ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : -วันสบาย-
ก็คือวันหยุด ดีที่สุดก็คือพักร้อน นอนยาวๆ เลย ใช่ ถ้าเพียงแต่เราไม่ต้องคิด เราก็จะได้นอนยาวๆ สมใจ ได้พักผ่อนอย่างแท้จริง ถ้าเราไม่คิดน่ะนะ ซึ่งเมื่อคิดดูแล้วแทบเป็นไปไม่ได้เลย วันหยุดทุกวันนี้มีบ้างไหมที่ได้หยุดอย่างแท้จริง? ไหนจะงานบ้าน แล้วยังจะมีนัดออกไปนอกบ้านอีก แล้วยังเกมที่เล่นค้างเอาไว้ล่ะ? แล้วเพาเวอร์ซัพพลายคอมที่ไหม้ไปล่ะ? แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว เพราะงี้ไงถึงได้ไม่อยากคิด...
“บ่นอะไรของนายคนเดียวมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วน่ะ?” ฟินเรทำขอบตาย่นถามผม
“กำลังใช้ความคิดอยู่น่ะสิ” พลางหยิบขนมปังหน้าตาเหมือนก้อนหินริมทะเลจากแม่ค้ามาดม
“คงไม่พ้นเรื่องไร้สาระอีกล่ะสิท่า”
แล้วคว้าขนมปังไปจากมือผมโยนเศษเหรียญให้แม่ค้า ดูท่ายัยนี่จะไม่มีใครสอนเรื่องมารยาท พวกยัดเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ ไม่สนใจสายตาใครเลย
ผมจ้องความมูมมามของเธอ “มองอะไร ไม่เคยเห็นคนกินขนมเรอะ?” กระเด็นเข้าหน้าผมหนึ่งแหมะ
“อา คนน่ะเคยเห็น แต่ไรน้ำเคี้ยวอย่างตะกละนี่เป็นครั้งแรก”
“ปากดีนี่หว่า”
“จะดีสุดๆ ถ้าคนที่มาด้วยไม่ใช่เธอ” ผมย้อนกลับไปจนคุณเธอตาเขียว แต่ปากก็ยังเคี้ยวต่อไป..
บึ้ก! โอ้ย! ยัยบ้านี่อยู่ดีๆ ก็เอาหัวมาโขก!
“เป็นบ้าอะไรวะ!” ผมพองตาจ้องหน้าเธอแบบสุดจะทนอารมณ์ไหว
“ทำไมจ้ะ” ด้วยเสียงสูงตัดปลาย “กล้ามีปัญหาอะไรรึไง?”
“เออ! อยากมีเต็มเหนี่ยวเลยเว้ย!”
หน้าผมร้อนผ่าว ตั้งแต่เช้ามายัยไรน้ำนี่ไม่เคยพูดถูกหู อยากจะจับหน้ามันถูไปกับถนน! นอกจากเธอจะไม่แคร์สายตาใครแล้วยังยื่นหน้าทำแก้มป่องเป็นปลาทองเข้ามาอีก
“มาเด้! มาเลย กิ้วๆ หน้าตัวเมียไม่พอใจฝ่ออีกต่างหาก!”
สมองหยุดสั่งการด้านเหตุผล วนหมัดขวาเข้าไปที่เบ้าตาของมันจนล้มกลิ้ง! ด้วยความที่เป็นผู้หญิงไรน้ำรอบข้างจึงวิ่งเข้ามาช่วย แต่ป่วยการ! ผมชักปืนขึ้นมายิงขู่ขึ้นฟ้าไปหนึ่งเปรี้ยง ทุกคนเบี่ยงหน้าหนีหลบตาหาย ผมสยายความคลั่งอัดปืนปังเข้าไปที่น่องยัยไรน้ำ แล้วกระทืบ กระทืบ กระทืบๆๆๆๆๆๆๆ ...
“เป็นอะไรอีกล่ะไอ้คุณสมสักดิ์ ยังไม่หายบ้าอีกเหรอ”
เสียงที่แหลมสูงกับท่าทางบิดมวนไปมานั่น... คุณเคยจับหนอนขึ้นมาไว้บนนิ้วมั้ย? มันจะดิ้นดุกดิกไปมา ก็ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือธรรมชาติของผู้หญิง มันช่างอุบาทว์ซะจนผมได้สติ...
