คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ
ปฏิทินบนฝาผนังถูกปลายปากกาจรดทับลงซ้ำแล้วซ้ำเล่า บนตัวเลขในวันที่ถูกกาทับด้วยขีดสีแดงไปกว่าครึ่งหนึ่งของหน้ากระดาษทั้งหมด ดวงตาคมลอบมองวันเวลาที่ผ่านไปของตนเองอย่างเชื่องช้าก่อนจะถอนหายใจออกมา มือหนาวางปากกาเมจิกสีแดงลงกับโต๊ะ ก่อนจะเดินไปปลดเนคไทท์ยังหน้ากระจกตู้เสื้อผ้า
ดวงตาคมลอบมองตัวเองภายในกระจกใส เขาในชุดสูทสีดำสนิทและทรงผมที่ถูกจัดทรงเป็นอย่างดีแบบนี้ทุกวัน ภาระงานที่ได้รับมอบหมายส่งผลให้ ‘ซงมินโฮ’ ต้องกลายเป็นบุคคลผู้ดูดีไปทุกระเบียบนิ้ว
งานเขา งานที่ต้องทำทุกอย่างให้กับนักการเมืองชื่อดัง
แต่พักหลังมานี้เขาได้รับงานอย่างอื่นให้ไปทำแทน ชายหนุ่มดูแลธุรกิจส่วนตัวให้กับอีกฝ่ายอย่างลับๆงานมันค่อนข้างเยอะเสียจนทำให้มินโฮไม่ค่อยได้ติดต่อกับนายใหญ่มาหลายเดือนแล้ว แต่เขาก็ยังหวัง หวังให้มีโทรศัพท์เข้ามาจากนายใหญ่บ้าง
ครืด ครืด ครืด
เสียงสั่นจากเครื่องมือสื่อสารนั้นทำให้ชายหนุ่มเร่งปลดไทท์ของตนเองออกอย่างรำคาญ ก่อนจะสาวเท้าตรงไปยังโทรศัพท์สีดำที่กำลังสั่นเอาจริงเอาจังอยู่บนเตียง มีโอกาสสูงมากที่มันจะเป็นโทรศัพท์จากคนของนายใหญ่ของเขา นั่นจึงทำให้มินโฮหงุดหงิดเป็นพิเศษ มือหนาคว้ามันขึ้นมาก่อนจะกดรับสายโดยไม่ได้มองเบอร์ของผู้โทร.เข้า
“ครับ”
ตอบกลับไปสั้นๆจนคนฟังนิ่งไปครู่ใหญ่ เห็นแบบนั้นเขาจึงละเจ้าเครื่องมือสื่อสารออกมาดูก่อนจะพบว่าสายโทรเข้าคือ
มารดา
“ขอโทษครับแม่ ผมนึกว่าเป็นงาน”
(ดึกดื่นขนาดนี้ พวกนายใหญ่ยังจะเรียกเราอีกหรอจ๊ะ)
“อาจจะครับ” มินโฮตอบสั้นๆ เขาทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงอย่างอ่อนแรง ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงเธอหัวใจของเขาก็อ่อนยวบรวมถึงพาลให้คิดถึงใครบางคน
ใครบางคนที่ยังคงอยู่ในห้วงความทรงจำของมินโฮเสมอมา
(เหนื่อยหรือเปล่า ทานข้าวหรือยังหืมลูก?)
