ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WINNER] still {Minho x Taehyun} - end

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.01K
      7
      10 เม.ย. 58

     บทนำ

     
     

    ปฏิทินบนฝาผนังถูกปลายปากกาจรดทับลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า บนตัวเลขในวันที่ถูกกาทับด้วยขีดสีแดงไปกว่าครึ่งหนึ่งของหน้ากระดาษทั้งหมด ดวงตาคมลอบมองวันเวลาที่ผ่านไปของตนเองอย่างเชื่องช้าก่อนจะถอนหายใจออกมา มือหนาวางปากกาเมจิกสีแดงลงกับโต๊ะ ก่อนจะเดินไปปลดเนคไทท์ยังหน้ากระจกตู้เสื้อผ้า

     

    ดวงตาคมลอบมองตัวเองภายในกระจกใส เขาในชุดสูทสีดำสนิทและทรงผมที่ถูกจัดทรงเป็นอย่างดีแบบนี้ทุกวัน ภาระงานที่ได้รับมอบหมายส่งผลให้ ‘ซงมินโฮ’ ต้องกลายเป็นบุคคลผู้ดูดีไปทุกระเบียบนิ้ว

     

    งานเขา งานที่ต้องทำทุกอย่างให้กับนักการเมืองชื่อดัง

     

    แต่พักหลังมานี้เขาได้รับงานอย่างอื่นให้ไปทำแทน ชายหนุ่มดูแลธุรกิจส่วนตัวให้กับอีกฝ่ายอย่างลับๆงานมันค่อนข้างเยอะเสียจนทำให้มินโฮไม่ค่อยได้ติดต่อกับนายใหญ่มาหลายเดือนแล้ว แต่เขาก็ยังหวัง หวังให้มีโทรศัพท์เข้ามาจากนายใหญ่บ้าง

     

     

    ครืด ครืด ครืด

     

    เสียงสั่นจากเครื่องมือสื่อสารนั้นทำให้ชายหนุ่มเร่งปลดไทท์ของตนเองออกอย่างรำคาญ ก่อนจะสาวเท้าตรงไปยังโทรศัพท์สีดำที่กำลังสั่นเอาจริงเอาจังอยู่บนเตียง มีโอกาสสูงมากที่มันจะเป็นโทรศัพท์จากคนของนายใหญ่ของเขา นั่นจึงทำให้มินโฮหงุดหงิดเป็นพิเศษ มือหนาคว้ามันขึ้นมาก่อนจะกดรับสายโดยไม่ได้มองเบอร์ของผู้โทร.เข้า

     

     

     

    “ครับ”

     

     

     

    ตอบกลับไปสั้นๆจนคนฟังนิ่งไปครู่ใหญ่ เห็นแบบนั้นเขาจึงละเจ้าเครื่องมือสื่อสารออกมาดูก่อนจะพบว่าสายโทรเข้าคือ

     

    มารดา

     

     

     

    “ขอโทษครับแม่ ผมนึกว่าเป็นงาน”

     

    (ดึกดื่นขนาดนี้ พวกนายใหญ่ยังจะเรียกเราอีกหรอจ๊ะ)

     

    “อาจจะครับ” มินโฮตอบสั้นๆ เขาทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงอย่างอ่อนแรง ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเธอหัวใจของเขาก็อ่อนยวบรวมถึงพาลให้คิดถึงใครบางคน

     

    ใครบางคนที่ยังคงอยู่ในห้วงความทรงจำของมินโฮเสมอมา

     

     

     

    (เหนื่อยหรือเปล่า ทานข้าวหรือยังหืมลูก?)

