ลำดับตอนที่ #7
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่5-กองโจรโชคร้าย - -a
บทที่ 5 กองโจรโชคร้าย
วันนี้เป็นวันที่สาม หลังการออกเดินทางออกจากเมืองเดอริส
   
    เด็กหนุ่มใบหน้าอ้วนกลม ผมสั้นสีขาว รูปร่างตุ้ยนุ้ยกะลังนั่งคุยอย่างสนุกสนานกับเด็กหนุ่มผมสั้นสีทอง ตาสีฟ้า รูปร่างผอม
    ใช่แล้ว เซตัสกับนาโอกิ
เซตัสกับนาโอกิ โดยสารรถคันเดียวกัน โดยตลอดทางเซตัสได้ขออนุญาตพ่อเขาย้ายที่นั่งจากข้างพ่อของเขามานั่งข้างๆนาโอกิ
“นาโอกิ คุยกันมาตั้งหลายวันแล้ว ฉันยังไม่รู้เลยว่านายเป็นคนอาณาจักรไหนกันแน่”
“ .”นาโอกิทำหน้าเลื่อนลอย เจ็บปวดก่อนตอบไปว่า
“ฉันก็ไม่รู้น่ะ ว่าฉันเป็นคนอาณาจักรไหน พ่อแม่เป็นใคร ความทรงจำในอดีตของฉันไม่มีเลย”
“ ขอโทษน่ะ”
“ช่างเถอะ สักวันชั้นจะตามหาอดีตที่ขาดหายไปของฉันให้เจอ คอยดู”
แววตาของนาโอกิฉายแววมุ่งมั่น ก่อนจะเปลี่ยนกลับเป็นขี้เล่นอย่างเดิม
“ว่าแต่ ตอนนี้นายอยู่กะใครหรอ”
“ตอนนี้ฉันอาศัยอยู่กับลุงน่ะ ไม่ใช่ลุงแท้ๆอะไรหรอก แต่ เมื่อ หกปีก่อน ท่านเห็นฉันสลบอยู่หน้าบ้านท่าน ท่านเลยช่วยดูแล แล้วฉันจำอดีตอะไรไม่ได้เลย ฉันก็เลยอยู่กะท่านตั้งแต่นั้นมา”
“แล้วลุงนายทำงานอะไรหรอ”
“ก็แค่งานรับจ้างธรรมดาทั่วไปแหละ”แต่แววตาของนาโอกิฉายแววเจ้าเล่ห์แววนึงก่อนที่จะหายไป
“ว่าแต่นายเถอะ พ่อนายทำอาชีพอะไรหรอ”นาโอกิแอบแหล่ตาไปมองเบดิอาที่กะลังนั่งก้มอ่านหนังสืออยู่
“ฉันกับพ่อทำอาชีพเก็บของป่าไปขายในตัวเมืองน่ะ”
“ไม่น่าใช่น่ะ ฉันว่าอย่างพ่อนายน่ะ ดูเป็นนักรบมากกว่าจะเป็นแค่คนหาของป่าธรรมดาน่ะ”นาโอกิยิ้มมุมปากกอย่างเจ้าเล่ห์ให้กับเซตัส
เซตัสหรี่ตามองไปที่ นาโอกิ
“ใช่ เมื่อก่อนพ่อเคยเล่าให้ฟังว่า พ่อเคยทำงานเป็นนักรบมาก่อนแล้วเกิดเบื่อเลยกลับมอยู่กับปู่หาของป่าขายน่ะ”ก่อนจะพยักไหล่อย่างไม่สนใจ
“อืมว่าแต่นี่ออกจากเมืองเดอริสมาตั้งสามวัน แล้วทำไมตลอดทางไม่เห็นมีตัวเมืองเลย”เซตัสเปลี่ยนเรื่องก่อนจะโดนสงสัย
“อืมก็ ไอ้เส้นทางที่ขบวนเกวียนเดินทางเนี่ยมัน เป็นทางที่เร็วแต่มันไม่มีเมืองหรอก เพราะว่า มันเป็นเส้นทางที่อยู่ติดกับป่าลับแลมากเกินไปเลยไม่มีเมืองอาศัยอยู่ ส่วนเมืองน่ะตั้งอยู่ที่ถนนอีกสาย เพราะถ้าขบวนเกวียนเดินสายนั้นมันจะอ้อม”นาโอกิพูดราวกับผู้เชียวชาญการเดินทาง
“ทำไมนายรู้เรื่องดีจัง”
นาโอกิยิ้มก่อนตอบไปว่า
“ก็งานที่ฉันทำงานกะลุงแล้วมันต้องเดินทางเสมอเลยพอจะรู้เรื่องเส้นทางต่างๆดีหน่อยน่ะ”
เอี๊ยด!! เสียงเกวียนจอด
พนักงานขับรถเดินมาแจ้งทุกคนว่าจะหยุดตั้งค่ายพักแรมที่นี่
สามวันมานี่ทางขบวนเกวียน จะก่อตั้งกระโจม หลายหลังล้อมขบวนเกวียนเป็นค่ายขนาดใหญ่ โดยจะจัดที่พักให้แก่ผู้โดยสารในขบวนเกวียนอยู่ภายในค่าส่วนพวกผู้คุ้มกันจะอยู่รอบนอก
เซตัสออกมาเดินเล่นกับนาโอกิ เพื่อรอให้พนักงานเขากางกระโจมให้เสร็จเรียบร้อย
วิวทิวทัศน์สวยงาม ถ้ามองไปทางด้านซ้าย ทุ่งหญ้าเขียวขจีมีต้นไม้น้อยใหญ่แซมแสงแดดยามเย็นสีส้มสดใส สาดส่องไปทั่วทุ่งหญ้า เป็นบรรยากาศสบายๆที่เหมาะแก่การพักผ่อนอย่ายิ่ง แต่ด้านขวากลับไม่เป็นแบบนั้น
ต้นไม้ใหญ่สูง กว้างพอให้หลายคนโอบได้ ใบเขียวชอุ่มขึ้นรกทึบบรรยากาศดูเยือกเย็นวังเวง ลี้ลับชอบกล สัญชาตญาณเตือนเขามาตั้งแต่เขาแต่แรกแล้วว่าป่าแห่งนี้อันตราย  ลองได้เข้าไปแล้วคงอยากกลับออกมา สมชื่อป่าของมันแล้ว “ป่าลับแล”
ตกดึกเซตัสกะนาโอกินั่งล้อมวงหน้ากองไฟเพื่อทานอาหาร ดั่งเช่นที่ผ่านมา
เซตัสกะลังง่วงกับการจัดการเนื้อย่างกะซุบในจานของตัวเองอยู่ พ่อของเขากะลังจิบชาอย่างสบายอารมณ์ นาโอกิก็หันไปพูดกะเซตัสว่า
“นายรู้ป่าว ทำไมกองคาราวานถึงต้องหยุดตั้งค่ายก่อนค่ำทุกที”
“ไม่รู้สิ ทำไมหรอ”เจ้าตัวดียังกินไม่ยอมหยุด กลัวไม่อิ่ม [ฮ่วย- -a]
“ก็ไม่ทำไมหรอกแถวนี้มันมีกองโจรคอยบุกปล้นขบวนสินค้าน่ะ เพราะว่าที่นี่มนเป็นเส้นทางเปลี่ยว ไม่มีตัวเมืองหรือทางจากอาณาจักรให้การช่วยเหลือหรอก”
ซู๊ดด~~ เสียงซดน้ำก่อนที่เซตัสจะเลียริมฝีปากตัวเองก่อนหันมาถามนาโอกิว่า
“แล้วทำไมขบวนเกวียน ไม่ไปเส้นทางอีกทางที่มีตัวเมืองล่ะ”
“ก็อีกเส้นทางมันอ้อมไกลมากเสียเวลากว่าเดิมเยอะเลย เพราะงั้นเขาเลยจำเป็นต้องเลือกใช้เส้นทางนี้ทั้งที่มันค่อนข้างอันตราย”
“อืม ก็ถ้ามันปลอดภัยอ้อมหน่อยจะเป็นไรเล่า”
“มันไม่หน่อยอย่างที่เจ้าคิดหรอกน่ะ รู้ไหม เส้นทางอีกทางน่ะ เสียเวลากว่าเดิมตั้ง สิบวัน เป็นพ่อค้าก็ไม่มีใครเสียเวลาขนาดนั้นหรอก แล้วยิ่งดู ขบวนสินค้าเกษตรทั้งหลายเนี่ย ถึง เขาจะลงเวทไว้ให้มันสดตลอดก็เถอะ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะคงทนได้นานนัก ถ้าขืนชักช้ากว่าจะถึงตลาด อีกนานเหล่าพ่อค้าคงเป็นลมตายซะก่อนสิ”เสียงตอบกลับมาไม่ใช่เสียงของนาโอกิ
เซตัสหันไปมอง ใช่แล้วคนที่ตอบไม่ใช่ใครเลย บิดาของเขาเองที่ละจากการจิบชาอันแสนสบายมาเสริมปัญญาให้กับลูกชายสุดที่รักของตัวเอง ^^
(โหยพ่อร่ายยาวเป็นกระบุงโกยเลย ถามไปประโยคเดียว พ่อเล่นตอบมาหูชาเลยวุ้ย >.<)
“อ๋อ”เสียงตอบรับก่อนจะพยักหน้าหมายความว่าเข้าใจอย่างรวดเร็วก่อนที่ยาวกว่านี่