“เพิ่งมาถึงเองครับ คุณแม่ยังไม่นอนหรอ”
(กำลังจะนอนแล้ว แต่แม่แค่อยากคุยกับเรานิดหน่อย ช่วงนี้เหมือนว่านายใหญ่จะมีปัญหารุนแรงแม่เลยเป็นห่วงเรา)
มารดาของเขาเอ่ยบอกตามใจจริง
นายใหญ่ของซงมินโฮ
คือนักการเมืองชื่อดังที่กำลังถูกจับตามองมากในขณะนี้ และเขาก็เสี่ยงแก่การโดนลอบทำร้ายมาก งานของมินโฮคือการทำงานให้กับชายผู้มีอิทธิพลผู้นั้นอีกทีหนึ่ง มันทำให้มารดาอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เธอรู้ว่าเธอไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายในงานของบุตรชาย
เพราะนายใหญ่มีบุญคุณกับเรา
นายใหญ่เคยเลี้ยงดูและรับมารดาของมินโฮมาไว้เป็นแม่นมที่บ้านของเขา เธอไม่มีที่ไปประจวบเหมาะกับที่นายใหญ่มีลูกเล็กหนึ่งคน ทำให้เธอมีงานมีการทำ นอกจากนั้นเขายังส่งเสียมินโฮจนเรียนจบมหาวิทยาลัย แต่มีข้อแม้เพียงอย่างเดียวคือ
ซงมินโฮจะต้องทำงานให้กับตนเอง
งานที่ทำมันอันตรายและเสี่ยงเหลือเกิน หากเธอไม่ไปรู้ความจริงเข้าว่านายใหญ่ค้าอาวุธผิดกฎหมายทั้งที่ตนเองกำลังดำรงตำแหน่งหน้าที่เพื่อประชาชน มินโฮเองก็รู้ดี แต่เขาก็ไม่มีสิทธิ์เลือก ชายหนุ่มทำได้เพียงทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย
การตามสืบตัวหนอนบ่อนไส้และจัดการด้านการขนส่ง ทั้งหมดในตอนนี้คืองานของมินโฮ
(มินโฮ ฟังแม่อยู่หรือเปล่าลูก) เธอเอ่ยถามลูกชายเพียงคนเดียวของตนเอง เมื่อเห็นว่าปลายสายเงียบไปนาน ร่างสูงได้สติกลับมาก่อนจะรีบเอ่ยตอบมารดา
“ผมจะโทร.หาแม่ทุกวันตอนเลิกงาน แบบนี้ดีไหมครับ”
(แบบนั้นก็ได้ อย่างน้อยแม่ก็โล่งใจ)
“ได้ครับ คุณแม่ต้องทานอาหารให้ตรงเวลาด้วยนะ อย่าเอาแต่รอผม” มินโฮเอ่ยบอกอย่างเป็นห่วง ซึ่งหญิงสาวก็เพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะกลับไป
ปัจจุบันเธอลาออกจากการเป็นแม่นมให้นายใหญ่แล้ว ตอนนี้สิ่งที่เธอทำคือการเป็นคุณครูในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กแถบชานเมือง คอยดูแลเด็กวัยก่อนเข้าเรียนด้วยอายุสี่สิบกลางๆ ยังทำให้เธอพอมีแรงบ้าง จะว่าไปเมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้มันก็ทำให้หล่อนอดถามหาใครบางคนไม่ได้
(เราได้เจอน้องบ้างไหมลูก)
น้อง
คำๆนี้ทำให้มินโฮใจแกว่งไป เขารู้ดีว่ามารดาหมายถึงใคร เด็กน้อยผมสีดำขลับที่หล่อนเลี้ยงมาตั้งแต่ยังเล็ก ความผูกพันในวันวานและความคิดถึงซึ่งอยู่ในจิตใจทำให้เธออดจะเอ่ยปากถามบุตรชายไม่ได้
มินโฮนิ่งไป
“คุณแม่หมายถึง...”
(...)
“คุณคนเล็กหรอครับ”
มินโฮเอ่ยเสียงแผ่ว หัวใจของเขาแกว่งไกว ใบหน้าหวานลอยเคว้งขึ้นมาท่ามกลางความคิดทั้งหมด ทุกอย่างกระจายหายไปมีเพียงแค่ใบหน้าขาวๆของคนในความทรงจำลอยเข้ามา เด็กน้อยในความดูแลของมารดาเขา
เด็กน้อยที่เขาคอยปกป้องมาตั้งแต่จำความได้
(อ้อ! คุณคนเล็ก นั่นล่ะจ้ะ)
“ไม่เจอกันเลยครับ ไม่เลย...” มินโฮตอบเสียงเบา สายตาเหลือบมองไปยังปฏิทินที่ถูกขีดค่าเอาไว้ อีกไม่กี่วันที่วันและเวลาจะเดินไปถึงที่เก่า ที่เก่าซึ่งถูกวงกลมสีแดงล้อมรอบตัวเลขเอาไว้ ชายหนุ่มลอบถอนหายใจออกมา
(แย่จัง ตั้งแต่ข่าวคราวนั้นแม่ก็ไม่ได้ยินเรื่องแกอีกเลย)
“...”
