ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WINNER] still {Minho x Taehyun} - end

    ลำดับตอนที่ #5 : ตอนที่ 4: พี่ชายของผมเอง

    • อัปเดตล่าสุด 29 เม.ย. 58


    Still004

     

     

    เข็มนาฬิกาสั้นเกือบแตะเลขหนึ่ง ในขณะที่เข็มยาวของนาทีกำลังเฉียดเข้าใกล้เลขสิบสอง นัมแทฮยอนกำลังนั่งนิ่งมองชายหนุ่มในชุดสบายๆพร้อมกับแฟ้มเอกสารของเขา ปลายนิ้วเรียวนั้นเปิดดูรายละเอียดระหว่างที่ฟังเสียงใสๆนั้นเอ่ยเจื้อยแจ้วไปมา โดยมีซึงยุนที่ยืนพิงผนังไม้ของห้องอยู่ห่างๆในขณะที่ข้างกายเขามีมินโฮกำลังนั่งตั้งใจมองใบหน้าเล็กยามสนทนา

     

    มันหลากหลาย จนเขาเองก็เคลิ้มไป

     

    ปั้ก!

     

     

     

    “ฟังหน่อย” ซึงยุนที่พอจะเดาออกก็อดจะอมยิ้มขำไม่ได้ เขาเอื้อมมือไปตีแผ่นหลังกว้างนั้น ก่อนจะเรียกสติมินโฮ อีกฝ่ายหลุดขำออกมาแล้วจึงเริ่มตั้งใจฟังเจ้าของร่างเล็กนั้นสนทนากับคุณหมอแบบจริงจังเสียที

     

    “สัปดาห์นี้ขยันทำกายภาพบำบัดจนสามารถลุกขึ้นยืนได้แล้วเหรอ ?”

     

    “ครับ”

     

    “งั้นลองยืนให้หมอดูหน่อยได้ไหม” นายแพทย์ดวงตากลมใสเอ่ยอย่างชำนาญ ส่งยิ้มอ่อนหวานเพื่อให้ร่างเล็กคลายความกังวล ใบหน้าของแทฮยอนเหลือบมองมินโฮที่นั่งอยู่เล็กน้อยก่อนจะค่อยๆหันกลับไปมองหน้าคุณหมอ

     

     

     

    แทฮยอนเท้าแขนลงกับเบาะของโซฟาลุกขึ้นยืนเพื่อยืนยันในสิ่งที่ซึงยุนจดบันทึก ขาเรียวสั่นไหวฝ่ามือชื้นเหงื่อ ทำไมจู่ๆก็เหมือนร่างกายมันไม่มีแรงขึ้นมาอย่างนั้น แทฮยอนได้แต่คิดพร้อมกับเม้มริมฝีปากแน่นแสดงความกังวลออกมา

     

    ขามันชาหนัก ความกลัวส่งผลให้แทฮยอนไม่มีแรง เขาไม่มีแรงเลยสักนิด นั่นหมายความว่าแทฮยอนรู้สึกว่าเขาเดินไม่ได้ และเขาทำอะไรไม่ได้ด้วยซ้ำ ร่างเล็กนิ่งไปสิ่งที่แสดงออกมามีเพียงสายตาที่หลุบต่ำลงเท่านั้น และคุณหมอเข้าใจดีเพราะดูเหมือนว่าเขาจะ...

     

     

     

    “กลัวเหรอ ?” คุณหมอเอ่ยถามแทฮยอน ก่อนที่ร่างเล็กจะยอมพยักหน้าอย่างจำนน ไร้เรี่ยวแรงและไม่ปฏิเสธ กลัวจะถูกคุณหมอดุแต่ทว่าเสียงหนึ่งก็ดังแทรกขึ้นมาเสียก่อน

     

    “คุณคนเล็กทำมันได้นะครับ”

     

    “...มินโฮ”

     

    “คุณคนเล็กทำมันได้” มินโฮเอ่ยบอกอย่างมั่นใจ แววตานั้นฉายความมุ่งมั่นยืนกรานในความจริงที่คนตัวเล็กเอ่ยบอก แทฮยอนได้แต่มองร่างสูงนั้น ก่อนที่เขาจะเคลื่อนใบหน้ากลับไปหาคุณหมอที่กำลังขมวดคิ้วมองหน้าชายแปลกหน้าผู้นี้อยู่

     

