คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 10: ดีขึ้น
Still010
ห้องประชุมงานใหญ่ของพลตำรวจเอกอีซึงฮุนยังคงคุกครุ่นไปด้วยความตึงเครียด ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งสวมเพียงเสื้อแจ๊คเก็ตหนังสีเข้มทับเสื้อสีคอกลมขาวด้านในชายหนุ่มห้อยป้ายตราสัญลักษณ์ตำรวจเอาไว้บ่งบอกว่าเขากำลังทำหน้าที่ปฏิบัติอยู่ กางเกงยีนพอดีส่วนกับรองเท้าผ้าใบธรรมดายังทำให้ซึงฮุนดูดีจนลูกทีมหลายคนเผลอมองอยู่นานสองนาน
ทั้งหมดทั้งมวลผิดประเด็น
“รายงานความคืบหน้าว่าไงบ้าง”
“จากข้อมูลที่มีอยู่ตอนนี้ พวกพ่อค้าอาวุธเถื่อนรายใหญ่ในแถบเอเชียเริ่มไม่มีการเคลื่อนไหวเพราะตัวการใหญ่ถูกเราจับไปเมื่อหลายเดือนก่อน”
“พ่อค้ารายใหญ่ที่ว่าหมายถึงผู้ต้องสงสัยคนนั้นหรือเปล่า ?”
“ค่ะ อีจุนซา นักการเมืองใหญ่ผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่ง ของเรา”
เขายกยิ้มมุมปากเล็กน้อย
ซึงฮุนกอดอกพยักหน้ารับฟัง การจับเอเย่นต์ข้ามทวีปของเขาได้เมื่อไม่นานมานี้ส่งผลให้พวกพ่อค้ารายใหญ่หลายประเทศต้องพักงานลงอย่างไร้สาเหตุเนื่องจากเป็นความเสี่ยงไม่น้อยที่จะเลือกเคลื่อนไหวในช่วงเวลาแบบนี้ และเขาสงสัยถึงการมาอย่างกะทันหันของมินโฮว่าอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้
น่าแปลกที่การขนย้ายอาวุธข้ามประเทศหยุดลงไปพร้อมกับช่วงเวลาที่เขารู้มาว่ามินโฮกลับมาหาน้องชายตัวเอง
แต่ถึงอย่างนั้นก็ต้องพับความคิดนั้นเก็บลงไป ซึงฮุนแน่ใจเรื่องที่ทุกอย่างไม่มีการเคลื่อนไหว มินโฮเป็นคำตอบที่ดีในใจให้กับเขา แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีหลักฐานอะไรจะไปยืนยันความคิดของตนเองได้
เขาต้องรอเพียงแค่ข้อมูลจากนัมแทฮยอนในตอนนี้
“รายชื่อทั้งหมด ส่งให้ผมก่อนเช้าวันพรุ่งนี้”
“ได้ค่ะ”
เสียงของหญิงสาวที่ทำหน้าที่ดูแลเรื่องประวัติของผู้ต้องสงสัยเอ่ยบอก เธอทำการจดรายละเอียดลงในสมุดของเธอต่อ เมื่อซึงฮุนสั่งงานเสร็จ ชายหนุ่มปรายตามองไปยังหัวเรื่องถัดไปของการสนทนาวันนี้
“ผมต้องการทราบความเคลื่อนไหวของพวกมันครั้งสุดท้าย คุณจะให้ผมได้เมื่อไหร่”
“มะรืนนี้ครับ”
“ดี”
การทำงานและตรวจสอบรายละเอียดยังคงดำเนินไปอย่างเรื่อยๆตามช่วงเวลาที่กำหนดไว้ หลายคนอาจจะสงสัยว่าการที่อีซึงฮุนทำคดีนี้กับพ่อแท้ๆของตัวเองเขาไม่เกิดความคลางแคลงใจหรือกระสับกระส่ายจนไม่อยากทำมันบ้างเหรอ
ชายหนุ่มได้แต่ตอบไปว่า “มันคืองานของผม หน้าที่ของผม ผมรับใช้ราชการและความถูกต้อง” เขาแบ่งแยกทุกอย่างออกจากกัน สื่อไม่ได้โจมตีซึงฮุนในเรื่องนี้เพราะทุกอย่างอยู่ในระหว่างการดำเนินการรวบรวมหลักฐาน
มันเป็นความลับ
และงานของเขาเองก็ได้รับมาจากคนอื่นอีกทีหนึ่ง
ส่วนเรื่องส่วนตัวมันก็เป็นแค่แรงจูงใจและความรู้สึกที่ซึงฮุนอยากทำลายมันเพราะความสูญเสียของเขาเมื่อสองปีก่อน อีซึงฮุนตั้งใจทำคดีของอีจุนซา เพราะเขาแค่ต้องการชดใช้การตายของมารดาและการสูญเสียของน้องชาย
อีซึงฮุนต้องการเท่านั้นจริงๆ...
