คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ดั่งต้องมนต์ Series : 01 ตอนที่ 3
ดั่งต้องมนต์ Series : 01
ตอนที่ 3
บ่ายหนึ่งโมงของก่อนวันงาน ปราณต์ฟ้ารู้สึกว่ามันเป็นวันที่เหน็ดเหนื่อยที่สุดเธอวิ่งวุ่นอยู่ตั้งแต่เช้ามืดจนกระทั่งตกบ่ายหญิงสาวก็ยังไม่ได้หาอะไรลงท้องเลย เธอทั้งหิวทั้งเหนื่อยล้า ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่าว่าผู้คนในหมู่บ้านดูจะวุ่นวายยิ่งกว่าเธอเสียอีกทั้งๆที่การจัดงานก็เตรียมไว้เสร็จเรียบร้อยดีแล้ว หญิงสาวหยุดคิดเธอเหนื่อยอ่อนและอยากพักเต็มที ปราณต์ฟ้าเดินขึ้นบ้านด้วยสภาพที่อิดโรย
" อ้าวฟ้ามาแล้วหรือลูก เดี๋ยวฟ้าดูน้องให้แม่หน่อยนะ แม่จะไปหาพ่อเขาหน่อย เป็นอะไรเหนื่อยมากหรือลูก "
คุณนายอิ่มฤดีเข้ามาลูบศีรษะของบุตรสาวอย่างรักใคร่ห่วงใย
" หนูจะพักก่อนไหม แม่จะได้เอาน้องไป "
" ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวหนูดูเอง คุณแม่ไปเถอะค่ะเอาตาอ๋องไปด้วยจะไปกวนคุณพ่อเปล่าๆ "
" เอาอย่างงั้นก็ได้ หนูจะทานข้าวก่อนไหมแม่จะจัดให้ "
" ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวหนูหาอะไรทานได้ คุณแม่ไปเถอะค่ะ "
" แม่ไปล่ะนะ "
" ค่ะ ขับรถดีๆนะค่ะ "
หญิงสาวออกมายืนส่งผู้เป็นมารดาที่หน้าบ้าน เธอมองสตรีวัยกลางคนที่กำลังขับรถออกไป แล้วรู้สึกเหมือนกับใจหวิวๆมันจุกแน่นที่หน้าอกยังไงบอกไม่ถูก หญิงสาวคิดว่าเป็นเพราะเธอไม่ได้กินอะไรรองท้องแน่ๆถึงมีอาการจะเป็นลมแบบนี้
[ ไปทำข้าวไข่เจียวก็แล้วกันง่ายๆไม่ยุ่งยากดี ]
หญิงสาวสรุปเมนูในใจแล้วเดินเข้าครัวจัดการกับอาหารมื้อพิเศษ เมื่อทุกอย่างทำเสร็จแล้วเธอก็เดินถือจานใบใหญ่ที่มีไข่เจียวสีเหลืองอำไพโป๊ะทับลงมาบนข้าวสุกร้อนๆหอมนุ่ม เธอเดินถือมาทานตรงโซฟารับแขกที่มีร่างของน้องชายตัวน้อยนอนหลับสบายอยู่
หญิงสาวนั่งลงตรงที่เป็นเก้าอี้เดี่ยวที่มีที่ท้าวแขน เธอจัดการทานอาหารเริดรสในจานจนเกลื้อนแล้ววางลงที่เคาร์เตอร์บาร์ด้านหลัง จากนั้นลุกเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำดื่ม หญิงสาวดื่มน้ำไปหลายแก้วอย่างกระหาย
" เฮ้ย ค่อยยังชั่วหน่อย "
ปราณต์ฟ้าเดินมานั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับที่น้องชายนอนอยู่ เธอมองหน้าละมัยที่หลับพริ้มนั้นอย่างเอ็นดูพลางหาว
" หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนเลยนะเรา "
หญิงสาวเอนตัวลงนอนเหยียดยาวลงบนโซฟานุ่มปลายตาที่หรี่ปรือกระพริบเห็นภาพของเด็กชายตัวน้อยหลับสนิทเธอจึงปิดเปลือกตาลงอย่างอุ่นใจ
นิทราที่ยาวนานไหลเวียนร่วงเลยจนบ่ายคล้อยเด็กสาวจึงได้ขยับตัวกระพริบตาตื่นภาพตรงหน้าของหญิงสาวปรากฏเป็นโซฟาบุผ้าปักสีน้ำตาลอ่อนตัวยาวที่ว่างเปล่าปราศจากร่างกายของเด็กน้อย
หญิงสาวลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงียเธอมองหาร่างเล็กก็ไม่พบว่าจะอยู่ในที่แห่งนี้ ปราณต์ฟ้าจึงเดินเข้าไปล้างหน้าที่ห้องน้ำให้ตาสว่างจากนั้นจึงได้เดินตามหาเด็กชายไปที่ห้องต่างๆ
" อ๋อง ตาอ๋อง อยู่ไหนจ๊ะ อ๋อง "
หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องนอนของพ่อแม่ ภายในว่างเปล่า
" ไม่อยู่...ไปไหนนะ "
เธอเดินไปที่ห้องด้านซ้ายที่เป็นห้องนอนของเธอแล้วเปิดเข้าไป ก็ไม่ปรากฏร่างของเด็กน้อย หญิงสาวเริ่มหวั่นวิตกเธอรีบเดินอย่างรีบเร่งสายตาก็ส่ายหาไปมาเธอเดินเข้าห้องโน้นออกห้องนี้จนทั่วก็ยังไม่มีวี่แววของน้องชาย หญิงสาวเริ่มใจไม่ดี เธอรีบวิ่งออกไปดูที่เรือนชานหน้าบ้านชะโงกดูที่ต้นไม้สองต้นที่ผูกเปลไว้ซึ่งเด็กชายมักจะใช้เป็นที่นั่งเล่นประจำก็ไม่พบเห็น
" ตาอ๋องน้องอยู่ไหนน่ะ ตาอ๋อง...ตาอ๋อง "