    “ขอผมทำมันอีกครั้งนะครับ” เสียงหวานเอ่ยบอกขึ้นมาทำให้คุณหมอต้องยอมกดใบหน้าลงต่ำช้าๆ ก่อนจะหันกลับมามองร่างเล็ก

     

     

     

    แต่ที่น่าแปลกคือคราวนี้กายบางนั้นเอียงตัวไปหาผู้ชายที่นั่งอยู่อีกมุมของห้อง ผู้ชายที่ตะโกนแทรกขึ้นมาเมื่อสักครู่นั่นจึงทำให้จิตแพทย์ได้แต่ทำหน้าที่เก็บข้อมูลของเขาต่อไป

     

    ดวงตาเรียวจับจ้องไปยังผู้ชายตัวสูงผิวเข้ม แทฮยอนรู้ว่าเป็นเพราะผู้ชายคนนี้เป็นเพราะคนตรงหน้าเขาถึงมีกำลังใจยอมทำอะไรขนาดนั้น ซงมินโฮเองก็เช่นกันชายหนุ่มส่งสายตาไปหาคุณคนเล็กของเขาราวกับจะให้กำลังใจ เพราะเราช่วยกันเดินอยู่ทุกวัน มันไม่มีทางที่แทฮยอนจะทำไม่ได้ มินโฮเชื่อแบบนั้น

     

    เพียงแค่เสี้ยวนาที เสี้ยวนาทีที่กายบางสามารถลุกขึ้นยืนจนเทียบความสูงได้กับคุณหมอ ดวงตากลมโตนั้นเบิกกว้างเสียยิ่งกว่าเก่า ตากลมมองสลับคนทั้งสองจนซึงยุนลอบขำออกมา ก่อนที่คุณหมอจะได้สติจึงถอนหายใจเบาๆพร้อมกับแทฮยอนที่นั่งลงอย่างอ่อนแรง

     

     

     

    “ผมขอคุยกับคุณหน่อยครับ”

     

     

     

    เสียงใสๆของคุณหมอเอ่ยบอกกับมินโฮ ก่อนที่ร่างเล็กนั้นจะเดินนำออกไปด้านนอก มินโฮมองคุณคนเล็กของเขานิดหน่อยพร้อมกับเดินตามไปยังด้านนอก ปล่อยให้หน้าที่ปลอบใจเป็นของซึงยุนก่อน ถ้ามินโฮเดาไม่ผิดแทฮยอนคงจะกลัวแล้วก็ลำบากใจไม่น้อย เพราะนอกจากเขากับซึงยุนก็ไม่เคยมีใครเห็นคนตัวเล็กพยายามลุกขึ้นยืนอีก

     

    เท้าเล็กของนายแพทย์หยุดลง แผ่นหลังบางของคนตัวเล็กอยู่ห่างกับมินโฮเล็กน้อย เจ้าของร่างเล็กนั้นหมุนตัวกลับมาช้าๆ ดวงตากลมโตใต้กรอบแว่นอันใหญ่ช้อนมองเจ้าของร่างสูง ก่อนที่คิ้วเรียวสวยจะขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ความแปลกใจถูกส่งผ่านทางสายตา มินโฮสัมผัสมันได้ดี

     

     

     

    “ผมไม่แน่ใจว่าเคยเห็นหน้าคุณ คิมจินวูครับ” สุรเสียงใสหวานเอ่ยแนะนำตัวเองพร้อมกับโค้งให้เล็กน้อย มินโฮเองก็โค้งตอบอีกฝ่ายก่อนจะเอ่ยแนะนำตนเองบ้าง

     

    “ซงมินโฮครับ เป็นการ์ดของคุณคนเล็ก”

     

     

     

    การ์ด จินวูขมวดคิ้วเล็กน้อยกับตำแหน่งของชายตัวโต ร่างเล็กแสดงความสงสัยออกมาอย่างปิดไม่มิด เพราะตลอดเวลากว่าสองปีที่ผ่านมาแทฮยอนเองก็ไม่เคยต้องเฉียดเรื่องอันตรายอะไรนอกจากเรื่องอุบัติเหตุ เพราะอย่างนั้นเขาจึงไม่เข้าใจว่ามินโฮมีประโยชน์อะไร แต่เมื่อคิดวกกลับไปถึงเรื่องเมื่อไม่กี่นาทีก่อนความสงสัยคลางแคลงใจนั้นก็พอจะลดลงไปบ้าง

     

    ทุกอย่างดูมีเบื้องลึกเบื้องหลังมากกว่าที่จินวูมองเห็น

     

     

     