“เขาเก่งจริงๆเลย สมแล้วที่ย้ายมาจากที่นู่น”
“ทำงานกับเขานี่ฉันเกร็งจะแย่ เขาจริงจังมากไปหน่อย”
“แต่โดยรวมก็ดี เพลินนี่นะ”
เสียงของทีมเขาเอ่ยดังขึ้นแว่วแต่ซึงฮุนก็ไม่ได้สนใจนัก เขาสนใจข้อความที่เข้ามาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนมากกว่า ข้อความจากคุณพ่อบ้านปากร้ายที่คอยดูแลน้องชายของเขา ซึงฮุนยกยิ้มจางขึ้นมาบนใบหน้าระหว่างที่กดดูเนื้อความ
ซึงยุนหย่อนโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋ากางเกง อันที่จริงแล้วเขาไม่ได้อยากจะส่งข้อความโง่ๆนั่นไปหาซึงฮุนหรอก แต่จินวูบอกให้เขาทำเพราะวันนี้เรามีนัดตรวจสุขภาพแทฮยอนกัน อันที่จริงต้องตรวจตั้งแต่เช้า แต่เพราะซึงฮุนติดงานจินวูเลยยอมเลื่อนให้เป็นช่วงบ่ายแทน และเพราะกลัวว่าจะสายซึงยุนจึงส่งข้อความไปเตือน
“บ้าน่า”
บ่นกับตัวเองก่อนจะยกมือขึ้นยีผมแรงๆ พยายามจะไล่ทุกอย่างออกไปจากหัว ความคิดบ้าๆกับหน้าแดงๆของตนเอง
วันนี้เป็นวันตรวจสุขภาพของแทฮยอน อาการของร่างเล็กดีขึ้นจนจินวูประหลาดใจหลายหน เขาลดยาให้เป็นของตอบแทนในความตั้งใจนั้น แล้วก็ขอบคุณที่มินโฮเข้ามาเยียวยาอาการทางจิตให้ดีขึ้นอย่างน่าใจหาย ตอนนี้มินโฮอยู่ในห้องนอนเล็กๆของเขา ชายหนุ่มกำลังเตรียมตัวสำหรับตอบคำถามจินวูอยู่ในห้อง
ความเงียบบวกกับการที่เขาเอาแต่สนใจแผ่นกระดาษในมือของตนเองเสียส่วนใหญ่ทำให้มินโฮไม่รู้เลยว่า ใครบางคนกำลังพยายามก้าวเท้าเข้ามาหาเขาอย่างเงียบๆ
ครืด!
“!!!?”
หนสุดท้ายเสียงดังคล้ายของบางอย่างเคลื่อนออกทำให้มินโฮทิ้งกระดาษในมือไปสนใจที่มาของเสียงทันที เจ้าของกายบางกับเสื้อลายทางสีฟ้าและกางเกงขายาวสีอ่อนกำลังทำท่าจะล้มลงไปเหมือนกับพวกของใช้ที่มินโฮวางไว้บนโต๊ะเตี้ยของเขา
“คุณคนเล็ก!”
