ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WINNER] still {Minho x Taehyun} - end

    ลำดับตอนที่ #4 : ตอนที่ 3: ทัน

    • อัปเดตล่าสุด 20 เม.ย. 58


    Still003

     

     

              “เริ่มใหม่นะครับ”

     

     

     

              เสียงทุ้มนั้นเอ่ยบอกคนทั้งกำลังจมอยู่ในอ้อมกอดของตนเอง แทฮยอนพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนที่เขาจะพยายามยืนขึ้นอีกครั้งแล้วให้มินโฮประคองตนเองซึ่งพยายามจับราวเหล็กไว้ เจ้าของร่างสูงถอยตัวกลับไปยังอีกด้าน

     

              เขายินดีจะเป็นปลายทางให้คุณคนเล็ก

     

    และยินดีจะรับคุณคนเล็กไว้เช่นกันหากอีกฝ่ายล้มลงไป

     

    หลังจากกายภาพบำบัดวันนั้น ภายหลังซึงยุนก็ได้เวลาว่างในช่วงบ่ายแก่ๆไปด้วยโดยปริยาย เขารู้สึกขอบคุณมินโฮในใจทุกครั้ง ยามที่เห็นแทฮยอนพยายามทำอะไรหลายอย่างด้วยตัวเองตั้งแต่ที่อีกฝ่ายเข้ามา คำพูดเพียงไม่กี่คำพูดกลับสร้างอิทธิพลมากมายในจิตใจเสียจนเขาเองยังแปลกใจ ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงแทฮยอน

     

    เขาเคยมองเห็นสีขาวที่หมายถึงความจืดชืดและบริสุทธิ์ในตัวร่างเล็กนั้นแต่ตอนนี้มันเปลี่ยนไป เขามองเห็นสีสันมากมายในตัวของอีกฝ่าย แต่สีสวยงามเหล่านั้นก็สะท้อนออกมาจากซงมินโฮ ผู้ชายสุขุมและสุภาพคนนั้น

     

    ซึงยุนลอบยิ้มจาง ระหว่างทั้งสองคนมันเป็นความสัมพันธ์ในแบบที่คนมองอบอุ่นหัวใจจริงๆ

     

     

     

    “แทฮยอนอา วันนี้คุณหมอจะเข้ามาตรวจตอนเที่ยงนะ ตื่นเร็ว” ซึงยุนเอ่ยปลุกคนที่กำลังนอนคุดคู้อยู่ในผ้าห่ม วันนี้เป็นอีกวันที่อากาศดีเสียจนตัวเขาเองก็ไม่อยากลุกจากเตียงเหมือนกัน แต่ทำอย่างไรได้ วันนี้วันสำคัญเสียด้วยสิ

     

    “ไม่อยากอวดเรื่องคุณมินโฮกับคุณหมอหรือไงเรา” เสียงทุ้มนุ่มนั้นยังเอ่ยบอกคนที่ครางฮือราวกับรับรู้แต่ก็ไม่ยอมขยับตัวไปไหน ชายหนุ่มถอนหายใจออกมา

     

     

     

    แขนยาวเก้งก้างของซึงยุนดึงผ้านวมผืนหนาจากปลายเตียง เรียกเสียงครางไม่พอใจของแทฮยอนได้เป็นอย่างดี เปลือกตาบางกระพริบถี่ก่อนที่เจ้าตัวจะร้องไม่พอใจออกมาแล้วกลิ้งอยู่บนเตียงด้วยความเอาแต่ใจ

     

     

     

    “ยังอยากนอนอยู่เลย!” แทฮยอนบ่นกระปอดกระแปดแค่ก็ยอมลุกขึ้นมาทำหน้าหงุดหงิดใส่ซึงยุนพี่เลี้ยงของเขา ริมฝีปากอิ่มนั้นคลี่ยิ้มออกมาอย่างนึกขัน มองดูคนขี้โวยวายที่เพิ่งจะตื่นนอนก็บ่นพึมพำแบบนั้น แต่ก็นั่นล่ะ ถ้าแทฮยอนไม่ยอมลุกตอนนี้ก็คงไม่มีใครมาพาคนตัวเล็กไปอาบน้ำ