“ไม่มีอะไรใช้ความคิดเล็กน้อย”
“จริงหรอ?” ยังคงเสียงสูง ยังคงทำท่าน่าจะน่ารัก มันไม่ได้น่าดูเลยในสภาพไรน้ำตัวอ้วนป้อมตาโตหัวบวมแบบนี้
ผมหมดคำพูดจนได้แต่เบือนหน้าหนี อา..ชีวิต
โดมท้องฟ้าจำลองมีกระทั่งเมฆเทียม... ใต้ทะเลจะมีทำไมก็ไม่รู้ ศูนย์การค้ากลางเมือง มองไปรอบๆ ก็เห็นไรน้ำเดินฝ่าสายลมจำลอง ซื้อของ ท่องไปตามถนนหนทาง มันไม่กว้างมโหราฬแต่ก็ใหญ่จนขอบโคโลนี่เป็นภาพปลายจมูก
ครั้งสุดท้ายที่ไปเที่ยวกับแฟนมันเมื่อไหร่กันหว่า... ตั้งแต่ตกงานก็ไม่ได้ไปไหนด้วยกันอีกเลย การได้มาเดินกับผู้หญิงอีกครั้งรั้งใจของผมกลับไปยังวันเก่าๆ วันที่เรายังมีทุกสิ่งทุกอย่าง นั่นสิเรามีทุกอย่าง... แล้วดันขว้างมันทิ้งไปเนี่ยนะ
“เอ้าๆ เหม่อบ้าอะไรอีกล่ะ ดูนั่น”
เสียงของฟินเรดึงสติผมกลับมาอีกครั้ง ภาพที่เห็นตรงหน้าคือ
“สวนน้ำเหรอ ว่าแต่มันดู...อึก” อลังการมากๆ
“ใช่ ที่นี่มีขนาดเป็น 3 ใน 5 ของโคโลนี่เลยล่ะ”
ใหญ่ไปม้าง! ทำสระว่ายน้ำซะท่วมโดมทั้งๆ ที่อยู่ใต้น้ำเนี่ยนะ
“เพราะปกติใช้ชีวิตอยู่ในน้ำไงล่ะ ดูนั่น”
เธอชี้ลงไปข้างล่าง ชี้ลงไปยังสิ่งที่ดูเหมือนบ้านปลามีแสงลอดออกมาด้วย! ตู้ปลาชัดๆ
“ปกติอาศัยอยู่ในน้ำหมายความว่าไง? อ้ะ”
ผมสังเกตุเห็นพวกที่ว่ายอยู่ข้างล่าง นอกจากหน้ากากครอบหัวและเสื้อผ้ารัดรูปแล้วไม่สวมใส่อุปกรณ์ช่วยว่ายน้ำหรือถังออกซิเจนเลย
“ร่างกายนี้ทำให้เราหายใจใต้น้ำได้ไงล่ะ ว่าแล้วก็ลงไปเล้ย!”
ไม่ทันจะได้ตั้งตัวเธอถีบผมตกลงน้ำไป! อ้อก! ฉันยังไม่เคยฝึกว่ายน้ำด้วยร่างนี้มาก่อนนะเว้ย! ไม่ทันจะได้พล่ามอะไรเธอกระโดดลงมาถีบอัดผมให้จมลงไปอีก!
ฟองอากาศพรู่ออกจากปาก น้ำอัดเข้าเต็มรูจมูก! แขนขาแหวกไปมาอย่างไร้ความหมายในเมื่อยัยไรน้ำเฮงซวยยังช่วยดันผมให้จมลง!
อะ อ่อก ตาย หายใจ อะ ออกนี่หว่า!
ฟินเรมองผมแล้วเอามือป้องปากทำท่าราวๆ หัวเราะเยาะ ขอเถอะว่ะมันไม่ได้น่ารักซักติ๊ด! ภาพมันช่างราวกับเอเลี่ยนแสยะเขี้ยว พลาดอย่างเดียวไม่มีน้ำลายย้อย ไอ้หัวโตตาพองสยองเกล้าเอ๊ย!
เธอลากคอเสื้อของผมจมลงไปจนเกือบกลางสระไม่สิน่าจะเรียกบ่อ เอ่อ... เอาเป็นว่าเกินครึ่งโดมอยู่ใต้น้ำนี่แหละ ต่อไปนี้ผมจะเรียกบ่อพักอาศัยแล้วกันนะ มีปลาหลายชนิดแหวกว่ายอยู่อีกด้วย และทั้งที่น้ำไม่ค่อยจะใสเท่าไหร่สายตาผมก็ยังเห็นชัดเจน ไรน้ำตัวอื่นๆ ที่ดำเป็นคู่ก็มี บางตัวก็โดดตูมลงมาพร้อมสัมภาระ เป็นคู่จู๋จี๋กันมาก็ยังมี ไม่ตลกแล้ว ไม่ใช่แค่รูปร่างกระทั่งการใช้ชีวิตก็ลงน้ำแบบไรน้ำเรอะ!