เขาเอ่ยเรียกอีกคน วงแขนแกร่งเคยชินที่จะช้อนกายบางขึ้นแนบอกอย่างไม่ลังเล มินโฮบรรจงวางอีกฝ่ายลงบนเตียงเดี่ยวของเขาก่อนจะถอนหายใจออกมา หยิบจับมือนุ่มมาสำรวจว่ามีรอยฟกช้ำตรงไหนหรือไม่ด้วยความเป็นห่วง
"ไม่เป็นอะไรหรอกน่า แค่หมดแรงกะทันหันเอง”
“เป็นห่วงไงครับ ใครว่าไม่เป็นอะไร”
มินโฮเอ่ยดุ เขายังคงจับมือนุ่มไว้แบบนั้น แทฮยอนไม่ตอบอะไรยิ้มรับให้กับน้ำเสียงของอีกฝ่ายตาหยี ผมสีดำขลับแสกกลางกับคิ้วเรียวร่วงๆที่ยังคงเป็นเอกลักษณ์ของความน่ารัก ทำให้มินโฮใจอ่อนไม่ถือโทษความซนของอีกฝ่าย
“ทำไมไม่ให้ซึงยุนพยุงมาหืม ล้มไปกลางทางจะทำยังไงครับ”
“ลุกไง”
“ลุกไหวแล้วเหรอ ?”
“ไม่ไหวหรอก แต่เพราะจะมาหามินโฮไง ก็เลยต้องไหว” ตอบอีกครั้งพร้อมกับยิ้มแป้นแล้น น่ารำทั้งคำตอบและคนตอบ ดูเหมือนวันนี้คุณคนเล็กคนดีของเขาจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ทั้งที่ปกติถ้าขาหมดแรงหรือทำท่าจะล้มไปก่อนคงหน้าหงิกหน้างอไม่พอใจไปแล้ว
แต่วันนี้ไม่ใช่
“อารมณ์ดีจังเลยนะครับ เตรียมอะไรไว้อวดคุณหมอจินวูล่ะ”
“ไม่มีหรอก”
“แล้วทำไมอารมณ์ดี”
“ก็เดินมาหามินโฮได้แล้วเลยอารมณ์ดี” ตอบฉะฉานเสียจนคนฟังหัวใจเต้นแรง มินโฮไม่รู้จะทำอย่างไรกับสถานการณ์ตรงหน้า เพราะดูเหมือนว่าเขากำลังจะเขินคุณคนเล็กเข้าให้ ชายหนุ่มได้แต่พึมพำออกไปเสียงเบา
“ทำไมน่ารักแบบนี้ล่ะครับ”
“น่ารักแล้วยังไงล่ะ”
“ไม่แล้วยังไงหรอกครับ เพราะผมไม่รู้วิธีจะจัดการกับความน่ารักของคุณคนเล็กน่ะสิ” เอ่ยตอบทีเล่นทีจริง ก่อนจะเอื้อมมือไปเขี่ยจมูกเล็กเล่นให้แทฮยอนได้ถอยใบหน้าหนีแล้วยู่หน้าใส่เขาจริงๆ แต่ก็ทำแบบนั้นได้ครู่เดียว
ทุกอย่างกลายเป็นเสียงหัวเราะ แปรเปลี่ยนเป็นความสุขโอบรอบตัวเราก็เท่านั้น
“ไปกันได้แล้วน่า”
มินโฮพยักหน้าลุกขึ้นแต่ก็ยังไม่ปล่อยมือบางของคุณคนเล็กเขา แทฮยอนมองตามแต่ก็ไม่ยอมลุก มือขาวๆนั้นชักกลับก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นกอดอกตัวเองไว้แทน
“อยากตกงานเหรอ”
“ตกงาน ?”
“อือฮึ”
มินโฮยิ้มอีกครั้ง ทำท่างอแงแล้วก็พูดจาอ้อมค้อมแบบนี้มีอย่างเดียวเท่านั้น อีกครั้งที่วงแขนกว้างช้อนกายบางขึ้นจากที่นอน แทฮยอนหน้าแดง อันที่จริงเขาคิดแค่ว่าจะแหย่เล่นแต่ไม่คิดว่ามินโฮจะทำมันจริงๆ แขนเรียวข้างหนึ่งวางพาดอยู่ที่บ่าของอีกฝ่าย
สองขาของมินโฮก้าวลงบันไดอย่างระมัดระวังในขณะที่เสียงเอ่ยทักทายที่แทฮยอนคุ้นหูดีดังขึ้นมาพร้อมกัน
“ทำไมอุ้มลงมาแบบนั้นล่ะ ?”
