ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : -ไม่ไหว-
หากจะเปรียบเทียบใจคนกับท้องทะเล มันคงลึกจนราวกับไม่มีวันสิ้นสุด ทุกคนมีความคิดเป็นของตัวเอง และเพราะมีคนหลายคน จึงหาจุดสิ้นสุดของความคิดไม่ได้สักที ทะเลยิ่งลึกแรงดันยิ่งสูง ใจคนยิ่งลึกยิ่งไม่มีทางนึกฝันถึง... โชคดีที่ทะเลของจริงมันยังมีจุดสิ้นสุดน่ะนะ
SYSTEM - ENGAGING COMBAT MODE
ฮึ่ม! ทำไมมันควบคุมยากแบบนี้วะ!
“...ฟังอยู่รึเปล่าวะเฮ้ยไอ้คุณสมศักดิ์!” เสียงครูฝึกหญิงยิงตรงผ่านช่องสัญญานแทบหูแตก
“หนวกหู! คนกำลังใช้สมาธิ!”
ผมชักคันบังคับดึง NS เชิดหัวขึ้นหลบกระสุนแรงดันน้ำจากศัตรู แต่คลื่นจากมันทำให้ตัวเครื่องสั่นจนแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ตัวหุ่นหมุนควงบังคับไม่ได้ ฟองน้ำมหาศาลบดบังทัศนะวิสัย และสุดท้าย ปี้บๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โดนล็อคแล้ว!!!
“ปัดโธ่โว้ย! กดหัวลงสิวะ มันมาแล้ว!!!” ผมกัดฟันดันคันบังคับลง
หัวหุ่นกดลงอย่างฉับพลัน มันเร็วมากๆ จนหลบตอปิโดไปแบบเฉียดฉิว แต่ตัวเตรื่องผมยังลิ่วลงไปใต้น้ำลึก เสียงครูฝึกดังเตือนสติ
“ดำลงเร็วเกินไป! ใน 1 วิ ได้สุดแค่ 10 เมตรโว้ย!”
ฉิบล่ะสิ เบรค! ได้ทันท่วงที แต่ไอ้ศัตรูข้างหลังกลับลำตามอย่างไว ผมอาศัยจังหวะนี้เล็งปืนที่แขนซ้ายผ่านกล้องเสริมเหมือนกระจกหลังรถ ยัดแรงดันน้ำสูงให้มันกินบ้าง
เสียงคลื่นแหวกเป็นทางไปหามัน ทว่ามันดันหลบได้! พร้อมพุ่งเข้ามาประชิดง้างแขนติดสว่านเข้ามา!
“กระทืบเบรคพลิกตัวเร็ว!” พูดน่ะง่ายเจ๊! แต่ทำจริงมันไม่ทันแล้ว!
ตูม!!! กลายเป็นอาหารทะเลปรุงสุก...
SIMULATION END - DEAD
ประตูเครื่องฝึกจำลองเปิดออก ผมถูกยัยไรน้ำแรงควายกระชากแขนเหวี่ยงกระเด็นไปกอง พอทำท่าจะตั้งหลักพวกเข้ามาเหยียบไว้อีก!
“ไอ้โง่เอ๊ย! แบบนี้เมื่อไหร่จะใช้การได้วะ! ศัตรูกระจอกพรรค์นี้ผู้กองยิงทิ้งได้ก่อนมันจะทันตั้งตัวอีกนะเว้ย!”
“นี่ฉันพึ่งจะได้หัดขับวันแรกเองนะ!”
“กระจอกมาก! ผู้กองฆ่าครูฝึกตายตั้งแต่วันแรกเชียวนะเฟ้ย!” ตาเธอพองจนจะใหญ่กว่าแตงโมตรงลำตัวแล้ว
“ฉันไม่ใช่อลันนะเฮ้ย!”
ผมเถียงสู้สุดใจ เธอกระชากจุดที่ดูเหมือนคอผมขึ้นมา แล้วอัดปืนจ่อเบ้าตาผม!
“งั้นแกก็หมดประโยชน์แล้ว” เสียงกดต่ำ ปลดห้ามไก!
หมอซีดอนพุ่งตรงเข้ามาคว้าข้อมือเธอ พร้อมโอบร่างดึงออกไปจากผม
“ใจเย็นก่อนฟินเร!”
ทหารหญิงหัวเสียเล็กน้อย ก่อนจะผ่อนอารมณ์รับบุหรี่จากหมอขึ้นจุดแบบปากต่อปากกัน แล้วหันมาจ้องผม
“ฟู่ ฮ่า ..เออ เย็นก่อนก็ได้”
ผมลุกขึ้นปัดฝุ่นเล็กน้อย เธอสะบัดตัวไปนั่งหลังหมอแล้วพูดขึ้น
“บ้าที่สุดเลย! ทุกทีฉันเป็นฝ่ายโดนด่าแท้ๆ” เธอชำเลืองมองผมแล้วส่ายหัว “คนอย่างแกเป็นบรรพบุรุษผู้กองได้ยังไงวะ”
เออ ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าอลันมันไปเอาพันธุกรรมใครมาถึงเก่งเจ๋งเทพขนาดนี้ ยัยไรน้ำป่าเถื่อนเอ๊ย!
ฟินเรดูดบุหรี่รวดเดียวหมดมวนแล้วแหกปากต่อ
“เอ้าเลิกสำออยแล้วเข้าเครื่องไปลุยต่อได้แล้ว!” คอมันไม่แสบบ้างรึไงวะ
“เฮ้ย นี่ฉันลุยมา 2 ชั่วโมงเต็มๆ แล้วนะ! พักกินข้าวมั่งเด้!”
