ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Tsundere Boy รักนี้ต้องง้าง(ปาก) {BaekDo}{ChanKai}

    ลำดับตอนที่ #2 : [c h a p t e r . 02] - - - - 1 0 0 %

    • อัปเดตล่าสุด 6 มิ.ย. 57


         








              "..." คิมจงอินกระพริบตาปริบๆ มองเพื่อนสนิทที่เดินเกาตูดออกมาจากห้องน้ำ

     

                    "โย่ ตื่นแล้วเหรอ" เซฮุนโบกมือทักทายคนหน้าง่วงบนเตียง ก่อนที่หมอนใบโตจะลอยใส่หน้าจนแทบเซ

     

                    "อะไรของมึงเนี่ย" ใบหน้าคล้ำขึ้นสีแดงสลับซีด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง

     

                    "ก็..เพื่อมึงอยากเล่นบทน้ำเน่าแบบตื่นมาไม่ใส่เสื้อผ้าทั้งคู่ไง แล้วมึงก็ให้พี่เค้ารับผิดชอบมึงอะไรงี้"

     

                    "อ๋อ ขอบใจ ถุ๊ย! เมียพ่อมึงสิ!" จงอินรีบตะกายลงจากเตียงที่เขาและชานยอลนอนอยู่เพื่อใส่เสื้อผ้า ใช่ คือตอนนี้ล่อนจ้อนทั้งตัว

     

                    "ดีนะกูตื่นก่อนไม่งั้นโคตรยาว" จงอินบ่นกระปอดกระแปดไปพลางใส่กางเกงไปพลาง ส่วนเซฮุนก็เดินแท่ดๆมายังเตียง เอานิ้วเขี่ยๆรุ่นพี่ร่างสูงที่ยังแน่นิ่งอยู่

     

                    "ไม่ต้องมามองหน้า ถอดเองก็หาเสื้อผ้าให้พี่เค้าใส่เอง"

     

                    "โถ่มึง ไม่คิดจะเล่นมุขน้ำตาคลอแล้วพูด 'ฮยองต้องรับผิดชอบผมนะ' กับกูหน่อยเหรอ" เซฮุนเบะปาก

     

                    "ไม่คิดโว้ย!!"

     

                    "กลับมาแล้ว" เสียงแหลมพร้อมร่างผอมจัดโผล่มาจากประตูหน้า จงแดอยู่ในชุดสบายๆ เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นธรรมดาซึ่งจงอินจำได้ว่านั่นเป็นของเขาชัดๆ เดินเข้ามาประกบข้างเซฮุนอย่างอารมณ์ดี

     

                    "ไอ้ฮุน แผนสำเร็จป้ะ?"

     

                    "ไม่อ่ะฮยอง ไอ้จงอินมันเสือกมารักนวลสงวนตัวอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้"

     

                    "เอ๊อะ ช่างเหอะ ปลุกไอ้ชานขึ้นมา กินข้าวกัน นี่ซื้อมาเพียบ" จงแดพูดพลางชูข้าวกล่องสี่กล่องที่ยังอยู่ในสภาพแช่แข็งขึ้นมาระดับเอว คิมจงอินละอยากจะแปะกระดาษไว้บนหน้าพี่เขาว่า

     

                    ห้องพวกผมไม่มีไมโครเวฟขรั่บ...        

     

                   

     

     

     

                    "โอ๊ย ปวดหัวชิบหายเลย"

     

                    "ก็นายกระดกไปสองขวด ไม่แฮงค์ก็ให้มันรู้ไป อ้ะ ซื้อโซดามาให้ ถอนซะ" ชานยอลรับขวดโซดาจากเพื่อนมากระดกรวดเดียวหมดขวดตอนนี้พวกเขากำลังเดินไปตามถนนเพื่อหาร้านกินข้าวเช้า(เกือบเที่ยงกัน) หลังหาวิธีอุ่นไอ้ข้าวกล่องนั่นไม่ได้ จะเอาต้มเป็นมาม่าก็ไม่ได้หม้อเล็กเกิน สุดท้ายก็ต้องออกมาหากินกันข้างนอก

