ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    โรงเรียนวุ่นลุ้นรักยัยจอมยุ่ง

    ลำดับตอนที่ #2 : - - - - พยายาม - - - -

    • อัปเดตล่าสุด 4 พ.ย. 50




           ภายในเครื่องบิน เที่ยวบินจากประเทศอังกฤษ - ประเทศไทย 

      หญิงสาวผมสีน้ำตาลเข้มจนเกือบดำ นัยตาสีน้ำตาลสว่าง ใบหน้าขาวนวลรับกับจมูกโด่งได้รูป และริมฝีปากบางอมชมพูธรรมชาติ แต่ทว่าตอนนี้ใบหน้าที่งดงามของหญิงสาวกลับบูดบึ้งด้วยเหตุที่ว่า ตอนนี้เธอจำต้องเดินทางไปยังประเทศไทยเพียงคนเดียว โดยปราศจากทั้งพ่อและแม่ด้วยเพราะท่านทั่งสองได้เดินทางล่วงหน้าไปก่อนแล้วหนึ่งวันโดยไม่บอกให้เธอรู้ฝากไว้เพียงจดหมายที่ตั้งไว้บนโต๊ะอาหารเพียงเท่านั้น


      ถึง อานีส ลูกรัก....

    ตอนนี้ตอนที่ลูกได้อ่านจดหมายนี้พ่อกับแม่คงอยู่บนเครื่องบินแล้ว  พ่อกับแม่ขอโทษที่ไม่ได้บอกให้ลูกรู้ด้วยตัวเอง แต่มันเป็นเหตุจำเป็น เพราะทางบริษัทที่ ประเทศไทยนั้นตอนนี้เกิดปัญหาขึ้นโดยกระทันหัน พ่อกับแม่จึงต้องรีบไปสะสาง เลยต้องเดินทางไปก่อน พ่อ และ แม่ หวังว่าลูกคงจะเดินทางมาเองคนเดียวได้นะลูก

                                                                                                                    รัก...จากพ่อ และ แม่


    "โถ่พ่อนะพ่อ แม่ก็ด้วยทำไมไม่เห็นบอกกันบ้างเลยนะ เฮ้อ เลยต้องมาคนเดียวเลย คนสวยเซ็งนะเนี่ย เดี๋ยวเหอะ กลับไปล่ะน่าดู " หญิงสาวคิดคาดโทษไว้สำหรับผู้ต้องหาในครั้งนี้

    " เชอะ เครียด โดนแฟนทิ้งแล้วยังจะมาโดนพ่อกับแม่ทิ้งอีก...." เพียงเท่านั้นที่หญิงสาวคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในวันจบพิธีการศึกษา ก็ทำให้หญิงสาวเกิดอาการน้ำตานองหน้าขึ้นมาโดยฉับพลันโดยไม่ทันรู้ตัว ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะพยายามลืมเท่าไหร่ก็ตาม

    " โทดนะ ฉันว่าที่นั่งฉันอยู่ด้านในมากกว่านะ " ชายหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับหญิงสาวเอ่ยขึ้น พลันทำให้หญิงสาวเริ่มรู้สึกตัส ก่อนจะหันไปเอ่ยตอบ

    " เอ่อ ขอโทษค่ะ ฉันขอนั่งตรงนี้นะค่ะ " หญิงสาวหันไปตอบพลางเช็ดน้ำตา

    " ก็ได้ครับ " ชายหนุ่มตอบเพราะตอนนี้คิดว่าไม่ควรพูดอะไรมากจะดีกว่า

    ตอนนี้ถึงแม้ว่าเครื่องบินจะบินขึ้นเป็นระยะเวลาชั่วโมงกว่าแล้วแต่ก็ไม่มีทีท่าว่าหญิงสาวจะหยุดสะอื้น ชายหนุ่มจึงถือวิสาสะถาม

    " ขอโทษนะ เธอร้องไห้ทำไมหรอ "   

    " ....."  ไม่มีคำตอบใดๆเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากงามของหญิงสาว

    " ขอโทษนะที่ถาม " ชายหนุ่มกล่าวอย่างรู้สึกผิด

    " ไม่เป็นไรหรอก " หญิงสาวกล่าวตอบอย่างสั้นๆ

    " เธอ เป็นคนไทยสินะ " ชายหนุ่มเริ่มถามคำถามใหม่หวังว่าหญิงสาวจะอาการดีขึ้น

    " อืม " หญิงสาวพยักหน้าเล็กน้อย

    " มาเที่ยวหรอ " ชายหนุ่มถามต่อ 

    " ป่าว ที่จริงฉันอยู่ที่อังกฤษตั้งแต่เกิดแล้ว แต่ฉันแค่จะไปเรียนต่อที่ไทยหนะ "

