ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SF OS by lumgaemj

    ลำดับตอนที่ #1 : 1 ---- Cold

    • อัปเดตล่าสุด 27 ม.ค. 59


    Cold

     

     

     

    ‘70ล้าน!

    ‘80ล้าน!

    90ล้าน!’

     

    เสียงแซ่งแซ่ดังแข่งกันระงมในงานที่มีผู้คนมากหน้าหลายตาไม่ว่าจะเป็นทั้งหญิงทั้งชายที่แย่งคนบนเวทีนั้นโดยไม่นึกถึงความเหม็นคาว รากราคะในนี้แม้แต่น้อยขอแค่ชนะการประมูลเพียงเท่านั้นและนำสิ่งของไปปรนเปรอแค่นั้นจริงๆสำหรับผู้ที่เดินเข้ามาในงานนี้  งานประมูล





     

    “มีใครท่านใดในนี้จะประมูลเพิ่มมั้ยครับ” พิธีกรชายเอ่ยเปล่งเสียงผ่านไมค์เพื่อเป็นเชิงถามแขกเรื่อในงานประมูลแห่งนี้ที่มีการประมูลสินค้าไม่ว่าจะเป็น สิ่งของหายากหรือแม้มนุษย์ใช่ และผู้ที่อยู่บนงานประมูลแห่งนี้เป็นเด็กผู้ชายที่ถูกเปลื้องผ้าจนหมดแต่ที่น่าแปลกรายได้ในการประมูลกับพุ่งชะรูดทั้งที่ผู้ถูกประมูลเป็นผู้ชายแท้ๆแต่เรื่องนั้นคงไม่น่าใช่เรื่องสงสัยต่อไปหากผู้ประมูลนั้นจะมีรสนิยมเป็นเพศที่สามและรุ่นป้าที่ชอบเด็กๆแบบนั้นไปเลี้ยงดู






    เมื่อไม่มีเสียงตอบรับพิธีกรชายจึงเคาะเสียงเป็นการสรุปชัยชนะให้กับคนประมูลแค่เพียงง้างไม้จะเคาะเพียงเท่านั้นเสียงประตูบานใหญ่ก็ถูกผู้ชายร่างสูงใหญ่ผลักประตูเข้ามา






    “100ล้าน!”






    พร้อมชายร่างสูงที่ผลักประตูย่างสามขุมเข้ามาเดินขึ้นไปบนเวทีกับกระเป๋าหนึ่งพร้อมเปิดเทเงินสดจำนวนร้อยล้านบาทเสียงทุ้มเย็นเอ่ยขึ้นทันทีกับการกระชากเด็กบนเวทีไปอย่างไม่แยแสผู้คนในงานที่หันมามองอย่างสนอกสนใจ ชายผู้คนนี้นะหรือที่สนใจงานประมูลเช่นนี้น่าแปลกจริงๆ ปาร์ค ชานยอล

     

     
     

    ร่างบางที่ถูกผู้คนในงานประมูลกำลังนอนซมขยับตัวไปมาบนเตียงเพื่อความสะดวกกับร่างกายของตนเขารู้สึกว่าเตียงไม่คุ้นเคยสักเท่าไรมันหนุ่มเกินกว่าเตียงที่ห้องเช่าเขาซะอีกคิดได้ดังนั้นเจ้าของร่างจึงเปิดเปลือกตาขึ้นช้าๆเพื่อสำรวจความรู้สึกผิดแปลก






    “ตื่นแล้วรึไงหืม”ปาร์คชานยอลเดินเปิดประตูเข้ามาหาเจ้าของร่างที่นอนซมโดนฤทธิ์ยาพร้อมกับแม่บ้านที่ยกข้าวต้มมาพร้อมๆกัน






    “ที่นี้” คิมจงอินทำหน้างงก่อนจะเอามือไปกุมศรีษะเพราะเขายังปวดหนึบอยู่นิดหน่อยกับฤทธิ์ยาที่พึ่งโดนมา






    “บ้านของฉัน ทำไมกลัวรึไง” ชานยอลเขยิบเข้าไปใกล้จงอินมากขึ้นและนั่งอยู่ปลายเตียงถามไถ่อาการปวดหัวของจงอินได้นิดหน่อย จงอินก็เกิดอาการเกร็งอยากจะลุกออกไปจากที่นี้แต่ก็นั้นแหละฤทธิ์ยาแผลงฤทธิ์ได้ทุกขั้นตอนจริงๆ จงอินจะลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำเพื่อให้หายอึดอัดจากการคุยกับคนแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จัก แต่แค่ลุกขึ้นร่างหายของเขาก็โงนเงนไปมาก่อนจะล้มลงในที่สุดแย่จริงๆ