     

                    "ร้านอาหารอิตาเลี่ยนนั่นเป็นไง" จงอินที่นึกอยากกินพาสต้าขึ้นมาชี้ไปทางร้านอาหารตรงหัวมุมถนน

     

                    "ดีเหมือนกัน ป่ะ กินร้านนั้นแหละ" ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเสียงใครสนับสนุนออกมา จบคำก็เนียนโอบไหล่ของคนเป็นน้องดึงเข้าไปจนชิด

     

                    จงแดกับเซฮุนสบตากันแว่บนึง ก่อนที่เซฮุนจะเป็นคนพูดออกมาอย่างรัวเร็ว

     

                    "เออๆนายกับชานยอลฮยองกินไปสองคนนะฉันกับจงแดฮยองว่าจะไปซดจัมปงร้อนๆบ๊ายบายไม่ต้อง

    ห่วงนายกินไปเลยเจอกันอีกทีบนห้องเลยละกัน" ทั้งประโยคใช้เวลาร่วมครึ่งวิฯ ขณะที่อีกฝ่ายกำลังงง เป็นโอกาสดี จงแดกับเซฮุนจึงรีบโกยอ้าวออกมาจากตรงนั้นอย่างไว

     

                    "งั้นเอาเป็นว่าเราไปกินกันสองคนก็ได้เนอะ" ชานยอลตบบ่าจงอินที่ยังทำหน้ามึนอยู่สองสามที ก่อนจะลากน้องไปยังจุดหมาย

     

     

                    "เย้ ไปกินกันสองคนแล้วฮยอง"

     

                    "เอ้อ มันต้องอย่างนี้" สองสหายที่ไปสนิทกันตอนไหนไม่รู้ยืนแอบอยู่มุมตึกโผล่หัวออกมาส่องสังเกตการณ์

     

                    "แต่เอาตรงๆป้ะ ผมโคตรไม่อยากไปกินข้าวสองต่อสองกับฮยองเลยอ่ะ ไม่อยากโดนเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนกับคนอย่างฮยอง"

     

                    "ขอบใจที่พูดตรงๆแต่ฟังแล้วอยากเอาเท้ามาลูบหน้าเด็กว่ะ เออๆ เดี๋ยวโทรตามไอ้แบคมาก็ได้ คอนโดมันอยู่แถวนี้แหละ ป่านนี้คงยังนอนแฮงค์อยู่เหมือนกันมั้ง" จงแดคุ้ยหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงมาไล่เบอร์โทร

     

                   

     

     

                    "..แล้วก็น้ำเปล่าครับ" ชานยอลคืนเมนูให้บริกรไป สั่งอาหารเสร็จเรียบร้อยจึงกลับมานั่งมองหน้าคนตรงข้ามให้ชื่นใจเล่น

     

                    ก็ไม่ใช่ผู้ชายหน้าสวย อันที่จริงก็ผู้ชายหน้าบ้านๆธรรมดาๆ หุ่นก็หุ่นผู้ชายแมนๆธรรมดา แต่ว่า หยุด

    มองไม่ได้...   ชานยอลรู้สึกอย่างนั้น ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ไม่อยากให้คลาดสายตา ถึงน้องจะเป็นผู้ชายตัวสูงแต่ก็เตี้ยกว่าเขา ทำอะไรหยิบจับอะไรก็ดูน่าถนอมไปหมด

     

                    จนความรู้สึกมันเลยเถิดมาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

     

                    "อะไรครับ" จงอินทำทีเป็นขมวดคิ้วใส่รุ่นพี่ตัวสูงที่เอาแต่จ้องหน้าเขาแล้วยิ้มเพ้อๆมาตั้งแต่เมื่อกี้จนรู้สึกเขิน

     

                    "เปล่า แค่อยากมอง ทำไมล่ะ จงอินรำคานฮยองเหรอ" ตอบเลยว่าไม่ แต่เขิน สะกดเป็นไหม ถึงในใจจะว่างั้นงี้แต่ก็ยังคงหน้าเย็นชาดุจคนง่วงตลอดเวลาไว้ได้

     

                    "ไม่ได้รำคานครับ แค่ส่งสัย"

     

                    "จงอินว่าฮยองทำตัวไม่มีมารยาทกับจงอินมากไปรึเปล่า" คำถามนั้นทำให้คยถูกถามตาโตสะบัดหน้าที่ทำเป็นเหม่อดูวิวนอกกระจกร้านสะบัดกลับมายังคนตงข้ามอย่างรวดเร็ว

     

                    "ห๊ะ?"

