ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Tsundere Boy รักนี้ต้องง้าง(ปาก) {BaekDo}{ChanKai}

    ลำดับตอนที่ #7 : [c h a p t e r . 07] - - - - 1 0 0 %

    • อัปเดตล่าสุด 6 มิ.ย. 57


       

     










                “เค้าเรียกหลบหน้าของจริง” จงแดทิ้งตัวลงกับเตียงพลางยิ้มขำมองเจ้าของห้องที่เดินวนเป็นหนูติดจั่นอยู่ในห้อง หลังจากแวะไปรับคยองซูหน้าบ้านแต่ดันโดนคนที่นั่นบอกว่าวันนี้คยองซูจะไม่ไปทำงาน ก็เลยคาบข่าวมาบอกแบคฮยอนซะหน่อย เผื่อจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น

     

                    “นายไปทำอะไรให้เค้าโกรธรึเปล่าเนี่ย?” เจ้าของห้องชะงักกึก พลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน

     

                    “ก็..เปล่านี่” มือเรียวยกขึ้นมาเกาท้ายทอยแกรกๆ

     

                    โกรธที่พูดแบบนั้นรึเปล่า นี่นายไม่ชอบเหรอ?

     

                    “เอาเป็นว่าข้าวกล่องเดี๋ยวฉันทำให้ละกัน” จงแดเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงแต่ก่อนจะทันได้ก้าวเท้าเข้าไปในครัวก็ต้องชะงักซะก่อน

     

                    “ไม่ต้อง มึงทำของมึงคนเดียวเลย ฝากบอกหัวหน้าด้วยวันนี้ป่วย”

     

     

     

     

     

     

     

     

    “อืม.. คนผิวแทนพลิกตัวอย่างไม่สบายตัว พลันแขนก็ไปพาดกับขาของใครสักคน แต่จงอินก็ไม่ได้สนใจคว้ามือเข้าไปกอดเป็นหมอนข้างทันที แต่ก็รู้สึกถึงแรงกดบนแก้มของตัวเอง

     

    “ขออีก 5 นาที” จงอินซุกหน้าลงกับหมอนข้างจำเป็นหนีนิ้วซึ่งกำลังจิ้มแก้มเขาอยู่ด้วยความรำคาน พลางทำเสียงอู้อี้

     

    “เดี๋ยวจะไปทำงานสายนะจงอินอา” ตามประสาคนเพิ่งตื่น สติยังไม่เต็มร้อย กว่าคำพูดนั้นจะแทรกซึมเข้าสู่สมองได้ก็ใช้เวลาสักพัก พอจะประมวลผลประโยคเมื่อครู่ได้ ก็มีสมองส่วนหนึ่งสะกิดขึ้นมา

     

    เสียงเซฮุนมันไม่ใหญ่ขนาดนี้ไม่ใช่เหรอวะ?

     

    จงอินเบิกตาโพลง ภาวนาอย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย ขณะกำลังค่อยๆยันกายขึ้นก็พบว่าตัวเองกำลังใช้ตักของใครบางคนต่างหมอนข้าง หันไปปลายที่นอนก็เจอโอเซฮุน ยืนอยู่และอัดคลิป

     

    แล้วบนหัวนี่ใคร?

     

    “ไปอาบน้ำแต่งตัวไป ฮยองทำข้าวกล่องรอจนเสร็จแล้วเนี่ย” เท่านั้นแหละจงอินที่สติกลับมาครบแล้วถึงกับหน้าแดงแปร๊ด ลุกจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำโดยไม่หันกลับมามองหน้าเจ้าของเสียงทุ้มๆเลยสักนิด

     

    “ส่งให้ฮยองทางเมลด้วยนะ”

     

    “ครับๆ” เซฮุนตอบเสียงยานคางพลางเก็บโทรศัพท์มือถือก่อนจะเดินตามจงอินเข้าห้องอาบน้ำไป

     

