ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [WINNER] still {Minho x Taehyun} - end

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่ 2: ล้ม

    • อัปเดตล่าสุด 15 เม.ย. 58


    Still002

     
     

    ผ้าม่านสีอ่อนยังคงทักทายพลิ้วไหวเล่นสนุกกับลมเบาเหมือนทุกวัน เจ้าของกายบางเองก็ยังคงนั่งจัดช่อดอกคัตเตอร์อยู่ที่โซฟาสีจางเช่นเคย จะแตกต่างออกไปก็ตรงที่ข้างกายของร่างเล็กมีร่างสูงนั่งอยู่ด้วยไม่ห่าง

     

    ปลายนิ้วยาวของมินโฮกดลงบนแป้นพิมพ์โน้ตบุ๊คของเขา ดวงตาสลับมองงานในจอคอมพิวเตอร์กับใบหน้าหวานของคนตัวเล็กที่กำลังตั้งใจทำงานอดิเรกของตนเอง ถึงบรรยากาศมันจะเงียบ แต่เสียงข้างในใจเราไม่ได้เงียบ

     

    หัวใจของแทฮยอนเต้นแรง เขารู้ตัวว่าตนเองถูกลอบมอง...

     

     

    “มาจัดดอกไม้ด้วยกันไหม ?”

     

     

    เสียงใสเอ่ยถามโดยที่ไม่ได้มองหน้าของมินโฮสักนิด แทฮยอนกำลังหาทางตัดปัญหาให้อีกฝ่ายเลิกกวนมาธิเขาแบบนั้น ร่างสูงเลิกคิ้วขึ้นมองดอกไม้สลับกับแทฮยอน อันที่จริงงานแบบนี้มันไม่เข้ากับผู้ชายสักนิดโดยเฉพาะคนอย่างซงมินโฮหรือผู้ชายคนอื่นๆ แต่น่าแปลกที่มันดูเข้ากับแทฮยอนอย่างประหลาด

     

    ชายหนุ่มละสายตาออกจากโน้ตบุ๊คก่อนจะเปลี่ยนมาเป็นมองหน้าหวานๆนั้นเต็มตาเสียที

     

    ซึ่ง... แทฮยอนไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนี้สักหน่อย

     

     

     

    “มันไม่เห็นเข้ากับผมเลยครับ”

     

     

     

    มินโฮเอ่ยบอก แต่แทฮยอนไม่ได้สนใจฟังมือเล็กยื่นกรรไกรกับดอกคัตเตอร์ที่ยังไม่ได้ตัดให้อีกฝ่าย ยัดมันใส่อุ้งมือหนาแล้วหยิบก้านที่ถูกตัดแล้วให้อีกฝ่ายดู

     

     

     

    “ตัดแบบนี้ เอาเท่านี้นะครับ มินโฮจะได้เลิกมองหน้าผมสักที”

     

    “ยากจังครับ”

     

     

     

    มินโฮพึมพำกับคำสั่งนั้นของร่างเล็ก เขาอมยิ้มยอมก้มหน้าทำงานใหม่ของตนเองต่อ ในขณะที่แทฮยอนก็ได้แต่พึมพำเสียงเบาเถียงอีกฝ่าย

     

     

     

    “ไม่ยากสักหน่อย แค่ตัดดอกไม้เอง”

     

     

     

    แทฮยอนเอ่ยบอก แบบนี้เขารู้สึกสบายใจขึ้นเยอะหลังจากที่รู้ว่ามินโฮไม่ได้ลอบมองเขาบ่อยๆเหมือนเมื่อไม่กี่นาทีที่ผ่านมา แบบนี้ลดความอึดอัดและความเขินของแทฮยอนลงไปได้เยอะเลยเหมือนกัน

     

    มินโฮวางก้านดอกไม้ที่เขาบรรจงตัดมันอย่างเบามือลงกับโต๊ะก่อนจะลอบยิ้มจางออกมา เพราะดูเหมือนว่าเราจะเข้าใจต่างกัน

     

     

     

    “ผมหมายถึง ไม่ให้มองหน้าคุณคนเล็ก”

     

    “...”

