ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    FIC TAKE NOTES ; ถ้าไม่จด ก็ไม่จบ! [ TAOHO ]

    ลำดับตอนที่ #2 : NOTE 1. [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 24 ม.ค. 57


     

     

    Note 1

     

           วันเปิดภาคเรียนใหม่

     

    แล้วไงครับ? การเปิดเทอมไม่มีผลอะไรกับคนอย่าง หวัง จื่อเทาอยู่แล้ว

    ไอ่อารมณ์ตื่นเต้นกรี๊ดกร๊าด ตั้งปณิธานใหม่ว่าจะเก็บเอช้วน เข้าคลาส จดโน้ตทุกครั้งน่ะ

    มันก็ไม่ต่างอะไรกับปณิธานวันปีใหม่ที่คุณๆตั้งใจกัน พอวันต่อมา และต่อๆมา

    พวกคุณก็ลืม

    มานึกได้อีกทีก็วันสิ้นปี ไม่ก็ช่วงเดือนสุดท้าย

    มันจะต่างอะไรกับนักศึกษาซังกะบ๊วยอย่างผมล่ะ

     

    หวัง จื่อเทา สะพายเป้ตัวเก่าที่ใช้มาตั้งแต่เป็นเฟรชชี่ เดินตัดสนามเข้าไปในโรงอาหารคณะมนุษศาสตร์ ชะเง้อหาเพื่อนตัวดำที่มานั่งคั่ว เอ๊ย นั่งกินข้าวกับแฟนตาเหลือกตัวเปี๊ยกทุกเช้า

    นั่นไง เจอตัวละ

     

    เพื่อนตัวดีนั่งฟุบหน้าลงกับโต๊ะ มีแฟนตัวเปี๊ยกนั่งกินข้าวพลางลูบหัวมันไปพลางอยู่ข้างๆ จื่อเทาส่งสัญญาณให้คยองซูเงียบ ก่อนจะตบโต๊ะข้างหูคิมจงอินด้วยพลังแรงสูง

     

    ปึงงงงงงงงงงงงงงงงงงง!

     

    ทีเด็ดไม่ได้อยู่ที่เสียงครับทุกท่าน

    พื้นโต๊ะมันจะสั่นเป็นวงๆจนอีกัมจงต้องลุกนั่นแหละ จุดประสงค์หลักของเขา

    ว่าแต่ เจ็บมือชะมัดเลยอะ

     

     

    “โอ้ยยยย แต่เช้าเลยนะสัสเทา!” คิมจงอินเงยหน้าขึ้นมาอย่างหัวเสีย สะบัดหัวไปมาปรับสภาพน้ำในหูที่โดนดาเมจไปเมื่อกี้ แล้วถือโอกาสไซร้ออดอ้อนน้องคยองซูปีหนึ่งข้างตัวทันที

    “ตัวเองง เก๊าปวดหูจัง เป่าหน่อยดิจุ๊บๆ”

     

    สัสดำ กูตบโต๊ะไม่ได้ตบหูมึงนะครับ

    อย่ามาเวอร์

     

    แต่น้องคยองคนจ๋วยจิตใจดีคงไม่เชื่อผม เอื้อมมือไปแตะหูอีดำพร้อมเบาลมเบาๆใส่ เอ่อะ โคตรสยิว

     

    “เพี้ยงงง หายเจ็บน้าจงอินของคยอง”

     

    แล้วก็วนลูปเดิมครับ อยู่ในโลกส่วนตัวสีชมพูดำๆกันสองคน -____________-

     

    “เห้ยสัสเทา มึงไม่รีบแดกข้าวอ่อวะ เดี๋ยวมีเรียนต่อนี่” ในที่สุดกัมจงก็กลับมาที่โลกแห่งความจริงครับ ในที่สุดมันก็มึ้งได้ว่าเพื่อนแม่งนั่งแคะขี้มูกรอมาชาตินึงแล้ว

     

