คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : [c h a p t e r . 02] - - - - 1 0 0 %
"..." คิมจงอินกระพริบตาปริบๆ มองเพื่อนสนิทที่เดินเกาตูดออกมาจากห้องน้ำ
"โย่ ตื่นแล้วเหรอ" เซฮุนโบกมือทักทายคนหน้าง่วงบนเตียง ก่อนที่หมอนใบโตจะลอยใส่หน้าจนแทบเซ
"อะไรของมึงเนี่ย" ใบหน้าคล้ำขึ้นสีแดงสลับซีด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากนั่งกระสับกระส่ายอยู่บนเตียง
"ก็..เพื่อมึงอยากเล่นบทน้ำเน่าแบบตื่นมาไม่ใส่เสื้อผ้าทั้งคู่ไง แล้วมึงก็ให้พี่เค้ารับผิดชอบมึงอะไรงี้"
"อ๋อ ขอบใจ ถุ๊ย! เมียพ่อมึงสิ!" จงอินรีบตะกายลงจากเตียงที่เขาและชานยอลนอนอยู่เพื่อใส่เสื้อผ้า ใช่ คือตอนนี้ล่อนจ้อนทั้งตัว
"ดีนะกูตื่นก่อนไม่งั้นโคตรยาว" จงอินบ่นกระปอดกระแปดไปพลางใส่กางเกงไปพลาง ส่วนเซฮุนก็เดินแท่ดๆมายังเตียง เอานิ้วเขี่ยๆรุ่นพี่ร่างสูงที่ยังแน่นิ่งอยู่
"ไม่ต้องมามองหน้า ถอดเองก็หาเสื้อผ้าให้พี่เค้าใส่เอง"
"โถ่มึง ไม่คิดจะเล่นมุขน้ำตาคลอแล้วพูด 'ฮยองต้องรับผิดชอบผมนะ' กับกูหน่อยเหรอ" เซฮุนเบะปาก
"ไม่คิดโว้ย!!"
"กลับมาแล้ว" เสียงแหลมพร้อมร่างผอมจัดโผล่มาจากประตูหน้า จงแดอยู่ในชุดสบายๆ เสื้อยืดกับกางเกงขาสั้นธรรมดาซึ่งจงอินจำได้ว่านั่นเป็นของเขาชัดๆ เดินเข้ามาประกบข้างเซฮุนอย่างอารมณ์ดี
"ไอ้ฮุน แผนสำเร็จป้ะ?"
"ไม่อ่ะฮยอง ไอ้จงอินมันเสือกมารักนวลสงวนตัวอะไรตอนนี้ก็ไม่รู้"
"เอ๊อะ ช่างเหอะ ปลุกไอ้ชานขึ้นมา กินข้าวกัน นี่ซื้อมาเพียบ" จงแดพูดพลางชูข้าวกล่องสี่กล่องที่ยังอยู่ในสภาพแช่แข็งขึ้นมาระดับเอว คิมจงอินละอยากจะแปะกระดาษไว้บนหน้าพี่เขาว่า
ห้องพวกผมไม่มีไมโครเวฟขรั่บ...