(คิดถึงเขาเนอะ ว่าไหมลูก)
เสียงอ่อนโยนที่ส่งมาตามปลายสายบีบรัดหัวใจคนฟังยิ่งกว่าสิ่งใด มินโฮครางฮืมในลำคอก่อนจะไม่เอ่ยอะไรต่อ ปล่อยให้มารดาของเขาเอ่ยราตรีสวัสดิ์ก่อนจะวางสายไป
มือหนากำเข้าหากันแน่น วันวานในอดีตย้อนกลับเข้ามาในหัวอีกครั้ง ถ้อยคำดูถูกดูแคลนจากนายใหญ่ทำให้มินโฮเจ็บช้ำอย่างไม่มีทางเลือก เขายังจำทุกคำพูดได้ดี
“นายคิดว่านายจะสามารถปกป้องลูกชายของฉันได้อย่างนั้นหรอ ซงมินโฮ”
“ผมทำได้” เสียงหนักแน่นของเด็กมัธยมปลายเอ่ยบอกชายมีอายุก่อนที่เขาจะลอบยิ้มมุมปากออกมา คำพูดโดยไม่ได้ผ่านกระบวนการคิดของเด็กหนุ่ม ทำให้นายใหญ่พอใจ
“งั้นก็พิสูจน์”
“...?”
“นายเรียนจบเมื่อไหร่ มาทำงานให้กับฉัน พิสูจน์ว่านายทำเพื่อฉันได้”
“...”
“แล้วฉันจะยอมให้นายปกป้องลูกชายฉัน”
“ตกลง”
ทุกอย่างคือพันธนาการมัดรอบตัวมินโฮเอาไว้อย่างไม่มีทางเลือก เขาจำเป็นต้องห่างจากมารดาคนเดียวและคนในความทรงจำของตนเองเพื่อพิสูจน์ความหนักแน่นในวัยเด็กของตนเอง ทุกอย่างที่เขาต้องแลก ทุกอย่าง...
สูญเสียและไม่ได้พบเจอ...
ครืด ครืด ครืด
กำลังโทร.เข้า – นายใหญ่
มินโฮถอนหายใจก่อนจะเร่งกดรับโทรศัพท์ของตนเองทันที เขาไม่ลังเลที่จะยกมันขึ้นแนบหูโดยไวพร้อมกับกรอกเสียงหาปลายสายอย่างที่เคยทำเสมอมา
“ครับ นายใหญ่”
(มินโฮ นายพอจะมีเวลาว่างสักสองสามเดือนไหม) เพียงแค่ปลายสายเอ่ยถามเขา มินโฮก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที เสียงทุ้มเอ่ยตอบกลับไปแบบไม่คิดอะไรตามประสาคนที่ตกเป็นเบี้ยล่าง
“ว่างครับ!”
(ฉันอยากให้นายไปดูแลลูกชายฉันหน่อย ฉันจะส่งที่อยู่ไปให้นายสะดวกวันไหนก็เดินทางได้เลย)
“ได้ครับ ได้เสมอ”
แล้วหัวใจที่เกือบจะแห้งตายก็เต้นรัวขึ้นอีกครั้ง ปลายสายกดวางไปแต่มินโฮยังยกหูแนบโทรศัพท์อยู่แบบนั้น ภาพในวันวานเมื่อเขายังเด็กย้อนกลับมาอีกครั้ง ภาพของเจ้าของผมสีดำขลับเมื่อยังเล็ก ปากเรียวแดง ใบหน้าจิ้มลิ้ม ทุกอย่าง...หลายปีที่เราไม่ได้เจอกัน
จะเปลี่ยนไปแค่ไหนกันนะ หัวใจของมินโฮ
หัวใจที่เขากำลังจะกลับไปปกป้องดูแลอีกครั้งหนึ่ง ชายหนุ่มยกมือข้างที่ว่างขึ้นทาบอก ก่อนจะทิ้งตัวลงบนเตียงกว้างแล้วพึมพำแผ่วเบา
“คุณคนเล็ก...