    ชานยอลปรี่เข้าไปหาก่อนจะพยุงจงอินลุกขึ้นมานั่งที่เตียงดังเดิม “จะไปไหน” เสียงทุ้มเย็นถามจงอินเชิงกดไหล่จงอินให้นั่งที่เดิม ดื้อเสียจริงๆนี่คือสิ่งที่ดังเข้ามาในหัวชานยอลตอนนี้






    “ผมแค่จะไปเข้าห้องน้ำ”  จงอินตอบก่อนจะก้มหน้างุดๆลงที่เดิมแย่จริงๆเลยร่างกายนี้จะมาสำออยอะไรตอนนี้นะ ตากฝนทำงานเป็นวันไม่เป็นอะไรแค่โดนฤทธิ์ยาแค่นี้ทำเป็นปวกเปียกแย่ แย่มาก





    “บอกฉันก็ได้นี่จงอิน” ชานยอลเอ่ยพร้อมมองหน้าจงอินที่ก้มหน้างุดตอนนี้เขาอยากจะเห็นจงอินตอนนี้จริงๆว่าจะตลกแค่ไหนแค่เขาเอ่ยถามแค่นี้ทำตัวหงอขนาดนี้เชียว






    จงอินไม่ได้ตอบอะไรแต่ก็ไม่ได้ขยับไปไหนชานยอลคงคิดว่าจงอินอึดอัดก็เลยจะเดินออกไปให้จงอินพักผ่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยเริ่มคุยกันใหม่ ชานยอลขยับก้าวขาได้ก้าวเดียวก็ถูกแรงกระตุกจากเสื้อด้านหลัง






    “ข..ขอบคุณครับ ขอบคุณที่ช่วยผมทั้งๆที่เราพึ่งเจอกันครั้งแรกแต่คุณกลับช่วยเหลือผมและไม่ทำร้ายผมแบบคนพวกนั้น” นี่กระมังคงเป็นประโยคที่ยาวที่สุดตั้งแต่คุยกันมาแต่ก็แค่นั้นแหละจงอินก็กลับไปนอนบนเตียงดังเดิม

     

     

     

     

    “อืม พักผ่อนไปเถอะแล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยคุยกันนะจงอิน” ชานยอลลอบยิ้มบางเบาทั้งที่หันหลังอยู่แบบนั้นก่อนจะหันมาลูบหัวจงอินแล้วจึงเดินออกไปให้จงอินได้พักผ่อนอย่างที่ใจคิดตั้งแต่แรก






    “อันตราย” จงอินพูดเสียงแผ่วกับตัวเองนั้นสิอันตรายจริงๆอันตรายกับหัวใจเขาเนี่ยไงแค่ประโยคสองสามประโยคพร้อมกับท่าลูบหัวเขาเบาๆแบบนั้นมันทำให้เขารู้สึกดี คงเป็นเพราะเขาอยู่กับญาติที่เป็นผู้ชายด้วยกระมังเขาต้องดูแลตัวเองทำงานทุกอย่างตั้งแต่สิ่งที่ผู้ชายอย่างเขาไม่น่าทำได้จนถึงทำงานนอกบ้านนั้นแหละแต่เดี๋ยวนะ ก่อนที่เขาจะถูกจับมาที่งานประมูลนั้น ญาติ .. ญาติของเขาเดินมาคุยกับเขาที่หน้าร้านสะดวกซื้อนั้นก่อนจะที่เขาจะถูกจับขึ้นรถติดฟิล์มดำนั้น จงอินไม่ปล่อยให้ความสงสัยหลุดลอยไปเขาเดินไปเปิดประตูเดินสะเปะสะปะไปในบ้านหลังนั้นที่ใหญ่อย่างกับวัง หาตัวผู้ชายคนนั้นที่ช่วยเหลือเขาไว้แต่ก็ต้องเดินวนอยู่ในที่นั้นเกือบจะสามรอบก็ยังไม่เจอ ห้องที่เยอะบวกกับบ้านที่กว้างใหญ่สำหรับคนที่มาครั้งแรกคงจะลำบากสำหรับการตามหาห้องของปาร์ค ชานยอลละนะ






    “คุณครับต้องการอะไรหรือเปล่าครับ” ชายชุดดำร่างสูงถามจงอินที่ยืนหน้าห้องตัวเองที่เดินวนเป็นรอบสามเขาลอบมองการเดินของจงอินนานแล้วละแต่คิดว่าคงจะเจอแต่ก็ไม่เจอ ทำให้เขาต้องมายืนตรงนี้ถามคนผิวสีแทนนี่ไง






    “เอ่อ .. คือคนที่ช่วยผม คนๆนั้นน่ะคนที่ตัวสูงๆผิวขาวน่ะครับ เขา.. เอ่อเขาอยู่ที่ไหนครับคือผมอยากพบเขา”จงอินพูดกระตุกคำไปมาเพราะจงอินเกร็งละมั้งที่เข้ามาที่นี้ครั้งแรกและบ้านที่ใหญ่โตขนาดนี้ใครไม่หลงอย่างเขาไม่เข้าใจหรอก