    “ไม่เคยได้ยินคุณท่านพูดถึงคุณมาก่อนเลย ตอนนี้มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ ?” จินวูเอ่ยถามพลางนึกถึงเรื่องส่วนตัวของคนตระกูลนัมที่ค่อนข้างซับซ้อน ใบหน้าหวานของคุณหมอตัวเล็กฉายความสับสนอยู่เต็มไปหมด

     

    “ไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่ครับ นายใหญ่แค่ต้องการให้คุณคนเล็กปลอดภัย” มินโฮเอ่ยตอบอย่างนอบน้อม ท่าทางสุภาพและนิ่งเรียบของเขาทำให้จินวูพอจะเดาออกว่าคงจะเป็นคนระมัดระวังตัวมากทีเดียว รอยยิ้มบางแต่งแต้มอยู่บนริมฝีปากก่อนที่จะกดหน้าลงแผ่วเบา

     

    “เข้าเรื่องเลยแล้วกัน”

     

    “...”

     

    “ผมไม่เคยเห็นแทฮยอนพยายามมากขนาดนี้ ทั้งที่เราก็อยู่กับมันมาสองปีแต่ว่าคราวนี้ดูเหมือนสภาพจิตใจจะฟื้นตัวเร็วมาก และผมคิดว่าอิทธิพลส่วนใหญ่...”

     

    “?”

     

    “มากจากคุณ” จินวูเอ่ยบอกตามความจริง เขามองเห็นแววตาและความพยายาม ไฟทั้งหมดในตัวแทฮยอนที่ทำให้คนตัวเล็กเอาชนะจิตใต้สำนึกได้คือผู้ชายที่จินวูกำลังสนทนาด้วยอยู่ มินโฮเองก็เพียงพยักหน้ารับ เขารู้ดี

     

     

     

    เขาอยู่กับคุณคนเล็กตลอด...

     

     

     

    “ผมไม่รู้ว่าคุณทำอะไร แต่อยากให้คุณทำต่อไปผมคิดว่ามันดีนะ ขอตัวไปดูแทฮยอนต่อนะครับ” ร่างเล็กนั้นเอ่ยบอกก่อนจะปลีกตัวเดินหลีกกลับเข้าไปพูดคุยกับแทฮยอนต่อ มินโฮเดินตามเข้ามาก่อนจะเอนกายพิงขอบประตู

     

    เขามีอิทธิพลต่อคุณคนเล็ก...

     

     

     

     คุณหมอจินวูสนทนากับแทฮยอนสักพัก มินโฮเองก็ยังจับใจความไม่ได้แต่นั่นก็ไม่น่าเดือดร้อนเท่าไหร่เพราะในตอนหลังจินวูก็เดินเข้ามาอธิบายเรื่องต่างๆให้กับทั้งสองคนฟัง คุณหมอให้สัญญากับแทฮยอนว่าจะมาหาน้อยลงหากแทฮยอนตั้งใจทำกายภาพบำบัด แล้วก็ลดปริมาณยาด้วย ถึงแทฮยอนจะไม่แสดงอาการอะไรแต่ทั้งคู่รู้ว่าคนตัวเล็กน่ะดีใจ

     

    ส่วนเรื่องยาที่แทฮยอนทานส่วนใหญ่จินวูบอกว่ามันเป็นยาบำรุงวิตามินธรรมดา แทฮยอนไม่มีมดลูกและเขาทานเพื่อความสบายใจเพราะอย่างนั้นจึงไม่ต้องห่วงเลยว่าจะมีผลข้างเคียง นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่มินโฮเพิ่งจะรู้ ส่วนซึงยุนก็ได้แต่ยืนขำเขานิ่ง

     

    “ผมคิดว่า คุณท่านน่าจะทราบเรื่องนี้ ผมจะโทร.รายงานเขาในวันพรุ่งนี้” จินวูยิ้มให้กับซึงยุนก่อนที่คนตัวเล็กจะโค้งให้พร้อมกับเดินออกจากบ้านไป แต่ก็ยังก้าวขาออกไม่หมดดีอีกฝ่ายก็พรวดพราดหันหลังกลับมา ก่อนจะทำท่าทางนึกขึ้นได้

     

    “ลืมไป!

     

    “...!?