    “เรียนไร กูมีแลปตอนบ่าย ชิวๆ” คือถ้าผมไม่ตื่นเช้าผมก็จะตื่นเย็นเลยอะครับ ห้าหกโมงเงี้ย เลยต้องแงะตัวเองออกมาให้ถึงมหาลัยก่อน ไม่งั้นคงไม่ได้เรียนล่ะ

     

     

    “สัสเทามึงมีเรียนทฤษฎีตอนแปดโมง” กัมจงยื่นไอโฟนมันจ่อหน้าผม ในนั้นมีตารางเรียนผมที่แลกกันเซฟไว้ตอนลงทะเบียนเสร็จ เผื่อใครปลาทองลืมวิชาเรียนหรือห้องเรียนจะได้ถามกัน

     

    ผมไล่ดูวิชาเรียน จันทร์ อังคาร พุธ

    วันนี้วันพุธ   วันพุธเปิดเทอม

     

    รหัส xx56183 วิชาประวัติศาสตร์โลก  ตอนเรียน A

    ทฤษฎี    8.00 – 12.00 วันพุธ

    ตอนนี้ 7 โมง 50

     

     

     

    “สัสดำ บอกกูพรุ่งนี้ไปเลยเซ่!” ชี้หน้าเพื่อนแทนคำขอบคุณจากใจ ก่อนจะวิ่งไปต่อแถวซื้อข้าวแทบไม่ทัน

     

     

     

     

     

    TAKE NOTES

     

    หลังจากยัดข้าวผัดพร้อมน้ำในอัตรา 3:1 ภายในห้านาทีแล้ว ผมก็ล่ำลาเพื่อนตัวดำพร้อมแฟนตัวเปี๊ยก ก่อนไปก็ถามห้องเรียนจากน้องคยองซูคนจ๋วย ซึ่งน้องก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีครับ บอกว่าอยู่ตึกหลัก ชั้นสาม

    ตั้งแต่ร่ำเรียนมาสามปี นี่ก็เป็นครั้งแรกที่ได้เหยียบตึกคณะมนุษย์ที่ไฮโซไฮเทคอันดับต้นๆของมหาลัย คณะวิทย์ต๊อกต๋อยของผมมีตึกเรียนแค่ 2 ตึก เป็นตึกเตี้ยๆที่มีไดโนเสาร์ปูนปั้นวางเต็มพื้นที่สวนหย่อม ส่วนตัวตึกก็มีแค่สี่ชั้น ห้องหับก็ไม่ได้เยอะเท่าไหร่เพราะเน้นออกนอกสถานที่มากกว่า

    ครั้งนี้มาเจอตึกคณะมนุษย์เข้าไป บอกได้เลยว่า

     

     

    จ๋อย...สนิท

     

     

     

     

    จะซอยห้องอะไรนักหนาหา!

     

    หนึ่งชั้นแบ่งเป็นสองปีก แต่ละปีกมีสามโซน และแต่ละโซนก็มีห้องเล็กห้องน้อยละลานตายิ่งกว่าจัตุจักรประเทศไทย นี่คือไม่รู้จะไปต่อยังไงจริงๆอะ ขอตัวช่วยได้มั้ย คือก็เจ็ดโมงห้าแปดแล้ว

     

     

    เห็นเป้าหมายละครับ เด็กเนิร์ดแว่นหนาเตอะหอบหนังสือทฤษฎีเล่มใหญ่ น่าจะช่วยได้

    จิ้มจึกๆตรงกลางหลังให้หมอนั่นหันมา            

     

    “เอ่อ ขอทะ เห้ย!”