“ว่าแต่นายถามเรื่องนี้ทำไมหรอนาโอกิ”เบดิอาถามนาโอกิ
“ก็ไม่มีอะไรหรอกมากหรอกครับ”นาโอกิตอบก่อนเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าก่อนจะก้มลงมาพูดต่อ
“คืนนี้เป็นคืนเดือนมืดเหมาะแก่การซุ่มโจมตี ถ้าพวกโจรจะลงมือก็คงจะลงมือคืนนี้เพราะกองคาราวานจะออกพ้นเส้นทางป่าลับแลแล้ว”
“ถูกต้องถ้าข้าเป็นโจรข้าก็จะโจมตีคืนนี้เช่นกัน”
เบดิอาจ้องมองนาโอกิอย่างสงสัยใจในขณะที่นาโอกิยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ทำเป็นไม่รู้เรื่อง
เอิ๊กกกกก!! เสียงเรอออกมาจากคนตรงกลางวงสนทนาทำให้เบดิอาเลิกมองนาโอกิแล้วหันไปยังต้นเสียงทันทีก่อนจะกุมขมับอย่างปวดหัว(คิดผิดคิดถูกน่ะเนี่ยท่านผู้เฒ่าที่ส่งมันไปเรียนเนี่ย - -*)
ท่าทางเซตัสไม่ได้สนออกสนใจในเรื่องที่ทั้งสองคนคุยกันมากไปกว่าถ้วยซุปในมือตัวเองเลย
“ทำไมนายดูไม่เห็นวิตกหรือกลัวอะไรเลยล่ะ”
“ก็จะกลัวไปทำไม นักรบคุ้มกันขบวนตั้งมากมายขนาดนี้ โจรคงไม่โง่บุกมาหรอก^o^”ไม่ว่าเปล่าเซตัสกะลังจะก้มลงไปตักข้าวในจานต่อ
    ฟิ้ว~~จึก โผละ ลูกธนูพุ่งทะลุชามข้าวเซตัสไป (อ้าวเห้ย!! ชามข้าวฉานนนนT.T)
    ห่าฝนธนูพุ่งลงมาไม่รู้ทิศทาง แหวกม่านอากาศพุ่งตรงมายังกองคาราวาน
    “วาโลฮิล ฮีนอฟ กำแพงวายุพาดนภา”
    กำแพงลมพัดพาเหล่าลูกธนูพุ่งผ่านไปตกยังที่อื่นทันที
    นักเวทย์ประจำกองกำลังป้องกันคาราวานร่ายเวทย์เพื่อป้องกันผู้โดยสารจากห่าฝนธนู
    “เดมุน ลีนอฟ นำกองที่ 1 และ 2 คุ้มกันผู้โดยสารทุกคนกลับไปรวมกันที่กระโจม ป้องกันไว้แล้ว อย่าออกมา”
    ผู้นำกองกำลังนักรบ ตะโกนสั่งลูกน้องให้คุ้มกันผู้โดยสารไปรวมกันที่กระโจมแล้วออกคำสั่งเตรียมพร้อมในทันที
    เบดิอากับนาโอกิต้องช่วยกันลากเซตัสกลับเข้าไปในกระโจมเพราะเจ้าตัวกะลังกระฟัดกระเฟียดเตรียมฟัดกะพวกโจรด้วยข้อหาอันใหญ่หลวงเกินกว่าจะให้อภัยได้(พวกแกทำชามข้าวฉานนน ฉันยังกินไม่หมดเลย มันต้องชดใช้)[ทำชามข้าวแตกเนี่ยน่ะ - -a]
    เหล่าผู้โดยสารไปรวมตัวอยู่ในกระโจมใหญ่ที่มีนักรบหลายคนคอยคุ้มกันอยู่
    เสียงต้อสู้  เสียงระเบิด เสียงการร่ายเวทย์ที่ดังอยู่เบื้องนอกนั้นแสดงให้เห็นถึงการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างนักรบคุมกันขบวนกับเหล่ากองโจรที่ยกมา
    เซตัสกวาดตามองดูเหล่าผู้คนในกระโจมใน
ในนั้นเหล่าผู้โดยสารคนอื่นนั่งตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ไม่มีเสียงกรีดร้องแต่อย่างใด กระโจมมีแต่ความเงียบปกคลุมอยู่ แต่ว่ามีอยู่ประมาณ 4 คนที่ไม่มีอาการหวาดกลัวแต่อย่างใด
คนแรกนั่งอ่านหนังสืออยู่บนที่นอนอย่างตั้งใจ คนที่สองยืนดูสถานการณ์เบื้องนอกเอามือชกกันอย่างกับเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ คนที่สามนั่งเงียบอยู่หลังกระโจม ส่วนคนที่สี่ไม่ใกล้ไม่ไกลตัวเขาเลย
คนแรกที่เขาเห็นสาวหน้าหล่อ ผมขาว ใช่แล้ว ผู้ชนะการประลองที่เมืองแอตติส ฟิโอน่า อาร์แคนนั่ม เจ้าตัวนั่งอ่านหนังสืออย่างสบายใจเฉิบอย่างกับข้างนอกไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นแหละ (สมาธิดีเยี่ยม ขอตบมือให้อาเจ๊แกจริงๆ- -a)
คนที่สองเป็นหญิงสาว ผมสีทองยาวถึงต้นคอ ตาสีนิลเข้มฉายแววตื่นเต้น กระตือรือร้น ผิวขาวอมชมพูท่าทางทะมัดทะแมง มองออกไปด้านนอกกระโจมในมือใส่ สนับมือเตรียมพร้อมต่อสู้ยืนอยู่หน้าทางเข้าทางออก ยังกะจะกระโจนออกไปร่วมวงให้ได้นั่นแหละ ดูเหมือนคุณเธอจะยิ้มดีใจ ยังกะข้างนอกมีงานรื่นเริง กันซะยังงั้นแหละ
คนที่สามชายหนุ่มผมสั้นชี้สีดำ หน้าเข้มคม คิ้วหนาตั้งตรง รูปร่างสูงกำยำ แต่ทว่าเจ้าตัวนั่งหลับน้ำลายยืด(ยี้~~ - -*) อยู่ท้ายกระโจม (ไม่รู้หลับเข้าไปได้ไงเสียงจะดังออกขนาดนี้ นับถือจริงๆ)
คนที่สี่ จะใครซะอีกล่ะ เด็กหนุ่มผมสั้นสีทอง ตาสีฟ้า แววตาขี้เล่น ผิวขาว อมยิ้มอย่างรื่นเริง รูปร่างผอม ยืนอยู่ข้างๆตัวเขา ใช่แล้วเพื่อนใหม่ของเขานี่เอง “นาโอกิ”
ในบรรดาสี่คนนี้เซตัสไม่รู้จักอยู่สองคน  ไม่รู้ความสามารถอยู่หนึ่งคน แต่ทั้งสี่กลับแผ่กลิ่นอายนักรบออกมาเหมือนกันทุกคน
หลังจากกวาดตามอง ดูกลุ่มคนเหล่านี้ เซตัสจึงเดินตามพ่อไปนั่งอยู่กลางกลุ่มผู้โดยสารที่นั่งอยู่กับพื้น
เสียงระเบิด เสียงร้องครางเจ็บปวด เสียงของโลหะกระทบกันดังมาเป็นระยะ คนภายในกระโจมไม่รู้เห็นสถานการณ์เบื้องนอกเลยแต่รู้อยู่อย่างคือ ต้องมีการรบที่ดุเดือดเกิดขึ้นเบื้องนอกแน่นอน
    ทันใดนั้นเองมีคนวิ่งกระหึดกระหอบวิ่งเข้ามาในกระโจมด้านใน เขาเป็นชายผมดำ ตาดำ หน้าตาหยาบกร้านแต่แฝงแววซื่อสัตย์ รูปกายสูงใหญ่แต่ทว่าตามลำตัวชโลมไปด้วยเลือดและบาดแผล
    “ผู้โดยสารทุกท่านข้าเดมุน หัวหน้ากองที่สอง ข้าอยากจะบอกว่ากองโจรที่มาจู่โจมคืนนี้คือ กองโจรกระดูกแดง (Red Skelton) เพราะฉะนั้นข้าขอให้ทุกท่านอยู่แต่ในกระโจมห้ามออกไปไหน และอย่าส่งเสียงใดทั้งนั้น”
    พอสิ้นคำ เหล่าผู้อยู่ในกระโจมอุทานกันดังระงม มีเสียงร้องไห้ดังระงม บางคนก็หน้าซีดเผือก อยู่ในอาการตระหนกอย่างหนัก
