ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดั่งต้องมนต์

    ลำดับตอนที่ #3 : ดั่งต้องมนต์ Series : 01 ตอนที่ 3

    • อัปเดตล่าสุด 28 ธ.ค. 49


    ดั่งต้องมนต์  Series  :  01 
    ตอนที่  3 
         บ่ายหนึ่งโมงของก่อนวันงาน  ปราณต์ฟ้ารู้สึกว่ามันเป็นวันที่เหน็ดเหนื่อยที่สุดเธอวิ่งวุ่นอยู่ตั้งแต่เช้ามืดจนกระทั่งตกบ่ายหญิงสาวก็ยังไม่ได้หาอะไรลงท้องเลย  เธอทั้งหิวทั้งเหนื่อยล้า  ไม่รู้ว่าเธอคิดไปเองหรือเปล่าว่าผู้คนในหมู่บ้านดูจะวุ่นวายยิ่งกว่าเธอเสียอีกทั้งๆที่การจัดงานก็เตรียมไว้เสร็จเรียบร้อยดีแล้ว  หญิงสาวหยุดคิดเธอเหนื่อยอ่อนและอยากพักเต็มที  ปราณต์ฟ้าเดินขึ้นบ้านด้วยสภาพที่อิดโรย
              "  อ้าวฟ้ามาแล้วหรือลูก  เดี๋ยวฟ้าดูน้องให้แม่หน่อยนะ  แม่จะไปหาพ่อเขาหน่อย  เป็นอะไรเหนื่อยมากหรือลูก  "
         คุณนายอิ่มฤดีเข้ามาลูบศีรษะของบุตรสาวอย่างรักใคร่ห่วงใย
              "  หนูจะพักก่อนไหม  แม่จะได้เอาน้องไป  "
              "  ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวหนูดูเอง  คุณแม่ไปเถอะค่ะเอาตาอ๋องไปด้วยจะไปกวนคุณพ่อเปล่าๆ  " 
              "  เอาอย่างงั้นก็ได้  หนูจะทานข้าวก่อนไหมแม่จะจัดให้  "
              "  ไม่เป็นไรค่ะเดี๋ยวหนูหาอะไรทานได้  คุณแม่ไปเถอะค่ะ  "
              "  แม่ไปล่ะนะ  " 
              "  ค่ะ  ขับรถดีๆนะค่ะ  "
          หญิงสาวออกมายืนส่งผู้เป็นมารดาที่หน้าบ้าน  เธอมองสตรีวัยกลางคนที่กำลังขับรถออกไป  แล้วรู้สึกเหมือนกับใจหวิวๆมันจุกแน่นที่หน้าอกยังไงบอกไม่ถูก  หญิงสาวคิดว่าเป็นเพราะเธอไม่ได้กินอะไรรองท้องแน่ๆถึงมีอาการจะเป็นลมแบบนี้
              [  ไปทำข้าวไข่เจียวก็แล้วกันง่ายๆไม่ยุ่งยากดี  ]
         หญิงสาวสรุปเมนูในใจแล้วเดินเข้าครัวจัดการกับอาหารมื้อพิเศษ  เมื่อทุกอย่างทำเสร็จแล้วเธอก็เดินถือจานใบใหญ่ที่มีไข่เจียวสีเหลืองอำไพโป๊ะทับลงมาบนข้าวสุกร้อนๆหอมนุ่ม  เธอเดินถือมาทานตรงโซฟารับแขกที่มีร่างของน้องชายตัวน้อยนอนหลับสบายอยู่
         หญิงสาวนั่งลงตรงที่เป็นเก้าอี้เดี่ยวที่มีที่ท้าวแขน  เธอจัดการทานอาหารเริดรสในจานจนเกลื้อนแล้ววางลงที่เคาร์เตอร์บาร์ด้านหลัง  จากนั้นลุกเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำดื่ม  หญิงสาวดื่มน้ำไปหลายแก้วอย่างกระหาย
              "  เฮ้ย  ค่อยยังชั่วหน่อย  "
         ปราณต์ฟ้าเดินมานั่งลงบนโซฟาฝั่งตรงข้ามกับที่น้องชายนอนอยู่  เธอมองหน้าละมัยที่หลับพริ้มนั้นอย่างเอ็นดูพลางหาว
              "  หนังท้องตึงหนังตาก็หย่อนเลยนะเรา   "
         หญิงสาวเอนตัวลงนอนเหยียดยาวลงบนโซฟานุ่มปลายตาที่หรี่ปรือกระพริบเห็นภาพของเด็กชายตัวน้อยหลับสนิทเธอจึงปิดเปลือกตาลงอย่างอุ่นใจ 
         นิทราที่ยาวนานไหลเวียนร่วงเลยจนบ่ายคล้อยเด็กสาวจึงได้ขยับตัวกระพริบตาตื่นภาพตรงหน้าของหญิงสาวปรากฏเป็นโซฟาบุผ้าปักสีน้ำตาลอ่อนตัวยาวที่ว่างเปล่าปราศจากร่างกายของเด็กน้อย 
         หญิงสาวลุกขึ้นนั่งอย่างงัวเงียเธอมองหาร่างเล็กก็ไม่พบว่าจะอยู่ในที่แห่งนี้  ปราณต์ฟ้าจึงเดินเข้าไปล้างหน้าที่ห้องน้ำให้ตาสว่างจากนั้นจึงได้เดินตามหาเด็กชายไปที่ห้องต่างๆ
              "  อ๋อง  ตาอ๋อง  อยู่ไหนจ๊ะ  อ๋อง  "
         หญิงสาวเดินเข้าไปในห้องนอนของพ่อแม่  ภายในว่างเปล่า
              "  ไม่อยู่...ไปไหนนะ  "
         เธอเดินไปที่ห้องด้านซ้ายที่เป็นห้องนอนของเธอแล้วเปิดเข้าไป  ก็ไม่ปรากฏร่างของเด็กน้อย  หญิงสาวเริ่มหวั่นวิตกเธอรีบเดินอย่างรีบเร่งสายตาก็ส่ายหาไปมาเธอเดินเข้าห้องโน้นออกห้องนี้จนทั่วก็ยังไม่มีวี่แววของน้องชาย  หญิงสาวเริ่มใจไม่ดี  เธอรีบวิ่งออกไปดูที่เรือนชานหน้าบ้านชะโงกดูที่ต้นไม้สองต้นที่ผูกเปลไว้ซึ่งเด็กชายมักจะใช้เป็นที่นั่งเล่นประจำก็ไม่พบเห็น
              "  ตาอ๋องน้องอยู่ไหนน่ะ  ตาอ๋อง...ตาอ๋อง  "
