คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : [c h a p t e r . 07] - - - - 1 0 0 %
“เค้าเรียกหลบหน้าของจริง” จงแดทิ้งตัวลงกับเตียงพลางยิ้มขำมองเจ้าของห้องที่เดินวนเป็นหนูติดจั่นอยู่ในห้อง หลังจากแวะไปรับคยองซูหน้าบ้านแต่ดันโดนคนที่นั่นบอกว่าวันนี้คยองซูจะไม่ไปทำงาน ก็เลยคาบข่าวมาบอกแบคฮยอนซะหน่อย เผื่อจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น
“นายไปทำอะไรให้เค้าโกรธรึเปล่าเนี่ย?” เจ้าของห้องชะงักกึก พลางนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืน
“ก็..เปล่านี่” มือเรียวยกขึ้นมาเกาท้ายทอยแกรกๆ
โกรธที่พูดแบบนั้นรึเปล่า นี่นายไม่ชอบเหรอ?
“เอาเป็นว่าข้าวกล่องเดี๋ยวฉันทำให้ละกัน” จงแดเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงแต่ก่อนจะทันได้ก้าวเท้าเข้าไปในครัวก็ต้องชะงักซะก่อน
“ไม่ต้อง มึงทำของมึงคนเดียวเลย ฝากบอกหัวหน้าด้วยวันนี้ป่วย”
“อืม..” คนผิวแทนพลิกตัวอย่างไม่สบายตัว พลันแขนก็ไปพาดกับขาของใครสักคน แต่จงอินก็ไม่ได้สนใจคว้ามือเข้าไปกอดเป็นหมอนข้างทันที แต่ก็รู้สึกถึงแรงกดบนแก้มของตัวเอง
“ขออีก 5 นาที” จงอินซุกหน้าลงกับหมอนข้างจำเป็นหนีนิ้วซึ่งกำลังจิ้มแก้มเขาอยู่ด้วยความรำคาน พลางทำเสียงอู้อี้
“เดี๋ยวจะไปทำงานสายนะจงอินอา” ตามประสาคนเพิ่งตื่น สติยังไม่เต็มร้อย กว่าคำพูดนั้นจะแทรกซึมเข้าสู่สมองได้ก็ใช้เวลาสักพัก พอจะประมวลผลประโยคเมื่อครู่ได้ ก็มีสมองส่วนหนึ่งสะกิดขึ้นมา
เสียงเซฮุนมันไม่ใหญ่ขนาดนี้ไม่ใช่เหรอวะ?
จงอินเบิกตาโพลง ภาวนาอย่าให้เป็นอย่างที่เขาคิดเลย ขณะกำลังค่อยๆยันกายขึ้นก็พบว่าตัวเองกำลังใช้ตักของใครบางคนต่างหมอนข้าง หันไปปลายที่นอนก็เจอโอเซฮุน ยืนอยู่และอัดคลิป…
แล้วบนหัวนี่ใคร?