    Red Skelton กองโจรที่ขึ้นชื่อเรื่องความเก่งกาจและความโหดเ หี้ ย ม อย่างมาก เพราะเข้าปล้นทีไรเจ้าทุกข์ส่วนมากโดนปล้นเรียบแม้แต่เสื้อผ้าไม่ค่อยมีหลายไหนเหลือสิ่งมีค่ารอดมากนัก หรือไม่ก็ถูกจับไปเป็นเชลย
   
    “โปรดอยู่ในความสงบก่อน ข้าจะบอกว่าตอนนี้พวกเรากำลังต่อสู้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวล ที่ข้ามา ข้าอยากขออาสาสมัครเป็นกองหนุน ใครพอจะสู้รบได้ โปรดยืนขึ้นแล้วตามข้ามา”
    สิ้นเสียง มีคนลุกขึ้นยืนอยู่สอง เดินเข้ามาหาคนประกาศ
    คนแรกสาวผมทอง ตาสีนิล โดดเข้าร่วมวงทันทีที่เข้าประกาศ ส่วนคนที่ สอง คือชายชายหนุ่มผมสั้นชี้สีดำ ตาสีแดงเพลิง หน้าเข้มคม คิ้วหนาตั้งตรง รูปร่างสูงกำยำ บิดแขนขี้เกียจ เดินอ้าปากห้าวเข้ามา
    “ข้าขอทราบชื่อของท่านทั้งสองด้วย”เดมุนค่อมศรีษะแสดงความเคารพ
    “ข้าชื่อไวล์ ชามาร์ นักดาบจาก ฟีลอส”
ชายผมดำตอบอย่างงัวเงีย ปากก็อ้าปากห้าว ส่วนมือก็ชื้อไปทางสาวผมทอง ตาสีนิลด้านข้าง
“ส่วนอาเจ๊ด้านข้างข้าเนี่ย ชื่อ เซซิเลีย เอเรนดิล หญิงถึกจากลาบาดิน”
เปรี้ยง ผลัก!! หมัดซ้ายตรงพุ่งเข้าแก้ม ไวล์ ชามาร์เข้าอย่างจัง  แล้วร่วงลงไปให้กรรมการนับถึงยี่สิบท่าทางก็ยังลุกไม่ได้ง่ายๆแน่ ท่ามกลาง อาการตกตะลึงของผู้คนโดยรอบข้าง มองมาที่หญิงสาวกันทุกคน
“ปากเสีย ไอ้ไวล์บ้า ฉันบอกนายแล้วไงว่า ฉันไม่ใช่ หญิงถึกเข้าใจไหม รูปร่างฉันออกจะบอบบางอ่อนหวาน น่ารัก น่าถนอมจะตาย”
(เนี่ยน่ะอ่อนหวานน่ารักน่าถนอม โหย แม่คุณ แค่คนพูดฟังไม่เข้าหูเลยโดนสอยเปรี้ยงลงไปนอนเนี่ยน่ะ อ่อนหวานตรงไหนฟ่ะเนี่ยน่ากลัวล่ะดิไม่ว่า ท่าทางอาเจ๊แกจะไม่รู้ตัวจริงๆ - -a)
หลังจากคุณเธอบ่นจนพอใจแล้วจึงดึงให้ชายหนุ่มเคราะห์ร้ายลุกขึ้นมาทันที
เดมุนกวาดตามองมายังผู้โดยสารคนอื่นก่อนจะเดินเข้าไปหาฟีโอน่าแล้วค่อมหัวลง ทักทายฟีโอน่าแล้วจึงถามว่า
“ท่านคือท่านฟีโอน่าผู้ชนะเลิศการประลองที่ แอตติสมาใช่หรือเปล่าครับ”
ฟีโอน่าละสายตาจากหนังสือ แล้วจึงเงยหน้ามามองเดมุนก่อนที่จะพยักหน้าแล้วก้มอ่านหนังสือต่อ
“งั้นข้าขอรบกวนช่วยดูแลคนในกระโจมแทนพวกข้าได้หรือไม่ เพราะ กำลังพลเราไม่พอเราจึงต้องออกไปสมทบ แต่กลัวการคุ้มกันเหล่าผู้โดยสารไม่พอเพียงเลย อยากขอรบกวนท่านหน่อยจะได้หรือป่าวครับ”
ฟีโอน่าไม่ได้หันมาตอบเธอแค่พยักหน้าแทนคำตอบไป
“ข้าขอขอบคุณท่านมากท่านฟีโอน่า ส่วน ท่านไวล์ ท่าน เซซิเลีย โปรดตามข้ามมา”
เดมุนกล่าวจบหันหลังกลับพาทั้งสองคนออกจากกระโจมไป
เดมุนนำกองที่สองพร้อมด้วยไวล์กับเซซิเลียมุ่งหน้าไปยังสถานที่ๆมีการสู้รบ
เสียงการสู้รบดังขึ้นเรื่อยๆตลอดเวลา เสียงระเบิด เสียงการฆ่าฟันทวีความรุนแรงขึ้น จนกระทั่งเสียงเหล่านั้นดังเข้ามาใกล้กระโจมของเขาเรื่อยๆ
เสียงเหมือนมีคนมาบุกมุ่งตรงมายังกระโจมผู้โดยสารใกล้ขึ้นๆเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียงปะทะมาจากเหล่านักรบด้านหน้ากระโจม
ตูม!! นักรบที่คุ้มกันด้านหน้า คนนึงกระเด็นเข้ามาในกระโจมสภาพบาดเจ็บสาหัส ตามด้วยคนใส่ชุดดำรัดกุมใบหน้ามีหน้ากากกะโหลกสีแดงในมือถือดาบชะโลมไปด้วยเลือด เดินตามเข้ามา สามคน
“สวัสดี เหล่าพ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย ข้าเหล่ากองโจรกระดูกแดงขอให้ส่งของมีค่ามาให้หมด จะส่งเองหรือให้เรารื้อค้นเองหลังจากขยับไม่ได้โปรดเลือกเอาเอง”เสียงดังจากคนใส่หน้ากากตรงกลาง น้ำเสียงสุภาพแต่แฝงไปด้วยอำนาจทำให้ต้องปฎิบัติตามคำสั่งนั้น
โจรด้านหลังสองคน โยนถุงสองใบลงบนพื้น
เหล่าชาวบ้านต่างเตรียมล้วงของมีค่าใส่ให้กับเหล่ากองโจร ทันใดนั้นเอง
ปึก เสียงปิดหนังสือดังมาจากมุมนึงของกระโจม ตามด้วยเสียง
“แอปสิลอน ซอร์เซอรี่”
เหล่าโจรทั้งสาม หันไปมองตามเสียงนั้น เขาเห็นสาวหน้าหล่อ ผมขาว ตาสีเทา ในมือถือคทาสีดำหัวคทามีอัญมณีสีแดง ยืนส่งสายตาเย็นชาให้กับคนทั้งสาม
“ระวังมันเป็นจอมเวทย์ จัดการมัน”
สิ้นเสียงคำสั่งจากชายที่ยืนตรงกลาง ชายอีกสองคนมุ่งตรงมายังฟีโอน่าทันทีด้วยความเร็วสูง
คนแรกฟันดาบลงมาใส่ฟีโอน่าอย่างรวดเร็ว เธออยู่ในอาการตกใจแต่ยังตั้งสติยกคทาขึ้นกันได้ โจรอีกคนที่พุ่งเข้ามาพร้อมกันกวาดดาบมุ่งไปยังลำตัวเธออย่างรวดเร็ว เธอตั้งรับไม่ทันแน่
เกร็ง!!  เสียงของโลหะปะทะกันแทนที่จะเป็น เสียงของดาบฟันเข้าใส่เลือดเนื้อ
“รุมกันมันไม่ดีมั้งครับ”เด็กหนุ่มผมสั้นสีทอง ตาสีฟ้า แววตาขี้เล่น ผิวขาว อมยิ้มอย่างรื่นเริง รูปร่างผอมในมือถือมีดสั้นสีแดงเพลิงยาวเท่าท่อนแขนอยู่เล่มหนึ่ง ยกขึ้นกันดาบที่ฟาดเข้าใส่ลำตัวของฟีโอน่า ใช่แล้วเขาคือนาโอกิ
“มันต้อง สองต่อสองถึงจะมันส์”เขาส่งยิ้มระริกไปให้กับโจรคนที่สอง
นาโอกิปัดดาบของโจรคนที่สองออกแล้วพุ่งเข้าไปต่อสู้ประชิดตัวทันที
โครม!! ร่างหนึ่งร่างลงไปกองกะพื้นด้วยความไวสูง แทบไม่เห็นว่าโดนจัดการได้ยังไง
นาโอกิได้ส่งร่างคู่ต่อสู้ลงไปนอนได้อย่างรวดเร็ว เขาหันมายิ้มยิงฟัน ยังกะตัวเองเป็นพรีเซ็นเตอร์ของยาสีฟันดังยี่ห้อนึง [ใครจะจ้างมานนนน - -*] ใส่โจรอีกคนที่ยืนว่างอยู่
โจรคนนั้นพุ่งไปหานาโอกิอย่างรวดเร็วพร้อมเงื้อมดาบฟันใส่อย่างแรง