     

    “เพิ่งมาถึงเองครับ คุณแม่ยังไม่นอนหรอ”

     

    (กำลังจะนอนแล้ว แต่แม่แค่อยากคุยกับเรานิดหน่อย ช่วงนี้เหมือนว่านายใหญ่จะมีปัญหารุนแรงแม่เลยเป็นห่วงเรา)

     

    มารดาของเขาเอ่ยบอกตามใจจริง

     

     

     

    นายใหญ่ของซงมินโฮ

     

    คือนักการเมืองชื่อดังที่กำลังถูกจับตามองมากในขณะนี้ และเขาก็เสี่ยงแก่การโดนลอบทำร้ายมาก งานของมินโฮคือการทำงานให้กับชายผู้มีอิทธิพลผู้นั้นอีกทีหนึ่ง มันทำให้มารดาอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เธอรู้ว่าเธอไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายในงานของบุตรชาย

     

    เพราะนายใหญ่มีบุญคุณกับเรา

     

     

    นายใหญ่เคยเลี้ยงดูและรับมารดาของมินโฮมาไว้เป็นแม่นมที่บ้านของเขา เธอไม่มีที่ไปประจวบเหมาะกับที่นายใหญ่มีลูกเล็กหนึ่งคน ทำให้เธอมีงานมีการทำ นอกจากนั้นเขายังส่งเสียมินโฮจนเรียนจบมหาวิทยาลัย แต่มีข้อแม้เพียงอย่างเดียวคือ

     

    ซงมินโฮจะต้องทำงานให้กับตนเอง

     

    งานที่ทำมันอันตรายและเสี่ยงเหลือเกิน หากเธอไม่ไปรู้ความจริงเข้าว่านายใหญ่ค้าอาวุธผิดกฎหมายทั้งที่ตนเองกำลังดำรงตำแหน่งหน้าที่เพื่อประชาชน มินโฮเองก็รู้ดี แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์เลือก ชายหนุ่มทำได้เพียงทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย

     

    การตามสืบตัวหนอนบ่อนไส้และจัดการด้านการขนส่ง ทั้งหมดในตอนนี้คืองานของมินโฮ

     

     

     

    (มินโฮ ฟังแม่อยู่หรือเปล่าลูก) เธอเอ่ยถามลูกชายเพียงคนเดียวของตนเอง เมื่อเห็นว่าปลายสายเงียบไปนาน ร่างสูงได้สติกลับมาก่อนจะรีบเอ่ยตอบมารดา

     

    “ผมจะโทร.หาแม่ทุกวันตอนเลิกงาน แบบนี้ดีไหมครับ”

     

    (แบบนั้นก็ได้ อย่างน้อยแม่ก็โล่งใจ)

     

    “ได้ครับ คุณแม่ต้องทานอาหารให้ตรงเวลาด้วยนะ อย่าเอาแต่รอผม” มินโฮเอ่ยบอกอย่างเป็นห่วง ซึ่งหญิงสาวก็เพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะกลับไป

     

     

     

    ปัจจุบันเธอลาออกจากการเป็นแม่นมให้นายใหญ่แล้ว ตอนนี้สิ่งที่เธอทำคือการเป็นคุณครูในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแถบชานเมือง คอยดูแลเด็กวัยก่อนเข้าเรียนด้วยอายุสี่สิบกลางๆ ยังทำให้เธอพอมีแรงบ้าง จะว่าไปเมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้มันก็ทำให้หล่อนอดถามหาใครบางคนไม่ได้

     

     

     

    (เราได้เจอน้องบ้างไหมลูก)

     

     

     

    น้อง

     

    คำๆนี้ทำให้มินโฮใจแกว่งไป เขารู้ดีว่ามารดาหมายถึงใคร เด็กน้อยผมสีดำขลับที่หล่อนเลี้ยงมาตั้งแต่ยังเล็ก ความผูกพันในวันวานและความคิดถึงซึ่งอยู่ในจิตใจทำให้เธออดจะเอ่ยปากถามบุตรชายไม่ได้

     

    มินโฮนิ่งไป

     

     

     

    “คุณแม่หมายถึง...”

     

    (...)