ไม่นานนักเราหยุดอยู่หน้าลูกบอลลอยน้ำที่ไม่มีแสงไฟส่องออกมา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของมันราวๆ 5 เมตร ลอยอยู่ตรงกลางของบ่อพักอาศัยนี้ ฟินเรหยิบแท่งอะไรซักอย่างออกมาแล้วกดยุกยิก แสงสว่างส่องออกมาจากช่อง ไม่สิ หน้าต่างกระจกขุ่นมัวที่มองไม่เห็นข้างในต่างหาก
ประตูเปิดออกเผยให้เห็นภายในซึ่งก็มีน้ำท่วมอยู่ เธอลากผมเข้าไปโดยไม่พูดอะไร(จะพูดได้ไงน้ำท่วมปากอยู่แบบนี้) ภายในมีลักษณะเป็น... บ้าน จัดตกแต่งแปลกๆ ที่ผนังบางฝั่งจะเป็นแผ่นเรียบมีสายรัดตัว และมีสิ่งที่ดูเหมือนโทรทัศน์ซึ่งมันก็ใช่จริงๆ ฟินเรเปิดมันทันที น้ำในนี้มีอุณหภูมิแตกต่างจากข้างนอกชัดเจนมันอบอุ่นกว่า มีสองชั้นด้วย เพราะมีบันใด? อยู่ใต้น้ำยังจะมีบันใดไปทำไมวะ ว่ายไปก็ได้
ข้อสงสัยผมถึงบางอ้อ ไรสาวว่ายนำผมจนไปเดินขึ้นบันใด ชั้นสองน้ำไม่ท่วม!
“เจ๋งดีแฮะ ทีนี่เยี่ยมมากเลย”
ผมอุทานพร้อมรับผ้าเช็ดตัวจากฟินเร ที่ยอดมากคือชุดที่ใส่ไม่ซับน้ำ น้ำจึงไหลออกหมดจนแห้งอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยียอดจริงๆ
“ตะลึงล่ะสิ บ้านสุดหรูใต้น้ำ”
ใช่เลย พักที่นี่ก็ไม่เลวทีเดียว มันโล่งมาก ห้องขาวสะอาดตา มีโต๊ะกินข้าว ตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำกับครัวแฮะ มีทีวีเหมือนชั้นล่างสภาพคล้ายเอาไว้รับแขก
“นี่บ้านเธอเหรอ จัดแต่งเรียบร้อยสะอาดตาสมกับเป็นทหารหญิงจริงๆ”
“เข้าใจผิดไปไหนเนี่ย บ้านฉันไม่เรียบโล่งขนาดนี้หรอก”
โห งั้นก็บ้านหมอซีดอนล่ะสิ เข้ากันดีกับอาชีพหมอนะ
“บ้านของนายนั่นแหละ เอ้า เอากุญแจไป” หา? บ้านชั้นงั้นเหรอ “พูดให้ถูกคือบ้านผู้กองต่างหาก เห็นเครื่องแบบที่แขวนไว้ข้างหลังนั่นมั้ย”
ป้ายชื่ออลัน ดูปองต์ ใช่จริงๆ ด้วย! บ้านอย่างหรูสุดสะอาดนี่คือบ้านของชาติชายนายทหารอลันหรอกเหรอ? เอาจริงดิ ทั้งที่บ้านผมโคตรรก แต่ลูกหลานผมกลับสะอาดโล่งเนี่ยนะ มันไปเอาเชื้อใครมา!?
คุยกันซักพักถึงสภาพบ้านใต้น้ำ ก็ได้ความว่า...
“มันถูกออกแบบให้เหมาะสมกับร่างกายมนุษย์ในปัจจุบันไงล่ะ ปกติจะนอนชั้นแรกใต้น้ำผูกตัวไว้ เฉพาะตอนตรวจโรคกับกินข้าวถึงจะขึ้นบกกัน สภาพร่างกายแบบนี้เวลาอยู่บนบกจะรู้สึกว่าตัวหนักใช่มั้ยล่ะ”
ใช่ๆ ตลอดเวลาที่อยู่ในศูนย์ฝึกบ้านั่นมันรู้สึกเมื่อยตัวแปลกๆ
“ตกลงนี่พวกเราเป็นไรน้ำเต็มตัวแล้วสินะ” พลางขย่มโซฟาอัดน้ำแสนนุ่มเย็นสบายเล่น
“ยังไม่เต็มหรอก ถามแบบนี้แสดงว่าซีดอนยังไม่แจงรายละเอียดล่ะสิท่า” นอกจากจับฝึกมันไม่สนใจฉันเลยบ่องตง “เอาเถอะเดี๋ยวเล่าให้ฟัง..ระหว่างฝึกอะนะ”
“เฮ้ยเดี๋ยว! นี่เราไม่ได้หยุดพักเหรอ!?” อะไรวะเปียกน้ำหำยังไม่ทันหายเหี่ยวจะเปรี้ยวต่ออีกแล้ว
“นายยังว่ายน้ำไม่เป็นเลยนี่หว่า ว่ายไม่เป็นตายห่านะเว้ย เอ้านี่”
เธอเดินไปหยิบหน้ากากครอบปากพร้อมหูฟังแบบล็อคติดมาโยนให้ผม
“ไอ้นั่นจะทำให้เราคุยกันรู้เรื่อง ปุ่มข้างๆ ปากนั่นใช้รับสัญญานจากทีวีสะดวกมะ สั่งเปลี่ยนช่องได้ด้วยนะ”
ฟินเรสาธยายสรรพคุณอุปกรณ์ใหม่ล่าสุดโดยไม่สนใจสีหน้าหรือสายตาของผมเลย เนี่ยถ้าเป็นซีดอนมันรู้เรื่องแล้วว่ากูไม่อยาก..
