คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Your ignorance and something sweet
Your ignorance and something sweet
เขากำลังจะไปเข้าชมรมสาย
ซังฮยอนกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปตามระเบียง คอยหลบพวกรุ่นพี่ที่ยืนขวางทางและเด็กม.ต้นที่ยืนหัวร่อต่อกระซิกแถวทางเดิน
ร่างบางเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นเรื่อยๆแข่งกับเข็มนาทีที่กำลังจะชี้เลขสอง
เลทสิบนาทีสำหรับคนอื่นอาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่สำหรับจอมเฮี้ยบอย่างซึงโฮแล้ว ทุกวินาทีมีค่ายิ่งกว่าต็อกโบกีร้านดัง เพราะนอกจากจะต้องจัดเตรียมอุปกรณ์แล้ว แสงก็เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เกิดรูปขึ้นมาได้ หากแสงผิดเพี้ยนไปหรืออ่อนเกินกว่าจะถ่ายภาพได้ กิจกรรมของเขาคงต้องยกเลิกไป
เอี๊ยดดด
ใช้พื้นรองเท้าลดระดับความเร็วลงจนหยุดนิ่งอยู่หน้าประตูห้องประธานนักเรียน ซังฮยอนเคาะประตูอย่างประหม่าสองสามครั้ง ก่อนจะหมุนลูกบิดประตูเข้าไปในห้องที่ร่างสูงยืนรออยู่
“สายสิบนาที ปาร์คซังฮยอน” เสียงที่ปนความไม่พอใจออกมาจากปากของร่างสูง ซังฮยอนรู้สึกได้
“แต่เอาเถอะ ถือว่าวันนี้เป็นชั่วโมงแรก ชั้นจะไม่ติดใจอะไรก็แล้วกัน” ร่างบางลอบถอนหายใจแผ่วเบาด้วยความโล่งอก ค่อยๆสาวเท้าเข้าไปใกล้โต๊ะทำงานที่มีกล้องหลายรุ่นหลายขนาดวางเรียงกันอยู่ ซังฮยอนตาโตขึ้นมาทันที เพราะส่วนใหญ่ก็จะบันทึกภาพผ่านโทรศัพท์มือถือเท่านั้น ส่วนกล้องที่เคยเห็นผ่านๆตามาก็มักจะเป็นกล้องดิจิตอลรุ่นเรียวบาง ไม่หนาและใหญ่ขนาดนี้
ซึงโฮอาศัยจังหวะที่ซังฮยอนสนใจกับกล้องบนโต๊ะแอบกดชัตเตอร์ผ่านเลนส์กล้องที่คล้องคออยู่ทันที
แชะ
ซังฮยอนหันมาตามเสียง ก่อนจะแกล้งตัดพ้อว่า
“ยังไม่ได้ยิ้มเลยพี่ซึงโฮ ขอถ่ายใหม่อีกรอบนะ”
พลางอมยิ้มจนแก้มป่อง ตาเรียวเล็กหยีลงจนเกือบเป็นเส้นตรง ซึงโฮยิ้มขำก่อนจะกดชัตเตอร์อีกรอบ
“รูปสวยไหมฮะ ขอดูหน่อย” สาวเท้าเข้ามาใกล้คนตัวสูงกว่าที่ยืนชิดตู้เอกสาร ซึงโฮหมุนจอกล้องมาให้ร่างบางเห็นรูปถนัด
ทั้งมุมกล้อง
แสงตกกระทบ
และบรรยากาศ
ส่งให้รูปที่ถ่ายออกมาสมบูรณ์แบบ
ซังฮยอนเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงไม่มีใครกล้ายุบชมรมนี้ ถึงพี่ซึงโฮจะเป็นสมาชิกเพียงคนเดียวของชมรม แต่ผลงานที่ออกมาก็มีฝีมือเยี่ยมเทียบเท่าระดับช่างกล้องชื่อดัง หากยุบชมรมนี้ไปนอกจากจะเสียบุคลากรเจ๋งๆที่จะคอยเก็บภาพตามเวลาโรงเรียนมีกิจกรรมต่างๆแล้ว คงอดเห็นรูปสวยๆที่ซึงโฮแปะไว้ที่บอร์ดหน้าห้องชมรมอีกด้วย
เดี๋ยวดาดุงก็จะมีรูปสวยๆแล้วนะ
จะตั้งใจเรียนเต็มที่เลย เพื่อดาดุงนะ!