“ไปอาบน้ำแต่งตัวไป ฮยองทำข้าวกล่องรอจนเสร็จแล้วเนี่ย” เท่านั้นแหละจงอินที่สติกลับมาครบแล้วถึงกับหน้าแดงแปร๊ด ลุกจากเตียงวิ่งเข้าห้องน้ำโดยไม่หันกลับมามองหน้าเจ้าของเสียงทุ้มๆเลยสักนิด
“ส่งให้ฮยองทางเมลด้วยนะ”
“ครับๆ” เซฮุนตอบเสียงยานคางพลางเก็บโทรศัพท์มือถือก่อนจะเดินตามจงอินเข้าห้องอาบน้ำไป
ระหว่างนั่งรอชานยอลก็ถือโอกาสสำรวจห้องนี้ให้ละเอียดๆ ถึงจะเคยมาสองสามครั้ง แต่ก็อยู่แค่แป๊บๆก็ไปที่อื่นต่อ ห้องขนาดเล็กชนิดว่าจากประตูถึงห้องนอนเดินกันแค่ประมาณสิบก้าว ข้างหนึ่งเป็นห้องครัวที่.. ยืนคนเดียวยังลำบาก ห้องน้ำยิ่งแล้วใหญ่ เพราะคราวก่อนที่เมาแล้วมานี่ตอนอาบน้ำก็โดนเด็กสองคนนั้นบังคับให้อาบกับจงแด เพราะมันแคบมาก ยืนอยู่ข้างในเปิดทีเดียวน้ำสาดโดนพร้อมกันสองคนเลย ประหยัดมาก
“นี่เราสองคนน่ะ ไม่คิดจะหาที่ดีๆกว่านี้อยู่แล้วเหรอ” ชานยอลหันไปถามจงอินกับเซฮุนที่เดินผ้าขนหนูเกี่ยวเอวออกมาจากห้องน้ำ สงสัยเพราะถูกอีกคนจ้องละลาบละล้วงมากไปหน่อย จงอินจึงกอดตัวเองหมับ
“มีเงินที่ไหนล่ะ ผมโดนพ่อกับแม่ไล่มาฝึกการดิ้นรนใช้ชีวิต ส่วนไอ้จงอิน หนีออกจากบ้านมา” เซฮุนใส่กางเกงในพลางพยักเพยิดหน้าไปทางเพื่อนผิวแทนซึ่งแต่งตัวเร็วกว่าใส่เสื้อเชิ้ตขาวเรียบร้อย
“หื้ม? พูดจริงพูดเล่นเนี่ย”
“จริงดิ”
ชานยอลจ้องจงอินที่เอาแต่ก้มหน้าก้มตาสนใจเข็มขัดของตัวเองเงียบๆ
ตอนนี้พยอนแบคฮยอนกำลังยืนอยู่หน้าบ้านของคยองซู บ้านเดี่ยวสองชั้นขนาดใหญ่ ใหญ่จนเกือบๆจะเรียกว่าคฤหาสน์ได้ เคยถามคยองซูอยู่เหมือนกันว่าเป็นพนักงานเงินเดือนทำไมบ้านใหญ่ขนาดนี้ ไอ้รายนั้นก็ตอบมาว่ามีแค่บ้านหลังใหญ่ที่พ่อกับแม่ทิ้งไว้ให้อยู่ แต่ไม่มีเงินในบัญชี เลยต้องทำงาน
นิ้วเรียวสวยกว่าผู้หญิงหลายๆคนกดออดบนเสากำแพง รอไม่นานก็มีคนโผล่ออกมาจากในตัวบ้าน เป็นผู้หญิงวัยกลางคนใส่ชุดกระโปรงสีครีมเรียบๆ
“ผมมาหา..อ่า โดคยองซูครับ”
“อ๋อ คุณหนูไม่สบายอยู่ค่ะ เกรงว่า…”
“ผมรู้ครับ แต่ผมมีเรื่องสำคัญจริงๆครับ” เพราะรู้ว่าอีกคนไม่ได้ป่วยจริงแน่ๆ
“ผมเป็นเพื่อนสนิทของเค้าที่ทำงานครับ ชื่อพยอนแบคฮยอน มีเรื่องด่วนจริงๆครับ”
“ถ้าเป็นเรื่องงานฝากดิฉันไว้ก็ได้ค่ะ”
“ผมเป็นแฟนมันโว้ยยย แฟนไม่สบายจะเข้าไปหา พอใจยัง” แบคฮยอนหงุดหงิดจนวีนใส่อีกคนไปเล็กน้อย ทำเอาทางนั้นหน้าเหวอไปซักพัก