“ไม่อยากก็ต้องฝึกไปเร็ว!” แล้วตบหัวผมหนึ่งโป้ก เออ! จำไว้เลยยัยไรน้ำ!
การว่ายน้ำในร่างไรน้ำนั้นง่ายสุดๆ สมชื่อมันจริงๆ ผมว่ายคล่องภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที ซึ่งนั่นทำให้ฟินเรหัวเสียเล็กน้อย ตรงที่ไม่ได้แกล้งผม ส่วนเหตุผลหลักที่ทำให้เป็นเร็วคือร่างกายของอลันจดจำทักษะนี้ได้ ผมแค่ลอกมันตามสัญชาตญานเท่านั้นเอง ที่น่าประหลาดคือผมรู้สึกว่าฟินเรน่ารัก..ไปได้ยังไงวะ? นี่เรากลายเป็นไรน้ำที่คิดได้เต็มตัวแล้วงั้นสิ
การพักผ่อนแสนสำราญจึงกลับมาอีกครั้ง พร้อมคำบรรยายที่ไม่ใคร่จะอยากรู้ซักเท่าไหร่จากฟินเร.. ในขณะที่โดดน้ำกับเด็กๆ บริเวณผิวน้ำ ฮ่าฮ่าฮ่า ลูกไรน้ำอาจจะน่าเกลียดไปนิดเหมือนเอเลี่ยนพึ่งฟักเป็นตัว แต่เด็กก็เป็นเด็ก ความไร้เดียงสาทำให้ผมหลงตามไป
“พี่ชายนี่เก่งจังนะ ตีลังกาได้ตั้งสามตลบ” เด็กชมว่าเก่งเป็นไงล่ะ ไม่อยากคุยว่าชีวิตจริงพี่เป็นไอ้ห่วยตกงานว่ะน้อง
“โอพี่มันเทพมาแต่เกิดแล้วไอ้น้อง” โดยที่มีเสียงอันไม่น่าฟังดังมาเป็นระยะ
“ที่ร่างเป็นแบบนี้เพราะกลายพันธ์ไม่สมบูรณ์น่ะ...”
กลายพันธ์ไม่สมบูรณ์ยังไงหว่า เนี่ยเป็นไรน้ำไปทั้งตัวแล้ว สมบูรณ์กว่าซีอิ้วขาวตราเด็กสมบูรณ์อีก พูดเสร็จเธอก็จับเด็กยกขึ้นแล้วโยนตัวลอยไปร่วม 5 เมตร ตกน้ำตูม พร้อมหัวเราะเยาะอย่างสะใจ เลวจริง
“ฉันไม่รู้รายละเอียดมาก เพราะมันเป็นความลับระดับชนชั้นปกครอง คนที่รู้ดีสุดที่ฉันรู้จักก็ซีดอนกับอลันน่ะนะ”
เธอวิ่งไล่จับเด็กคนอื่นอีก ซึ่งผมก็เอาด้วย แกล้งเด็กนี่มันกว่าที่คิดแฮะ
“หลักๆ คือร่างที่ควรจะเป็นในปัจจุบันคือสภาพคล้ายหมึกน่ะ” หมึก หลาหมึก หรือที่ถูกสัตว์พันธุ์หอยชื่อหมึกเนี่ยนะ!?
“ใช่แล้ว แต่ด้วยเหตุอะไรซักอย่างการกลายพันธุ์ถูกสกัด และคนเราก็กลายเป็นไรน้ำแบบทุกวันนี้”
“จะแบบไหนก็สิ้นคิดพอกันล่ะวะ”
ถึงกับส่ายหน้าอัตโนมัติกับความสิ้นคิดของมนุษย์โลก ฟินเรหยุดมองหน้าผมแบบประหลาดใจ ที่เดาออกว่าประหลาดใจเพราะตานั่นมันพองกว่าเดิมมากๆ
“นายนี่ปรับตัวได้เร็วมากๆ เร็วกว่าชั้นอีก”
หือ? หมายความว่าไงเร็วกว่าเธอ ผมทำท่าสงสัย ซึ่งฟินเรก็รีบสวมต่อว่า
“เร็วกว่า... ที่คิดน่ะ” แบบตะกุกตะกักแปลกๆ ผิดกับนิสัยโผงผางของเธอ
ผมตั้งท่าจะถามต่อ แต่แล้วหน้ากากครอบปากก็สั่นและกระพริบแสงแดง
ตูม!!! เสียงระเบิดและแรงสั่นสะเทือนส่งให้ทุกกิจกรรมหยุดนิ่ง เสียงหวอเตือนภัยดังก้อง ตัวอักษรแดงเข้มฉายขึ้นเหนือเมืองและตรงหน้าทุกคนผ่านหน้ากาก
-คำสั่งฉุกเฉิน พลเมืองทุกคนอพยพไปยังหลุมหลบภัยที่ใหล้ที่สุด-
ทุกสิ่งเข้าสู่ความโกลาหล ผู้คนพากันวิ่งล้มกลิ้ง! ฟินเรกระชากผมลงใต้น้ำ
เดี๋ยวก่อนดิ! นี่วันหยุดไม่ใช่เรอะ!!?