     

    “ยากจังครับ”

     

     

     

    ดูเหมือนว่าอันที่จริงแทฮยอนไม่ได้เขินแค่ถูกมองเพียงอย่างเดียว แต่เพราะว่าทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากมินโฮเขาถึงได้รู้สึกเขินอยู่แบบนี้ ผิวขาวซีดเจือสีแดงฝาดอย่างน่ารัก ถึงจะไม่มีคำพูดใดเอ่ยต่อจากนั้นแต่มินโฮก็เข้าใจปฏิกิริยาของอีกฝ่ายดี

     

    นี่เป็นการจัดช่อดอกไม้ใส่แจกันที่แทฮยอนรู้สึกได้ว่าหัวใจเต้นแรงที่สุดในโลกจริงๆ

     

    หลายนาทีผ่านไปที่มินโฮช่วยอีกฝ่ายทำงานอดิเรกจนเสร็จ ก่อนที่เขาจะอาสาช่วยซึงยุนหอบเศษดอกไม้ไปทิ้งหลังบ้านโดยที่เจ้าของร่างโปร่งสูงนั้นเองก็มีหน้าที่เอาแจกันดอกไม้ไปตั้งตามห้องต่างๆเช่นกัน กว่าจะเสร็จก็ประจวบเหมาะกับที่มินโฮเดินมาหยุดตรงหน้าปฏิทินอันใหญ่พอดี

     

    แผ่นหลังกว้างที่ยืนนิ่งมากปฏิทินอยู่ทำให้ซึงยุนต้องชะงักและเป็นฝ่ายเอ่ยถามสมาชิกใหม่ของบ้านหลังนี้

     

     

     

    “มีอะไรหรอ ?”

     

     

     

    เขาหยุดเท้าลงที่ด้านหลังอีกฝ่าย ก่อนที่มินโฮจะใช้นิ้วชี้ลงไปบนปฏิทิน หนึ่งสัปดาห์มีเจ็ดวัน แต่บรรดาวันทั้งเจ็ดหลับถูกวงไว้ด้วยปากกาสีแดงเช่นเดียวกับที่มินโฮเคยทำตอนที่เขาอยู่คอนโดของตนเอง

     

    แต่นั่นมันก็เพื่อนับถอยหลังถึงงานใหม่ที่จะมาถึง

     

    ส่วนปฏิทินในบ้านคนป่วยแบบนี้เขาไม่เข้าใจนักหรอก

     

     

     

    “วงไว้ทำไม” หนสุดท้ายเขาก็เอ่ยถามเจ้าบ้านอย่างซึงยุนก่อนที่อีกฝ่ายร้องเบาๆแสดงความเข้าใจ

     

    “วันที่คุณหมอจะแวะมาคุยกับแทฮยอนน่ะ อย่างน้อยก็สามวันต่อสัปดาห์” ซึงยุนว่าอย่างอารมณ์ดีก่อนจะเดินหนีเข้าไปในห้องครัว ส่งผลให้มินโฮต้องเดินตามอย่างช่วยไม่ได้ เพราะดูเหมือนว่าจะมีหลายเรื่องเกี่ยวกับแทฮยอนเหมือนกันที่เขายังไม่รู้

     

    “แล้วมันดีขึ้นหรือเปล่า”

     

    “อย่างน้อยก็ช่วยให้เราเข้าใจมากขึ้นว่าทำไมแทฮยอนถึงไม่อยากเดินได้น่ะ”

     

    “แบบนี้เองน่ะเหรอ” มินโฮว่าเสียงเบา ดูเหมือนจะเป็นหลักทางจิตวิทยาอีกข้อที่ทำให้ทุกคนเข้าใจร่างเล็กนั้นมากขึ้น

     

     

     