"โอ๊ย ปวดหัวชิบหายเลย"
"ก็นายกระดกไปสองขวด ไม่แฮงค์ก็ให้มันรู้ไป อ้ะ ซื้อโซดามาให้ ถอนซะ" ชานยอลรับขวดโซดาจากเพื่อนมากระดกรวดเดียวหมดขวดตอนนี้พวกเขากำลังเดินไปตามถนนเพื่อหาร้านกินข้าวเช้า(เกือบเที่ยงกัน) หลังหาวิธีอุ่นไอ้ข้าวกล่องนั่นไม่ได้ จะเอาต้มเป็นมาม่าก็ไม่ได้หม้อเล็กเกิน สุดท้ายก็ต้องออกมาหากินกันข้างนอก
"ร้านอาหารอิตาเลี่ยนนั่นเป็นไง" จงอินที่นึกอยากกินพาสต้าขึ้นมาชี้ไปทางร้านอาหารตรงหัวมุมถนน
"ดีเหมือนกัน ป่ะ กินร้านนั้นแหละ" ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเสียงใครสนับสนุนออกมา จบคำก็เนียนโอบไหล่ของคนเป็นน้องดึงเข้าไปจนชิด
จงแดกับเซฮุนสบตากันแว่บนึง ก่อนที่เซฮุนจะเป็นคนพูดออกมาอย่างรัวเร็ว
"เออๆนายกับชานยอลฮยองกินไปสองคนนะฉันกับจงแดฮยองว่าจะไปซดจัมปงร้อนๆบ๊ายบายไม่ต้อง
ห่วงนายกินไปเลยเจอกันอีกทีบนห้องเลยละกัน" ทั้งประโยคใช้เวลาร่วมครึ่งวิฯ ขณะที่อีกฝ่ายกำลังงง เป็นโอกาสดี จงแดกับเซฮุนจึงรีบโกยอ้าวออกมาจากตรงนั้นอย่างไว
"งั้นเอาเป็นว่าเราไปกินกันสองคนก็ได้เนอะ" ชานยอลตบบ่าจงอินที่ยังทำหน้ามึนอยู่สองสามที ก่อนจะลากน้องไปยังจุดหมาย
"เย้ ไปกินกันสองคนแล้วฮยอง"
"เอ้อ มันต้องอย่างนี้" สองสหายที่ไปสนิทกันตอนไหนไม่รู้ยืนแอบอยู่มุมตึกโผล่หัวออกมาส่องสังเกตการณ์
"แต่เอาตรงๆป้ะ ผมโคตรไม่อยากไปกินข้าวสองต่อสองกับฮยองเลยอ่ะ ไม่อยากโดนเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนกับคนอย่างฮยอง"
"ขอบใจที่พูดตรงๆแต่ฟังแล้วอยากเอาเท้ามาลูบหน้าเด็กว่ะ เออๆ เดี๋ยวโทรตามไอ้แบคมาก็ได้ คอนโดมันอยู่แถวนี้แหละ ป่านนี้คงยังนอนแฮงค์อยู่เหมือนกันมั้ง" จงแดคุ้ยหาโทรศัพท์มือถือในกระเป๋ากางเกงมาไล่เบอร์โทร
"..แล้วก็น้ำเปล่าครับ" ชานยอลคืนเมนูให้บริกรไป สั่งอาหารเสร็จเรียบร้อยจึงกลับมานั่งมองหน้าคนตรงข้ามให้ชื่นใจเล่น
ก็ไม่ใช่ผู้ชายหน้าสวย อันที่จริงก็ผู้ชายหน้าบ้านๆธรรมดาๆ หุ่นก็หุ่นผู้ชายแมนๆธรรมดา แต่ว่า หยุด
มองไม่ได้... ชานยอลรู้สึกอย่างนั้น ตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน ไม่อยากให้คลาดสายตา ถึงน้องจะเป็นผู้ชายตัวสูงแต่ก็เตี้ยกว่าเขา ทำอะไรหยิบจับอะไรก็ดูน่าถนอมไปหมด
จนความรู้สึกมันเลยเถิดมาขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
"อะไรครับ" จงอินทำทีเป็นขมวดคิ้วใส่รุ่นพี่ตัวสูงที่เอาแต่จ้องหน้าเขาแล้วยิ้มเพ้อๆมาตั้งแต่เมื่อกี้จนรู้สึกเขิน
"เปล่า แค่อยากมอง ทำไมล่ะ จงอินรำคานฮยองเหรอ" ตอบเลยว่าไม่ แต่เขิน สะกดเป็นไหม ถึงในใจจะว่างั้นงี้แต่ก็ยังคงหน้าเย็นชาดุจคนง่วงตลอดเวลาไว้ได้
"ไม่ได้รำคานครับ แค่ส่งสัย"
"จงอินว่าฮยองทำตัวไม่มีมารยาทกับจงอินมากไปรึเปล่า" คำถามนั้นทำให้คยถูกถามตาโตสะบัดหน้าที่ทำเป็นเหม่อดูวิวนอกกระจกร้านสะบัดกลับมายังคนตงข้ามอย่างรวดเร็ว
"ห๊ะ?"