    ระหว่างนั่งรอชานยอลก็ถือโอกาสสำรวจห้องนี้ให้ละเอียดๆ ถึงจะเคยมาสองสามครั้ง แต่ก็อยู่แค่แป๊บๆก็ไปที่อื่นต่อ ห้องขนาดเล็กชนิดว่าจากประตูถึงห้องนอนเดินกันแค่ประมาณสิบก้าว ข้างหนึ่งเป็นห้องครัวที่.. ยืนคนเดียวยังลำบาก ห้องน้ำยิ่งแล้วใหญ่ เพราะคราวก่อนที่เมาแล้วมานี่ตอนอาบน้ำก็โดนเด็กสองคนนั้นบังคับให้อาบกับจงแด เพราะมันแคบมาก ยืนอยู่ข้างในเปิดทีเดียวน้ำสาดโดนพร้อมกันสองคนเลย ประหยัดมาก

     

    “นี่เราสองคนน่ะ ไม่คิดจะหาที่ดีๆกว่านี้อยู่แล้วเหรอ” ชานยอลหันไปถามจงอินกับเซฮุนที่เดินผ้าขนหนูเกี่ยวเอวออกมาจากห้องน้ำ สงสัยเพราะถูกอีกคนจ้องละลาบละล้วงมากไปหน่อย จงอินจึงกอดตัวเองหมับ

     

    “มีเงินที่ไหนล่ะ ผมโดนพ่อกับแม่ไล่มาฝึกการดิ้นรนใช้ชีวิต ส่วนไอ้จงอิน หนีออกจากบ้านมา” เซฮุนใส่กางเกงในพลางพยักเพยิดหน้าไปทางเพื่อนผิวแทนซึ่งแต่งตัวเร็วกว่าใส่เสื้อเชิ้ตขาวเรียบร้อย

     

    “หื้ม? พูดจริงพูดเล่นเนี่ย”

     

    “จริงดิ”

     

    ชานยอลจ้องจงอินที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาสนใจเข็มขัดของตัวเองเงียบๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                    ตอนนี้พยอนแบคฮยอนกำลังยืนอยู่หน้าบ้านของคยองซู บ้านเดี่ยวสองชั้นขนาดใหญ่ ใหญ่จนเกือบๆจะเรียกว่าคฤหาสน์ได้ เคยถามคยองซูอยู่เหมือนกันว่าเป็นพนักงานเงินเดือนทำไมบ้านใหญ่ขนาดนี้ ไอ้รายนั้นก็ตอบมาว่ามีแค่บ้านหลังใหญ่ที่พ่อกับแม่ทิ้งไว้ให้อยู่ แต่ไม่มีเงินในบัญชี เลยต้องทำงาน

     

                    นิ้วเรียวสวยกว่าผู้หญิงหลายๆคนกดออดบนเสากำแพง รอไม่นานก็มีคนโผล่ออกมาจากในตัวบ้าน เป็นผู้หญิงวัยกลางคนใส่ชุดกระโปรงสีครีมเรียบๆ

     

                    “ผมมาหา..อ่า โดคยองซูครับ”

     

                    “อ๋อ คุณหนูไม่สบายอยู่ค่ะ เกรงว่า

     

                    “ผมรู้ครับ แต่ผมมีเรื่องสำคัญจริงๆครับ” เพราะรู้ว่าอีกคนไม่ได้ป่วยจริงแน่ๆ

     

                    “ผมเป็นเพื่อนสนิทของเค้าที่ทำงานครับ ชื่อพยอนแบคฮยอน มีเรื่องด่วนจริงๆครับ”

     

                    “ถ้าเป็นเรื่องงานฝากดิฉันไว้ก็ได้ค่ะ”

     

                    “ผมเป็นแฟนมันโว้ยยย แฟนไม่สบายจะเข้าไปหา พอใจยัง” แบคฮยอนหงุดหงิดจนวีนใส่อีกคนไปเล็กน้อย ทำเอาทางนั้นหน้าเหวอไปซักพัก

     

                    ไม่ให้อีกนี่กูปีนจริงๆนะครับรั้วบ้านี่

     

                    “อ่ะ..ค่ะๆ จะเปิดประตูให้นะคะ” หลังจากได้สติมาแบบงงๆ เธอคนนั้นก็เดินถอยหลังไปเล็กน้อยแล้วกดรีโมทให้ประตูรั้วเลื่อนออก