    รวมถึงก็เพื่อช่วยให้แทฮยอนเองสบายใจด้วย การหมั่นตรวจเช็คอาการของคนป่วยเป็นเรื่องอย่างหนึ่งที่ควรพึงกระทำบ่อยๆ ใส่ใจคนไข้เพื่อให้เขารู้สึกว่าตนเองไม่ได้โดดเดี่ยว มินโฮนั่งเท้าคางคิดอะไรต่อมิอะไรไปเรื่อย ก่อนที่เขาจะลอบมองซึงยุนที่ส่งจานของว่างมาให้

     

    ชายหนุ่มมองมันครู่หนึ่งพร้อมกับสลับมองกับเจ้าของใบหน้าอิ่ม

     

     

     

    “ไว้หมอมาคราวหน้าคุณก็ลองคุยกับเขาดูสิ”

     

    “...”

     

    “แล้วจานนั่นคุณคงไม่คิดว่าผมเอามันให้คุณหรอกนะ”

     

     

     

    ซึงยุนว่าติดตลกก่อนที่มินโฮจะลอบถอนหายใจออกมา อันที่จริงเขาก็คิดอยู่แล้วว่าจานของว่างมันไม่ได้เหมาะกับผู้ชายอย่างเขาเท่าไหร่ มือหนาหยิบมันขึ้นประคองด้วยอุ้งมือ ก่อนจะเดินกลับไปยังห้องนั่งเล่นที่แทฮยอนกำลังพักผ่อนอยู่

     

    เจ้าของกายขาวซีดหยิบสมุดจดเล่มหนาสีขาวขึ้นมา มือข้างหนึ่งถือดินสอเอาไว้ก่อนจะจรดมันลงบนสมุด แทฮยอนเป็นคนตั้งใจ เวลาสนใจอะไรหรือกำลังทำอะไรคนตัวเล็กก็แทบจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับมัน

     

    ไม่ได้รู้หรอกว่าใครเดินกลับเข้ามาแล้ว

     

     

     

    “ซึงยุนให้เอามาให้ครับ” มินโฮเอ่ยเบาๆเรียกความสนใจจากคนตัวเล็ก แทฮยอนเหลือบมองจานขนมตรงหน้าก่อนจะพึมพำเบาออกมา

     

    “เขามีแผนจะขุนผม พี่ซึงยุนน่ะ” เสียงใสบ่นแต่ก็ยังดันกายขึ้นมาหยิบขนมใส่ปากเสียอย่างนั้น มินโฮลอบยิ้มบนใบหน้า

     

     

     

    ก่อนที่เขาจะหยิบโน้ตบุ๊คของตัวเองขึ้นมาทำงานต่อ แต่ก็ไม่วายเอ่ยชวนคุณคนเล็กของเขาที่กำลังจดขยุกขยิกบนลงในสมุดโน้ตของตนเอง

     

     

     

    “ทำอะไรอยู่หรอครับ”

     

     

     

    แทฮยอนเคลื่อนสายตามามองชายหนุ่มที่แม้มือจะเริ่มสาละวนกับแป้นพิมพ์ของตนเองอีกครั้งแต่ใบหน้าหล่อและดวงตาคมก็ยังสามารถจับจ้องมาที่เขาได้อย่างไม่วางตา แทฮยอนพลิกสมุดให้มินโฮดู ด้านในเป็นตารางกายภาพบำบัดของตนเอง

     

     

     

    “ผมกำลังเขียนอยู่ ว่าวันนี้ทำอะไรไปบ้าง”

     

     

     

    แทฮยอนว่าก่อนจะพลิกมันกลับมานั่งจดเหมือนเดิม หัวใจของมินโฮพองโตพอๆกับซึงยุนที่เดินผ่านแล้วบังเอิญได้ยินเช่นกัน เจ้าของร่างโปร่งหยุดเท้าลงที่หน้าประตูห้องเพื่อฟังว่าแทฮยอนและมินโฮจะคุยอะไรกันต่อ