ฟิ้ว!! สิ่งที่โดนฟันมีเพียงอากาศเท่านั้นที่โดน คนเบื้องหน้าหายไปแล้ว
นาโอกิอ้อมไปหยุดอยู่ด้านหลังของโจรที่น่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม เตรียมเอาสันมีดฟาดท้ายทอยอย่างแรง
เกร็ง!! โจรคนนั้นเอาดาบไปกันด้านหลังได้อย่างทันท่วงที ชนิดเส้นยาแดงเลยแปดแน่นอน
“โอว!! เก่งใช้ได้นี่ครับ”นาโอกิยิ้มให้กับโจรคนนั้นอย่างแปลกใจ
“แกเป็นใคร”หัวหน้ากลุ่มโจรพุ่งหลบไปด้านหน้าแล้วหันกลับมาถามนาโอกิอย่างสงสัย
“ผมชื่อนาโอกิ เป็นแค่คนโดยสารคนหนึ่งเท่านั้นเองไม่มีไรสำคัญหรอกครับ แต่ผมอยากให้คุณรามือยอมโดนจับง่ายๆหรือว่าจะยอมโดนจับหลังจากไม่รู้สึกตัวละครับ”นาโอกิส่งยิ้มแบบกวนประสาทไปให้หัวหน้ากลุ่มโจร แบบที่ใครเห็นแล้วอยากโดเขากระตืบก็ไม่แปลก
อ๊ากกกก!! เสียงร้องโหยหวนดังมาจากด้านหลังของหัวหน้ากลุ่มโจร เขาจึงหันไปมอง แต่ภาพที่เห็นคือลูกน้องเขากะลังโหยหวนอย่างเจ็บปวด ราวกลับว่ามันเป็นคำภาวนาขอความตายแทนความทรมาณที่ได้รับ
ฟีโอน่ายืนมองภาพของคนที่โดนทรมาณด้วยสายตาเย็นชาอย่างไม่รู้สึกรู้สาสิ่งที่ตัวเองทำลงไป แต่เหล่าผู้ที่อยู่ในกระโจมคนอื่นๆกลับหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นภาพทารุณและโหดร้ายนี่ หลายคนดูเหมือนจะพยายามพูดให้เธอหยุดทรมาณ แต่แล้วเมื่อเจอกับสายตาเย็นชาและไร้ความรู้สึกต้องหนาวสันหลังสงบปากนั่งเฉยไปในบันดล
โจรผู้โชคร้ายสลบมอดลงไปเรียบร้อยแล้ว ฟีโอน่าหันมาเตรียมเล่นงานหัวหน้ากลุ่มโจรต่อ
แต่หัวหน้าโจรเห็นท่าไม่ดี เขาไปไหนก็ไม่ได้เพราะข้างหน้ามันมีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่ามันเร็ว เร็วระดับที่เขาเทียบไม่ติดข้างหลังก็มีผู้หญิงหน้าหล่อแต่ความโหดเ หี้ ย ม ไม่ได้หล่อน้อยกว่าใบหน้าอันเย็นชาของหล่อนเลย มันเข้าข่ายเหนือเสือปะจระเข้ชัดๆ  จะรุกจะถอยก็ทำไม่ได้เพราะตอนนี้เขาโดนล้อมซะแล้ว[โชคดีน่ะพ่อโจรดวงซวย ปล้นตอนไหนไม่ปล้นดันมาปล้นตอนสัตว์ประหลาดอยู่ -*-\\=/]
หัวหน้าโจรเห็นท่าไม่ดีแน่ถ้าอยู่เฉย มันเลยตัดสินใจในทันควันกระโดดพุ่งเข้าหาฟีโอน่าพร้อมฟันไปที่หล่อนทันที
ฟีโอน่ายกไม้คทากันไว้ได้ เธอเบี่ยงตัวหลบข้างตวัดไม้คทาเอาอีกด้านฟาดไปที่ใบหน้าด้านข้างของหัวหน้ากลุ่มโจร มันเอี้ยวหัวไปด้านหลังแล้วสวนกลับฟันแสกหน้าในทันทีเธอเอาไม้คทายกขึ้นกันเหนือศีรษะก่อนจะใช้แรงพลักออกไป มันสบโอกาสกระโดดคว้าตัวประกันที่อยู่ใกล้สุดในบันดล
“อย่าเข้ามาน่ะไม่งั้นไอ้อ้วนนี่ตาย”มันเอาดาบพาดคอจับเด็กอ้วนกลมผิวดำผู้เคราะห์ร้ายเอาไว้
ใช่แล้วผู้โชคดีที่โดนจับตัวไว้ไม่ใช่ใครที่ไหนเซตัสนั้นเอง 
นาโอกิเอามือจับใบหน้าแล้วส่ายหัวอย่างเซ็งๆ ส่วนฟีโอน่าก็มีแค่ส่งสยตาเย็นชากะใบหน้าเรียบเฉยมองมายังไม่ทุกข์ร้อนอะไร เบดิอาผู้เป็นพ่อของเซตัส ยิ้มอย่างขำๆที่ลูกชายตัวดีโดนจับอย่างไม่แปลกใจอะไรเลยแล้วส่วนที่โดนเรียกเป็นไอ้อ้วน เขารู้ว่ามันคงโกรธเป็นไฟแน่นอน
ก็ใช่อย่างที่เบดิอาพ่อของเซตัสคิดอ่ะถูกแล้ว เพราะเซตัสจงใจให้หัวหน้ากลุ่มโจรมันจับอยู่แล้วเพราะถ้าคนอื่นจับเขาคงหนีไม่รอด แต่ไอ้ที่รับไม่ได้เนี่ย คือมันมาด่าเขาว่าเป็นไอ้อ้วน เนี่ย มันรับไม่ได้(นู๋ไม่ยอม >.<) [ไม่ดูสภาพตัวเองเลยน่ะนั่น - -a] เขาเอียงคอไปมองหัวหน้ากลุ่มโจรอย่าโกรธแค้น (เอ็งตายแน่ เหอๆๆ)
“วางอาวุธลง แล้วถอยไป”หัวหน้ากลุ่มโจร สั่งแล้วเตรียมก้าวถอยออกไปข้างนอกกระโจม
นาโอกิมองไปทางฟีโอน่ายิ้มแล้วพยักหน้าเป็นเชิงขอร้องให้ทำตาม ฟีโอน่าเก็บไม้คทาแล้วนั่งลงไปอ่านหนังสือต่อย่างไม่สนใจ ส่วนมีดของนาโอกิก็เก็บไปแล้วไม่รู้ตอนไหน
หัวหน้ากลุ่มโจรลากเซตัสออกไปพร้อมยังกล่าวย้ำอีกว่าห้ามตามมา
เหล่ากองโจร Red Skelton ได้ถอนกำลังออกไปแล้ว เซตัสโดนเอา ตัวไปด้วย [ไม่รู้มันเอาไปทำไมเป็นภาระหนักซะป่าวๆ -*-]
หลังจากเสร็จการปะทะระหว่างกองกำลังป้องกันเกวียนกับกองโจรRed Skelton ชัยชนะตกเป็นขงของเหล่าผู้คุ้มกัน แต่ต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล เช่นกัน สภาพเกวียนยับเยินเหล่านักรบบาดเจ็บเป็นจำนวนมากเกินกว่าจะเดินทางได้ในตอนเช้า 
เบดิอายืนอมยิ้มอยู่ที่ทุ่งหญ้ามองเข้าไปในป่า ที่เซตัสโดนพาตัวเข้าไป นาโอกิเดินเข้ามาข้าง มองดูรอยยิ้มอย่างสงสัยเลยตัดสินใจถามเบดิอาไปว่า
“ท่าทางท่านดูเหมือนจะไม่กังวลเรื่องที่เซตัสโดนจับไปเท่าไรเลยน่ะ”
“ป่าวข้ากังวลมาก ไม่ใช่กังวลตัวไอ้ลูกชายของข้าหรอกน่ะแต่ที่กังวลน่ะของไอ้เหล่ากองโจรนั้นตะหาก”ก่อนที่เบดิอาจะเดินหัวเราะจากไปปล่อยให้นาโอกิ งงยิ่งกว่าเดิม
เห้อ!! ไอ้พวกโจรโชคร้ายจับใครไม่จับ ไปจับไอ้ตัวแสบของเขาเข้าให้ งานนี้ มันต้องขึ้นอยู่กะโชคของไอ้พวกนั้นแล้วว่าจะซวยหนักแค่ไหน หึหึ
สวัสดีงับ เพื่อน ขอโทดทีที่หายไปนาน เนื่องจากบทนี้
เป็นบทที่ยากที่สุดเพราะใช้เวลาแต่งสามรอบ
ไม่ต้องแปลกใจงับ มันเป็นเรื่องทางเทคนิกนิดหน่อยT T
(ความจริงไม่หน่อยเลย ครั้งแรกกแต่งเสร็จยังไม่ไดเซฟเครื่องแฮงค์ซิกๆ
ครั้งที่สองแต่งเสร็จเครื่อง Error File หายเลยต้องFormat เครื่องใหม่เลย