    “คุณปาร์คชานยอลน่ะเหรอครับ” ชายชุดดำพยักหน้าเข้าก่อนจะผายมือไปเดินหน้าให้จงอินเดินนำหน้าไปเพียงแค่ผ่านไปสองประตูเท่านั้นก็ถึงห้องของปาร์คชานยอล จงอินทำหน้าแหยๆกับตัวเองก็เขาน่ะสิเดินวนหาตั้งสามรอบถ้าเขาถามคนในบ้านก็คงไม่ต้องเดินตามหาให้เมื่อยแบบนี้ ชายชุดดำเคาะประตูอยู่สองสามทีก็มีเสียงทุ้มเย็นเอ่ยขึ้นมาเขาจำได้เสียงนี้ยังไงละที่ช่วยชีวิตเขาไว้พร้อมกับประโยคนั้นห้องนั้นเขาจำได้เป็นอย่างดีเลยละ






    “เชิญครับ” ชายชุดดำบิดลูกบิดประตูก่อนจะเอ่ยให้จงอินเข้าไปในห้องนั้น จงอินโค้งขอบคุณอยู่ไม่นานก็เดินเข้าไปก็พบกับชานยอลที่นั่งอ่านเอกสารอยู่บนโต๊ะทำงานเห็นแบบนั้นจงอินไม่อยากถามแล้วละไม่อยากสงสัยแล้วน่ากลัวเกินจะสงสัยตอนนี้ ณ วินาทีจริงๆ จงอินจึงตัดสินใจหันหลังเดินออกไปแค่ก้าวเดียวชานยอลจึงเอ่ยถามให้จงอินได้ชะงัก







    “เข้ามามีอะไรแต่ถ้าไม่สำคัญ ก็ออกไปซะ” ชานยอลเงยหน้าจากกองเอกสารที่ทำให้เขาเคร่งเครียดมาทั้งวันแต่จงอินเขามาตอนนี้ก็ดีเขาจะได้พักผ่อนคุยกับคนตัวเล็กนี้บ้าง จงอินไม่ได้ตัวเล็กขนาดนั้นหรอกแต่เทียบกับส่วนสูงเขาแล้วน่ะคนนี้ ไกลกว่าจะตัวใหญ่สำหรับเขาน่ะ






    “อ่า .. ผมแค่จะถามเรื่องญาติของผม ข.. เขาอยู่ที่ไหนเหรอครับคุณรู้มั้ย ผมเป็น ห..” จงอินแผ่วเสียงลงจนเงียบไปก็คนที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานน่ะสิจงใจมองหน้าเขาเหมือนจะไม่อยากได้ยินคำถามนี้คำถามที่ไม่ควรถามในเวลานี้จงอินจึงก้มหน้าชิดคออีกครั้ง

     




     

    อึดอัด








    “ถามก็ดีจะได้ไม่ต้องคุยอะไรกันให้มากมาย ฉันก็พูดตรงๆแล้วกันนะจงอิน ญาติของนายน่ะชื่ออะไรนะ อ๋อ ยุนแจจิน ใช่ไหมหืม” ชานยอลครางเสียงต่ำเพื่อเป็นเชิงประโยคถามให้จงอินจะตอบแต่ไม่ใช่หรอกเขาถามให้จงอินนั่งฟังเขาเสียมากกว่า







    “หมอนั้นติดหนี้ฉัน 3ล้านก่อนจะเชิดเงินหนีไป เจ้าหมอนั้นมันมือสมัครเล่นเขามาเล่นในบ่อนนี้คิดว่าจะรวยชั่วข้ามคืนหรือไงไม่มีทาง มันถึงได้โดนคนในบ่อนหลอกให้ไงละ ก็ตามนั้นไม่มีเงินมาจ่ายหนีไปก็เลย....” ชานยอลหยุดคำพูดแค่นั้นก่อนจะเดินเขาไปหาร่างบางที่ตอนนี้คงก้มหน้าชิดคอเขากระซิบข้างๆหูจงอิน “เลยขายนายให้ฉันไงคิม จงอิน” เน้นคำหนักที่ชื่อของจงอินแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อจงอินก็ตวาดขึ้นมาเสียงดังลั่น






    “ไม่จริงหรอก คุณอย่ามาโกหกผมญาติผมจะขายผมให้คุณได้ยังไงในเมื่อผมพึ่งคุยกับเขาเมื่อตอนบ่ายนี้เอง เขาบอกเขาจะช่วยเหลือผม ไม่มีทางไม่มีทางซะหรอกเขาเป็นญาติคนเดียวที่ผมเหลืออยู่อย่า .. คุณอย่าพูดจาเพ้อเจ้อนะ!” จงอินตวาดลั่นอย่างลืมตัวเขาลืมหมดลืมทุกอย่างที่ผู้ชายคนนี้ที่เขาคิดว่าดีว่าช่วยเหลือเขาที่ไหนได้ก็เหมือนไอ้พวกสวะพวกนั้น