     

                    "ไหนๆก็มีโอกาศเลยถาม ก็จงอินชอบทำหน้าเหมือนรำคานทุกที ฮยองกลัวจงอินจะ.."

     

                    จะ...?

     

                    "ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าถ้าเกิดไม่ชอบก็บอกแล้วกัน แต่ฮยองจะหยุดรึเปล่าก็อีกเรื่อง" ร่างสูงหัวเราะออกมาลั่นทำเอาจงอินมองตาปริบๆ ซักอย่าง จะดราม่าหรือจะเอาฮา -*-

     

                    "ฮยองไปห้องน้ำแป๊บเฝ้าโต๊ะๆดีล่ะ"

     

                    "ฮยองกลัวมันวิ่งหายไปเหรอ" -*-

     

                    ชานยอลหัวเราะออกมาอีกรอบ มือหยาบเอื้มไปขยี้กลุ่มผมนุ่นอย่างหมั่นเขี้ยว

     

                    "ถ้ามันวิ่งหายไปก็ดี จงอินจะได้มานั่งกินบนตักฮยอง เนอะ?" ว่าจบก็หัวเราะอีก ก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำจริงๆจังๆซักที

     

                    "เนอะบ้านนายสิ" จงอินที่มองตามหลังพึมพำเบาๆก่อนจะค่อยๆไถลตัวซุกหน้าลงกับแขนของตัวเอง

     

                    "..คนโง่"  





     

    "อ้า แล้วไงต่อ?" จางอี้ชิง หัวหน้าฝ่ายขายและการตลาดสายเลือดจีนประสานมือไว้บนโต๊ะอย่างมีมาด เอียงคอมองลูกน้องที่หิ้วฝ่ายบัญชีมาคนกับนักศึกษาฝึกงานอีกสอง

     

                    "ก็แค่นี้ครับ..." จงแดก้มลงมองปลายเท้าหงอยๆ เหมือนเตรียมใจจะโดนดุ จางอี้ชิงถึงจะนิสัยแปลกๆบ้างเหมือนอยู่คนละโลกกับคนปกติ แต่ก็ใจดี อารมณ์ดี เข้ากันคนอื่นง่าย ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ เวลาจะดุนี่ อื้อหือ..

     

                    "สรุปคือหลังจากร้านเนื้อย่าง นายกับพ่อคนตัวสูงโน่นก็ไปค้างบ้านเด็กฝึก ฟื้นก็พากันเที่ยวต่อทั้งเสาร์ทั้งอาทิตย์ เลยเมาค้างตื่นสาย ก็เลยมาทำงานไม่ทัน" อี้ชิงพยักหน้าเบาๆพลางกล่าวสรุป

     

                    "พวกผมพยายามเต็มที่แล้วครับ" คราวนี้เป็นฝ่ายชานยอลที่ช่วยพูดบ้าง แต่นั่นไม่ได้ทำให้จงแดรู้สึกดีขึ้นแม้แต่นิดเดียว

     

                    "เหรอ~?" อี้ชิงครางตอบเหมือนคนเหม่อลอย

     

                    "ก็ไม่ได้อยากจะว่าอะไรหรอกถ้านี่ไม่ใช่ครั้งแรกน่ะนะ จงแด เดือนนี้นายตอกบัตรไม่ทัน 5 รอบ ชานยอล ฉันไปถามจากลู่หานมา" อี้ชิงเว้นช่วงไว้เล็กน้อยให้คนลุกเล่น

     