     

    ซึงยุนไม่ปฏิเสธว่าตั้งแต่เรามีมินโฮมาเป็นสมาชิกอีกคนของบ้าน แทฮยอนดูจะร่าเริงสดใสขึ้นจนเขาเผลอคิดเสียด้วยซ้ำว่าบรรยากาศรอบตัวมันดีไปหมด ดีกว่าตอนที่เราอยู่ด้วยกันสองคนเสียอีก เห็นแบบนั้นเขาก็ใจชื้น

     

    ยิ่งพักหลังๆมานี้แทฮยอนดูจะหมั่นฝึกทำกายภาพบำบัดมากกว่าเก่า จากคนที่ไม่ทำเลยมันก็ออกจะแปลก แต่พอเขามองมินโฮสลับกับมองแทฮยอนซึงยุนก็พบหลายๆคำตอบมากขึ้น

     

    เขาคิดว่าทั้งสองคนเคยรู้จักกันมาก่อน

     

    ถึงจะไม่ได้ถามแต่สายตามันก็บอก สายตาของมินโฮเวลาที่มองแทฮยอนมันไม่เหมือนกับเขาที่มองแทฮยอนหรือใครๆ มันต่างออกไป ดวงตาคู่นั้นมันอบอุ่น ทุกอย่างมันแสดงออกมาอย่างชัดเจนและไม่มีการปกปิด

     

    ซึงยุนไม่รู้หรอกว่าสิ่งที่เขารู้สึกมันจริงหรือไม่

     

    แต่อย่างน้อยแทฮยอนก็เปลี่ยนไป และเขาเองก็พอใจ

     

     

     

    “ถ้าคุณหมอมาคราวหน้าเขาคงดีใจแน่ๆ” เสียงมินโฮเอ่ยบอกกับคุณคนเล็กของเขา แทฮยอนเพียงครางฮืมไม่รู้จะตอบอะไรในประโยคนั้น

     

    อันที่จริงเขาไม่ได้อยากให้คุณหมอดีใจเสียหน่อย

     

    เขาอยากให้พี่มินโฮดีใจมากกว่า

     

    แต่ก็พับเก็บคำพูดนั้นไว้ในใจ เพราขืนบอกออกไปคงถูกอีกฝ่ายแกล้งให้หน้าแดงอีกเป็นแน่ ตั้งแต่มินโฮย้ายมา แทฮยอนยังไม่มีโอกาสได้หยุดเขินเลยสักนิด แม้แต่ตอนที่ทะเลาะกับตัวเองในความคิดแบบนี้ก็เช่นกัน

     

    เขารู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า ไม่รู้ว่ามันขึ้นสีริ้วหรือเปล่าด้วยซ้ำ

     

    ร่างเล็กค่อยๆยกสมุดปิดหน้าตัวเองก่อนจะไถลตัวฝังกายลงกับโซฟาอย่างน่ารัก

     

     

     

    “พี่มินโฮจะไปรู้อะไร คุณหมอดุจะตาย” แทฮยอนพึมพำทั้งที่สมุดยังปิดหน้า มินโฮเห็นท่าทางน่ารักนั้นแล้วเขาก็ลอบขำ

     

    เด็ก เด็กจริงๆ...

     

    “แต่คุณหมออาจจะดีใจก็ได้นะครับ เราขยันขนาดทำตารางแบบนี้”

     

    “แต่พี่มินโฮไม่เห็นดีใจสักหน่อย”

     

     

     

    แทฮยอนว่าอ้อมแอ้ม ในที่สุดเขาก็ยอมพูดออกมาจนได้ว่าต้องการอะไร ช่วงหลังมานี้เขาพยายามช่วยเหลือตนเองจนค่อยๆลุกขึ้นยืนได้แล้วแต่ยังไม่มีแรงมากพอที่จะเดินเอง ถึงจะเป็นแบบนั้นแต่ก็ยังไม่เคยได้รับคำชม

     

    ส่วนคนฟังอย่างมินโฮก็เพียงแค่เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ทบทวนคำพูดของคุณคนเล็กเมื่อสักครู่ แทฮยอนได้แต่เม้มริมฝีปากพร้อมกับลดสมุดลงมามองหน้าอีกฝ่ายที่กำลังครุ่นคิด

     

    เข้าใจไหม ที่แทฮยอนกำลังจะหมายถึงน่ะ...