"ไหนๆก็มีโอกาศเลยถาม ก็จงอินชอบทำหน้าเหมือนรำคานทุกที ฮยองกลัวจงอินจะ.."
จะ...?
"ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าถ้าเกิดไม่ชอบก็บอกแล้วกัน แต่ฮยองจะหยุดรึเปล่าก็อีกเรื่อง" ร่างสูงหัวเราะออกมาลั่นทำเอาจงอินมองตาปริบๆ ซักอย่าง จะดราม่าหรือจะเอาฮา -*-
"ฮยองไปห้องน้ำแป๊บเฝ้าโต๊ะๆดีล่ะ"
"ฮยองกลัวมันวิ่งหายไปเหรอ" -*-
ชานยอลหัวเราะออกมาอีกรอบ มือหยาบเอื้มไปขยี้กลุ่มผมนุ่นอย่างหมั่นเขี้ยว
"ถ้ามันวิ่งหายไปก็ดี จงอินจะได้มานั่งกินบนตักฮยอง เนอะ?" ว่าจบก็หัวเราะอีก ก่อนจะลุกไปเข้าห้องน้ำจริงๆจังๆซักที
"เนอะบ้านนายสิ" จงอินที่มองตามหลังพึมพำเบาๆก่อนจะค่อยๆไถลตัวซุกหน้าลงกับแขนของตัวเอง
"..คนโง่"
"อ้า แล้วไงต่อ?" จางอี้ชิง หัวหน้าฝ่ายขายและการตลาดสายเลือดจีนประสานมือไว้บนโต๊ะอย่างมีมาด เอียงคอมองลูกน้องที่หิ้วฝ่ายบัญชีมาคนกับนักศึกษาฝึกงานอีกสอง
"ก็แค่นี้ครับ..." จงแดก้มลงมองปลายเท้าหงอยๆ เหมือนเตรียมใจจะโดนดุ จางอี้ชิงถึงจะนิสัยแปลกๆบ้างเหมือนอยู่คนละโลกกับคนปกติ แต่ก็ใจดี อารมณ์ดี เข้ากันคนอื่นง่าย ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ เวลาจะดุนี่ อื้อหือ..
"สรุปคือหลังจากร้านเนื้อย่าง นายกับพ่อคนตัวสูงโน่นก็ไปค้างบ้านเด็กฝึก ฟื้นก็พากันเที่ยวต่อทั้งเสาร์ทั้งอาทิตย์ เลยเมาค้างตื่นสาย ก็เลยมาทำงานไม่ทัน" อี้ชิงพยักหน้าเบาๆพลางกล่าวสรุป
"พวกผมพยายามเต็มที่แล้วครับ" คราวนี้เป็นฝ่ายชานยอลที่ช่วยพูดบ้าง แต่นั่นไม่ได้ทำให้จงแดรู้สึกดีขึ้นแม้แต่นิดเดียว
"เหรอ~?" อี้ชิงครางตอบเหมือนคนเหม่อลอย
"ก็ไม่ได้อยากจะว่าอะไรหรอกถ้านี่ไม่ใช่ครั้งแรกน่ะนะ จงแด เดือนนี้นายตอกบัตรไม่ทัน 5 รอบ ชานยอล ฉันไปถามจากลู่หานมา" อี้ชิงเว้นช่วงไว้เล็กน้อยให้คนลุกเล่น