     

    คิดได้อย่างนั้นก็ต้องยอมง้อซึงยุน

     

     

     

    “เร็วสิ! ปลุกแล้วก็มารับผิดชอบด้วย”

     

    “แหม่ ทราบแล้วครับๆท่านชาย” เอ่ยเย้าก่อนจะช่วยประคองแทฮยอนไปยังห้องน้ำ แขนยาวโอบตัวบางไว้อย่างเคยลำพังแรงเขาก็ไม่ได้มีมากมายเหมือนคุณมินโฮที่จะอุ้มเจ้าเด็กนี่ แต่เขารู้สึกว่าพักหลังมากนี้แทฮยอนเดินเก่งกว่าเก่าเสียอีก ซึงยุนเองก็ไม่ค่อยเปลืองแรงเท่าไหร่เสียด้วย ต้องขอบคุณมินโฮจริงๆ

     

    ที่กำลังละลายความกลัวในใจของแทฮยอนช้าๆ

     

     

     

    “อีกสิบห้านาทีจะให้คุณมินโฮมารับลงไปทานข้าวนะ พี่จะเตรียมอาหาร”

     

    “ครับ” เสียงเล็กตอบกลับมาติดจะยานคางนิดหน่อย พร้อมกับเสียงน้ำจากอ่างล่างหน้าที่ถูกเปิด ซึงยุนยิ้มก่อนจะเดินออกจากห้องนอนของอีกฝ่าย

     

     

     

    แต่แล้วเขาก็ต้องหยุดฝีเท้าลงเมื่อเห็นว่าวันนี้ดูเหมือนมินโฮจะแต่งตัวค่อนข้างดูดีผิดปกติ อันที่จริงมันผิดปกติมาก เพราะวันนี้อีกฝ่ายสวมเสื้อเชิ้ตสีอ่อนแบบเป็นทางกำลังเดินผูกไทท์ออกมาจากห้องนอนในขณะที่แขนอีกข้างก็พาดสูทไว้ด้วย

     

    กำลังจะไปไหนน่ะ...

     

     

     

    “ฝากแทฮยอนด้วยนะซึงยุน วันนี้ผมมีธุระไปพบนายใหญ่คงกลับมาตอนเที่ยง” เหมือนกับว่ามินโฮได้ยินเสียงในใจซึงยุนอย่างนั้น เจ้าของใบหน้าอิ่มกดลงช้าๆเป็นเชิงเข้าใจ เขามองชายร่างสูงที่กำลังก้าวเท้าลงบันไดอย่างเร่งรีบหลังจากที่มองดูนาฬิกาบนข้อมือของตนเอง

     

    ซึงยุนขมวดคิ้ว...

     

     

     

    “แต่วันนี้แทฮยอนมีนัดกับคุณหมอ” ประโยคนั้นเอ่ยดังขึ้น เมื่อมินโฮกำลังจะก้าวลงบันไดถึงขั้นสุดท้ายพอดิบพอดี คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเป็นนับว่าเขากำลังใช้ความคิดอยู่

     

    วันนี้เป็นวันที่แทฮยอนมีนัดกับคุณหมอ แต่มันก็เป็นวันแรกเช่นกันตั้งแต่ที่เขามาถึงที่นี่มันจะเป็นวันแรกที่มินโฮจะได้พบหมอพร้อมๆกับคุณคนเล็กของเขา ชายหนุ่มคิดอยู่ครู่ใหญ่ ซึงยุนเองก็เดาใจเจ้าของแผ่นหลังกว้างไม่ถูก เขาไม่รู้ว่ามินโฮจะตัดสินใจเลือกอะไรระหว่าง

     

    คุณคนเล็ก

     

    กับ นายใหญ่

     

     

     

    “กี่โมง” จนกระทั่งเสียงทุ้มนั้นเอ่ยถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบและความระทึกใจของซึงยุน อีกฝ่ายรีบลนลานตอบเขาทันที

     

    “เที่ยงครับ”

     