“ปากมากงั้นรอบนี้ไปที่ความลึก 7500 เมตรเลย”
เปลือกตาผมกระตุกทันที “3000 เมตร ยังแทบตาย แล้วนี่จะลงไปลึกขนาดนั้น ฉันปรับความดันไม่ไหวหรอก!”
“อย่าเถียง!” ชักปืนขู่อีกแล้ว!
หมอซีดอนเดินมาคั่นกลางพร้อมส่ายหัวตาหดกวักมือสั่งหยุด
“พอเลยฟินเร เธอรีบเกินไปแล้ว ลืมพื้นฐานแล้วรึไง” เล่นเอาแม่ไรน้ำสะดุดกึก หน้าแดงตาพองของขึ้น “คุณอลันสอนเธอประจำไม่ใช่เหรอ ว่าการฝืนทำอะไรเกินตัวจะทำให้เกิดความผิดพลาดน่ะ สำหรับการฝึกฝนวิชาทหาร การพักผ่อนก็เป็นการฝึกที่สำคัญอย่างหนึ่งนะ!”
ซีดอนโยนผ้าให้ผมซับเหงื่อ แล้วเดินไปกดน้ำอะไรซักอย่างมาให้ มันคือ...
“เปรี้ยวเป็นบ้า!” ตาสว่างเลยทีเดียว
“ฮะฮะ วันแรกทำได้ขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว”
“ผมยังโดนยิงตายอยู่เลย”
หมอไม่ใส่ใจในคำพูดกระดกน้ำตาปรือ ส่วนฟินเรน่ะเหรอ
“เฮอะ ไม่ได้เรื่อง”
หมอหันไปยิ้มจ้องหน้าเธอ “ก็พอกันละว้า” ทำเอาคุณเธอฉุนจัดลุกเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปจากห้องเลย สมน้ำหน้า ฮ่าฮ่าฮ่า “ผู้หญิงก็งี้แหละเนอะอลัน”
“เรียกสมศักดิ์เหอะขอร้องล่ะ” รู้สึกละอายถ้าใช้ชื่อนี้อะ
“ไม่ได้หรอก คุณต้องชินกับชื่อนี้ไว้ ทั้งฐานมีแค่คนของผมเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ จะให้มีพิรุธไม่ได้เด็ดขาด”
“ว่าแต่ว่า เมื่อไหร่ผมถึงจะได้ออกไปจากศูนย์วิจัยนี่ซะทีล่ะ อยากรู้ว่าโลกภายนอกสภาพเป็นแบบไหนน่ะครับ” ผมถามแย้บๆ ไป จะให้อุดอู้ในนี้ไปตลอดนี่ไม่เอานะ กับข้าวรสจืดสนิท
“นี่คุณยังเดาไม่ได้อีกเหรอครับ ว่าโลกภายนอกเป็นยังไง อย่าทำหน้าโง่ไปหน่อยเลยน่า ใช้สมองสิใช้สมอง”
เล่นเอาหน้าร้อนเลยทีเดียว โดนหลอกด่าแบบนิ่มๆ อีกแล้ว... ผมส่ายสายตาไปมาใช้หัวทบทวน ...น้ำท่วมโลก NS ก็รบกันใต้ทะเล ใช้คำว่าโคโลนี่ อ๊ะ!
“นี่เราอยู่ใต้น้ำเหรอครับ!”
หมอยกนิ้วขึ้นทำท่าว่า ถูกต้องนะคร้าบ! แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ถามต่อ ยัยไรน้ำแรงช้างก็แหวกทางเป็นก้างเข้ามา
“เอ้าเฮ้ยครบ 15 นาทีแล้ว ซ้อมต่อได้!”
หา! จะรีบไปไหนวะ 15 นาทีนี่เหงื่อเพิ่งจะหมาด ตดก็ยังไม่ทันหายเหม็นเลย! ดูท่ายัยบ้านนั่นจะสังเกตุเห็นสีหน้าตาหดของผม
“ในสนามรบ พักแค่หายหอบก็มากพอแล้ว!”
“ไม่ไหวเว้ย!” หมอลุกเดินออกไปนอกห้อง หมดตัวช่วยเลยทีนี้
“ไหว! เพราะถ้าแกไม่ไหว ลูกน้องตายหมด!”
เธอผลักผมไปหน้าเครื่องฝึก ตามด้วยถีบจนล้มหน้าทิ่ม!
“ยัยบ้านี่!” ไม่ทันได้ตั้งตัวเครื่องฝึกก็ปิดลง
SIMULATION START
1 ชั่วโมงผ่านไป...
“ให้มันไวกว่านี้สิวะ แกตอบสนองช้าไป!”
“ก็ฉันเร็วสุดได้แค่นี้นี่หว่า!” ผมโยกหลบกระสุนนัดแรก ตามด้วยงัดดาบขึ้นปะทะกับอีกตัวหนึ่งในระยะประชิด
“แกเร็วได้มากกว่านี้! อย่าลืมสิว่าร่างนั้นเป็นของอลัน...” แต่ฉันคือสมศักดิ์เว้ย! ผมโดนเหวี่ยงลงไปอย่างรวดเร็ว
แย่ล่ะเราดำดิ่งเร็วไป “เสร็จกัน” เครื่องยนต์เสียหาย! เป้าหมายทั้ง 3 ตัวเล็งผมเป็นเป้านิ่ง แล้วยิงพร้อมกันจนเครื่องระเบิดเป็นขยะลอยน้ำอีกครั้ง...