     

    สะดุ้งทั้งคู่แม่เอ้ย! นี่ถ้าใส่เสื้อเหลืองๆนิดนึงล่ะใช่เลย ขอนมัสการครับหลวงพี่

    นายนั่นจ้องผมแบบหวาดๆ เห้ย นี่หมดยุครีดไถเงินเด็กเนิร์ดแล้วเพื่อน ถึงช่วงนี้จะช็อตก็เหอะ

     

    “คือว่า เอ่อ ห้องทฤษฎีไปทางไหนอะ รู้ปะ” ผมยื่นไอโฟนให้หมอนั่นดูชื่อห้อง มันไม่ใช่ห้องธรรมดาด้วยครับ มีตัวอักษรนำต่อด้วยเลขยาวเป็นหางว่าว

     

    “อ่อ ร เรียนเหมือนกัน” หมอนั่นชูหนังสือหนาปึ้กขึ้นมาให้ผมดู

     

     

    ทฤษฎีประวัติศาสตร์โลก

     

     

    เริ่มเห็นทางรอด เริ่มเห็นตัวเอลอยเข้ามา

     

     

    “เห้ย เรียนตัวเดียวกันเลยเพื่อน!” จื่อเทานับญาติกับนายแว่นหนาเตอะทันที บีบไหล่จึ้กๆพร้อมแนะนำตัว ชื่อ นามสกุลและคณะ ดีที่หมอนี่เรียนปีเดียวกัน

     

    “คิม จงแด เรียนที่นี่แหละ” โหยแม่งโคตรโชคดีเจอเด็กมนุษย์ คราวนี้ก็โดดได้สบายแฮ ดูท่าทางจะตั้งใจเรียนด้วย ต้องมีจดเล็คเชอร์ละเอียดแน่นแน่ กิกิ

     

    “ป ไปเรียนกัน สายแล้ว” หมอนั่นรีบจ้ำอ้าวเดินเข้าล็อค ปล่อยให้ผมที่ยังตะลึงกับความอลังการของที่นี่เดินมองห้องเล็กห้องน้อยไปเรื่อยๆ จนถึงสุดทางเดิน

     

     

    แอ๊ดดดดด หลวงพี่ เอ๊ย จงแดดันประตูเข้าไปก่อน ผมเดินตามเข้าไปในห้องเล็กๆที่มีขนาดไม่เกินล็อคขายเสื้อที่สยามแสควร์ มีโต๊ะเล็คเชอร์ประมาณ 20 ที่นั่ง เก้าอี้บุหนังไฮโซเทียบกับท่อนไม้ที่คณะผมไม่ได้ซักนิด

     

    อาจารย์ยังไม่เข้า ดีเลยของีบก่อน

     

    ผมนั่งข้างๆจงแด ที่นั่งริมซ้ายติดประตู เอาฮู้ดคลุมหัวแล้วฟุบลงบนโต๊ะ

    อาห์ เก้าอี้นิ่มตูดจริงๆ

     

     

    60%
     

     

     

    ภายในห้องพักอาจารย์ ในเวลานี้เหลืออาจารย์ที่นั่งติดโต๊ะอยู่เพียงคนเดียว ป้ายชื่อไม้แกะสลักพร้อมตัวอักษรสีเงินที่บรรจงเขียนลงไปอย่างปราณีต

     

    อาจารย์ คิม ซูโฮ ภาควิชาประวัติศาสตร์

     

     

    “อาจารย์ไม่มีสอนหรือคะ” ป้าแม่บ้านที่เดินเข้ามาพร้อมไม้ถูพื้นและถังน้ำยาเอ่ยทักทายชายหนุ่มอย่างสนิทสนม พลางเริ่มต้นจุ่มไม้ม็อบลงในถังน้ำยา บิดพอหมาดแล้วถูตามความยาวห้องไปเรื่อยๆ

     

    “เดี๋ยวไปแล้วครับป้า ขอเช็คชื่อเด็กอีกหน่อย” อาจารย์ซูโฮเงยหน้าโผล่พ้นกองหนังสือที่ตั้งเป็นกำแพงสูงรอบตัว หยิบกระดาษรายชื่อนักเรียนในเซคที่ต้องรับผิดชอบ ไล่สายตาดูรายชื่อนักศึกษาแต่ละคนด้วยความพอใจ

     

    ความรู้สึกของเขาในตอนนี้คงไม่ต่างจากนักเรียนมากนัก

    วันแรกของการเปิดเทอม ทำให้ตื่นเต้นได้เสมอ

     