                    "12 รอบ รวมครั้งนี้อีกเป็น 13 เลขสวยพอดีเลย เนอะ~ คราวนี้ก็พานักศึกษาฝึกงานสายอีก"

     

                    "พวกจงอินไม่ผิดนะครับ พวกผมพาน้องสายเอง" เซฮุนช้อนตามองชานยอลที่ก้าวขึ้นมาบังพวกเขาไว้ข้างหลัง

     

                    จ้า พ่อพระเอก ถ้าไม่มีจงอินคุณพี่จะพูดงี้ป้ะครัช

     

                    "งั้น จะให้ฉันทำยังไงกับพวกเธอดีน้า~" อี้ชิงอมยิ้มละมุน ฉากหลังเหมือนมีเงาดำๆผุดขึ้นมาเป็นปีศาจมีเขาแหลมเปี๊ยว

     

                    "ลงโทษพวกผมให้สาแก่ใจเลยครับ" จงแดค้อมหัวลง ถ้าสังเกตุดีๆไหล่ผอมจัดดูเหมือนจะสั่นนิดๆด้วย

     

                   

     

     

     

     

                    "เป็นไงบ้าง" เจ้าของใบหน้าเรียวที่รออยู่หน้าห้องหัวหน้าฝ่ายขายและการตลาดเอ่ยถามกลุ่มคนที่เพิ่ยงเดินออกมาจากห้อง

     

                    "โดนด่ายับเลยว่ะ" จงแดโผเข้ากอดเพื่อนหุ่นใกล้ๆกัน ซึ่งอีกฝ่ายก็ตบหลังเบาๆอย่างเข้าใจ

     

                    "หัวหน้าพวกนายน่ากลัวชิบหายเลย" ชานยอลกระซิบบอกคนที่ถูกกอดหน้าซีดๆ

     

                    "รู้แล้วใช่ไหมล่ะ ทำอี้ชิงฮยองของขึ้น สมควร อ่าว เฮ้ย นั่น?" แบคฮยอนร้องถามเด็กนักศึกษาพิวขาวจัดที่กำลังซุกไหล่เพื่อนสนิท จากที่มีเสียงสะอื้นลอดออกมา ดูเอาก็รู้ว่าร้องไห้

     

                    "ไม่เป็นไรครับ ไอ้นี่มันบ่อน้ำตาตื้น โดนดุนิดเดียวก็ไปแล้ว" จงอินตอบด้วยสีหน้าง่วงๆ

     

                    "น่าสงสารจัง มานี่มะ ให้พี่กอดปลอบ" ว่าจบร่างสูงโปร่งของชานยอลก็ถลาเข้าไปหาเด็กฝึกงานทั้งสอง ท่ามกลางสายตาหยามเหยียดของเพื่อน

     

                    กอดปลอบเซฮุนแล้วคุณมึงจะกอดจงอินด้วยทำแป๊ะอะไรครับ

     

                    “ชานยอล คืนตังค์กูมาได้แล้ว” แบคฮยอนเดินเข้าไปทุบหลังเพื่อนตัวสูงอั้กๆที่เมื่อวานมายืมเงินไปร่อนผับตั้งแต่เที่ยง จนตอนนี้ก็ยังไม่คืน ไม่ได้งกแต่มันสัญญาว่าจะคือ ลูกผู้ชายตัวจริงสัญญาต้องเป็นสัญญา

     

                    “ยังไม่มีว่ะ”

     

                    “ไอ้ชาน!!

     

                    “อ๊ะ แบคฮยอน อยู่นี่พอดี มีเรื่องด่วนจะต้องปรึกษาเข้ามาหน่อยสิ” อี้ชิงโผล่หน้าออกมาจากประตูห้องหัวหน้าฝ่าย ก่อนจะกลับเข้าไปโดยแง้มประตูไว้เป็นเชิงว่ารีบๆเข้ามาซะ ถึงจะอึดอัดอยากตะโกนด่าเพื่อนตัวสูงขนาดไหนก็ทำได้แค่ฮึดฮัดเงียบๆแล้วเดินเข้าห้องของอี้ชิงไป

     