ไม่ให้อีกนี่กูปีนจริงๆนะครับรั้วบ้านี่
“อ่ะ..ค่ะๆ จะเปิดประตูให้นะคะ” หลังจากได้สติมาแบบงงๆ เธอคนนั้นก็เดินถอยหลังไปเล็กน้อยแล้วกดรีโมทให้ประตูรั้วเลื่อนออก
“เดี๋ยวจะนำทางให้นะคะ” ผู้หญิงที่ดูท่าทางจะเป็นแม่บ้านผายมือเชื้อเชิญพลางยิ้มแห้งให้แบคฮยอน ก่อนจะเดินนำเข้าไปในตัวบ้าน หลังจากพ้นประตูใหญ่เข้าไป ก็มีผู้หญิงอีกคนที่ดูท่าทางอายุมากพอสมควรยืนรอทำหน้าฉงน จึงเดินเข้าไปปกระกบข้างคนที่พาแบคฮยอนเข้ามาแล้วกระซิบถาม
“นี่ใครกันคะโกนี”
“เขาบอกว่าเป็นแฟนของคุณหนูคยองซูค่ะ ชื่อพยอนแบคฮยอน” หลังจากได้คำตอบที่เพียงพอหญิงชราจึงเหลือบมองไปยังแขกเล็กน้อยก่อนจะผละออกมา เดินไปให้พ้นทั้งคู่แล้วจึงต่อโทรศัพท์
‘ครับ? คิมมินซอกพูดครับ’
“คุณหนูคะ ป้าเยจินเองนะคะ คือคุณหนูรู้จักคนชื่อพยอนแบคฮยอนไหมคะ?”
“อื้ม ทำไมเหรอครับ?”
“เขาแวะมาหาคุณหนูคยองซูที่บ้านค่ะ บอกว่าเป็นแฟนกัน” จบคำของหัวหน้าแม่บ้าน มินซอกก็เงียบไปพักหนึ่งอย่างใช้ความคิด
“อื้ม ไม่เป็นไรหรอกครับ ต้อนรับเหมือนแขกธรรมดานั่นแหละ”
“เข้าใจแล้วค่ะ ขออภัยที่รบกวนเวลางานนะคะ”
“ครับ ไม่เป็นไร”
บัดซบละ ไปบอกเค้าว่าเป็นแฟน แล้วจะเอาไงต่อเนี่ย ประเด็นคือมานี่จะมาพูดอะไรคือยังไม่ได้คิดเลย หนีทันไหมวะ
แบคฮยอนยืนอยู่หน้าประตูไม้สีน้ำตาลเนื้อดีจัดในหมวดหรูหราเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าแม่บ้านคนที่นำทางตอนแรกจะเดินจากไปแล้ว แต่เขาก็ยังไม่กล้าโผล่หน้าเข้าไปอยู่ดี
ถ้าคยองซูถามว่ามาทำไมจะตอบว่าอะไรวะ มึงมันโง่ชิบเลยแบคฮยอน โง่ๆๆๆๆๆๆๆ
“ไม่เข้าไปเหรอคะ?” เยจินเดินเข้ามาหาหลังจากเห็นอีกคนเอาแต่ยืนทึ้งหัวตัวเองอยู่หน้าประตู จากการอยู่ดูโลกมานานแสนนานเธอประมวลผลได้ทันทีว่าคนคนนี้เป็นใคร มาเพื่ออะไร เป็นอะไรกับคุณหนูของเธอ และคุณหนูคยองซูคงไม่ได้ป่วยจริงซะแล้ว
“มีอะไรแค่พูดอย่างจริงใจก็พอค่ะ คุณหนูคยองซูเป็นคนชื่อตรงแล้วก็ชัดเจน จะค่อนข้างขี้เกียจทำเข้าใจเรื่องยากๆน่ะค่ะ” หลังให้คำแนะนำจบเยจินก็โค้งเล็กน้อยแล้วเดินจากไปเพื่อไปทำงานบ้านต่อ
ไอ้พูดตรงๆนั่นแหละครับปัญหาผมเลย
แบคฮยอนมองตามแผนหลังของหญิงชราไป
ว่าแต่ถึงจะเข้าใจว่าบ้านจะเป็นมรดกที่ได้รับจากพ่อแม่ก็เถอะ แต่ลำพังเงินเดือนของพนักงานการบัญชีมีพอจ้างแม่บ้านถึงสองสามคนเลยเหรอ?