     

     

     

    “แบบนั้นพี่ก็อดอุ้มเราน่ะสิ”

     

     

     

    นั่นไง...

     

    เพราะไม่ว่ามินโฮจะตอบแบบไหน แทฮยอนก็หน้าขึ้นสีทั้งนั้นล่ะ

     

     

    มือขาวรีบยกสมุดขึ้นปิดหน้าตัวเองจนมิดอีกครั้งทันที นั่นยิ่งทำให้มินโฮหัวเราะในลำคอแผ่วเบา ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะแกล้งอีกฝ่ายมากเกินไปจริงๆ...

     

    ซึงยุนที่กำลังฟังอยู่หน้าประตูก็ดูเหมือนว่าจะได้ยินมากเกินไป เขาคิดได้ว่าเขาควรแบกตระกร้าผ้าไปที่อื่นก่อนจะดีกว่า แต่มันก็เพราะคำพูดน่าชวนคิดแบบนั้นนั่นล่ะ ถึงทำให้เขามั่นใจว่าทั้งสองคนน่ะรู้จักกันจริงๆ

     

    แต่ในฐานะอะไรนั้นมันก็ยังคงเป็นคำถามต่อไป

     

    มินโฮใช้เวลาส่วนใหญ่ขลุกอยู่ในห้องนั่งเล่นกับแทฮยอน โดยที่ร่างเล็กเองก็ขยับกายไปมาบ้าง อ่านหนังสือบ้าง เขียนสมุดของเขาบ้าง กิจวัตรประจำวันเป็นแบบนี้ จนกระทั่งถึงเวลาบ่ายแก่ๆ อันที่จริงมันเป็นเวลาที่ซึงยุนจะต้องพาแทฮยอนไปฝึกเดินที่ห้องทำกายภาพบำบัด

     

    แต่ดูเหมือนว่าวันนี้อาหารในตู้เย็นจะหมดลงเสียก่อน

     

     

     

    “มินโฮ ผมฝากคุณดูแทฮยอนทำกายภาพบำบัดหน่อยสิครับ”

     

    “หืม ?”

     

     

     

    คนที่เพิ่งจะได้พักสายตาจากงานของเขาหันมาครางฮืมให้กับพี่เลี้ยงอีกคน ซึงยุนยิ้มแห้งก่อนจะไหวไหล่เดินมาหาคนทั้งคู่ วันนี้มันช่วยไม่ได้จริงๆเพราะว่าบ้านของเรามีมินโฮเข้ามาทำให้ซึงยุนกะปริมาณอาหารไม่ถูก แทฮยอนที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟานุ่มหันมาเลิกคิ้วเรียวใส่อีกฝ่ายจนหางคิ้วนั้นลู่ลง

     

    ทั้งห้องเงียบไปครู่ใหญ่

     

     

     

    “ตกลงสิ”

     

     

     

    ซึงยุนเพียงส่งยิ้มให้กับคำตอบที่ได้ยิน ก่อนที่เขาจะโบกมือลาทั้งสองคนแล้วเร่งขับรถเข้าเมื่อเพื่อไปซื้ออาหารไว้สำหรับทั้งสองคน

     

    กายบางลอยหวืดขึ้นจากโซฟา แทฮยอนได้แต่มองใบหน้าของมินโฮระหว่างที่กายของตนเองจมอยู่กับอกอุ่นๆของอีกคน อันที่จริงตอนที่คนตัวเล็กอยู่กับซึงยุน รายนั้นไม่มีแรงมาอุ้มเขาแบบนี้หรอก แถมตอนนั้นยังมีวีลแชร์คอยทุ่นแรง