“บ่นอะไรของนายคนเดียวมาตั้งแต่เมื่อกี้แล้วน่ะ?” ฟินเรทำขอบตาย่นถามผม
“กำลังใช้ความคิดอยู่น่ะสิ” พลางหยิบขนมปังหน้าตาเหมือนก้อนหินริมทะเลจากแม่ค้ามาดม
“คงไม่พ้นเรื่องไร้สาระอีกล่ะสิท่า”
แล้วคว้าขนมปังไปจากมือผมโยนเศษเหรียญให้แม่ค้า ดูท่ายัยนี่จะไม่มีใครสอนเรื่องมารยาท พวกยัดเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ ไม่สนใจสายตาใครเลย
ผมจ้องความมูมมามของเธอ “มองอะไร ไม่เคยเห็นคนกินขนมเรอะ?” กระเด็นเข้าหน้าผมหนึ่งแหมะ
“อา คนน่ะเคยเห็น แต่ไรน้ำเคี้ยวอย่างตะกละนี่เป็นครั้งแรก”
“ปากดีนี่หว่า”
“จะดีสุดๆ ถ้าคนที่มาด้วยไม่ใช่เธอ” ผมย้อนกลับไปจนคุณเธอตาเขียว แต่ปากก็ยังเคี้ยวต่อไป..
บึ้ก! โอ้ย! ยัยบ้านี่อยู่ดีๆ ก็เอาหัวมาโขก!
“เป็นบ้าอะไรวะ!” ผมพองตาจ้องหน้าเธอแบบสุดจะทนอารมณ์ไหว
“ทำไมจ้ะ” ด้วยเสียงสูงตัดปลาย “กล้ามีปัญหาอะไรรึไง?”
“เออ! อยากมีเต็มเหนี่ยวเลยเว้ย!”
หน้าผมร้อนผ่าว ตั้งแต่เช้ามายัยไรน้ำนี่ไม่เคยพูดถูกหู อยากจะจับหน้ามันถูไปกับถนน! นอกจากเธอจะไม่แคร์สายตาใครแล้วยังยื่นหน้าทำแก้มป่องเป็นปลาทองเข้ามาอีก
“มาเด้! มาเลย กิ้วๆ หน้าตัวเมียไม่พอใจฝ่ออีกต่างหาก!”
สมองหยุดสั่งการด้านเหตุผล วนหมัดขวาเข้าไปที่เบ้าตาของมันจนล้มกลิ้ง! ด้วยความที่เป็นผู้หญิงไรน้ำรอบข้างจึงวิ่งเข้ามาช่วย แต่ป่วยการ! ผมชักปืนขึ้นมายิงขู่ขึ้นฟ้าไปหนึ่งเปรี้ยง ทุกคนเบี่ยงหน้าหนีหลบตาหาย ผมสยายความคลั่งอัดปืนปังเข้าไปที่น่องยัยไรน้ำ แล้วกระทืบ กระทืบ กระทืบๆๆๆๆๆๆๆ ...
“เป็นอะไรอีกล่ะไอ้คุณสมสักดิ์ ยังไม่หายบ้าอีกเหรอ”
เสียงที่แหลมสูงกับท่าทางบิดมวนไปมานั่น... คุณเคยจับหนอนขึ้นมาไว้บนนิ้วมั้ย? มันจะดิ้นดุกดิกไปมา ก็ไม่รู้ว่าตั้งใจหรือธรรมชาติของผู้หญิง มันช่างอุบาทว์ซะจนผมได้สติ...