คิดไปให้ปวดหัวปัญหาตัวเองยังแก้ไม่ได้ แบคฮยอนจึงกลับมาแข่งจ้องตากับประตูอีกครั้ง แต่ไม่นานประตูก็เปิดออกทำเอาคนตาเรียวสะดุ้ง พร้อมๆกับการปรากฏตัวของ.. โดคยองซูเวอร์ชั่นไม่เซ็ตผมใส่ชุดนอนลายโพโรโระ
เจ้าของห้องอ้าปากค้างเหมือนไม่เชื่อสายตาตัวเองเท่าไหร่ พอๆกับแบคฮยอนที่ตกใจเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอหน้ากันเร็วขนาดนี้ จนคยองซูได้สติก่อนรีบปิดประตูห้องทันที
อ้าว..ห่าและ..
แบคฮยอนยืนค้างอยู่ที่เดิม พอสมองเริ่มประมวลผลเป็นปกติ จึงเริ่มลงมือเคาะประตู
“ในนี้มีคนอยู่ไหมคร้าบบบบบ”
“ไม่มีใครอยู่เว้ย!!” เสียงนุ่มที่ตะโกนออกมาจากหลังประตูทำให้แบคฮยอนชะงัก
นี่มึงเอาจริงหรือเอาฮาครับที่รัก
“อย่ามาตอแหล มาเปิดเดี๋ยวเลย!”
“ไม่!”
“ย๊าห์! โดคยองซู บอกให้เปิด”
“ไม่!”
“ไม่เปิดฉันจะเรียกให้คนช่วย!” ห๊ะ? แบคฮยอนขมวดคิ้วให้กับประโยคที่หลุดออกมาจากปากของตัวเอง แต่ช่างเห๊อะ ณ เวลานี้
“ไม่มีใครมาช่วยหรอก ร้องไปเหอะ”
“แต่ฉันจะพังประตูเข้าไปแล้วนะ!!”
“แน่จริงพังเลย กระสุนยังยิงไม่เข้า!”
ไม่นานคยองซูที่นั่งขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มบนเตียงก็ได้ยินเสียงปัง เหมือนอะไรซักอย่างกระแทกประตูอย่างรุนแรง แต่พอโผล่หน้าไปดูก็ยังพบว่ามันยังปิดสนิทอยู่เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง จะมีก็แค่เสียงโหยหวนเหมือนหมาหนาวจากข้างนอก
“ชิ กาก”
คยองซูที่หมดอารมณ์จะเขินจะอายสะบัดผ้าห่มทิ้ง แล้วลุกขึ้นมานั่งกอดอกขัดสมาธิบนเตียงแทน
“โดคยองซู! จะเปิดไม่เปิด”
“ไม่”
“เออได้! คอยดูละกัน!” พลันก็ได้ยินเสียงปึงปังจากข้างนอกก่อนจะค่อยๆเบาลงจนเงียบไปเลย คยองซูที่นั่งรอเห็นเงียบไปนานจึงคลานลงมาจากเตียงไปแง้มประตูดู แต่ก็พบเพียงทางเดินยาวๆที่ว่างปล่าว
แค่นี้ก็ยอมแพ้แล้วเหรอ ไอ้เลว ไอ้หมาบ้า คยองซูปิดประตูก่อนจะเดินฮึดฮัดกลับมากระแทกตัวลงกับเตียง แล้วล้มตัวลงนอน แขนขาวเอื้อมไปคว้าหมอนใบนุ่มมากอด บังเกิดเป็นความสับสนวุ่นวายในจิตใจทันที
เป็นแบบนี้ดีแล้วจริงๆเหรอ? ต้องการแบบนี้จริงๆเหรอ?