คุณคนเล็กของผม”
ครืด ตุบ!
เสียงของแข็งบางอย่างกระแทกลงกับพื้นไม้อย่างหนัก เพราะอย่างนั้นจึงทำให้คนที่กำลังทำความสะอาดบ้านอยู่อีกห้องต้องทิ้งไว้กวาดลงกับพื้นก่อนจะเร่งฝีเท้าเพื่อเดินตามหาต้นเสียงทันที หัวใจเต้นเร็วและแรงราวกับกลัวว่าสิ่งที่ตนเองคิดจะเป็นจริง
คังซึงยุน เปิดประตูเข้าไปในห้องนอนขนาดเล็กก่อนจะเบิกตากว้าง
“นัมแทฮยอน!”
เจ้าของชื่อ หันมายิ้มเจื่อนให้ระหว่างที่ร่างทั้งร่างลงไปกองกับพื้นเรียบร้อยแล้ว สองมือน้อยกำช่อดอกคัตเตอร์เอาไว้ ก่อนจะพึมพำคำแก้ตัวแผ่วเบาเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาดุๆจากอีกฝ่าย
“อยากจัดช่อดอกไม้”
“ก็รอพี่ก่อนสิ ไม่งั้นก็เป็นแบบนี้” ซึงยุนถอนหายใจยาว ก้มตัวลงไปพยุงแขนคนตัวเล็กกว่าขึ้นมาพาดบ่าตนเอง ในขณะที่แขนยาวของซึงยุนก็โอบพาดเอวเล็กพาร่างทั้งร่างของคนอายุน้อยกลับไปนั่งที่เก้าอี้ไม้อย่างเก่า ชายหนุ่มถอนหายใจตบท้าย
“ขอโทษที่ทำให้เหนื่อย” แทฮยอนพูดเบาๆหลังจากที่เจ้าตัวนั่งลงเรียบร้อยแล้ว คิ้วเรียวสวยลู่ลง มองใบหน้าของผู้เป็นพี่เลี้ยงอย่างรู้สึกผิดก่อนที่ซึงยุนจะยอมมอบยิ้มให้อีกฝ่ายเพื่อบอกว่าเขาไม่โกรธคนตัวเล็กนั้นจริงๆ
เขาเดินไปยกโต๊ะเตี้ยมาวางไว้ตรงหน้าแทฮยอน ก่อนจะหยิบแจกันที่อยู่ตรงตู้ใกล้ๆมาให้อีกคน ซึงยุนเดินวนไปวนมาครู่ใหญ่เพื่อหาอุปกรณ์จัดช่อดอกไม้ให้กับแทฮยอน ความรู้สึกผิดเกาะกุมจิตใจจนเจ้าของร่างเล็กต้องเอ่ยคำเดิมๆซ้ำไปซ้ำมา
“ขอโทษ ขอโทษที่ทำให้ลำบาก”
“ไม่เอาน่า จัดเสร็จแล้วก็ตะโกนเรียกนะ ไม่ต้องฝืนเดิน เราก็รู้ว่าขาเรายังไม่ค่อยมีแรง เดี๋ยวพี่มาช่วย”
แทฮยอนพยักหน้ารับก่อนจะมองช่อดอกคัตเตอร์ในมือ
บ้านไม้ที่ตั้งอยู่แถบชานเมืองไกลออกมา ถูกล้อมรอบด้วยต้นของดอกคัตเตอร์ตามแบบที่ตนเองชอบ ดวงตาเรียวมองรอดออกไปยังนอกหน้าต่างพบกับเส้นขอบฟ้าที่ตัดพอดีกับทุ่งหญ้าซึ่งอยู่ไม่ไกล ที่นี่บ้านหลังนี้ อบอวลไปด้วยกลิ่นอายของธรรมชาติและความสบายใจ
“รู้แบบนี้ไม่น่าผลักวีลแชร์ทิ้งก็ดีหรอก”