     

                    “เดี๋ยวจะนำทางให้นะคะ” ผู้หญิงที่ดูท่าทางจะเป็นแม่บ้านผายมือเชื้อเชิญพลางยิ้มแห้งให้แบคฮยอน ก่อนจะเดินนำเข้าไปในตัวบ้าน หลังจากพ้นประตูใหญ่เข้าไป ก็มีผู้หญิงอีกคนที่ดูท่าทางอายุมากพอสมควรยืนรอทำหน้าฉงน จึงเดินเข้าไปปกระกบข้างคนที่พาแบคฮยอนเข้ามาแล้วกระซิบถาม

     

                    “นี่ใครกันคะโกนี”

     

                    “เขาบอกว่าเป็นแฟนของคุณหนูคยองซูค่ะ ชื่อพยอนแบคฮยอน” หลังจากได้คำตอบที่เพียงพอหญิงชราจึงเหลือบมองไปยังแขกเล็กน้อยก่อนจะผละออกมา เดินไปให้พ้นทั้งคู่แล้วจึงต่อโทรศัพท์

     

                    ครับ? คิมมินซอกพูดครับ

     

                    “คุณหนูคะ ป้าเยจินเองนะคะ คือคุณหนูรู้จักคนชื่อพยอนแบคฮยอนไหมคะ?”

     

                    “อื้ม ทำไมเหรอครับ?”

     

                    “เขาแวะมาหาคุณหนูคยองซูที่บ้านค่ะ บอกว่าเป็นแฟนกัน”  จบคำของหัวหน้าแม่บ้าน มินซอกก็เงียบไปพักหนึ่งอย่างใช้ความคิด

     

                    “อื้ม ไม่เป็นไรหรอกครับ ต้อนรับเหมือนแขกธรรมดานั่นแหละ”

     

                    “เข้าใจแล้วค่ะ ขออภัยที่รบกวนเวลางานนะคะ”

     

                    “ครับ ไม่เป็นไร”

     

     

     

     

     

     

     

                    บัดซบละ ไปบอกเค้าว่าเป็นแฟน แล้วจะเอาไงต่อเนี่ย ประเด็นคือมานี่จะมาพูดอะไรคือยังไม่ได้คิดเลย หนีทันไหมวะ

     

                    แบคฮยอนยืนอยู่หน้าประตูไม้สีน้ำตาลเนื้อดีจัดในหมวดหรูหราเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าแม่บ้านคนที่นำทางตอนแรกจะเดินจากไปแล้ว แต่เขาก็ยังไม่กล้าโผล่หน้าเข้าไปอยู่ดี

     

                    ถ้าคยองซูถามว่ามาทำไมจะตอบว่าอะไรวะ มึงมันโง่ชิบเลยแบคฮยอน โง่ๆๆๆๆๆๆๆ

     

                    “ไม่เข้าไปเหรอคะ?” เยจินเดินเข้ามาหาหลังจากเห็นอีกคนเอาแต่ยืนทึ้งหัวตัวเองอยู่หน้าประตู จากการอยู่ดูโลกมานานแสนนานเธอประมวลผลได้ทันทีว่าคนคนนี้เป็นใคร มาเพื่ออะไร เป็นอะไรกับคุณหนูของเธอ และคุณหนูคยองซูคงไม่ได้ป่วยจริงซะแล้ว

     

                    “มีอะไรแค่พูดอย่างจริงใจก็พอค่ะ คุณหนูคยองซูเป็นคนชื่อตรงแล้วก็ชัดเจน จะค่อนข้างขี้เกียจทำเข้าใจเรื่องยากๆน่ะค่ะ” หลังให้คำแนะนำจบเยจินก็โค้งเล็กน้อยแล้วเดินจากไปเพื่อไปทำงานบ้านต่อ

     

                    ไอ้พูดตรงๆนั่นแหละครับปัญหาผมเลย

     

                    แบคฮยอนมองตามแผนหลังของหญิงชราไป

     

                    ว่าแต่ถึงจะเข้าใจว่าบ้านจะเป็นมรดกที่ได้รับจากพ่อแม่ก็เถอะ แต่ลำพังเงินเดือนของพนักงานการบัญชีมีพอจ้างแม่บ้านถึงสองสามคนเลยเหรอ?

