ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Tavia High School แค่เธอเท่านั้นยัยคุ่แข่งจอมแสบ

    ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 การพบเจอที่น่ายินดี (เหรอ?)

    • อัปเดตล่าสุด 15 พ.ค. 56


    บทที่ 1 การพบเจอที่น่ายินดี (เหรอ?)

                ฉันเดินตามชายคนหนึ่งที่ฉัน ขอร้องให้พาไปยังห้องฝ่ายปกครองเขาเป็นชายผมสีบลอนด์อ่อนๆ หน้าเรียวขาวใสตาสวยเหมือนผู้หญิง จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากหยักได้รูป เป็นผู้ชายที่หน้าหวานมากๆ แถมดูใจดีอีกต่างหากคงจะเป็นเพื่อนที่ดีได้ อ้อฉันลืมแนะนำตัวไปเลย ฉันชื่ออริสา คุราตะชื่อเล่นชื่อริมะเป็นคุณหนูลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น ที่ทำตัวไม่ดูเป็นลูกคุณหนูที่สง่างามเลยซักนิด ที่เห็นไปเมื่อตะกี๊นี้ก็แค่คาแรคเตอร์ภายนอกเท่านั้นเหละ(ง่ายๆ คือขี้เก๊กใช่ป่ะ)ฉันเป็นพวกมีหลายคาแรคเตอร์บางครั้งก็เรียบร้อย บายครั้งก็ลุย บางครั้งก็ติสต์แตก บางครั้งก็ทำตัวแมนๆ บลาๆๆ เต็มไปหมด(แต่ยังไงฉันก็ยังเป็นผู้หญิง 100% อยู่นะ) ดูอย่างนี้ฉันก็มีจุดอ่อนเหมือนกันนะแค่สองอย่างเอง มี...

    “ถึงแล้วครับ”

    ชายคนนั้นเอ่ยออกมาหลังจากที่เงียบไปนาน ฉันมองไปรอบๆ ที่นี่แยกออกมาจากตึกเรียน ขนานก็ใหญ่พอสมควรไม่ได้อลังการอะไรนักแต่ก็เป็นตึกที่ดูดีใช้ได้ทีเดียว สีของตึกเน้นโทนสีอ่อนเป็นส่วนใหญ่ดูเรียบๆสบายตา

    “ขอบคุณที่พามาส่งนะคะ” ฉันกล่าวคำขอบคุณอย่างจริงใจกลับไป

    “ด้วยความยินดีครับ ไว้เจอกันใหม่นะครับคุณ... เอ่อ”

    “ฉันอริสาค่ะ อริสา คุราตะ”

    “ครับคุณอริสา ผมชื่อฟีเซโก้ เมสโดคินครับหวังว่าจะได้พบกันอีกนะครับ”

    “เช่นกันค่ะ”

                ฉันลากับเขาตรงนั้นและเดินเข้าไปในห้องฝ่ายปกครองข้างในก็ไม่ได้ต่างอะไรกันมากนักนอกจากมีโต๊ะเพิ่มขึ้นมาสองสามตัวเท่านั้นฉันเดินตรงไปยังห้องๆ หนึ่งที่อยู่ลึกสุดของทางเดิน มันมีป้ายเขียนไว้หน้าห้องว่า ผู้จัดการ ฉันเคาะประตูห้องสองสามทีและเปิดประตูเข้าไปภายในห้องนั้น

                “สวัสดีจ้ะ รินกะะ”

                ในระหว่างที่ฉันก้าวเข้าไปในห้องนั้นก็มีเสียงพูดย้อยกับมา มันเป็นเสียงที่ฉันคุ้นเคยเป็นอย่างดี เขาคือคุณโยซึคุณอาของฉันเอง เขาเป็นคนชวน(แม่)ให้ฉันมาเรียนที่โรงเรียนของเขา นี่คือเหตุและผลที่ฉันต้องย้ายโรงเรียนมาในวันเปิดภาคเรียนที่สองแบบนี้ทั้งๆ ที่โรงเรียนเก่าก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลยนิดแถมยังต้องจากเพื่อนสนิดไปด้วยเซ็งจริง