ร่างเล็กบ่นพึมพำกับตนเองแผ่วเบา ก่อนจะพยายามใช้มือลูบต้นขาที่มันไม่มีแรงของตนเองแล้วอมยิ้มออกมา น่าแปลกที่เขาเดินไม่ได้แต่ก็ยังสามารถยิ้มได้ขนาดนี้ แทฮยอนถอนหายใจนึกถึงความงี่เง่าของตนเองเมื่อหลายวันก่อน
บิดาของเขาโทร.เข้ามา พร้อมกับประโยคคำสั่งขั้นเด็ดขาด ความเผด็จการของบุคคลผู้เป็นพ่อที่แทฮยอนเกลียดนักเกลียดหนา
“ต่อไปนี้เราจะต้องมีคนดูแล เข้าใจไหม”
แทฮยอนพยายามเอ่ยเถียง เขามีพี่ซึงยุนพี่เลี้ยงที่แสนดีคอยดูแลอยู่แล้ว แทฮยอนไม่เข้าใจว่าทำไมเขาจะต้องมีของแบบนี้เพิ่มอีก ชีวิตของเขามันน่าสมเพชมากขนาดนั้นเชียวหรือ กับการที่ร่างเล็กแค่เดินไม่ได้
“พ่อหมายถึง เขาจะมาดูแลลูกในฐานะการ์ดคนหนึ่ง งานที่พ่อทำตอนนี้กำลังมีปัญหา”
“...”
“และเราต้องได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด”
“...”
“พ่อเสียแม่ไปแล้ว พ่อจะเสียเราไปอีกไม่ได้”
เพราะประโยคนั้นจึงทำให้แทฮยอนเม้มริมฝีปากแน่น ร่างเล็กถอนหายใจก่อนจะเคลื่อนตัวออกจากวีลแชร์พร้อมกับผลักมันตกลงจากบันไดจนพังไม่เป็นท่า เขาโกรธความคิดของพ่อ โกรธมากจนทำอะไรไม่ถูก
แทฮยอนสูญเสียแม่ไปพร้อมกับความรู้สึกที่ขาของตนเอง
อุบัติเหตุจากงานของพ่อทำให้เรามาอยู่ในสภาพแบบนี้ พี่ชายคนเดียวของแทฮยอนเองก็เอาแต่ทำงานอยู่ต่างประเทศหลังจากเสียแม่ไป เราทุกคนพยายามหาอะไรทำเพื่อไม่ให้คิดถึงท่าน แม้เรื่องมันจะผ่านมาสองปีแล้ว แทฮยอนซึ่งสูญเสียความรู้สึกที่ขา
และสูญเสียโอกาสหลายอย่างเพราะสภาพจิตใจภายใน ที่ไม่แสดงออกมาให้ใครเห็น
หมอบอกว่าแทฮยอนเป็นโรคจิตเภทจัดอยู่ในกลุ่ม Somatoform Disorders (โรคทางจิตเวชที่มีอาการผิดปกติทางร่างกาย โดยไม่มีความผิดปกติของสภาพร่างกายจริงๆ) และแทฮยอนอยู่ในประเภท Conversion Disorder จัดอยู่ในหมวดผู้มีความผิดปกติด้านการเคลื่อนไหว โดยอาการทางคลินิกของแทฮยอนคืออาการด้านการเคลื่อนไหว ผู้ป่วยจะรู้สึกเดินไม่ได้
ซึ่งหมอพบว่ามีสาเหตุมาจากจิตใจภายใน