         เธอตะโกนอยู่นอกเรือนชานพลางมองหาร่างน้อยโดยที่ไม่ได้เห็นถึงความผิดปรกติของพื้นดินเบื้องล่างเลยว่าเวลานี้ได้มีน้ำไหลซึมผ่านเข้าภายในบริเวณใต้ถุนเรือนคล้ายแอ่งน้ำที่ขังอยู่ตอนฝนตก
              "  ตาอ๋อง  น้องอยู่ที่ไหน  ตาอ๋อง  "
              "  อยู่นี่คับ  พี่ฟ้าอ๋องอยู่นี่  "
         เสียงเด็กชายตะโกนออกมาจากบันไดอีกข้างทางด้านหลังเรือนชานที่สามารถเดินออกไปสู่ร่องสวน  เธอรีบวิ่งไปดูก็พบว่าเด็กชายกำลังเล่นเรือลอยน้ำอยู่ในกระถางบัวเนื้อตัวเต็มไปด้วยดินโคลนซึ่งเปรอะเปื้อนอยู่นอกกระถาง  หญิงสาวถอนใจ
              "  อ๋องคราวหลังพี่เรียกแล้วต้องขานรับทันทีนะ  รู้มั้ย  "
              "  คับ  "
              "  ขึ้นมาอาบน้ำได้แล้วละอ๋อง  นี่ก็จะสี่โมงแล้ว  เดี๋ยวเย็นกว่านี้แล้วจะอาบไม่ได้  "
              "  อ๋องยังอยากเล่นเรือต่อ..อ๋องยังไม่อยากอาบ   "
              "  อ๋องอยากอาบน้ำเย็นๆหรือ  น้ำหนาวมากนะ...มาอาบตอนนี้เถอะ....มา  "  ฟ้าขยับตัวกำลังจะเดินลงบันไดไปเด็กชายก็รีบร้องบอก
              "  อีกเดี๋ยวอ๋องขึ้นไปอาบ  ขออ๋องเล่นต่ออีกหน่อยนะพี่ฟ้า  "
              "  อีกเดี๋ยวน่ะเมื่อไหร่...เดี๋ยวเราก็โยกโย้ไม่อยากอาบอีก  "
              "  อีกเดี่ยวจริงๆ  นะพี่ฟ้า...น๊า....  "  เด็กชายออดอ้อนสบสายตาเธออย่างวิงวอน  หญิงสาวคิดในใจมาลูกไม้เก่าๆอีกแล้วแต่ลูกไม้เก่าๆนี้เหละที่ทำให้เธอต้องใจอ่อนไปเสียทุกครั้ง
              "  ก็ได้  พี่ให้เวลาแค่ยี่สิบนาทีเท่านั้นนะไม่มีการขอต่อเวลาเพิ่มด้วย  "
              "  คับ...ขอบคุณคับ  "  ปราณต์ฟ้ายิ้มละมัยอย่างเอ็นดู
              "  เล่นอยู่ตรงนะอย่าไปไหนละรู้มั้ย  "
              "  คับ  "  เด็กชายขานตอบเสียงใสดูจะดีใจเอามากๆเพราะถ้าเป็นคุณแม่เธอคงได้โดยจับไปอาบน้ำแถมโดนดุว่าเป็นกระบุงโกยแน่ๆ 
              "  พี่ฟ้าจะเข้าไปเตรียมอาหารให้เราอยู่ในครัวนะ  เสร็จแล้วพี่จะมาเรียก  "
              "  คับ  "
         หญิงสาวเดินเข้าบ้านไปจัดการเก็บของบนโต๊ะทานข้าวที่มีผ้ากันเปื้อนพาดไว้กับแก้วน้ำสองสามใบ  เธอเดินถือมันเข้าครัวเพื่อสวมใส  แล้วนำแก้วสามใบไปวางไว้ที่อ่างล้างจาน  จากนั้นก็เปิดตู้เย็นนำผลฝักและรากผักชีออกมาล้างแล้วหั่น  เสร็จก็หันไปเปิดเตาแก๊สตั้งน้ำให้เดือด  จากนั้นก็หันไปปลอกเปลือกกระเทียมใส่ครกตำพร้อมกับรากผักชีและเม็ดพริกไทยอีกนิดหน่อยแล้วหันไปหยิบกระดูกหมูจากตูเย็นออกมาล้างพอน้ำเดือดได้ที่แล้วเธอจึงใส่เครื่องที่ตำไว้ลงไปพร้อมกับโรยเกลือเล็กน้อย  ใส่กระดูกหมูตามลงไปปิดฝาเคี่ยวไว้สักพักหนึ่งแล้วเปิดออกช้อนคราบที่ลอยอยู่เหนือน้ำทิ้งแล้วจึงใส่ฝักลงไปเปิดฝาแง้มไว้แล้วรอเวลาให้มันเปื่อย 
         หญิงสาวทำทุกอย่างด้วยความว่องไวเมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้นดีเธอจึงปิดแก็สถอดผ้ากันเปื้อนออก  แล้วจึงเดินมาดูนาฬิกา
              "  ห้าโมงกว่าจะหกโมงอยู่แล้วหรือเนี๊ย  ตาอ๋องคงจะสนุกเพลินไปแล้วล่ะซิ  "
         ปราณต์ฟ้ากล่าวอย่างสบายใจโดยที่เธอไม่รู้เลยว่าได้มีสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้นที่ด้านนอก  สายน้ำจากทะเลสาบได้ไหลเอื่อยเข้าท่วมหมู่บ้านมันได้เพิ่มระดับน้ำขึ้นเรื่อยๆจากห้าเซนติเมตรเป็นยี่สิบเซนติเมตร  เจ็ดสิบเซนติเมตร  เก้าสิบเซนติเมตร  จนกระทั้งมันเพิ่มระดับเป็นหนึ่งเมตรกระแสน้ำก็เริ่มเชียว
         เด็กชายมองดูกระแสน้ำที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่เข้าใจว่ามันเป็นสิ่งที่ผิดปรกติ  เขากระโดดโลดเต้นไปมาอย่างดีใจอยู่ที่ขั้นบันได  เพื่อที่จะมองดูสิ่งของต่างๆที่ไหลตามน้ำมาอย่างเพลิดเพลิน  มีทั้งเศษใบไม้  ลำไม้ไผ่  ผืนผ้าสีแดงและข้าวของที่จัดเตรียมงานต่างๆร่องลอยมาตามกระแสน้ำไปทั่ว  เด็กน้อยนั่งย่องๆดูเจ้าเต่าที่กำลังชูคอผ่านหน้าไป  เด็กชายหัวเราะคิกคักและเผยรอยยิ้มกว้างพยายามที่จะโน้มตัวไปข้างหน้าพลางวักน้ำให้เจ้าเต่าน้อยเข้ามาหา  จนไม่ได้เห็นถึงบางสิ่งที่ดูคล้ายท่อนไม้ท่อนเล็กยาวประมาณศอก  ได้ไหลเข้ามาใกล้เรียวแขนเล็กที่วักน้ำเล่นอย่างเพลินใจ 