     

                    คิดไปให้ปวดหัวปัญหาตัวเองยังแก้ไม่ได้ แบคฮยอนจึงกลับมาแข่งจ้องตากับประตูอีกครั้ง แต่ไม่นานประตูก็เปิดออกทำเอาคนตาเรียวสะดุ้ง พร้อมๆกับการปรากฏตัวของ.. โดคยองซูเวอร์ชั่นไม่เซ็ตผมใส่ชุดนอนลายโพโรโระ

     

                    เจ้าของห้องอ้าปากค้างเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเองเท่าไหร่ พอๆกับแบคฮยอนที่ตกใจเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอหน้ากันเร็วขนาดนี้ จนคยองซูได้สติก่อนรีบปิดประตูห้องทันที

     

                    อ้าว..ห่าและ..

     

                    แบคฮยอนยืนค้างอยู่ที่เดิม พอสมองเริ่มประมวลผลเป็นปกติ จึงเริ่มลงมือเคาะประตู

     

                    “ในนี้มีคนอยู่ไหมคร้าบบบบบ”

     

                    “ไม่มีใครอยู่เว้ย!!” เสียงนุ่มที่ตะโกนออกมาจากหลังประตูทำให้แบคฮยอนชะงัก

     

                    นี่มึงเอาจริงหรือเอาฮาครับที่รัก

     

                    “อย่ามาตอแหล มาเปิดเดี๋ยวเลย!

     

                    “ไม่!

     

                    “ย๊าห์! โดคยองซู บอกให้เปิด”

     

                    “ไม่!

     

                    “ไม่เปิดฉันจะเรียกให้คนช่วย!” ห๊ะ? แบคฮยอนขมวดคิ้วให้กับประโยคที่หลุดออกมาจากปากของตัวเอง แต่ช่างเห๊อะ ณ เวลานี้

     

                    “ไม่มีใครมาช่วยหรอก ร้องไปเหอะ”

     

                    “แต่ฉันจะพังประตูเข้าไปแล้วนะ!!

     

                    “แน่จริงพังเลย กระสุนยังยิงไม่เข้า!

     

                    ไม่นานคยองซูที่นั่งขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียงก็ได้ยินเสียงปัง เหมือนอะไรซักอย่างกระแทกประตูอย่างรุนแรง แต่พอโผล่หน้าไปดูก็ยังพบว่ามันยังปิดสนิทอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จะมีก็แค่เสียงโหยหวนเหมือนหมาหนาวจากข้างนอก

     

                    “ชิ กาก”

     

                    คยองซูที่หมดอารมณ์จะเขินจะอายสะบัดผ้าห่มทิ้ง แล้วลุกขึ้นมานั่งกอดอกขัดสมาธิบนเตียงแทน

     

                    “โดคยองซู! จะเปิดไม่เปิด”

     

                    “ไม่”

     

                    “เออได้! คอยดูละกัน!” พลันก็ได้ยินเสียงปึงปังจากข้างนอกก่อนจะค่อยๆเบาลงจนเงียบไปเลย คยองซูที่นั่งรอเห็นเงียบไปนานจึงคลานลงมาจากเตียงไปแง้มประตูดู แต่ก็พบเพียงทางเดินยาวๆที่ว่างปล่าว

     

                    แค่นี้ก็ยอมแพ้แล้วเหรอ ไอ้เลว ไอ้หมาบ้า คยองซูปิดประตูก่อนจะเดินฮึดฮัดกลับมากระแทกตัวลงกับเตียง แล้วล้มตัวลงนอน แขนขาวเอื้อมไปคว้าหมอนใบนุ่มมากอด บังเกิดเป็นความสับสนวุ่นวายในจิตใจทันที

     

                    เป็นแบบนี้ดีแล้วจริงๆเหรอ? ต้องการแบบนี้จริงๆเหรอ?