     

    “คุณคนเล็กหรอครับ”

     

     

     

    มินโฮเอ่ยเสียงแผ่ว หัวใจของเขาแกว่งไกว ใบหน้าหวานลอยเคว้งขึ้นมาท่ามกลางความคิดทั้งหมด ทุกอย่างกระจายหายไปมีเพียงแค่ใบหน้าขาวๆของคนในความทรงจำลอยเข้ามา เด็กน้อยในความดูแลของมารดาเขา

     

    เด็กน้อยที่เขาคอยปกป้องมาตั้งแต่จำความได้

     

     

     

    (อ้อคุณคนเล็ก นั่นล่ะจ้ะ)

     

    “ไม่เจอกันเลยครับ ไม่เลย...” มินโฮตอบเสียงเบา สายตาเหลือบมองไปยังปฏิทินที่ถูกขีดค่าเอาไว้ อีกไม่กี่วันที่วันและเวลาจะเดินไปถึงที่เก่า ที่เก่าซึ่งถูกวงกลมสีแดงล้อมรอบตัวเลขเอาไว้ ชายหนุ่มลอบถอนหายใจออกมา

     

    (แย่จัง ตั้งแต่ข่าวคราวนั้นแม่ก็ไม่ได้ยินเรื่องแกอีกเลย)

     

    “...”

     

    (คิดถึงเขาเนอะ ว่าไหมลูก)

     

     

     

    เสียงอ่อนโยนที่ส่งมาตามปลายสายบีบรัดหัวใจคนฟังยิ่งกว่าสิ่งใด มินโฮครางฮืมในลำคอก่อนจะไม่เอ่ยอะไรต่อ ปล่อยให้มารดาของเขาเอ่ยราตรีสวัสดิ์ก่อนจะวางสายไป

     

    มือหนากำเข้าหากันแน่น วันวานในอดีตย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง ถ้อยคำดูถูกดูแคลนจากนายใหญ่ทำให้มินโฮเจ็บช้ำอย่างไม่มีทางเลือก เขายังจำทุกคำพูดได้ดี

     

     

     

    “นายคิดว่านายจะสามารถปกป้องลูกชายของฉันได้อย่างนั้นหรอ ซงมินโฮ”

     

    “ผมทำได้” เสียงหนักแน่นของเด็กมัธยมปลายเอ่ยบอกชายมีอายุก่อนที่เขาจะลอบยิ้มมุมปากออกมา คำพูดโดยไม่ได้ผ่านกระบวนการคิดของเด็กหนุ่ม ทำให้นายใหญ่พอใจ

     

    “งั้นก็พิสูจน์”

     

    “...?”

     

    “นายเรียนจบเมื่อไหร่ มาทำงานให้กับฉัน พิสูจน์ว่านายทำเพื่อฉันได้”

     

    “...”

     

    “แล้วฉันจะยอมให้นายปกป้องลูกชายฉัน”

     

    “ตกลง”

     

     

     

    ทุกอย่างคือพันธนาการมัดรอบตัวมินโฮเอาไว้อย่างไม่มีทางเลือก เขาจำเป็นต้องห่างจากมารดาคนเดียวและคนในความทรงจำของตนเองเพื่อพิสูจน์ความหนักแน่นในวัยเด็กของตนเอง ทุกอย่างที่เขาต้องแลก ทุกอย่าง...

     

    สูญเสียและไม่ได้พบเจอ...

     

     

    ครืด ครืด ครืด

     

    กำลังโทร.เข้า – นายใหญ่

     

    มินโฮถอนหายใจก่อนจะเร่งกดรับโทรศัพท์ของตนเองทันที เขาไม่ลังเลที่จะยกมันขึ้นแนบหูโดยไวพร้อมกับกรอกเสียงหาปลายสายอย่างที่เคยทำเสมอมา

     

     

     

    “ครับ นายใหญ่”

     

    (มินโฮ นายพอจะมีเวลาว่างสักสองสามเดือนไหม) เพียงแค่ปลายสายเอ่ยถามเขา มินโฮก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที เสียงทุ้มเอ่ยตอบกลับไปแบบไม่คิดอะไรตามประสาคนที่ตกเป็นเบี้ยล่าง

     

    “ว่างครับ!