เนี่ยเป็นการแต่งครั่งที่สาม อารายมันจะซวยอย่างงี้หน่อ - -a)
อิอิ มีตัวละครใหม่ของใครก็ไม่รูเน่อะงับ ขอบคุณมากขอคอมเม้นเยอะๆน่ะงับไม่เยอะงอนม่ะลงต่อเน่อะเอ่อ
วันนี้เป็นวันที่สาม หลังการออกเดินทางออกจากเมืองเดอริส
   
    เด็กหนุ่มใบหน้าอ้วนกลม ผมสั้นสีขาว รูปร่างตุ้ยนุ้ยกะลังนั่งคุยอย่างสนุกสนานกับเด็กหนุ่มผมสั้นสีทอง ตาสีฟ้า รูปร่างผอม
    ใช่แล้ว เซตัสกับนาโอกิ
เซตัสกับนาโอกิ โดยสารรถคันเดียวกัน โดยตลอดทางเซตัสได้ขออนุญาตพ่อเขาย้ายที่นั่งจากข้างพ่อของเขามานั่งข้างๆนาโอกิ
“นาโอกิ คุยกันมาตั้งหลายวันแล้ว ฉันยังไม่รู้เลยว่านายเป็นคนอาณาจักรไหนกันแน่”
“ .”นาโอกิทำหน้าเลื่อนลอย เจ็บปวดก่อนตอบไปว่า
“ฉันก็ไม่รู้น่ะ ว่าฉันเป็นคนอาณาจักรไหน พ่อแม่เป็นใคร ความทรงจำในอดีตของฉันไม่มีเลย”
“ ขอโทษน่ะ”
“ช่างเถอะ สักวันชั้นจะตามหาอดีตที่ขาดหายไปของฉันให้เจอ คอยดู”
แววตาของนาโอกิฉายแววมุ่งมั่น ก่อนจะเปลี่ยนกลับเป็นขี้เล่นอย่างเดิม
“ว่าแต่ ตอนนี้นายอยู่กะใครหรอ”
“ตอนนี้ฉันอาศัยอยู่กับลุงน่ะ ไม่ใช่ลุงแท้ๆอะไรหรอก แต่ เมื่อ หกปีก่อน ท่านเห็นฉันสลบอยู่หน้าบ้านท่าน ท่านเลยช่วยดูแล แล้วฉันจำอดีตอะไรไม่ได้เลย ฉันก็เลยอยู่กะท่านตั้งแต่นั้นมา”
“แล้วลุงนายทำงานอะไรหรอ”
“ก็แค่งานรับจ้างธรรมดาทั่วไปแหละ”แต่แววตาของนาโอกิฉายแววเจ้าเล่ห์แววนึงก่อนที่จะหายไป
“ว่าแต่นายเถอะ พ่อนายทำอาชีพอะไรหรอ”นาโอกิแอบแหล่ตาไปมองเบดิอาที่กะลังนั่งก้มอ่านหนังสืออยู่
“ฉันกับพ่อทำอาชีพเก็บของป่าไปขายในตัวเมืองน่ะ”
“ไม่น่าใช่น่ะ ฉันว่าอย่างพ่อนายน่ะ ดูเป็นนักรบมากกว่าจะเป็นแค่คนหาของป่าธรรมดาน่ะ”นาโอกิยิ้มมุมปากกอย่างเจ้าเล่ห์ให้กับเซตัส
เซตัสหรี่ตามองไปที่ นาโอกิ
“ใช่ เมื่อก่อนพ่อเคยเล่าให้ฟังว่า พ่อเคยทำงานเป็นนักรบมาก่อนแล้วเกิดเบื่อเลยกลับมอยู่กับปู่หาของป่าขายน่ะ”ก่อนจะพยักไหล่อย่างไม่สนใจ
“อืมว่าแต่นี่ออกจากเมืองเดอริสมาตั้งสามวัน แล้วทำไมตลอดทางไม่เห็นมีตัวเมืองเลย”เซตัสเปลี่ยนเรื่องก่อนจะโดนสงสัย
“อืมก็ ไอ้เส้นทางที่ขบวนเกวียนเดินทางเนี่ยมัน เป็นทางที่เร็วแต่มันไม่มีเมืองหรอก เพราะว่า มันเป็นเส้นทางที่อยู่ติดกับป่าลับแลมากเกินไปเลยไม่มีเมืองอาศัยอยู่ ส่วนเมืองน่ะตั้งอยู่ที่ถนนอีกสาย เพราะถ้าขบวนเกวียนเดินสายนั้นมันจะอ้อม”นาโอกิพูดราวกับผู้เชียวชาญการเดินทาง
“ทำไมนายรู้เรื่องดีจัง”
นาโอกิยิ้มก่อนตอบไปว่า
“ก็งานที่ฉันทำงานกะลุงแล้วมันต้องเดินทางเสมอเลยพอจะรู้เรื่องเส้นทางต่างๆดีหน่อยน่ะ”
เอี๊ยด!! เสียงเกวียนจอด
พนักงานขับรถเดินมาแจ้งทุกคนว่าจะหยุดตั้งค่ายพักแรมที่นี่
สามวันมานี่ทางขบวนเกวียน จะก่อตั้งกระโจม หลายหลังล้อมขบวนเกวียนเป็นค่ายขนาดใหญ่ โดยจะจัดที่พักให้แก่ผู้โดยสารในขบวนเกวียนอยู่ภายในค่าส่วนพวกผู้คุ้มกันจะอยู่รอบนอก
เซตัสออกมาเดินเล่นกับนาโอกิ เพื่อรอให้พนักงานเขากางกระโจมให้เสร็จเรียบร้อย
วิวทิวทัศน์สวยงาม ถ้ามองไปทางด้านซ้าย ทุ่งหญ้าเขียวขจีมีต้นไม้น้อยใหญ่แซมแสงแดดยามเย็นสีส้มสดใส สาดส่องไปทั่วทุ่งหญ้า เป็นบรรยากาศสบายๆที่เหมาะแก่การพักผ่อนอย่ายิ่ง แต่ด้านขวากลับไม่เป็นแบบนั้น
ต้นไม้ใหญ่สูง กว้างพอให้หลายคนโอบได้ ใบเขียวชอุ่มขึ้นรกทึบบรรยากาศดูเยือกเย็นวังเวง ลี้ลับชอบกล สัญชาตญาณเตือนเขามาตั้งแต่เขาแต่แรกแล้วว่าป่าแห่งนี้อันตราย  ลองได้เข้าไปแล้วคงอยากกลับออกมา สมชื่อป่าของมันแล้ว “ป่าลับแล”
ตกดึกเซตัสกะนาโอกินั่งล้อมวงหน้ากองไฟเพื่อทานอาหาร ดั่งเช่นที่ผ่านมา
เซตัสกะลังง่วงกับการจัดการเนื้อย่างกะซุบในจานของตัวเองอยู่ พ่อของเขากะลังจิบชาอย่างสบายอารมณ์ นาโอกิก็หันไปพูดกะเซตัสว่า
“นายรู้ป่าว ทำไมกองคาราวานถึงต้องหยุดตั้งค่ายก่อนค่ำทุกที”
“ไม่รู้สิ ทำไมหรอ”เจ้าตัวดียังกินไม่ยอมหยุด กลัวไม่อิ่ม [ฮ่วย- -a]
“ก็ไม่ทำไมหรอกแถวนี้มันมีกองโจรคอยบุกปล้นขบวนสินค้าน่ะ เพราะว่าที่นี่มนเป็นเส้นทางเปลี่ยว ไม่มีตัวเมืองหรือทางจากอาณาจักรให้การช่วยเหลือหรอก”
ซู๊ดด~~ เสียงซดน้ำก่อนที่เซตัสจะเลียริมฝีปากตัวเองก่อนหันมาถามนาโอกิว่า
“แล้วทำไมขบวนเกวียน ไม่ไปเส้นทางอีกทางที่มีตัวเมืองล่ะ”
“ก็อีกเส้นทางมันอ้อมไกลมากเสียเวลากว่าเดิมเยอะเลย เพราะงั้นเขาเลยจำเป็นต้องเลือกใช้เส้นทางนี้ทั้งที่มันค่อนข้างอันตราย”
“อืม ก็ถ้ามันปลอดภัยอ้อมหน่อยจะเป็นไรเล่า”
“มันไม่หน่อยอย่างที่เจ้าคิดหรอกน่ะ รู้ไหม เส้นทางอีกทางน่ะ เสียเวลากว่าเดิมตั้ง สิบวัน เป็นพ่อค้าก็ไม่มีใครเสียเวลาขนาดนั้นหรอก แล้วยิ่งดู ขบวนสินค้าเกษตรทั้งหลายเนี่ย ถึง เขาจะลงเวทไว้ให้มันสดตลอดก็เถอะ แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะคงทนได้นานนัก ถ้าขืนชักช้ากว่าจะถึงตลาด อีกนานเหล่าพ่อค้าคงเป็นลมตายซะก่อนสิ”เสียงตอบกลับมาไม่ใช่เสียงของนาโอกิ
เซตัสหันไปมอง ใช่แล้วคนที่ตอบไม่ใช่ใครเลย บิดาของเขาเองที่ละจากการจิบชาอันแสนสบายมาเสริมปัญญาให้กับลูกชายสุดที่รักของตัวเอง ^^
(โหยพ่อร่ายยาวเป็นกระบุงโกยเลย ถามไปประโยคเดียว พ่อเล่นตอบมาหูชาเลยวุ้ย >.<)