    ชานยอลที่ได้ยินจงอินตวาดก็ไม่ได้ที่โทษโกรธอะไรจงอินคงจะไว้ใจยุนแจจินจริงๆสินะ ก็ญาติคนเดียวที่เหลืออยู่คงอยากจะปกป้องญาติตัวเองโธ่เด็กน้อยหารู้มั้ย ถ้ามันจริงใจกับเธอจริงมันจะขายเธอให้ฉันทำไมละจงอิน







    “คิดตามฉันนะจงอิน ยุนแจจินญาติที่นายออกโรงปกป้องมันอยู่ มันขายนายให้ฉันแล้วนายยังจะปกป้องมันอีกหรือคิดดูแล้วกัน” ชานยอลลูบผมจงอินช้าๆเพื่อปลอบประโลมจงอิน จริงๆแล้วเขาไม่จำเป็นต้องช่วยเหลือจงอินและเขาก็ไม่จำเป็นต้องปล่อยยุนแจจินหนีไปพร้อมเชิดเงินสามล้านไปอย่างง่ายดายเงินประมูลร้อยล้านกับเงิน3ล้านมันเทียบกันไม่ได้เขาก็ไม่ได้คิดเอาจงอินมาปู่ยี่ปู่ย่ำอะไร แค่นึกถึงครั้งหนึ่งที่จงอินเคยช่วยเขาไว้แม้เจ้าของร่างที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาจะจำไม่ได้สักนิดก็เถอะ







    “ผมจะไปตามเขา” จงอินเอ่ยจากที่เงียบไปนานไม่ได้เขาปล่อยยุนแจจินเพียงลำพังไม่ได้หรอกยุนแจจินคือญาติคนเดียวที่เหลืออยู่ขอร้องละอย่าให้ผู้ชายคนนี้ใจร้ายกับจงอินคนนี้นักเลยนะ






    “หืม? ไปตาม มันขายนายให้ฉันนะจงอินยังจะไปตามอีกหรือไง เอาเถอะฉันพูดอะไรไปนายคงไม่เข้าใจหรอกงั้นเอาเอกสารนี้ไปอ่าน แล้วหยุดความคิดจะไปตามนั้นซะหยุดคิดหยุดพร่ำ!” นี้คงเป็นครั้งแรกที่ชานยอลทำท่าทีไม่ดีใส่ ชานยอลโยนเอกสารในซองสีน้ำตาลให้จงอินได้อ่านแต่นั้นแหละเขาไม่ได้อยากได้ทำท่าทีเลวร้ายแบบนั้นเขาแค่อยากให้จงอินนึกถึงตัวเองบ้างอย่านึกถึงคนอื่นมากนักเลยแล้วตัวเองก็ต้องมาตกระกำลำบากนะหรือมันใช่รึไงชานยอลว่ามันไม่ใช่ขอให้จงอินเชื่อเอกสารในซองนั้นและเชื่อคำพูดของปาร์ค ชานยอลบ้างเถอะนะขอคาดหวังได้ไหม







    จงอินกรอกตาไปมากับเอกสารไม่มีทางหรอกแจจินเป็นคนดีนะเขาจำลายมือแจจินได้แต่ไม่เชื่อแจจินไม่หักหลังเขาไม่ทำร้ายเขาหรอกใช่ไหม






    “ผมไม่เชื่อคุณ” จงอินพูดกระแทกใส่หน้าชานยอลก่อนจะเดินเปิดประตูออกไป







    ตอนนี้แหละที่อารมณ์ของชานยอลขาดผึ่งนี่สินะไม่คาดหวังก็จะไม่เสียใจแต่เขาคาดหวังยังไงละคาดหวังให้จงอินเชื่อเขาแต่จงอินกลับเดินหนีความหวังดีของเขาบ้า บ้าที่สุด






    ชานยอลเดินเข้าไปกระชากแขนจงอินอย่างแรงทำให้จงอินที่ยังไม่ได้ทานข้าวทานน้ำทำให้ตัวเองอ่อนแรงกว่าปกติชนเข้ากับร่างชานยอล







    เจ็บ








    จงอินดิ้นสุดแรงมันจะเทียบอะไรได้กับชานยอลที่แข็งแรงขนาดนี้ละ




    “หยุดดิ้น! อย่าดื้อนักได้ไหมจงอินมันขายนายให้ฉันจะโกหกตัวเองไปทำไม!!” ชานยอลว้ากใส่จงอินที่อารมณ์ของเดือดดาลขั้นสุดลูกน้องที่เดินผ่านไปมาก็ไม่สามารถช่วยเหลือจงอินได้ก็แค่เดินผ่านตรวจตราภายในบ้านที่เจ้านายกับเด็กที่ชื่อจงอินอะไรนั้นยืนถกเถียงกันอยู่หน้าห้อง