              "  ตาอ๋อง  มาอาบน้ำได้แล้วล่ะ  "  หญิงสาวเดินออกมาถึงชานหน้าบันไดแล้วก็ต้องตะลึงเมื่อเห็นกระแสน้ำเชียวเกิดขึ้น
              "  พี่ฟ้าอ๋องเจอเต่าน้อยด้วยล่ะ  "
           เด็กชายหันกลับไปมองปราณต์ฟ้าจึงไม่ได้เห็นเจ้าสัตว์ร้ายผิดกับหญิงสาวที่ยืนมองตะลึง  เมื่อมันลืมตาขึ้นแล้วงับลงไปบนเนื้ออ่อนนั้น
    "  กรี๊ดดดด  "
         หญิงสาวกรีดร้องพร้อมกับเสียงที่เด็กชายหวีดร้องจ้า  เธอได้แต่ยืนจังงังเมื่อเห็นเลือดสีแดงสดไหลทะลักออกมาจากปากของลูกจระเข้  หญิงสาวมาได้สติอีกครั้งก็เมื่อร่างเล็กได้ถูกลากลงน้ำดังตูม  ปราณต์ฟ้ารีบวิ่งลงบันไดแล้วกระโจนลงน้ำที่ปริมาณน้ำในขณะนี้อยู่ที่หนึ่งเมตรแปดสิบเซนติเมตร
         เมื่อเธอผุดขึ้นเหนือผิวน้ำหญิงสาวก็หันซ้ายหันขวาดำผุดดำว่ายหาร่างเล็กนั้น  และเธอก็เห็นที่จุดหนึ่งใกล้กิ่งมะขามต้นใหญ่ร่างของน้องชายเธอกำลังปัดป้องเจ้าสัตว์ร้ายตัวน้อยอย่างเอาเป็นเอาตาย  โดยที่น้องชายเธอตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบเด็กชายทั้งร้องไห้และพยายามว่ายหนีฟันอันแหลมคมที่ไล่กัดท่อนแขนใบหน้าและลำตัวจนแหวะหวะเลือดไหลเต็มตัว
    ...................................................................................................................................................................................
      หญิงสาวรีบว่ายเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็วและเมื่อถึงตัวเจ้าสัตว์ร้าย  เธอจับช่วงหางมันกระชากออกมาให้พ้นตัวน้องชายเธอที่ลอยคอเกาะกิ่งไม้อย่างหมดเรี่ยวแรง  .จากนั้นก็เหวี่ยงมันไปให้พ้นโดยที่เธอไม่ได้ตั้งใจแต่เจ้าลูกจระเข้ตัวน้อยก็ลอยไปฟาดเข้ากับต้นไม้อย่างจังแล้วร่วงตกลงน้ำจมหายไป  หญิงสาวถึงได้รู้ว่าเธอได้ฆ่ามันตายเสียแล้ว
         ปราณต์ฟ้ารีบหันไปอุ้มน้องชายที่หมดสติเกยอยู่บนกิ่งไม้  เธอมองสำรวจทั่วใบหน้าและบริเวณลำตัวของเด็กน้อยก็พบว่าหลายแห่งถูกกัดลึกและมีเนื้อแหว่งที่บริเวณท่อนแขนหลายจุดซึ่งเลือดยังคงไหลไม่หยุด  หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีก้อนสะอึกขึ้นมาจุกที่คอ  เธอพยามยามกั้นมันไว้
              "  ตาอ๋อง..เดี๋ยวพี่พาน้องไปหาหมอ  น้องต้องไม่เป็นอะไรนะ  "
         หญิงสาวจับน้องชายขึ้นขี่หลังรวบสองมือน้อยไว้ด้านหน้าคล้องคอเธอ  ปราณต์ฟ้ากำลังจะว่ายออกไปจากที่ตรงนั้น  แต่ปรากฏว่าหญิงสาวรู้สึกถึงบางอย่าง  เธอลอยตัวนิ่งอยู่ในน้ำแววตาของเธอนั้นหวาดระแวงสอดส่ายไปมาอย่างรวดเร็วเมื่อพบว่ากระแสน้ำนั้นสูงขึ้นและเชี่ยวกราดกว่าเดิม  เธอไม่แน่ใจว่าจะว่ายกลับไปได้  ..ปราณต์ฟ้าตัดสินใจเลือกที่จะปีนขึ้นต้นไม้โดยใช้มือข้างขวาที่ยังเหลืออยู่โหนตัวเหยียบขึ้นไปที่กิ่งไม้ใหญ่แล้วไต่ขึ้นไป...  ไต่ขึ้นไปเรื่อยๆอย่างยากลำบาก  เพราะเธอต้องคอยระวังน้องชายไม่ให้ร่วงหล่นและมือที่จับยึดกิ่งไม้มีเพียงข้างเดียวซ้ำเสื้อผ้าที่เปียกโชกยังถ่วงน้ำหนักตัวเธอเพิ่มขึ้นไปอีก
         เวลานี้กระแสน้ำไหลเชี่ยวขึ้นและระดับน้ำก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง  เธอไต่ขึ้นไปอยู่สูงเหนือระดับน้ำประมาณเกือบสามเมตรมันเป็นระดับที่สูงพอดู  หญิงสาวมองเห็นบ้านตัวเองถูกน้ำท่วมถึงชั้นสองแล้วก็ถึงกับเพ้อ
              "  มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่...น้ำจะท่วมโลกหรือยังไง  "
         ฉับพลันสิ่งที่เธอไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น  เมื่อมองเห็นการเคลื่อนไหวของกระแสน้ำที่เชี่ยวมีบางสิ่งเคลื่อนกายอย่างรวดเร็วทวนกระแสน้ำขึ้นมา....