     

                    เสียงกระซิบจากที่ไหนก็ไม่รู้ในหัวใจคยองซูกำลังทำให้เจ้าตัวเริ่มคิดหนัก จนในที่สุดคนไหล่แคบก็ทนนอนเฉยๆไม่ไหวลุกขึ้นมาขว้างหมอนใส่ประตู

     

                    “จะไปรู้ไหมเล่า!

     

                    กึง! เจ้าของห้องตัวเล็กสะดุ้งเฮือก พลางค่อยๆหมุนตัวไปทางต้นเสียง ก็พบว่าเป็นหน้าต่างที่ตัวเองเปิดทิ้งไว้ ไม่ทันไรก็มีมือข้างหนึ่งโผล่ขึ้นมาเกาะตามด้วยอีกข้าง และเจ้าของือซึ่งยืนตัวเองขึ้นมานั่งบนกรอบหน้าต่าง เป็นใครบางคนที่คยองซูเองก็ยังสับสนว่าตัวเองนั้นอยากเจอหรือไม่อยากเจอกันแน่ ค่อยๆหันหน้ามา

     

                    “ไง”

     

                    “ คยองซูเดินถอยหลังจนชิดผนังห้อง นี่กลัวไม่ใช่อะไร เกิดมาเพิ่งเคยถูกใครมาหาโดยการปีนหน้าต่างห้อง

     

                    “อย่ามาเล่นลีลาอะไรอีกล่ะ กว่าจะยืมบันไดของคนทำสวนบ้านนายได้นี่โคตรลำบากเลย” แบคฮยอนตวัดขาแล้วทิ้งตัวลงมายืนกับพื้นอยู่สวยงาม

     

                    “มีธุระอะไร?”

     

                    เออว่ะ แบคฮยอนชะงักค้าง จะว่าไปก็ยังไม่คิดไม่ออกเลยนี่หว่าสรุปจะมาพูดอะไร

     

                    คยองซูกระพริบตาปริบๆใส่คนที่ยิ้มค้างเหมือนรูปปั้นไป

     

                    “ไม่มีอะไรก็ออกไป ฉันจะนอน”

     

                    “เหอะ ป่วยการเมือง ตำเองไม่ได้เป็นอะไรก็ลาหยุดแบบนี้หัดพิจารณาตัวเองซะบ้าง”

     

                    “แล้วนายมาอยู่นี่ได้ไง?”

     

                    …..…เออว่ะ กูก็ป่วยการมานี่หว่า

     

                    “เรื่องนั้นช่างมัน ฉันมาที่นี่เพราะ..เพราะ.. เพราะนายนั่นแหละ ทำไมจู่ๆถึงไม่ไปทำงาน” แบคฮยอนแอบถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งที่สามารถหาเหตุผลมาจนได้ ถึงจะจำไม่ค่อยได้ว่าเมื่อกี้ตัวเองพูดอะไรออกไป เอาเป็นว่ามันน่าจะเป็นเหตุผล

     

                    “แล้วทำไมล่ะ เกี่ยวอะไรกับนายด้วย”

     

                    “เกี่ยวดิ ที่นายหยุดก็เพราะฉัน หรือจะปฏิเสธว่าไม่จริง” แบคฮยอนเดินเข้าไปหาอีกคนอย่างคุกคามจนคยองซูหดคอหนี

     

                    “อย่ามาสำคัญตนให้มะ..

     

                    “แล้วนายจะหยุดทำไม?”

     

                    “ก็นายมาพูดแบบนั้นแล้วจะให้ฉันคิดยังไงเล่า! คยองซูตะโกนใส่แบคฮยอนที่ยกมือขึ้นมาเท้าสะเอว

     

                    “คิดยังไงก็ช่างหัวนายดิ! แต่อย่ามาหลบหน้ากันแบบนี้ กูเป็นห่วงมึงโว้ย! คยองซูสะดุ้งเพราะถูกตะคอกใส่จนตัวลีบ ส่วนแบคฮยอนที่พยายามพูดตรงที่สุดในชีวิตแล้วก็หันหน้าขึ้นสีแดงจัดไปอีกทางแล้วขยี้ท้ายทอยของตัวเองจนหัวยุ่ง

     