                “สวัสดีค่ะอาโย จะให้หนูเรียนห้องไหนดีคะ”

                “แหม มาถึงก็พูดเรื่องเรียนเลยนะ สมแล้วที่ได้เป็นดาวโรงเรียนคนดัง”

                “โห อาก็ไม่ถึงกับขนาดนั้นสักหน่อย ก็แค่เรียนเก่งเท่านั้นเอง”

                “ทั้งดนตรี ทั้งกีฬา ทั้งรูปลักษณ์ภายนอก หนูก็ได้ที่หนึ่งตลอดเลยไม่ใช่หรือไง”

                “ช่างเถอะค่ะ ตกลงหนูได้เรียนห้องไหนกันคะหนูจะได้รีบเอาของไปเก็บ หนักจะตายอยูแล้ว” ฉันเฉไฉไปทางอื่น เพราะขี้เกียจต่อปากต่อคำกับอาโยแล้วทำสำออยว่าหนักหลังไปหมดทั้งๆ ที่มันเบาอย่างกับขนนก

                “คราบๆ อายอมแพ้ก็ได้แม่คุณหนูขี้บ่น ตกลงอาให้รินกะเรียนห้องคิงนะ”

                “ค่าอาโย งั้นหนูไปก่อนนะคะ”

                “จ้าหลานรักของอาแล้วว่างๆ แวะมาหาอาบ้างนะ”ฉันโบกมือลาอาโยแล้วเดินออกจากห้องของท่านทันที

     

    At 8.25 am

                ฉันนั่งรอครูเรียกเข้าไปแนะนำตัวกับพวกเพื่อนใหม่อยู่หน้าห้องเรียน ได้ยินเสียงคุยเจื้ยแจ้วจากคนในห้อง และเสียงของครูประจำชั้นที่พยายามอยุดนักเรียนที่พูดคุยกันโดยไม่ฟังเสียงของครูสักนิดแล้วเริ่มรู้สึกรำคาญขึ้นมานิดๆ พวกคุณหนูไม่มีมารยาธถือตัวตลอดก็เงี๊ยแหละรอให้ฉันปี๊ดแตกขึ้นมาสักก่อนแล้วพวกเธอจะรู้สึก ฮึๆ

    ครืด

                “เอ่อขอโทษที่ให้รอนานจ้ะ เชิญเข้ามาแนะนำตัวได้เลยจ้ะ” เสียงคุณครูที่เปิดประตูออกมาเรียกให้ฉันเข้าห้องเรียกสติของฉันออกมาจากพวงความคิด

                “ค่ะ”

    ตึกๆๆ

                เสียงร้องเท้าของฉันที่กระทบกับพื้นหินอ่อนในห้องเรียกสายตาของทุกคนให้หันมาสนใจ ฉันเดินไปชึ้นสเตทที่หน้าห้องแล้วพูดแยะนำตัว

                “สวัสดีค่ะ ฉันอริสา คุราตะ ตั้งแต่นี้ไปฉันจะมาเป็นเพื่อนร่วมห้องคนใหม่ของพวกคุณค่ะ”

                “เฮ้ย นั่นมันผู้หญิงที่หน้าประตูเมื่อเช้านี่”

                “เธอคนนี้มาอยู่ห้องเราหรอเนี่ย เก่งน่าดูเลยนะเป็นนักเรียนใหม่แต่เข้าห้องคิงได้เนี่ย”

                เสียงซุบซิบของคนในห้องเริ่มดังกระหึ่มขึ้นเรื่อยๆ คุณครูเลยรีบปรบมือเรียกทุกคนออกจากบทสนทนาก่อนที่มันจะเลยเถิดไปมากกว่านี้

                “เอาล่ะทุกคนข้างๆ ใครมีที่ว่างให้คุณคุราตะนั่งบ้าง”