เธอตะโกนอยู่นอกเรือนชานพลางมองหาร่างน้อยโดยที่ไม่ได้เห็นถึงความผิดปรกติของพื้นดินเบื้องล่างเลยว่าเวลานี้ได้มีน้ำไหลซึมผ่านเข้าภายในบริเวณใต้ถุนเรือนคล้ายแอ่งน้ำที่ขังอยู่ตอนฝนตก
" ตาอ๋อง น้องอยู่ที่ไหน ตาอ๋อง "
" อยู่นี่คับ พี่ฟ้าอ๋องอยู่นี่ "
เสียงเด็กชายตะโกนออกมาจากบันไดอีกข้างทางด้านหลังเรือนชานที่สามารถเดินออกไปสู่ร่องสวน เธอรีบวิ่งไปดูก็พบว่าเด็กชายกำลังเล่นเรือลอยน้ำอยู่ในกระถางบัวเนื้อตัวเต็มไปด้วยดินโคลนซึ่งเปรอะเปื้อนอยู่นอกกระถาง หญิงสาวถอนใจ
" อ๋องคราวหลังพี่เรียกแล้วต้องขานรับทันทีนะ รู้มั้ย "
" คับ "
" ขึ้นมาอาบน้ำได้แล้วละอ๋อง นี่ก็จะสี่โมงแล้ว เดี๋ยวเย็นกว่านี้แล้วจะอาบไม่ได้ "
" อ๋องยังอยากเล่นเรือต่อ..อ๋องยังไม่อยากอาบ "
" อ๋องอยากอาบน้ำเย็นๆหรือ น้ำหนาวมากนะ...มาอาบตอนนี้เถอะ....มา " ฟ้าขยับตัวกำลังจะเดินลงบันไดไปเด็กชายก็รีบร้องบอก
" อีกเดี๋ยวอ๋องขึ้นไปอาบ ขออ๋องเล่นต่ออีกหน่อยนะพี่ฟ้า "
" อีกเดี๋ยวน่ะเมื่อไหร่...เดี๋ยวเราก็โยกโย้ไม่อยากอาบอีก "
" อีกเดี่ยวจริงๆ นะพี่ฟ้า...น๊า.... " เด็กชายออดอ้อนสบสายตาเธออย่างวิงวอน หญิงสาวคิดในใจมาลูกไม้เก่าๆอีกแล้วแต่ลูกไม้เก่าๆนี้เหละที่ทำให้เธอต้องใจอ่อนไปเสียทุกครั้ง
" ก็ได้ พี่ให้เวลาแค่ยี่สิบนาทีเท่านั้นนะไม่มีการขอต่อเวลาเพิ่มด้วย "
" คับ...ขอบคุณคับ " ปราณต์ฟ้ายิ้มละมัยอย่างเอ็นดู
" เล่นอยู่ตรงนะอย่าไปไหนละรู้มั้ย "
" คับ " เด็กชายขานตอบเสียงใสดูจะดีใจเอามากๆเพราะถ้าเป็นคุณแม่เธอคงได้โดยจับไปอาบน้ำแถมโดนดุว่าเป็นกระบุงโกยแน่ๆ
" พี่ฟ้าจะเข้าไปเตรียมอาหารให้เราอยู่ในครัวนะ เสร็จแล้วพี่จะมาเรียก "
" คับ "
หญิงสาวเดินเข้าบ้านไปจัดการเก็บของบนโต๊ะทานข้าวที่มีผ้ากันเปื้อนพาดไว้กับแก้วน้ำสองสามใบ เธอเดินถือมันเข้าครัวเพื่อสวมใส แล้วนำแก้วสามใบไปวางไว้ที่อ่างล้างจาน จากนั้นก็เปิดตู้เย็นนำผลฝักและรากผักชีออกมาล้างแล้วหั่น เสร็จก็หันไปเปิดเตาแก๊สตั้งน้ำให้เดือด จากนั้นก็หันไปปลอกเปลือกกระเทียมใส่ครกตำพร้อมกับรากผักชีและเม็ดพริกไทยอีกนิดหน่อยแล้วหันไปหยิบกระดูกหมูจากตูเย็นออกมาล้างพอน้ำเดือดได้ที่แล้วเธอจึงใส่เครื่องที่ตำไว้ลงไปพร้อมกับโรยเกลือเล็กน้อย ใส่กระดูกหมูตามลงไปปิดฝาเคี่ยวไว้สักพักหนึ่งแล้วเปิดออกช้อนคราบที่ลอยอยู่เหนือน้ำทิ้งแล้วจึงใส่ฝักลงไปเปิดฝาแง้มไว้แล้วรอเวลาให้มันเปื่อย
หญิงสาวทำทุกอย่างด้วยความว่องไวเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นดีเธอจึงปิดแก็สถอดผ้ากันเปื้อนออก แล้วจึงเดินมาดูนาฬิกา
" ห้าโมงกว่าจะหกโมงอยู่แล้วหรือเนี๊ย ตาอ๋องคงจะสนุกเพลินไปแล้วล่ะซิ "
ปราณต์ฟ้ากล่าวอย่างสบายใจโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าได้มีสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้นที่ด้านนอก สายน้ำจากทะเลสาบได้ไหลเอื่อยเข้าท่วมหมู่บ้านมันได้เพิ่มระดับน้ำขึ้นเรื่อยๆจากห้าเซนติเมตรเป็นยี่สิบเซนติเมตร เจ็ดสิบเซนติเมตร เก้าสิบเซนติเมตร จนกระทั้งมันเพิ่มระดับเป็นหนึ่งเมตรกระแสน้ำก็เริ่มเชียว
เด็กชายมองดูกระแสน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่เข้าใจว่ามันเป็นสิ่งที่ผิดปรกติ เขากระโดดโลดเต้นไปมาอย่างดีใจอยู่ที่ขั้นบันได เพื่อที่จะมองดูสิ่งของต่างๆที่ไหลตามน้ำมาอย่างเพลิดเพลิน มีทั้งเศษใบไม้ ลำไม้ไผ่ ผืนผ้าสีแดงและข้าวของที่จัดเตรียมงานต่างๆร่องลอยมาตามกระแสน้ำไปทั่ว เด็กน้อยนั่งย่องๆดูเจ้าเต่าที่กำลังชูคอผ่านหน้าไป เด็กชายหัวเราะคิกคักและเผยรอยยิ้มกว้างพยายามที่จะโน้มตัวไปข้างหน้าพลางวักน้ำให้เจ้าเต่าน้อยเข้ามาหา จนไม่ได้เห็นถึงบางสิ่งที่ดูคล้ายท่อนไม้ท่อนเล็กยาวประมาณศอก ได้ไหลเข้ามาใกล้เรียวแขนเล็กที่วักน้ำเล่นอย่างเพลินใจ