                    “เหอะ” เสียงเข้มสบทออกมาทำให้เจ้าของห้องสะดุ้งอีกครั้ง

     

                    “มายืนเถียงปาวๆได้ก็แสดงว่ายังไม่ใกล้ตาย เออ ก็ดีแล้ว ฉันมาดูแค่นี้แหละ” แบคฮยอนหมุนตัวเพื่อจะเดินออกประตูแต่ก็ทำไมได้เมื่อรู้สึกถึงแรงดึงแถวๆข้อมือ

     

                    “แล้วหมายความว่ายังไงที่นายพูด”

     

                    “หา?” แบคฮยอนหันหน้ากลับมาก็พบกับคยองซูที่เงยหน้าขึ้นมาถามในระยะประชิด

     

                    “เมื่อคืนแล้วก็วันนี้ด้วยสรุปมันหมายความว่าอะไรของนายเนี่ย”

     

                    “จะ..จะให้ตอบว่าอะไรล่ะ” คยองซูเอียงคอเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด ลองพยายามนึกคำสรุปๆแล้วมันก็

     

                    “..อาจจะอย่างเช่นนายชอบฉันอะไรเงี้ย” -_-

     

                    “ จบคำคยองซู เลือดในกายแบคฮยอนก็พากันพุ่งมาที่ใบหน้าจนตาเริ่มพร่า คิดอะไรไม่ออก รีบสะบัดมือคยองซูทิ้งแล้ววิ่งไปที่ประตูทันที

     

                    “เฮ้ย! อะไรของนายวะ” คยองซูที่เหมือนร่างกายจะแข็งแรงกว่าเล็กน้อยวิ่งไปคว้าข้อมือแบคฮยอนแล้วลากกลับมาที่เดิม

     

                    “จะไปไหนเล่า บอกก่อนดิว่าฉันเข้าใจถูกหรือผิด ถ้าผิดก็แก้มาซะ” แบคฮยอนขืนตัวจนหลุดจากการเกาะกุมของคยองซูมาได้แต่ก็ถูกอีกคนจ้องกลับประมาณว่าถ้าคิดหนีอีกก็จะจับกลับมาอีก อย่าคิดหนีให้เปลืองแรง

     

                    แบคฮยอนพ่นลมจากพลางยกมือขึ้นมาพัดหน้าตัวเองที่มันเริ่มจะร้อนเกินไปแล้วโดยไม่หันหน้ากลับมามองคยองซูเลย

     

                    “..เออ ..ถูก.. ก็ได้วะ..  แบคฮยอนเกาท้ายทอยอีกรอบทั้งที่ไม่ได้รู้สึกคันหรืออะไรเลย

     

                    “เออ ก็แค่นี้ ป๊อดว่ะ ไปหากระโปรงใส่ไป” คำพูดพร้อมหน้านิ่งของคยองซูเล่นเอาอีกคนหมดอารมณ์เขินไปด้วย สะบัดหน้ากลับมาสวนทันที

     

                    “นายนั่นแหละ ไอ้ซื่อบื้อ! ไอ้คนเข้าใจยาก! คิดว่าฉันลำบากขนาดไหนฮะ?” ทั้งสองคนจ้องหน้ากันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้ออยู่สักพักจน คยองซูเป็นฝ่ายเสตาไปทางอื่นพลางลูบคางอย่างครุ่นคิด

     

                    “ตั้งแต่เมื่อไหร่?”

     

                    “ห๊ะ?”

     

                    “ฉันไม่ชอบพูดซ้ำ” แบคฮยอนพอจะทำความเข้าใจกับสีหน้าจริงจังของคยองซูได้จึงนึกย้อนกลับไปเล็กน้อย

     

                    “สองปีก่อน”

     

                    “สองปี?”

     

                    “วันแรกที่เจอกัน” คำตอบของอีกคนทำให้คยองซูนิ่งไปสักพัก

     

                    “อ๋อ งั้นที่บางครั้งจงแดกับชานยอลพูดแปลกๆทำตัวแปลกๆนี่ช่วยนายใช่ไหม?”