    “ผมคงกลับมาทันอยู่ ฝากบอกเขาด้วยนะครับ”

     

    “ได้สิ” ซึงยุนเอ่ยบอก เขาผิดหวังนิดหน่อยที่มินโฮยังคงเลือกนายใหญ่ก่อนที่จะเลือกคนที่สำคัญอย่างแทฮยอน แต่เขาก็พูดอะไรมากไม่ได้อยู่ดี ซึงยุนไม่มีสิทธิ์ก้าวล่วงในความสำพันธ์นั้นของทั้งสองคน ขายาวก้าวลงบันไดตามร่างของอีกฝ่าย ต่างกันตรงแค่มินโฮเดินออกไปด้านนอกบ้าน ในขณะที่เขาเดินวนกลับเข้าไปในครัว

     

    ในใจไม่อยากจะคิดเลยหากแทฮยอนพบว่าคนที่พาเจ้าตัวลงไปทานมื้อเช้าเป็นเขาไม่ใช่มินโฮ ร่างน้อยนั้นจะแอบคิดมากแอบโกรธในใจขนาดไหน

     

    ซึงยุนได้แต่ภาวนาให้มินโฮกลับมาทันคุณหมอด้วยเถอะ

     

     

     

     

     

     

    รถยนต์สีดำสนิทขับแล่นไปบนเส้นทางเงียบสงบ เวลาสายและถนนที่ไม่ถูกใช้งานแถบชานเมืองเช่นนี้ รถน้อยคันนักที่จะขับผ่านบวกกับมันเป็นทางเขาตามแบบภูมิประเทศแล้วด้วย คนเมืองยิ่งเลี่ยงจะใช้มันกันใหญ่ ในขณะที่คนไกลเมืองก็ไม่นิยมใช้รถนัก

     

    แตกต่าง แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่มินโฮจะใส่ใจ เขาขอบคุณความว่างเปล่าบนถนนที่ทำให้ตนเองเหยียบคันเร่งจนเกือบมิดฝ่าเท้า มันเป็นความกังวลใจหลังจากที่มาถึงที่นี่โดยไม่มีอะไรให้ติดค้างใจมาสักพักหนึ่ง การใช้ชีวิตอยู่ดูแลแทฮยอนไปเรื่อยและพูดคุยกับซึงยุนเป็นบางครั้งบางครายังไม่เคยเป็นเรื่องน่าเบื่อเท่ากับการถูกนายใหญ่เรียกตัวเข้าเมืองในวันสบายๆแบบนี้

     

    อันที่จริงจะว่าอย่างนั้นก็ไม่ได้ มินโฮเองก็เร่งทำงานให้ท่านอยู่เช่นกัน

     

    ดูเหมือนว่านี่ก็ผ่านไปสัปดาห์กว่าแล้ว นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมนายใหญ่ถึงเรียกตัวเขาไปแม้เขาจะส่งรายงานความคืบหน้าให้กับท่าน มันดูเหมือนกับว่าฝั่งนั้นต้องการคำอธิบายเพิ่มเติมจากข้อมูลที่มินโฮส่งไป พวกเขามีความคลางแคลงใจที่ต้องการเพียงคำตอบเพื่อยืนยัน

     

    มินโฮถอนหายใจ

     

    ใช้เวลาไม่กี่สิบนาที ที่เหยียบมาจนหน้าปัดแตะถึงเลขร้อยสี่สิบก็ทำให้เขาถึงตึกบริหารของอีกฝ่ายทันทีแบบเฉียดฉิว ชายหนุ่มโทร.เข้าไปรายงานกับเลขาฯว่าตนจะขอพบก่อนเวลาราวหนึ่งชั่วโมง เพื่อให้หล่อนทำการเช็คตารางงานของนายใหญ่ให้มินโฮก่อนจะตอบตกลง

     

    เสื้อสูทถูกคว้ามาใส่

     