                “โต๊ะนี้ว่างค่ะคุณครู” เสียงใสแจ๋วของหญิงสาวเอ่ยขึ้น

                “เขิญค่ะคุณคุราตะ^^

                คุณครูยิมอย่างเป็นมิตรมาให้ก่อนที่ฉันจะเดินตรงไปยังที่นั่งของตัวเอง ฉันเดินมาจนถึงโต๊ะที่ได้ยินเสียงใสแจ๋วเมื่อครู่ ฉันนั่งลงและหันไปสังเกตเพื่อนรอบๆโต๊ะคนที่นั่งทางด้านหน้าฉันเป็นหญิงสาวผมดำขวับตอนที่เดินผ่านเธอเมื่อตะกี๊นี้ เธอเป็นผู้หญิงที่สวยทีเดียว ท่าทางของหล่อนดูน่าเกรงขามแต่ก็ซ่อนความใจดีเอาไว้ฉันคิดอย่างนั้น ทางด้านหลังก่อนที่จะนั่งลงฉันไม่มีเวลาสังเกตมากนักจำได้แค่ว่าเป็นผู้ชายผมสีควันบุหรี่ออกจะดูโหดๆ สักหน่อย ส่วนทางด้านขวาเป็นชายใส่แว่นผมสีเขียวเข้มออกดำมัดผมหางม้าดูผ่านฉันคิดว่าเขาเป็นซามูไรนะเนี่ยแต่ถ้าถอดแว่นออกฉันคิดว่าเขาคงจะดูดีกว่านี้ ส่วนทางด้านซ้ายเธอก็คือหญิงสาวเสียงใสเมื่อกี๊ เธอจ้องมองฉันด้วยแววตากลมโตของเธอดูน่ารักเหมือนเด็กๆ

                “สวัสดีค่ะ หนูชื่อคาซูโกะนะคะหนูเป็นน้องของคุณอริสาหนึ่งปีค่ะ” โหขนาดเสียงยังน่ารัก

                “ไม่ต้องเรียกคุณหรอกนะเรียกพี่ว่ารินกะก็ได้^^

                “ค่ะพี่ริมะเดียวตอนกลางวันนี้ไปกินข้าวด้วยกันนะคะหนูจะเป้นคนพาทัวร์เองค่ะ”

                “จ้ะ ถ้าพี่ทำอะไรผิดก็บอกด้วยนะ”

     
    At 11.30 am

                “ไปกินข้าวกันเถอะค่ะ”

                “จ้ะ”

                ฉันเดินไปตามทางเดินไปห้องอาหาร น้องอธิบายว่าในวันแรกของทุกๆ เทอมจะเริ่มเรียนวิชาหลัก เช่น ภาษาอังกฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์อะไรพวกนี้ก่อนในช่วงเช้าและในคาบบ่ายจะเรียนตามที่ตัวเองลงเอาไว้ในขณะที่ฉันกำลังเดินออกจากห้องนั้นฉันเดินคุยกับน้องจนไปชนเข้ากับใครคนหนึ่งเข้า

                “ขะ ขอโทษค่ะ”

                “ไม่เป็นไรครับ” เอะเสียงคุ้นๆ จังเลย คิดได้อย่างนั้นฉันก็เงยหน้าขึ้นมองคนคนนั้น

                “ฟิเซโก้!

                “เจอกันอีกแล้วนะครับคุณอริสา”

                “อ้าวพี่รินกะรู้จักพี่เซโก้ด้วยเหรอคะ?