ร่างสูงเดินเฉียดเข้ามาใกล้ก่อนจะวางกล้องลงบนโต๊ะ ค่อยๆใช้ผ้าสะอาดเช็ดเลนส์และหน้าจอดิจิตอล ก่อนจะหันมาหยิบน้ำยาทำความสะอาด ฉีดใส่เลนส์สองสามทีแล้วบรรจงเช็ดวนตามเข็มนาฬิกา จนเลนส์ใสปิ๊ง ซังฮยอนดูซึงโฮทำความสะอาดกล้องจนเสร็จเรียบร้อยอย่างสนใจ ผู้ชายคนนี้ที่ข้างนอกดูดิบเถื่อนกลับมีความละเอียดในเรื่องกล้องจนน่าแปลกใจ ท่าทางที่ซึงโฮค่อยๆหมุนเลนส์ออกมาเช็ดทำความสะอาดเป็นสิ่งที่ซังฮยอนไม่คิดว่าจะได้เห็นจากผู้ชายคนนี้ ส่วนใหญ่คนที่เกเรชอบชกต่อยมักไม่สนใจเรื่องความสะอาดหรือการดูแลรักษาของซักเท่าไหร่ อย่างตัวซังฮยอนเองเวลาหน้าจอโทรศัพท์เป็นรอยเจ้าตัวก็จะใช้ปลายเสื้อไม่ก็แขนเสื้อเช็ดวนลวกๆให้รอยเปื้อนจางออก คงไม่ใส่ใจเท่าผู้ชายตรงหน้านี้หรอก
ประทับใจเหมือนกันนะเนี่ย
ร่างสูงที่ยืนพิงโต๊ะมองซังฮยอนอยู่นานเริ่มเคลื่อนที่อีกครั้ง คราวนี้ซึงโฮหันไปทางตู้เอกสาร เลื่อนลิ้นชักออกมาค้นเสียงดังกุกกักอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเดินมาพร้อมอัลบั้มรูปขนาดใหญ่ ซึงโฮยื่นให้ซังฮยอนรับไป ร่างบางเปิดดูทีละหน้า ทีละหน้าด้วยความสนใจ ตาสีน้ำตาลอ่อนใสดูจะกว้างขึ้นเรื่อยๆเมื่อเห็นรูปที่ร่างสูงถ่ายตามกิจกรรมต่างๆของโรงเรียน ซึ่งแต่ละรูปถูกจัดมุมกล้องและแสงเงาอย่างดี ทำให้รูปที่ออกมาสวยเพอร์เฟคแบบที่ใครเห็นก็ต้องชอบ ร่างบางพลิกหน้าอัลบั้มมาจนเกือบสุดท้าย ก่อนจะเหลือบเห็นรูปหนึ่งที่บุคคลในภาพลักษณะคุ้นตา
ภาพนั้นอยู่เกือบท้ายสุดของหน้า เป็นรูปหญิงสาวคนหนึ่งกำลังเอื้อมมือไปเก็บลูกแบดมินตันที่ติดอยู่บนต้นไม้ ซึ่งถูกถ่ายจากมุมสูง มีแสงเงาเล็กๆที่ทอดผ่านใบไม้ออกมาทำให้ดูระยิบระยับ ผู้หญิงในภาพกำลังยิ้มดีใจเมื่อมือแตะปลายขนไก่ของลูกแบดมินตันได้ ซึ่งใบหน้าเรียวรูปไข่กับรอยยิ้มที่เป็นเอกลักษณ์นั้นซังฮยอนคุ้นเคยมาทั้งชีวิต
“พี่ดาร่า”
ร่างสูงหันขวับมา ก่อนจะรีบฉวยอัลบั้มนั้นไปจากมือซังฮยอนอย่างรวดเร็ว ซึงโฮวางอัลบั้มไว้บนชั้นสูงสุดของชั้นเอกสารก่อนจะหันมาประจันหน้ากับร่างบางที่กำลังสับสน
“สิ่งที่สำคัญที่สุดในการถ่ายภาพ คือการมองคนที่อยู่หลังเลนส์โดยไม่มีอคติเข้ามาเกี่ยวข้อง จัดมุม จัดแสงให้ดีเพื่อภาพที่ดีที่สุด คนที่อยู่ในภาพไม่สำคัญเท่าแสงเงาที่ออกมา”
ซังฮยอนอ้าปากค้าง
เออะ แต่นั่นพี่สาวเค้านะ!