     

    เพราะอย่างนั้นเวลาขึ้นบันไดมันจึงเป็นช่วงที่แทฮยอนพอจะได้ออกกำลังบ้าง

     

    แต่บอกตามตรง มาเจอมินโฮทำให้ทุกอย่างหมดเลยแบบนี้แล้วแทฮยอนก็แอบคิด

     

     

    เขาจะยิ่งเดินไม่ได้ไปกันใหญ่หรือเปล่านะ ?

     

     

    แอบคิดแล้วก็ลอบขำกับตัวเองในใจ หัวเล็กเผลอเอียงซบอกกว้างของอีกฝ่ายจนลืมตัว ผิวเนื้อนุ่มที่สัมผัสกันลำพังมินโฮก็ต้องข่มใจอยู่แล้ว มาเจอคุณคนเล็กขี้อ้อนยิ่งกว่าเก่าแบบนี้เขายิ่งจะต้องสะกดกับว่าอดทนในใจมากขึ้นไปอีก

     

     

     

    “พี่มินโฮ”

     

     

     

    สรรพนามในวัยเด็กถูกหยิบมาใช้อีกครั้ง เจ้าของชื่อครางฮือในลำคอ ก่อนที่เขาจะพาแทฮยอนไปถึงห้องที่มีไว้สำหรับบำบัดจริงๆ เขาไม่ยักจะคิดว่าการโกหกคนป่วยที่เป็นโรคจิตเภทต้องลงทุนขนาดนี้ แต่กระนั้นมินโฮก็ไม่ปริปากพูดอะไร

     

     

     

    “ทำเป็นหรอครับ ?”

     

     

     

    แทฮยอนยังคงเอ่ยถามเขาต่อ มินโฮวางร่างเล็กลงกับเก้าอี้ไม้ใกล้ๆกลับราวจับและทางเดินขนาดสั้นๆประมาณเมตรกว่า ชายหนุ่มสั่นศีรษะไปมา ก่อนจะย่อตัวลงเพื่อสนทนากับคนที่กำลังนั่งอยู่

     

     

     

    “คงต้องให้คุณคนเล็กบอกแล้วล่ะครับ” มินโฮว่าเก้อๆก่อนที่แทฮยอนจะหลุดขำออกมา บางครั้งอัศวินของเขาก็มีมุมที่น่ารักเหมือนกัน โดยเฉพาะเวลาที่ทำอะไรไม่เป็น

     

    “พาผมไปที่ราวนะ เสร็จแล้วผมจะพยายามเดินไปหามินโฮ”

     

    “...ครับ”

     

    “ห้ามช่วยนะ!

     

    “ครับคุณคนเล็ก”

     

     

     

    ชายหนุ่มรับคำก่อนจะพยุ่งอีกฝ่ายขึ้นแล้วทำตามที่แทฮยอนบอก ถึงมินโฮจะเป็นห่วงแต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ต้องทำตามที่คุณคนเล็กสั่งไว้ไม่อย่างนั้นคงโดนโกรธแน่ๆ มินโฮมองเจ้าของกายบางที่ค่อยๆทรงตัวอย่างยากลำบาก

     

    สองแขนเรียวเล็กนั้นจับราวเหล็กไว้แน่น ริมฝีปากเม้มตรงพยายามต่อสู้กับจิตใจตัวเอง จมูกเล็กสูดลมหายใจลึก ระหว่างค่อยๆพาร่างทั้งร่างเดินไปช้าๆอย่างลำบาก คนมองหัวใจเต้นแรง เขาตื่นเต้นไปกับความพยายามของคุณคนเล็ก

     

    แทฮยอนมองพื้นเบื้องล่างสลับกับใบหน้าของมินโฮ

     

    มันเป็นครั้งแรก ครั้งแรกจริงๆที่เขาอยากเดินได้และเดินไปให้ถึงอีกคน

     