    " หรอ อืมนะ เธออายุเท่าไหร่ล่ะ " ชายหนุ่มยังคงถามต่อไปเรื่อยๆ

    " 15 "

    " หรอ งั้นก็น้อยกว่าฉันปีนึงล่ะนะ " ชายหนุ่มเอ่ย

    " อืม นายเป็ลูกครึ่งล่ะสิ " คราวนี้หญิงสาวถามกลับ

    " รู้ได้ไง " 

    " คงไม่มีคนไทยคนไหนตาสีฟ้าหรอกนะ " หญิงสาวกล่าวนิ่งๆ

    " ฮะๆๆ นั่นสินะ " ชายหนุ่มหัวเราะออกมาเบาๆ " แล้วเธอเรียนที่ไหนล่ะ "

    " ไม่รู้สิยังไม่ได้คิดเลย " หญิงสาวตอบกลับ

    " อ้อจริงสิ ฉันชื่อ เครย์...ยินดีที่ได้รู้จัก " ชายหนุ่มยื่นมือไปทางหญิงสาว

    " อืม อานีส " หญิงสาวยื่นมือไป พลางแนะนำตัว เมื่อได้คุยกับชายหนุ่มตรงหน้าก็ทำให้หญิงสาวพลอยลืมเรื่องที่ทำให้ตนเองเศร้าไปเสียสนิท




    .......................................................................



    เวลา 12.30 น. ตามเวลาประเทศไทย

       ทันทีที่หญิงสาวลงจากเครื่อง มาถึงประเทศไทย หญิงสาวก็รีบโทรหามารดาทันที

    " ถึงแล้วหรอลูก ลูกมาเองได้มั้ย คือ แม่ไม่ว่าเลยหน่ะลูก ลูกขึ้นแทกซี่นะ แล้วบอกเค้ามาบ้าน **** นะลูก "

    " ก็ได้ค่ะ " หญิงสาวตอบอย่างเนือยๆ พลางกดวางสาย


    ทันทีที่หญิงสาวมาถึงที่หมายตามที่มารดาได้กล่าวไว้ เธอก็พบกับบ้านหลังใหญ่ราวกับคฤหาสหลังหนึ่ง ภายนอกจัดตกแต่งได้ออกมาอย่างหรูหรา ไม่ว่าจะเป็สวนดอกไม้นานาพันธุ์ รายล้อมน้ำพุใหญ่ตรงกลางสวน สิ่งที่เห็นตรงหน้าทำให้หญิงสาวตลึงไปครู่หนึ่ง ก่อนจะได้สติ แล้วกดกริ่งหน้าบ้านทันที ทันใดนั้นก็มีหญิงสาวคนนึงเธอคิดว่าน่าจะเป็นสาวใช้เดินมาเปิดประตูให้เธอ


    " สวัสดีค่ะ มาพบใครค่ะ " เธอกล่าวอย่างสุภาพ

    " เอ่อ " หญิงสาวคิดว่าจะตอบยังไงดีเมื่อถูกถามว่ามาพบใครทั้งๆที่เป็นบ้านของตัวเอง ก็ในเมื่อยังไม่มีใครรู้จักเธอ แล้วอีกอย่างเธอก็ไม่ทันคิดว่าจะเจอคำถามแบบนี้ " เอ่อ อ้อ ฉันมาพบคุณผู้หญิงหน่ะ " หญิงสาวตอบ

    " อ๋อ ค่ะ " สาวใช้ตอบรับทำหน้างงๆ  ก่อนจะกล่าวต่อ " ตอนนี้คุณผู้หญิงไม่อยู่บ้านค่ะ กว่าจะกลับมาก็เย็นแล้วล่ะค่ะ คุณค่อยมาใหม่แล้วกัน " 

    อ่าว เวรกรรม หญิงสาวคิด " ขอเข้าไปรอข้างในก่อนไม่ได้หรอค่ะ "

    " ไม่ได้หรอกค่ะ ต้อขอโทษด้วยดิฉันคงให้คุณเข้ามาข้างในก่อนไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากคุณท่านทั้งสอง ใครจะไปรู้เผลอๆคุณอาจจะขโมยของไปก็เป็นได้ถ้าคุณได้เข้าไปข้างใน" สาวใช้ว่าพลางก้มลงมองหญิงสาวตั้งแต่หัวจรดเท้า 