     

    “ซึงยุนฝากบอกอีซึงฮุนให้ด้วยนะ เรื่องอาการของแทฮยอนน่ะ”

     

     

     

    อีซึงฮุน เพียงได้ยินชื่อนั้นเจ้าของใบหน้าอิ่มก็เปลี่ยนสีหน้าทันที มินโฮเลิกคิ้วมองคนข้างกายเขาสลับกับจินวูที่ได้แต่หัวเราะจนไหล่เล็กๆนั้นสั่น

     

     

     

    “เดี๋ยวผมบอกเองก็ได้ ไปก่อนนะครับทุกคน” ทิ้งให้มินโฮสงสัยและรู้สึกคุ้นกับชื่อนั้นอย่างบอกไม่ถูก ซึงยุนที่ดูเหมือนว่าจะกำลังไม่พอใจก็ก้าวขาเข้าไปในบ้านเรียบร้อยแล้ว มินโฮได้แต่ถอนหายใจเบาก่อนที่เขาจะเดินกลับไปคุณคนเล็กที่ห้องนั่งเล่น แค่จินวูมาพบกับเราก็เสียเวลาไปเกือบสองชั่วโมง เรียกว่าวันทั้งวันยังไม่ได้ทำอะไรเลย

     

    “ไปส่งคุณหมอมาเหรอครับ” เสียงของแทฮยอนเอ่ยถามในทันที เมื่อมินโฮเดินเข้ามาภายในห้อง กายแกร่งหย่อนตัวนั่งลงกับเก้าอี้เลาจน์ประจำของเขา ก่อนจะมองร่างเล็กที่เริ่มจดขยุกขยิกลงในสมุดอีกครั้ง

     

    “ครับ คุณหมอชมด้วยว่าคุณคนเล็กตั้งใจขึ้นเยอะเลย”

     

    “ก็เพราะมินโฮทั้งนั้น” เอ่ยตอบพึมพำพยายามไม่แสดงอาการออกไปว่าเขิน แต่มินโฮก็รู้ดีเขาแกล้งไม่สนใจให้คนตัวเล็กรู้สึกสบายใจ ก่อนที่แทฮยอนจะเอ่ยถามอีกคนต่อ

     

    “ว่าแต่วันนี้ไปไหนมา” ทั้งที่รู้อยู่แล้วว่าอีกฝ่ายไปหาพ่อของตนมา แต่ก็ยังอยากได้ยินจากปากของมินโฮเองอยู่ดี แทฮยอนเก็บสมุดจดของตัวเองเปลี่ยนมาตั้งใจนั่งฟังคนข้างๆแทน

     

    “ไปหานายใหญ่ครับ” มินโฮเอ่ยตอบโดยที่ไม่ต้องคิดอะไรเพราะเขารู้ว่าถ้าอยู่ในฐานะของคนดูแลแทฮยอน การพรวดพราดออกไปแบบนั้นก่อนโดยไม่ได้บอกมันหมายความได้อย่างเดียวว่าเขาไม่สนใจร่างเล็ก

     

    “ทำไมเลือกคุณพ่อ ทำไมไม่เลือกผมก่อน” แทฮยอนเอ่ยถามตรงๆ เขาน้อยใจตรงนี้และก็โกรธมากด้วยทั้งที่มันเป็นครั้งแรกที่เราจะได้เจอคุณหมอด้วยกัน กำลังใจแทฮยอนมันมาจากมินโฮแต่อีกคนก็เลือกคุณพ่อของเขาก่อน ปากเรียวเม้มเข้าหากันรอฟังคำตอบจากอีกฝ่าย

     

    “ถ้าผมไม่ไปหานายใหญ่ ผมก็อาจจะอดเจอคุณคนเล็กอีก”

     

     

     

    มินโฮเอ่ยบอก ดวงตาเรียวไม่สบตรงมองเขาเช่นทุกครั้งคิ้วสวยขมวดเข้าหากันสองแขนเล็กยกขึ้นกอดอกเบนใบหน้าไปทางอื่น ถึงจะทำท่าทางไม่สนใจแต่หูขาวๆของคนตัวเล็กก็รอฟังถ้อยคำแก้ตัวของมินโฮอยู่แต่แทฮยอนก็ยอมรับว่าเหตุผลข้อแรกของมินโฮทำให้เขาใจอ่อนเหมือนกัน

     

     

     

    “คุณคนเล็กไม่อยากเจอผมเหรอครับ”

     

    “...ไม่ใช่อย่างนั้น” แทฮยอนเอ่ยตอบอ้อมแอ้ม เขารอมินโฮมาตลอดทำไมเขาจะต้องไม่อยากเจออีกฝ่ายด้วยกัน

     

    “ถ้าผมไม่ไปหานายใหญ่ตามคำสั่ง ผมอาจจะถูกห้ามไม่ให้มาเจอคุณคนเล็กอีก”

     

    “...”