    ขายาวพาร่างสูงใหญ่ของตนเองเข้าตึก กดลิฟต์ไปชั้นบนสุดอย่างชำนาญ ก่อนที่ปลายเท้าจะหยุดลงหน้าห้องทำงานใหญ่ของนักการเมืองชื่อดัง เลขาฯสาวยิ้มให้เล็กน้อยกับการมาของอีกฝ่าย เธอเปิดสมุดจดขยุกขยิกอยู่หนึ่ง

     

     

     

    “คุณท่านรอยู่แล้วค่ะ”

     

    “ครับ” รับคำกล่าวนั้น ก่อนที่การ์ดหน้าห้องจะเป็นฝ่ายพาตัวเขาเข้าไปในห้อง

     

     

     

    บรรยากาศอึดอัดยังคงเป็นสิ่งแรกที่มินโฮสัมผัสได้เมื่อเขาก้าวเข้ามาในห้องทำงานของนักการเมืองชื่อดัง ดวงตาคมมองดูเจ้าของร่างสูงใหญ่คาบแท่งซิก้าทอดสายตาออกไปเบื้องหน้าเช่นเคย วันนี้มันยังไม่ถูกตัดออกเขาเพียงคาบมันไว้เฉยๆเท่านั้น ชายชรานั้นหันมามองหน้าบุคคลผู้มาใหม่เล็กน้อย

     

     

     

    “ฉันไม่คิดว่าคนอย่างนายจะเลื่อนนัด”

     

    “ขอโทษครับ” วลีแรกที่หลุดออกจากปากตั้งแต่มาถึง มินโฮโค้มหัวให้อีกฝ่ายก่อนจะก้มหน้าไม่กล้าสบตาผู้มีอิทธิพลตรงหน้า

     

     

     

    เขาทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจที่จะควบคุมทุกอย่างที่ต้องการ ไม่ว่าจะในทางที่ผิดหรือทางที่ถูกเขายอมแลกมันกับทุกอย่าง นั่นจึงเป็นเหตุผลว่าทำไมมินโฮถึงยอม เขาจำเป็นต้องยอมเพราะมันมีเพียงเรื่องเดียวในหัวจริงๆ เรื่องของคุณคนเล็ก... แต่แล้วเสียงของนายใหญ่ก็เรียกสติมินโฮให้กลับมา

     

     

     

    “ได้ข่าวว่าแทฮยอนอาการดีขึ้นมาก”

     

    “ครับ เขาเริ่มยืนได้แล้ว” มินโฮรายงานอาการตามที่เขาเห็น แทฮยอนทรงตัวได้สักพักแต่ก็ยังไม่มีแรงก้าวขาเดิน เรื่องนั้นคงต้องใช้เวลา ดวงตาคมลอบมองกายใหญ่ของผู้เป็นบิดาคนในความคิดตนเอง นายใหญ่มีสีหน้าพอใจเล็กน้อยเมื่อเขาได้รับคำยืนยันจากมินโฮ

     

     

     

    เขาคิดไม่ผิดว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้ แต่ก็ไม่พูดอะไรเพราะไม่อยากให้มีใครได้ใจในการกระทำของตัวเอง เขาไม่อยากมองดูผู้คนในอำนาจของตนหลงระเริงกับคำสรรเสริญจนทะนงตัวในทางที่ผิด ดังนั้นชายชราจึงเลือกจะปัดประเด็นนั้นทิ้งเสีย

     

     

     

    “ช่างมันเถอะ... เรื่องมันไปถึงไหนแล้วล่ะ” เขาเอ่ยเข้าประเด็นและมันเป็นอย่างที่มินโฮคิดไว้ไม่มีผิด ใบหน้าหล่อเงยขึ้นเล็กน้อย มองหน้าของนายใหญ่ก่อนจะเอ่ยออกมา

     

    “เท่าที่ทราบ มีหนอนบ่อนไส้อยู่ในพรรคของเราจริงๆ ผมไม่แน่ใจว่าใครเป็นคนทำแต่รู้เรื่องกระบวนการการดึงข้อมูลและการปล่อยข้อมูล ทุกอย่างทำงานเป็นระบบในฐานข้อมูลของตนเองไม่จำเป็นต้องใช้คนเยอะ แค่ใช้การรักษาความปลอดภัยขั้นสูงก็ทำได้