" ตาอ๋อง มาอาบน้ำได้แล้วล่ะ " หญิงสาวเดินออกมาถึงชานหน้าบันไดแล้วก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นกระแสน้ำเชียวเกิดขึ้น
" พี่ฟ้าอ๋องเจอเต่าน้อยด้วยล่ะ "
เด็กชายหันกลับไปมองปราณต์ฟ้าจึงไม่ได้เห็นเจ้าสัตว์ร้ายผิดกับหญิงสาวที่ยืนมองตะลึง เมื่อมันลืมตาขึ้นแล้วงับลงไปบนเนื้ออ่อนนั้น
" กรี๊ดดดด "
หญิงสาวกรีดร้องพร้อมกับเสียงที่เด็กชายหวีดร้องจ้า เธอได้แต่ยืนจังงังเมื่อเห็นเลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาจากปากของลูกจระเข้ หญิงสาวมาได้สติอีกครั้งก็เมื่อร่างเล็กได้ถูกลากลงน้ำดังตูม ปราณต์ฟ้ารีบวิ่งลงบันไดแล้วกระโจนลงน้ำที่ปริมาณน้ำในขณะนี้อยู่ที่หนึ่งเมตรแปดสิบเซนติเมตร
เมื่อเธอผุดขึ้นเหนือผิวน้ำหญิงสาวก็หันซ้ายหันขวาดำผุดดำว่ายหาร่างเล็กนั้น และเธอก็เห็นที่จุดหนึ่งใกล้กิ่งมะขามต้นใหญ่ร่างของน้องชายเธอกำลังปัดป้องเจ้าสัตว์ร้ายตัวน้อยอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยที่น้องชายเธอตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเด็กชายทั้งร้องไห้และพยายามว่ายหนีฟันอันแหลมคมที่ไล่กัดท่อนแขนใบหน้าและลำตัวจนแหวะหวะเลือดไหลเต็มตัว
...................................................................................................................................................................................
หญิงสาวรีบว่ายเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็วและเมื่อถึงตัวเจ้าสัตว์ร้าย เธอจับช่วงหางมันกระชากออกมาให้พ้นตัวน้องชายเธอที่ลอยคอเกาะกิ่งไม้อย่างหมดเรี่ยวแรง .จากนั้นก็เหวี่ยงมันไปให้พ้นโดยที่เธอไม่ได้ตั้งใจแต่เจ้าลูกจระเข้ตัวน้อยก็ลอยไปฟาดเข้ากับต้นไม้อย่างจังแล้วร่วงตกลงน้ำจมหายไป หญิงสาวถึงได้รู้ว่าเธอได้ฆ่ามันตายเสียแล้ว
ปราณต์ฟ้ารีบหันไปอุ้มน้องชายที่หมดสติเกยอยู่บนกิ่งไม้ เธอมองสำรวจทั่วใบหน้าและบริเวณลำตัวของเด็กน้อยก็พบว่าหลายแห่งถูกกัดลึกและมีเนื้อแหว่งที่บริเวณท่อนแขนหลายจุดซึ่งเลือดยังคงไหลไม่หยุด หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีก้อนสะอึกขึ้นมาจุกที่คอ เธอพยามยามกั้นมันไว้
" ตาอ๋อง..เดี๋ยวพี่พาน้องไปหาหมอ น้องต้องไม่เป็นอะไรนะ "
หญิงสาวจับน้องชายขึ้นขี่หลังรวบสองมือน้อยไว้ด้านหน้าคล้องคอเธอ ปราณต์ฟ้ากำลังจะว่ายออกไปจากที่ตรงนั้น แต่ปรากฏว่าหญิงสาวรู้สึกถึงบางอย่าง เธอลอยตัวนิ่งอยู่ในน้ำแววตาของเธอนั้นหวาดระแวงสอดส่ายไปมาอย่างรวดเร็วเมื่อพบว่ากระแสน้ำนั้นสูงขึ้นและเชี่ยวกราดกว่าเดิม เธอไม่แน่ใจว่าจะว่ายกลับไปได้ ..ปราณต์ฟ้าตัดสินใจเลือกที่จะปีนขึ้นต้นไม้โดยใช้มือข้างขวาที่ยังเหลืออยู่โหนตัวเหยียบขึ้นไปที่กิ่งไม้ใหญ่แล้วไต่ขึ้นไป... ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆอย่างยากลำบาก เพราะเธอต้องคอยระวังน้องชายไม่ให้ร่วงหล่นและมือที่จับยึดกิ่งไม้มีเพียงข้างเดียวซ้ำเสื้อผ้าที่เปียกโชกยังถ่วงน้ำหนักตัวเธอเพิ่มขึ้นไปอีก
เวลานี้กระแสน้ำไหลเชี่ยวขึ้นและระดับน้ำก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เธอไต่ขึ้นไปอยู่สูงเหนือระดับน้ำประมาณเกือบสามเมตรมันเป็นระดับที่สูงพอดู หญิงสาวมองเห็นบ้านตัวเองถูกน้ำท่วมถึงชั้นสองแล้วก็ถึงกับเพ้อ
" มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่...น้ำจะท่วมโลกหรือยังไง "
ฉับพลันสิ่งที่เธอไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อมองเห็นการเคลื่อนไหวของกระแสน้ำที่เชี่ยวมีบางสิ่งเคลื่อนกายอย่างรวดเร็วทวนกระแสน้ำขึ้นมา....