     

    “อย่าโกรธผมเลยนะครับ”

     

    “...ผมโกรธ” แทฮยอนตอบตรงตามความรู้สึก เขาไม่อยากจะต้องปฏิเสธความคิดของตัวเองเพราะกลัวว่าวันหนึ่งมินโฮอาจจะหายไปอีก แล้วอะไรที่แทฮยอนทำพลาดไปมันจะไม่มีโอกาสได้แก้ตัวร่างเล็กจึงเลือกจะไม่โกหกความรู้สึกตัวเอง

     

    “ถ้าอย่างนั้นผมจะยอมให้คุณคนเล็กขี่หลังจนกว่าจะพอใจเหมือนตอนเด็กๆเอาไหมครับ ?”

     

     

     

     

     

     

     

    ทุ่งดอกคัตเตอร์อยู่ตรงหน้าแค่เอื้อม กลิ่นอายของทุ่งหญ้ายามบ่ายแก่ๆช่วยให้สมองและร่างกายที่เหนื่อยล้าจากความไม่สบายใจผ่อนคลายไปอย่างสิ้นเชิง วงแขนเรียวโอบรอบลำคอแกร่งใบหน้าหวานวางพาดอยู่บนบ่ากว้างในขณะที่สองแขนแกร่งของมินโฮก็โอบรับน้ำหนักของคนบนหลังเอาไว้

     

    ภาพความทรงจำในวัยเด็กย้อนกลับเข้ามาในหัว เด็กผู้ชายตัวโตที่แบกเจ้าของร่างเล็กเดินกลับบ้านสวนมันไม่เคยแตกต่างไป วันเวลาเหล่านั้นยังคงชัดเจนอยู่เสมอในความทรงจำทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม สิ่งที่ต่างออกไปคือความรู้สึกของคนสองคน

     

     

     

    “มินโฮหนักมั้ย” เสียงแทฮยอนเอ่ยถาม แก้มของอีกฝ่ายอยู่ห่างกับปลายจมูกเล็กเพียงนิดเดียว ปลายนิ้วเรียวเอื้อมไปจิ้มมันแผ่วเบาเหมือนกับที่เคยทำตอนยังเป็นเด็ก

     

     

     

    เวลาที่แทฮยอนอารมณ์ไม่ดีจากการถูกดุหรือถูกบอกให้กลับบ้านเร็วๆ มินโฮก็จะยอมให้เขาขี่หลังกลับมาจนถึงบ้านเพราะคนตัวเล็กเคยบอกไว้ว่า “ถ้าผมไม่เดินกลับซะอย่าง มินโฮก็ทำอะไรไม่ได้หรอก” หลังจากวันนั้นเขาจึงหาวิธีหลอกอีกฝ่าย

     

     

     

    “ถ้าเรายังไม่กลับตอนนี้ งั้นเรามาหาอะไรเล่นกันไหมครับ ?”

     

    “อะไรล่ะ ?”

     

    “เล่นขี่ม้าส่งเมืองกันครับ”

     

    “แต่เรามีสองคน”

     

    “ผมยอมให้คุณคนเล็กขี่หลังผมเฉยๆก็ได้ครับ”

     

     

     

    เพราะว่ามินโฮบอกแบบนั้น ถึงแทฮยอนจะรู้ว่าโดนหลอกแต่เขาก็ยอมเพราะอย่างน้อยก็ไม่ต้องเดินเข้าบ้านด้วยตัวเอง อารมณ์หงุดหงิดหายไปทุกครั้งที่ได้เอนกายซบแผ่นหลังกว้างของอีกฝ่าย แผ่นหลังกว้างที่กว้างขึ้นทุกวันคอยแต่จะทำให้แทฮยอนใจสั่นอยู่เสมอ

     

     

    วันนี้มันกลับมาอีกครั้ง

     

    แทฮยอนกระชับวงแขนของเขา ความอบอุ่นทำให้เปลือกตาบางค่อยๆปิดลง ลมหายใจแผ่วเบารดรินอยู่ข้างแก้มของมินโฮ ชายหนุ่มลอบยิ้มเล็กน้อยถึงเขาจะไม่ตอบคนตัวเล็กว่าหนักหรือไม่หนัก แต่นั่นก็เป็นเพราะชายหนุ่มไม่รู้เสียมากกว่า เขาเอาแต่สนใจเจ้าของกายบางจนลืมอะไรต่อมิอะไร

     

    การได้ใกล้ชิดคุณคนเล็ก มันคือสิ่งที่เขาพอใจที่สุดแล้ว...