     

    (ฉันอยากให้นายไปดูแลลูกชายฉันหน่อย ฉันจะส่งที่อยู่ไปให้นายสะดวกวันไหนก็เดินทางได้เลย)

     

    “ได้ครับ ได้เสมอ”

     

     

     

    แล้วหัวใจที่เกือบจะแห้งตายก็เต้นรัวขึ้นอีกครั้ง ปลายสายกดวางไปแต่มินโฮยังยกหูแนบโทรศัพท์อยู่แบบนั้น ภาพในวันวานเมื่อเขายังเด็กย้อนกลับมาอีกครั้ง ภาพของเจ้าของผมสีดำขลับเมื่อยังเล็ก ปากเรียวแดง ใบหน้าจิ้มลิ้ม ทุกอย่าง...หลายปีที่เราไม่ได้เจอกัน

     

    จะเปลี่ยนไปแค่ไหนกันนะ หัวใจของมินโฮ

     

    หัวใจที่เขากำลังจะกลับไปปกป้องดูแลอีกครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มยกมือข้างที่ว่างขึ้นทาบอก ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างแล้วพึมพำแผ่วเบา

     

     

     

    “คุณคนเล็ก...

     

    คุณคนเล็กของผม”

     

     

     

     

     

     

     

    ครืด ตุบ!

     

    เสียงของแข็งบางอย่างกระแทกลงกับพื้นไม้อย่างหนัก เพราะอย่างนั้นจึงทำให้คนที่กำลังทำความสะอาดบ้านอยู่อีกห้องต้องทิ้งไว้กวาดลงกับพื้นก่อนจะเร่งฝีเท้าเพื่อเดินตามหาต้นเสียงทันที หัวใจเต้นเร็วและแรงราวกับกลัวว่าสิ่งที่ตนเองคิดจะเป็นจริง

     

    คังซึงยุน เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนขนาดเล็กก่อนจะเบิกตากว้าง

     

     

     

    “นัมแทฮยอน!

     

     

     

    เจ้าของชื่อ หันมายิ้มเจื่อนให้ระหว่างที่ร่างทั้งร่างลงไปกองกับพื้นเรียบร้อยแล้ว สองมือน้อยกำช่อดอกคัตเตอร์เอาไว้ ก่อนจะพึมพำคำแก้ตัวแผ่วเบาเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาดุๆจากอีกฝ่าย

     

     

     

    “อยากจัดช่อดอกไม้”

     

    “ก็รอพี่ก่อนสิ ไม่งั้นก็เป็นแบบนี้” ซึงยุนถอนหายใจยาว ก้มตัวลงไปพยุงแขนคนตัวเล็กกว่าขึ้นมาพาดบ่าตนเอง ในขณะที่แขนยาวของซึงยุนก็โอบพาดเอวเล็กพาร่างทั้งร่างของคนอายุน้อยกลับไปนั่งที่เก้าอี้ไม้อย่างเก่า ชายหนุ่มถอนหายใจตบท้าย

     

    “ขอโทษที่ทำให้เหนื่อย” แทฮยอนพูดเบาๆหลังจากที่เจ้าตัวนั่งลงเรียบร้อยแล้ว คิ้วเรียวสวยลู่ลง มองใบหน้าของผู้เป็นพี่เลี้ยงอย่างรู้สึกผิดก่อนที่ซึงยุนจะยอมมอบยิ้มให้อีกฝ่ายเพื่อบอกว่าเขาไม่โกรธคนตัวเล็กนั้นจริงๆ

     

     

     

    เขาเดินไปยกโต๊ะเตี้ยมาวางไว้ตรงหน้าแทฮยอน ก่อนจะหยิบแจกันที่อยู่ตรงตู้ใกล้ๆมาให้อีกคน ซึงยุนเดินวนไปวนมาครู่ใหญ่เพื่อหาอุปกรณ์จัดช่อดอกไม้ให้กับแทฮยอน ความรู้สึกผิดเกาะกุมจิตใจจนเจ้าของร่างเล็กต้องเอ่ยคำเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา

     

     

     

    “ขอโทษ ขอโทษที่ทำให้ลำบาก”

     

    “ไม่เอาน่า จัดเสร็จแล้วก็ตะโกนเรียกนะ ไม่ต้องฝืนเดิน เราก็รู้ว่าขาเรายังไม่ค่อยมีแรง เดี๋ยวพี่มาช่วย”

     

    แทฮยอนพยักหน้ารับก่อนจะมองช่อดอกคัตเตอร์ในมือ

     

     

     