                    “ป่ะ ก่อนไอ้หมาเตี้ยจะออกมา” ชานยอลยิ้มอย่างชั่วร้ายปนสนุกสนาน ลากเด็กฝึกงานทั้งสองคนลงลิฟท์ไป

     

     

     

                    เมื่อทั้งสามมาถึงชั้น 12 กลับพบว่าภายใจแผนกดูมีอะไรแปลกตาจากเดิมขึ้น

                    ทุกคนในฝ่ายบัญชีลุกขึ้นยืนตามมารยาท พลางตั้งใจฟังคำแนะนำตัวอย่างสนใจ ชายร่างสูง ผิวคล้ำดูดีในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟฟ้าอ่อนกับกางเกงทรงกระบอกสีดำกำลังยืนยิ้มก้มหัวปะหลกๆให้ทุกคน  หลังจากหัวหน้าฝ่ายอย่างลู่หานพาไปยังโต๊ะประจำตำแหน่งก่อนจะหมุนตัวกลับขึ้นลิฟท์ไปห้องทำงานตัวเองเหมือนเดิม พนักงานกินเงินเดือนทั้งหลายก็กรูกันเข้ามาล้อม พนักงานใหม่ กันอย่างสนอกสนใจก็เริ่มเริ่มแนะนำตัวกันเอะอะมะเทิ่ง เสียเวลากันจนกระทั่งจนจางอี้ชิงซึ่งพึ่งลงลิฟท์มาพอดีแผ่รังสีอำมหิตใส่จนกลับเข้าโต๊ะทำงานกันอย่างเรียบร้อยได้

     

                    “คยองซู? ” พนักงานการบัญชีภาษีคนใหม่เอียงคอด้วยความประหลาดใจสักพักก่อนจะเดินเข้าไปหาอย่างร่าเริง

               
                "
    ทำงานที่นี่ด้วยเหรอ?"
     

                    “อื้ม บังเอิญจังเลยเนอะ” คนไหล่เล็กเงยหน้ามองคนคุ้นหน้าที่ยืนค้ำหัวอยู่

     

                    “จื่อเทากับคยองซูรู้จักกันด้วยเหรอ?” ชานยอลหมุนเก้าอี้กลับมาอย่างแปลกใจ

     

                    “ก็..ไม่เชิงหรอก” คนไหล่เล็กหลุบตาลงต่ำเหมือนทำอะไรไม่ถูก แต่พนักงานใหม่กลับตอบอย่างไม่ยี่ระ

     

                    “อยู่โรงเรียนเดียวกันสมัยเรียนอาชีวะน่ะครับ แล้วก็เคยเป็นแฟนกัน แฮะๆ” ชานยอลตาเหลือกอ้าปากค้างใส่ทั้งคู่

     

                    อย่าให้ไอ้แบครู้เชียว

     

                    “ไอ้โย่งหูกาง คือเงินกูมาซะดีๆ” ชานยอลหันไปตาเหลือกใส่เพื่อนเตี้ยที่มาได้ถูกจังหวะสมกับเป็นฟิค พยอนแบคฮยอนตัวเป็นๆกำลังเดินมายังพวกเขาด้วยท่าทางมั่นใจตามปกติ แต่ก็ต้องสะดุดเล็กน้อยกับคนไม่คุ้นหน้าคุ้นตา กำลังยืนค้ำหัวโดคยองซู อ่านบรรยากาศก็แลดูมีซัมติงจนจนรู้สึกอยู่ไม่สุก ไม่ถูกชะตาด้วยอย่างแรง

     

                    “ใคร?” แบคฮยอนยืนจังก้า เงยหน้าถามชนิดชวนทะเลาะสุดอะไรสุดจนเพื่อนตัวสูงต้องได้มาลากคอกลับมายืนดีๆ

     

                    “หวางจื่อเทาครับ เป็นพนักงานการบัญชีภาษีคนใหม่ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” จื่อเทาค้อมหัวให้อย่างนอบน้อมโดยไม่ทันรู้สึกถึงรังสีมาคุแปลกๆจากแบคฮยอนเลยซักนิด ชานยอลเหยียบเท้าเพื่อนเตี้ยไปทีนึง จึงยอมทักทายกลับ