    ทำไมฉันดูน่าสงสัยขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย ฉันออกจะแต่งตัวดีแล้วนะ หญิงสาวคิด " เข้าไม่ได้จริงๆหรอค่ะ " หญิงสาวแสร้งทำหน้าสงสาร

    " เอ๊ะ ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้ เธอยังจะให้ชั้นบอกอีกรึไงหะ เกิดเป็นคนหน่ะหัดฟังภาษาคนให้รู้เรื่องซะบ้างสิ!!! " สาวใช้ตรงหน้าเริ่มขึ้นเสียงใส่หญิงสาว พร้อมกับสายตาที่ดูถูก อย่างไม่รู้สาเหตุ

    " อ่าว แล้วนี่ฉันพูดดีดี กับคุณแล้วนะ ให้ฉันเข้าไปเถอะ ชั้นจะขโมยของไปทำไมเล่า " หญิงสาวพูดอย่างระงับอารมณ์ทั้งๆที่เดิมทีเธอออกจะเป็นคนที่อารมณ์เสียได้ง่ายๆคนนึงเชียว ยิ่งถ้าโดนพูดใส่อย่างนี้แล้ว

    " โว้ย ฟังไม่รู้เรื่องรึไง "   พูดจบสาวใช้ก็เดินออกไปทันทีปล่อยให้หญิงสาวอยู่หน้าบ้านเพียงคนเดียว

    " เวลาผ่านไปช้าอย่างโกหก ตอนนี้เวลา 16.45 น. หญิงสาวยังคงนั่งอยู่หน้าประตูบ้านอยู่เช่นเดิม

    ทันใดนั้นก็มีรถคันนึงแล่นมายังบ้านของเธอ หญิงสามมองเข้าไปภายในรถ ก็พบบุคคลที่หญิงสาวต้องการพบทันที " คุณแม่ " หญิงสาวพึมพำ ก่อนที่รถจะหยุดอยู่ที่ประตูหน้าบ้านแล้วประตูหน้าบ้านก็เปิดออกทันที หญิงสาวในรถ เมื่อมองออกไปทางหน้าต่างตามเสียงเรียกแว่วๆที่เธอได้ยิน ก็พบกับหญิงสาวที่ประตูหน้าบ้าน เธอลงมาจากรถทันที

    " อานีส มาแล้วทำไมไม่เข้าบ้านล่ะลูก " ผู้เป็นแม่โผเข้ากอดลูกทันที

    " ก็เค้าไม่ให้หนูเข้าบ้านนี่นา คุณแม่ " หญิงสาวตอบ

    " ช่างเถอะ เข้าบ้านกันลูก "ผู้เป็นแม่ว่าพลางลากกระเป๋าเดินทางของหญิงสาวตามไปด้วย ก่อนที่ประตูบ้านจะปิดลง

    " กลับมาแล้วหรอค่ะ คุณผู้หญิง " สาวใช้คนเดิมที่เคยไล่หญิงสาวเอ่ยขึ้นทันทีที่เธอและมารดาเข้ามาถึง  " อุ๊ย คุณ " สาวใช้อุทานออกมา

    " อ้อ นี่ลูกของชั้นเอง เพิ่งกลับจากอังกฤษ ไหนใครคนไหนไม่ให้ลูกชั้นเข้าบ้านเนี่ยห๊ะ " ผู้เป็นมารดากล่าวอย่างคาดโทษ

    " ก็คนนี้แหละค่ะคุณแม่ " หญิงสาวตอบพลางชี้ไปทางสาวใช้ตรงหน้า สาวใช้ตรงหน้าเกิดอาการหน้าเจือนโดยทันที

    " เอ่อ ขอโทษค่ะ คือ...คือ ไม่ได้ตั้งใจจริงๆค่ะ " สาวใช้ขอโทษเป็นการใหญ่

    " ไม่เป็นไร " หญิงสาวตอบ เพราะคิดว่าเธอทำไปก็เพราะหน้าที่

    " ขอบคุณค่ะ คุณหนู "

    " จะไปทำอะไรก็ไปเถอะ อ้อ แล้วเอากระเป๋าลูกชั้นไปไว้ที่ห้องด้วย "

    " ค่ะ คุณผู้หญิง "

    " แล้วพ่อ ล่ะแม่ " หญิงสาวกล่าว

    " อ้อ เดี๋ยวก็มาแล้วหล่ะ ไป เราไปกินอาหารกันเถอะ ลุกคงหิวแล้วล่ะสิ "