ปราณต์ฟ้าตะลึงมันคือจระเข้ตัวโตเต็มวัย ที่มีขนาดลำตัวหนาใหญ่ยาวประมาณเกือบสามเมตร เกล็ดชันตั้งลู่แหลมตลอดแนวจรดช่วงหัวถึงปลายหาง ดวงตาเหลืองอำพันแสดงรังสีความดุร้ายเปล่งประกายชัดผิดกับท่วงท่าการแหวกว่ายที่อ่อนช้อยงดงามมันสอดส่ายไปรอบด้านอย่างรวดเร็ว เมื่อมันเข้ามาใกล้ในระยะสายตาของหญิงสาวเธอก็ต้องตกตะลึงอีกครั้งเมื่อสิ่งที่เธอเห็นเป็นก้อนดำๆที่หลังของมันนั้น คือลูกจระเข้ที่ถูกเธอทำร้ายถึงตายหญิงสาวสะท้านทรวงหน้าซีดเมื่อนึกถึงว่ามันคงจะเป็นแม่ของเจ้าจระเข้น้อยและกำลังตามล่าคนที่ทำกับลูกของมันเป็นแน่
เธอคิดไม่ผิดเมื่อมันหันมาเจอกับเธอการว่ายในช่วงแรกที่ว่าเร็วแล้วยังไม่เท่ากับ ณ. เวลานี้ มันตรงดิ่งเข้าใต้ต้นมะขามแล้วกระโดดงับกิ่งใหญ่ที่อยู่ห่างใต้ฝ่าเท้าเธอลงไปประมาณเมตรเศษๆ
" กรี๊ดดดดดดด "
หญิงสาวกรีดร้องเสียงหลงเธอแตกตื่นและหวาดกลัวอย่างที่สุด
เมื่อมันกระโดดอีกครั้งมันได้เพิ่มระดับความสูงใกล้เธอเข้ามาอีก และมันได้กระชากอีกกิ่งหนึ่งด้านซ้ายมือของเธอลงไปดังตูมใหญ่ ดูเหมือนว่ามันจะสามารถกระโดดเหนือผิวน้ำได้สูงเพียงแค่นั้น
แต่ทุกครั้งที่มันกระโดดขึ้นและตกลงไปกระแสน้ำเชี่ยวก็แตกกระจายขึ้นสูงรอบทิศทาง มันสาดกระเซ็นขึ้นมาถึงตัวปราณต์ฟ้า หญิงสาวพยายามอย่างยิ่งที่จะเกาะให้มั่นเพราะน้ำที่เปียกใต้ฝ่าเท้าเปลือยเปล่านั้นลื่นพอที่จะทำให้เธอพลาดพลั้งตกลงไปได้
การกระโดดครั้งนี้มันคงคิดว่าเธอจะได้เข้าไปอยู่ในปากของมันเป็นแน่ แต่มันก็ผิดหวัง....มันยิ่งแสดงอารมณ์ดุร้ายขึ้นกว่าเดิม มันว่ายไปรอบๆต้นไม้ใหญ่แล้วใช้ลำตัวกับช่วงหางฟาดไปที่ลำต้นอย่างต่อเนื่องดังสนั่นหวั่นไหวต้นไม้เกิดเสียงลั่นเปรี้ยะมันสั่นสะเทือนตั้งแต่โคนต้นจนถึงปลายยอด หญิงสาวถึงกับร้องเสียงหลงกอดรัดรอบกิ่งไม้แน่น
[ พ่อจ๋าแม่จ่า ฟ้ากลัว..ฟ้าจะทำยังไงดี ]
หญิงสาวร่ำร้องอย่างวิตกเมื่อมองดูการกระทำของมัน มันหวังที่จะให้เธอตกลงไปหรือไม่ก็หวังที่จะโค่นต้นไม้นี้ทิ้งซะ
มันต้องผิดหวังซ้ำอีกเมื่อเธอไม่ตกลงไปและต้นไม้ใหญ่แข็งแกร่งและเหนียวเกินกว่าจะหักโค่นได้ง่าย อารมณ์ของมันเกรี้ยวกราดกว่าเดิมมันฟาดหัวฟาดหางอยู่ในน้ำอย่างโกรธแค้น ทั้งขบกัดงับทึ้งลำต้นมะขามอย่างเดือดดาลจนเปลือกและเนื้อไม้ฉีกกระจายลงผิวน้ำก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้
ลักษณะท่าทางของมันเหมือนผู้หญิงอารมณ์ร้ายที่เวลาโกรธแล้วจะไม่ใส่ใจว่าตัวเองนั้นจะต้องเจ็บไปด้วยยามที่ไปทำร้ายคนอื่น เฉกเช่นเดียวกับเจ้าตัวนี้ที่จ้องแต่จะทำร้าย โดยไม่ได้สนใจบาดแผลที่มีเลือดไหลออกจากปาก ปราณต์ฟ้าเห็นแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าไม่เธอก็มันฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องตายไปข้างไม่เช่นนั้นเหตุการณ์นี้คงต้องดำเนินต่อไปยาวนานเป็นแน่
และเธอก็ไม่คิดอยากให้เป็นเช่นนั้นเพราะน้องชายเธอตอนนี้อาการเริ่มแย่แล้วทั้งจากการเสียเลือดและยังมีไข้แทรกซ้อนที่เธอรู้ได้ก็จากเสียงเพ้อของพิษไข้กับความร้อนที่บริเวณลำแขนและใบหน้าที่เด็กน้อยซบอยู่กับแผ่นหลังของเธอ เวลานี้หญิงสาวห่วงทั้งน้องชายและตัวเองว่าไม่รู้จะผ่านสถานการณ์ล่อแหลมนี้ยังไงดี
