไม่พร้อม จนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย เขาจะบอกมัน

     

     

     

    “มินโฮทำหน้าเครียดอีกแล้ว”

     

     

     

    คนตัวเล็กเอ่ยบอกเขา ดึงมินโฮออกมาจากห้วงความคิดอีกซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขายิ้มจางออกมาแต่มันดูเป็นรอยยิ้มที่เหนื่อย แทฮยอนสัมผัสได้ ร่างเล็กไม่รู้จะช่วยอีกฝ่ายอย่างไร ได้แต่นั่งมองตาละห้อยด้วยความเป็นห่วง

     

    เห็นอย่างนั้นคนมองก็อดไม่ได้จริงๆ... ชายหนุ่มเอ่ยเรียกอีกคน

     

     

     

    “มาใกล้ๆผมหน่อยครับ”

     

    “หือ ?”

     

    อีกครั้งที่มินโฮรั้งร่างน้อยนั้นมาจมอยู่ในอ้อมกอด ถูกดึงไปกอดแบบทั้งที่รู้ตัวและสติดีนี่มันเขินจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ตรงไหนจริงๆ เพราะซุกอีกนิดก็จะจมอยู่กับอกอุ่นๆอีกแล้ว

     

     

     

    “อืม...”

     

    “อะไร ?”

     

    “แบบนี้ดีขึ้นเยอะเลยครับ”

     

     

     

    เขาเอ่ยบอกก่อนจะยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่าคุณคนเล็กเขินจริงๆ ซงมินโฮนี่เป็นคนที่ทำให้แทฮยอนเขินได้ตั้งแต่คำพูดธรรมมาจนกระทั่งการกระทำ เขาช่างเป็นคนที่เสมอต้นเสมอปลายเสียจนคนคิด...

     

    ส่ายหัวไปมาเบาๆ เหมือนแมวที่กำลังสะบัดหน้าไปมาอย่างน่ารัก

     

    แต่กอดอีกคนไว้แบบนี้มันก็ดีจริงๆนั่นล่ะ

     

    ดีมากจริงๆ...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    UP 14.07.15

    ตูมมมมมมมม! โอ้โห ตัวประกอบเรานี่แซ่บลืมจริงๆค่ะ

    คุณคนเล็กกับคุณการ์ดก็เริ่มแซ่บขึ้นเรื่อยๆแล้วค่ะตอนนี้ ; v ;

     

    อะฮรึกกกกกก ตอนนี้กำลังเจ้มจ้น พี่มินโฮโดนตามล่าอย่างเจ้มจ้น

    โปรดเอาใจช่วยคุณการ์ดของเราด้วยนะคะ

    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×