“อ๋อ”เสียงตอบรับก่อนจะพยักหน้าหมายความว่าเข้าใจอย่างรวดเร็วก่อนที่ยาวกว่านี่
“ว่าแต่นายถามเรื่องนี้ทำไมหรอนาโอกิ”เบดิอาถามนาโอกิ
“ก็ไม่มีอะไรหรอกมากหรอกครับ”นาโอกิตอบก่อนเงยหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าก่อนจะก้มลงมาพูดต่อ
“คืนนี้เป็นคืนเดือนมืดเหมาะแก่การซุ่มโจมตี ถ้าพวกโจรจะลงมือก็คงจะลงมือคืนนี้เพราะกองคาราวานจะออกพ้นเส้นทางป่าลับแลแล้ว”
“ถูกต้องถ้าข้าเป็นโจรข้าก็จะโจมตีคืนนี้เช่นกัน”
เบดิอาจ้องมองนาโอกิอย่างสงสัยใจในขณะที่นาโอกิยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ทำเป็นไม่รู้เรื่อง
เอิ๊กกกกก!! เสียงเรอออกมาจากคนตรงกลางวงสนทนาทำให้เบดิอาเลิกมองนาโอกิแล้วหันไปยังต้นเสียงทันทีก่อนจะกุมขมับอย่างปวดหัว(คิดผิดคิดถูกน่ะเนี่ยท่านผู้เฒ่าที่ส่งมันไปเรียนเนี่ย - -*)
ท่าทางเซตัสไม่ได้สนออกสนใจในเรื่องที่ทั้งสองคนคุยกันมากไปกว่าถ้วยซุปในมือตัวเองเลย
“ทำไมนายดูไม่เห็นวิตกหรือกลัวอะไรเลยล่ะ”
“ก็จะกลัวไปทำไม นักรบคุ้มกันขบวนตั้งมากมายขนาดนี้ โจรคงไม่โง่บุกมาหรอก^o^”ไม่ว่าเปล่าเซตัสกะลังจะก้มลงไปตักข้าวในจานต่อ
    ฟิ้ว~~จึก โผละ ลูกธนูพุ่งทะลุชามข้าวเซตัสไป (อ้าวเห้ย!! ชามข้าวฉานนนนT.T)
    ห่าฝนธนูพุ่งลงมาไม่รู้ทิศทาง แหวกม่านอากาศพุ่งตรงมายังกองคาราวาน
    “วาโลฮิล ฮีนอฟ กำแพงวายุพาดนภา”
    กำแพงลมพัดพาเหล่าลูกธนูพุ่งผ่านไปตกยังที่อื่นทันที
    นักเวทย์ประจำกองกำลังป้องกันคาราวานร่ายเวทย์เพื่อป้องกันผู้โดยสารจากห่าฝนธนู
    “เดมุน ลีนอฟ นำกองที่ 1 และ 2 คุ้มกันผู้โดยสารทุกคนกลับไปรวมกันที่กระโจม ป้องกันไว้แล้ว อย่าออกมา”
    ผู้นำกองกำลังนักรบ ตะโกนสั่งลูกน้องให้คุ้มกันผู้โดยสารไปรวมกันที่กระโจมแล้วออกคำสั่งเตรียมพร้อมในทันที
    เบดิอากับนาโอกิต้องช่วยกันลากเซตัสกลับเข้าไปในกระโจมเพราะเจ้าตัวกะลังกระฟัดกระเฟียดเตรียมฟัดกะพวกโจรด้วยข้อหาอันใหญ่หลวงเกินกว่าจะให้อภัยได้(พวกแกทำชามข้าวฉานนน ฉันยังกินไม่หมดเลย มันต้องชดใช้)[ทำชามข้าวแตกเนี่ยน่ะ - -a]
    เหล่าผู้โดยสารไปรวมตัวอยู่ในกระโจมใหญ่ที่มีนักรบหลายคนคอยคุ้มกันอยู่
    เสียงต้อสู้  เสียงระเบิด เสียงการร่ายเวทย์ที่ดังอยู่เบื้องนอกนั้นแสดงให้เห็นถึงการปะทะกันอย่างรุนแรงระหว่างนักรบคุมกันขบวนกับเหล่ากองโจรที่ยกมา
    เซตัสกวาดตามองดูเหล่าผู้คนในกระโจมใน
ในนั้นเหล่าผู้โดยสารคนอื่นนั่งตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ไม่มีเสียงกรีดร้องแต่อย่างใด กระโจมมีแต่ความเงียบปกคลุมอยู่ แต่ว่ามีอยู่ประมาณ 4 คนที่ไม่มีอาการหวาดกลัวแต่อย่างใด
คนแรกนั่งอ่านหนังสืออยู่บนที่นอนอย่างตั้งใจ คนที่สองยืนดูสถานการณ์เบื้องนอกเอามือชกกันอย่างกับเตรียมพร้อมที่จะต่อสู้ คนที่สามนั่งเงียบอยู่หลังกระโจม ส่วนคนที่สี่ไม่ใกล้ไม่ไกลตัวเขาเลย
คนแรกที่เขาเห็นสาวหน้าหล่อ ผมขาว ใช่แล้ว ผู้ชนะการประลองที่เมืองแอตติส ฟิโอน่า อาร์แคนนั่ม เจ้าตัวนั่งอ่านหนังสืออย่างสบายใจเฉิบอย่างกับข้างนอกไม่มีอะไรเกิดขึ้นงั้นแหละ (สมาธิดีเยี่ยม ขอตบมือให้อาเจ๊แกจริงๆ- -a)
คนที่สองเป็นหญิงสาว ผมสีทองยาวถึงต้นคอ ตาสีนิลเข้มฉายแววตื่นเต้น กระตือรือร้น ผิวขาวอมชมพูท่าทางทะมัดทะแมง มองออกไปด้านนอกกระโจมในมือใส่ สนับมือเตรียมพร้อมต่อสู้ยืนอยู่หน้าทางเข้าทางออก ยังกะจะกระโจนออกไปร่วมวงให้ได้นั่นแหละ ดูเหมือนคุณเธอจะยิ้มดีใจ ยังกะข้างนอกมีงานรื่นเริง กันซะยังงั้นแหละ
คนที่สามชายหนุ่มผมสั้นชี้สีดำ หน้าเข้มคม คิ้วหนาตั้งตรง รูปร่างสูงกำยำ แต่ทว่าเจ้าตัวนั่งหลับน้ำลายยืด(ยี้~~ - -*) อยู่ท้ายกระโจม (ไม่รู้หลับเข้าไปได้ไงเสียงจะดังออกขนาดนี้ นับถือจริงๆ)
คนที่สี่ จะใครซะอีกล่ะ เด็กหนุ่มผมสั้นสีทอง ตาสีฟ้า แววตาขี้เล่น ผิวขาว อมยิ้มอย่างรื่นเริง รูปร่างผอม ยืนอยู่ข้างๆตัวเขา ใช่แล้วเพื่อนใหม่ของเขานี่เอง “นาโอกิ”
ในบรรดาสี่คนนี้เซตัสไม่รู้จักอยู่สองคน  ไม่รู้ความสามารถอยู่หนึ่งคน แต่ทั้งสี่กลับแผ่กลิ่นอายนักรบออกมาเหมือนกันทุกคน
หลังจากกวาดตามอง ดูกลุ่มคนเหล่านี้ เซตัสจึงเดินตามพ่อไปนั่งอยู่กลางกลุ่มผู้โดยสารที่นั่งอยู่กับพื้น
เสียงระเบิด เสียงร้องครางเจ็บปวด เสียงของโลหะกระทบกันดังมาเป็นระยะ คนภายในกระโจมไม่รู้เห็นสถานการณ์เบื้องนอกเลยแต่รู้อยู่อย่างคือ ต้องมีการรบที่ดุเดือดเกิดขึ้นเบื้องนอกแน่นอน
    ทันใดนั้นเองมีคนวิ่งกระหึดกระหอบวิ่งเข้ามาในกระโจมด้านใน เขาเป็นชายผมดำ ตาดำ หน้าตาหยาบกร้านแต่แฝงแววซื่อสัตย์ รูปกายสูงใหญ่แต่ทว่าตามลำตัวชโลมไปด้วยเลือดและบาดแผล
    “ผู้โดยสารทุกท่านข้าเดมุน หัวหน้ากองที่สอง ข้าอยากจะบอกว่ากองโจรที่มาจู่โจมคืนนี้คือ กองโจรกระดูกแดง (Red Skelton) เพราะฉะนั้นข้าขอให้ทุกท่านอยู่แต่ในกระโจมห้ามออกไปไหน และอย่าส่งเสียงใดทั้งนั้น”
    พอสิ้นคำ เหล่าผู้อยู่ในกระโจมอุทานกันดังระงม มีเสียงร้องไห้ดังระงม บางคนก็หน้าซีดเผือก อยู่ในอาการตระหนกอย่างหนัก
    Red Skelton กองโจรที่ขึ้นชื่อเรื่องความเก่งกาจและความโหดเ หี้ ย ม อย่างมาก เพราะเข้าปล้นทีไรเจ้าทุกข์ส่วนมากโดนปล้นเรียบแม้แต่เสื้อผ้าไม่ค่อยมีหลายไหนเหลือสิ่งมีค่ารอดมากนัก หรือไม่ก็ถูกจับไปเป็นเชลย
   