     

     

     

    “หลับแล้วเหรอครับ ?”

     

    “ฮื้อ หลังมินโฮสบายมากเลย” แทฮยอนเอ่ยบอกจนเจ้าของแผ่นหลังกว้างต้องหลุดยิ้มกว้างออกมา คุณคนเล็กของเขาน่ารัก น่ารักเสมอ...

     

    “ถ้าคุณคนเล็กหลับผมคงเมื่อยมากๆแน่เลยครับ”

     

     

     

    มินโฮว่าแบบนั้น เขาแหงนหน้ามองท้องฟ้าที่ส่องแดดรำไร ขายาวยังคงก้าวไปตามทางเดินเอื่อยๆเรื่อยๆ เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดเต็มใบหน้าแต่มันก็หายไปเพราะคุณคนเล็กของเขาใช้ข้อมือปาดมันออกไปให้อยู่บ่อยๆ

     

     

     

    “ขอบคุณครับ”

     

     

     

    แทฮยอนยิ้มรับกับคำขอบคุณ จมูกเล็กถอนหายใจออกมาเหมือนกับวันเวลาเก่าๆหมุนคืนมาภาพสะท้อนตรงหน้าเป็นภาพของเราเมื่อยังเด็ก รวมถึงใครบางคนที่ห่างกับร่างเล็กไปไกลแสนไกลมีเพียงสายโทร.เข้าจากโทรศัพท์เท่านั้นที่คอยส่งผ่านความคิดถึงกลับมาให้เขา แทฮยอนยิ้มก่อนจะพึมพำออกมาถึงเขาจะเหงาที่อยู่ที่นี่แต่การมีภาพของอดีตในหัวมันก็ช่วยทำให้ความเหงาในใจคลายลงไป...

     

     

     

    “ถ้าพี่ชายของผมอยู่ด้วยอีกคน ก็คงดีนะครับ”

     

    “...พี่ชาย ?”

     

     

     

    มินโฮชะงักเล็กน้อย ราวกับเขาได้ยินคำนี้มาแล้วถึงสองครั้งในวันนี้แต่ดูเหมือนว่าแม้มินโฮจะพยายามนึกเขาก็นึกไม่ออกเสียที ราวกับทุกอย่างในอดีตไม่มีอะไรสำคัญสิ่งที่เขาจำได้ในวัยเด็กมีเพียงแค่คุณคนเล็กเท่านั้น ชายหนุ่มนิ่งอยู่กับความคิดตนเองในขณะที่แทฮยอนเริ่มครางงึมงำในลำคออีกครั้ง

     

     

     

    “อื้อ อีซึงฮุนไงครับ”

     

    “...”

     

    “...เขามักจะยืนทำหน้าไม่พอใจเวลาที่เรากลับบ้านดึกอยู่ตรงนั้น” ปลายนิ้วเรียวชี้ทอดไปยังบ้านไม้ที่เราเพิ่งจะเดินออกมา

     

    “อีซึงฮุน...”

     

     

     

    มินโฮเอ่ยย้ำ ก่อนที่เขาจะค่อยๆขมวดคิ้วเข้าหากัน มันคล้ายกับชื่อที่คุณหมอจินวูเพิ่งจะเอ่ยย้ำกับซึงยุนก่อนที่เจ้าตัวจะกลับไป

     

     

     

    “อื้อ อีซึงฮุน...”

     

    “พี่ชายของผมเอง”

     

     

     

    พี่ชายของแทฮยอน อย่างนั้นก็หมายความว่าอีซึงฮุนที่ว่านั้นคือ...

     

    อีซึงฮุน ที่กำลังจะกลับมาในฐานะพลตำรวจเอก...

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    UP 28.04.15

    มานาน มาช้า ; w ;

    ขอโทษที่ให้รอนะคะ แต่ช่วงนี้งานยุ่งมาก แห่ะๆ

    แล้วฟิคเรื่องนี้ก็ไม่ได้แต่งล่วงหน้าไว้ก่อน เลยไม่มีลง ฮือ

     

    ตอนนี้มาขนาดนี้แล้ว ตอนหน้าคงไม่ต้องบอกนะคะว่าใครจะมาหาน้องนัม

    อิ___อิ

    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×