“นีโออาร์มสตรองบ้าอะไรกัน ไม่เห็นมันจะสตรองสมชื่อเลย!” แค่แรงดันน้ำก็อัดเครื่องยนตร์พังได้ กระจอกเป็นบ้า!
“ที่กระจอกน่ะแกต่างหาก!”
“เงียบน่า ฉันไม่ใช่อลันอะไรนั่นนะเฮ้ย จะได้เก่งเจ๋งเทพไปหมด” เส้นเลือดผมเริ่มปูดบ้างแล้ว
“แต่แกกำลังใช้ร่างกายนั้นอยู่ ร่างที่ถูกฝึกฝน..”
“คนที่อยู่ข้างในมันไม่ใช่นะเฟ้ย!” ฟินเรปิดปากเงียบตากดเข้าหากัน
ตั้งแต่เริ่มฝึกแล้ว ยัยนี่เอาผมไปเปรียบเทียบกับอลันตลอด ถึงจะรู้ว่าตัวเราผิดเองก็เถอะ แต่ฉันไม่อยากโดนไรน้ำด่าเว้ย!
“ตกลงว่าแกไม่ไหวใช่มั้ย” เสียงเธออ่อนลง
“เออ ไม่ไหว! จะเอาอะไรกับคนอย่างชั้นนักหนา!”
เธอพยักหน้า แล้วหยิบเอาสมุดเล่มเท่าฝ่ามือออกมาจากใต้เสื้อ เฮอะ! จะมาจดรายงานว่าฉันห่วยล่ะสิท่า ไม่แคร์หรอกกระจอกมาก... เธอยังจ้องหน้าผมอยู่ ดวงตานั่นนิ่งจนดูเหมือนเลื่อยลอย ทว่า...
“ไอ้! หน้า! โง่!!!” ป้าบ! สมุดนั่นอัดเข้าเบ้าตาผมอย่างจังจนหงายหลัง
“ทำบ้าอะ...” บึ้ก! โอ้ย! เข่าเข้าเต็มท้องเลย! จุกสิครับ โอย.. ฟินเรง้างหมัดจะอัดผมซ้ำ “ดะ เดี๋ยว!” โอ้ดูเหมือนจะได้ผล แม่คนใจร้อนยอมผ่อนมือ แต่แทนที่จะด่าทอผมต่อเธอกลับสะบัดตูดไม่พูดอะไร เดินออกไปทันที พอผมจะตามไปบ้างประตูก็ดันล็อคซะนี่
“เป็นอะไรไปวะ ปัดโธ่!”
ผมออกไปไม่ได้ แล้วจะให้ฝึกต่อก็ไม่อยากจะทำแล้วด้วย ก็เลยล้มลงนอนแผ่มันซะตรงนั้น... ว่าแต่สมุดนี่มันอะไรเนี่ย
Alan Dupont Secret File #7 เป็นสิ่งเดียวที่อยู่บนปก... สมุดบันทึกของอลันงั้นเหรอ ผมหยิบขึ้นดู ...อืม แล้วสมุดบันทึกของลูกหลานเราไปอยู่กับยัยไรน้ำนั่นได้ยังไงหว่า
ก่อนจะได้คิดอะไรผมก็เปิดอ่านไปแล้ว...
23 มกราคม 433 ผลจากการพลั้งมือฆ่าครูฝึก จึงถูกเนรเทศมาอยู่ที่แนวชายแดนนี้ (เป็นไปตามแผนที่วางไว้)...
...พบกับซีดอนอีกครั้ง เราทักทายกันสั้นๆ และเริ่มงานสำรวจเลย ถึงจะมีพวกไรแดงบุกเข้ามาเป็นระยะก็ไม่มีปัญหา...
...19 มีนาคม 434 กองกำลังหลักของไรแดงบุกเข้ามา ทหารฝ่ายเราตายไปมาก NS เหลือเพียง 17 เครื่อง การรบอย่างต่อเนื่องทำให้ทหารทั้งหมดอ่อนล้า กำลังเสริมก็ยังมาไม่ถึง ผมบาดเจ็บที่ไหล่ขวาข้างถนัดและไม่ได้นอนมากว่า 50 ชั่วโมงแล้ว แต่สถานการณ์นี้ศัตรูก็คงเจ็บหนักพอตัว จะปล่อยให้พวกมันรวมตัวไม่ได้ ผมจึงตัดสินใจบุกเดี่ยว...
...สิบเอกฟินเรฝ่าฝืนคำสั่งตามผมมาด้วย ถึงจะทำให้หัวเสียแต่ก็ช่วยผมได้ทัน ต้องขอบคุณเธอจริงๆ ศัตรูแตกพ่ายฐานถูกทำลาย และเราก็ได้สิ่งที่ตามหามาอย่างคาดไม่ถึง... (มันคืออนุมัสนั่นเอง ที่เหลือรายละเอียดยิบย่อย ผมตัดสินใจอ่านข้าม)
ยิ่งอ่านก็ยิ่งทึ่งในความทรหดอดทนของอลัน ผมเปิดอ่านไปหน้าสุดท้าย
ซีดอนพบวิธีใช้ของเหลือเชื่อจากยุคอดีตได้สำเร็จ แต่การทดลองมีความเสี่ยงสูง ผู้อาสาที่เข้าข่ายเสียชีวิตไปเพราะร่างกายรับไม่ได้ ผู้ที่รอดชีวิตเพียงคนเดียวสิบเอกฟินเรก็ไม่ใช่ผู้เข้าข่าย จากการเสี่ยงชีวิตที่สูงมากจนเกินไป แม้ซีดอนกับฟินเรจะคัดค้านแต่ถึงยังไงก็ไม่ควรทดลองกับพลเลือนอีก ผมจึงตัดสินใจเข้ารับการทดลองเอง เพราะตัวผมเป็นผู้เข้าข่ายอย่างแน่นอน เท่านี้ก็เสี่ยงรอผลลัพธ์
ซึ่งผลลัพธ์นั้นก็คือความผิดพลาด และผมก็มาอยู่ตรงนี้...