    " ค่ะ หิ้ว หิว ไม่ได้กินอะไรเลยตั้งแต่ลงเครื่องมาเนี่ย " หญิงสาวเล่นลูกอ้อนกลับผู้เป็นมารดา

    " อืมจริงสิ ตามิว เป็นไงมั่งล่ะ " ผู้เป็นแม่ถาม

    " ก็สบายดีค่ะ เราอย่าพูดถึงพี่เลย พี่นิสัยไม่ได้เรื่องเลย " หญิงสาวพูดพลางทำหน้างอ

    " ฮะๆๆ เอาหล่ะๆ อ้อ นีส แม่มีเรื่องจะถามอีกอย่างนึงหน่ะ เมื่อวันจบพิธีกาฃรศึกษาหน่ะ..." พูดเพียงเท่านั้นหญิงสาวก็หน้าสลดลงทันทีจนผู้เป็นแม่สังเกตุได้ " เกิดอะไรขึ้นหรอลูก ทำหน้าอย่างกับถูกแฟนทิ้ง "

    แฟนทิ้ง....

    แฟนทิ้ง.....

    แฟนทิ้ง.....

    แฟนทิ้ง.....   คำๆนี้วนเวียงก้องอยู่ในหัวของหญิงสาวราวกับจะย้ำเหตุการณ์เมื่อวันที่ผ่านมา และแล้วน้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาของหญิงสาวทั้งสองข้าง จนผู้เป็นแม่ตกใจ

    " นีสเป็นอะไรลูก!! "

    " แม่ " หญิงสาวพูดได้เพียงเท่านั้นก็โผเข้ากอดผู้เป็นมารดา พร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้นเป็นการใหญ่ " คิส เค้าไม่รักหนู้ล่วอ่ะ แม่ ฮือๆๆ "  เท่านั้นเองผู้เป็นแม่ก็เข้าใจทุกอย่างกระจ่างชัดทันที

    " นีส ลูกรู้มั้ยตอนนี้ลูกโตแล้วนะ เดือนหน้าลูกก็อายุ 16 แล้ว นะ เรื่องแบบนี้หน่ะ แม่เข้าใจว่ามันเป็นยังไง มันคงต้องใช้เวลาหน่อย แต่เดี๋ยวลูกก็จะลืมได้เอง ในโลกนี้ก็ไม่ได้มีคิสเพียงคนเดียวสักหน่อย ในโลกนี้ยังมีอีกหลายๆคนที่พร้อมจะรักลูก และ พร้อมที่ใจให้ลูกรัก เหมือนกับพ่อ และ แม่ไง
    เอาเถอะ เมื่อมันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไปอย่าเก็บมาใส่ใจอีกเลย เอาอย่างนี้ดีมั้ยในเมื่อลูกมาที่เมืองไทยนี่แล้ว ลูกก็ถือซะว่าเป็นการเริ่มต้นชีวิตใหม่ของลูกเลยดีมั้ย เรื่องร้ายๆแบบนั้นลูกไม่จำเป็นต้องจำอีกต่อไป ลืมมันซะ แล้วลูกก็จะอยู่ได้อย่างมีความสุข " ผู้เป็นแม่กล่าวปลอบ

    " นีส พยายามแล้วแม่ นีสพยายามแล้ว แต่มันก็ลืมไม่ได้สักที ฮึกๆๆ " หญิงสาวว่าพลางสะอื้นไม่หยุด

    " ทุกอย่างต้องใช้เวลาลูก แล้วทุกอย่างก็ขึ้นอยู่กับตัวลูกเองด้วยว่าลูกยึดติดกับเค้ามากแค่ไหน "

    " หนูรู้ นีสพยายามมาตลอดตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันนี้ แต่มันก็ยังวนเวียนอยู่แต่ในหัวนี้อ่ะ แค่หนูหลับตาภาพวันนั้นมันก็วนเวียนเข้ามาไม่หยุดเลย ฮือๆๆ " หญิงสาวว่าพลางเอาฝ่ามือตบหัวตัวเองตนผู้เป็นแม่ต้องรั้งไว้

    " ลูก ทุกอย่างต้องใช้เวลา แม่เชื่อลูกของแม่ต้องทำได้ แม่เชื่อ " ผู้เป็นแม่กล่าวพร้อมกับโอบกอดลูกสาวไว้ในอ้อมอก....















    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×