“ไม่มีอะไรใช้ความคิดเล็กน้อย”
“จริงหรอ?” ยังคงเสียงสูง ยังคงทำท่าน่าจะน่ารัก มันไม่ได้น่าดูเลยในสภาพไรน้ำตัวอ้วนป้อมตาโตหัวบวมแบบนี้
ผมหมดคำพูดจนได้แต่เบือนหน้าหนี อา..ชีวิต
โดมท้องฟ้าจำลองมีกระทั่งเมฆเทียม... ใต้ทะเลจะมีทำไมก็ไม่รู้ ศูนย์การค้ากลางเมือง มองไปรอบๆ ก็เห็นไรน้ำเดินฝ่าสายลมจำลอง ซื้อของ ท่องไปตามถนนหนทาง มันไม่กว้างมโหราฬแต่ก็ใหญ่จนขอบโคโลนี่เป็นภาพปลายจมูก
ครั้งสุดท้ายที่ไปเที่ยวกับแฟนมันเมื่อไหร่กันหว่า... ตั้งแต่ตกงานก็ไม่ได้ไปไหนด้วยกันอีกเลย การได้มาเดินกับผู้หญิงอีกครั้งรั้งใจของผมกลับไปยังวันเก่าๆ วันที่เรายังมีทุกสิ่งทุกอย่าง นั่นสิเรามีทุกอย่าง... แล้วดันขว้างมันทิ้งไปเนี่ยนะ
“เอ้าๆ เหม่อบ้าอะไรอีกล่ะ ดูนั่น”
เสียงของฟินเรดึงสติผมกลับมาอีกครั้ง ภาพที่เห็นตรงหน้าคือ
“สวนน้ำเหรอ ว่าแต่มันดู...อึก” อลังการมากๆ
“ใช่ ที่นี่มีขนาดเป็น 3 ใน 5 ของโคโลนี่เลยล่ะ”
ใหญ่ไปม้าง! ทำสระว่ายน้ำซะท่วมโดมทั้งๆ ที่อยู่ใต้น้ำเนี่ยนะ
“เพราะปกติใช้ชีวิตอยู่ในน้ำไงล่ะ ดูนั่น”
เธอชี้ลงไปข้างล่าง ชี้ลงไปยังสิ่งที่ดูเหมือนบ้านปลามีแสงลอดออกมาด้วย! ตู้ปลาชัดๆ
“ปกติอาศัยอยู่ในน้ำหมายความว่าไง? อ้ะ”
ผมสังเกตุเห็นพวกที่ว่ายอยู่ข้างล่าง นอกจากหน้ากากครอบหัวและเสื้อผ้ารัดรูปแล้วไม่สวมใส่อุปกรณ์ช่วยว่ายน้ำหรือถังออกซิเจนเลย
“ร่างกายนี้ทำให้เราหายใจใต้น้ำได้ไงล่ะ ว่าแล้วก็ลงไปเล้ย!”
ไม่ทันจะได้ตั้งตัวเธอถีบผมตกลงน้ำไป! อ้อก! ฉันยังไม่เคยฝึกว่ายน้ำด้วยร่างนี้มาก่อนนะเว้ย! ไม่ทันจะได้พล่ามอะไรเธอกระโดดลงมาถีบอัดผมให้จมลงไปอีก!
ฟองอากาศพรู่ออกจากปาก น้ำอัดเข้าเต็มรูจมูก! แขนขาแหวกไปมาอย่างไร้ความหมายในเมื่อยัยไรน้ำเฮงซวยยังช่วยดันผมให้จมลง!
อะ อ่อก ตาย หายใจ อะ ออกนี่หว่า!
ฟินเรมองผมแล้วเอามือป้องปากทำท่าราวๆ หัวเราะเยาะ ขอเถอะว่ะมันไม่ได้น่ารักซักติ๊ด! ภาพมันช่างราวกับเอเลี่ยนแสยะเขี้ยว พลาดอย่างเดียวไม่มีน้ำลายย้อย ไอ้หัวโตตาพองสยองเกล้าเอ๊ย!
เธอลากคอเสื้อของผมจมลงไปจนเกือบกลางสระไม่สิน่าจะเรียกบ่อ เอ่อ... เอาเป็นว่าเกินครึ่งโดมอยู่ใต้น้ำนี่แหละ ต่อไปนี้ผมจะเรียกบ่อพักอาศัยแล้วกันนะ มีปลาหลายชนิดแหวกว่ายอยู่อีกด้วย และทั้งที่น้ำไม่ค่อยจะใสเท่าไหร่สายตาผมก็ยังเห็นชัดเจน ไรน้ำตัวอื่นๆ ที่ดำเป็นคู่ก็มี บางตัวก็โดดตูมลงมาพร้อมสัมภาระ เป็นคู่จู๋จี๋กันมาก็ยังมี ไม่ตลกแล้ว ไม่ใช่แค่รูปร่างกระทั่งการใช้ชีวิตก็ลงน้ำแบบไรน้ำเรอะ!
ไม่นานนักเราหยุดอยู่หน้าลูกบอลลอยน้ำที่ไม่มีแสงไฟส่องออกมา ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของมันราวๆ 5 เมตร ลอยอยู่ตรงกลางของบ่อพักอาศัยนี้ ฟินเรหยิบแท่งอะไรซักอย่างออกมาแล้วกดยุกยิก แสงสว่างส่องออกมาจากช่อง ไม่สิ หน้าต่างกระจกขุ่นมัวที่มองไม่เห็นข้างในต่างหาก
ประตูเปิดออกเผยให้เห็นภายในซึ่งก็มีน้ำท่วมอยู่ เธอลากผมเข้าไปโดยไม่พูดอะไร(จะพูดได้ไงน้ำท่วมปากอยู่แบบนี้) ภายในมีลักษณะเป็น... บ้าน จัดตกแต่งแปลกๆ ที่ผนังบางฝั่งจะเป็นแผ่นเรียบมีสายรัดตัว และมีสิ่งที่ดูเหมือนโทรทัศน์ซึ่งมันก็ใช่จริงๆ ฟินเรเปิดมันทันที น้ำในนี้มีอุณหภูมิแตกต่างจากข้างนอกชัดเจนมันอบอุ่นกว่า มีสองชั้นด้วย เพราะมีบันใด? อยู่ใต้น้ำยังจะมีบันใดไปทำไมวะ ว่ายไปก็ได้
ข้อสงสัยผมถึงบางอ้อ ไรสาวว่ายนำผมจนไปเดินขึ้นบันใด ชั้นสองน้ำไม่ท่วม!