“พี่ชางซอน พี่ชางซอนฮะ” ชอลยงเอื้อมมือไปแตะบ่ากว้างเบาๆ
วันนี้ชอลยงขอเลิกเร็วกว่าปกติสิบนาทีเพื่อมาหาชางซอนเพราะมีนัดไปกินไอติมกันหลังเลิกเรียน (ซึ่งแน่ล่ะ เขาตื่นเต้นมากจนนอนแทบไม่หลับ) แต่เมื่อวิ่งมาถึงห้องก็เจอชางซอนที่ฟุบหน้าลงกับโต๊ะ เสียงหายใจที่เป็นจังหวะสม่ำเสมอนั้นบอกให้ชอลยงรู้ว่าร่างสูงกำลังหลับสบาย แต่เพราะเขาไม่อยากไปที่ร้านสาย เลยต้องจำใจปลุกร่างสูงให้ตื่นขึ้นมาสักที
“พี่ชางซอนนนนนน” ร่างบางเริ่มเขย่าบ่ากว้างแรงขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดชางซอนก็ยอมเงยหน้าขึ้นมาจากโต๊ะ
“ฮะฮะ พี่ชางซอน เช็ดน้ำลายก่อนนะฮะ” ชอลยงควานหาทิชชู่ก่อนจะส่งให้ร่างสูงที่สะลืมสะลือใช้มุมเสื้อเช็ดปาก
พักนี้ชางซอนชอบหลับในห้องอยู่เรื่อย แถมตอนเช้าก็ตื่นสายกว่าปกติมากจนน่าสงสัย ชอลยงแอบคิดนิดๆว่าชางซอนคงจะมีเรื่องให้ต้องกลุ้มใจ เลยไม่กล้าถามอะไรมาก แม้จะอยากรู้เรื่องใจจะขาดก็ตาม
ปกติชางซอนเป็นคนนอนเร็ว สองทุ่มก็ปิดไฟห้องนอนแล้ว(ชอลยงแอบดู) แต่พักหลังมานี้ไฟห้องนอนของชายหนุ่มดูจะใช้งานมากกว่าปกติ ชอลยงที่นั่งดูซีรีย์จบไปสามพาร์ทเปิดผ้าม่านออกดูก็ยังเห็นไฟห้องชางซอนเปิดอยู่( ห้องนอนของชอลยงกับชางซอนอยู่เยื้องๆกัน) ร่างบางเลยแอบสงสัยและเป็นห่วงร่างสูงอยู่ไม่น้อย ใจจริงก็อยากจะถามให้รู้เรื่องเผื่อจะพอช่วยอะไรได้บ้าง ถ้าเป็นเรื่องงานหรือการบ้านอย่างน้อยชอลยงจะช่วยทำช่วยตรวจเป็นเพื่อน และถ้าเป็นเรื่องทะเลาะกับที่บ้านชอลยงจะได้เข้าไปช่วยคุยกับคุณน้าคุณอาให้ แต่ตัวชางซอนเองเป็นเด็กดี ไม่ค่อยมีเรื่องให้คุณน้ากับคุณอาเป็นห่วงเท่าไหร่ เจ้าตัวเลยสงสัยว่าชางซอนอาจจะมี “ความรัก”
วันนี้จะถามให้รู้เรื่อง – ชอลยงให้สัญญากับตัวเอง
หลังจากช่วยชางซอนเก็บกระเป๋ากับจัดโต๊ะแล้ว ทั้งสองก็รีบเดินไปหน้าโรงเรียน มีเป้าหมายคือร้านไอศกรีมที่พึ่งเปิดใหม่อยู่อีกฝั่งถนน เพื่อนของชอลยงที่ไปกินมาแล้วชมใหญ่ว่าอร่อยมาก มีทั้งไอศกรีมและพักบิงซู(น้ำแข็งไส)ที่เจ้าของร้านใส่เครื่องให้แบบไม่อั้น ชอลยงอยากทานไอศกรีมร้านนี้มานานแล้ว ร่างเล็กตามตื๊อชางซอนอยู่นานก่อนเจ้าตัวจะตกลง ชอลยงยิ้มกว้างเป็นรอบที่ร้อยของวัน รีบสาวเท้าเตรียมข้ามถนน