เสียงกระซิบจากที่ไหนก็ไม่รู้ในหัวใจคยองซูกำลังทำให้เจ้าตัวเริ่มคิดหนัก จนในที่สุดคนไหล่แคบก็ทนนอนเฉยๆไม่ไหวลุกขึ้นมาขว้างหมอนใส่ประตู
“จะไปรู้ไหมเล่า!”
กึง! เจ้าของห้องตัวเล็กสะดุ้งเฮือก พลางค่อยๆหมุนตัวไปทางต้นเสียง ก็พบว่าเป็นหน้าต่างที่ตัวเองเปิดทิ้งไว้ ไม่ทันไรก็มีมือข้างหนึ่งโผล่ขึ้นมาเกาะตามด้วยอีกข้าง และเจ้าของือซึ่งยืนตัวเองขึ้นมานั่งบนกรอบหน้าต่าง เป็นใครบางคนที่คยองซูเองก็ยังสับสนว่าตัวเองนั้นอยากเจอหรือไม่อยากเจอกันแน่ ค่อยๆหันหน้ามา
“ไง”
“…” คยองซูเดินถอยหลังจนชิดผนังห้อง นี่กลัวไม่ใช่อะไร เกิดมาเพิ่งเคยถูกใครมาหาโดยการปีนหน้าต่างห้อง
“อย่ามาเล่นลีลาอะไรอีกล่ะ กว่าจะยืมบันไดของคนทำสวนบ้านนายได้นี่โคตรลำบากเลย” แบคฮยอนตวัดขาแล้วทิ้งตัวลงมายืนกับพื้นอยู่สวยงาม
“มีธุระอะไร?”
…เออว่ะ แบคฮยอนชะงักค้าง จะว่าไปก็ยังไม่คิดไม่ออกเลยนี่หว่าสรุปจะมาพูดอะไร
คยองซูกระพริบตาปริบๆใส่คนที่ยิ้มค้างเหมือนรูปปั้นไป
“ไม่มีอะไรก็ออกไป ฉันจะนอน”
“เหอะ ป่วยการเมือง ตำเองไม่ได้เป็นอะไรก็ลาหยุดแบบนี้หัดพิจารณาตัวเองซะบ้าง”
“แล้วนายมาอยู่นี่ได้ไง?”
…..…เออว่ะ กูก็ป่วยการมานี่หว่า
“เรื่องนั้นช่างมัน ฉันมาที่นี่เพราะ..เพราะ.. เพราะนายนั่นแหละ ทำไมจู่ๆถึงไม่ไปทำงาน” แบคฮยอนแอบถอนหายใจเฮือกอย่างโล่งที่สามารถหาเหตุผลมาจนได้ ถึงจะจำไม่ค่อยได้ว่าเมื่อกี้ตัวเองพูดอะไรออกไป เอาเป็นว่ามันน่าจะเป็นเหตุผล
“แล้วทำไมล่ะ เกี่ยวอะไรกับนายด้วย”
“เกี่ยวดิ ที่นายหยุดก็เพราะฉัน หรือจะปฏิเสธว่าไม่จริง” แบคฮยอนเดินเข้าไปหาอีกคนอย่างคุกคามจนคยองซูหดคอหนี
“อย่ามาสำคัญตนให้มะ..”
“แล้วนายจะหยุดทำไม?”