     

                    “เออๆ พยอนแบคฮยอน ฝ่ายขาย”  จื่อเทาพยักหน้ารับทีนึงแล้วส่งยิ้มเหมือนเด็กน้อยให้ ก่อนจะหันกลับไปคุยกับคยองซูเหมือนเดิม

                     

    “ไอ้โย่งหูกาง ไอ้เด็กดำนั่นใคร?” เสียงเข้มลอดผ่านไรฟันอย่างเบาที่สุด นิ้วเรียวสวยบรรจง(?) จิกหัวเพื่อนตัวสูงให้ลงมานั่งเก้าอี้ดีเพื่อที่จะเค้นคอได้สะดวก

     

    “ก็แบบว่ายังไงดีว้า~” ชานยอลกลอกตาหลุดหลิกพยายามพาตัวช่วย ไอ้เพื่อนร่วมงานวันนี้ก็ตั้งใจทำงานกันจัง ไม่มีใครคิดจะอู้มาดวลคุกกี้รันกันเหมือนปกติบ้างเลยรึไง

     

    “คยองซูมีแฟนยังอ่ะ?”

                    “ยังหรอก”

                    “เออ ดีเลย เพราะผมก็ยังไม่มีแฟน”

     

                    ประโยคสนทนานรกแตกจากด้านหลังทำให้แบคฮยอนกำมือแน่น จนเพื่อนตัวสูงที่นั่งเก้าอี้อยู่เริ่มหน้าซีด

                    “นายรู้จักไอ้เตี้ยตาเหลือกนี่ได้ไง” อย่างที่ชานยอลกลัว เพื่อนตัวเล็กผละออกจากตรงหน้าเขาอย่างหงุดหงิด ปั้นสีหน้าเรียบเฉยเข้าไปร่วมวงสนทนาทันที

     

                    “เคยเป็นแฟนกันครับ” จื่อเทาตอบอย่างใสซื่อ ไม่ปนการจิกกัดเหน็บแหนมอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงยังแค่คำตอบก็เพียงพอจะทำเอาแบคฮยอนสะอึกในใจ

     

                    “เหรอ..อย่างคยองซูก็มีคนยอมมาเป็นแฟนด้วยเหรอ แสดงว่าชอบของแปลกสินะ”  คยองซูซึ่งนั่งอยู่หน้าตึง แต่ยังไม่ทันจะได้สวนอะไรกลับไปอย่างที่ต้องการ จื่อเทาก็พูดขึ้นมาซะก่อน

     

                    “ก็เปล่านะครับ สมัยเรียนคยองซูป๊อบจะตาย ทั้งชายทั้งหญิงวิ่งมาสารภาพรักเอยให้ของขวัญเอยอย่างต่ำวันละครั้ง ตอนเป็นแฟนกันนี่ผมหึงจนได้เรื่องประจำเลยแหละ” หนุ่มผิวแทนหัวเราะแหะๆอย่างใสซื่อ ใสจริงๆ จนชานยอลอยากจะลากออกมาจากวงพวกปากไม่ตรงกับใจ

     

                    “นายชอบคนแบบนี้เหรอ?”  แบคฮยอนกัดฟันแน่นจิกตาใส่คยองซูอย่างคาดโทษ เพราะดูไอ้เด็กใสซื่อแต่กวนประสาทนี่ถ้าไม่ติดว่าตัวสูงก็เด็กน้อยดีๆ ดูไม่น่าจะดูแลปกป้องคยองซูได้เลยซักนิด

     

                    “มันก็เรื่องของฉัน” คนไหล่แคบจ้องตากลับอย่างเอาเรื่อง

                    “เอ้า! ตรงนั้นน่ะ ยังไม่พาเด็กใหม่ทำงานอีกเหรอ เอาแต่คุยอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวปั๊ดไม่ยื่นเรื่องเรื่องเพิ่มโบนัสให้เลยนี่” ลู่หานที่ลงมาตรวจตราความเรียบร้อยเรื่อยๆ(อู้) ชี้มาทางพวกเขา