“ปี๊นนนนนน” เสียงแตรรถดังขึ้นข้างหู ร่างบางหันไปก่อนจะถูกโอบกลับมาที่ริมฟุตบาท เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เจอชางซอนที่มองมาด้วยความเป็นห่วง ร่างสูงโอบไหล่ชอลยงแน่นๆก่อนจะพาข้ามถนนมาด้วยกัน
“ระวังหน่อยชอลยงอา รถเกือบชนแล้วมั้ยหละ” ชางซอนบ่นด้วยน้ำเสียงแกมเป็นห่วง เมื่อข้ามฝั่งมาอย่างปลอดภัยแล้วร่างสูงก็ปล่อยมือที่โอบไหล่ออก แต่เสียงตึกตักข้างในอกของชอลยงยังไม่จางหายไปง่ายๆ ร่างบางรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งหน้า ในท้องก็รู้สึกโหวงๆเหมือนมีผีเสื้อตัวใหญ่บินโฉบไปมา ชอลยงพยายามกุมหน้าอกไว้ กลัวเสียงตึกตักของหัวใจจะดังออกมาให้คนข้างๆได้ยิน
“หวานเย็นบยองฮี ที่นี่มีไอติมอร่อย” ชางซอนอ่านชื่อร้านก่อนจะผลักประตูเข้าไปข้างใน ร่างบางเดินตามเข้าไปติดๆก่อนจะสะดุ้งกับอากาศเย็นเฉียบจากเครื่องปรับอากาศในร้านที่ตัดกับอากาศภายนอกอย่างสิ้นเชิง ผนังร้านเป็นวอลเปเปอร์สีน้ำตาลช็อคโกแลตดูอบอุ่น ตกแต่งด้วยรูปภาพไอศกรีมและพัคบิงซูซึ่งเป็นเมนูหลักประจำร้าน มีรูปเจ้าของร้านติดอยู่ประปราย และตรงกลางผนังมีบอร์ดไม้ขนาดใหญ่ติดรูปโพลารอยด์ของลูกค้าที่เข้ามาทาน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นนักเรียนจากโรงเรียนของชอลยง
“สวัสดีคร้าบ วันนี้มีโปรโมชั่นพิเศษ พัคบิงซูคู่รัก สั่งพัคบิงซูแถมไอศกรีมสองลูกฟรีนะ” เมื่อทั้งสองนั่งลงก็มีพนักงานก็นำเมนูมาให้ทันที ชอลยงมองรูปโปรโมชั่นพิเศษที่เย้ายวนใจ พัคบิงซูถ้วยใหญ่ที่ข้างๆมีไอศกรีมสองลูกโปะอยู่ ดูท่าทางน่าอร่อย ถ้าสั่งไอศกรีมแยกต้องเพิ่มเงินเยอะแน่ๆ
แต่เมนูนี้สำหรับคู่รักนี่นา
เขากับพี่ชางซอนไม่ใช่คู่รักซะหน่อย คงสั่งเมนูนี้ไม่ได้แน่ๆ
ชอลยงแอบถอนใจด้วยความเสียดาย ร่างบางค่อยๆวางเมนูโปรโมชั่นลงก่อนจะพลิกเมนูปกติขึ้นมาดูแทน พลิกไปพลิกมาหลายครั้งก็อดเหลือบมองเมนูโปรโมชั่นไม่ได้ พัคบิงซูที่ทานกับไอศกรีมน่าอร่อยจริงๆในสายตาเค้า
ชางซอนที่พลิกหน้าเมนูไปมาสังเกตเห็นว่าคนตัวเล็กข้างหน้ากำลังสนอกสนใจเมนูโปรโมชั่นพิเศษอยู่ เลยปิดเมนูก่อนจะยื่นให้พนักงานพร้อมชี้ไปที่เมนูโปรโมชั่นในมือของชอลยง
“เอาอันนี้แหละ ถ้วยใหญ่ดี กินสองคนน่าจะอิ่ม” ชอลยงหันมองชางซอนก่อนจะยิ้มกว้าง ร่างบางจัดแจงสั่งพัคบิงซูรสชาเขียวพร้อมไอติมช็อคโกแลตสองลูก ตบท้ายด้วยวิปปิ้งครีมกับเชอร์รี่และเพิ่มอัลมอนด์โรยหน้า