ซึงยุนคอยทำตามที่หมอบอกตลอด ด้วยหวังว่าแทฮยอนจะมีอาการดีขึ้น ร่างเล็กต้องได้รับการบำบัดและกำลังใจ สิ่งที่ซึงยุนทำได้และต้องทำต่อไป
ชายหนุ่มมองแทฮยอนก่อนจะอมยิ้ม
ถึงจะป่วยแต่ไม่ใช่ว่าแทฮยอนจะต้องแย่ไปทั้งหมด ร่างเล็กยังยิ้มได้และเป็นปกติสุขทุกอย่าง นั่นจึงทำให้ใครหลายคนพอจะสบายใจได้
“พี่ซึงยุน”
“มาแล้วๆ” เขาเอ่ยบอกคนตัวเล็กที่ยื่นช่อดอกคัตเตอร์ให้กับตน ก่อนที่ซึงยุนจะนำมันกลับไปวางที่เก่า เขาเอ่ยถามร่างเล็กอย่างสงสัยอีกครั้งเมื่อมองงานอดิเรกของคนตัวเล็ก
“ทำไมชอบดอกคัตเตอร์นัก”
“ความหมายมัน”
“ความหมาย ?” ซึงยุนเลิกคิ้วหันกลับมามองแทฮยอนที่ยิ้มให้เขาอีกครั้ง ร่างเล็กคว้าเอาสมุดบันทึกข้างกายขึ้นมา ก่อนจะเขียนขยุกขยิกลงไปบนนั้นโดยที่ไม่ตอบอะไร ซึงยุนยอมแพ้กับความรั้นของอีกฝ่าย
เขาไม่เคยได้คำตอบเลยสักครั้ง ตั้งแต่ที่เอ่ยปากถามแทฮยอนไป
“งั้นพี่ไปเตรียมน้ำให้เราก่อนแล้วกัน เดี๋ยวมาเรียกไปอาบน้ำนะ” แทฮยอนยังคงพยักหน้าเมื่ออีกฝ่ายปลีกตัวออกไป คังซึงยุนเป็นทั้งพี่เลี้ยงและเพื่อนเล่นของเขา บ้านหลังนี้มีเพียงแค่เราสองคนที่อยู่ พ่อของแทฮยอนบอกว่าไม่ต้องการให้มีใครมากไปกว่านี้
เขาเป็นห่วง และแทฮยอนพยายามเข้าใจ
เจ้าของผมสีดำขลับกลับมาสนใจสมุดจดของตนเองต่อ ปลายนิ้วยกขึ้นจับผมทัดหูของตนเองลวกๆ ก่อนจะเปิดไปหน้าเก่าๆของบันทึกแล้วยิ้มจางออกมา ในบันทึกมีความทรงจำของแทฮยอนอยู่เต็มไปหมดในนั้น
มือบางเปิดไปหน้าแรกของสมุด ดอกคัตเตอร์แห้งๆที่ถูกหนีบไว้ยังคงสภาพของมันอยู่เช่นนั้น มือบางหยิบมันขึ้นมาก่อนจะสูดกลิ่นซีดจางของมันเข้าไปเต็มปอด
ดอกคัตเตอร์มีความหมายสำหรับแทฮยอน
มันเป็นดอกไม้ ที่อัศวินของเขามอบให้ก่อนจากไป ความหมายของดอกไม้ดอกนี้ทำให้แทฮยอนยิ้มได้เสมอเมื่อนึกถึงเรื่องราวในวัยเด็กของเรา
“แม้คุณจะไม่มองผม แต่ผมก็ยังจะมีแต่คุณเสมอ”
ถ้อยคำที่จะยืนยันในความรู้สึกของวันวาน เมื่อเราพบกันอีกครั้ง
“พี่อยู่ที่ไหนนะ พี่มินโฮ ?”
UP 06.04.15
#ฟิคคุณคนเล็ก
ต้อนรับฟิคใหม่ด้วยฤกษ์งามยามดี
ความคิดเห็น