“…ก็นายมาพูดแบบนั้นแล้วจะให้ฉันคิดยังไงเล่า!” คยองซูตะโกนใส่แบคฮยอนที่ยกมือขึ้นมาเท้าสะเอว
“คิดยังไงก็ช่างหัวนายดิ! แต่อย่ามาหลบหน้ากันแบบนี้ กูเป็นห่วงมึงโว้ย!” คยองซูสะดุ้งเพราะถูกตะคอกใส่จนตัวลีบ ส่วนแบคฮยอนที่พยายามพูดตรงที่สุดในชีวิตแล้วก็หันหน้าขึ้นสีแดงจัดไปอีกทางแล้วขยี้ท้ายทอยของตัวเองจนหัวยุ่ง
“เหอะ” เสียงเข้มสบทออกมาทำให้เจ้าของห้องสะดุ้งอีกครั้ง
“มายืนเถียงปาวๆได้ก็แสดงว่ายังไม่ใกล้ตาย เออ ก็ดีแล้ว ฉันมาดูแค่นี้แหละ” แบคฮยอนหมุนตัวเพื่อจะเดินออกประตูแต่ก็ทำไมได้เมื่อรู้สึกถึงแรงดึงแถวๆข้อมือ
“แล้วหมายความว่ายังไงที่นายพูด”
“หา?” แบคฮยอนหันหน้ากลับมาก็พบกับคยองซูที่เงยหน้าขึ้นมาถามในระยะประชิด
“เมื่อคืน…แล้วก็วันนี้ด้วยสรุปมันหมายความว่าอะไรของนายเนี่ย”
“จะ..จะให้ตอบว่าอะไรล่ะ” คยองซูเอียงคอเล็กน้อยอย่างครุ่นคิด ลองพยายามนึกคำสรุปๆแล้วมันก็…
“..อาจจะอย่างเช่นนายชอบฉันอะไรเงี้ย” -_-
“…” จบคำคยองซู เลือดในกายแบคฮยอนก็พากันพุ่งมาที่ใบหน้าจนตาเริ่มพร่า คิดอะไรไม่ออก รีบสะบัดมือคยองซูทิ้งแล้ววิ่งไปที่ประตูทันที
“เฮ้ย! อะไรของนายวะ” คยองซูที่เหมือนร่างกายจะแข็งแรงกว่าเล็กน้อยวิ่งไปคว้าข้อมือแบคฮยอนแล้วลากกลับมาที่เดิม
“จะไปไหนเล่า บอกก่อนดิว่าฉันเข้าใจถูกหรือผิด ถ้าผิดก็แก้มาซะ” แบคฮยอนขืนตัวจนหลุดจากการเกาะกุมของคยองซูมาได้แต่ก็ถูกอีกคนจ้องกลับประมาณว่าถ้าคิดหนีอีกก็จะจับกลับมาอีก อย่าคิดหนีให้เปลืองแรง
แบคฮยอนพ่นลมจากพลางยกมือขึ้นมาพัดหน้าตัวเองที่มันเริ่มจะร้อนเกินไปแล้วโดยไม่หันหน้ากลับมามองคยองซูเลย
“..เออ ..ถูก.. ก็ได้วะ..” แบคฮยอนเกาท้ายทอยอีกรอบทั้งที่ไม่ได้รู้สึกคันหรืออะไรเลย
“เออ ก็แค่นี้ ป๊อดว่ะ ไปหากระโปรงใส่ไป” คำพูดพร้อมหน้านิ่งของคยองซูเล่นเอาอีกคนหมดอารมณ์เขินไปด้วย สะบัดหน้ากลับมาสวนทันที
“นายนั่นแหละ ไอ้ซื่อบื้อ! ไอ้คนเข้าใจยาก! คิดว่าฉันลำบากขนาดไหนฮะ?” ทั้งสองคนจ้องหน้ากันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้ออยู่สักพักจน คยองซูเป็นฝ่ายเสตาไปทางอื่นพลางลูบคางอย่างครุ่นคิด
“ตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ห๊ะ?”
“ฉันไม่ชอบพูดซ้ำ” แบคฮยอนพอจะทำความเข้าใจกับสีหน้าจริงจังของคยองซูได้จึงนึกย้อนกลับไปเล็กน้อย
“สองปีก่อน”
“สองปี?”
“วันแรกที่เจอกัน” คำตอบของอีกคนทำให้คยองซูนิ่งไปสักพัก
“อ๋อ งั้นที่บางครั้งจงแดกับชานยอลพูดแปลกๆทำตัวแปลกๆนี่ช่วยนายใช่ไหม?”