“เจ๋งดีแฮะ ทีนี่เยี่ยมมากเลย”
ผมอุทานพร้อมรับผ้าเช็ดตัวจากฟินเร ที่ยอดมากคือชุดที่ใส่ไม่ซับน้ำ น้ำจึงไหลออกหมดจนแห้งอย่างรวดเร็ว เทคโนโลยียอดจริงๆ
“ตะลึงล่ะสิ บ้านสุดหรูใต้น้ำ”
ใช่เลย พักที่นี่ก็ไม่เลวทีเดียว มันโล่งมาก ห้องขาวสะอาดตา มีโต๊ะกินข้าว ตู้เสื้อผ้า ห้องน้ำกับครัวแฮะ มีทีวีเหมือนชั้นล่างสภาพคล้ายเอาไว้รับแขก
“นี่บ้านเธอเหรอ จัดแต่งเรียบร้อยสะอาดตาสมกับเป็นทหารหญิงจริงๆ”
“เข้าใจผิดไปไหนเนี่ย บ้านฉันไม่เรียบโล่งขนาดนี้หรอก”
โห งั้นก็บ้านหมอซีดอนล่ะสิ เข้ากันดีกับอาชีพหมอนะ
“บ้านของนายนั่นแหละ เอ้า เอากุญแจไป” หา? บ้านชั้นงั้นเหรอ “พูดให้ถูกคือบ้านผู้กองต่างหาก เห็นเครื่องแบบที่แขวนไว้ข้างหลังนั่นมั้ย”
ป้ายชื่ออลัน ดูปองต์ ใช่จริงๆ ด้วย! บ้านอย่างหรูสุดสะอาดนี่คือบ้านของชาติชายนายทหารอลันหรอกเหรอ? เอาจริงดิ ทั้งที่บ้านผมโคตรรก แต่ลูกหลานผมกลับสะอาดโล่งเนี่ยนะ มันไปเอาเชื้อใครมา!?
คุยกันซักพักถึงสภาพบ้านใต้น้ำ ก็ได้ความว่า...
“มันถูกออกแบบให้เหมาะสมกับร่างกายมนุษย์ในปัจจุบันไงล่ะ ปกติจะนอนชั้นแรกใต้น้ำผูกตัวไว้ เฉพาะตอนตรวจโรคกับกินข้าวถึงจะขึ้นบกกัน สภาพร่างกายแบบนี้เวลาอยู่บนบกจะรู้สึกว่าตัวหนักใช่มั้ยล่ะ”
ใช่ๆ ตลอดเวลาที่อยู่ในศูนย์ฝึกบ้านั่นมันรู้สึกเมื่อยตัวแปลกๆ
“ตกลงนี่พวกเราเป็นไรน้ำเต็มตัวแล้วสินะ” พลางขย่มโซฟาอัดน้ำแสนนุ่มเย็นสบายเล่น
“ยังไม่เต็มหรอก ถามแบบนี้แสดงว่าซีดอนยังไม่แจงรายละเอียดล่ะสิท่า” นอกจากจับฝึกมันไม่สนใจฉันเลยบ่องตง “เอาเถอะเดี๋ยวเล่าให้ฟัง..ระหว่างฝึกอะนะ”
“เฮ้ยเดี๋ยว! นี่เราไม่ได้หยุดพักเหรอ!?” อะไรวะเปียกน้ำหำยังไม่ทันหายเหี่ยวจะเปรี้ยวต่ออีกแล้ว
“นายยังว่ายน้ำไม่เป็นเลยนี่หว่า ว่ายไม่เป็นตายห่านะเว้ย เอ้านี่”
เธอเดินไปหยิบหน้ากากครอบปากพร้อมหูฟังแบบล็อคติดมาโยนให้ผม
“ไอ้นั่นจะทำให้เราคุยกันรู้เรื่อง ปุ่มข้างๆ ปากนั่นใช้รับสัญญานจากทีวีสะดวกมะ สั่งเปลี่ยนช่องได้ด้วยนะ”
ฟินเรสาธยายสรรพคุณอุปกรณ์ใหม่ล่าสุดโดยไม่สนใจสีหน้าหรือสายตาของผมเลย เนี่ยถ้าเป็นซีดอนมันรู้เรื่องแล้วว่ากูไม่อยาก..
“ไม่อยากก็ต้องฝึกไปเร็ว!” แล้วตบหัวผมหนึ่งโป้ก เออ! จำไว้เลยยัยไรน้ำ!