                “อืม เจอกันที่หน้าโรงเรียนน่ะ คาซูโกะรู้จักด้วยเหรอ”

                “ค่ะเขาเป็นเพื่อนของพี่ชายหนูเอง แล้วเขาก็เป็นหนึ่งในสามไอดอลคนดังด้วยนะคะ เพราะฉะนั้นเราไปคุยกันที่อื่นก่อนที่ผู้หญิงคนอื่นจะเข้ามารุมเราดีกว่านะคะ^^;;

                “อะ เอ่อโอเคงั้นไปกินข้าวด้วยกันเลยแล้วกันนะ”

                ระหว่างทางฉันก็คุยสัพเพเหระกับเพื่อนใหม่ไปเรื่อยอ้อฟีเซโก้นะชื่อเล่นชื่อ เซน(ชื่อเหมื่อนร้านอาหารญี่ปุ่นเลย)แต่พวกเพื่อนๆ ที่โรงเรียนเก่าชอบล้อว่าเซนนี่จัง เพราะเขาหน้าสวยเหมือนผู้หญิง(ประเสริฐ หน้าเหมือนผู้หญิงเลยโดยล้อ แต่พอย้ายโรงเรียนมากลับได้เป็นไอดอล-_-*)เขาทนไม่ได้เลยย้ายโรงเรียนมาอยู่ที่นี่แทน ส่วนน้องฮุนซี่พ่อแม่อยากให้อยู่ใกล้พี่ชายของเธอ(ซึ่งก็เป็นหนึ่งในไอดอลเหมือนกัน)เอาไว้เพื่อความปลอดภัย จึงให้เรียนพร้องๆ กันไปเลย(คนนี้ก็หวงลูกเกิ๊น จะให้ตะวติดกันไปเลยไหมล่ะคะคุณแม่ขา- -;;)พูดกันไปพูดกันมาก็เดินมาถึงห้องอาหารพอดี พอเดินเข้าไปก็ปะทะเข้ากับแอร์เย็นๆ จนขนลุกซู่ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่นแต่ฉันก็อยู่ที่ประเทศไทยเป็นส่วนใหญ่จึงไม่ค่อยจะชินกับอากาศเย็นๆ ซักเท่าไหร่ ในห้องอาหารนั้นขนาดใหญ่อย่างกับห้องบอลรูมมีสามชั้น ชั้นแรกนั้นมีไว้สำหรับพวกคุณหนะรรมดา ชั้นที่สองนั้นสำหรับพวกคุณหนูชั้นเลิศ ส่วนฉันสามนั้นสำหรับพวกคุณหนู VIP อย่างเช่น พวกรวยระดับโลก ไอดอลหรือผู้เกี่ยวข้องที่ได้รับอนุญาติ และท่านผู้จัดการซึ่งก็คืออาโยของฉันนั่นเอง และเนื่องจากฉันเป็นลูกคุณหนูที่รวยถึงระคับห้าของโลก ,เป็นหลานของผู้จัดการ และยังมากับไอดอลอีกจึงได้รับการต้อนรับแบบสุดขั่ว(ซึ่งแน่นอนว่าคงเป็นเพราะคำสั่งจากอาโย)จนฉันอยากจะเดินเข้าไปหาอาโยและกระทืบสักทีสองที-*- แต่ก็ทำได้แค่บอกว่า

                “เอ่อไม่เป็นไรหรอกค่ะขอให้ฉันได้อยู่อย่างสงบก็พอ เดี๋ยวฉันจะบอกคุณอาให้เองค่ะ” แบบเนี้ยแหละถึงจะไปไกลตัวฉัน

                “จะรับอะไรดีครับ”

                “ขอพาสต้ากุ้งเสืออบชีสค่ะ”

                “สเต็กเนื้อครับ”

                “ไวน์แดงค่ะ”

                “เบียร์ดำครับ”

                “บลาๆๆ...”