“ครับ”
“…โอ้โห อย่างป๊อดเลย สองปี เพื่อนช่วย เจอหน้ากันทุกวัน ได้แค่เนี้ย” คยองซูว่าด้วยสีหน้าเหยียดหยาม
อื้มหืม ถ้ามึงไม่ใช่คยองซูกูเตะตกหน้าต่างไปแล้วนะเอาจริงๆ
“เออๆๆๆ ป๊อดก็ป๊อด แล้วไง ถ้าไม่ชอบก็ลืมๆไปซะ พอใจยัง” แบคฮยอนสะบัดหน้าหนีไปอีกทาง
“อืม..งั้นเป็นแฟนกัน”
“ห๊ะ?”
“จูบดิ”
มึง..เก๊าะ..ตรง..ไป..ครับ..
เมื่อเห็นอีกคนเอาแต่นิ่งอึ้ง คยองซูจึงจัดการคว้าคอลงมาประกบปากเอง แถมยังสอดลิ้นเข้าไปในโพรงปากอีกฝ่ายทันที ส่วนทางแบคฮยอนที่หน้าเริ่มแดงขึ้นมาอีกครั้งหลังจากได้สติจึงจูบตอบทันที ลิ้มของทั้งคู่พันกันนัวเนีย แบคฮยอนรุกไล่อีกคนจนมาถึงเตียง มือหยาบกดไหล่แคบๆลงกับที่นอนนุ่มนิ่มโดยปากยังไม่ละจากกัน จะมีบ้างที่พักหายใจแล้วก็ประกบปากกันอีกรอบจนเวลาผ่านไปเนิ่นนานหลายนาที
“อะไร?” คยองซูเอียงคอถามคนที่เพิ่งจูบกันเสร็จและกำลังคร่อมเขาอยู่
“ก็..ไม่รู้ว่าจะเป็นคน..ขนาดนี้” ภาพคยองซูผู้ใสซื่อในหัวของแบคฮยอนเริ่มค่อยๆพังถลายลง และถล่มหายไปเลยเมื่อคนข้างใต้กระตุกยิ้มที่มุมปาก
“ที่นายไม่เคยเห็นฉันออกลายก็เพราะงานยุ่ง ไม่ค่อยมีเวลาสนใจอย่างอื่น” คยองซูขยับตัวเล็กน้อยให้นอนสบายขึ้น
“อยากรู้อะไรอีกอย่างไหม?”
“ครับ”
“ฉันไม่ใช่พวกไก่อ่อนไร้ประสบการณ์อย่างนาย”
อื้มหือ
“จื่อเทานั่นฉันก็คบฟันแล้วก็ทิ้ง”
อื้มหือ
“ที่เหลือวันไนท์สแตนด์”
อื้ม..
แบคฮยอนนิ่งไปโดยสมบูรณ์ นี่มันคยองซูด้านมืด มืดมาก โอ้พระเจ้าขอผมทำใจแป๊บนึง คุณน้องแกโชกโชนขนาดนี้… หรือจะหลอกฟันกูอีกคนวะ..