"12 รอบ รวมครั้งนี้อีกเป็น 13 เลขสวยพอดีเลย เนอะ~ คราวนี้ก็พานักศึกษาฝึกงานสายอีก"
"พวกจงอินไม่ผิดนะครับ พวกผมพาน้องสายเอง" เซฮุนช้อนตามองชานยอลที่ก้าวขึ้นมาบังพวกเขาไว้ข้างหลัง
จ้า พ่อพระเอก ถ้าไม่มีจงอินคุณพี่จะพูดงี้ป้ะครัช
"งั้น จะให้ฉันทำยังไงกับพวกเธอดีน้า~" อี้ชิงอมยิ้มละมุน ฉากหลังเหมือนมีเงาดำๆผุดขึ้นมาเป็นปีศาจมีเขาแหลมเปี๊ยว
"ลงโทษพวกผมให้สาแก่ใจเลยครับ" จงแดค้อมหัวลง ถ้าสังเกตุดีๆไหล่ผอมจัดดูเหมือนจะสั่นนิดๆด้วย
"เป็นไงบ้าง" เจ้าของใบหน้าเรียวที่รออยู่หน้าห้องหัวหน้าฝ่ายขายและการตลาดเอ่ยถามกลุ่มคนที่เพิ่ยงเดินออกมาจากห้อง
"โดนด่ายับเลยว่ะ" จงแดโผเข้ากอดเพื่อนหุ่นใกล้ๆกัน ซึ่งอีกฝ่ายก็ตบหลังเบาๆอย่างเข้าใจ
"หัวหน้าพวกนายน่ากลัวชิบหายเลย" ชานยอลกระซิบบอกคนที่ถูกกอดหน้าซีดๆ
"รู้แล้วใช่ไหมล่ะ ทำอี้ชิงฮยองของขึ้น สมควร อ่าว เฮ้ย นั่น?" แบคฮยอนร้องถามเด็กนักศึกษาพิวขาวจัดที่กำลังซุกไหล่เพื่อนสนิท จากที่มีเสียงสะอื้นลอดออกมา ดูเอาก็รู้ว่าร้องไห้
"ไม่เป็นไรครับ ไอ้นี่มันบ่อน้ำตาตื้น โดนดุนิดเดียวก็ไปแล้ว" จงอินตอบด้วยสีหน้าง่วงๆ
"น่าสงสารจัง มานี่มะ ให้พี่กอดปลอบ" ว่าจบร่างสูงโปร่งของชานยอลก็ถลาเข้าไปหาเด็กฝึกงานทั้งสอง ท่ามกลางสายตาหยามเหยียดของเพื่อน
กอดปลอบเซฮุนแล้วคุณมึงจะกอดจงอินด้วยทำแป๊ะอะไรครับ
“ชานยอล คืนตังค์กูมาได้แล้ว” แบคฮยอนเดินเข้าไปทุบหลังเพื่อนตัวสูงอั้กๆที่เมื่อวานมายืมเงินไปร่อนผับตั้งแต่เที่ยง จนตอนนี้ก็ยังไม่คืน ไม่ได้งกแต่มันสัญญาว่าจะคือ ลูกผู้ชายตัวจริงสัญญาต้องเป็นสัญญา
“ยังไม่มีว่ะ”
“ไอ้ชาน!!”