                ในขณะที่คนอื่นสั่งอาหารฉันก็มัวแต่ดูเมนูอาหารแบบเป็นเซตเพราะต้องการสั่งครั้งเดียวจบไปเลยจนดูไปถึงเมนูเซตอาหารญี่ปุ่นฉันไปสดุดตาเข้ากับเซตอาหารเซตหนึ่งเข้าให้มันเป็นเซตปลาดิบไซส์ใหญ่สำหรับกินกับสามคน เฮอะอย่าคิดนะว่าฉันจะชวนพวกนั้นกินด้วยกันเพราะท้องของฉันก็เป็นหลุมดำดีๆ นั่นเอง

                “ฉันขอเซตปลาดิบไซส์ใหญ่สำหรับกินกับสามคน กับชาร้อนหนึ่งชุดค่ะ”

                “จะกินด้วยกันหรอคือ...หนูไม่ค่อยถูกกับปลาดิบซักเท่าไหร่นะคะ”

                “ปล่าวหรอกฉันจะกินมันคนเดียวเนี่ยแหละ พวกเธอไม่ต้องช่วยฉันหรอก”

                “แต่...จะไหวเหรอรินกะ ฉันว่ามัน...”

                “ไม่ต้องพูดมาก ถ้าไม่เชื่อฉันจะกินให้พวกเธอดูเอง”

                ซักพักเซนกับคาซูโกะก็สั่งอาหารเสร็จ แต่ก็ยังไม่วายหันมามองฉันด้วยสาตาที่ว่า ตัวแค่นี้จะกินเข้าไปไหวจริงๆ เหรอแบบนั้นจนฉันรู้สึกปวดท้องขึ้นมาซะเฉยๆ เลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีสายตาหนึ่งกำลังจับจ้องมาด้วยแววตาที่ไม่เป็นมิตรซักเท่าไหร่

                ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย ขณะที่ฉันกำลังจะเดินกลับไปยังโต๊ะของตัวเองก็มีมือปริศนาเข้ามาคว้าแขนฉันเอาไว้ ฉันหันกลับไปมองว่าเป็นมือของใครพบว่าเป็นหญิงสาวผมบลอนด์ดัดเป็นลอนๆ อย่างสวยงามตาสีเขียวอมฟ้าดูสวยงามกันผู้หญิงที่เดินตามหลังมาอีกสามคนพวกเธอมีผมสีแดงเพลิงดูเปลกๆ ยังไงก็ไม่รู้แต่หลักๆ คือ ฉันไม่เคยรู้จักกับพวกเธอเลยสักนิดในขณะที่ฉันกำลังจะอ้าปากถามเธอก็ง้างมือขึ้นตบฉันเข้าไปฉากนึง

                “เฮ้ย! อะไรวะเนี่ยพวกเธอทำอะไรน่ะ”

                “ตบนะสิถามได้ยัยโง่! หรือไม่รู้สึกงั้นเอาไปอีกฉากนึ่ง” เธอง้างมือเตรียวพร้อมที่จะตบฉันอีกรอบ แต่คราวนี้ฉันตั้งตัวได้ทันจึงหลบจาเงื้อมือของยัยอสรพิษนั่นได้

                “ว้าย!

    ตุบ!

                “คุณดีดี้! แกหลบทำไมยะ โอ๊ยคุณดีดี้เป็นยังไงบ้างคะ”

                “ไม่หลบ ฉันก็โดนตบน่ะสิถามได้”

                “กรี๊ด ยัยบ้ากล้าดียังไงถึงมาทำฉันแบบนี๊! รีบๆ จัดการมันซะก่อนที่คนอื่นจะมาเห็นเข้า ฉันไปล่ะ”

                “ค่ะ!

                “เฮ้ยเดี๋ยวสิ มาตบฉันทำไมเนี่ย!

                “ไม่ต้องรู้หรอกย่ะ แค่อยู่เฉยๆ ให้ฉันตบดีก็พอแล้วย่ะ”

                แต่คิดว่าคนอย่างฉันจะยอมให้ตบอีกง่ายๆ เหรอ เฮอะเมื่อกี๊ฉันยังงงๆ อยู่แต่คราวนี้ล่ะ เร็วเท่าความคิดฉันใช้ท่อนแขนปัดฝ่ามือพิคาดนั้นแล้วตบแรงๆ สวนกลับไปไปซักฉากหนึ่ง

                “กรี๊ด!แกกล้าตบฉันหรอ”

                “แน่สิยัยเบื๊อก”

                “...ทะ เธอด่าฉันเหรอ!