    ถึงแม้ว่านักศึกษาที่ลงเรียนวิชาประวัติศาสตร์โลกกับเขาส่วนใหญ่เป็นนักเรียนเก่าที่คอยเก็บวิชาหมวดประวัติศาสตร์เพื่อลงเป็นวิชาโทหรือวิชาเอกให้ครบ แต่จำนวนนักศึกษาที่ลงทะเบียนในอาทิตย์แรกยังไม่คงที่นัก แถมยังมีเด็กจากต่างคณะมาลงเรียนในเซคนี้ด้วย

     

    นาย หวัง จื่อเทา นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะวิทยาศาสตร์ ภาคธรณีวิทยา

     

    ไม่ยักรู้ว่าเด็กวิทย์สมัยนี้สนใจประวัติศาสตร์

     

    ซูโฮหยิบอุปกรณ์การสอนใส่กระเป๋า มีทั้งแผนที่ หนังสือทฤษฎีเล่มใหญ่ คอมพิวเตอร์แลปทอปที่เตรียมสไลด์มาเองจากบ้าน และไม้ชี้แบบพับได้

     

    ล่ำลาป้าแม่บ้านพอเป็นพิธี ก่อนจะเดินตรงมายังห้องเรียนทฤษฎีที่อยู่อีกฟากหนึ่งของตึก

    บิดด้ามจับประตูแล้วดันตัวเข้าไปด้านใน นักเรียนส่วนใหญ่เป็นเด็กเก่าที่คุ้นหน้ากันดี ทันทีที่เห็นเขาเดินเบียดเข้ามาอย่างทุลักทุเลก็ช่วยกันหยิบของไปวางบนโต๊ะคนละไม้คนละมือ จงแดดึงจอโปรเจคเตอร์พร้อมเปิดเครื่องให้ ส่วนซึงฮยอนก็เอาแผนที่ออกมากางบนโต๊ะแถมติดสก็อตเทปกันลื่นให้เรียบร้อย ซูโฮหยิบแลปทอปและใบเช็คชื่อออกมาส่งให้นักเรียนแต่ละคนตรวจดูความเรียบร้อย ก่อนจะเซนต์ชื่อกำกับ

     

    “จื่อเทา อาจารย์มาแล้วนา ตื่นเร็ว”  จงแดที่เซนต์ชื่อตัวเองเสร็จเรียบร้อยหันไปปลุกเพื่อนใหม่

     

    “มาช้าจริง รอจนหลับไปตื่นนึงละเนี่ย” จื่อเทายืดตัวบิดขี้เกียจ รับปากกาจากเพื่อนมาเซนต์ชื่อลงไปลวกๆ

     

    ไม่ได้อ่านหรอกว่ามีอะไรผิดพลาดรึเปล่า

    ถ้ามีเดี๋ยวเค้าก็มาถามเองแหละ

     

     

    “อะแฮ่ม” ซูโฮกระแอมเล็กน้อยเรียกให้เด็กๆเตรียมพร้อม ตามธรรมเนียมปฏิบัติแล้วทุกคนต้องแนะนำตัวกันก่อนเพื่อสร้างความคุ้นเคยและบรรยากาศในการสอน

     

    “สวัสดีนักศึกษาที่รัก ยินดีต้อนรับสู่ภาคการศึกษาใหม่ อาจารย์หวังว่าทุกคนจะยังไม่ลืมบทเรียนที่ได้เรียนกันไปเมื่อเทอมที่แล้ว และอาจารย์ดีใจที่ได้เห็นพวกเธอในห้องเรียนนี้อีกครั้ง”

     

    “เนื่องจากเรามีนักศึกษาต่างคณะเข้ามาเรียนด้วย อาจารย์อยากให้นักศึกษาใหม่แนะนำตัวพร้อมประวัติของตัวเองอย่างย่อให้เพื่อนได้รู้จัก” ซูโฮผายมือไปที่จื่อเทา รอให้นักเรียนใหม่ลุกขึ้นมาแนะนำตัว

     

     

     

    ‘GAME OVER’

    ‘Do you want to retry?’