    “ผมเป็นห่วงเขาแจจินคือญาติคนเดียวที่ผมไว้ใจได้ขอร้องนะครับ ขอร้อง” แรงพูดกับเสียงสะอื้นนั้นปนกันมั่วไปหมดจงอินร้องไห้พระเจ้าให้ตายเถอะชานยอลทำเรื่องเลวร้ายลงไป







    “นายพูดมาได้ยังไงว่ามันไว้ใจได้หืมจงอินบอกฉันที บอกปาร์คชานยอลคนนี้ที” ชานยอลพูดเสียงธรรมดาจนถึงขั้นเบาถึงเขาจะโมโหที่จงอินดื้อด้านขนาดไหนแต่เขาคงทนเห็นร่างเล็กที่อยู่ในอ้อมกอดตอนนี้ร้องไห้ไม่ได้จริงๆให้ตายสิปาร์คชานยอลคนนี้หลงรักจงอินเข้าให้ซะแล้ว







    “ไม่รู้ผมไม่รู้หรอกแจจินเป็นญาติคนเดียวที่เหลือ” จงอินพูดก่อนจะทรุดลงไปเสียใจนี่คงเป็นคำตอบเดียวในหัวจงอินโดนหักหลังจากญาติที่ตัวเองไว้ใจแย่ชะมัด







    “เอาเถอะนายคงเข้าใจแล้วก็ไปนอนพักซะร่างกายนายจะแย่เอานะจงอิน ขอร้อง” ชานยอลอยากให้จงอินพักเขาพูดคำว่าขอร้องกับจงอินเท่าไรแล้วนะขอสักครั้งเถอะพระเจ้าให้จงอินเชื่อเขาสักที







    “ครับ”นั้นคงเป็นคำพูดสุดท้ายระหว่างเขาและจงอินก่อนที่ชานยอลจะพาจงอินเดินเข้าห้องนอนของชานยอลเองใช่เขาไม่อยากให้จงอินไปนอนคนเดียวก็จะคิดมากพาลนอนไม่หลับขึ้นมากันทั้งคู่ขอได้นั่งนอนดูจงอินอยู่ในสายตาแค่นั้นชานยอลก็เพียงพอใจ จนจงอินพล่อยหลับเพราะความเหนื่อยชานยอลถึงจะยอมหลับตาม

     



     

    ปวดหัว


    สิ่งแรกที่จงอินตื่นขึ้นมาเขาไม่เห็นอะไรในห้องนี้นอกจากความเงียบ จงอินเดินกุมศรีษะเดินไปเรื่อยตามทางเดินเขาจำได้เมื่อวานเขาทะเลาะกับผู้ชายคนนั้น อะไรนะชานยอล ปาร์คชานยอล






    “ชานยอล” จงอินพูดเสียงแผ่วกับตัวเองเขาแค่จะเตือนความจำตัวเองเท่านั้นไม่ได้อยากจะเรียกอะไรทั้งนั้น







    “เรียกฉันหรือไงจงอิน” ชานยอลเดินผ่านพอดีเขาจะเดินเข้าไปดูร่างบางพอดีแต่เห็นเดินมาแถวนี้เลยจะเรียกแต่เห็นร่างบางเอ่ยเรียกชื่อเขาซะก่อนเลยถามไป








    “ป...เปล่าไม่ได้เรียก”







    “แล้วเมื่อกี้ชื่อใครละ เด็กข้างบ้านหรือไงก็เห็นอยู่ว่าที่นี้มีแค่ฉันนะ”






    “ช่างเถอะ” จงอินขี้เกียจจะถกเถียงกับร่างสูงนี้แล้วละอะไรจงอินไม่ได้เรียกชานยอลซะหน่อยแค่เตือนความจำเฉยๆ .. จริงๆนะ







    “ไปทานข้าวกันจงอิน” ชานยอลเอ่ยถามจงอินที่ตอนนี้หน้าซีดเกินกว่าจะถกเถียงกับเขาแล้วละ







    “คุณช่วยบอกผมได้ไหมว่าญาติของผมอยู่ไหน ผมแค่อยากเจอครั้งเดียว ขอแค่ครั้งเดียวนะชานยอล” จงอินเงยหน้ามองตาชานยอลเพื่อสื่อความหมายว่าเขาอยากเจอแจจินจริงๆแค่นั้นจริงๆจงอินจะไม่ขออะไรเลยชานยอลจะทำอะไรกับเขาก็ได้ขอแค่เจอแจจินนะ