คำว่าแข็งแกร่งมันเป็นอย่างนี้... คำว่าทุ่มสุดตัวมันเป็นอย่างนี้... คำว่าเสียสละมันเป็นอย่างนี้...
เมื่อเทียบกับผมที่เจอแค่นี้ก็ท้อ ทั้งๆ ที่ใช้ร่างกายอันแข็งแกร่งเท่ากันแล้ว... มันช่างโง่เง่าจริงๆ
หน้าอกร้อนวูบวาบ ยกมือขึ้นทาบหน้า
“เป็นไงบ้างครับคุณอลัน” เสียงอันนุ่มนวลจากหมอซีดอนดังไล่มาข้างหลัง ผมลุกขึ้น
“ทหารหญิงนั่นก็เป็นหนึ่งในผู้ทดลองเหรอครับ?”
“ใช่แล้ว เธอกับคุณอลันเป็นผู้ทดลองเพียง 2 คนที่สำเร็จ”
ที่เหลือ.. ก็คงตามบันทึก
“26 คน ...ตาย” หมอมองหน้าผมแล้วทำท่าที่ดูเหมือนจะเป็นการยักไหล่... ไม่ตลกเลยนะ อลันมันก็คงคิดแบบนี้ “ในจำนวนนั้นมีผู้เข้าข่าย 14 คน ซึ่งคุณอลันเป็นผู้เข้าข่ายเพียงคนเดียวที่รอด”
ผมถามไปเล่นๆ หน้านิ่งๆ ว่า “มีคนที่สืบทอดสายเลือดผมถึง 14 คนเชียว” คำพูดนั้นทำเอาหมอขำก๊าก
“เปล่าเลยที่สืบสายเลือดคุณมีคุณอลันคนเดียวมั้ง? แต่ทั้งหมดนั้นสืบสายเลือดมาจากนักวิทยาศาสตร์ที่ทำให้โลกเป็นแบบนี้ อุ๊ฟ!” หมอสะดุ้งอุดปากแน่น หลุดอีกแล้ว “เมื่อกี้ถือซะว่าไม่ได้ยินนะครับ”
“ครับ”
“หึ ดูคุณมั่นคงขึ้นนะ” หมอมองหน้าผมตามด้วยสมุดบันทึกแล้วยิ้ม “ผู้หญิงก็อย่างนี้แหละ ภายนอกเป็นแบบนั้น แต่ข้างในน่ะ หึหึหึ ทะเลยังมีก้น แต่ใจคนค้นเท่าไหร่ก็ไม่เจอหรอก”
“ผมว่าจะฝึกต่ออีกหน่อยครับ”
หมอมองหน้าผมแล้ว อืม อืม ในลำคอ ผมเดินเข้าไปในเครื่อง
“ฝึกแค่นี้ก็พอแล้ว วันนี้ไปพักได้เลย” คำพูดนั่นทำผมสะดุ้ง
อ้าว ไม่ฝึกต่อแล้วเรอะ! ผมตาปูดหันไปมอง นี่ยังขับได้ไม่ถึงไหนเลยนะ
“ไม่ต้องกังวลครับ อันที่จริงคุณเก่งกว่าทหารทั่วไปเรียบร้อยแล้ว” ผมผงะงง นี่ขับได้แค่นี้เก่งกว่าตรงไหน “การฝึกจำลองนั่น... เป็นระดับความยากสูงสุดน่ะครับ ไม่ต้องทำหน้างงครับ เหตุผลที่คุณทำได้เพราะร่างกายยังจดจำความสามารถได้ครับ หลักฐานก็คือคุณคุยกับผมรู้เรื่องทั้งๆ ที่ภาษาของคุณกับที่ใช้กันอยู่ปัจจุบันต่างกัน นั่นเพราะร่างกายของคุณอลันยังจำได้”
หมอยังคงยิ้มให้กับความมึนงงของผม
“คุณเองก็รู้สึกตัวไม่ใช่เหรอ คุณสัมผัสได้ถึงสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่แค่เคลื่อนไหวตามไม่ทัน” ตามด้วยอีกประโยค “...คุณเองก็ได้สิ่งที่จำเป็นที่สุดเรียบร้อยแล้วด้วย นั่นคือจิตใจที่จะตามร่างกายนั่นไงล่ะ”
“ขอโทษที่ขัด แต่ผมไม่รู้เรื่องเลยซักกะติ๊ด”
เขาเท้าเอวส่ายช่วงหัว
“อารมณ์ประมาณ คนโง่แต่มีเงินมีความพยายามน่ะครับ”
อ๋อ... ถึงจะไม่ฉลาดแต่ก็ยังพอเอาตัวรอดปรับตัวได้นี่เอง แต่เดี๋ยวนะ
“หลอกด่าผมรึเปล่า?”