    บ้านไม้ที่ตั้งอยู่แถบชานเมืองไกลออกมา ถูกล้อมรอบด้วยต้นของดอกคัตเตอร์ตามแบบที่ตนเองชอบ ดวงตาเรียวมองรอดออกไปยังนอกหน้าต่างพบกับเส้นขอบฟ้าที่ตัดพอดีกับทุ่งหญ้าซึ่งอยู่ไม่ไกล ที่นี่บ้านหลังนี้ อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของธรรมชาติและความสบายใจ

     

     

     

    “รู้แบบนี้ไม่น่าผลักวีลแชร์ทิ้งก็ดีหรอก”

     

     

     

    ร่างเล็กบ่นพึมพำกับตนเองแผ่วเบา ก่อนจะพยายามใช้มือลูบต้นขาที่มันไม่มีแรงของตนเองแล้วอมยิ้มออกมา น่าแปลกที่เขาเดินไม่ได้แต่ก็ยังสามารถยิ้มได้ขนาดนี้ แทฮยอนถอนหายใจนึกถึงความงี่เง่าของตนเองเมื่อหลายวันก่อน

     

    บิดาของเขาโทร.เข้ามา พร้อมกับประโยคคำสั่งขั้นเด็ดขาด ความเผด็จการของบุคคลผู้เป็นพ่อที่แทฮยอนเกลียดนักเกลียดหนา

     

     

     

    “ต่อไปนี้เราจะต้องมีคนดูแล เข้าใจไหม”

     

     

     

    แทฮยอนพยายามเอ่ยเถียง เขามีพี่ซึงยุนพี่เลี้ยงที่แสนดีคอยดูแลอยู่แล้ว แทฮยอนไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องมีของแบบนี้เพิ่มอีก ชีวิตของเขามันน่าสมเพชมากขนาดนั้นเชียวหรือ กับการที่ร่างเล็กแค่เดินไม่ได้

     

     

     

    “พ่อหมายถึง เขาจะมาดูแลลูกในฐานะการ์ดคนหนึ่ง งานที่พ่อทำตอนนี้กำลังมีปัญหา”

     

    “...”

     

    “และเราต้องได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด”

     

    “...”

     

    “พ่อเสียแม่ไปแล้ว พ่อจะเสียเราไปอีกไม่ได้”

     

     

     

    เพราะประโยคนั้นจึงทำให้แทฮยอนเม้มริมฝีปากแน่น ร่างเล็กถอนหายใจก่อนจะเคลื่อนตัวออกจากวีลแชร์พร้อมกับผลักมันตกลงจากบันไดจนพังไม่เป็นท่า เขาโกรธความคิดของพ่อ โกรธมากจนทำอะไรไม่ถูก

     

    แทฮยอนสูญเสียแม่ไปพร้อมกับความรู้สึกที่ขาของตนเอง

     

     

    อุบัติเหตุจากงานของพ่อทำให้เรามาอยู่ในสภาพแบบนี้ พี่ชายคนเดียวของแทฮยอนเองก็เอาแต่ทำงานอยู่ต่างประเทศหลังจากเสียแม่ไป เราทุกคนพยายามหาอะไรทำเพื่อไม่ให้คิดถึงท่าน แม้เรื่องมันจะผ่านมาสองปีแล้ว แทฮยอนซึ่งสูญเสียความรู้สึกที่ขา

     

    และสูญเสียโอกาสหลายอย่างเพราะสภาพจิตใจภายใน ที่ไม่แสดงออกมาให้ใครเห็น

     

     

    หมอบอกว่าแทฮยอนเป็นโรคจิตเภทจัดอยู่ในกลุ่ม Somatoform Disorders (โรคทางจิตเวชที่มีอาการผิดปกติทางร่างกาย โดยไม่มีความผิดปกติของสภาพร่างกายจริงๆ) และแทฮยอนอยู่ในประเภท Conversion Disorder จัดอยู่ในหมวดผู้มีความผิดปกติด้านการเคลื่อนไหว โดยอาการทางคลินิกของแทฮยอนคืออาการด้านการเคลื่อนไหว ผู้ป่วยจะรู้สึกเดินไม่ได้

     

    ซึ่งหมอพบว่ามีสาเหตุมาจากจิตใจภายใน

     