...และหญิงสาวก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นมันว่ายน้ำกลับไปอย่างรวดเร็ว
[ มันยอมเลิกราแล้วหรือ ]
ปราณต์ฟ้ายืนนิ่งมองมันดำน้ำหายไปอยู่เนินนานเธอไม่แน่ใจว่าจะลงไปดีหรือไม่ เพราะรู้สึกว่าจระเข้ตัวนี้เฉียวฉลาดเกินสัตว์ทั่วไปมันอาจเป็นกลหลอกล่อเธอก็ได้...แต่ถ้าไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเธอก็จะเสียเวลาอยู่บนนี้
[ ลงไปดูเถอะฟ้าถึงยังไงมันก็เป็นโอกาส ถ้าไม่เช่นนั้นเธอจะอยู่บนนี้ไปตลอดหรือ ]
เสียงในใจเตือนเธอให้ลองเสี่ยงดู หญิงสาวจึงทำใจสู้ค่อยๆปีนป่ายลงไปเรื่อยๆจนกระทั่งอยู่เหนือผิวน้ำเพียงหนึ่งเมตร หญิงสาวก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงซู่ซ่าแปลกๆเกิดขึ้นที่ผิวน้ำทั่วสาระทิศ เธอตื่นตระหนกรีบรี่ปีนกลับขึ้นไปอย่างรวดเร็ว โดยที่สายตายังจับจ้องที่สายน้ำเบื้องล่างแล้วเธอก็ต้องเบิกตาโพรงปากคอสั่นรู้สึกถึงน้ำอุ่นๆที่รินอาบแก้มหญิงสาวกอดกระชับกิ่งไม้แน่เมื่อเธอรู้สึกว่าอยากจะเป็นลมเสียให้ได้
เมื่อเห็นส่วนหัวและลำตัวยาวใหญ่ของจระเข้นับสิบว่ายทวนกระแสน้ำเข้ามาหาเธอเป็นจุดมุ่งหมายเดียว ปราณต์ฟ้ามีอาการเกร็งกระตุกที่กล้ามเนื้อ ทั่วทั้งร่างตื่นกลัวเกินกว่าจะยั้งสติได้ว่าตัวเองนั้นยังอยู่ในจุดเสี่ยง เพราะบริเวณที่เธอยืนเหยียบอยู่นั้นอยู่เหนือผิวน้ำเพียงสองเมตรกว่าๆทั้งยังเป็นจุดที่เบื้องล่างไม่มีกิ่งไม้มากั้นขวางไว้เลยความกลัวทำให้เธอขาดสติและการไตร่ตรอง
" พี่ฟ้า... "
เสียงอันแผ่วเบาที่อิงอยู่ข้างหูนั้นเองที่เป็นตัวฉุดสติของเธอให้กลับมา หญิงสาวรีบโหนตัวขึ้นจับกิ่งไม้ยกตัวปีบป่ายขึ้นไปพอดีกับที่จระเข้จ่าฝูงกระโดดขึ้นงับนั้นเปรียบเสมือนสัญญาณการเริ่มจู่โจม หลายตัวกระโดดขึ้นงับอากาศแล้วร่วงลงน้ำแล้วเริ่มต้นใหม่ สายน้ำแตกกระเซ็นอยู่โดยรอบต้นไม้ทั้งยังมีอีกหลายตัวพยายามฟาดหัวฟาดหางเพื่อที่จะให้เธอตกลงไป อีกหลายตัวก็ฉีดทึ้งลำต้นที่ตอนนี้แหว่งจนปราณต์ฟ้าคิดว่ามันมีสิทธิ์ที่จะโดนโค่นลงแน่ถ้ามันยังคงทำต่อไป
บาดแผลที่เธอได้รับจากการปีนป่ายและจากคมเกร็ดที่แหลมแข็งซึ่งบาดลึกอยู่ทั้งสองฝ่ามือความเจ็บของมันไม่เท่ากับลูกจระเข้ทำร้ายน้องเธอ และความตายตกไปของเธอก็คงจะสาสมพอกับที่หญิงสาวได้ฆ่าลูกจระเข้เธอรู้สึกผิดและเศร้าสลดอย่างบอกไม่ถูก การที่เธอฆ่าลูกจระเข้นั้นมันสมควรแล้วหรือ และการที่เธอกับน้องจะต้องถูกฆ่าตายอย่างทรมานนั้นมันถูกแล้วหรือ
เพราะความโกรธแค้นที่ทำให้เรื่องราวมันเลวร้ายลง ...แล้วการสั่นสะเทื้อนที่โยกคลอนลำต้นให้ส่ายไหวรุนแรงนั้นก็นำให้ปราณต์ฟ้าหันกลับมาสนใจเวลาของชีวิตที่เหลืออยู่ เธอพยายามเม้มปากที่สั่นไม่ให้ร้องซักแอะเมื่อลำต้นใหญ่เริ่มโอนเอนคล้ายจะหักโค่น
...................................................................................................................................................................................
" ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง "
เกิดเสียงปืนดังติดต่อกันหลายนัด หญิงสาวจึงหันไปมองต้นเสียงภาพที่เห็นก็คือกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ยืนอยู่บนเรือสองลำ ทั้งหญิงชายมีอาวุธครบมือ ทั้งกระบอกปืนและฉมวกปลายแหลม โดนมียายทวดเฒ่านั่งสั่งการอยู่กลางหัวเรือถัดมาเป็นบุคคลที่เธอรักและห่วงหาที่สุด
" คุณพ่อคุณแม่ "
ปราณต์ฟ้าร้องตะโกนอย่างยินดี รอยยิ้มกว้างเบิ่งบานขึ้นบนใบหน้า หยาดน้ำตาแห่งความปิติยินดีไหลรินรู้สึกถึงแสงสว่างและความอบอุ่นใจแล่นผ่านทั่วร่าง ความตายที่เธอคิดจะได้เจอพลันมลายหายไปหมดสิ้น
อสูรร้ายต่างเร่งเข้าจู่โจมเรือทั้งสองลำ เสียงปืนเร่งระดมยิงสาดใส่ไม่หยุดทั้งสองฝ่ายต่างต่อสู้กันดุเดือดแต่เพราะเหตุใดไม่ทราบการระดมยิงของเหล่าชาวบ้านจะไม่สามารถฆ่าเจ้าสัตว์ร้ายนี้ได้เลย แม้แต่ทำให้มันบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ยังทำไม่ได้ หญิงสาวมองสถานการณ์ตรึงเครียด เธอลุ้นตัวโก่งอยู่บนกิ่งไม้
" ยายทวดเฒ่าทำยังไงดีครับ จะฆ่ามันยังไงมันก็ไม่ตาย "
" แกเอาฉมวกมานี่ " ยายทวดสั่งเสียงกร้าวจากนั้นก็รับฉมวกมาลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างช้าๆ
แล้วเล็งไปที่อสูรร้ายที่อยู่ใกล้ตัวทางด้านซ้ายมือ ยายทวดจวงแทงลงไปปลายแหลมของฉมวกทิ่มเข้าไปที่ผิวของมันเพียงนิดเดียว แต่ผลที่ปรากฏบนผิวอันหยาบหนาของมันคือรอยปริแยกของเนื้อหนังเลือดสีแดงสดไหลทะลัก จระเข้ร้ายตนนั้นพลิกตัวดิ้นหนีอย่างทรมานก่อนจะจมหายไป
ปรานต์ฟ้าเห็นการกระทำเช่นนั้นของยายทวดก็พิศวง
" เกิดอะไรขึ้นกับมัน "
ยายทวดเหวี่ยงฉมวกคอยทิ่มแทงจระเข้ร้ายหลายตัวให้ตายลงโดยมีชาวบ้านคอยช่วยเหลือ จนกระทั่งเหลือจระเข้ที่ดุร้ายและฉลาดที่สุด มันไม่ได้ว่ายเข้าไปทำร้ายชาวบ้านอย่างที่ทุกตัวได้กระทำ มันเพียงแต่ว่ายวนไปมาอยู่รอบๆ คอยดูสถานการณ์แล้วเมื่อทุกตัวตายลงมันจึงได้เผชิญหน้ากับยายทวดเฒ่า
ดูเหมือนว่ายายทวดเฒ่าเองก็กำลังประเมินเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้อยู่เช่นกัน สายตาของหญิงชรานั้นวิตกกังวลเพราะรู้สึกว่ากำลังของแกจะเหลือน้อยเต็มทีและเจ้าสัตว์ร้ายน่าชังนี้ก็คาดการไว้ไม่ผิด
มันฉวยโอกาสดำลงใต้น้ำที่ขุ่นมัวหายไปเป็นนาน ชาวบ้านที่อยู่บนเรือทั้งสองลำต่างสอดส่ายสายตามองหา
ปราณต์ฟ้าเห็นการที่มันทำเช่นนั้นก็เพื่อสร้างความกังวลและหวาดระแวงให้เกิดขึ้นกับชาวบ้าน หญิงสาวพยายามมองหามันเช่นกัน และเธอก็เหลือบไปเห็นส่วนหางที่กำลังฟาดไปที่ใต้ท้องเรือลำที่มีลุงหมอบยืนถือปืนคอยเล็งอยู่
" ลุงหมอบระวังมันอยู่...." ยังไม่ทันที่เธอจะกล่าวจบ
ปลายหางอันทรงพลังก็ฟาดเปรี้ยงเข้าไปที่ท้องเรือ ทำให้ท้องเรือแตกน้ำทะลักเข้าเรืออย่างรวดเร็วมันไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปมันฟาดซ้ำลงไปอีกสามสี่ครั้ง เป็นผลให้เรือแตกและพลิกคว่ำจมดิ่งลงใต้น้ำอย่างรวดเร็ว