“อ๊ะ แบคฮยอน อยู่นี่พอดี มีเรื่องด่วนจะต้องปรึกษาเข้ามาหน่อยสิ” อี้ชิงโผล่หน้าออกมาจากประตูห้องหัวหน้าฝ่าย ก่อนจะกลับเข้าไปโดยแง้มประตูไว้เป็นเชิงว่ารีบๆเข้ามาซะ ถึงจะอึดอัดอยากตะโกนด่าเพื่อนตัวสูงขนาดไหนก็ทำได้แค่ฮึดฮัดเงียบๆแล้วเดินเข้าห้องของอี้ชิงไป
“ป่ะ ก่อนไอ้หมาเตี้ยจะออกมา” ชานยอลยิ้มอย่างชั่วร้ายปนสนุกสนาน ลากเด็กฝึกงานทั้งสองคนลงลิฟท์ไป
เมื่อทั้งสามมาถึงชั้น 12 กลับพบว่าภายใจแผนกดูมีอะไรแปลกตาจากเดิมขึ้น
ทุกคนในฝ่ายบัญชีลุกขึ้นยืนตามมารยาท พลางตั้งใจฟังคำแนะนำตัวอย่างสนใจ ชายร่างสูง ผิวคล้ำดูดีในชุดเสื้อเชิ้ตสีฟฟ้าอ่อนกับกางเกงทรงกระบอกสีดำกำลังยืนยิ้มก้มหัวปะหลกๆให้ทุกคน หลังจากหัวหน้าฝ่ายอย่างลู่หานพาไปยังโต๊ะประจำตำแหน่งก่อนจะหมุนตัวกลับขึ้นลิฟท์ไปห้องทำงานตัวเองเหมือนเดิม พนักงานกินเงินเดือนทั้งหลายก็กรูกันเข้ามาล้อม พนักงานใหม่ กันอย่างสนอกสนใจก็เริ่มเริ่มแนะนำตัวกันเอะอะมะเทิ่ง เสียเวลากันจนกระทั่งจนจางอี้ชิงซึ่งพึ่งลงลิฟท์มาพอดีแผ่รังสีอำมหิตใส่จนกลับเข้าโต๊ะทำงานกันอย่างเรียบร้อยได้
“คยองซู? ” พนักงานการบัญชีภาษีคนใหม่เอียงคอด้วยความประหลาดใจสักพักก่อนจะเดินเข้าไปหาอย่างร่าเริง
"
“อื้ม บังเอิญจังเลยเนอะ” คนไหล่เล็กเงยหน้ามองคนคุ้นหน้าที่ยืนค้ำหัวอยู่
“จื่อเทากับคยองซูรู้จักกันด้วยเหรอ?” ชานยอลหมุนเก้าอี้กลับมาอย่างแปลกใจ
“ก็..ไม่เชิงหรอก” คนไหล่เล็กหลุบตาลงต่ำเหมือนทำอะไรไม่ถูก แต่พนักงานใหม่กลับตอบอย่างไม่ยี่ระ
“อยู่โรงเรียนเดียวกันสมัยเรียนอาชีวะน่ะครับ แล้วก็เคยเป็นแฟนกัน แฮะๆ” ชานยอลตาเหลือกอ้าปากค้างใส่ทั้งคู่
อย่าให้ไอ้แบครู้เชียว
“ไอ้โย่งหูกาง คือเงินกูมาซะดีๆ” ชานยอลหันไปตาเหลือกใส่เพื่อนเตี้ยที่มาได้ถูกจังหวะสมกับเป็นฟิค พยอนแบคฮยอนตัวเป็นๆกำลังเดินมายังพวกเขาด้วยท่าทางมั่นใจตามปกติ แต่ก็ต้องสะดุดเล็กน้อยกับคนไม่คุ้นหน้าคุ้นตา กำลังยืนค้ำหัวโดคยองซู อ่านบรรยากาศก็แลดูมีซัมติงจนจนรู้สึกอยู่ไม่สุก ไม่ถูกชะตาด้วยอย่างแรง
“ใคร?” แบคฮยอนยืนจังก้า เงยหน้าถามชนิดชวนทะเลาะสุดอะไรสุดจนเพื่อนตัวสูงต้องได้มาลากคอกลับมายืนดีๆ
“หวางจื่อเทาครับ เป็นพนักงานการบัญชีภาษีคนใหม่ ยินดีที่ได้รู้จักครับ” จื่อเทาค้อมหัวให้อย่างนอบน้อมโดยไม่ทันรู้สึกถึงรังสีมาคุแปลกๆจากแบคฮยอนเลยซักนิด ชานยอลเหยียบเท้าเพื่อนเตี้ยไปทีนึง จึงยอมทักทายกลับ
“เออๆ พยอนแบคฮยอน ฝ่ายขาย” จื่อเทาพยักหน้ารับทีนึงแล้วส่งยิ้มเหมือนเด็กน้อยให้ ก่อนจะหันกลับไปคุยกับคยองซูเหมือนเดิม
“ไอ้โย่งหูกาง ไอ้เด็กดำนั่นใคร?” เสียงเข้มลอดผ่านไรฟันอย่างเบาที่สุด นิ้วเรียวสวยบรรจง(?) จิกหัวเพื่อนตัวสูงให้ลงมานั่งเก้าอี้ดีเพื่อที่จะเค้นคอได้สะดวก
“ก็แบบว่า…ยังไงดีว้า~” ชานยอลกลอกตาหลุดหลิกพยายามพาตัวช่วย ไอ้เพื่อนร่วมงานวันนี้ก็ตั้งใจทำงานกันจัง ไม่มีใครคิดจะอู้มาดวลคุกกี้รันกันเหมือนปกติบ้างเลยรึไง
“คยองซูมีแฟนยังอ่ะ?”