ซึงฮุนขมวดคิ้ว
มินโฮหันกลับไปมองหน้าคนเอาแต่ใจในอ้อมกอดเขา พวงแก้มใสแดงปลั่งก้มหน้างุดไม่ยอมตอบคำถามพี่ชาย ใช่สิ แทฮยอนจะไม่บอกหรอกว่าสั่งให้เขาอุ้มมาแบบนี้ มินโฮหันหลับไปมองเจ้าของเสียง
“เมื่อกี้บังเอิญล้มตอนลุกออกมาจากห้องน่ะครับ”
ซึงฮุนพยักหน้าเล็กน้อย พร้อมกับแทฮยอนที่เหลือบมองเสี้ยวหน้าอีกฝ่าย
เข้าใจตอบนักนะ ซงมินโฮ
บรรยากาศในห้องวันนี้ไม่ได้มีแต่ความตึงเครียดเหมือนเมื่อก่อน มินโฮเองก็ไม่ได้ยืนหลบอยู่ที่มุมห้องอย่างที่ควรจะเป็น เขายืนอยู่ไม่ห่างจากจินวูนัก แต่ก็ค่อนข้างห่างกับแทฮยอนพอสมควร ซึงฮุนเองก็ยืนดูแทฮยอนอยู่ใกล้ๆในขณะที่ซึงยุนยังคงรักษาระยะห่างของเขาเอาไว้ ร่างสูงโปร่งนั้นเลือกจะยืนมองทุกอย่างอยู่มุมห้องเหมือนเคย
“เอาล่ะ ไหนดูซิว่าวันนี้จะเดินได้ไกลแค่ไหน”
จินวูว่ายิ้มๆ เขาจำเป็นต้องขอให้มินโฮมาเป็นปลายทางสำหรับแทฮยอนเพราะกำลังใจทั้งหมดจากร่างเล็กมาจากคนๆนี้เพียงคนเดียวเท่านั้นซึ่งอีกฝ่ายก็ไม่ขัดอะไร เขายินดีจะยืนโง่ๆนานๆก็ได้หากมันเป็นแทฮยอน
“ฮึบ”
เสียงฮึบลมหายใจดังขึ้นพร้อมกับร่างเล็กที่ลุกขึ้นจากเก้าอี้ไม้ ยอมรับว่าแม้แต่จะลุกเองยังเก่งจนน่าใจหาย หลายครั้งที่ซึงฮุนพยายามจะถลาตัวเข้ามารับน้องชายเอาไว้แต่ก็ถูกจินวูสั่นศีรษะห้ามเอาไว้ก่อน เขากำลังกอดอกมองแทฮยอนที่ก้าวไม่ช้าไม่เร็วแต่กำลังตั้งใจก้าวไปเรื่อยๆ
ดวงตาเรียวเล็กไม่ได้มองปลายทาง แทฮยอนก้มมองเท้าของตัวเองระหว่างเดิน มีบางช่วงที่ดูเหมือนจะหมดแรงเหนื่อยแต่ช่วงนั้นนั่นล่ะที่เจ้าตัวยอมเงยหน้าขึ้นมามองปลายทางของตัวเอง พอเห็นว่าเป็นใครที่ยืนรออยู่แล้วพละกำลังที่มีก็กลับมาอีกครั้ง
“ฮึ”
ยิ้มพร้อมหลุดหัวเราะ
ปลายเท้าเล็กๆขาวหยุดลงตรงหน้ามินโฮ รางวัลของเด็กที่ตั้งใจพยายามคือสัมผัสอ่อนโยนจากฝ่ามืออุ่นซึ่งเอื้อมมาลูบผมนุ่มด้วยความเอ็นดู จินวูทำเป็นไม่เห็นภาพนั้นแต่ก็ยิ้มกว้างในขณะที่ซึงฮุนได้แต่จิ๊ปากพร้อมกระแอมไปด้วยความหมันไส้
น้องชายเขา เขาหวง...
“เก่งมากครับ คุณคนเล็ก”
แต่ก็ดูเหมือนว่าทั้งสองคนจะไม่ได้สนใจ มินโฮเอ่ยชมคุณคนเล็กของเขาก่อนจะละมือออกแล้วหันกลับไปมองคิมจินวูที่ยังคงพอใจกับผลตรวจเดือนนี้ ทุกอย่างดีขึ้นมาก มากจนเขาคิดว่าตัวเองอาจจะไม่จำเป็นอีกต่อไปแล้ว
“เก่งแบบนี้ ต่อไปหมอไม่มาแล้วก็ได้สินะ”
“จริงเหรอครับ!?” แทฮยอนเบิกตากว้างเอ่ยถาม กายบางทำท่าจะถลาเข้าไปหาอีกฝ่าย แต่แทฮยอนก็เหมือนเด็กฝึกเดิน ใบหน้าหวานเกือบจะทิ่มล้มลงไปถ้าไม่ได้มินโฮมาพยุงเอวช่วยไว้ก่อน ทำหน้าที่ดีจริงๆ...