    ซึงยุนคอยทำตามที่หมอบอกตลอด ด้วยหวังว่าแทฮยอนจะมีอาการดีขึ้น ร่างเล็กต้องได้รับการบำบัดและกำลังใจ สิ่งที่ซึงยุนทำได้และต้องทำต่อไป

     

    ชายหนุ่มมองแทฮยอนก่อนจะอมยิ้ม

     

    ถึงจะป่วยแต่ไม่ใช่ว่าแทฮยอนจะต้องแย่ไปทั้งหมด ร่างเล็กยังยิ้มได้และเป็นปกติสุขทุกอย่าง นั่นจึงทำให้ใครหลายคนพอจะสบายใจได้

     

     

     

    “พี่ซึงยุน”

     

    “มาแล้วๆ” เขาเอ่ยบอกคนตัวเล็กที่ยื่นช่อดอกคัตเตอร์ให้กับตน ก่อนที่ซึงยุนจะนำมันกลับไปวางที่เก่า เขาเอ่ยถามร่างเล็กอย่างสงสัยอีกครั้งเมื่อมองงานอดิเรกของคนตัวเล็ก

     

    “ทำไมชอบดอกคัตเตอร์นัก”

     

    “ความหมายมัน”

     

    “ความหมาย ?” ซึงยุนเลิกคิ้วหันกลับมามองแทฮยอนที่ยิ้มให้เขาอีกครั้ง ร่างเล็กคว้าเอาสมุดบันทึกข้างกายขึ้นมา ก่อนจะเขียนขยุกขยิกลงไปบนนั้นโดยที่ไม่ตอบอะไร ซึงยุนยอมแพ้กับความรั้นของอีกฝ่าย

     

    เขาไม่เคยได้คำตอบเลยสักครั้ง ตั้งแต่ที่เอ่ยปากถามแทฮยอนไป

     

     

     

    “งั้นพี่ไปเตรียมน้ำให้เราก่อนแล้วกัน เดี๋ยวมาเรียกไปอาบน้ำนะ” แทฮยอนยังคงพยักหน้าเมื่ออีกฝ่ายปลีกตัวออกไป คังซึงยุนเป็นทั้งพี่เลี้ยงและเพื่อนเล่นของเขา บ้านหลังนี้มีเพียงแค่เราสองคนที่อยู่ พ่อของแทฮยอนบอกว่าไม่ต้องการให้มีใครมากไปกว่านี้

     

    เขาเป็นห่วง และแทฮยอนพยายามเข้าใจ

     

     

     

    เจ้าของผมสีดำขลับกลับมาสนใจสมุดจดของตนเองต่อ ปลายนิ้วยกขึ้นจับผมทัดหูของตนเองลวกๆ ก่อนจะเปิดไปหน้าเก่าๆของบันทึกแล้วยิ้มจางออกมา ในบันทึกมีความทรงจำของแทฮยอนอยู่เต็มไปหมดในนั้น

     

    มือบางเปิดไปหน้าแรกของสมุด ดอกคัตเตอร์แห้งๆที่ถูกหนีบไว้ยังคงสภาพของมันอยู่เช่นนั้น มือบางหยิบมันขึ้นมาก่อนจะสูดกลิ่นซีดจางของมันเข้าไปเต็มปอด

     

    ดอกคัตเตอร์มีความหมายสำหรับแทฮยอน

     

    มันเป็นดอกไม้ ที่อัศวินของเขามอบให้ก่อนจากไป ความหมายของดอกไม้ดอกนี้ทำให้แทฮยอนยิ้มได้เสมอเมื่อนึกถึงเรื่องราวในวัยเด็กของเรา

     

     

     

    “แม้คุณจะไม่มองผม แต่ผมก็ยังจะมีแต่คุณเสมอ”

     

     

     

    ถ้อยคำที่จะยืนยันในความรู้สึกของวันวาน เมื่อเราพบกันอีกครั้ง

     

     

     

    “พี่อยู่ที่ไหนนะ พี่มินโฮ ?”

     

     

     

     

     







     

     

     

    UP 06.04.15

    #ฟิคคุณคนเล็ก

     

    ต้อนรับฟิคใหม่ด้วยฤกษ์งามยามดี




     

    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×