         ปราณต์ฟ้าตะลึงมันคือจระเข้ตัวโตเต็มวัย  ที่มีขนาดลำตัวหนาใหญ่ยาวประมาณเกือบสามเมตร  เกล็ดชันตั้งลู่แหลมตลอดแนวจรดช่วงหัวถึงปลายหาง  ดวงตาเหลืองอำพันแสดงรังสีความดุร้ายเปล่งประกายชัดผิดกับท่วงท่าการแหวกว่ายที่อ่อนช้อยงดงามมันสอดส่ายไปรอบด้านอย่างรวดเร็ว  เมื่อมันเข้ามาใกล้ในระยะสายตาของหญิงสาวเธอก็ต้องตกตะลึงอีกครั้งเมื่อสิ่งที่เธอเห็นเป็นก้อนดำๆที่หลังของมันนั้น  คือลูกจระเข้ที่ถูกเธอทำร้ายถึงตายหญิงสาวสะท้านทรวงหน้าซีดเมื่อนึกถึงว่ามันคงจะเป็นแม่ของเจ้าจระเข้น้อยและกำลังตามล่าคนที่ทำกับลูกของมันเป็นแน่
          เธอคิดไม่ผิดเมื่อมันหันมาเจอกับเธอการว่ายในช่วงแรกที่ว่าเร็วแล้วยังไม่เท่ากับ ณ. เวลานี้   มันตรงดิ่งเข้าใต้ต้นมะขามแล้วกระโดดงับกิ่งใหญ่ที่อยู่ห่างใต้ฝ่าเท้าเธอลงไปประมาณเมตรเศษๆ
               "  กรี๊ดดดดดดด  " 
         หญิงสาวกรีดร้องเสียงหลงเธอแตกตื่นและหวาดกลัวอย่างที่สุด
         เมื่อมันกระโดดอีกครั้งมันได้เพิ่มระดับความสูงใกล้เธอเข้ามาอีก  และมันได้กระชากอีกกิ่งหนึ่งด้านซ้ายมือของเธอลงไปดังตูมใหญ่  ดูเหมือนว่ามันจะสามารถกระโดดเหนือผิวน้ำได้สูงเพียงแค่นั้น 
         แต่ทุกครั้งที่มันกระโดดขึ้นและตกลงไปกระแสน้ำเชี่ยวก็แตกกระจายขึ้นสูงรอบทิศทาง มันสาดกระเซ็นขึ้นมาถึงตัวปราณต์ฟ้า  หญิงสาวพยายามอย่างยิ่งที่จะเกาะให้มั่นเพราะน้ำที่เปียกใต้ฝ่าเท้าเปลือยเปล่านั้นลื่นพอที่จะทำให้เธอพลาดพลั้งตกลงไปได้
         การกระโดดครั้งนี้มันคงคิดว่าเธอจะได้เข้าไปอยู่ในปากของมันเป็นแน่  แต่มันก็ผิดหวัง....มันยิ่งแสดงอารมณ์ดุร้ายขึ้นกว่าเดิม  มันว่ายไปรอบๆต้นไม้ใหญ่แล้วใช้ลำตัวกับช่วงหางฟาดไปที่ลำต้นอย่างต่อเนื่องดังสนั่นหวั่นไหวต้นไม้เกิดเสียงลั่นเปรี้ยะมันสั่นสะเทือนตั้งแต่โคนต้นจนถึงปลายยอด  หญิงสาวถึงกับร้องเสียงหลงกอดรัดรอบกิ่งไม้แน่น
         [    พ่อจ๋าแม่จ่า  ฟ้ากลัว..ฟ้าจะทำยังไงดี    ] 
         หญิงสาวร่ำร้องอย่างวิตกเมื่อมองดูการกระทำของมัน  มันหวังที่จะให้เธอตกลงไปหรือไม่ก็หวังที่จะโค่นต้นไม้นี้ทิ้งซะ 
         มันต้องผิดหวังซ้ำอีกเมื่อเธอไม่ตกลงไปและต้นไม้ใหญ่แข็งแกร่งและเหนียวเกินกว่าจะหักโค่นได้ง่าย  อารมณ์ของมันเกรี้ยวกราดกว่าเดิมมันฟาดหัวฟาดหางอยู่ในน้ำอย่างโกรธแค้น  ทั้งขบกัดงับทึ้งลำต้นมะขามอย่างเดือดดาลจนเปลือกและเนื้อไม้ฉีกกระจายลงผิวน้ำก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้
         ลักษณะท่าทางของมันเหมือนผู้หญิงอารมณ์ร้ายที่เวลาโกรธแล้วจะไม่ใส่ใจว่าตัวเองนั้นจะต้องเจ็บไปด้วยยามที่ไปทำร้ายคนอื่น  เฉกเช่นเดียวกับเจ้าตัวนี้ที่จ้องแต่จะทำร้าย     โดยไม่ได้สนใจบาดแผลที่มีเลือดไหลออกจากปาก   ปราณต์ฟ้าเห็นแล้วก็อดคิดไม่ได้ว่าไม่เธอก็มันฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องตายไปข้างไม่เช่นนั้นเหตุการณ์นี้คงต้องดำเนินต่อไปยาวนานเป็นแน่
          และเธอก็ไม่คิดอยากให้เป็นเช่นนั้นเพราะน้องชายเธอตอนนี้อาการเริ่มแย่แล้วทั้งจากการเสียเลือดและยังมีไข้แทรกซ้อนที่เธอรู้ได้ก็จากเสียงเพ้อของพิษไข้กับความร้อนที่บริเวณลำแขนและใบหน้าที่เด็กน้อยซบอยู่กับแผ่นหลังของเธอ  เวลานี้หญิงสาวห่วงทั้งน้องชายและตัวเองว่าไม่รู้จะผ่านสถานการณ์ล่อแหลมนี้ยังไงดี