“ฮึ ทำหน้าแบบนี้ ไปลาออกเลยดีมั้ยนะ”
“โถ่ ผมดีใจไม่ได้เหรอครับ”
“ใช่ซี้ มีหมอดีอยู่กับตัวแล้วนี่นะ คงลืมหมอคนนี้ไปแล้ว” คนตาหวานว่าพร้อมกอดอกทำท่าน่ารักกว่า แต่ก็ต้องยอมแพ้อยู่ดีเพราะคนในบ้านนี้น่ะดูเหมือนจะลงความเห็นว่าเจ้าของผมสีดำขลับแสกกลางคิ้วสวยคนนี้น่ารักที่สุดอยู่ดี
จบคำครหา แทฮยอนก็เหลือบมองเจ้าของวงแขนแกร่งข้างกายก่อนจะรับหันไปเถียงคนตรงหน้าทันควัน
“ไม่ใช่สักหน่อยน่า!”
“หน้าแดงหมดแล้ว” จินวูยื่นใบหน้าไปกระซิบพร้อมดึงแก้มนุ่มเบาๆอีกหนึ่งที เขาหัวเราะสักครู่ก่อนจะเอ่ยบอกซึงฮุนและมินโฮให้ออกไปคุยด้านนอก ทิ้งแทฮยอนไว้เป็นภาระของซึงยุนเสียบ้างหลังจากไม่ได้ทำอะไรแบบนี้มานาน
สองร่างสูงโปร่งทั้งสองคนเดินตรงตามจินวูออกไปด้านนอก เป็นการคุยรายละเอียดเรื่องแทฮยอนเหมือนเคยซึ่งร่างเล็กไม่ได้ติดใจอยากรู้อะไร เนื่องจากทั้งสองคนเคยตอบกลับมาเป็นเสียงเดียวกันว่า “เขาก็แค่กำชับให้เราทานยา จะอยากรู้อะไร ?” พอนึกถึงตอนนั้นแทฮยอนจึงไม่อยากรู้อีกว่าหมอจินวูสั่งอะไรไว้
แต่ความจริงมันไม่ใช่แบบนั้นทีเดียวนัก
จินวูก็ทำเหมือนที่เคยทำ เขาเปิดบันทึกผู้ป่วยของตนเองสลับกับดูรายงานการบำบัดของมินโฮ จมูกเล็กถอนหายใจออกมาแต่ก็ยังส่งยิ้มให้คนทั้งสองอยู่ มันเป็นข่าวดีกับทั้งคู่แต่ก็เป็นข่าวร้ายกับตัวเขาเช่นกัน ริมฝีปากบางระบายยิ้ม
“เขาเก่งขึ้นมาก จากนี้ผมคงไม่ได้มาที่นี่บ่อยๆแล้ว ฝากมินโฮดูแลด้วยนะครับ”
“หมายความว่าแทฮยอนดีขึ้นมากอย่างนั้นเหรอ ?” ซึงฮุนยังแปลกใจแต่จินวูก็ยิ้มรับ เขาโหวงเหวงเหมือนกันตอนที่เห็นแทฮยอนเดินเก่งแบบนี้ แต่จรรยาบรรณของจิตแพทย์ที่ดีคือเขาไม่ควรผูกพันกับผู้ป่วยไม่ว่ากรณีใด
ไม่อย่างนั้นเคสของแทฮยอนอาจจะถูกส่งให้คนอื่น นี่คือข้อพึงระวังที่เขาควรจะเสมอตั้งแต่มาทำหน้าที่จิตแพทย์
“มากจนคิดว่า น่าจะเดินได้ปกติเร็วๆนี้ อาจจะสองสัปดาห์หรือหนึ่งสัปดาห์”
“ไวขนาดนั้นเลยเหรอ ให้ตายสิ” ซึงฮุนดูเหมือนจะใจหายเมื่อได้ยินคำทำนายจากคุณหมอตาหวานตรงหน้า แต่เขาก็ยอมรับการกลับมาอย่างสมบูรณ์แบบของแทฮยอน ข่าวดีขนาดนี้เขาน่าจะเร่งหาวิทยาลัยเตรียมไว้ให้แทฮยอนได้เรียนต่อ