     

                    เออ ฝากไว้ก่อน แบคฮยอนส่งสารท้าทายทางสายตาไล่หลังจื่อเทาที่เดินกลับโต๊ะตามคำสั่งของลู่หาน ก่อนจะโดนลู่หานเดินกลับมามะเหงกใส่ทีนึง

     

                    “กลับไปทำงานได้แล้ว นายมาอู้อยู่แถวนี้เดี๋ยวอี้ชิงก็เล่นฉันตาย”

     

                    แบคฮยอนพยักหน้าทีนึงแล้วเอี้ยวตัวเพื่อนเดินกลับไปยังอีกฝากของชั้น ในหัวเต็มไปด้วยแผนการสีดำมืดเป็นร้อยๆด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่ขุดออกมาอย่างเต็มศักยภาพของฝ่ายขาย ชานยอลที่สังเกตเห็นจึงต้องอาศัยจังหวะลู่หานเดินไปที่อื่นพิมพ์ไลน์ไปหาอย่างรวดเร็ว เพราะเห็นแก่ความใสซื่อของจื่อเทาที่ดูจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถูกแบคฮยอนตราหน้าเป็นศัตรูเรียบร้อย

     

                     นายอย่าทำอะไรแผลงๆนะเว้ย ให้ฉันจัดการเอง

                     มึงอย่ามาขัดกู

                     เหอะน่า ถือว่ากูขอ กูมีวิธีที่ดีกว่าแน่ๆ แบบได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย

                    แบคฮยอนตอบช้าไปสักพักเหมือนกำลังคิด

                    แน่ใจ?

                    เออ แน่

                    งั้นก็ได้ ถ้าไม่ได้ผลขึ้นมากูลงไปเล่นเองแน่

     

                    ชานยอลยิ้มอย่างมั่นใจกับตัวเอง ก่อนจะเก็บโทรศัพท์มือถือราคาแพงใส่กระเป๋ากางเกง

     

                    “ฉันไปหาจงอินแป๊บนึงนะเดียวมา” คยองซูหันมาพยักหน้าให้ก่อนจะพิมพ์งานต่อ

     

                    แต่แทนที่จะตรงไปโต๊ะของเด็กฝึกงานอย่างที่ปากว่า ชานยอลกลับเดินเข้าไปหาจื่อเทาที่เพื่อนร่วมงานอีกคนกำลังสอนงานให้แทน

                    “ทงเฮฮยอง ขอเวลาแป๊บนึงนะครับ” ตามประสาคนใจดี ทงเฮพยักหน้าให้ยิ้มๆ ชานยอลจึงเข้าไปกระซิบกับจื่อเทา

                    “นายว่านายยังไม่มีแฟนใช่มะ”

     

                    “ครับ ฮยองถามทำมะ

     

                    “นายยังชอบคยองซูอยู่เหรอ?” จื่อเทาขมวดคิ้วใส่ชานยอล

     

                    “ก็ไม่นี่ครับ เราสองคนจบกันไปตั้งนานแล้ว”

     

                    “โอเค ขอบใจ ทงเฮฮยอง ต่อเลยครับ” ชานยอลบอกลาจื่อเทาที่ทำหน้างงๆ แต่ได้ไม่นานก็ต้องกลับไปเรียนงานต่อ

     

                   

                    “อ้าว ชานยอลฮยอง หวัดดีครับ”

     

                    “มึงไม่ต้องเล่นเลยเซฮุน รีบทำให้เสร็จแผ่นนั้นให้เสร็จ”

     

                    “รีบอะไรนักหนาของมึงวะจงอิน ชานยอลฮยองอยู่ข้างหลังมึงอ่ะ คิดถึงไม่ใช่เหรอ” เซฮุนหน้างอหันกลับไปพิมพ์งานใส่แล็ปท็อปรุ่นมหาดึกดำบรรพ์ที่ทางบริษัทมีไว้ให้เบิกไปทำงาน

     