“โอ้! ฉลาดขึ้นมาหน่อยแล้วนี่!” อ้าว ไอ้ไรน้ำนี่!
SYSTEM - ENGAGING COMBAT MODE
ฮึ่ม! ทำไมมันควบคุมยากแบบนี้วะ!
“...ฟังอยู่รึเปล่าวะเฮ้ยไอ้คุณสมศักดิ์!” เสียงครูฝึกหญิงยิงตรงผ่านช่องสัญญานแทบหูแตก
“หนวกหู! คนกำลังใช้สมาธิ!”
ผมชักคันบังคับดึง NS เชิดหัวขึ้นหลบกระสุนแรงดันน้ำจากศัตรู แต่คลื่นจากมันทำให้ตัวเครื่องสั่นจนแทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ตัวหุ่นหมุนควงบังคับไม่ได้ ฟองน้ำมหาศาลบดบังทัศนะวิสัย และสุดท้าย ปี้บๆๆๆๆๆๆๆๆๆ โดนล็อคแล้ว!!!
“ปัดโธ่โว้ย! กดหัวลงสิวะ มันมาแล้ว!!!” ผมกัดฟันดันคันบังคับลง
หัวหุ่นกดลงอย่างฉับพลัน มันเร็วมากๆ จนหลบตอปิโดไปแบบเฉียดฉิว แต่ตัวเตรื่องผมยังลิ่วลงไปใต้น้ำลึก เสียงครูฝึกดังเตือนสติ
“ดำลงเร็วเกินไป! ใน 1 วิ ได้สุดแค่ 10 เมตรโว้ย!”
ฉิบล่ะสิ เบรค! ได้ทันท่วงที แต่ไอ้ศัตรูข้างหลังกลับลำตามอย่างไว ผมอาศัยจังหวะนี้เล็งปืนที่แขนซ้ายผ่านกล้องเสริมเหมือนกระจกหลังรถ ยัดแรงดันน้ำสูงให้มันกินบ้าง
เสียงคลื่นแหวกเป็นทางไปหามัน ทว่ามันดันหลบได้! พร้อมพุ่งเข้ามาประชิดง้างแขนติดสว่านเข้ามา!
“กระทืบเบรคพลิกตัวเร็ว!” พูดน่ะง่ายเจ๊! แต่ทำจริงมันไม่ทันแล้ว!
ตูม!!! กลายเป็นอาหารทะเลปรุงสุก...
SIMULATION END - DEAD
ประตูเครื่องฝึกจำลองเปิดออก ผมถูกยัยไรน้ำแรงควายกระชากแขนเหวี่ยงกระเด็นไปกอง พอทำท่าจะตั้งหลักพวกเข้ามาเหยียบไว้อีก!
“ไอ้โง่เอ๊ย! แบบนี้เมื่อไหร่จะใช้การได้วะ! ศัตรูกระจอกพรรค์นี้ผู้กองยิงทิ้งได้ก่อนมันจะทันตั้งตัวอีกนะเว้ย!”
“นี่ฉันพึ่งจะได้หัดขับวันแรกเองนะ!”
“กระจอกมาก! ผู้กองฆ่าครูฝึกตายตั้งแต่วันแรกเชียวนะเฟ้ย!” ตาเธอพองจนจะใหญ่กว่าแตงโมตรงลำตัวแล้ว
“ฉันไม่ใช่อลันนะเฮ้ย!”
ผมเถียงสู้สุดใจ เธอกระชากจุดที่ดูเหมือนคอผมขึ้นมา แล้วอัดปืนจ่อเบ้าตาผม!
“งั้นแกก็หมดประโยชน์แล้ว” เสียงกดต่ำ ปลดห้ามไก!
หมอซีดอนพุ่งตรงเข้ามาคว้าข้อมือเธอ พร้อมโอบร่างดึงออกไปจากผม
“ใจเย็นก่อนฟินเร!”
ทหารหญิงหัวเสียเล็กน้อย ก่อนจะผ่อนอารมณ์รับบุหรี่จากหมอขึ้นจุดแบบปากต่อปากกัน แล้วหันมาจ้องผม
“ฟู่ ฮ่า ..เออ เย็นก่อนก็ได้”
ผมลุกขึ้นปัดฝุ่นเล็กน้อย เธอสะบัดตัวไปนั่งหลังหมอแล้วพูดขึ้น
“บ้าที่สุดเลย! ทุกทีฉันเป็นฝ่ายโดนด่าแท้ๆ” เธอชำเลืองมองผมแล้วส่ายหัว “คนอย่างแกเป็นบรรพบุรุษผู้กองได้ยังไงวะ”
เออ ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าอลันมันไปเอาพันธุกรรมใครมาถึงเก่งเจ๋งเทพขนาดนี้ ยัยไรน้ำป่าเถื่อนเอ๊ย!
ฟินเรดูดบุหรี่รวดเดียวหมดมวนแล้วแหกปากต่อ
“เอ้าเลิกสำออยแล้วเข้าเครื่องไปลุยต่อได้แล้ว!” คอมันไม่แสบบ้างรึไงวะ
“เฮ้ย นี่ฉันลุยมา 2 ชั่วโมงเต็มๆ แล้วนะ! พักกินข้าวมั่งเด้!”
“ปากมากงั้นรอบนี้ไปที่ความลึก 7500 เมตรเลย”
เปลือกตาผมกระตุกทันที “3000 เมตร ยังแทบตาย แล้วนี่จะลงไปลึกขนาดนั้น ฉันปรับความดันไม่ไหวหรอก!”