    “โปรดอยู่ในความสงบก่อน ข้าจะบอกว่าตอนนี้พวกเรากำลังต่อสู้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องกังวล ที่ข้ามา ข้าอยากขออาสาสมัครเป็นกองหนุน ใครพอจะสู้รบได้ โปรดยืนขึ้นแล้วตามข้ามา”
    สิ้นเสียง มีคนลุกขึ้นยืนอยู่สอง เดินเข้ามาหาคนประกาศ
    คนแรกสาวผมทอง ตาสีนิล โดดเข้าร่วมวงทันทีที่เข้าประกาศ ส่วนคนที่ สอง คือชายชายหนุ่มผมสั้นชี้สีดำ ตาสีแดงเพลิง หน้าเข้มคม คิ้วหนาตั้งตรง รูปร่างสูงกำยำ บิดแขนขี้เกียจ เดินอ้าปากห้าวเข้ามา
    “ข้าขอทราบชื่อของท่านทั้งสองด้วย”เดมุนค่อมศรีษะแสดงความเคารพ
    “ข้าชื่อไวล์ ชามาร์ นักดาบจาก ฟีลอส”
ชายผมดำตอบอย่างงัวเงีย ปากก็อ้าปากห้าว ส่วนมือก็ชื้อไปทางสาวผมทอง ตาสีนิลด้านข้าง
“ส่วนอาเจ๊ด้านข้างข้าเนี่ย ชื่อ เซซิเลีย เอเรนดิล หญิงถึกจากลาบาดิน”
เปรี้ยง ผลัก!! หมัดซ้ายตรงพุ่งเข้าแก้ม ไวล์ ชามาร์เข้าอย่างจัง  แล้วร่วงลงไปให้กรรมการนับถึงยี่สิบท่าทางก็ยังลุกไม่ได้ง่ายๆแน่ ท่ามกลาง อาการตกตะลึงของผู้คนโดยรอบข้าง มองมาที่หญิงสาวกันทุกคน
“ปากเสีย ไอ้ไวล์บ้า ฉันบอกนายแล้วไงว่า ฉันไม่ใช่ หญิงถึกเข้าใจไหม รูปร่างฉันออกจะบอบบางอ่อนหวาน น่ารัก น่าถนอมจะตาย”
(เนี่ยน่ะอ่อนหวานน่ารักน่าถนอม โหย แม่คุณ แค่คนพูดฟังไม่เข้าหูเลยโดนสอยเปรี้ยงลงไปนอนเนี่ยน่ะ อ่อนหวานตรงไหนฟ่ะเนี่ยน่ากลัวล่ะดิไม่ว่า ท่าทางอาเจ๊แกจะไม่รู้ตัวจริงๆ - -a)
หลังจากคุณเธอบ่นจนพอใจแล้วจึงดึงให้ชายหนุ่มเคราะห์ร้ายลุกขึ้นมาทันที
เดมุนกวาดตามองมายังผู้โดยสารคนอื่นก่อนจะเดินเข้าไปหาฟีโอน่าแล้วค่อมหัวลง ทักทายฟีโอน่าแล้วจึงถามว่า
“ท่านคือท่านฟีโอน่าผู้ชนะเลิศการประลองที่ แอตติสมาใช่หรือเปล่าครับ”
ฟีโอน่าละสายตาจากหนังสือ แล้วจึงเงยหน้ามามองเดมุนก่อนที่จะพยักหน้าแล้วก้มอ่านหนังสือต่อ
“งั้นข้าขอรบกวนช่วยดูแลคนในกระโจมแทนพวกข้าได้หรือไม่ เพราะ กำลังพลเราไม่พอเราจึงต้องออกไปสมทบ แต่กลัวการคุ้มกันเหล่าผู้โดยสารไม่พอเพียงเลย อยากขอรบกวนท่านหน่อยจะได้หรือป่าวครับ”
ฟีโอน่าไม่ได้หันมาตอบเธอแค่พยักหน้าแทนคำตอบไป
“ข้าขอขอบคุณท่านมากท่านฟีโอน่า ส่วน ท่านไวล์ ท่าน เซซิเลีย โปรดตามข้ามมา”
เดมุนกล่าวจบหันหลังกลับพาทั้งสองคนออกจากกระโจมไป
เดมุนนำกองที่สองพร้อมด้วยไวล์กับเซซิเลียมุ่งหน้าไปยังสถานที่ๆมีการสู้รบ
เสียงการสู้รบดังขึ้นเรื่อยๆตลอดเวลา เสียงระเบิด เสียงการฆ่าฟันทวีความรุนแรงขึ้น จนกระทั่งเสียงเหล่านั้นดังเข้ามาใกล้กระโจมของเขาเรื่อยๆ
เสียงเหมือนมีคนมาบุกมุ่งตรงมายังกระโจมผู้โดยสารใกล้ขึ้นๆเรื่อยๆ จนกระทั่งเสียงปะทะมาจากเหล่านักรบด้านหน้ากระโจม
ตูม!! นักรบที่คุ้มกันด้านหน้า คนนึงกระเด็นเข้ามาในกระโจมสภาพบาดเจ็บสาหัส ตามด้วยคนใส่ชุดดำรัดกุมใบหน้ามีหน้ากากกะโหลกสีแดงในมือถือดาบชะโลมไปด้วยเลือด เดินตามเข้ามา สามคน
“สวัสดี เหล่าพ่อแม่พี่น้องทั้งหลาย ข้าเหล่ากองโจรกระดูกแดงขอให้ส่งของมีค่ามาให้หมด จะส่งเองหรือให้เรารื้อค้นเองหลังจากขยับไม่ได้โปรดเลือกเอาเอง”เสียงดังจากคนใส่หน้ากากตรงกลาง น้ำเสียงสุภาพแต่แฝงไปด้วยอำนาจทำให้ต้องปฎิบัติตามคำสั่งนั้น
โจรด้านหลังสองคน โยนถุงสองใบลงบนพื้น
เหล่าชาวบ้านต่างเตรียมล้วงของมีค่าใส่ให้กับเหล่ากองโจร ทันใดนั้นเอง
ปึก เสียงปิดหนังสือดังมาจากมุมนึงของกระโจม ตามด้วยเสียง
“แอปสิลอน ซอร์เซอรี่”
เหล่าโจรทั้งสาม หันไปมองตามเสียงนั้น เขาเห็นสาวหน้าหล่อ ผมขาว ตาสีเทา ในมือถือคทาสีดำหัวคทามีอัญมณีสีแดง ยืนส่งสายตาเย็นชาให้กับคนทั้งสาม
“ระวังมันเป็นจอมเวทย์ จัดการมัน”
สิ้นเสียงคำสั่งจากชายที่ยืนตรงกลาง ชายอีกสองคนมุ่งตรงมายังฟีโอน่าทันทีด้วยความเร็วสูง
คนแรกฟันดาบลงมาใส่ฟีโอน่าอย่างรวดเร็ว เธออยู่ในอาการตกใจแต่ยังตั้งสติยกคทาขึ้นกันได้ โจรอีกคนที่พุ่งเข้ามาพร้อมกันกวาดดาบมุ่งไปยังลำตัวเธออย่างรวดเร็ว เธอตั้งรับไม่ทันแน่
เกร็ง!!  เสียงของโลหะปะทะกันแทนที่จะเป็น เสียงของดาบฟันเข้าใส่เลือดเนื้อ
“รุมกันมันไม่ดีมั้งครับ”เด็กหนุ่มผมสั้นสีทอง ตาสีฟ้า แววตาขี้เล่น ผิวขาว อมยิ้มอย่างรื่นเริง รูปร่างผอมในมือถือมีดสั้นสีแดงเพลิงยาวเท่าท่อนแขนอยู่เล่มหนึ่ง ยกขึ้นกันดาบที่ฟาดเข้าใส่ลำตัวของฟีโอน่า ใช่แล้วเขาคือนาโอกิ
“มันต้อง สองต่อสองถึงจะมันส์”เขาส่งยิ้มระริกไปให้กับโจรคนที่สอง
นาโอกิปัดดาบของโจรคนที่สองออกแล้วพุ่งเข้าไปต่อสู้ประชิดตัวทันที
โครม!! ร่างหนึ่งร่างลงไปกองกะพื้นด้วยความไวสูง แทบไม่เห็นว่าโดนจัดการได้ยังไง
นาโอกิได้ส่งร่างคู่ต่อสู้ลงไปนอนได้อย่างรวดเร็ว เขาหันมายิ้มยิงฟัน ยังกะตัวเองเป็นพรีเซ็นเตอร์ของยาสีฟันดังยี่ห้อนึง [ใครจะจ้างมานนนน - -*] ใส่โจรอีกคนที่ยืนว่างอยู่
โจรคนนั้นพุ่งไปหานาโอกิอย่างรวดเร็วพร้อมเงื้อมดาบฟันใส่อย่างแรง
ฟิ้ว!! สิ่งที่โดนฟันมีเพียงอากาศเท่านั้นที่โดน คนเบื้องหน้าหายไปแล้ว