         ...และหญิงสาวก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นมันว่ายน้ำกลับไปอย่างรวดเร็ว
         [  มันยอมเลิกราแล้วหรือ  ]
         ปราณต์ฟ้ายืนนิ่งมองมันดำน้ำหายไปอยู่เนินนานเธอไม่แน่ใจว่าจะลงไปดีหรือไม่  เพราะรู้สึกว่าจระเข้ตัวนี้เฉียวฉลาดเกินสัตว์ทั่วไปมันอาจเป็นกลหลอกล่อเธอก็ได้...แต่ถ้าไม่ใช่อย่างที่เธอคิดเธอก็จะเสียเวลาอยู่บนนี้
         [  ลงไปดูเถอะฟ้าถึงยังไงมันก็เป็นโอกาส  ถ้าไม่เช่นนั้นเธอจะอยู่บนนี้ไปตลอดหรือ  ]
         เสียงในใจเตือนเธอให้ลองเสี่ยงดู  หญิงสาวจึงทำใจสู้ค่อยๆปีนป่ายลงไปเรื่อยๆจนกระทั่งอยู่เหนือผิวน้ำเพียงหนึ่งเมตร  หญิงสาวก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีเสียงซู่ซ่าแปลกๆเกิดขึ้นที่ผิวน้ำทั่วสาระทิศ  เธอตื่นตระหนกรีบรี่ปีนกลับขึ้นไปอย่างรวดเร็ว  โดยที่สายตายังจับจ้องที่สายน้ำเบื้องล่างแล้วเธอก็ต้องเบิกตาโพรงปากคอสั่นรู้สึกถึงน้ำอุ่นๆที่รินอาบแก้มหญิงสาวกอดกระชับกิ่งไม้แน่เมื่อเธอรู้สึกว่าอยากจะเป็นลมเสียให้ได้
         เมื่อเห็นส่วนหัวและลำตัวยาวใหญ่ของจระเข้นับสิบว่ายทวนกระแสน้ำเข้ามาหาเธอเป็นจุดมุ่งหมายเดียว  ปราณต์ฟ้ามีอาการเกร็งกระตุกที่กล้ามเนื้อ  ทั่วทั้งร่างตื่นกลัวเกินกว่าจะยั้งสติได้ว่าตัวเองนั้นยังอยู่ในจุดเสี่ยง  เพราะบริเวณที่เธอยืนเหยียบอยู่นั้นอยู่เหนือผิวน้ำเพียงสองเมตรกว่าๆทั้งยังเป็นจุดที่เบื้องล่างไม่มีกิ่งไม้มากั้นขวางไว้เลยความกลัวทำให้เธอขาดสติและการไตร่ตรอง
              "  พี่ฟ้า...  " 
         เสียงอันแผ่วเบาที่อิงอยู่ข้างหูนั้นเองที่เป็นตัวฉุดสติของเธอให้กลับมา  หญิงสาวรีบโหนตัวขึ้นจับกิ่งไม้ยกตัวปีบป่ายขึ้นไปพอดีกับที่จระเข้จ่าฝูงกระโดดขึ้นงับนั้นเปรียบเสมือนสัญญาณการเริ่มจู่โจม  หลายตัวกระโดดขึ้นงับอากาศแล้วร่วงลงน้ำแล้วเริ่มต้นใหม่  สายน้ำแตกกระเซ็นอยู่โดยรอบต้นไม้ทั้งยังมีอีกหลายตัวพยายามฟาดหัวฟาดหางเพื่อที่จะให้เธอตกลงไป   อีกหลายตัวก็ฉีดทึ้งลำต้นที่ตอนนี้แหว่งจนปราณต์ฟ้าคิดว่ามันมีสิทธิ์ที่จะโดนโค่นลงแน่ถ้ามันยังคงทำต่อไป
         บาดแผลที่เธอได้รับจากการปีนป่ายและจากคมเกร็ดที่แหลมแข็งซึ่งบาดลึกอยู่ทั้งสองฝ่ามือความเจ็บของมันไม่เท่ากับลูกจระเข้ทำร้ายน้องเธอ  และความตายตกไปของเธอก็คงจะสาสมพอกับที่หญิงสาวได้ฆ่าลูกจระเข้เธอรู้สึกผิดและเศร้าสลดอย่างบอกไม่ถูก  การที่เธอฆ่าลูกจระเข้นั้นมันสมควรแล้วหรือ  และการที่เธอกับน้องจะต้องถูกฆ่าตายอย่างทรมานนั้นมันถูกแล้วหรือ
         เพราะความโกรธแค้นที่ทำให้เรื่องราวมันเลวร้ายลง  ...แล้วการสั่นสะเทื้อนที่โยกคลอนลำต้นให้ส่ายไหวรุนแรงนั้นก็นำให้ปราณต์ฟ้าหันกลับมาสนใจเวลาของชีวิตที่เหลืออยู่  เธอพยายามเม้มปากที่สั่นไม่ให้ร้องซักแอะเมื่อลำต้นใหญ่เริ่มโอนเอนคล้ายจะหักโค่น
    ...................................................................................................................................................................................