“อย่าเถียง!” ชักปืนขู่อีกแล้ว!
หมอซีดอนเดินมาคั่นกลางพร้อมส่ายหัวตาหดกวักมือสั่งหยุด
“พอเลยฟินเร เธอรีบเกินไปแล้ว ลืมพื้นฐานแล้วรึไง” เล่นเอาแม่ไรน้ำสะดุดกึก หน้าแดงตาพองของขึ้น “คุณอลันสอนเธอประจำไม่ใช่เหรอ ว่าการฝืนทำอะไรเกินตัวจะทำให้เกิดความผิดพลาดน่ะ สำหรับการฝึกฝนวิชาทหาร การพักผ่อนก็เป็นการฝึกที่สำคัญอย่างหนึ่งนะ!”
ซีดอนโยนผ้าให้ผมซับเหงื่อ แล้วเดินไปกดน้ำอะไรซักอย่างมาให้ มันคือ...
“เปรี้ยวเป็นบ้า!” ตาสว่างเลยทีเดียว
“ฮะฮะ วันแรกทำได้ขนาดนี้ก็ดีมากแล้ว”
“ผมยังโดนยิงตายอยู่เลย”
หมอไม่ใส่ใจในคำพูดกระดกน้ำตาปรือ ส่วนฟินเรน่ะเหรอ
“เฮอะ ไม่ได้เรื่อง”
หมอหันไปยิ้มจ้องหน้าเธอ “ก็พอกันละว้า” ทำเอาคุณเธอฉุนจัดลุกเดินกระฟัดกระเฟียดออกไปจากห้องเลย สมน้ำหน้า ฮ่าฮ่าฮ่า “ผู้หญิงก็งี้แหละเนอะอลัน”
“เรียกสมศักดิ์เหอะขอร้องล่ะ” รู้สึกละอายถ้าใช้ชื่อนี้อะ
“ไม่ได้หรอก คุณต้องชินกับชื่อนี้ไว้ ทั้งฐานมีแค่คนของผมเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ จะให้มีพิรุธไม่ได้เด็ดขาด”
“ว่าแต่ว่า เมื่อไหร่ผมถึงจะได้ออกไปจากศูนย์วิจัยนี่ซะทีล่ะ อยากรู้ว่าโลกภายนอกสภาพเป็นแบบไหนน่ะครับ” ผมถามแย้บๆ ไป จะให้อุดอู้ในนี้ไปตลอดนี่ไม่เอานะ กับข้าวรสจืดสนิท
“นี่คุณยังเดาไม่ได้อีกเหรอครับ ว่าโลกภายนอกเป็นยังไง อย่าทำหน้าโง่ไปหน่อยเลยน่า ใช้สมองสิใช้สมอง”
เล่นเอาหน้าร้อนเลยทีเดียว โดนหลอกด่าแบบนิ่มๆ อีกแล้ว... ผมส่ายสายตาไปมาใช้หัวทบทวน ...น้ำท่วมโลก NS ก็รบกันใต้ทะเล ใช้คำว่าโคโลนี่ อ๊ะ!
“นี่เราอยู่ใต้น้ำเหรอครับ!”
หมอยกนิ้วขึ้นทำท่าว่า ถูกต้องนะคร้าบ! แต่ไม่ทันที่ผมจะได้ถามต่อ ยัยไรน้ำแรงช้างก็แหวกทางเป็นก้างเข้ามา
“เอ้าเฮ้ยครบ 15 นาทีแล้ว ซ้อมต่อได้!”
หา! จะรีบไปไหนวะ 15 นาทีนี่เหงื่อเพิ่งจะหมาด ตดก็ยังไม่ทันหายเหม็นเลย! ดูท่ายัยบ้านนั่นจะสังเกตุเห็นสีหน้าตาหดของผม
“ในสนามรบ พักแค่หายหอบก็มากพอแล้ว!”
“ไม่ไหวเว้ย!” หมอลุกเดินออกไปนอกห้อง หมดตัวช่วยเลยทีนี้
“ไหว! เพราะถ้าแกไม่ไหว ลูกน้องตายหมด!”
เธอผลักผมไปหน้าเครื่องฝึก ตามด้วยถีบจนล้มหน้าทิ่ม!
“ยัยบ้านี่!” ไม่ทันได้ตั้งตัวเครื่องฝึกก็ปิดลง
SIMULATION START
1 ชั่วโมงผ่านไป...
“ให้มันไวกว่านี้สิวะ แกตอบสนองช้าไป!”
“ก็ฉันเร็วสุดได้แค่นี้นี่หว่า!” ผมโยกหลบกระสุนนัดแรก ตามด้วยงัดดาบขึ้นปะทะกับอีกตัวหนึ่งในระยะประชิด
“แกเร็วได้มากกว่านี้! อย่าลืมสิว่าร่างนั้นเป็นของอลัน...” แต่ฉันคือสมศักดิ์เว้ย! ผมโดนเหวี่ยงลงไปอย่างรวดเร็ว
แย่ล่ะเราดำดิ่งเร็วไป “เสร็จกัน” เครื่องยนต์เสียหาย! เป้าหมายทั้ง 3 ตัวเล็งผมเป็นเป้านิ่ง แล้วยิงพร้อมกันจนเครื่องระเบิดเป็นขยะลอยน้ำอีกครั้ง...