“ยังหรอก”
“เออ ดีเลย เพราะผมก็ยังไม่มีแฟน”
ประโยคสนทนานรกแตกจากด้านหลังทำให้แบคฮยอนกำมือแน่น จนเพื่อนตัวสูงที่นั่งเก้าอี้อยู่เริ่มหน้าซีด
“นายรู้จักไอ้เตี้ยตาเหลือกนี่ได้ไง” อย่างที่ชานยอลกลัว เพื่อนตัวเล็กผละออกจากตรงหน้าเขาอย่างหงุดหงิด ปั้นสีหน้าเรียบเฉยเข้าไปร่วมวงสนทนาทันที
“เคยเป็นแฟนกันครับ” จื่อเทาตอบอย่างใสซื่อ ไม่ปนการจิกกัดเหน็บแหนมอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงยังแค่คำตอบก็เพียงพอจะทำเอาแบคฮยอนสะอึกในใจ
“เหรอ..อย่างคยองซูก็มีคนยอมมาเป็นแฟนด้วยเหรอ แสดงว่าชอบของแปลกสินะ” คยองซูซึ่งนั่งอยู่หน้าตึง แต่ยังไม่ทันจะได้สวนอะไรกลับไปอย่างที่ต้องการ จื่อเทาก็พูดขึ้นมาซะก่อน
“ก็เปล่านะครับ สมัยเรียนคยองซูป๊อบจะตาย ทั้งชายทั้งหญิงวิ่งมาสารภาพรักเอยให้ของขวัญเอยอย่างต่ำวันละครั้ง ตอนเป็นแฟนกันนี่ผมหึงจนได้เรื่องประจำเลยแหละ” หนุ่มผิวแทนหัวเราะแหะๆอย่างใสซื่อ ใสจริงๆ จนชานยอลอยากจะลากออกมาจากวงพวกปากไม่ตรงกับใจ
“นายชอบคนแบบนี้เหรอ?” แบคฮยอนกัดฟันแน่นจิกตาใส่คยองซูอย่างคาดโทษ เพราะดูไอ้เด็กใสซื่อแต่กวนประสาทนี่ถ้าไม่ติดว่าตัวสูงก็เด็กน้อยดีๆ ดูไม่น่าจะดูแลปกป้องคยองซูได้เลยซักนิด
“มันก็เรื่องของฉัน” คนไหล่แคบจ้องตากลับอย่างเอาเรื่อง
“เอ้า! ตรงนั้นน่ะ ยังไม่พาเด็กใหม่ทำงานอีกเหรอ เอาแต่คุยอยู่นั่นแหละ เดี๋ยวปั๊ดไม่ยื่นเรื่องเรื่องเพิ่มโบนัสให้เลยนี่” ลู่หานที่ลงมาตรวจตราความเรียบร้อยเรื่อยๆ(อู้) ชี้มาทางพวกเขา
เออ ฝากไว้ก่อน แบคฮยอนส่งสารท้าทายทางสายตาไล่หลังจื่อเทาที่เดินกลับโต๊ะตามคำสั่งของลู่หาน ก่อนจะโดนลู่หานเดินกลับมามะเหงกใส่ทีนึง
“กลับไปทำงานได้แล้ว นายมาอู้อยู่แถวนี้เดี๋ยวอี้ชิงก็เล่นฉันตาย”