     

    "  ปัง  ปัง  ปัง  ปัง  ปัง  ปัง  ปัง  ปัง  ปัง  " 
    เกิดเสียงปืนดังติดต่อกันหลายนัด  หญิงสาวจึงหันไปมองต้นเสียงภาพที่เห็นก็คือกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ยืนอยู่บนเรือสองลำ  ทั้งหญิงชายมีอาวุธครบมือ  ทั้งกระบอกปืนและฉมวกปลายแหลม   โดนมียายทวดเฒ่านั่งสั่งการอยู่กลางหัวเรือถัดมาเป็นบุคคลที่เธอรักและห่วงหาที่สุด
    "  คุณพ่อคุณแม่  "
    ปราณต์ฟ้าร้องตะโกนอย่างยินดี  รอยยิ้มกว้างเบิ่งบานขึ้นบนใบหน้า  หยาดน้ำตาแห่งความปิติยินดีไหลรินรู้สึกถึงแสงสว่างและความอบอุ่นใจแล่นผ่านทั่วร่าง  ความตายที่เธอคิดจะได้เจอพลันมลายหายไปหมดสิ้น   
    อสูรร้ายต่างเร่งเข้าจู่โจมเรือทั้งสองลำ  เสียงปืนเร่งระดมยิงสาดใส่ไม่หยุดทั้งสองฝ่ายต่างต่อสู้กันดุเดือดแต่เพราะเหตุใดไม่ทราบการระดมยิงของเหล่าชาวบ้านจะไม่สามารถฆ่าเจ้าสัตว์ร้ายนี้ได้เลย  แม้แต่ทำให้มันบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยก็ยังทำไม่ได้  หญิงสาวมองสถานการณ์ตรึงเครียด  เธอลุ้นตัวโก่งอยู่บนกิ่งไม้
    "  ยายทวดเฒ่าทำยังไงดีครับ  จะฆ่ามันยังไงมันก็ไม่ตาย  "  
    "  แกเอาฉมวกมานี่  "  ยายทวดสั่งเสียงกร้าวจากนั้นก็รับฉมวกมาลุกขึ้นจากที่นั่งอย่างช้าๆ 
    แล้วเล็งไปที่อสูรร้ายที่อยู่ใกล้ตัวทางด้านซ้ายมือ  ยายทวดจวงแทงลงไปปลายแหลมของฉมวกทิ่มเข้าไปที่ผิวของมันเพียงนิดเดียว  แต่ผลที่ปรากฏบนผิวอันหยาบหนาของมันคือรอยปริแยกของเนื้อหนังเลือดสีแดงสดไหลทะลัก  จระเข้ร้ายตนนั้นพลิกตัวดิ้นหนีอย่างทรมานก่อนจะจมหายไป   
    ปรานต์ฟ้าเห็นการกระทำเช่นนั้นของยายทวดก็พิศวง
    "  เกิดอะไรขึ้นกับมัน     "
    ยายทวดเหวี่ยงฉมวกคอยทิ่มแทงจระเข้ร้ายหลายตัวให้ตายลงโดยมีชาวบ้านคอยช่วยเหลือ  จนกระทั่งเหลือจระเข้ที่ดุร้ายและฉลาดที่สุด  มันไม่ได้ว่ายเข้าไปทำร้ายชาวบ้านอย่างที่ทุกตัวได้กระทำ  มันเพียงแต่ว่ายวนไปมาอยู่รอบๆ  คอยดูสถานการณ์แล้วเมื่อทุกตัวตายลงมันจึงได้เผชิญหน้ากับยายทวดเฒ่า
    ดูเหมือนว่ายายทวดเฒ่าเองก็กำลังประเมินเจ้าสัตว์ร้ายตัวนี้อยู่เช่นกัน  สายตาของหญิงชรานั้นวิตกกังวลเพราะรู้สึกว่ากำลังของแกจะเหลือน้อยเต็มทีและเจ้าสัตว์ร้ายน่าชังนี้ก็คาดการไว้ไม่ผิด
    มันฉวยโอกาสดำลงใต้น้ำที่ขุ่นมัวหายไปเป็นนาน  ชาวบ้านที่อยู่บนเรือทั้งสองลำต่างสอดส่ายสายตามองหา
    ปราณต์ฟ้าเห็นการที่มันทำเช่นนั้นก็เพื่อสร้างความกังวลและหวาดระแวงให้เกิดขึ้นกับชาวบ้าน  หญิงสาวพยายามมองหามันเช่นกัน  และเธอก็เหลือบไปเห็นส่วนหางที่กำลังฟาดไปที่ใต้ท้องเรือลำที่มีลุงหมอบยืนถือปืนคอยเล็งอยู่
    "  ลุงหมอบระวังมันอยู่...."  ยังไม่ทันที่เธอจะกล่าวจบ
    ปลายหางอันทรงพลังก็ฟาดเปรี้ยงเข้าไปที่ท้องเรือ  ทำให้ท้องเรือแตกน้ำทะลักเข้าเรืออย่างรวดเร็วมันไม่ปล่อยโอกาสให้หลุดลอยไปมันฟาดซ้ำลงไปอีกสามสี่ครั้ง  เป็นผลให้เรือแตกและพลิกคว่ำจมดิ่งลงใต้น้ำอย่างรวดเร็ว
    ร่างมนุษย์หลายร่างต่างตกลงน้ำพวกเขาพากันว่ายหนีขึ้นเรืออีกลำแต่ก็ไม่พ้น  มันเข้าขย้ำฉีกทึ้งและกลืนกินดั่งฝูงปลาน้อย เลือดสีสดไหลเจือปนกับกระแสน้ำกระจายเป็นวงกว้างกลิ่นคาวคละคลุ้งลอยตลบ  ภาพสยองขวัญนั้นเกิดเพียงไม่กี่นาทีแต่มันยาวนานมากสำหรับหญิงสาว    เธออ้าปากที่สั่นนั้นค้างตกตะลึงถึงที่สุด          