“นีโออาร์มสตรองบ้าอะไรกัน ไม่เห็นมันจะสตรองสมชื่อเลย!” แค่แรงดันน้ำก็อัดเครื่องยนตร์พังได้ กระจอกเป็นบ้า!
“ที่กระจอกน่ะแกต่างหาก!”
“เงียบน่า ฉันไม่ใช่อลันอะไรนั่นนะเฮ้ย จะได้เก่งเจ๋งเทพไปหมด” เส้นเลือดผมเริ่มปูดบ้างแล้ว
“แต่แกกำลังใช้ร่างกายนั้นอยู่ ร่างที่ถูกฝึกฝน..”
“คนที่อยู่ข้างในมันไม่ใช่นะเฟ้ย!” ฟินเรปิดปากเงียบตากดเข้าหากัน
ตั้งแต่เริ่มฝึกแล้ว ยัยนี่เอาผมไปเปรียบเทียบกับอลันตลอด ถึงจะรู้ว่าตัวเราผิดเองก็เถอะ แต่ฉันไม่อยากโดนไรน้ำด่าเว้ย!
“ตกลงว่าแกไม่ไหวใช่มั้ย” เสียงเธออ่อนลง
“เออ ไม่ไหว! จะเอาอะไรกับคนอย่างชั้นนักหนา!”
เธอพยักหน้า แล้วหยิบเอาสมุดเล่มเท่าฝ่ามือออกมาจากใต้เสื้อ เฮอะ! จะมาจดรายงานว่าฉันห่วยล่ะสิท่า ไม่แคร์หรอกกระจอกมาก... เธอยังจ้องหน้าผมอยู่ ดวงตานั่นนิ่งจนดูเหมือนเลื่อยลอย ทว่า...
“ไอ้! หน้า! โง่!!!” ป้าบ! สมุดนั่นอัดเข้าเบ้าตาผมอย่างจังจนหงายหลัง
“ทำบ้าอะ...” บึ้ก! โอ้ย! เข่าเข้าเต็มท้องเลย! จุกสิครับ โอย.. ฟินเรง้างหมัดจะอัดผมซ้ำ “ดะ เดี๋ยว!” โอ้ดูเหมือนจะได้ผล แม่คนใจร้อนยอมผ่อนมือ แต่แทนที่จะด่าทอผมต่อเธอกลับสะบัดตูดไม่พูดอะไร เดินออกไปทันที พอผมจะตามไปบ้างประตูก็ดันล็อคซะนี่
“เป็นอะไรไปวะ ปัดโธ่!”
ผมออกไปไม่ได้ แล้วจะให้ฝึกต่อก็ไม่อยากจะทำแล้วด้วย ก็เลยล้มลงนอนแผ่มันซะตรงนั้น... ว่าแต่สมุดนี่มันอะไรเนี่ย
Alan Dupont Secret File #7 เป็นสิ่งเดียวที่อยู่บนปก... สมุดบันทึกของอลันงั้นเหรอ ผมหยิบขึ้นดู ...อืม แล้วสมุดบันทึกของลูกหลานเราไปอยู่กับยัยไรน้ำนั่นได้ยังไงหว่า
ก่อนจะได้คิดอะไรผมก็เปิดอ่านไปแล้ว...
23 มกราคม 433 ผลจากการพลั้งมือฆ่าครูฝึก จึงถูกเนรเทศมาอยู่ที่แนวชายแดนนี้ (เป็นไปตามแผนที่วางไว้)...
...พบกับซีดอนอีกครั้ง เราทักทายกันสั้นๆ และเริ่มงานสำรวจเลย ถึงจะมีพวกไรแดงบุกเข้ามาเป็นระยะก็ไม่มีปัญหา...
...19 มีนาคม 434 กองกำลังหลักของไรแดงบุกเข้ามา ทหารฝ่ายเราตายไปมาก NS เหลือเพียง 17 เครื่อง การรบอย่างต่อเนื่องทำให้ทหารทั้งหมดอ่อนล้า กำลังเสริมก็ยังมาไม่ถึง ผมบาดเจ็บที่ไหล่ขวาข้างถนัดและไม่ได้นอนมากว่า 50 ชั่วโมงแล้ว แต่สถานการณ์นี้ศัตรูก็คงเจ็บหนักพอตัว จะปล่อยให้พวกมันรวมตัวไม่ได้ ผมจึงตัดสินใจบุกเดี่ยว...
...สิบเอกฟินเรฝ่าฝืนคำสั่งตามผมมาด้วย ถึงจะทำให้หัวเสียแต่ก็ช่วยผมได้ทัน ต้องขอบคุณเธอจริงๆ ศัตรูแตกพ่ายฐานถูกทำลาย และเราก็ได้สิ่งที่ตามหามาอย่างคาดไม่ถึง... (มันคืออนุมัสนั่นเอง ที่เหลือรายละเอียดยิบย่อย ผมตัดสินใจอ่านข้าม)
ยิ่งอ่านก็ยิ่งทึ่งในความทรหดอดทนของอลัน ผมเปิดอ่านไปหน้าสุดท้าย
ซีดอนพบวิธีใช้ของเหลือเชื่อจากยุคอดีตได้สำเร็จ แต่การทดลองมีความเสี่ยงสูง ผู้อาสาที่เข้าข่ายเสียชีวิตไปเพราะร่างกายรับไม่ได้ ผู้ที่รอดชีวิตเพียงคนเดียวสิบเอกฟินเรก็ไม่ใช่ผู้เข้าข่าย จากการเสี่ยงชีวิตที่สูงมากจนเกินไป แม้ซีดอนกับฟินเรจะคัดค้านแต่ถึงยังไงก็ไม่ควรทดลองกับพลเลือนอีก ผมจึงตัดสินใจเข้ารับการทดลองเอง เพราะตัวผมเป็นผู้เข้าข่ายอย่างแน่นอน เท่านี้ก็เสี่ยงรอผลลัพธ์
ซึ่งผลลัพธ์นั้นก็คือความผิดพลาด และผมก็มาอยู่ตรงนี้...