                    “เฮอะ กูไม่เชื่อ ไอ้หมอนั่นกำลังเต๊าะเด็กใหม่เพลินเลยมั้ง ไม่มาสนกูหรอก” จงอินบ่นปนน้อยใจปานกลางถึงมาก ขณะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ เซฮุนฮุนจึงเหลือบตามองชานยอลที่ยืนค้ำหัวจงอินอยู่ข้างหลังจริง

                    “จงอินหวงฮยองเหรอ ดีใจจัง” คนผิวแทนสะดุ้งสุดตัวเหมือนแมวโดนราดน้ำ หันหน้ากลับไปก็พบชานยอลที่ยืนยิ้มแป้นอยู่

     

                    “เปล่านะ!..ไม่ใช่..” จงอินหน้าแดงหูแดง แก้ตัวละล่ำละลักจนฟังไม่เป็นคำ ชานยอลที่ถึงแม้ว่าจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่เพื่อไม่ให้เด็กระเบิดตัวเองตายจึงลากเก้าอี้เปล่าๆมานั่งลงข้างจงอิน แขนแกร่งเอื้อมไปโอบบ่าของจงอินไว้ ก่อนจะเลื่อนมือไปลูบหัวทุยเบาๆ ให้ใจเย็นลง ซึ่งก็ได้ผล จงอินเริ่มกลับมาปั้นหน้าเย็นชาได้เหมือนเดิม แต่พวงแก้มยังคงขึ้นสีระเรื่ออยู่เหมือนเดิม

     

                    ชานยอลหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกางเกงพลางเลื่อนเบอร์เพื่อต่อสาย

     

                    “ตอนแรกว่าจะเอาเซฮุน แต่แสบอย่างนายจื่อเทาคงเอาไม่อยู่” เมื่อได้เบอร์ที่ต้องการจึงกดโทรออกแล้วเอาแนบหู

     

                    “ฮยองพูดเรื่องอะไรอ่ะ” คนที่ถูกพาดพิงยืดตัวเพื่อมองผ่านแล็ปท็อปสีดำ

     

                    รอสายอยู่ไม่นาน อีกฝ่ายก็กดรับ

     

                    “โหล ฮยอง”

                    เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ เดอะนัมเบอร์ยูฮาฟดาฟ อิดดะเบเบิ้ลอะดิสทาม

                    “อย่าตอแหลดิ๊ฮยอง”

                    อยากกินตีนฮยองไหมครับ?

                    “ฮยองๆ น้องคริสตัลที่ฮยองคบอยู่อ่ะ ยังคบกันอยู่ป้ะ”

                    “โถ เขาทิ้งฮยองไปคบกับทอมแล้วครับ พูดถึงนี่ยังจี๊ดอยู่เลยเนี่ย จี๊ด”

                    “เออ ดีเลยฮยอง มีเรื่องให้ช่วย”

                    “ถ้าเรื่องเงินฮยองวางนะครับ”

                    “ไม่ใช่เรื่องนั้นโว้ย” -0-

                    “เออ งั้นว่ามา”

     

                    “คือผมอยากให้ฮยองลงมาจีบเด็กคนนึง”


                  

     

    talking time 40%
    fav. จะแตะ 30 แล้ว ขอบคุณนะคะ
    วันเสาร์อาทิตย์ไม่มีเวลาปั่น คือเฉียนปั่นวันต่อวันแล้วลงเลย
    ไม่งั้นปั่นไม่ออก ไม่รู้เป็นโรคอะไรเหมือนกัน TT
    ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ


    talking time 100%
    ตัวละครใหม่โผล่มาแล้วค่า เมนเค้าเองแหละ~ <3
    เดี๋ยวก็โผล่มาเพิ่มอีก คึๆๆ
    เแต่งไปแต่งมาชานไคนี่แย่งซีนแบคโด้มากเลยนะเนี่ย 555555
    ขอบคุณทุกคอมเมนต์และการติดตามนะคะ  จะ 40 fav.
    นี่บ่องตง น้ำตาจะไหลค่ะ TT          

    SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×