     

    เกมกะหลั่วนี่ จะเล่นรอบใหม่ก็ต้องเสียตังค์ โว้ย หัวใจก็หมด รอพักก็ได้ แม่ง

    ทุกคนอย่าเป็นเด็กติดเกมนะครับมันไม่ดี พอเล่นไม่ผ่านแล้วมันค้างๆคาๆ อยากจะบีบไอโฟนให้แตกคามือให้รู้แล้วรู้รอดไป นี่ถ้าไม่เสียดายเงินพ่อขว้างออกนอกโลกไปละ

     

     

    ว่าแต่

     

    ทำไมห้องเงียบจังวะ

     

     

    จื่อเทาเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปรอบตัว ทุกคนต่างหันมามองเขาพร้อมส่งสายตากดดัน

    เชี้ยไรเนี้ย

     

    หันไปหาหลวงพี่จงแดขอทางสว่าง

     

    แนะนำตัวสิ หลวงพี่ทำปากขมุบขมิบแบบไร้เสียง ใช้ศอกกระทุ้งให้เขาลุกขึ้น

     

     

    “เอ่อ....”

     

    เชี่ยม ครั้งสุดท้ายที่ต้องลุกขึ้นมาแนะนำตัวปัญญาอ่อนแบบนี้ตอนเขาอยู่ปีหนึ่ง แม่มไม่อยากจะพูด ตอนนั้นน่ะเกาหลีก็ยังไม่กระดิก ถูกป๊าม๊าเตะโด่งจากชิงเต่ามาลงนี่ เกาหลีสำเนียงเจ๊กของเขาสร้างชื่อเสียงให้ตัวเองอยู่พักใหญ่


    ซาหวาดดีข้าบพ้มชื่อฮวั่งจื่อเท๊า มาจากปาเทดจีนค่าบ

    แม่ง ไม่ได้ละ คราวนี้ต้องแนะนำตัวแบบเท่ๆ

     

    “หวัง จื่อเทา ปีสามคณะวิทย์ เรียนธรณีวิทยา” พูดจบก็ส่งวิงค์หนึ่งที ถ้าไม่ติดว่าลืมเอาพลั่วมาคงควงเล่นเสริมบารมีละ

     

    “ยินดีต้อนรับ จื่อเทา อาจารย์มีคำถามข้อหนึ่ง” ซูโฮก้มหน้าเล็กน้อย มองลอดกรอบแว่นไปยังนักเรียนใหม่ของห้อง

     

    ผมเผ้ารุงรัง เสื้อหลุดนอกกางเกง แถมยังใส่เดฟตึงเปรี๊ยะ

    นี่ไม่ใช่สไตล์ที่ซูโฮพอใจนัก

     

    “หยอดมาเลยจารย์”

     

    คำพูดคำจาก็หยาบกระด้างไม่น่าฟัง แถมยังเล่นหูเล่นตา เอ้อ หูแต่ละข้างก็ถูกครอบครองด้วยโลหะแหลมจนถึงติ่งหู บางอันห้อยย้อยลงมาคล้องกับรูด้านล่าง เห็นแล้วจะเป็นลม

     

    “นักศึกษาจื่อเทามีความสนใจในวิชาประวัติศาสตร์ด้านไหนบ้าง ลองเล่าความประทับใจที่มีต่อวิชานี้ให้อาจารย์และเพื่อนๆฟังหน่อยสิ”

     

     

    ห๊ะ!

     

    ห๊ะ!!

     

     

    ว็อทดาฟ๊าค!!!

     

     

    ขอตีหน้ามึนใส่โลกแปร๊ป

    คือ แค่ลงเรียนวิชานี้ ต้องมีจิตพิศวาสกับบทเรียนด้วย? ถ้าเกิดผมลงเรียนเพศศึกษาเพื่อเก็บหมวดวิทย์แปลว่าผมหมกมุ่นงี้??