“จริงๆนายควรขอบคุณเขานะ ถ้าไม่มีมินโฮนี่ฉันเองก็ไม่รู้ว่าแทฮยอนจะพยายามได้มากขนาดนี้หรือเปล่า แต่เพราะมีเขาเข้ามาทุกอย่างเลยเกิดขึ้นไวขนาดนี้”
จินวูว่ายิ้มๆ สายตาปรายมองชายหนุ่มถ่อมตัวด้านข้าง ซึงฮุนพยายามเก็บความหมันไส้เอาไว้ แต่ก็พยักหน้ารับกับประโยคนั้น จินวูเอ่ยลาเมื่อเห็นว่าแทฮยอนกำลังจะลุกออกมา ทุกคนเอ่ยคำลาเขาโดยที่จินวูไม่ลืมที่จะย้ำให้มินโฮทำหน้าที่ดูแลแทฮยอนให้ดีต่อไป
ส่วนอีซึงฮุนก็แค่มีหน้าที่อธิบายรายงานเบื้องต้นให้กับผู้เป็นบิดาทราบ ก่อนจะตัดสินใจอีกทีว่าควรทำอะไรต่อ เขาน้อมรับคำสั่งหมอไว้แต่โดยดี ซึงยุนพาแทฮยอนไปที่ห้องนั่งเล่น เด็กคนนี้มีธุระจัดช่อดอกคัตเตอร์ต่อจากเมื่อเช้า
และภาระก็มากขึ้นเมื่อซึงฮุนมาแล้วแทฮยอนจำเป็นจะต้องจัดช่อดอกไม้สักช่อให้พี่ชายเพื่อเป็นของขวัญตอนที่เขากลับบ้าน
ซึงฮุนมองมินโฮที่กำลังจะเดินไป เขาทำท่าจะหาเรื่องอีกคนแต่ซึงยุนก็เดินสวนออกมาเสียก่อน ตาคู่สวยนั้นมองเขา เจ้าของร่างโปร่งบางนั้นกอดอกยืนพิงขอบประตูก่อนจะเอ่ยถามเขาด้วยท่าทางกวนประสาทเช่นทุกครั้ง
“จะหาเรื่องเขาหรือไง”
“เปล่านี่” ซึงฮุนแก้ตัวน้ำขุ่นๆทั้งที่นั่นคือความจริง เขาล้วงมือเข้ากระเป๋ากางเกงก่อนจะจิ๊จ๊ะในลำคอ ยอมรับว่าตำรวจนอกเครื่องแบบห้อยป้ายคนนี้หล่อจนเขาใจใส่เหลือเกิน แต่ก็นั่นล่ะซึงยุนจะมาถูกรูปลักษณ์เบี่ยงประเด็นไม่ได้
จะเล่นใหญ่ใจต้องนิ่ง...
“งั้นก็แสดงว่าอิจฉา”
“...เหอะ”
“อิจฉาที่น้องชายแท้ๆไม่ได้มีตัวเองเป็นกำลังใจใช่ไหมล่า” ซึงยุนจงใจกวนประสาทคนฟังหนักขึ้นกว่าเดิม ซึงฮุนหงุดหงิด ยอมรับว่ามันคือความจริง แต่เขาก็ไม่ตอบอะไรทำท่าจะเดินหนี มันเป็นครั้งแรกจริงๆที่ซึงฮุนรู้สึก
“เดี๋ยวสิ...”
รู้สึกว่า...
“ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”
มันเป็นครั้งแรกที่ซึงยุนเรียกเขาไว้แบบนี้
UP 18.06.15
คุณคนเล็กจะเดินได้แล้วววว เอาใหญ่เชียว ไปหาคุณซงถึงห้อง -/-
ว่าแต่ซึงยุนเรียกพี่ซึงฮุนไว้ทำไมนะ
อิ-อิ
ปล.ช่วงนี้ป่วยนะคะ ; w ;
อาจจะมาช้านิดนึง แหะๆ
ความคิดเห็น