     

    ส่วนเรื่องข้อมูลที่พวกนั้นได้มา ส่วนใหญ่มาจากการแฮคระบบ แต่เท่าที่ผมดูกระบวนการทำงานของเรามันจำเป็นอย่างมากที่จะใช้คนในด้วย เพราะไม่อย่างนั้นคงเจาะไม่ถูกจุด”

     

    “หมายความว่ายังสืบไม่ถึงตัวคนทำอย่างนั้น...ใช่ไหม”

     

    “ยังครับ ตอนนี้ยังเดาอะไรไม่ได้แต่คงอีกไม่นาน”

     

    “อย่าให้นานนักล่ะ”

     

    “ครับ”

     

    “ฉันอยากกำชับนายอีกเรื่อง มีบางอย่างที่นายยังไม่รู้เกี่ยวกับลูกชายของฉัน” นายใหญ่เอ่ยบอก สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปฉายความกังวลอย่างเห็นได้ชัด ร่างใหญ่นั้นนั่งลงบนเก้าอี้ประจำตำแหน่งของเขา คราวนี้แท่งซิกาถูกตัดออกไป ก่อนที่มือหนาจะหยิบสลักไฟแช็คขึ้นมาจุดมัน

     

    เขาอัดควันเข้าเต็มปอด ความเครียดถูกสั่งสมไว้ภายในจิตใจ

     

     

     

    “นายยังจำลูกชายคนโตของฉันได้หรือเปล่า...”

     

    “...”

     

    “เขากำลังจะกลับมาเร็วๆนี้ ในฐานะพลตำรวจเอก”

     

     

     

    น้ำเสียงนั้นแสดงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด ควันสีเทาถูกพ่นออกมาในขณะที่คนฟังอย่างมินโฮเองก็นิ่งไป ดูเหมือนว่างานของเขากำลังเพิ่มความยากขึ้นไปอีกระดับหนึ่งใบหน้าหล่อฉายความกังวลใจไม่ต่างอะไรจากบุคคลที่นั่งอยู่

     

     

     

    “หาให้ได้มินโฮ หาให้ได้ว่าใครเป็นคนทำ”

     

    “...”

     

    “แล้วฉันจะยอมให้นายดูแลแทฮยอนตามที่นายต้องการ”

     

     

     

    เพราะประโยคนั้นทำให้มินโฮอดไม่ได้ที่จะต้องตกปากรับคำ นั่นคือสิ่งที่เขาหวังมาตลอดตั้งแต่จำความได้ ชายหนุ่มลอบถอนหายใจตอนที่การ์ดเชิญเขาออกไปนอกห้อง แผ่นหลังกว้างของมินโฮหายลับออกไป มือหนาของชายชราเปิดกรอบรูปที่เขาคว่ำลงกับโต๊ะทำงานของตนเองขึ้น รูปครอบครัวของเขาระหว่างตนเอง ภรรยาและบุตรชายทั้งสองคน

     

    มันเคยอบอุ่นกว่านี้ ตอนที่ภรรยาของเขายังมีชีวิต

     

    กระทั่งเธอจากไป มันเหมือนพรากความสุขของทุกคนไปด้วย แต่มันก็เป็นความผิดเขาที่ทำงานแบบนี้ การตัดสินใจเลือกเดินทางผิดไม่ใช่สิ่งที่ควรทำ แต่คนที่เป็นหัวหน้าครอบครัว ก็อยากให้ลูกและเมียของเขาได้อยู่ดีกินดีที่สุด

     

    จนวันที่เขาพบว่าเพราะมัน มันเลยพรากคนที่รักที่สุดในชีวิตไป ไม่ใช่แค่ภรรยาแต่กลับเป็นลูกชายทั้งสองคนด้วย ตอนนี้มีสิ่งเดียวที่เขาพอจะนึกออกคือ ต้องจัดการหนอนบ่อนไส้และศัตรูทุกคนทิ้งให้หมด เขาเลิกทำสิ่งที่ทำไม่ได้เพราะอย่างนั้น อย่างน้อยคนในครอบครัวของเขาก็ต้องปลอดภัย...