พนักงานจัดการทวนรายการซ้ำอีกครั้ง
“เมนูพัคบิงซูคู่รัก ไอศกรีมช็อคโกแลตท็อปปิ้งเชอร์รี่อัลมอนด์เพิ่มวิปรอซักครู่นะครับ”
ชอลยงพยักหน้าให้ก่อนจะเปิดมือถือขึ้นมาถ่ายบรรยากาศในร้าน ถ่ายไปได้สองสามรูปก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาตรงหน้า แอบปิดเสียงชัตเตอร์แล้วถ่ายหน้าชางซอนที่กำลังจะสัปหงกอีกรอบ
“พัคบิงซูคู่รักได้แล้วครับ” พนักงานถือพัคบิงซูถ้วยใหญ่มาพร้อมช้อนสองคัน ชอลยงรับมาพร้อมจัดมุมให้ดูดีที่สุดก่อนจะถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึก
“เมนูนี้มีโปรโมชั่นพิเศษถ่ายรูปโพลารอยด์ให้คู่รักด้วยนะครับ” พนักงานบอกพลางหยิบกล้องโพลารอยด์ตัวใหญ่ขึ้นมาเตรียมถ่าย
“ดะ เดี๋ยวนะฮะ” ชอลยงทำอะไรไม่ถูก มือไม้สั่นไปหมด ร่างบางค่อยๆแตะบ่าคนตัวสูงที่กำลังหลับให้ตื่นขึ้นอีกรอบ
“พี่ชางซอน เค้าจะถ่ายรูปให้ฟรีฮะ” ชอลยงชี้ไปที่กล้องก่อนจะทำไม้ทำมือเป็นเชิงให้คนตัวสูงหันมายิ้มให้กล้องด้วย
ชางซอนที่สีหน้างัวเงียรีบขยี้ตาก่อนจะยิ้มกว้าง ร่างสูงหันหน้ามาหาชอลยงก่อนจะสั่งว่า
“ชอลยงอา เอาหน้ามาใกล้ๆสิ เดี๋ยวก็หลุดเฟรมหรอก” พลางจัดแจงโอบไหล่คนตัวเล็กเข้ามาใกล้จนหน้าเกือบจะชิดกัน
ชอลยงที่ใจเต้นตูมตามเป็นรอบที่สองของวันรีบยิ้มกว้างก่อนจะชูสองนิ้วให้กล้อง
“พร้อมนะครับ หนึ่ง สอง สาม”
แอดดดด
แสงแฟลชสว่างวาบขึ้นก่อนจะปรากฏรูปใบเล็กๆที่ค่อยๆโผล่ขึ้นมา ร่างบางรับรูปมาก่อนจะสะบัดเร็วๆสองสามทีให้รูปติด
ในภาพเขาเห็นผู้ชายสองคนกำลังยิ้มกว้าง ตรงกลางเป็นพัคบิงซูถ้วยใหญ่ที่มีไอศกรีมชอคโกแลตวางอยู่ข้างๆ คนด้านขวาดูสะลึมสะลือแต่ก็ยิ้มสดใส ส่วนคนด้านสายยิ้มกว้างจนเห็นฟันเรียงสวย ตาเรียวเล็กหรี่ลงจนเป็นสระอิ
เหมือนรูปคู่รักเลยแฮะ
“ทานไอศกรีมให้อร่อยนะครับ” พนักงานโค้งให้ก่อนจะเดินกลับไป ร่างบางยังคมยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กับภาพไม่ยอมหยิบช้อนขึ้นมาทานซักที ชางซอนเห็นแล้วหมั่นไส้เลยตักพัคบิงซูคำใหญ่ยื่นไปตรงหน้าคนตัวเล็ก
“พัคบิงซูไม่ได้อยู่นานเหมือนรูปนะชอลยง รีบกินก่อนจะละลายเร็ว” ชอลยงหันหน้ามาก่อนจะอ้าปากงับพัคบิงซูคำใหญ่จนแก้มป่อง ชางซอนดึงช้อนออกจากปากคนตัวเล็กก่อนจะตักอีกคำเข้าปาก ซึ่งทำให้ชอลยงแทบสำลัก
นี่มัน จูบทางอ้อมชัดๆ!