แบคฮยอนพยักหน้าทีนึงแล้วเอี้ยวตัวเพื่อนเดินกลับไปยังอีกฝากของชั้น ในหัวเต็มไปด้วยแผนการสีดำมืดเป็นร้อยๆด้วยความคิดสร้างสรรค์ที่ขุดออกมาอย่างเต็มศักยภาพของฝ่ายขาย ชานยอลที่สังเกตเห็นจึงต้องอาศัยจังหวะลู่หานเดินไปที่อื่นพิมพ์ไลน์ไปหาอย่างรวดเร็ว เพราะเห็นแก่ความใสซื่อของจื่อเทาที่ดูจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถูกแบคฮยอนตราหน้าเป็นศัตรูเรียบร้อย
‘นายอย่าทำอะไรแผลงๆนะเว้ย ให้ฉันจัดการเอง’
‘มึงอย่ามาขัดกู’
‘เหอะน่า ถือว่ากูขอ กูมีวิธีที่ดีกว่าแน่ๆ แบบได้ประโยชน์กันทุกฝ่าย’
แบคฮยอนตอบช้าไปสักพักเหมือนกำลังคิด
‘แน่ใจ?’
‘เออ แน่’
‘งั้นก็ได้ ถ้าไม่ได้ผลขึ้นมากูลงไปเล่นเองแน่’
ชานยอลยิ้มอย่างมั่นใจกับตัวเอง ก่อนจะเก็บโทรศัพท์มือถือราคาแพงใส่กระเป๋ากางเกง
“ฉันไปหาจงอินแป๊บนึงนะเดียวมา” คยองซูหันมาพยักหน้าให้ก่อนจะพิมพ์งานต่อ
แต่แทนที่จะตรงไปโต๊ะของเด็กฝึกงานอย่างที่ปากว่า ชานยอลกลับเดินเข้าไปหาจื่อเทาที่เพื่อนร่วมงานอีกคนกำลังสอนงานให้แทน
“ทงเฮฮยอง ขอเวลาแป๊บนึงนะครับ” ตามประสาคนใจดี ทงเฮพยักหน้าให้ยิ้มๆ ชานยอลจึงเข้าไปกระซิบกับจื่อเทา
“นายว่านายยังไม่มีแฟนใช่มะ”
“ครับ ฮยองถามทำมะ…”
“นายยังชอบคยองซูอยู่เหรอ?” จื่อเทาขมวดคิ้วใส่ชานยอล
“ก็ไม่นี่ครับ เราสองคนจบกันไปตั้งนานแล้ว”
“โอเค ขอบใจ ทงเฮฮยอง ต่อเลยครับ” ชานยอลบอกลาจื่อเทาที่ทำหน้างงๆ แต่ได้ไม่นานก็ต้องกลับไปเรียนงานต่อ
“อ้าว ชานยอลฮยอง หวัดดีครับ”
“มึงไม่ต้องเล่นเลยเซฮุน รีบทำให้เสร็จแผ่นนั้นให้เสร็จ”
“รีบอะไรนักหนาของมึงวะจงอิน ชานยอลฮยองอยู่ข้างหลังมึงอ่ะ คิดถึงไม่ใช่เหรอ” เซฮุนหน้างอหันกลับไปพิมพ์งานใส่แล็ปท็อปรุ่นมหาดึกดำบรรพ์ที่ทางบริษัทมีไว้ให้เบิกไปทำงาน
“เฮอะ กูไม่เชื่อ ไอ้หมอนั่นกำลังเต๊าะเด็กใหม่เพลินเลยมั้ง ไม่มาสนกูหรอก” จงอินบ่นปนน้อยใจปานกลางถึงมาก ขณะเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ เซฮุนฮุนจึงเหลือบตามองชานยอลที่ยืนค้ำหัวจงอินอยู่ข้างหลังจริง
“จงอินหวงฮยองเหรอ ดีใจจัง” คนผิวแทนสะดุ้งสุดตัวเหมือนแมวโดนราดน้ำ หันหน้ากลับไปก็พบชานยอลที่ยืนยิ้มแป้นอยู่