    “ฉันนึกว่ามันจบไปตั้งเมื่อคืนแล้วนะจงอินแต่เอาเถอะถ้ายังดื้อด้านแบบนี้ก็เอา ฉันจะให้นายเจอมันแค่ครั้งเดียวเท่านั้นนะจงอิน” ชานยอลทนกับสายตาแกมขอร้องของจงอินไม่ไหวจึงต้องยอมพ่ายแพ้ในที่สุดนี่สินะพลังแห่งความรักใช่รึเปล่า






    “แต่ตอนนี้นายต้องไปอาบน้ำแต่งตัวชุดอยู่บนเตียงแม่บ้านเตรียมไว้ให้แล้ว แล้วก็อาบน้ำเร็วอย่าดื้ออย่าขัดขืน” ชานยอลโน้มลงไปเม้มติ่งหูจงอินเบาๆ จงอินที่โดนลวนลวมแบบนั้นก็สะดุ้งตัวสะบัดตัวจากชานยอลเดินไปในห้องที่ตัวเองเดินมาจากทางเดินเมื่อกี้อย่างเร็วๆ






    อันตราย



    เป็นครั้งที่สองแล้วสินะที่จงอินพูดคำนี้ออกมา

    หลังจากจงอินอาบน้ำเสร็จก็เห็นชานยอลนั่งรออยู่ที่โต๊ะอาหารแล้วเขาจึงเอ่ยทางสายตาว่าจะให้เขานั่งตรงไหนชานยอลจึงเรียกเขาไปนั่งข้างๆ จงอินไม่ได้เอ่ยปฏิเสธอะไรจึงเขยิบไปนั่งใกล้ชานยอลเมื่อรับประทานอาหารเสร็จชานยอลก็ไม่ได้ผิดสัญญาที่ให้ไว้กับจงอิน ชานยอลพาไปหาแจจินคนที่จงอินขอร้องนักหนาว่าจะเจอนั้นแหละ







    “แจจิน .. แจจิน” จงอินพูดเสียงเบากับตัวเองเมื่อเห็นแจจินนั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ที่โกดังร้างแห่งนี้ จงอินเดินเข้าไปหาแจจินที่มองจงอินอย่างทึ่งในสายตา






    “จง..อินช่วยเรานะช่วยแจจินนะจงอิน มันจะเอาเราไปขายช่วยเรานะ” แจจินบีบน้ำตาสุดแรงเพื่อให้จงอินสงสารและอ้อนวอนให้เขาหลุดพ้นไปจากทีนี้ หึ จงอินก็ยังเป็นหมาโง่ในสายตาแจจินเสมอแค่ตีหน้าเศร้าบีบน้ำตาแค่นี้เองจงอินก็ประเคนหาอะไรให้ทุกอย่างแล้วละแจจินก็ยังคงใช้ความไว้ใจของจงอินเป็นเครื่องมือเสมอทั้งที่จงอินมีแต่ความจริงใจตรงกันข้ามแจจินก็ยังมีแต่ความเลวร้าย





     

    “แจจิน เราจะช่วยแจจินออกไปนะ” จงอินพยายามแก้มัดแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะถูกแรงกระชากจากชานยอลที่เดินเข้ามา







    “จะทำอะไรจงอิน” ชานยอลถามเสียงเบากับจงอินแต่กลับไปจ้องหน้าแจจินอย่างนึกรังเกียจคนอะไรเลวร้ายยิ่งกว่าคนพวกนั้นซะอีกจำชื่อไปจนวันตายจริงๆ







    “ผมจะช่วยแจจิน คุณชานยอลช่วยแจจินนะ” จงอินอ้อนวอนทางสายตากับชานยอลอีกแต่ผิดแล้วละครั้งนี้ไม่เป็นผลชานยอลไม่ช่วยแจจินตามที่จงอินขอร้องโทษทีนะจงอินแต่คงต้องสั่งสอนคนแบบนี้ก่อนละกันนะ







    จงอินก้มหน้าพร้อมกับน้ำตาที่ยังเกรอะกรังอยู่ตามหน้าตาของตัวเองที่โดนชานยอลลากออกไปแต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงแจจินสะท้อนกลับมา




     “จงอินอะไรกันฉันเป็นญาตินายนะจะไม่ช่วยฉันรึไงห้ะ! คนสารเลวคนทรยศ หึ ฉันอุตส่าห์เอานายไปขายให้ไอ้นี้แกยังไม่รำเริกบุญคุณฉันอีกไงหืม? เป็นไงละสบายดีกับบ้านพักนั้นนะ ดูฉันสิดูฉัน!!!”