นาโอกิอ้อมไปหยุดอยู่ด้านหลังของโจรที่น่าจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม เตรียมเอาสันมีดฟาดท้ายทอยอย่างแรง
เกร็ง!! โจรคนนั้นเอาดาบไปกันด้านหลังได้อย่างทันท่วงที ชนิดเส้นยาแดงเลยแปดแน่นอน
“โอว!! เก่งใช้ได้นี่ครับ”นาโอกิยิ้มให้กับโจรคนนั้นอย่างแปลกใจ
“แกเป็นใคร”หัวหน้ากลุ่มโจรพุ่งหลบไปด้านหน้าแล้วหันกลับมาถามนาโอกิอย่างสงสัย
“ผมชื่อนาโอกิ เป็นแค่คนโดยสารคนหนึ่งเท่านั้นเองไม่มีไรสำคัญหรอกครับ แต่ผมอยากให้คุณรามือยอมโดนจับง่ายๆหรือว่าจะยอมโดนจับหลังจากไม่รู้สึกตัวละครับ”นาโอกิส่งยิ้มแบบกวนประสาทไปให้หัวหน้ากลุ่มโจร แบบที่ใครเห็นแล้วอยากโดเขากระตืบก็ไม่แปลก
อ๊ากกกก!! เสียงร้องโหยหวนดังมาจากด้านหลังของหัวหน้ากลุ่มโจร เขาจึงหันไปมอง แต่ภาพที่เห็นคือลูกน้องเขากะลังโหยหวนอย่างเจ็บปวด ราวกลับว่ามันเป็นคำภาวนาขอความตายแทนความทรมาณที่ได้รับ
ฟีโอน่ายืนมองภาพของคนที่โดนทรมาณด้วยสายตาเย็นชาอย่างไม่รู้สึกรู้สาสิ่งที่ตัวเองทำลงไป แต่เหล่าผู้ที่อยู่ในกระโจมคนอื่นๆกลับหน้าซีดเผือดเมื่อเห็นภาพทารุณและโหดร้ายนี่ หลายคนดูเหมือนจะพยายามพูดให้เธอหยุดทรมาณ แต่แล้วเมื่อเจอกับสายตาเย็นชาและไร้ความรู้สึกต้องหนาวสันหลังสงบปากนั่งเฉยไปในบันดล
โจรผู้โชคร้ายสลบมอดลงไปเรียบร้อยแล้ว ฟีโอน่าหันมาเตรียมเล่นงานหัวหน้ากลุ่มโจรต่อ
แต่หัวหน้าโจรเห็นท่าไม่ดี เขาไปไหนก็ไม่ได้เพราะข้างหน้ามันมีไอ้บ้าที่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่ามันเร็ว เร็วระดับที่เขาเทียบไม่ติดข้างหลังก็มีผู้หญิงหน้าหล่อแต่ความโหดเ หี้ ย ม ไม่ได้หล่อน้อยกว่าใบหน้าอันเย็นชาของหล่อนเลย มันเข้าข่ายเหนือเสือปะจระเข้ชัดๆ  จะรุกจะถอยก็ทำไม่ได้เพราะตอนนี้เขาโดนล้อมซะแล้ว[โชคดีน่ะพ่อโจรดวงซวย ปล้นตอนไหนไม่ปล้นดันมาปล้นตอนสัตว์ประหลาดอยู่ -*-\\=/]
หัวหน้าโจรเห็นท่าไม่ดีแน่ถ้าอยู่เฉย มันเลยตัดสินใจในทันควันกระโดดพุ่งเข้าหาฟีโอน่าพร้อมฟันไปที่หล่อนทันที
ฟีโอน่ายกไม้คทากันไว้ได้ เธอเบี่ยงตัวหลบข้างตวัดไม้คทาเอาอีกด้านฟาดไปที่ใบหน้าด้านข้างของหัวหน้ากลุ่มโจร มันเอี้ยวหัวไปด้านหลังแล้วสวนกลับฟันแสกหน้าในทันทีเธอเอาไม้คทายกขึ้นกันเหนือศีรษะก่อนจะใช้แรงพลักออกไป มันสบโอกาสกระโดดคว้าตัวประกันที่อยู่ใกล้สุดในบันดล
“อย่าเข้ามาน่ะไม่งั้นไอ้อ้วนนี่ตาย”มันเอาดาบพาดคอจับเด็กอ้วนกลมผิวดำผู้เคราะห์ร้ายเอาไว้
ใช่แล้วผู้โชคดีที่โดนจับตัวไว้ไม่ใช่ใครที่ไหนเซตัสนั้นเอง 
นาโอกิเอามือจับใบหน้าแล้วส่ายหัวอย่างเซ็งๆ ส่วนฟีโอน่าก็มีแค่ส่งสยตาเย็นชากะใบหน้าเรียบเฉยมองมายังไม่ทุกข์ร้อนอะไร เบดิอาผู้เป็นพ่อของเซตัส ยิ้มอย่างขำๆที่ลูกชายตัวดีโดนจับอย่างไม่แปลกใจอะไรเลยแล้วส่วนที่โดนเรียกเป็นไอ้อ้วน เขารู้ว่ามันคงโกรธเป็นไฟแน่นอน
ก็ใช่อย่างที่เบดิอาพ่อของเซตัสคิดอ่ะถูกแล้ว เพราะเซตัสจงใจให้หัวหน้ากลุ่มโจรมันจับอยู่แล้วเพราะถ้าคนอื่นจับเขาคงหนีไม่รอด แต่ไอ้ที่รับไม่ได้เนี่ย คือมันมาด่าเขาว่าเป็นไอ้อ้วน เนี่ย มันรับไม่ได้(นู๋ไม่ยอม >.<) [ไม่ดูสภาพตัวเองเลยน่ะนั่น - -a] เขาเอียงคอไปมองหัวหน้ากลุ่มโจรอย่าโกรธแค้น (เอ็งตายแน่ เหอๆๆ)
“วางอาวุธลง แล้วถอยไป”หัวหน้ากลุ่มโจร สั่งแล้วเตรียมก้าวถอยออกไปข้างนอกกระโจม
นาโอกิมองไปทางฟีโอน่ายิ้มแล้วพยักหน้าเป็นเชิงขอร้องให้ทำตาม ฟีโอน่าเก็บไม้คทาแล้วนั่งลงไปอ่านหนังสือต่อย่างไม่สนใจ ส่วนมีดของนาโอกิก็เก็บไปแล้วไม่รู้ตอนไหน
หัวหน้ากลุ่มโจรลากเซตัสออกไปพร้อมยังกล่าวย้ำอีกว่าห้ามตามมา
เหล่ากองโจร Red Skelton ได้ถอนกำลังออกไปแล้ว เซตัสโดนเอา ตัวไปด้วย [ไม่รู้มันเอาไปทำไมเป็นภาระหนักซะป่าวๆ -*-]
หลังจากเสร็จการปะทะระหว่างกองกำลังป้องกันเกวียนกับกองโจรRed Skelton ชัยชนะตกเป็นขงของเหล่าผู้คุ้มกัน แต่ต้องจ่ายค่าตอบแทนมหาศาล เช่นกัน สภาพเกวียนยับเยินเหล่านักรบบาดเจ็บเป็นจำนวนมากเกินกว่าจะเดินทางได้ในตอนเช้า 
เบดิอายืนอมยิ้มอยู่ที่ทุ่งหญ้ามองเข้าไปในป่า ที่เซตัสโดนพาตัวเข้าไป นาโอกิเดินเข้ามาข้าง มองดูรอยยิ้มอย่างสงสัยเลยตัดสินใจถามเบดิอาไปว่า
“ท่าทางท่านดูเหมือนจะไม่กังวลเรื่องที่เซตัสโดนจับไปเท่าไรเลยน่ะ”
“ป่าวข้ากังวลมาก ไม่ใช่กังวลตัวไอ้ลูกชายของข้าหรอกน่ะแต่ที่กังวลน่ะของไอ้เหล่ากองโจรนั้นตะหาก”ก่อนที่เบดิอาจะเดินหัวเราะจากไปปล่อยให้นาโอกิ งงยิ่งกว่าเดิม
เห้อ!! ไอ้พวกโจรโชคร้ายจับใครไม่จับ ไปจับไอ้ตัวแสบของเขาเข้าให้ งานนี้ มันต้องขึ้นอยู่กะโชคของไอ้พวกนั้นแล้วว่าจะซวยหนักแค่ไหน หึหึ
สวัสดีงับ เพื่อน ขอโทดทีที่หายไปนาน เนื่องจากบทนี้
เป็นบทที่ยากที่สุดเพราะใช้เวลาแต่งสามรอบ
ไม่ต้องแปลกใจงับ มันเป็นเรื่องทางเทคนิกนิดหน่อยT T
(ความจริงไม่หน่อยเลย ครั้งแรกกแต่งเสร็จยังไม่ไดเซฟเครื่องแฮงค์ซิกๆ
ครั้งที่สองแต่งเสร็จเครื่อง Error File หายเลยต้องFormat เครื่องใหม่เลย
เนี่ยเป็นการแต่งครั่งที่สาม อารายมันจะซวยอย่างงี้หน่อ - -a)
อิอิ มีตัวละครใหม่ของใครก็ไม่รูเน่อะงับ ขอบคุณมากขอคอมเม้นเยอะๆน่ะงับไม่เยอะงอนม่ะลงต่อเน่อะเอ่อ
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น