     

     

     

     

     

     

    ห้องอาหารกึ่งห้องครัวในบ้านไม้ริมชานเมืองกลายเป็นห้องรวมความไม่พอใจไปโดยปริยาย แทฮยอนยังคงนั่งเขี่ยอาหารในจานโดยไม่เงยหน้ามองซึงยุนที่อยู่บริเวณบาร์ในครัวด้วยซ้ำ ใบหน้าหวานนิ่งเรียบ มือเรียวตักอาหารเข้าปากเพียงไม่กี่คำหลังจากเหลือบมองนาฬิกาบนฝาผนัง เข็มสั้นและเข็มยาวเฉียดเข้าใกล้กับเวลาของคุณหมอไปทุกที

     

    แต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังไม่มา

     

     

     

    “อิ่มแล้วเหรอ ไปห้องนั่งเล่นเลยมั้ย” ซึงยุนเอ่ยถามก่อนที่แทฮยอนจะยอมพยักหน้าเบาๆโดยที่ไม่พูดอะไร มันเป็นความน้อยใจที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนและซึงยุนสัมผัสได้ดี เขารู้ดีว่าแทฮยอนอยากจะอวดถึงความพยายามของตนเอง ถึงร่างเล็กจะหัวดื้อแต่ก็อยากให้คนรอบตัวภูมิใจ

     

    ร่างโปร่งยังคงทำหน้าที่ของเขาโดยการพยุงแทฮยอนไปยังห้องนั่งเล่นสีจาง วันนี้แทฮยอนไม่ได้จัดช่อดอกคัตเตอร์ เพราะเขามัวเสียเวลาไปกับการนั่งค่อนขอดอีกฝ่ายในใจ เป็นอารมณ์ไม่แสดงออกทางคำพูดและการกระทำ มีเพียงความเงียบเท่านั้นที่ทำให้คนรอบข้างรู้ตัว

     

     

     

    “เขาไปไหน”

     

     

     

    หนสุดท้ายก็ยอมเอ่ยออกมาตั้งแต่ที่รู้ว่ามินโฮออกไปทำธุระ ซึงยุนไม่ได้พูดต่อว่าออกไปไหนเพราะเห็นได้ชัดว่าสีหน้าของแทฮยอนเปลี่ยนไปในทันที เจ้าของใบหน้าอิ่มกลับหลังหันมามองคนตัวเล็กที่เอนกายพิงกับโซฟา ดวงตาเรียวมองรอดออกไปนอกหน้าต่าง

     

     

     

    “ออกไปหาคุณท่าน”

     

    “พ่อสินะ”

     

    “...อือฮึ”

     

    “...พ่อเรียกตัวเขาเหรอ”

     

    “คงจะแบบนั้น เขาดูรีบมากแต่บอกว่าจะกลับมาให้ทัน”

     

    “อือ” แทฮยอนครางรับโดยไม่ถามอะไรอีก นั่นจึงทำให้เขามั่นใจได้ว่าคนตัวเล็กคงไม่ถามอะไรต่อ ปากเรียวแดงเม้มเข้าหากันหลังจากพบว่าสิ่งที่ตนเองเดาไว้เป็นจริง ไม่ว่าอย่างไรพ่อของเขาก็มาก่อนเขาสำหรับมินโฮเสมอ จมูกเล็กถอนหายใจ

     

     

     

     

    เสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น ก่อนที่ซึงยุนจะหยุดมันลง แทฮยอนปิดเปลือกตาลงอย่างเบื่อหน่าย เขาเดินไม่ได้และมันก็น่าเบื่อไปหมด จัดดอกไม้ก็ทำไม่ได้เพราะต้องรอคุณหมอมาถึง ร่างเล็กกำลังเอาอารมณ์คุกครุ่นในใจแบบเมื่อก่อนมาใช้ มันเกิดขึ้นเร็วจนเขาลืมตัว ลืมตัวว่าที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่ามินโฮออกไปข้างนอกโดยไม่บอกสักคำ

     

    ไม่ชอบ ไม่ชอบจริงๆ

     