“เฮ้” คยองซูเอ่ยเรียกสติอีกคนที่เงียบไป พลางชันตัวลุกขึ้นจนแบคฮยอนต้องลุกตามจนกลายเป็นลุกนั่งทั้งคู่
“ไม่ต้องมาทำหน้าแบบนั้น ฉันสัญญากับตัวเอง กับพี่ชายว่าจะเลิกล้อเล่นกับหัวใจคนอื่นตั้งแต่ตอนที่เข้าทำงานวันแรกแล้ว แล้วอีกอย่างฉันไม่เคยขอใครคบด้วย มีแต่คนมาเสนอฉันก็แค่สนอง แล้วเรื่องนายฉันก็คิดมาทั้งคืนแล้วด้วย ไม่ผิดหรอก”
“…”
“ทำไม? รับไม่ได้เหรอ?” แบคฮยอนส่ายหัวน้อยๆ ก่อนจะก้มลงไปกดริมฝีปากลงบนกลีบปากนุ่มนิ่มของอีกคนเบาๆ
“แทบเป็นบ้ามาตั้งสองปี รับไม่ได้คงต้องผูกคอตาย” คยองซูหัวเราะคิกคัก แล้วเอามือฟาดไหล่ของอีกคนเบาๆ
“แล้วถ้าฉันตอบว่านายเข้าใจผิดล่ะ จะทำยังไง?” จบคำถามของแบคฮยอน คยองซูก็เอียงคอนิดๆอย่างใช้ความคิด
“ฉันก็คงจีบนายจนกว่าผิดมันจะกลายเป็นถูกนั่นแหละ”
ปากหวานชิบ แดกแม่ง
แบคฮยอนขยี้ริมฝีปากลงไปอีกครั้งพร้อมกับกดคนตัวเล็กกว่าให้จมลงกับเตียง ไล่ขบเม้มรอบริมฝีปากอวบอิ่มของคยองซูจนช้ำไปหมด จนกระทั่งพอใจ จมูกโด่งไล้ไปตามรูปหน้าผ่านคางมนนจนถึงลำคอขาวจัด กดจูบลงไปยังซอกคอเบาๆแต่ก็ได้ยินเสียงทักท้วงจากบนหัวดังมา
“เอาไม่มันส์ถีบตกเตียงนะ”
อย่าขู่กูสิ
--------------- ตัดฉับ---------------
ฟิคเรื่องนี้ใสๆไร้เอ็นซีนะคะ
เพราะเราแต่งไม่เป็น
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
แต่ถ้าใครกลัวมันจะใสเกินไปก็ >>จิ้ม<< ได้นะคะไม่ว่ากัน
“แก้ไอ้นี่ใหห้หน่อยสิ” หลังจากอีกคนกลับออกมาจากห้องน้ำแบคฮยอนก็พลิกตัวยื่นข้อมือแดงเถือกเพราะเสียดสีกับเนคไทด์ให้คยองซูดู คนตัวเล็กปีนขึ้นเตียงพลางจับๆแก้ๆอยู่สักพัก
“เงื่อนตาย เอาไม่ออกอ่ะ”
“อ่าว เฮ้ย!”
Talking Time 75%
หุๆๆๆ เค้าไม่รู้เค้าไม่เห็น *3*
ปล.ไปส่งแท็กมีคนถามว่าไรต์คือใคร
งั้นขอชี้แจงประวัติส่วนตัวเพิ่มเติมคือ
เมนจื่อเทา อายุ 16 เป็นเพื่อนสนิทกะไรต์
TRUNX. ( #พี่ปาร์คเด็กส่งโพย chanbaek,hunhan) ค่ะ
สรุปคือ เหมือนจะไม่รู้อะไรมากขึ้นเลย 555555555
ไม่ใช่อะไรนะคะ คือเค้าอายอ่ะ 555555
Talking Time 100%
First NC ค่ะ เปิดซิงพร้อมกับอิพี่เลย
เค้าไม่รู้เค้าไม่เห็น /_\
หายไปสามวันนี่ไม่ใช่อะไรหรอกค่ะ ไม่ได้เปิดคอม
55555555
วันเสาร์เรียนพิเศษ วันอาทิตย์เมาค่ะ = =
กระดกไวน์ออสเตรเลียปี 2010 ไปขวนนึง
ตึ๊บไปเลยนั่งหัวเราะบรรไดอยู่คนเดียว =++=
พอวันจันทร์ขึ้นมาทีนี้แฮงค์แหลดเลยค่ะ ลุกขึ้นอีกทีเที่ยง
ลุกได้พ่อกับแม่ก็ลากนอกบ้านค่ะ
ขออภัยหากอัพช้าเกิน 5555
อย่าเลียนแบบนะคะ เค้ากินภายใต้สายตาผปค.ค่ะ
คือพ่อจับฝึก บอกว่าจะได้รู้ ควบคุมตัวเองถูก
ไม่โดนมอม (ใครมันจะมามอม) 555555
◊
SQWEEZ
ความคิดเห็น