     

                    “ครับ”

     

                    “โอ้โห อย่างป๊อดเลย สองปี เพื่อนช่วย เจอหน้ากันทุกวัน ได้แค่เนี้ย” คยองซูว่าด้วยสีหน้าเหยียดหยาม

     

                    อื้มหืม ถ้ามึงไม่ใช่คยองซูกูเตะตกหน้าต่างไปแล้วนะเอาจริงๆ

     

                    “เออๆๆๆ ป๊อดก็ป๊อด แล้วไง ถ้าไม่ชอบก็ลืมๆไปซะ พอใจยัง” แบคฮยอนสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง

     

                    “อืม..งั้นเป็นแฟนกัน”

     

                    “ห๊ะ?”

     

                    “จูบดิ”

     

                    มึง..เก๊าะ..ตรง..ไป..ครับ..

     

                    เมื่อเห็นอีกคนเอาแต่นิ่งอึ้ง คยองซูจึงจัดการคว้าคอลงมาประกบปากเอง แถมยังสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากอีกฝ่ายทันที ส่วนทางแบคฮยอนที่หน้าเริ่มแดงขึ้นมาอีกครั้งหลังจากได้สติจึงจูบตอบทันที ลิ้มของทั้งคู่พันกันนัวเนีย แบคฮยอนรุกไล่อีกคนจนมาถึงเตียง มือหยาบกดไหล่แคบๆลงกับที่นอนนุ่มนิ่มโดยปากยังไม่ละจากกัน จะมีบ้างที่พักหายใจแล้วก็ประกบปากกันอีกรอบจนเวลาผ่านไปเนิ่นนานหลายนาที

     

                    “อะไร?” คยองซูเอียงคอถามคนที่เพิ่งจูบกันเสร็จและกำลังคร่อมเขาอยู่

     

                    “ก็..ไม่รู้ว่าจะเป็นคน..ขนาดนี้” ภาพคยองซูผู้ใสซื่อในหัวของแบคฮยอนเริ่มค่อยๆพังถลายลง และถล่มหายไปเลยเมื่อคนข้างใต้กระตุกยิ้มที่มุมปาก

     

                    “ที่นายไม่เคยเห็นฉันออกลายก็เพราะงานยุ่ง ไม่ค่อยมีเวลาสนใจอย่างอื่น” คยองซูขยับตัวเล็กน้อยให้นอนสบายขึ้น

     

                    “อยากรู้อะไรอีกอย่างไหม?”

     

                    “ครับ”

     

                    “ฉันไม่ใช่พวกไก่อ่อนไร้ประสบการณ์อย่างนาย”

     

                    อื้มหือ

     

                    “จื่อเทานั่นฉันก็คบฟันแล้วก็ทิ้ง”

     

                    อื้มหือ

     

                    “ที่เหลือวันไนท์สแตนด์”

     

                    อื้ม..

     

                    แบคฮยอนนิ่งไปโดยสมบูรณ์ นี่มันคยองซูด้านมืด มืดมาก โอ้พระเจ้าขอผมทำใจแป๊บนึง คุณน้องแกโชกโชนขนาดนี้ หรือจะหลอกฟันกูอีกคนวะ..

     

                    “เฮ้” คยองซูเอ่ยเรียกสติอีกคนที่เงียบไป พลางชันตัวลุกขึ้นจนแบคฮยอนต้องลุกตามจนกลายเป็นลุกนั่งทั้งคู่

     

     

                    “ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้น ฉันสัญญากับตัวเอง กับพี่ชายว่าจะเลิกล้อเล่นกับหัวใจคนอื่นตั้งแต่ตอนที่เข้าทำงานวันแรกแล้ว แล้วอีกอย่างฉันไม่เคยขอใครคบด้วย มีแต่คนมาเสนอฉันก็แค่สนอง แล้วเรื่องนายฉันก็คิดมาทั้งคืนแล้วด้วย ไม่ผิดหรอก”

     

                    “

     

                    “ทำไม? รับไม่ได้เหรอ?” แบคฮยอนส่ายหัวน้อยๆ ก่อนจะก้มลงไปกดริมฝีปากลงบนกลีบปากนุ่มนิ่มของอีกคนเบาๆ