การว่ายน้ำในร่างไรน้ำนั้นง่ายสุดๆ สมชื่อมันจริงๆ ผมว่ายคล่องภายในเวลาไม่ถึง 10 นาที ซึ่งนั่นทำให้ฟินเรหัวเสียเล็กน้อย ตรงที่ไม่ได้แกล้งผม ส่วนเหตุผลหลักที่ทำให้เป็นเร็วคือร่างกายของอลันจดจำทักษะนี้ได้ ผมแค่ลอกมันตามสัญชาตญานเท่านั้นเอง ที่น่าประหลาดคือผมรู้สึกว่าฟินเรน่ารัก..ไปได้ยังไงวะ? นี่เรากลายเป็นไรน้ำที่คิดได้เต็มตัวแล้วงั้นสิ
การพักผ่อนแสนสำราญจึงกลับมาอีกครั้ง พร้อมคำบรรยายที่ไม่ใคร่จะอยากรู้ซักเท่าไหร่จากฟินเร.. ในขณะที่โดดน้ำกับเด็กๆ บริเวณผิวน้ำ ฮ่าฮ่าฮ่า ลูกไรน้ำอาจจะน่าเกลียดไปนิดเหมือนเอเลี่ยนพึ่งฟักเป็นตัว แต่เด็กก็เป็นเด็ก ความไร้เดียงสาทำให้ผมหลงตามไป
“พี่ชายนี่เก่งจังนะ ตีลังกาได้ตั้งสามตลบ” เด็กชมว่าเก่งเป็นไงล่ะ ไม่อยากคุยว่าชีวิตจริงพี่เป็นไอ้ห่วยตกงานว่ะน้อง
“โอพี่มันเทพมาแต่เกิดแล้วไอ้น้อง” โดยที่มีเสียงอันไม่น่าฟังดังมาเป็นระยะ
“ที่ร่างเป็นแบบนี้เพราะกลายพันธ์ไม่สมบูรณ์น่ะ...”
กลายพันธ์ไม่สมบูรณ์ยังไงหว่า เนี่ยเป็นไรน้ำไปทั้งตัวแล้ว สมบูรณ์กว่าซีอิ้วขาวตราเด็กสมบูรณ์อีก พูดเสร็จเธอก็จับเด็กยกขึ้นแล้วโยนตัวลอยไปร่วม 5 เมตร ตกน้ำตูม พร้อมหัวเราะเยาะอย่างสะใจ เลวจริง
“ฉันไม่รู้รายละเอียดมาก เพราะมันเป็นความลับระดับชนชั้นปกครอง คนที่รู้ดีสุดที่ฉันรู้จักก็ซีดอนกับอลันน่ะนะ”
เธอวิ่งไล่จับเด็กคนอื่นอีก ซึ่งผมก็เอาด้วย แกล้งเด็กนี่มันกว่าที่คิดแฮะ
“หลักๆ คือร่างที่ควรจะเป็นในปัจจุบันคือสภาพคล้ายหมึกน่ะ” หมึก หลาหมึก หรือที่ถูกสัตว์พันธุ์หอยชื่อหมึกเนี่ยนะ!?
“ใช่แล้ว แต่ด้วยเหตุอะไรซักอย่างการกลายพันธุ์ถูกสกัด และคนเราก็กลายเป็นไรน้ำแบบทุกวันนี้”
“จะแบบไหนก็สิ้นคิดพอกันล่ะวะ”
ถึงกับส่ายหน้าอัตโนมัติกับความสิ้นคิดของมนุษย์โลก ฟินเรหยุดมองหน้าผมแบบประหลาดใจ ที่เดาออกว่าประหลาดใจเพราะตานั่นมันพองกว่าเดิมมากๆ
“นายนี่ปรับตัวได้เร็วมากๆ เร็วกว่าชั้นอีก”
หือ? หมายความว่าไงเร็วกว่าเธอ ผมทำท่าสงสัย ซึ่งฟินเรก็รีบสวมต่อว่า
“เร็วกว่า... ที่คิดน่ะ” แบบตะกุกตะกักแปลกๆ ผิดกับนิสัยโผงผางของเธอ
ผมตั้งท่าจะถามต่อ แต่แล้วหน้ากากครอบปากก็สั่นและกระพริบแสงแดง
ตูม!!! เสียงระเบิดและแรงสั่นสะเทือนส่งให้ทุกกิจกรรมหยุดนิ่ง เสียงหวอเตือนภัยดังก้อง ตัวอักษรแดงเข้มฉายขึ้นเหนือเมืองและตรงหน้าทุกคนผ่านหน้ากาก
-คำสั่งฉุกเฉิน พลเมืองทุกคนอพยพไปยังหลุมหลบภัยที่ใหล้ที่สุด-
ทุกสิ่งเข้าสู่ความโกลาหล ผู้คนพากันวิ่งล้มกลิ้ง! ฟินเรกระชากผมลงใต้น้ำ
เดี๋ยวก่อนดิ! นี่วันหยุดไม่ใช่เรอะ!!?
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น