     

    แล้วหน้าแบบนั้นน่ะ สีหน้าคาดหวังเหมือนตอนลูกแข่งกินวิบากกีฬาสีปีแรกอย่างนั้นน่ะ หยุดส่งมาเลย ทั้งห้อง!

     

     

    “เอ่อ...คือ”

     

     

     

    เอาไงดีวะสึส แม่งยำรวมเลยละกัน

     

     

    “คือ พอดีว่า เรียนธรณีวิท บางทีก็ขุดเจอหม้อไหกระทะ ก็ อยากรู้ว่า คนสมัยก่อนทำได้ไง..”

    “เรียนเรื่องไดโนเสาร์ ก็อยากรู้เหมือนกันว่า สมัยก่อนคนเค้าอยู่กันยังไง แบบที่ต้องอยู่ในถ้ำ เอาต้นไม้มาทำกระดาษ ไอโฟนก็ไม่มี และ...”

    “บางที ถ้ารู้เรื่องแบบนี้ไว้บ้าง เวลาไปเที่ยว ก็น่าจะสนุกขึ้น ไม่คิดว่าตัวเองรู้อะไรมากเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แต่...

     

     

    อยากเรียน (ให้มันครบ) แค่นั้นแหละครับ”

     

     

     

     

     

    เหมือนอาจารย์หน้าโหดจะกระตุกยิ้มให้ผมน่ะ

    หรือว่า เขาเป็นโรคกล้ามเนื้อกระตุก...







    แปะ แปะ แปะ แปะ


    อาจารย์ซูโซปรบมือให้กับความพยายามแถ เอ๊ย เล่าเรื่องของนักเรียนใหม่

    ดีกว่าที่คิดไว้ล่ะนะ 





    "ขอบคุณที่แบ่งปันนะ นั่งลงได้ นักศึกษา" ซูโฮพยักหน้าให้จื่อเทานั่งลง ดูกริยาตอบรับจากนักเรียนเก่าของเขาถือว่าผ่านล่ะนะ
    ต่อจากนี้ อยู่ที่ความตั้งใจล้วนๆแล้วล่ะ




    "นักศึกษา เปิดหนังสือไปที่หน้า 365 วันนี้เราจะขึ้นประวัติอารยธรรมเมโสโปเตเมีย และแถบลุ่มแม่น้ำไทกรีส-ยูเฟรตีสกัน"

    ซูโฮกดฉายสไลด์ ปรากฎรูปแผนที่อารยธรรมของโลกสมัยก่อนที่เขาถ่างตาทำถึงตีสาม มือเรียวตวัดไม้ชี้กำหนดตำแหน่งบนแผนที่อย่างมั่นใจ



    จงแดและคนอื่นๆเริ่มวาดโครงแผนที่อย่างคร่าวๆบนสมุดเล็คเชอร์ของตัวเอง จื่อเทานั่งจ้องภาพสวยๆที่ปรากฎขึ้นบนจอจนลืมจดไปซะนี่!



    เห้ย แม่ง ลืมหยิบปากกามาจากบ้าน



    "จงแดๆ" สะกิดเพื่อนหลวงพี่พลางกระซิบขอยืมปากกา ซึ่งคนตรงหน้าก็ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี


    ปึก


    จงแดวางกระเป๋าขนาดใหญ่เท่าถุงบิ๊กซีที่อัดแน่นไปด้วยปากกาหลากสีลงตรงหน้าจื่อเทา 
    ภายในมีปากกาทุกรูปแบบ ลูกลื่น เจลใส กลิตเตอร์กากเพชร มายคัลเลอร์ ปากกาเมจิกเรียงโทนสีอย่างเป็นระเบียบ

    "ใช้แล้ว เรียงให้เหมือนเดิมด้วย"

    จงแดพูดปิดท้าย 







    บอกเขาทีว่านี่เรียนมหาลัยแล้ว
    โอเคครับหลวงพี่ ถ้าใช้เสร็จจะเหลาสีและเรียงให้!







    100%

    นี่แค่น้ำจิ้ม ตอนหน้า เอาจริง!
    จดให้ทันกันนะเด็กๆ


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×