คำว่าแข็งแกร่งมันเป็นอย่างนี้... คำว่าทุ่มสุดตัวมันเป็นอย่างนี้... คำว่าเสียสละมันเป็นอย่างนี้...
เมื่อเทียบกับผมที่เจอแค่นี้ก็ท้อ ทั้งๆ ที่ใช้ร่างกายอันแข็งแกร่งเท่ากันแล้ว... มันช่างโง่เง่าจริงๆ
หน้าอกร้อนวูบวาบ ยกมือขึ้นทาบหน้า
“เป็นไงบ้างครับคุณอลัน” เสียงอันนุ่มนวลจากหมอซีดอนดังไล่มาข้างหลัง ผมลุกขึ้น
“ทหารหญิงนั่นก็เป็นหนึ่งในผู้ทดลองเหรอครับ?”
“ใช่แล้ว เธอกับคุณอลันเป็นผู้ทดลองเพียง 2 คนที่สำเร็จ”
ที่เหลือ.. ก็คงตามบันทึก
“26 คน ...ตาย” หมอมองหน้าผมแล้วทำท่าที่ดูเหมือนจะเป็นการยักไหล่... ไม่ตลกเลยนะ อลันมันก็คงคิดแบบนี้ “ในจำนวนนั้นมีผู้เข้าข่าย 14 คน ซึ่งคุณอลันเป็นผู้เข้าข่ายเพียงคนเดียวที่รอด”
ผมถามไปเล่นๆ หน้านิ่งๆ ว่า “มีคนที่สืบทอดสายเลือดผมถึง 14 คนเชียว” คำพูดนั้นทำเอาหมอขำก๊าก
“เปล่าเลยที่สืบสายเลือดคุณมีคุณอลันคนเดียวมั้ง? แต่ทั้งหมดนั้นสืบสายเลือดมาจากนักวิทยาศาสตร์ที่ทำให้โลกเป็นแบบนี้ อุ๊ฟ!” หมอสะดุ้งอุดปากแน่น หลุดอีกแล้ว “เมื่อกี้ถือซะว่าไม่ได้ยินนะครับ”
“ครับ”
“หึ ดูคุณมั่นคงขึ้นนะ” หมอมองหน้าผมตามด้วยสมุดบันทึกแล้วยิ้ม “ผู้หญิงก็อย่างนี้แหละ ภายนอกเป็นแบบนั้น แต่ข้างในน่ะ หึหึหึ ทะเลยังมีก้น แต่ใจคนค้นเท่าไหร่ก็ไม่เจอหรอก”
“ผมว่าจะฝึกต่ออีกหน่อยครับ”
หมอมองหน้าผมแล้ว อืม อืม ในลำคอ ผมเดินเข้าไปในเครื่อง
“ฝึกแค่นี้ก็พอแล้ว วันนี้ไปพักได้เลย” คำพูดนั่นทำผมสะดุ้ง
อ้าว ไม่ฝึกต่อแล้วเรอะ! ผมตาปูดหันไปมอง นี่ยังขับได้ไม่ถึงไหนเลยนะ
“ไม่ต้องกังวลครับ อันที่จริงคุณเก่งกว่าทหารทั่วไปเรียบร้อยแล้ว” ผมผงะงง นี่ขับได้แค่นี้เก่งกว่าตรงไหน “การฝึกจำลองนั่น... เป็นระดับความยากสูงสุดน่ะครับ ไม่ต้องทำหน้างงครับ เหตุผลที่คุณทำได้เพราะร่างกายยังจดจำความสามารถได้ครับ หลักฐานก็คือคุณคุยกับผมรู้เรื่องทั้งๆ ที่ภาษาของคุณกับที่ใช้กันอยู่ปัจจุบันต่างกัน นั่นเพราะร่างกายของคุณอลันยังจำได้”
หมอยังคงยิ้มให้กับความมึนงงของผม
“คุณเองก็รู้สึกตัวไม่ใช่เหรอ คุณสัมผัสได้ถึงสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว แต่แค่เคลื่อนไหวตามไม่ทัน” ตามด้วยอีกประโยค “...คุณเองก็ได้สิ่งที่จำเป็นที่สุดเรียบร้อยแล้วด้วย นั่นคือจิตใจที่จะตามร่างกายนั่นไงล่ะ”
“ขอโทษที่ขัด แต่ผมไม่รู้เรื่องเลยซักกะติ๊ด”
เขาเท้าเอวส่ายช่วงหัว
“อารมณ์ประมาณ คนโง่แต่มีเงินมีความพยายามน่ะครับ”
อ๋อ... ถึงจะไม่ฉลาดแต่ก็ยังพอเอาตัวรอดปรับตัวได้นี่เอง แต่เดี๋ยวนะ
“หลอกด่าผมรึเปล่า?”
“โอ้! ฉลาดขึ้นมาหน่อยแล้วนี่!” อ้าว ไอ้ไรน้ำนี่!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น