ร่างมนุษย์หลายร่างต่างตกลงน้ำพวกเขาพากันว่ายหนีขึ้นเรืออีกลำแต่ก็ไม่พ้น มันเข้าขย้ำฉีกทึ้งและกลืนกินดั่งฝูงปลาน้อย เลือดสีสดไหลเจือปนกับกระแสน้ำกระจายเป็นวงกว้างกลิ่นคาวคละคลุ้งลอยตลบ ภาพสยองขวัญนั้นเกิดเพียงไม่กี่นาทีแต่มันยาวนานมากสำหรับหญิงสาว เธออ้าปากที่สั่นนั้นค้างตกตะลึงถึงที่สุด
"...ลุงหมอบ...โธ่....ลุง " ปราณต์ฟ้าสะอื้อไห้สะเทือนใจอย่างที่สุด
ความเสียใจนั้นยังไม่ถึงที่สิ้นสุดเมื่อหญิงสาวเริ่มเห็นว่าเจ้าอสูรร้ายมันกำลังทำแผนเดียวกันอีกครั้ง แต่คราวนี้มันจะเกิดขึ้นกับเรือของพ่อแม่ของเธอ หญิงสาวใจหายวาบเธอร้องตะโกนบอกพ่อกับแม่สุดเสียง
" พ่อค่ะ มันกำลังไปหาคุณพ่อค่ะ "
เจ้าอสูรร้ายกำลังว่ายเข้าไปใกล้ลำเรือและเตรียมพร้อมที่จะมุดเข้าข้างใต้ท้องเรือ แต่ทันใดนั้น แหตะข่ายเหล็กก็ถูกเหวี่ยงออกคลุมตัวพันธนาการมันไว้ อสูรร้ายพยายามดิ้นรนชาวบ้านต่างฉุดรั้งโซ่เหล็กอย่างหนักหน่วงปลายโซ่ตรวนนั้นถูกพันติดตรึงไว้กับเสาค้ำลำเรือมันหนาแน่นพอที่จะเย่อประชันกำลังกัน
แต่แหตะข่ายที่ชาวบ้านได้ช่วยกันทักทอกันอย่างรีบเร่งต่างหากที่จะรั้งมันไว้ไม่อยู่ ห่วงตะข่ายบางส่วนเริ่มปริง้างทั้งจากซี่ฟันอันแหลมคมและแรงแขนขาที่มหาศาล เบื้อยงบนนางอัปสรเฒ่าชราพยายามเหวี่ยงหอกทิ่มแทงแต่ก็ไม่ถูกเป้าซักครั้ง
" มาคุณยายทวดผมช่วย " เสียงพ่อเปรมกล่าวขึ้นพร้อมถลามาช่วยจับยึดที่ปลายฉมวก
เรี่ยวแรงและความแม่นย้ำของคนที่มีกำลังบวกกับพลังอำนาจที่ฟ้าประทานมาขจัดอสูรร้ายที่คอยแต่เข็นฆ่าได้นำพาความตายมาให้มัน ทั้งสองจับปลายฉมวกเสียบแทงทะลุเนื้อหนังอันหยาบหนาของมัน เกิดเสียงฟ้าคำรนสั่นสะเทือนปรากฏเปลวเพลิงสีเหลืองอ่อนลุกพรึบขึ้นที่เนื้อหนังเจ้าสัตว์ร้ายมันดิ้นรนจนหลุดออกจากตะข่าย ปลายฉมวกหักฝังทะลุทรวงอกมัน เลือดของมันได้ไหลออกจากกายมันดำผุดดำว่ายหนีจากบริเวณนั้นแต่แล้ว มันก็ไปไม่ได้ไกล มันฟาดหัวฟาดหางอย่างเจ็บปวดทุกข์ทรมาน อสูรร้ายได้ถูกเปลวไฟที่มิรู้ดับเผาผลาญจนสิ้นร่างเหลือเพียงผงธุลีกระจัดกระจายลอยหายไปกับสายนที ทุกคนมองดูภาพที่น่าสลดตกใจนั้น
ปราณต์ฟ้าคิดถึงลูกของมันกับภาพความร้ายกาจ.และความตายของมันเธอก็ยิ่งรู้สึกผิด หญิงสาวถอนใจเฮือก
" ฟ้า...เป็นอะไรบ้างหรือเปล่าลูก " เสียงพ่อเปรมตะโกนดังมาแต่ไกล
" แม่กำลังจะไปรับนะลูก หนูไต่ลงมาดีๆนะ " แม่อิ่มฤดีตะโกนบอกอีกแรง
" คุณพ่อคุณแม่ ตาอ๋องบาดเจ็บมาก ไข้ก็ขึ้นสูงมากค่ะ " หญิงสาวตะโกนตอบ
" ตายแล้วอ๋องลูกแม่ คุณรีบเดินเครื่องเร็ว " เสียงแหลมสูงของคุณอิ่มฤดีเร่งชาวบ้านที่อยู่ท้ายเรือเดินเครื่องยนต์เข้าไปไกล้ต้นมะขามที่กำลังยืนต้นเอียง
ปรารต์ฟ้าค่อยๆไต่ลงมาที่กิ่งปลายโค่นต้นอย่างระมัดระวัง เธอเริ่มรู้สึกหนาวสะท้านเวลาที่มีลมพัดมาหญิงสาวห่อตัวและซีดปาก เธอรู้สึกตัวว่าตัวเองเริ่มที่จะเป็นไข้เสียแล้ว
[ ไม่เป็นไรเรายังไหวอยู่น่า... ห่วงแต่ตาอ๋องนี่แหละจะเป็นอะไรมากหรือเปล่าก็ไม่รู้ ]
" อ๋องจ๋า...อ๋อง อีกเดี๋ยวคุณพ่อกับคุณแม่ก็จะเอาเรือมารับหนูไปหาคุณหมอแล้วนะ หนูจะหาป่วย หนูจะไม่เป็นอะไรนะครับ... "
ปราณต์ฟ้าพูดเบาๆเธอพูดทั้งๆที่รู้ว่าเด็กชายยังไม่ได้สติและไม่ได้ยินเสียงเธอ หญิงสาวมองเรือที่แล่นเข้ามาจอดห่างจากต้นไม้ที่เธอยืนอยู่ไปอีกประมาณสิบห้าเมตร