    เดินไปให้ถึงมินโฮ

     

    แทฮยอนไม่เคยรู้สึกว่าร่างกายของเขามันขยับยากเย็นเท่าวันนี้ เพียงแค่คิดว่าอีกฝ่ายคือคนที่รอมาตลอดหลายปีก็อยากจะฝืนความคิดฝืนจิตใจเดินไปให้ถึง แต่มันเหนื่อยและมันหนัก ขาเรียวสั่นไหว คนมองเองก็ลำบากใจ

     

    แทฮยอนเซกาย...

     

     

     

    “คุณคนเล็ก!!!” มินโฮร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ สัญชาติญาณของเขาบอกให้ตัวเองกรูเข้าไปรับร่างน้อยนั้น แต่ว่า...

     

    “บอกว่าอย่าเข้ามาไง!

     

     

     

    เสียงใสสวนกลับไป ขอบตาเริ่มร้อนผ่าวเมื่อเห็นว่ามินโฮกำลังจะเข้ามาช่วย เหมือนกำแพงกั้นจิตใจพังลง กำแพงความพยายามของแทฮยอน ร่างเล็กอยากให้อีกฝ่ายมารับตนเองไว้ แต่เขาก็ต้องตะโกนออกไปว่าไม่

     

    ไม่เอา... ไม่อยากให้มินโฮมารับ

     

    เขาอยากเดินไปด้วยตัวเอง

     

     

     

    “คุณคนเล็ก...” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกแผ่วเบา มองดูคนที่เปี่ยมไปด้วยความพยายามหัวใจของเขาเหมือนถูกบีบรัด ยิ่งเห็นอีกฝ่ายเป็นแบบนี้ เขาก็ไม่อยากปล่อยไว้

     

    แต่คำพูดเมื่อสักครู่มันตรึงร่างกายเอาไว้

     

    แทฮยอนใช้เวลากว่าสิบนาที... อีกเพียงก้าวเดียว ก้าวเดียวจริงๆ...

     

     

     

    หมับ!

     

    หนสุดท้ายวงแขนแกร่งก็โอบรับกายบางเอาไว้ ก่อนที่แทฮยอนจะพ้นราวเหล็กเพราะคนตัวเล็กทำท่าจะล้มลงไปอีกรอบ ใบหน้าขาวเล็กซุกอยู่ที่ลำคอของอีกฝ่าย จมูกเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อหนสุดท้าย

     

    หนสุดท้ายแล้ว...

     

    มินโฮก็รับเขาเอาไว้ในอ้อมกอด

     

    ตาเรียวรื้นขอบน้ำตาขึ้นมา ดูเหมือนว่าความพยายามของเขาในวันนี้จะล้มเหลว มันยังไม่ดีพอและมันดูไม่ดีมากเลยเมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าเขาคือมินโฮ แขนเรียวโอบกอดอีกฝ่ายเอาไว้

     

     

     

    “ฮื้อ...ล้มจนได้”

     

     

     

    มินโฮสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้นที่ซอกคอเขา คุณคนเล็กกำลังร้องไห้เพราะความล้มเหลวของตนเอง ฝ่ามืออุ่นโอบกอดกายบางเอาไว้พร้อมกับลูบแผ่นหลังบางอย่างปลอบโยน

     

     

     

    “ลองใหม่นะครับ”

     

    “...”

     

    “ถ้าคุณคนเล็กล้มอีกผมจะรับเอง”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    UP 15.04.15

    ฮ่ะ มาเลี้ยววว คุณคนเล็กของเรากำลังจะพยายาม

    คุณการ์ดเราก็น่ารักมากๆ ฮือ ; w ;

     

    #ฟิคคุณคนเล็ก

    ถ้าชอบเรื่องนี้กดโหวตให้เค้าบ้างนะคะ ขอบคุณค่า <3

     

     

    B E R L I N ❀
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×