     "...ลุงหมอบ...โธ่....ลุง "  ปราณต์ฟ้าสะอื้อไห้สะเทือนใจอย่างที่สุด
    ความเสียใจนั้นยังไม่ถึงที่สิ้นสุดเมื่อหญิงสาวเริ่มเห็นว่าเจ้าอสูรร้ายมันกำลังทำแผนเดียวกันอีกครั้ง  แต่คราวนี้มันจะเกิดขึ้นกับเรือของพ่อแม่ของเธอ  หญิงสาวใจหายวาบเธอร้องตะโกนบอกพ่อกับแม่สุดเสียง
    "  พ่อค่ะ  มันกำลังไปหาคุณพ่อค่ะ  "
     เจ้าอสูรร้ายกำลังว่ายเข้าไปใกล้ลำเรือและเตรียมพร้อมที่จะมุดเข้าข้างใต้ท้องเรือ  แต่ทันใดนั้น  แหตะข่ายเหล็กก็ถูกเหวี่ยงออกคลุมตัวพันธนาการมันไว้  อสูรร้ายพยายามดิ้นรนชาวบ้านต่างฉุดรั้งโซ่เหล็กอย่างหนักหน่วงปลายโซ่ตรวนนั้นถูกพันติดตรึงไว้กับเสาค้ำลำเรือมันหนาแน่นพอที่จะเย่อประชันกำลังกัน 
    แต่แหตะข่ายที่ชาวบ้านได้ช่วยกันทักทอกันอย่างรีบเร่งต่างหากที่จะรั้งมันไว้ไม่อยู่  ห่วงตะข่ายบางส่วนเริ่มปริง้างทั้งจากซี่ฟันอันแหลมคมและแรงแขนขาที่มหาศาล  เบื้อยงบนนางอัปสรเฒ่าชราพยายามเหวี่ยงหอกทิ่มแทงแต่ก็ไม่ถูกเป้าซักครั้ง
    "  มาคุณยายทวดผมช่วย  "  เสียงพ่อเปรมกล่าวขึ้นพร้อมถลามาช่วยจับยึดที่ปลายฉมวก
    เรี่ยวแรงและความแม่นย้ำของคนที่มีกำลังบวกกับพลังอำนาจที่ฟ้าประทานมาขจัดอสูรร้ายที่คอยแต่เข็นฆ่าได้นำพาความตายมาให้มัน ทั้งสองจับปลายฉมวกเสียบแทงทะลุเนื้อหนังอันหยาบหนาของมัน  เกิดเสียงฟ้าคำรนสั่นสะเทือนปรากฏเปลวเพลิงสีเหลืองอ่อนลุกพรึบขึ้นที่เนื้อหนังเจ้าสัตว์ร้ายมันดิ้นรนจนหลุดออกจากตะข่าย  ปลายฉมวกหักฝังทะลุทรวงอกมัน  เลือดของมันได้ไหลออกจากกายมันดำผุดดำว่ายหนีจากบริเวณนั้นแต่แล้ว  มันก็ไปไม่ได้ไกล  มันฟาดหัวฟาดหางอย่างเจ็บปวดทุกข์ทรมาน  อสูรร้ายได้ถูกเปลวไฟที่มิรู้ดับเผาผลาญจนสิ้นร่างเหลือเพียงผงธุลีกระจัดกระจายลอยหายไปกับสายนที   ทุกคนมองดูภาพที่น่าสลดตกใจนั้น
    ปราณต์ฟ้าคิดถึงลูกของมันกับภาพความร้ายกาจ.และความตายของมันเธอก็ยิ่งรู้สึกผิด  หญิงสาวถอนใจเฮือก
    "  ฟ้า...เป็นอะไรบ้างหรือเปล่าลูก  "  เสียงพ่อเปรมตะโกนดังมาแต่ไกล
    "  แม่กำลังจะไปรับนะลูก   หนูไต่ลงมาดีๆนะ  "  แม่อิ่มฤดีตะโกนบอกอีกแรง
    "  คุณพ่อคุณแม่   ตาอ๋องบาดเจ็บมาก   ไข้ก็ขึ้นสูงมากค่ะ  "  หญิงสาวตะโกนตอบ
    "  ตายแล้วอ๋องลูกแม่   คุณรีบเดินเครื่องเร็ว   "  เสียงแหลมสูงของคุณอิ่มฤดีเร่งชาวบ้านที่อยู่ท้ายเรือเดินเครื่องยนต์เข้าไปไกล้ต้นมะขามที่กำลังยืนต้นเอียง 
    ปรารต์ฟ้าค่อยๆไต่ลงมาที่กิ่งปลายโค่นต้นอย่างระมัดระวัง  เธอเริ่มรู้สึกหนาวสะท้านเวลาที่มีลมพัดมาหญิงสาวห่อตัวและซีดปาก  เธอรู้สึกตัวว่าตัวเองเริ่มที่จะเป็นไข้เสียแล้ว
    [ ไม่เป็นไรเรายังไหวอยู่น่า...  ห่วงแต่ตาอ๋องนี่แหละจะเป็นอะไรมากหรือเปล่าก็ไม่รู้  ]
    "  อ๋องจ๋า...อ๋อง  อีกเดี๋ยวคุณพ่อกับคุณแม่ก็จะเอาเรือมารับหนูไปหาคุณหมอแล้วนะ  หนูจะหาป่วย หนูจะไม่เป็นอะไรนะครับ...  "
     ปราณต์ฟ้าพูดเบาๆเธอพูดทั้งๆที่รู้ว่าเด็กชายยังไม่ได้สติและไม่ได้ยินเสียงเธอ หญิงสาวมองเรือที่แล่นเข้ามาจอดห่างจากต้นไม้ที่เธอยืนอยู่ไปอีกประมาณสิบห้าเมตร