    ชานยอลที่ได้ยินประโยคอารมณ์นี้เดือดดาลเข้าไปตบหน้าแจจินอย่างแรงจนหน้านั้นหันไปตามแรง




    “พูดยังไงว่าจงอินสารเลว ยุนแจจินคนเลวมันต้องเป็นมึง มึงยังมีน่ามาพูดว่าทำไมจงอินไม่ช่วยมึงกูน่าจะฆ่ามึงให้ตายไปนะว่ามั้ย”






    จงอินสะดุ้งที่ชานยอลมีอารมณ์ที่ดุร้ายขนาดนั้นเขาไม่เคยเห็นคนอารมณ์โมโหร้าย เพราะอาจจะจงอินเป็นคนใจเย็นขี้สงสารละมั้ง






    “ฟังนะจงอิน” ชานยอลหันมาพูดกับจงอิน







    “ไม่มีใครที่นายควรไว้ใจเท่าฉันไม่มีเป็นเจ้าของนายได้นอกจากฉันไม่มี ! และอีกอย่างไม่มีใครรักนายได้เท่าฉัน กลับ” ชานยอลพูดแค่นั้นเขาไม่ได้จะอธิบายอะไรให้จงอินฟังหลังจากนั้นมันไม่ใช่คำสั่งแต่มันคือคำสารภาพให้ตายเถอะชานยอลรับไม่ได้ที่มีคนแบบนี้อยู่บนโลกเห็นแค่ตัวเองเหอะ เกลียดที่สุด คิดได้แค่นั้นชานยอลยัดจงอินเขาไปในรถที่ตอนนี้จงอินก็ยังคงอึ้งแต่ก็เดินตามแรงกระชากของชานยอลไป






    ภายในรถไม่มีใครพูดอะไรจนชานยอลต้องเป็นคนทำร้ายความเงียบนั้น

    “จงอินอยากรู้ไหมทำไมฉันถึงช่วยเหลือนาย”







    “อ..อยากรู้” จงอินตอบเสียงสั่นๆอาจจะเป็นเพราะกลัวชานยอลในภาพลักษณ์ที่โกรธเดือดดาลตบหน้าแบคฮยอนแบบนั้น

     










     

     

    ชานยอลนั่งสั่นที่ฝนตกลงมาโปรยปรายที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดกลับโหมกระหน่ำมาแรงขึ้นเสียอีกแต่เขาก็ไม่ได้ขยับเขยือนตัวไปไหนก็ยังนั่งที่เดิมให้สายฝนชำระความเหลวแหลกในตัวเขาออกไป น่าแปลกที่ฝนไม่ได้สาดลงมาหาเขาอีกครั้งชานยอลเงยหน้าขึ้นไปมองคงคิดว่าฝนคงหยุดตก แต่ที่ไหนได้มีร่างเล็กยืนมากางร่มให้เขา ชานยอลสำรวจใบหน้านั้นอย่างรอบคอบคนที่ช่วยเหลือในตอนนั้นตอนที่เขาลำบากที่สุดในชีวิต

    ถ้าไม่รังเกียจไปพักที่บ้านผมก่อนได้นะครับ

    ผมไม่รู้ร่างบางที่กางร่มให้ผมตอนนี้เขาชื่ออะไรมาจากไหนเขากลับช่วยเหลือคนที่นั่งอยู่ข้างทางที่ไม่ได้เกรงกลัวว่าจะทำอันตรายใดใดทั้งสิ้นคนดีๆจริงสินะ

    ผมก็ยังคงเดินตามไปที่บ้านไปนั่งพักในบ้านหลังเสียงทุ้มขึ้นจมูกเอ่ยออกมาก่อนจะเปิดประตูห้องเช่าเล็กๆให้ผมเข้าไปผมไม่ได้พูดอะไรแต่ก็ตามเข้าไปโดยดีคืนนั้นผมไม่ได้ทำอะไรร่างบางนั้นที่ช่วยเหลือผมไว้ เขาให้ที่นอนผมให้อาหารให้เสื้อผ้าคืนนั้นผมหลับได้ไม่สนิทนักอาจจะเพราะไม่ใช่ที่คุ้นเคยผมจึงเดินสำรวจตามพื้นที่ต่างๆในห้องเช่าแคบๆนี้ ผมสำรวจไปเรื่อยๆจนไปเจอข้อมูลประวัติส่วนตัวอะไรสักอย่างนั้นแหละคงเป็นอย่างแรกที่ทำให้ผมจำเขาได้ไม่มีลืม ผมเลือกที่จะไม่อยู่ให้เป็นภาระผมตื่นก่อนเขาในช่วงประมาณเช้าตรู่เจ้าของร่างผิวสีแทนก็คงยังไม่ตื่นผมเขียนช็อทโน๊ตไว้ก่อนที่จะเกินไปแปะไว้ที่ตู้เย็น

    ขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือนะครับ และหวังหน้าสักวันหนึ่งผมจะได้ช่วยเหลือคุณขอให้ผมตอบแทนถ้าถึงวันนั้นแล้วอย่าปฏิเสธหากผมจะช่วยเหลือคุณนะ ผมขอยืมเงินคุณสักหน่อยผมไม่ได้ขโมยแต่ถึงเวลานั้นผมจะคืนให้ ขอบคุณ