“เปล่านะ!..ไม่ใช่..” จงอินหน้าแดงหูแดง แก้ตัวละล่ำละลักจนฟังไม่เป็นคำ ชานยอลที่ถึงแม้ว่าจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่เพื่อไม่ให้เด็กระเบิดตัวเองตายจึงลากเก้าอี้เปล่าๆมานั่งลงข้างจงอิน แขนแกร่งเอื้อมไปโอบบ่าของจงอินไว้ ก่อนจะเลื่อนมือไปลูบหัวทุยเบาๆ ให้ใจเย็นลง ซึ่งก็ได้ผล จงอินเริ่มกลับมาปั้นหน้าเย็นชาได้เหมือนเดิม แต่พวงแก้มยังคงขึ้นสีระเรื่ออยู่เหมือนเดิม
ชานยอลหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกางเกงพลางเลื่อนเบอร์เพื่อต่อสาย
“ตอนแรกว่าจะเอาเซฮุน แต่แสบอย่างนายจื่อเทาคงเอาไม่อยู่” เมื่อได้เบอร์ที่ต้องการจึงกดโทรออกแล้วเอาแนบหู
“ฮยองพูดเรื่องอะไรอ่ะ” คนที่ถูกพาดพิงยืดตัวเพื่อมองผ่านแล็ปท็อปสีดำ
รอสายอยู่ไม่นาน อีกฝ่ายก็กดรับ
“โหล ฮยอง”
‘เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้ กรุณาติดต่อใหม่อีกครั้งค่ะ เดอะนัมเบอร์ยูฮาฟดาฟ อิดดะเบเบิ้ลอะดิสทาม’
“อย่าตอแหลดิ๊ฮยอง”
‘อยากกินตีนฮยองไหมครับ?’
“ฮยองๆ น้องคริสตัลที่ฮยองคบอยู่อ่ะ ยังคบกันอยู่ป้ะ”
“โถ เขาทิ้งฮยองไปคบกับทอมแล้วครับ พูดถึงนี่ยังจี๊ดอยู่เลยเนี่ย จี๊ด”
“เออ ดีเลยฮยอง มีเรื่องให้ช่วย”
“ถ้าเรื่องเงินฮยองวางนะครับ”
“ไม่ใช่เรื่องนั้นโว้ย” -0-
“เออ งั้นว่ามา”
“คือผมอยากให้ฮยองลงมาจีบเด็กคนนึง”
talking time 40%
fav. จะแตะ 30 แล้ว ขอบคุณนะคะ
วันเสาร์อาทิตย์ไม่มีเวลาปั่น คือเฉียนปั่นวันต่อวันแล้วลงเลย
ไม่งั้นปั่นไม่ออก ไม่รู้เป็นโรคอะไรเหมือนกัน TT
ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ
talking time 100%
ตัวละครใหม่โผล่มาแล้วค่า เมนเค้าเองแหละ~ <3
เดี๋ยวก็โผล่มาเพิ่มอีก คึๆๆ
เแต่งไปแต่งมาชานไคนี่แย่งซีนแบคโด้มากเลยนะเนี่ย 555555
ขอบคุณทุกคอมเมนต์และการติดตามนะคะ จะ 40 fav.
นี่บ่องตง น้ำตาจะไหลค่ะ TT
ความคิดเห็น