" เอาเรือเข้าไปใกล้กว่านี้อีกได้มั้ย " เสียงพ่อเปรมร้องบอกคนขับ
" ไม่ไหวแล้วครับพี่ มันติดต้นไม้เราเอาเรือเข้าไปรับไม่ได้ คงต้องให้หนูฟ้าว่ายเข้ามาเองแล้ว "
" เข้าไปอีกหน่อยไม่ได้แล้วหรือค่ะคุณพี่ " เสียงแม่อิ่มร้องบอกอย่างร้อนใจเมื่อเข้ามาใกล้ระยะที่พอจะมองเห็นสีหน้าอันขาวซีดของลูกสาว
" ไม่เป็นอะไรค่ะคุณแม่เดี๋ยวฟ้าว่ายไปเอง " หญิงสาวตะโกนบอกเสียงแหบพล่าแต่ใบหน้านั้นปรากฏรอยยิ้มแช่มชื่น
" หนูฟ้าเดี๋ยวพ่อว่ายเข้าไปรับตาอ๋องเองลูก "
พ่อเปรมพูดจบก็กระโจนลงน้ำไป เขาค่อยๆว่ายผ่านกิ่งก้านของต้นไม้ที่จมอยู่ใต้น้ำหลายต้นบริเวณนั้นเข้าไปหาลูกสาวที่กำลังยืนเกาะอยู่บนกิ่งมะขามที่ใกล้ผิวน้ำที่สุด เมื่อพ่อเปรมว่ายเข้าไปถึงเธอ หญิงสาวก็ส่งน้องชายให้ขึ้นขี่ที่คอของคุณพ่อโดยมีฝ่ามืออันแข็งแรงจับพยุงร่างน้อยไว้ แล้วตัวเธอก็ค่อยๆหย่อนตัวลงสู่ผิวน้ำ ความเย็นของมันทำให้เธอสะท้านเฮือก
" หนาวจัง " หญิงสาวบ่นพึมพำขณะที่ลอยตัวอยู่ในน้ำ จากนั้นเริ่มออกตัวว่ายตามหลังคุณพ่อของเธอไป
เธอมองแผ่นหลังที่ไกลห่างออกไปเรื่อยๆอย่างแปลกๆ หญิงสาวรู้สึกมึนงงและเริ่มว่ายช้าลงช้าลงเรื่อยๆ
" หนูฟ้าเป็นอะไรไปลูก " เสียงคุณอิ่มฤดีตะโกนถามเมื่อเห็นว่าบุตรสาวหยุดนิ่งไม่ว่ายต่อ ทำให้พ่อเปรมที่กำลังว่ายไปจนถึงตัวเรือหันกลับมามองบุตรสาว
" หนูไหวไหมลูก...ให้พ่อช่วยพยุงหนูไหม " พ่อเปรมขยับจะว่ายเข้าไปใกล้ก็พอดีกับที่ปราณต์ฟ้าร้องห้ามเสียก่อน
" คุณพ่อไม่ต้องห่วงหนูหรอกค่ะ เอาตาอ๋องขึ้นบนเรือก่อนเถอะ เดี๋ยวหนู.ว้าย... "
ยังไม่ทันที่ปราณต์ฟ้าจะพูดจบ หญิงสาวก็ถูกบางสิ่งฉุดกระชากจมลงสู่ใต้ผิวน้ำหายไปต่อหน้าต่อตาผู้เป็นพ่อแม่และคนบนเรืออย่างไม่คาดคิด มันพาร่างของหญิงสาวแหวกว่ายหนีไปอย่างรวดเร็วคล้ายกับปลางับเหยื่อที่ดำว่ายอยู่ใต้น้ำ
" ยัยฟ้า....ยัยฟ้าลูก...ยัยฟ้า... "
เสียงพ่อเปรมตะโกนก้อง พยายามที่จะว่ายตามร่างลูกสาวอย่างไม่ลดละทั้งที่มันพาร่างของเธอไปไกลห่างแล้วก็ตามโดยที่แม่ของปราณต์ฟ้าตะโกนร้องไห้แทบขาดใจ
" ไม่นะอย่าเอาลูกชั้นไป เอาลูกชั้นคืนมา...เอาลูกชั้นคืนมา ฮือฮือ เอาลูกชั้นคืนมา "
คุณอิ่มฤดีร้องร่ำไห้หัวใจสลายอยู่บนเรือเมื่อเห็นว่าไม่สามารถที่จะช่วยบุตรสาวให้รอดพ้นจากความตายได้เธอจึงได้แต่ร้องตะโกนอย่างสุดเสียงก่อนที่จะกรีดร้องแล้วเป็นลมสลบไป
" เอาๆ ช่วยกันประครองหญิงคนนี้หน่อย.... แล้วเจ้าแปรม...เจ้าเปรม แกไม่ต้องตามมันไปแล้วแกกลับมาห่วงลูกของแกอีกคนกับเมียของแกก่อน..เจ้าเปรม "
เสียงยายทวดสั่งดังลั่นทำให้สติของเขากลับคืนมา พ่อเปรมปาดน้ำตาแห่งความเสียใจอย่างที่สุดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบุตรสาวสุดที่รัก ผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่
" โธ่ยัยหนูลูกพ่อ ยัยหนูของพ่อ... "
..................................................................................................................................................................................
ความคิดเห็น