ร่างบางกลั้นความตื่นเต้นไว้จนแทบสำลัก รีบก้มหน้ากินไอศกรีมเงียบๆต่อ รู้สึกร้อนไปจนถึงหู วันนี้หัวใจของบังชอลยงทำงานหนักเป็นพิเศษ กลับบ้านไปต้องขอแช่น้ำให้ใจเย็นลงซักหน่อย ร่างบางเหม่อลอยจนตักไอติมเข้าปากด้วยมุมที่เฉียงกว่าปกติเล็กน้อย ทำให้วิปปิ้งครีมติดอยู่ตรงริมฝีปากด้านบน ชางซอนเห็นเข้าเลยใช้นิ้วมือค่อยๆปาดครีมออกก่อนจะเลียครีมออกจากนิ้ว
“กินอะไรไม่ระวังเลยนะตัวเล็ก ใจลอยไปไหนเนี่ย”
ชอลยงที่ดึงสติกลับมามองการกระทำของร่างสูงก่อนจะช็อคไปอีกรอบ
ชางซอนแอ็ทแท็ค!
ฮว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกก
ร่างสูงยิ้มขำกับอาการคนตรงหน้าเบาๆ ตอนนี้ชอลยงหน้าแดงจนถึงหู มือสั่นปากสั่นทั้งๆที่พยายามเก็กไว้แต่ก็ไม่เป็นผล
น่ารัก
ความคิดแปลกแล่นเข้ามาในหัว ชางซอนเผลอยิ้มให้คนตรงหน้าก่อนจะหยิบลูกเชอร์รี่ที่เหลืออยู่เข้าปากก่อนจะกัดเบาๆ
ร่างสูงถือก้านเชอร์รี่ไว้ก่อนจะเรียกคนตรงหน้าให้เงยหน้าขึ้นมาดู
“ชอลยงอา รู้มั้ยว่าถ้าใครพันก้านเชอร์รี่ได้เร็วแสดงว่าจูบเก่ง”
พูดพลางส่งก้านเชอร์รี่เข้าปาก ม้วนดุนลิ้นคล่องแคล่วก่อนจะคายก้านเชอร์รี่ที่ขมวดปมเรียบร้อยแล้วออกมา
ชอลยงมองร่างสูงด้วยสายตาอึ้งๆ แต่ด้วยทิฐิที่มากล้นร่างบางเลยหยิบเชอร์รี่ลูกสุดท้ายขึ้นมาใส่ปาก เคี้ยวเนื้อหยับๆก่อนจะพูดว่า
“ถ้าพี่ชางซอนทำได้ ผมก็ทำได้เหมือนกัน” ก่อนจะงับก้านเชอร์รี่เข้าปาก พยายามดุนลิ้นให้ก้านเชอร์รี่พันกัน แต่ด้วยความที่ไม่เคยทำมาก่อน ร่างบางจึงเสียเวลาอยู่นาน ชางซอนที่มองอยู่หัวเราะหึๆก่อนจะยื่นหน้าไปกระซิบข้างหูว่า
“ยังอ่อนอยู่เลยนะชอลยงอา ไปฝึกมาใหม่แล้วชั้นจะให้แข่งอีกรอบ”
ร่างบางที่หัวเสียกับก้านเชอร์รี่เต็มทนค่อยๆคายมันออกจากปาก ก่อนจะหันมาทำหน้ายุ่งใส่ร่างสูง
“ก็แน่สิฮะ ผมไม่ได้ฝึกบ่อยเหมือนฮยองนี่”
ร่างสูงยิ้มมุมปากก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้ชอลยงหัวใจเต้นแรงจนแทบคลั่ง
“ฮยองไม่เคยฝึกกับใคร แต่ถ้าชอลยงอยากลองจะมาฝึกด้วยกันก็ได้นะ”
พุ
ขมวดปมให้ซึงดุงก่อนจะโรยน้ำตาลใส่จุนมีร์
สอบเสร็จแล้วค่า *จุดพลุ*
ความคิดเห็น