     

                    “แทบเป็นบ้ามาตั้งสองปี รับไม่ได้คงต้องผูกคอตาย” คยองซูหัวเราะคิกคัก แล้วเอามือฟาดไหล่ของอีกคนเบาๆ

     

                    “แล้วถ้าฉันตอบว่านายเข้าใจผิดล่ะ จะทำยังไง?” จบคำถามของแบคฮยอน คยองซูก็เอียงคอนิดๆอย่างใช้ความคิด

     

                    “ฉันก็คงจีบนายจนกว่าผิดมันจะกลายเป็นถูกนั่นแหละ”

     

    ปากหวานชิบ แดกแม่ง

     

                    แบคฮยอนขยี้ริมฝีปากลงไปอีกครั้งพร้อมกับกดคนตัวเล็กกว่าให้จมลงกับเตียง ไล่ขบเม้มรอบริมฝีปากอวบอิ่มของคยองซูจนช้ำไปหมด จนกระทั่งพอใจ จมูกโด่งไล้ไปตามรูปหน้าผ่านคางมนนจนถึงลำคอขาวจัด กดจูบลงไปยังซอกคอเบาๆแต่ก็ได้ยินเสียงทักท้วงจากบนหัวดังมา

     

                    “เอาไม่มันส์ถีบตกเตียงนะ”

     

     

                    อย่าขู่กูสิ 

     



     

    --------------- ตัดฉับ--------------- 
    ฟิคเรื่องนี้ใสๆไร้เอ็นซีนะคะ
    เพราะเราแต่งไม่เป็น

    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .

    แต่ถ้าใครกลัวมันจะใสเกินไปก็ >>จิ้ม<< ได้นะคะไม่ว่ากัน


     

     

                    “แก้ไอ้นี่ใหห้หน่อยสิ” หลังจากอีกคนกลับออกมาจากห้องน้ำแบคฮยอนก็พลิกตัวยื่นข้อมือแดงเถือกเพราะเสียดสีกับเนคไทด์ให้คยองซูดู คนตัวเล็กปีนขึ้นเตียงพลางจับๆแก้ๆอยู่สักพัก

     

                    “เงื่อนตาย เอาไม่ออกอ่ะ”

     

     

                    “อ่าว เฮ้ย!







    Talking Time 75%
    หุๆๆๆ เค้าไม่รู้เค้าไม่เห็น *3*
    ปล.ไปส่งแท็กมีคนถามว่าไรต์คือใคร
    งั้นขอชี้แจงประวัติส่วนตัวเพิ่มเติมคือ
    เมนจื่อเทา อายุ 16 เป็นเพื่อนสนิทกะไรต์  
    TRUNX. #พี่ปาร์คเด็กส่งโพย chanbaek,hunhan) ค่ะ  
    สรุปคือ เหมือนจะไม่รู้อะไรมากขึ้นเลย  555555555
    ไม่ใช่อะไรนะคะ คือเค้าอายอ่ะ 555555





    Talking Time 100%
    First NC ค่ะ เปิดซิงพร้อมกับอิพี่เลย
    เค้าไม่รู้เค้าไม่เห็น /_\
    หายไปสามวันนี่ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ ไม่ได้เปิดคอม
    55555555
    วันเสาร์เรียนพิเศษ วันอาทิตย์เมาค่ะ = =
    กระดกไวน์ออสเตรเลียปี 2010 ไปขวนนึง
    ตึ๊บไปเลยนั่งหัวเราะบรรไดอยู่คนเดียว =++=
    พอวันจันทร์ขึ้นมาทีนี้แฮงค์แหลดเลยค่ะ ลุกขึ้นอีกทีเที่ยง
    ลุกได้พ่อกับแม่ก็ลากนอกบ้านค่ะ
    ขออภัยหากอัพช้าเกิน 5555
    อย่าเลียนแบบนะคะ เค้ากินภายใต้สายตาผปค.ค่ะ
    คือพ่อจับฝึก บอกว่าจะได้รู้ ควบคุมตัวเองถูก
    ไม่โดนมอม (ใครมันจะมามอม) 555555


    SQWEEZ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×