     

    PCY




















    “จงอินฟังผมนะ . . นี้อาจจะเป็นคำที่ไม่หวานนักแต่ฟังให้จบก่อน ผมรักคุณนะ ผมรักคุณตั้งแต่ที่คุณช่วยผมวันนั้นแล้วละ” เสียงเพลงที่ยังคลอกับรถที่เคลื่อนตัวไปตามบนท้องถนนตอนนี้ที่ชานยอลเป็นผู้ขับและไม่ได้ได้หันหน้ามามองความรู้สึกใบหน้าของจงอิน เขาขอพูด พูดความรู้สึกที่แท้จริง







    “น่าแปลกไหมที่ผมยังคงรอคุณ แปลกสินะ ผมไม่รู้คุณจะไว้ใจผมได้เท่ากับญาติคุณหรือเปล่าแต่ให้โอกาสผมนะให้โอกาสปาร์คชานยอลคนนี้ ที่หลงรักคุณไม่มีวันลืมได้ไหม คิมจงอิน” ชานยอลเลื่อนมือที่จับพวงมาลัยรถกอบกุมมือจงอินและบีบเบาๆให้จงอินเชื่อใจเขา  แม้ตอนนี้จงอินจะยังไม่เชื่อใจตนเองแต่เขามั่นใจอีกไม่นานจงอินต้องรักปาร์คชานยอลเหมือนที่ปาร์คชานยอลรักคิมจงอิน








    นี่คงเป็นสารภาพรักครั้งแรกให้ตายเถอะจงอินทำตัวไม่ถูกไม่รู้จะขยับไปทางไหนไม่รู้จะเอาสายตาไปมองที่ไหนอยากจะหายตัวจากตรงนี้







    เขิน






    อาจจะเป็นเพราะเขาอยู่ตัวคนเดียวไม่เคยมีคนมาทำให้ให้ใจเต้นแรงไม่มีคำสารภาพรักไม่มีความรักตั้งแต่เด็กไม่มีพ่อแม่คอยโอบกอดบอกรักเขาถึงได้ไว้ใจแจจินมากกว่าชีวิตตัวเอง ตอนนี้เขาอาจจะพบที่พึ่งใหม่คนที่ให้หัวใจเขาเป็นสุขให้จงอินคนนี้รู้สึกปลอดภัย







    “ขอบคุณ” เสียงแผ่วที่หลุดออกมาจากปากบาง







    “ขอบคุณเหมือนกัน” ชานยอลพูดกลับทันทีที่จงอินพูดคำนั้นออกมา







    “ขอบคุณเรื่องอะไร” จงอินเอียงคอถามอย่างสงสัย เขาไม่เข้าใจนี้มันต้องฝ่ายที่เขาขอบคุณไม่ใช่หรือไง








    “ขอบคุณที่ทำให้ปาร์คชานยอลคนนี้ได้ใช้หัวใจรักใครสักคน ขอบคุณ” ชานยอลละสายตาจากท้องถนนที่ตอนนี้รถติดไฟแดงอยู่มาจ้องตาจงอินให้จงอินเชื่อและไว้ใจชานยอลคนนี้ว่าจะไม่ทำร้ายให้จงอินเสียใจ








    ปากบางทาบทับริมฝีปากของตนเองเข้ากับริมฝีปากชานยอลอย่างแผ่วเบาเป็นการตอบตกลงผ่านความรู้สึกนั้นชานยอลไม่ได้รุกล้ำใดใดจูบนั้นแช่อยู่นานจนได้ยินเสียงบีบแตรจากรถที่ติดอยู่ข้างหลังทั้งชานยอลและจงอินหลุดคำกับความบ้าบิ่นของตัวเองที่มาจูบกันท่ามกลางแบบนี้แต่ก็นั้นแหละมีความสุข มันคือคำที่สุดบรรยายอะไรไม่ได้นอกจากนี้แล้วละ

    ถ้าให้จงอินตอบตอนนี้ว่ารักชานยอลไหมมันอาจจะเร็วเกินไปแต่เชื่อเถอะจงอินยกใจไปให้ชานยอลครึ่งหนึ่ง
    แล้วละ

    FIN



     

    สวัสดีน้าาาาา
    พึ่งเปิดเรื่องและก็พึ่งแต่งด้วยมันจะอาจไม่สนุกเพราะเราคิดไว้นานมากแล้วอาจจะคุ้นๆกันถ้าใครเคยดูเรื่อง No Money การ์ตูนญี่ปุ่นจะก็จะถึงบางอ้อเพราะเราก็แทบจะลอกพล็อตนั้นมาเกือบหมด ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านและก็คนที่เข้ามางงๆ 5555555555555555555555 เรื่องหน้าเราจะพัฒนากว่านี้ ขอบคุณค่ะ กำลังใจคุณสำคัญเสมอ.

    CR.SHL
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×