                “อ้าว พึ่งฉลาดเหรอO_O?

                “กะ กรี๊ด”

                “รินกะ!

                “ไอ้ราฟO_O!?
     

    Kiroku Side

                ปะ เป็นไปได้ยังไงเนื่ย เพื่อนในสมัยเด็กที่สนิดที่สุดของผมดันมาเรียนโรงเรียนเดียวกัน ไม่ได้เจอกันมาตั้งนาน โอ๊ย น้ำตาแทบไหลรินT-T(เวอร์ไปย่ะ-_-;;)

                “แสบมากนักนะแก! อ็อก”

                เธอชกท้องยัยผู้หญิงที่ทำท่าจะทำรายเธอจนสลบไปด้วยความรำคาญ ผมตกใจนิดหน่อยก่อนจะทำหน้ายิ้มฟืดๆ กลับไป

                “เอ่อ แหมรินกะเจอกันทั้งทีเธอนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ”

                “ช่วยไม่ได้ดันมาทำให้ฉันรำคาญเอง” รินกะตัวจริงเสียงจริงแน่นอนเลยครับแบบเนี้ย ชอบใช้กำลังเป็นที่สุดไม่เว้นแม้แต่เพื่อนสนิดแสนรักอย่างผม(_ _)

                “ช่างเถอะ เอาเป็นว่าเธอมาเรียนที่นี่ตั้งแต่เมื่อไหร่กันฉันไม่เคยเจอเธอเลย”

                “เห็นก็บ้าแล้วฉันเพิ่งจะมาเรียนวันนี้วันแรกเอง”

                “โห โครตดีใจเลยว่ะเจอเพื่อนรักซักทีพูดอะไรให้มันซึ้งใจหน่อยก็ไม่ได้    -3-”

                “มันไม่ใช่นิสัยของฉันนี่ เอาเถอะยังไงไปกินข้าวด้วยกันมะฉันมากินกับเพื่อนใหม่ยังคุยได้ไม่คล่องเลย”

                “อืมไปสิ ฉันกำลังหาโต๊ะอยู่พอดี^^” หลังจากนั้นผมก็เดินตามเธอไปที่โต๊ะอาหาร

    End Kiroku
     

    Kurata side

    ณ โต๊ะอาหาร

                “นี่แกก็เป็นไอดอลกับเขาด้วยเหรอเนี่ย หน้าอย่างแกเนี่ยนะ”

                “หน้าอย่างฉันแล้วมันทำไม-_-*

                “ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน”

                “ใจร้ายว่ะเป็นเพื่อนภาษาอะไรเนื่ย”

                “เป็นเพื่อนภาษาไทยกับญี่ปุ่นไง”

                “ไอ้เพื่อนกวนทีน!!!

                หลังจากนั้นเราก็หัวเราะเฮฮากันใหญ่ และชวนคุยกันสารพัดเรื่องจนรู้ว่าเขาเรียนอยู่ที่ห้องซูเปอร์คิงเป็นห้องพิเศษสำหรับไอดอลและเอ่อ…Bad Boy-_-;; ซึ่งไอ้ Bad บ้าบอคอแตกเนี่ยมีไว้ทำ...(เติมเอาเอง)อะไรก็ไม่รู้ฉันรู้ประวัติของพวก Bad B&G มาจาอาโยแล้วพวกนี้มันก็ไม่ต่างอะไรกับดาวเดือนนักหรอกก็แค่มีพรสวรรค์ในทุกๆ ด้านไม่เว้นแม้แต่ถานะ และรูปร่าง แต่ไม่ว่าใครจะคิดยังไงนะฉันก็คิดว่าไอ้ Bad B&G เนี่ยมันไร้สาระสุดๆ เลย