     

     

    “ผมมาทันหรือเปล่าครับ”

     

     

     

    เสียงทุ้มแหบของคนที่แทฮยอนกำลังน้อยใจดังขึ้น เจ้าของร่างสูงเอ่ยถามคนตัวเล็กเบาๆท่าทางกระหืดกระหอบเล็กน้อยพร้อมกับเหงื่อเม็ดใหญ่ที่ผุดขึ้นเต็มใบหน้าทำให้แทฮยอนยิ่งไม่พอใจเข้าไปใหญ่ ดวงตาเรียวเหลือบมองนาฬิกา

     

    เฉียดฉิว...

     

     

     

    “มานั่งตรงนี้นะ” เอ่ยบอกคนอายุมากกว่าก่อนที่มินโฮจะยอมทำตามอย่างว่าง่าย เขาคิดอยู่แล้วว่าแทฮยอนต้องโกรธแต่ก็ไม่รู้ว่าจะรับมือแบบไหน ร่างสูงถอนหายใจแผ่วเบายอมเดินลงไปนั่งอยู่ด้านหน้าของคุณคนเล็กแต่โดยดี

     

     

     

    เขาก้มหน้าลงกับพื้นไม่กล้าสบดวงตาที่ฉายแววไม่พอใจคู่นั้น รู้สึกผิดที่ละเรื่องสำคัญไปหางานของตนเอง แต่ทว่าทางนั้นมันก็สำคัญมากเหมือนกันเพราะอย่างนั้นเขาถึงเลือกอะไรไม่ได้ ทุกอย่างมันส่งผลต่อกันหมด เขาอยากดูแลคุณคนเล็กอยากดูแลไปทั้งชีวิตของเขาเพราะอย่างนั้นมันจึงจำเป็นที่มินโฮจะต้องไป

     

     ร่างสูงได้แต่ครุ่นคิดมันอยู่ในใจ จนกระทั่งมือขาวทั้งสองข้างเอื้อมมาด้านหน้าของเขา ปลายนิ้วแตะอยู่บนปกเสื้อเชิ้ตแผ่วเบา

     

     

     

    “เฉียดฉิวไปนิดเดียวเท่านั้นล่ะ” แทฮยอนพึมพำแผ่วเบาระหว่างที่มือก็เอื้อมไปปลดไทท์ให้กับอีกฝ่าย ดวงตาคมเงยหน้ามองคนที่กำลังตีสีหน้ายุ่งโดยไม่ได้สนใจเขาเท่าไหร่นัก

     

    “เดี๋ยวก็ร้อนจนหายใจไม่ออกกันพอดีแบบนี้”

     

    “ขอบคุณครับ คุณคนเล็ก”

     

     

     

    เอ่ยบอกยิ้มๆ ก่อนจะรับไทท์จากอีกฝ่ายคืนมา ถึงจะถูกโกรธแต่คุณคนเล็กก็ยังเป็นห่วงเขา อย่างน้อยก็ดูเหมือนว่ามินโฮจะไม่ได้ถูกโกรธจริงๆเสียทีเดียว ชายหนุ่มส่งยิ้มจางให้กับคนที่เผลอหันมามองรอยยิ้มนั้น พวงแก้มเล็กซับสีเลือดจาง พึมพำเสียงแผ่วเบาแต่ชัดเจนดี

     

     

     

    “ไม่ต้องมายิ้มเลย”

     

     

     

    มินโฮไม่ตอบอะไร ได้แต่มองหน้าหวานนั้นอยู่หลายนาที ก็เพราะคุณคนเล็กน่ารักแบบนี้เขาถึงอยากดูแลเขาอยากดูแลคุณคนเล็ก เขาจึงยอมทำตามที่นายใหญ่บอกมีประโยคบางประโยคที่มินโฮอยากพูดกับคุณคนเล็ก แต่เขาก็ทำได้เพียงพูดมันในใจ

     

    รอผมก่อนนะครับ คุณคนเล็ก รอผมก่อน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    UP 20.04.15

    #ฟิคคุณคนเล็ก

     

    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×