    "  เอาเรือเข้าไปใกล้กว่านี้อีกได้มั้ย  "  เสียงพ่อเปรมร้องบอกคนขับ
    "  ไม่ไหวแล้วครับพี่   มันติดต้นไม้เราเอาเรือเข้าไปรับไม่ได้   คงต้องให้หนูฟ้าว่ายเข้ามาเองแล้ว  "
    "  เข้าไปอีกหน่อยไม่ได้แล้วหรือค่ะคุณพี่  "  เสียงแม่อิ่มร้องบอกอย่างร้อนใจเมื่อเข้ามาใกล้ระยะที่พอจะมองเห็นสีหน้าอันขาวซีดของลูกสาว
    "  ไม่เป็นอะไรค่ะคุณแม่เดี๋ยวฟ้าว่ายไปเอง  "  หญิงสาวตะโกนบอกเสียงแหบพล่าแต่ใบหน้านั้นปรากฏรอยยิ้มแช่มชื่น
    "  หนูฟ้าเดี๋ยวพ่อว่ายเข้าไปรับตาอ๋องเองลูก  " 
    พ่อเปรมพูดจบก็กระโจนลงน้ำไป  เขาค่อยๆว่ายผ่านกิ่งก้านของต้นไม้ที่จมอยู่ใต้น้ำหลายต้นบริเวณนั้นเข้าไปหาลูกสาวที่กำลังยืนเกาะอยู่บนกิ่งมะขามที่ใกล้ผิวน้ำที่สุด  เมื่อพ่อเปรมว่ายเข้าไปถึงเธอ  หญิงสาวก็ส่งน้องชายให้ขึ้นขี่ที่คอของคุณพ่อโดยมีฝ่ามืออันแข็งแรงจับพยุงร่างน้อยไว้  แล้วตัวเธอก็ค่อยๆหย่อนตัวลงสู่ผิวน้ำ  ความเย็นของมันทำให้เธอสะท้านเฮือก
    "  หนาวจัง  "  หญิงสาวบ่นพึมพำขณะที่ลอยตัวอยู่ในน้ำ  จากนั้นเริ่มออกตัวว่ายตามหลังคุณพ่อของเธอไป
    เธอมองแผ่นหลังที่ไกลห่างออกไปเรื่อยๆอย่างแปลกๆ  หญิงสาวรู้สึกมึนงงและเริ่มว่ายช้าลงช้าลงเรื่อยๆ
    "  หนูฟ้าเป็นอะไรไปลูก   "  เสียงคุณอิ่มฤดีตะโกนถามเมื่อเห็นว่าบุตรสาวหยุดนิ่งไม่ว่ายต่อ  ทำให้พ่อเปรมที่กำลังว่ายไปจนถึงตัวเรือหันกลับมามองบุตรสาว
    "  หนูไหวไหมลูก...ให้พ่อช่วยพยุงหนูไหม  "  พ่อเปรมขยับจะว่ายเข้าไปใกล้ก็พอดีกับที่ปราณต์ฟ้าร้องห้ามเสียก่อน
    "  คุณพ่อไม่ต้องห่วงหนูหรอกค่ะ  เอาตาอ๋องขึ้นบนเรือก่อนเถอะ  เดี๋ยวหนู.ว้าย...   "  
    ยังไม่ทันที่ปราณต์ฟ้าจะพูดจบ หญิงสาวก็ถูกบางสิ่งฉุดกระชากจมลงสู่ใต้ผิวน้ำหายไปต่อหน้าต่อตาผู้เป็นพ่อแม่และคนบนเรืออย่างไม่คาดคิด  มันพาร่างของหญิงสาวแหวกว่ายหนีไปอย่างรวดเร็วคล้ายกับปลางับเหยื่อที่ดำว่ายอยู่ใต้น้ำ
    " ยัยฟ้า....ยัยฟ้าลูก...ยัยฟ้า...  "
     เสียงพ่อเปรมตะโกนก้อง พยายามที่จะว่ายตามร่างลูกสาวอย่างไม่ลดละทั้งที่มันพาร่างของเธอไปไกลห่างแล้วก็ตามโดยที่แม่ของปราณต์ฟ้าตะโกนร้องไห้แทบขาดใจ
    "  ไม่นะอย่าเอาลูกชั้นไป   เอาลูกชั้นคืนมา...เอาลูกชั้นคืนมา  ฮือฮือ  เอาลูกชั้นคืนมา  " 
    คุณอิ่มฤดีร้องร่ำไห้หัวใจสลายอยู่บนเรือเมื่อเห็นว่าไม่สามารถที่จะช่วยบุตรสาวให้รอดพ้นจากความตายได้เธอจึงได้แต่ร้องตะโกนอย่างสุดเสียงก่อนที่จะกรีดร้องแล้วเป็นลมสลบไป
     "  เอาๆ  ช่วยกันประครองหญิงคนนี้หน่อย....  แล้วเจ้าแปรม...เจ้าเปรม    แกไม่ต้องตามมันไปแล้วแกกลับมาห่วงลูกของแกอีกคนกับเมียของแกก่อน..เจ้าเปรม  " 
    เสียงยายทวดสั่งดังลั่นทำให้สติของเขากลับคืนมา   พ่อเปรมปาดน้ำตาแห่งความเสียใจอย่างที่สุดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับบุตรสาวสุดที่รัก  ผู้เป็นดั่งแก้วตาดวงใจของพ่อแม่
    "  โธ่ยัยหนูลูกพ่อ  ยัยหนูของพ่อ...  "
    ..................................................................................................................................................................................

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×