                “อาหารมาเสิร์ฟแล้วครับ มีพาสต้ากุ้งเสืออบชีส สเต็กเนื้อ บลาๆๆๆ แล้วก็เซตปลาดิบไซส์ใหญ่สำหรับกินกับสามคน กับชาร้อนอีกหนึ่งชุดครับ ครบไหมครับ”

                “ครบค่ะ ขอบคุณ” ฉันพูดไปตามคาแรคเตอร์ผายนอกที่ทำจนชิน

                “ยินดีเป็นอย่างยิ่งครับคุณหนู” เขาพูดตอบกลับมาพร้อมกับตลบมือเรียก บริกรคนอื่นมายกอาหารวางบนโต๊ะ

                “โห!ปลาดิบ ฉันกินด้วยสิ” คิโรคุว่าพลางทำท่าเตรียมจะจกปลาแซลมอนเนื้อแน่นแสนอร่อยของฉัน

                “ไม่ต้องมาทำนำลายสอของตัวเองก็มีอย่ามาแย่งคนอื่นกินสิยะ” ฉันพูดและพยายามปกป้องเซตปลาดิบไซส์บิ๊กบึ้มของตัวเองจากจอมจกตัวดีอย่างเอาเป็นเอาตาย

                “นี่ๆ เดี๋ยวก็ไม่ได้กินกันหรอก”

                … -_-++” ฉันอยุดทะเลาะกับเพื่อนสนิด แต่ก็ยังไม่วายปรายตามองไปยังเขาด้วยสายตาที่พยายามจะสื่อความหมายว่า อย่าแม้ต่จะคิดที่จะแย่งปลาดิบสุดรักของฉันเชียว

    “รีบกินแล้วรีบไปกันถอะคาซูโกะคาบต่อไปเธอเรียนดนตรีไม่ใช่หรอ”

    “คะ ค่ะพี่รินกะ”
     

    Fizeko side

                ผมมองเพื่อนสาวคนใหม่ของตัวเองอย่างทึ่งๆ ก็เมื่อ 5 นาทีที่แล้วเธอพึ่งจะเขมือบ เอ้ย! กินปลาดิบไซส์บิ๊กบึ้มจนไม่เหลือร่องรอยของเนื้อปลาดิบเลยแม่แต่น้อย แล้วตามด้วยไอศกรีมรสช็อกโกแลต แถมด้วยผลไม้อีกจานเป็นของล้างปาก ผมไม่เคยเห็นผู้หญิงคนไหนกินได้เท่าเธอมาก่อน O_O และยิ่งกว่านั้นตอนนี้เธอยังมีรูปร่างที่ผอมเพรียวสวยงามไม่ต่างจากตอนแรก ทั้งๆ ที่เธอเพิ่งจะกินอาหารทั้งหมดนั้นไป ผมเชื่อเลยว่าถ้าเธอไปแข่งกินอาหารนะ เธอต้องได้ที่หนึ่งแหงๆ

                “เฮ้อ~ อิ่มจังเลย เหลือเวลาอีตั้งชั่วโมงแน่ะ เราไปเล่นบาสกันไหม” เธอถามด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสดใสต่างจากผม และคาซูโกะซึ่งมองเธออย่างทึ่งๆ ผมรู้อีกอย่างนึงแล้วว่านอกจากเธอจะเป็นหลุมดำแล้วเธอยังอึดสุดๆอีกด้วย (= =::)

                “แหมๆ ฉันน่ะคุนหนูอุตส่าห์ชวนก็ต้องไปยู่แล้วล่ะ แต่ฉันว่าเพื่อนใหม่ทั้งสองคนของเธอคงจะไม่ไหว” ราฟพูดขึ้นทำให้เธอทำหน้าเหมือนนึกขึ้นได้ แล้วยิ้มเห่ยๆ  มาให้พวกผม

                “แฮะๆ โทษทีนะ พอดีฉันลืมตัวไปหน่อยงั้น...ไปเล่นดนตรีแทนก็แล้วกัน”

    End Fizeko

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×